ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน พระผู้เมตตาไม่มีประมาณ.........

พี่ดินระเบิดครับ...ไปกราบท่านครูบาฯ...ได้ของดี...ต้องมาแบ่งกันด้วยครับ

 

ครูบากฤษดา สุเมโธ
ผมได้พบท่านครั้งแรกตอนที่ท่านได้รับนิมนต์มาศูนย์พระเครื่องแห่งหนึ่งบนห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ แว๊บแรกที่เห็นผมคิดในใจว่า พระหรือเณร กันเนี่ยแต่ช่างมันเถอะไหนๆก็มาแล้วเข้าไปหาซักหน่อย วันนั้นคนมาหาท่านเยอะมากแต่ด้วยการมีเส้นสายผมจึงได้มีโอกาสเสนอหน้าเข้าไปนั่งใกล้ๆ พอได้โอกาสจึงยื่นหัวเข้าไปให้ท่านเป่าตามความชอบ(ส่วนตัว) ท่านยื่นมือมารับมือผมไว้ ยิ้มให้และเป่าลงเบาๆที่หัว ผมรู้สึกเย็นวาบ ต้องยอมรับกับตัวเองว่าตั้งแต่เคยขอความเมตตาหลวงพ่อต่างๆเป่ากะหม่อม พึ่งจะมีองค์นี้แหละที่ทำให้มีอาการแบบนี้ ผมนึกในใจ ”เออ..ไม่ธรรมดานี่หว่า” หลังจากรับลูกศิษย์และผู้ศรัทธาได้ซักพักท่านก็ได้เดินทางไปบ้านของลูกศิษย์ที่ได้นิมนต์ท่านไว้ และก็ด้วยความมีเส้นสาย(อีกแล้ว) ผมจึงได้เสนอหน้านั่งรถไปกับเขาด้วย

ในระหว่างการสนทนาในห้องพักของท่าน ผมได้ยื่นพระของท่านที่ได้เช่ามาให้ท่านประสิทธิ์ประสาทให้ พร้อมกับโอดครวญว่าพระองค์นี้ชำรุดอยากได้องค์ใหม่ คำตอบของท่านที่ทำให้ผมอึ้งคือ “ไม่มีแล้ว แต่โยมจำไว้พระทุกองค์ที่อาตมาได้อธิษฐานจิตไว้ ถึงจะแตกหักหรือชำรุดก็จะยังคุ้มครองโยมได้ ขอเพียงโยมมีความมั่นใจ โยมนับถืออาตมา มีอาตมาในใจ อาตมาจะคุ้มครองโยมเสมอ ตลอดไป”

“พระเครื่องก็เช่นเดียวกัน อย่ามองเพียงแต่ว่า หัก ชำรุด แท้ หรือปลอม หากจิตศรัทธาและเชื่อมั่น ความเข้มขลังก็จะเกิดขึ้น ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่องค์พระเพียงอย่างเดียว อยู่ที่ใจของเราด้วย”

เพียงคำพูดของท่านเท่านี้ ทุกวันนี้ผมจึงได้นำพระองค์นั้นติดตัวไว้ตลอดและให้ความเคารพนับถือท่านจนถึงทุกวันนี้ และก็เป็นความเชื่อส่วนตัวครับ เวลามีปัญหาอะไรที่หนักหนา ผมจะนำพระของท่านมาใส่ในมือและสวดมนต์นึกถึงท่าน ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้บรรเทาและมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออยู่ตลอด

อย่างไรก็ตามครูบากฤษดา ท่านไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องของพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง แต่การที่ท่านต้องทำพระเครื่องหรือเครื่องรางต่างๆ ขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาปฏิสังขรวัดสันพระเจ้าแดง ซึ่งขณะนั้นชำรุดทรุดโทรมและต้องใช้ปัจจัยจำนวนมากมาบูรณะ ทุกครั้งที่มีโอกาสท่านมักจะบอกผมเสมอว่า

“วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง หรือวิชาอาคมสามารถที่จะช่วยให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถให้เราพ้นทุกข์ในวัฏสงสารเวียนวนนี้ได้ จริงๆแล้ว ควรเจริญภาวนา ศีล สมาธิและปัญญา ถึงจะพ้นทุกสิ่ง สุขที่แท้ต้องว่างเปล่า อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์ใดๆล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม”

ท่านไม่ได้บอกผมเฉยๆ ยังให้ผมจดไปท่องให้ขึ้นใจ ทุกครั้งที่มีโอกาสเจอท่าน ท่านจะให้ผมท่องข้อความข้างต้นนี้ให้ฟังเสมอ นอกจากนี้ท่านยังได้บอกกับผมว่า

“โยมกุ้งต้องปฏิบัติธรรมนะ ไม่อย่างนั้นไม่มีใครช่วยโยมได้ อย่างน้อยให้สวดมนต์ไหว้พระวันละหนึ่งชั่วโมง ในช่วงนั้นต้องปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่มีตัวกู ไม่มีของกู ไม่มีอะไรทั้งสิ้น กำหนดจิตว่าทุกสิ่งล้วนเป็นอนัตตา ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกชีวิตต้องก้าวไปสู่การแตกดับ ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้”

ยังงัยก็แล้วแต่สำหรับผมแล้วในเรื่องของพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของผมอยู่ดี พูดง่ายๆ คือผมยังมีกิเลสอยู่ครับ ทุกวันนี้มีคนถามผมว่าครูบากฤษดา ท่านเก่งด้านไหน เห็นทำพระประเภทขุนแผน บางคนก็ว่าท่านยังเป็นพระหนุ่มๆ บางคนก็ว่าท่านมีชื่อเพราะเขียนเชียร์กันขึ้นมา ความจริงไม่มีอะไร

ก็ว่ากันไปครับตามแต่จะนึกหรือจินตนาการกัน ผมอยากให้ท่านได้มาสัมผัส มารู้จักท่าน ด้วยตัวของท่านเองจะดีกว่าเชื่อตามที่คนอื่นเขาบอก เขาเล่า เอาเป็นว่าผมจะเล่าประสบการณ์ที่ผมเห็นกับตาสักเรื่องหนึ่ง

คือในการปลุกเสกพระขุนแผนรุ่นแรก(ช่วงนั้นพระเครื่องประเภทนี้กำลังเป็นที่นิยม) ผมก็งง งง ครูบาท่านเสกไป บางทีก็หยุดแล้วก็หันมาคุยกับพวกเรา ผมก็คิดว่านี่มันเป็นการเสกแบบไหน(ว่ะ)เนี่ย เกิดมาพึ่งจะเคยเห็น ถ้าจะไม่ขลังซะแล้ว ท่านทำแบบนี้สลับกันไปมาซักพักแล้วท่านจึงหลับตาลง ถึงตอนนี้พวกเราที่เฝ้าดูต้องกระโดดหลบกันให้วุ่น เพราะ บรรดาตัวตะขาบ แมงป่อง ไม่รู้ว่ามาจากไหนเต็มไปหมด คลานขึ้นไปอยู่บนตัวครูบา ครูบาท่านก็ใช้มือเปล่าๆ นี่แหละครับหยิบบรรดาแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ออกไปวางไว้ในตะกร้า แล้วหันมายิ้มให้พวกเราก่อนจะพรมน้ำมนต์ลงบนพระขุนแผนชุดนั้น
โดย...ศิษย์กวง

 

กราบหลวงปู่พิศดูและครูบากฤษดาบรมครูที่เคารพ ขอแจมด้วยครับ

 

