ความเชื่อผิดๆ ในภาวะน้ำท่วม

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย angeldream, 27 ตุลาคม 2011.

  1. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    บรรยากาศตอนนี้เหมือนตอนจะเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2หรือไม่
    การวิเคราะห์สาเหตุนำสู่การเสียกรุงศรีอยุธยา

    ดูเพิ่มที่ ข้อวินิจฉัยการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    การวิเคราะห์สาเหตุอันนำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองได้มีการตีความในหลายประเด็น แต่การจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงนั้นยังระบุลงไปแน่นอนมิได้
    [แก้]สาเหตุทางสังคมและการเมือง
    พงศาวดารไทยในอดีตส่วนใหญ่มักจะกล่าวถึงความอ่อนแอของกษัตริย์ ขุนนางและระบบราชการ ว่าเป็นประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่นำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยา ประเด็นดังกล่าวนับว่าเป็นกรอบความคิดที่ส่งต่อกันมาผ่านทางจารีต การจดบันทึกและการบอกเล่า[90] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระเจ้าเอกทัศ ซึ่งถูกมองว่า "เป็นผู้ปกครองที่มีความอ่อนแอเหลวไหล...พร้อมกับแสวงหาความฟุ้งเฟ้อสนุกสนานส่วนตัวแม้ในยามศึก"[91]
    จากมุมมองเดียวกัน ในสงครามสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ. 112 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตรอมพระทัยจนประชวรหนัก เพราะทรงเห็นว่าพระองค์ไม่สามารถปกป้องแผ่นดินสยามจากฝรั่งเศสได้ และทรงเกรงว่าจะถูกติฉินนินทาสืบไป ดุจดั่งพระเจ้าอุทุมพรและพระเจ้าเอกทัศที่ไม่คิดป้องกันจึงเสียเมืองและเป็นที่ครหาไม่หยุดหย่อน โดยทรงพระราชนิพนธ์ว่า[7]
    "เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์ มะนะเรื่องบำรุงกาย
    ส่วนจิตบ่มีสบาย ศิระกลุ้มอุราตรึง
    แม้หายก็พลันยาก จะลำบากฤทัยพึง
    ตริแต่จะถูกรึง อุระรัดและอัตรา
    กลัวเป็นทวิราช บ่ตริป้องอยุธยา
    เสียเมืองจึงนินทา บ่ละเว้นฤๅว่างวาย"
    นอกจากนี้ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระราชภาตาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ยังได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงยาวสะท้อนความรู้สึกคับแค้นพระทัยในพระเจ้าเอกทัศด้วย ความตอนหนึ่งว่า[7]
    "ทั้งนี้เป็นต้นด้วยผลเหตุ จะอาเพศกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่
    มิได้พิจารณาพวกข้าไท เคยใช้ก็เลี้ยงด้วยเมตตา
    ไม่รู้รอบประกอบในราชกิจ ประพฤติการแต่ที่ผิดด้วยอิจฉา
    สุภาษิตท่านกล่าวเป็นราวมา จะแต่งตั้งเสนาธิบดี
    ไม่ควรอย่าให้อัครฐาน จะเสียการแผ่นดินกรุงศรี
    เพราะไม่ฟังตำนานโบราณมี จึงเสียทีเสียวงศ์กษัตรา
    เสียยศเสียศักดิ์นคเรศ เสียทั้งพระนิเวศน์วงศา
    เสียทั้งตระกูลนานา เสียทั้งไพร่ฟ้าประชากร
    สารพัดจะเสียสิ้นสุด ทั้งการยุทธก็ไม่เตรียมฝึกสอน
    จึงไม่รู้กู้แก้พระนคร เหมือนหนอนเบียนให้ประจำกรรม"
    อย่างไรก็ตาม แนวคิดซึ่งปรากฏในงานเขียนทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่ได้พยายามมองประเด็นที่ต่างออกไปว่า พระองค์มิใช่กษัตริย์ที่อ่อนแอ หากแต่เป็นกษัตริย์ชาตินักรบพระองค์หนึ่ง และมองว่าประวัติศาสตร์ซึ่งยึดถือกันมานี้ถูกครอบงำจากเงื่อนไขทางการเมืองของชนชั้นผู้ปกครองในภายหลัง[92] แต่ก็มีข้อเท็จจริงปรากฎว่า ผู้ปกครองในสมัยอยุธยาตอนปลายต่างก็แย่งชิงความเป็นใหญ่กันเอง บ้านเมืองสูญเสียกำลังพลและขุนนางเป็นจำนวนมากในสงครามกลางเมือง ดังที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสรุปว่า "ไทยอ่อนกำลังลงด้วยการจลาจลในประเทศ ไทยด้วยกันมุ่งหมายกำจัดพวกเดียวกันเอง เนื่องจากการชิงราชสมบัติมาหลายซับซ้อนนับตั้งแต่สิ้นสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถเป็นต้นมา กรุงศรีอยุธยาจึงทรุดโทรมลงเป็นลำดับ"[93]
