ควรหรือไม่ครับ การที่พระล้างเท้าแม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ไม่สาย, 24 พฤศจิกายน 2012.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ภิกษุนั้นได้ปฏิบัติบิดามารดาทั้งสองโดยทำนองนี้ตั้งแต่นั้นมา แม้ภัตที่เกิดในปักษ์เป็นต้นที่ตนได้มา ก็ให้แก่บิดามารดา. ตนเองเที่ยวภิกษาจาร ได้มาก็บริโภค. เมื่อไม่ได้ก็ไม่บริโภค ได้ผ้าจำพรรษาก็ตาม ผ้าอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นอดิเรกลาภก็ตาม ก็ให้แก่บิดามารดา ซักย้อมผ้าเก่าๆ ที่บิดามารดานุ่งห่มแล้ว เย็บปะนุ่งห่มเอง. ก็วันที่ภิกษุนั้นได้อาหารมีน้อยวัน วันที่ไม่ได้มีมากกว่า. ผ้านุ่งผ้าห่มของภิกษุนั้นเศร้าหมองเต็มที. เมื่อภิกษุนั้นปฏิบัติบิดามารดาต่อมา ก็เป็นผู้ซูบผอม เศร้าหมอง ไม่ผ่องใส กายเหลืองขึ้นๆ มีตัวดาษไปด้วยเส้นเอ็น.
    ครั้งนั้น เหล่าภิกษุที่เป็นเพื่อนเห็นเพื่อนคบกันมา เห็นภิกษุนั้นจึงถามว่า อาวุโส แต่ก่อนสรีรวรรณะของเธองามสดใส แต่บัดนี้เธอซูบผอม เศร้าหมองไม่ผ่องใส กายเหลืองขึ้นๆ มีตัวดาษไปด้วยเส้นเอ็น พยาธิเกิดขึ้นแก่เธอหรือ. ภิกษุนั้นตอบว่า อาวุโส ข้าพเจ้าไม่มีพยาธิ แต่มีความกังวล แล้วบอกประพฤติเหตุนั้น. ภิกษุเหล่านั้นจึงกล่าวว่า อาวุโส พระศาสดาไม่ประทานอนุญาตเพื่อยังของที่เขาให้ด้วยศรัทธาให้ตกไป. ก็ท่านถือเอาของที่เขาให้ด้วยศรัทธามาให้แก่เหล่าคฤหัสถ์ ทำกิจไม่สมควร. ภิกษุนั้นได้ฟังถ้อยคำของภิกษุเหล่านั้นก็ละอาย ทอดทิ้งมาตาปิตุปัฏฐานกิจเสีย.
    ภิกษุเหล่านั้นยังไม่พอใจ แม้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ จึงพากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุชื่อโน้นยังของที่เขาให้ด้วยศรัทธาให้ตกไปเลี้ยงดูคฤหัสถ์. พระศาสดาตรัสเรียกภิกษุนั้นมาตรัสถามว่า แน่ะภิกษุ ได้ยินว่า เธอถือเอาศรัทธาไทยไปเลี้ยงคฤหัสถ์ จริงหรือ. เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลรับว่า จริง พระเจ้าข้า. เมื่อทรงใคร่จะสรรเสริญการกระทำของภิกษุนั้น และทรงใคร่จะประกาศบุพจริยาของพระองค์ จึงตรัสถามว่า แน่ะภิกษุ เมื่อเธอเลี้ยงดูเหล่าคฤหัสถ์ เลี้ยงดูคฤหัสถ์เหล่าไหน. ภิกษุนั้นกราบทูลว่า บิดามารดาของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. เพื่อจะยังความอุตสาหะให้เกิดแก่ภิกษุนั้น. พระศาสดาได้ทรงประทานสาธุการสามครั้งว่า สาธุ สาธุ สาธุ แล้วตรัสว่า เธอดำรงอยู่ในทางที่เราดำเนินแล้ว. แม้เราเมื่อประพฤติบุพจริยาก็ได้บำรุงเลี้ยงบิดามารดา. ภิกษุนั้นกลับได้ความเบิกบานใจ.
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ภิกษุเหล่านั้นยังไม่พอใจ แม้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ จึงพากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุชื่อโน้นยังของที่เขาให้ด้วยศรัทธาให้ตกไปเลี้ยงดูคฤหัสถ์.


    ลองเปรียบเทียบกับสมัยนี้ ยุคนี้ ดูนะ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระศาสดาตรัสว่า แม้เป็นบรรพชิตก็ทำอุปการะแก่บิดามารดาได้.

    พระศาสดาตรัสว่า แม้เป็นบรรพชิตก็ทำอุปการะแก่บิดามารดาได้.

    พระศาสดาตรัสว่า แม้เป็นบรรพชิตก็ทำอุปการะแก่บิดามารดาได้.
     
  4. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    พระภิกษุดูแลมารดาบิดาได้ครับ (ถ้ามารดาบิดาทุพลภาพ พระจะอาบน้ำ เช็ดตัว ล้างปัสสาวะ อุจจาระได้หมด ไม่ผิดวินัย)

    แต่ไม่สมควรกราบไหว้(ผิดวินัย) เพราะตามธรรมเนียมคนแก่ย่อมไม่ไหว้เด็ก
    (ในอริยธรรม ไม่ดูว่าใครแก่กว่าหรือใครอ่อนกว่าที่อายุนะครับ แต่ดูที่ศีลและปัญญา)

    ทำไมคนแก่จึงไม่ไหว้เด็ก?