รูปภาพ2รูปนี้ถ้าจำไม่ผิดเป็นฝีมือของคุณศิษย์กวงนี่แหละเป็นผู้ถ่ายไว้ตอนนิมนต์ท่านไปที่จ.ชลบุรี และที่ไม่ธรรมดารูปที่ท่านกำลังนั่งปลุกเสกอยู่นั้น ในพิธีนั้นท่านเป็นประธานนั่งปรกอีกด้วย ซึ่งหากดูด้วยตาเนื้อขณะนั้นท่านน่าจะมีอายุน่าจะยังไม่ถึง30ปีด้วยซ้ำ แต่ก็ได้รับความเคารพเชื่อถือจากผู้ที่ไปร่วมพิธีทุกคน และคุณศิษย์กวงท่านนี้ก็รู้จักท่านตั้งแต่สมัยแรกๆ ผมว่าข้อมูลเก่าๆถ้าจะเสาะหานี่ คนชื่อศิษย์กวงคนนี้มีมากมายเลยครับ

 

และถ้าจำไม่ผิดรูปรุ่นนี้คุณศิษย์กวงก็ได้เป็นคนสร้างถวายบูชาพระคุณครูบาและแจกในงานฉลองศาลาการเปรียญพิธีเดียวกับพระกริ่งโพธิสัตว์ทันใจครับ

 

ภาพนี้...ได้มาจากสายตรง(มีรอยจาร...บริเวณกลางภาพ)

 

ลงอะไรมาพี่วิโรจน์999 มีหมดเลยครับ อิจฉาตาร้อนผ่าวเลยพี่ นับถือครับ

 

มีอยู่เรื่องหนึ่ง ตอนที่ท่านครูบาได้เมตตาไปทำพิธีเททองหล่อพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ แทนองค์หลวงปู่พิศดู หลายท่านได้ประจักษ์ถึงอำนาจญาณวิถีของท่านครูบากฤษดา เริ่มด้วย ตั้งแต่ที่ท่านครูบาได้มาถึงนายช่างได้จัดเรือนไว้ให้ท่านครูบา และคณะติดตามได้พักที่บ้านรับรองของนายช่างเอง เพราะจะต้องรอโลหะที่หล่อหลอมละลายให้ดีก่อนจึงจะเทพระได้ ในขณะที่ได้รอเวลาที่จะเทพระอยู่นั้น ท่านครูบาก็ปฏิสันฐานกับทางคณะ เป็นปรกติ ได้สักระยะหนึ่งแล้ว และอยู่ดีๆ ท่านก็พูดขึ้นมาว่า ได้เวลาเทพระแล้วนะ เปลวไฟเปลี่ยนสีแล้ว ท่านก็จะนำคณะไปยังสถานที่หล่อพระซึ่งถ้าเรามองไปทางโรงหล่อพระนั้น เราจะมองไม่เห็นเตาหลอมแน่นอนเพราะอยู่คนละมุม และบ้านที่รับรองกับโรงหล่ออยู่คนละฝั่งถนนกันอีกด้วย พอท่านครูบาบอกตามนั้น แล้วท่านก็ลุกขึ้นและเตรียมจะเดินไปที่โรงหล่อนั้น ก็เป็นจังหวะพอดีกับที่นายช่างกำลังเดินมาตามท่านครูบาพอดี