    การที่รัฐบาลกลางของอยุธยามีการควบคุมอำนาจท้องถิ่นอย่างหละหลวม ทำให้กรุงศรีอยุธยามีอำนาจและความสามารถในการป้องกันตนเองที่จำกัด เพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพหัวเมือง ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลกลาง[94] ซึ่งแนวคิดดังกล่าว นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้เน้นเป็นพิเศษ และกล่าวว่าการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง "เป็นความล้มเหลวของระบบป้องกันตนเองของอาณาจักรมากกว่าความผิดของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งเท่านั้น"[95] ความเสื่อมโทรมของระบบการป้องกันตนเองของอาณาจักรอยุธยาอีกประการหนึ่ง คือ จำนวนไพร่ที่สามารถเรียกเกณฑ์เข้าสู่กองทัพมีน้อย เพราะรัฐบาลได้สูญเสียไพร่ให้กับเจ้านายและขุนนางไปเป็นอันมาก และอีกจำนวนหนึ่งก็หลีกเลี่ยงการขึ้นทะเบียน เช่น ชาวบ้านบางระจัน[96] นอกจากนี้ หากจะใช้วิธีการกวาดต้อนไพร่มายังภาคกลางเพื่อตั้งกองทัพขนาดใหญ่อย่างสมัยสมเด็จพระนเรศวรก็จะก่อให้เกิดจลาจลขึ้นอีก[97]
    สุเนตร ชุตินธรานนท์ได้เสนอแนวคิดว่า จำนวนประชากรที่เติบโตหลังจากการค้าขายกับต่างชาติในสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งมีการขัดกับจารีตการปกครองเดิมจนทำให้เกิดความปั่นป่วน อันทำให้การจัดระเบียบและควบคุมเกิดความยุ่งยาก[98]
    [แก้]สาเหตุทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี
    สงครามครั้งนี้เกิดในช่วงที่อำนาจทางทหารของราชวงศ์คองบองรุ่งเรืองเกือบถึงขีดสุด โดยนักประวัติศาสตร์ถือว่าชัยชนะเหนือจีนเป็นช่วงที่อำนาจทางทหารของราชวงศ์คองบองรุ่งเรืองถึงขีดสุด[99] สาเหตุหลักที่พม่ารบชนะอยุธยาและจีนนั้น มิใช่เพราะกำลังพลหรืออาวุธที่เหนือกว่า แต่ทหารพม่ากรำศึก และมีผู้บังคับบัญชาทหารที่มีความมั่นใจและได้พิสูจน์ความสามารถมาแล้ว[100] ขณะที่ฝ่ายผู้นำอยุธยามีประสบการณ์สงครามเพียงเล็กน้อยในสงครามพระเจ้าอลองพญาเท่านั้น ซ้ำแม้ว่าจะมีการเตรียมการสงครามอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อสงครามมาถึง ผู้บังคับบัญชาอยุธยากลับล่าช้าและไม่ประสานงานกัน[20]
    ในสงครามคราวนี้ ฝ่ายอยุธยาประสบกับความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์อย่างเห็นได้ชัด เพราะยุทธวิธีของฝ่ายพม่าสามารถรับมือกับยุทธวิธีน้ำหลากที่ฝ่ายอยุธยามักใช้ได้เป็นผลสำเร็จหลายครั้งในประวัติศาสตร์การสงคราม[92] นอกจากนี้ พม่ายังได้โจมตีหัวเมืองทางเหนือเพื่อป้องกันการตีกระหนาบ ก่อนกองทัพเหนือและใต้เข้าปิดล้อมพระนครพร้อมกัน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนเสบียงได้อีกด้วย[101] ดังนั้น ฝ่ายอยุธยาจึงไม่เหลือยุทธศาสตร์อื่นใดที่จะสู้กับพม่าได้อีก ส่วนการที่ฝ่ายอยุธยาพยายามป้องกันมิให้ข้าศึกเข้าประชิดพระนคร แต่ได้มีการจัดวางกำลังกระจัดกระจายกันเกินไป อันแสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดทางด้านการข่าวอีกด้วย เพราะมีที่ตั้งทัพหลายแห่งที่พม่ามิได้ยกเข้ามาเลย ส่วนทางที่พบกับพม่านั้นก็ปราชัยทุกทิศทาง[102]
    สมเด็จพระเจ้าเอกทัศไม่แสดงความสามารถด้านการบัญชาการรบ เนื่องจากทรงมอบหมายการป้องกันบ้านเมืองแก่คณะลูกขุน ณ ศาลา[103]
    ตาม คำให้การของชาวกรุงเก่า ได้ระบุว่ามีคนไทยทรยศ ชื่อว่า พระยาพลเทพ ความว่า "...มีคนไทยชื่อ พระยาพลเทพ ข้าราชการในกรุงศรีอยุธยาเอาใจออกห่าง ลอบส่งศาสตราวุธเสบียงอาหารให้แก่พม่า สัญญาว่าจะเปิดประตู [ด้านทิศตะวันออก] คอยรับเมื่อพม่าเข้าโจมตี เข้าใจว่าเป็นบริเวณหัวรอหรือใกล้เคียง ซึ่งพม่าก็ได้ระดมเข้าตีกรุงศรีอยุธยาทางด้านนี้ ตามที่พระยาพลเทพนัดหมายไว้...[104] และนายพี วัน เดอวูร์ท ชาวฮอลันดา ก็ได้บันทึกในลักษณะใกล้เคียงกัน แต่บอกว่าไส้ศึกเป็นชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในพระนคร[105]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ตุลาคม 2011
  2. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    คนที่เจอภัยเพียงเล็กน้อยก็หนี ก็จะต้องหนีไปเรื่อยๆ
    สักวันคงต้องหนีไปอยู่นอกโลก
    ถ้าประเทศไหนไม่มีนักสู้ มีแต่นักโกยก่อน ประเทศนั้นไม่มีทางเจริญ
    เพราะคนมันไม่มีน้ำยา
    คนที่เขาอยู่ก็เพราะใจเขาสู้ แล้วก็ยังคิดที่จะช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า
    ที่เขาไม่มีที่ไป บ้านผมเองเตรียมน้ำกินไว้ 3 แท๊งค์น้ำใหญ่ก็เพื่อที่จะ
    เอาไว้แจกจ่ายแก่ผู้ที่เขาเดือดร้อน คุณอย่ามาว่าคนอย่างผมเป็นคนโง่
    เลยที่ไม่หนีเหมือนคุณ เพราะถึงอย่างไรผมก็ขอสู้ให้ถึงที่สุดก่อน ไม่
    ใช่ยังไม่ทันได้สู้เลยก็โกยซะแล้ว (โกยเป็นคนแรก) ซ้ำยังหันมาว่าคนที่
    ไม่หนีว่าโง่อีก