    เพราะเด็กทั้งหลายไม่รู้เดียงสา เล่นกับมีดก็ได้ งูก็ได้ ไฟก็ได้ แล้วทำให้ตนเองถึงความพินาศ ฉันใด ชนเหล่าใดที่ยังบันเทิงอยู่ในกามคุณมี สามี ภรรยา ลูกหลาน บ้านเรือน เงินทองและทรัพย์สินอื่นๆ เป็นต้น อันเป็นเหตุให้ความโลภ/โกรธ/หลง ทวีขึ้น ก็ยังนับว่าเป็นเด็กอยู่ฉันนั้น

    ชนเหล่าใดไม่สามารถกำหนดรู้ได้ว่า ความโลภ/โกรธ/หลง และความไม่สำรวม ว่าเป็นภัยใหญ่ เป็นทุกข์ใหญ่ นำความโศกและทุคติมาให้ จะไม่ให้นับว่าเป็นเด็กได้อย่างไร?


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤศจิกายน 2012
  5. ไม่สาย

    ไม่สาย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาให้ความคิดเห็น
    แต่สำหรับผมแล้วเห็นด้วยกับท่าน Fabreguz ครับ
    เพราะผมถามเกี่ยวกับรูปที่เห็นว่าควรหรือไม่ ด้วยเกรงว่าจะกลายเป็นตัวอย่างแล้วพากันปฏิบัติเป็นประเพณีที่ผิดๆ
    ส่วนอรรถกถาที่ท่าน Saber นำเสนอมานั้น
    ผมพอจะสรุปได้ว่า แม้เป็นบรรพชิตก็ทำอุปการะแก่บิดามารดาได้ ในกรณีที่ท่านป่วยหรือ สิ้นแรงในการเลี้ยงชีพหรือ ขัดสน
    ซึ่งนั้นก็สมควรอย่างยิ่ง สุดท่ายนี้ผมขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้
     
  6. มเหศวร

    มเหศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2,776
    ค่าพลัง:
    +792
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

    ** ไม่มีธรรมอันใด หาเสมอเหมือนแห่งคุณมารดาได้ บรมธรรมทั้งมวลก็เทียบไม่ได้ ** ครั้งทรงขึ้นโปรดพุทธมารดา 3 เดือน ที่สวรรค์ชั้นดาวดึง และได้แสดง ธรรมนี้ขึ้นมา แม้แต่พระตถาคตเจ้า พระองค์ยังทรงสรรเสริญ
    นี้แหละยอดธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2012
  7. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ผมได้มองภาพนี้ด้วยใจที่ปราศจากกิเลส

    ผมมองเห็นว่าที่พระอรหันต์ 2 องค์ กำลังทำปฏิสันถารด้วยความเคารพยิ่ง


    เจริญในธรรมครับ
     
  8. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  9. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ถ้าบิดามารดายังแข็งแรงช่วยเหลือตนเองได้ก็ไม่น่าทำ เพราะบาปจะตกแก่บิดา่มารดาได้ แต่ถ้าท่านป่วยหรือแก่ชราไม่มีเรี่ยวแรงแล้วท่านก็ไม่มีใครจะดูแล พระจะทำก็สมควรแก่เหตุ ไม่น่าจะมีอะไรตำหนิติเตียนได้ เป็นการแสดงความกตัญญู
     
  10. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ผมคิดว่าควร เพราะถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีพระในรูป
     
  11. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    (ผมไม่มีความเห็น เลยหาข้อมูลมาให้สำหรับ พิจารณา)
    ๗. พรหมสูตร
    [๒๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตระกูลใด บุตรบูชามารดาและบิดาอยู่ในเรือนของตน
    ตระกูลนั้นชื่อว่า
    มีพรหม มีบุรพเทวดา มีบุรพาจารย์ มีอาหุไนยบุคคล ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำ
    ว่าพรหม เป็นชื่อของมารดาและบิดา
    คำว่าบุรพเทวดา เป็นชื่อของมารดาและบิดา คำว่า
    บุรพาจารย์ เป็นชื่อของมารดาและบิดา
    คำว่าอาหุไนยบุคคล เป็นชื่อของมารดาและบิดา ข้อนั้น
    เพราะเหตุไร เพราะมารดาและบิดาเป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นผู้ถนอมเลี้ยง เป็นผู้แสดงโลกนี้
    แก่บุตร ฯ

    มารดาและบิดาเรากล่าวว่า เป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์ เป็นอาหุไนย
    บุคคลของบุตร เพราะเป็นผู้อนุเคราะห์บุตร เพราะเหตุนั้นแหละ

    บัณฑิตพึงนอบน้อมและพึงสักการะมารดาและบิดาทั้งสองนั้น ด้วยข้าว
    น้ำ ผ้า ที่นอน การขัดสี การให้อาบน้ำ และการล้างเท้า บัณฑิต
    ทั้งหลายย่อมสรรเสริญบุคคลนั้นในโลกนี้ทีเดียว เพราะการปฏิบัติใน
    มารดาและบิดาบุคคลนั้นละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์ ฯ


    จบสูตรที่ ๗

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๕
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
    หน้าที่ ๒๔๖/๔๑๘ ข้อที่ ๒๘๖
     
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ผมถือว่าบุคคลใด ทำได้ดังในภาพ ถือว่ายอดยิ่งแล้วครับไม่ขออธิบาย เขาอธิบายกันเยอะแล้ว มันเป็นธรรมดา จะให้เขาเห็นตามเรา หมด ย่อมไม่มี แม้แต่พระพุทธองค์ ยังทำไม่ได้ หมด และสอนคนไปนิพพานได้ไม่หมดเลย เราจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าหรือ สาธุ สาธุ สาธุ ในความดีนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...