พอทำพิธีเททองหล่อพระกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางนายช่างหล่อได้นิมนต์ให้ท่านครูบาเจิมรถกระบะที่ได้ออกมาใหม่ให้ เพราะตั้งแต่ออกมาได้เพียงไม่กี่วัน ยังหาพระเกจิมาเจิมไม่ได้เลย พอดีจังหวะท่านครูบามาเทพระที่นี่ ก็เหมือนกับมีพระมาโปรดถึงที่โดยไม่ต้องไปไหนไกล พอนายช่างเตรียมแผ่นทอง แป้งกระแจะ และน้ำมันจันทร์มาให้ท่านครูบาแล้ว ท่านครูบาก็ลงมือเจิมรถให้อย่างดี พร้อมกับจารอักขระให้ด้วย และเมตตาพรมน้ำพระทธมนต์ให้รถ และนายช่างอย่างเต็มที่ แบบว่าแทบจะอาบน้ำกันเลยทีเดียวเพราะทั้งตัวชุ่มไปด้วยน้ำมนต์ เสร็จแล้วท่านครูบาก็ให้พรกับนายช่างคนนั้นว่า หมดเคราะห์หมดโศก ซะทีนะโยม ต่อไปนี้ขอให้โชคดี แล้วครูบาก็เจิมรถคันอื่นๆต่อไปอีก แต่คราวนี้แปลกพอเจิมรถคันต่อๆไปเสร็จท่านครูบาก็มิได้พรหมน้ำมนต์ให้แบบที่ทำให้นายช่างเลย เสร็จแล้วท่านครูบาก็ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไปที่บ้าน และโรงหล่ออีกครั้งหนึ่ง และบอกกับนายช่างอีกว่า หมดเคราะห์หมดโศก ต่อไปนี้ขอให้โชคดี ตลอดไปนะ....แล้วท่านครูบาก็เดินทางกลับ คงเหลือแต่ผมและคณะอีกไม่กี่คนเพราะต้องรอเก็บของต่างๆให้เรียบร้อย จึงมีโอกาสได้คุยกับนายช่างคนนั้นว่า พี่โชคดีนะครับที่ท่านครูบาเมตตาพรมน้ำมนต์ให้ชุ่มเลย นายช่างก็บอกผมว่า..สงสัยครูบาจะรู้เรื่องในใจของผมว่าผมเพิ่งผ่านเคราะห์หนักมาเมื่อปลายปี รถที่ผมออกใหม่คันนี้ จริงๆแล้วคันเก่าที่เคยขับ ผมขับไปชนคนตายมา ผมก็เลยขายทิ้งไปเลย แล้วออกคันนี้มาใหม่ กว่าจะเครียร์เรื่องราวต่างๆได้ก็เกือบแย่ ช่วงนั้นเป็นอะไรที่ไม่ดีเอามากๆเลย ทุกๆอย่างประดังเข้ามาหลายทาง ออกรถใหม่ได้ไม่กี่วันยังไม่มีใครเจิมให้ เพราะพระเกจิแถวนี้หาที่เก่งๆ(ที่เรามั่นใจ)ก็ไม่ค่อยมี ก็ยังถือว่าโชคดีที่มีครูบาองค์นี้มาโปรดถึงบ้านเลย.. ผมได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับเห็นใจเขา และรู้สึกได้ถึงพระเมตตาที่ท่านครูบาสงเคราะห์มวลมนุษให้ได้รับความสุข
และหลังจากวันนั้นมาผมก็ได้มีโอกาสคุยกับลูกศิษย์ของครูบาถึงเรื่องวันนั้น โดยลูกศิษย์ของท่านครูบาเล่าให้ผมฟังว่า..ครูบาบอกว่า วันที่ครูบาได้เมตตานายช่างคนนั้นเป็นพิเศษ เพราะท่านได้รู้ถึงความในใจของเขา ตั้งแต่แรกแล้วว่า คนนี้เพิ่งจะผ่านเคราะห์หนักบางอย่างมา ท่านก็เลยสงเคราะห์เป็นพิเศษ ก็พอดีตรงกับเรื่องที่นายช่างเล่าให้ฟังเลยครับ