    คุณอย่าใช้ชื่อว่า "นิพพาน" เลย เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นเถอะ เพราะคำนี้มัน
    เป็นของสูงครับ
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คณะบุคคลฝ่ายปกครอง(รัฐบาล)ที่รับพระราชทานอำนาจมาตั้งแต่สมัย๒๔๗๕
    ก็ได้เริ่มบ่อนทำลายบ้านเมืองเป็นลำดับ ไม่ได้ทำแบบอย่างเป็นรัฐบาลที่ดีให้กับ
    คณะรัฐบาลชุดต่อๆมาเอาเป็นต้นแบบ ปกครองบ้านเมืองแบบศรีธนญชัยใช้ไหวพริบแก้ผ้าเอาหน้ารอด
    ไปคราวหนี่งๆ
    ความเหลวไหลได้พัฒนามาเป็นลำดับ
    จนมาถึงยุคที่เปิดรับระบบเศรษฐกิจแบบฝรั่งที่อ้างเอาความเสรีเป็นฉากหน้า
    ทุกรัฐบาลให้น้ำหนักกับวัฒนธรรมการค้าการขายที่ส่งเสริมการบริโภคอย่างสุดโต่ง
    วัฒนธรรมด้านอื่นเช่น ความจงรักภักดี ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ซื่อตรงก็ถูกทำลายไปพร้อมกัน
    ด้วยอิทธิพลของสื่อสามานย์ จนหมดภูมิคุ้มกัน
    พลเมืองไทยกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจในสายตาของพ่อค้านักธุรกิจไปเกือบทั้งประเทศ
    นักวิชาการ นักปราชณ์ นักบวช ศิลปิน สื่อมวลชน นักกฎหมายต้องดำเนินชีวิตแบบมีค่ายมีคอก
    ต้องสร้างผลงานเบี่ยงเบนบิดเบือนสนองตอบตามความต้องการของเจ้าของคอก
    เพราะต้องการค่าตัวสูงๆ เช่นนี้แล้วจะมีสติปัญญาเหลือมาปกป้องสาธารณะได้อย่างไร
    ผลลัพท์ที่ออกมาจึงเป็นองค์รวมของปัญหาของประเทศที่เราเผชิญอยู่ ณขณะนี้
    แต่ใช่ว่าจะเป็นผลลัพท์สุดท้าย และเป็นไปได้ว่าชีวิตและลมหายใจ
    ของเราอาจต้องเป็นสิ่งสังเวยให้กับพิบัติภัยต่างๆ
    ที่ก่อตัวมาจากสติปัญญาความรับผิดชอบที่ย่อหย่อน
    ไม่เอาไหนต่อส่วนรวมของตัวเราเองด้วย(การแสดงออกของเราส่วนใหญ่บ่อยครั้งเต็มไปด้วยอกุศล อัตตาสูง ต้องขออภัย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2011
  4. lucent