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องต่อจากเรื่องดังกล่าวมาข้างต้น พอผ่านวันเททองไปประมาณ 2 อาทิตย์ ทางนายช่างคนเดิมก็ขับรถคันที่ครูบาเจิมให้ไปหาอาจารย์ของเขาที่สุพรรณ(ถ้าจำไม่ผิด) อาจารย์ท่านนี้เป็นฆราวาส ผู้ปฏิบัติดี และมีญาณตบะแก่กล้า สามารถทายทักเรื่องราวต่างๆได้อย่างแม่นยำ และรักษาโรคแปลกๆ ให้หายได้ นายช่างคนดังกล่าวได้มาหาอาจารย์ที่บ้าน และว่าจะมาขอให้อาจารย์ช่วยแนะนำให้หน่อยว่า จะเอารถไปให้ใครเจิมดี (เพราะอยากจะให้ขลังๆยิ่งขึ้น) ทันทีที่อาจารย์ท่านนั้นได้ฟังคำของนายช่างจบ ท่านก็มองมาที่รถที่จอดเอาไว้หน้าบ้าน ซึ่งห่างกันพอสมควร แล้วก็บอกกับนายช่างว่า อ้าวก็รถคันนี้เจิมมาแล้วนิ่นา จะไปเจิมอีกทำไม รู้ไหมพระองค์ที่เจิมให้น่ะก็สุดยอดแล้วนะ ไม่ต้องไปหาใครเจิมให้แล้ว ท่านทำมาอย่างดีเลยนะ ตั้งแต่วันที่ท่านมาที่โรงหล่อแล้ว( ถึงตรงนี้ นายช่างก็ งง งง ว่าอาจารย์รู้ได้อย่างไร ทั้งๆที่ไม่ได้บอกใครเลย อีกอย่าง ตัวอาจารย์เอง ก็มีแต่ครอบครัวของนายช่างเท่านั้นที่รู้จัก ) ถามว่าอาจารย์รู้ได้ไง อาจารย์ก็บอกว่า รู้ก็แล้วกันน่ะ พระองค์ที่มานี่ยังไม่แก่ใช่ไหม แต่รู้ไหมว่าบารมีสูงมากเลยนะ มาเทพระให้ แต่เหมือนกับว่าได้ทำบุญบ้านไปในตัวเลย กระแสท่านครอบคลุมไปทั่วพื้นที่บ้าน และบ้านอื่นๆด้วย และรวมไปถึงทั่วโลกธาตุต่างรับรู้และอนุโมทนากับท่านด้วยเลย โชคดีมากที่ได้ท่านมาโปรดถึงที่ ในวันที่ท่านมาทำพิธีที่โรงหล่อ อาจารย์ก็รู้สึกได้นะ ก็เลยเอาจิตไปตามดูถึงได้รู้.... ถึงตรงนี้ตัวนายช่างเองก็ถึงกับตลึง แล้วถามอาจารย์กลับไปอีกว่า ครูบาที่ท่านมาทำพิธีให้ที่บ้านนี้ เก่งขนาดนั้นเลยหรือ อาจารย์ก็ตอบว่า" เก่ง "
แล้วพอถึงอีกวันหนึ่งผมมีโอกาสได้คุยกับนายช่างทางโทรศัพท์ นายช่างก็เลยเล่าเรื่องดังกล่าวนี้ให้ฟัง ผมก็เลยตื่นเต้นโทรศัพท์ไปเล่าให้ศิษย์ของท่านครูบาคนหนึ่งฟัง แล้วศิษย์ก็เล่าให้ครูบาฟังอีกทอดหนึ่ง ครูบาก็บอกเขาว่าว่า เออ..เดี๋ยวฉันไปหาเอง พอผมได้ฟังเรื่องนี้ก็ยังคิดอยู่ว่า ท่านครูบาคงพูดเล่นกระมัง....ผ่านไปได้อีกวันหนึ่ง ท่านครูบาก็บอกกับศิษย์คนนั้นว่า ฉันไปหามาแล้วนะ พราหมณ์(อาจารย์)คนนี้ของจริงนะ เก่งไม่แพ้พราหมณ์จั๊วเลยละ...... เชื่อไหมครับ และไม่กี่วันผ่านไป ผมก็ได้นัดนายช่างเพื่อเอาพระกริ่งไปแต่ง จึงได้รู้ความลับอีกเรื่องหนึ่งว่า ตัวของนายช่างเองก็ได้มีโอกาสเจอกับอาจารย์ของเขาอีก และอาจารย์ของเขาก็เล่าให้ฟังว่า....ท่านครูบาองค์นั้น(ครูบากฤษดา) มาหาอาจารย์ที่บ้าน และได้คุยกันแล้ว แล้วอาจารย์ก็ถามท่านว่าอยู่วัดไหน ท่านก็บอกชื่อวัด และจังหวัดให้ อาจารย์ท่านนั้นก็จำไว้ แล้วก็ยังมาบอกนายช่างได้ถูกต้องทั้งหมดครับ
นายช่างยังบอกผมอีกว่า ถ้าท่านครูบามีอะไรให้ทำอะไร ก็บอกได้ครับ จะทำให้อย่างดีเลย เพราะตั้งแต่ท่านครูบามาโปรกวันนั้น ก็ดีขึ้นมาตลอดเลย งานตอนนี้ก็มีเยอะมากทำแทบไม่ทันเลยครับ
โดย...ศิษย์โง่...เวบครูบากฤษดา สุเมโธ , วัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) อ.บ้านธิ จ.ลำพูน [Engine by iGetWeb.com]