    lucent Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +41
    :'(

    28 10 54 ข่าวค่ำDNN รายงานพิเศษ คลองตะวันออกของ กทม ไม่มีน้ำพอให้ช่วยระบาย


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=WokWoU0tfsk&feature=player_embedded"]28 10 54 ข่าวค่ำDNN รายงานพิเศษ คลองตะวันออกของ กทม ไม่มีน้ำพอให้ช่วยระบาย - YouTube[/ame]#!
     
  5. patratyon

    patratyon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    10,434
    ค่าพลัง:
    +6,293
    เหมาะคนที่อึดจริงๆ ถึงจะอยู่ได้

    ถ้าคุณตัดสินใจที่จะอยู่กับน้ำ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณบ้าง

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=f52Tf-pod7Y"]?????????? - YouTube[/ame]
     
  6. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    คลิปนี้เหมาะกับบ้านที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนักและบ้านชั้นเดียว โดยเฉพาะเขตฝั่งตะวันตก เช่น
    บางบัวทอง บางใหญ่ แต่สำหรับพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมันไม่สูงขนาดนั้นครับ

    สำหรับคนที่ตัดสินใจอยู่ก็แสดงว่าเขาได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม-น้ำ
    ใช้ อาหารที่อยู่ได้เกิน 2 เดือน สวิตไฟต้องสามารถตัดไฟบนไฟล่างและไฟตามห้องต่างๆ
    ส้วมมือถือ-ถุงดำ-กระดาษเหลือเฟือ ไฟแช็ค-เทียนไข ยารักษาโรคต่างๆ ฯลฯ
    ที่สำคัญเราต้องประเมินสถานะการณ์แล้วว่าเราอยู่ในจุดใด น้ำจะสูงแค่ไหน สู้ไหวไหม

    แล้วน้ำท่วมนั้นมันจะไม่สูงขนาด 1 เมตรตลอด 2 เดือนหรอกครับ เพราะกรุงเทพไม่เหมือน
    ท้องไร่ท้องนาที่ไม่มีระบบระบายน้ำ น้ำมันอยู่กรุงเทพไม่นานหรอกเพราะเรามีระบบสูบน้ำที่มี
    ประสิทธิภาพเนื่องจากต้องใช้งานทุกปีอยู่แล้ว

    ขอบคุณสำหรับการ์ตูนที่ให้ข้อมูลแบบ Worst Case Scenario ครับ

    อยู่ต่างจังหวัดให้สบายใจก่อนแล้วค่อยกลับมานะครับ แล้วเจอกัน
     
  7. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
     
  8. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    สำนวนไทย ที่มีภูมิปัญญาก็น่าชืนชมครับเช่น "น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้ามาขวาง"
    ผมคิดว่าทุกท่านก็พอจะรู้ซึ้งถึงสำนวนนี้ดี ไม่ว่าจะด้วยความจริงคือ เอาเรือเข้ามาขวางตอนน้ำเชี่ยวก็จะล่มเละกันไป หรือเปรียบเทียบกับจิตใจคนที่กำลังโมโหหน้ามืดแล้ว อย่าเพิ่งไปขัดใจไม่งั้นได้แหลกกันไปข้างนึง ประมาณนี้

    แต่กรณีนี้คนที่อยู่กับน้ำได้คือคนที่มีปัญญาครับ พวกเค้าไม่ได้ต่อสู้กับน้ำ พวกเค้ายอมรับ แต่ก็หันเรือให้ลอยไปกับน้ำโดยไม่ฝืนและยังลอยลำเรืออยู่กับน้ำได้

    นั่นคือพวกมีปัญญาที่จะอยู่กับน้ำได้ แม้อาจจะไม่ราบรื่นนัก

    ตั้งแต่ที่ผมจำความได้ ผมก็ยังไม่เห็นใครหรือครอบครัวใด ที่มีปัญญาความเพียรความอดทนที่ยังอยู่กับน้ำท่วม แล้วตายหมู่เพราะอาหารหมด แอร์ไม่มี โทรศัพท์ใช้การไม่ได้ ไม่มีหนังดูเพลงฟัง อินเตอร์เนทล่ม ฯลฯ

    ผมคิดว่าคนที่อยู่เค้าอยู่แบบพอเพียงแบบมีปัญญา พวกเค้าไม่ตายหรอกครับ ก็ให้มันรู้ไปว่าน้ำท่วม 1 เมตรกว่าๆประมาณ 15 วัน และคนที่อยู่มันจะตายหมด

    ไปบอกนักข่าวให้หามาว่ามีมั๊ย เออ...ถ้ามีตายหมู่กันจริง คราวหน้าผมจะหนีออกจากประเทศไทยเป็นคนแรกเลยครับ ด้วยความเคารพ
     
  9. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    เห็นด้วยกับคุณ Avataar ครับ คนที่เขากล้าอยู่กับน้ำยังไม่เคยเห็นใครตายหมู่เลย
    ข่าวทีวีเขาก็จะรายงานแต่สิ่งที่แย่ๆ ใครดูมากก็ตื่นตระหนกกันไปหมด

    อะไรกันน้ำท่วมแค่ 1 เมตร มันจะตายก็ให้มันรู้ไป ส่วนคนที่เขาหนีไปก่อนเราก็ไม่ว่ากัน
    เพราะเขามีความกลัวตาย-กลัวลำบาก แต่ผมมันไม่กลัวตาย-กลัวลำบาก เพราะคิดว่าเกิด
    มาอย่างไรก็ต้องตาย เพียงแต่ก่อนตายก็ต้องไว้ลายบ้าง ไม่ใช่วิ่งหนีอุปสรรคแล้วก็ต้องตาย
    เหมือนกัน มันอายครับ เดี๋ยวยมบาลถามว่าตายเพราะอะไร-ตายเพราะหนีน้ำท่วม

    แต่ถ้าผมตาย-ผมก็จะตอบยมบาลว่าผมตายเพราะกำลังช่วยเหลือคนที่เขาจมน้ำอยู่ มันได้ใจ
    กว่ากันมากเลย เกิดมาแล้วก็ต้องตาย แต่อยากตายแบบให้สมศักดิ์ศรีหน่อย