 

กราบพระครูบาท่านครับ ผมไปกราบครูบากฤษดาช่วงเดือนก่อน ชื่นใจมากๆเป็นที่ศรัทธาของคณะเราๆเป็นอย่างมาก และพวกเราก็ขอให้ท่านแผ่เมตตาจิตปลุกเสกวัตถุมงคลให้ครับ พอท่านเสกให้เสร็จ ก็เป็นเรื่องแปลกมากๆๆๆๆที่เดียว ครูบาท่านพูดขึ้นว่า เราเสกให้แล้วน่ะทั้งที่วางตรงหน้าเราและวางอยู่ในกระโปรงท้ายรถเก๋ง เป็นอันว่าเสกให้หมดแล้วน่ะ ทุกๆคนถึงกับ อึ้ง ไปตามๆกัน ว่าท่านรู้ได้อย่างไร ว่าในกระโปรงรถเก๋งที่ปิดสนิทและยังถูกปิดด้วยก่ลองอีกชั้นหนึ่งและเรามิได้เปิดกระโปรงรถเลย ที่แน่ๆ ท่านนั่งอยู่ในโบสถ (โบสถสวยมากๆ) ที่ทราบได้อย่างไร ถ้ามิใช่ ปาฎิหาริย์อภิญญาขององค์ท่าน สาธุๆๆๆ และแล้วเพื่อนผมก็ขอเมตตาท่านลงทองให้ แต่ ท่านไม่ลงให้ครับ ท่านบอกว่า ไม่ใช่ทางแห่งเราเอาเป็นว่าเราจะเสกทองที่ติดหน้าผากอยู่ก่อนแล้วก็แล้วกันน่ะ จริงๆอาจารย์ที่ลงให้คุณโยมท่านเก่งมากๆน่ะแผ่นทองสุกใสทีเดียว เป็นอันว่าตามใจโยมก็แล้วกัน ท่านก็เปล่าให้ เพื่อนผมบอกว่า เย็นวาบขนลุกไปทั้งตัวเลยครับตอนที่ท่านเป่าลมมากระทบหน้าผาก สุดยอดๆมากครับครูบากฤษดา(เพื่อนผมเคยลงทองที่วัดถ้ำเขาเงิน ของพ่อท่านคล้อย ครับ)
โดย...กร

 