    ดังนั้นผู้ที่หนีไปแล้ว กรุณาอย่ามาดูแคลนคนที่เขาอยู่สู้กับภัยพิบัติเลย น่าจะส่งกำลังใจมา
    ให้กันมากกว่า
     
  10. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    [​IMG]

    ศ.ระพี สอนคนกรุง “มองน้ำท่วมในด้านสร้างสรรค์”

    ASTVผู้จัดการ – ศ.ระพี สาคริก เขียนบันทึกเตือนใจคนกรุง ชี้น้ำท่วมปี 2485 ก็หนักหนาพอๆ กับปัจจุบัน ระบุทุกวันนี้ที่แย่เพราะคนบูชาวัตถุ ทำลายธรรมชาติมาสร้างตึกสูง ส่วนการศึกษาก็ไม่ได้สอนให้คนเป็นมนุษย์-ทำลายจิตสำนึก-ทำคนอ่อนแอ สอนต้องใช้โอกาสรู้จักสร้างความอดทน ต่อสู้กับใจตัวเอง และทำงานหนักบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์เพื่อความสุขอย่างแท้จริง

    เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2554 ศ.ระพี สาคริก เขียนบันทึกเรื่อง “มองน้ำท่วมในด้านสร้างสรรค์” ซึ่งสอดรับกับเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลางและในกรุงเทพมหานคร โดยในเวลาต่อมาบรรดาลูกศิษย์ลูกหาได้นำบันทึกดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อในเครือ ข่ายสังคม

    <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="5">[​IMG]</td><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="240"><tbody><tr><td align="center" valign="top" width="240">[​IMG] </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td></tr></tbody></table> บันทึกดังกล่าวของ ศ.ระพี กล่าวเตือนว่า เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในเวลานี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2485 ซึ่งตอนนั้นตนอายุ 21 ปี โดยครั้งนั้นระดับน้ำก็ไม่ได้ท่วมน้อยไปกว่าปัจจุบัน ทว่าตอนนั้นผู้คนก็สามารถใช้ชีวิตกันได้เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ส่วนปัจจุบันเนื่องจากมีการทำลายสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติกันมาก มีการสร้างวัตถุ ก่อสร้างกันอย่างเอิกเริก การศึกษาก็ไม่ได้สอนให้คนเป็นมนุษย์ ประกอบกับรากฐานจิตใจของคนไทยนั้นอ่อนแอลงทุกวัน ทำให้เกิดความวุ่นวาย การคอรัปชั่น เศรษฐกิจและสังคมย่ำแย่ลงทุกที

    “ฉันพูดไว้นานแล้วว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในบ้านเมืองเราก็เพราะคนไทยหลงอยู่กับความสบาย จนกระทั่งรากฐานจิตใจอ่อนแอ เห็นอะไรที่มิใช่ของตัวก็อยากได้คอรัปชั่นก็เต็มบ้านเต็มเมือง เศรษฐกิจย่ำแย่ก็แก้ไม่ตก การจัดการศึกษาก็ไม่ได้ทำให้คนเป็นมนุษย์ ถ้าฟังเสียงจากภายนอก ต่างชาติเขาพูดกันว่าคนไทยไม่รู้จักความยากลำบาก” ศ.ระพีระบุ

    นอกจากนี้ยังกล่าวสอนด้วยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้น่าจะทำให้ทุกคนได้รู้จักความอดทน ต่อสู้กับจิตใจตัวเองและรู้จักการทำงานหนัก บนพื้นฐานของการประกอบอาชีพที่ดีและสุจริต ซึ่งถือเป็นการทำงานเพื่อแผ่นดินที่ดีที่สุด

    “ฉันคิดว่าน้ำท่วมครั้งนี้มันน่า จะสอนให้เธอทั้งหลายรู้จักอดทนเพราะถ้าเธอต่อสู้กับใจตนเองไม่ได้แล้วจะไปสู้กับอะไรที่ไหน ฉันขอฝากเรื่องนี้เอาไว้ให้เธอกลับไปนอนคิด ฉันไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นอีกสักกี่ครั้ง ถึงจะช่วยให้เธอรู้จักตัวเองดีขึ้นและไม่ไปทำลายธรรมชาติ เช่นเดียวกับเรื่องความพอเพียงที่พูดกันแต่ปาก หากไม่รู้จักทำ มีแต่การพูดกันไปต่างๆ นาๆ โดยหาจุดจบได้ยาก