ครูบากฤษดา สงเคราะห์วัดกู่น้อย(ป่าก้าง)โดยใช้ญาณวิถี มีอยู่วันหนึ่งในยามเช้าครูบากฤษดา สุเมโธ ได้เดินทางเข้าไปหาท่านพระครูธวัชชัย ธนวังโส และได้บอกว่าที่วัดแห่งนี้มีของดี อนุญาติให้ขุดไหมเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการสร้างโบสถที่นี่ไม่มากก็น้อยเห็นว่าตอนนี้ยังขาดปัจจัยอีกมากอยู่ใช่ไหม และทางพระครูวัดป่าก้างก็ งง แต่ก็แล้วแต่ครูบาเห็นสมควรเถอะ และแล้วครูบาท่านก็จ้างเด็ก สองคน ชื่อ แดง อยู่บ้านห้วยไซใต้ และ ชื่อ อั๋น อยู่บ้านป่าเปาสันกำแพง ชึ่งตอนนั้นพวกเขามาทำงานสร้างโบสถท่วัดสันพระเจ้าแดง โดยครูบาจ้างเขาคนละ 300 บาท แล้วครูบาท่านเดินไปที่ลานวัดแล้วบอกให้เด็กขุดที่ตรงนี้ ครูบาท่านบอกว่าขุดไป เด็กก็ถามว่าท่านให้เราขุดหาอะไรครับ ขุดไปไม่ต้องถาม ขุดให้ลึกประมาณ 3-4 เมตรน่ะแล้วฉันจะบอกเองว่าคือ อะไร เมื่อขุดถึงชั้นดินที่ครูบาว่า ท่านลงมาที่หลุดแล้วหยิบดินขึ้นมากำมือหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า พอแล้ว เจอแล้ว ข้าวสารดำ เป็นของดีน่ะ อย่างน้อยก็ช่วยวัดนี้หาเงินสร้างโบสถได้บ้างน่ะ เท่านั้นแหละครับ ข่าวกระจายไปทั่งหนังสือพิมพ์ลงหลายๆฉบับสนผู้คนแห่กันมาบูชากันมากเลยครับ และทางราชการก็เข้ามาพิสูจน์ ปรากฏว่า ของจริงครับ สุดยอดมากๆ ครับ ถามคนแถวนั้นได้ครับ ทองแท้ไม่กลัวไฟหลอมสาธุ พวกเราชาววัดป่าก้างขอกราบเท้าครูบาด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
โดย...ป่าก้าง

 

มีนิดหน่อยครับ...พี่เหนือคาด

 

รูปหล่อรุ่นหน่อชินสีห์ ครูบากฤษดา สเมโธ มหัศจรรย์มากๆๆครับ ผมฝากพี่ชายทำบุญกับครูบาฯ ท่านหยิบมาให้ ผมส่องดูมีพระธรรมธาตุ เสด็จ 5 องค์ สุดยอดไปเลยครับ ปกติที่เคยได้เห็นแบบนี้ มีหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง กับหลวงปู่พิศดู ธัมจารี วัดเทพธารทอง เท่านั้น ที่มีพระธาตุเสด็จแบบอัศจจรรย์แบบนี้ แสดงถึงคุณธรรมขั้นสูงที่ท่านสำเร็จ ซึ่งหาได้ยากยิ่งในยุคกึ่งพุทธกาล กราบๆๆครูบากฤษดา สุเมโธ ครับ
โดย...จอร์จราชนาวี

 

ไม่มีครับ มีแต่พระชัยอวโลกิเตศวร
เริ่มแรกผมก็งงกับพระกริ่ง-พระชัยอวโลกิเตศวร แต่พอได้ของจริงมาแล้วก็หายงงแล้วครับเพราะต่างกันที่ขนาดเท่านั้น

 

หลวงปู่ทวดครูบากฤษดาจำนวน 23 องค์ ครูบาท่านเมตตาเสกให้อีกรอบครับ

 

แล้วพอมีแบ่งบูชามั๊ยครับ
;aa31;aa31;aa31

 

ไม่มีแบ่งให้บูชาครับ หาสะสมอย่างเดียว ทั้ง3องค์นี้พี่ดินระเบิดใจดีแบ่งมาให้ตั้งแต่ปี54ครับ
ผมเป็นศิษย์รุ่นใหม่ครับ เพิ่งได้ไปกราบครูบากฤษดาครั้งแรกปลายปี53 แล้วเริ่มหาสะสมเมื่อต้นปี54นี้่เองครับ

 

มีองค์เดียวก็สุดยอดแล้วนี่ตั้ง23องค์ สาธุ สุดยอดเลยครับผม

 

เป็นรูปครูบา ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษก

 

ล๊อกเก็ตครูบาครับ

 

ต่อด้วยเหรียญพระปักเจก 4 เหรียญ 4 เนื้อครับ ครับ