    “ฉันอายุ 90 ปีแล้ว ฉันขอเป็นกำลังใจให้เธอทุกคนได้เรียนรู้กับความยากลำบากและอดทนทำงานหนัก เพราะการทำงานหนักคือความสุขที่แท้จริง ขอให้ชีวิตจงมีความสุขเพราะการทำงานให้แผ่นดิน โปรดอย่าคิดว่าการทำงานให้แผ่นดินนั้นจะต้องทำให้กับส่วนรวมเสมอไป แม้แต่การประกอบอาชีพอย่างดีที่สุดโดยมีความซื่อสัตย์สุจริต ก็ถือได้ว่าคือการทำงานให้แผ่นดินเช่นกัน” ศ.ระพีระบุทิ้งท้ายในบันทึก

    ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ปัจจุบันอายุ 89 ปีถือเป็นปูชนียบุคคลของประเทศไทยโดยเฉพาะในทางเกษตรศาสตร์ โดยเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านกล้วยไม้มากที่สุดคนหนึ่งในโลกจน ได้ชื่อว่าเป็น "บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย" เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้รัฐบาลของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงาน และสังคม จนได้รับยกย่องให้เป็นผู้สูงอายุดีเด่นประจำปี 2553

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์29 ตุลาคม 2554 15:21 น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2011
  11. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    วันนี้น้ำมาถึงหน้าบ้านแล้ว กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ
    ออกไปลุยน้ำ เย็นดีครับ
    เห็นปลาว่ายน้ำไปมาด้วย น่ารักดี

    น้ำ..... ไม่เห็นน่ากลัว มันมา เดี๋ยวมันก็ไป
    บางที เรากลัว มโนภาพ ของตัวเอง มากกว่าของจริงซะอีก
    เพียงแต่่ เราเตรียม เสบียง และ น้ำจืดให้พร้อม ระวังไฟช็อต
    แ่ค่นี้ .....
    .....ชิวๆ ครับ

    หลังน้ำลด เราก็มาช่วยกันทำความสะอาดบ้านเมืองกัน
    มันก็แค่นั้นเอง
     
  12. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    คนอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี นครสวรรค์
    เค้าท่วมสูงกว่า นานกว่า เค้ายังอยู่ได้นะครับ

    คนที่ควรหนี คนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ คนป่วย พิการ ชราภาพ
    สมควรหนีครับ

    คนแข็งแรง หนีเพราะเหตุความจำเป็นบางอย่าง ก็เห็นควรครับ

    แต่คนที่ปอดแหก แตกตื่น โกยแนบ ไม่ห่วงคนข้างหลัง
    แล้วมาหัวเราะเยาะคนที่
    เค้าพร้อมรับมือ อย่างมีสติ และ เตรียมพร้อม
    ไม่สมควรครับ
     
  13. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    :cool::cool::cool::cool:<TABLE id=post5292099 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] เมื่อวานนี้, 09:48 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#2 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->angeldream<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5292099", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ​

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2008
    ข้อความ: 21
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5292099 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ขอบคุณน้ำท่วมที่ทำให้รู้จักการ<WBR>ทำน้ำให้สะอาดด้วยสารส้มเเละเดท<WBR>ตอล
    ขอบคุณน้ำท่วมที่ทำให้ รู้จักการประหยัดน้ำเเล้วเก็บกั<WBR>กให้เป็นเวล่ำเวลา
    ขอบคุณน้ำท่วมที่ทำให้อาบน้ำเร็<WBR>วเป็นพิเศษเพราะไม่อย่างนั้นก็ไ<WBR>ม่มีน้ำอาบ
    ขอบคุณน้ำท่วมที่ทำให้ได้นอนเร็<WBR>ว เพราะเดี๋ยวตื่นมาซักผ้าไม่ทันเ<WBR>วลาการประปาเปิด
    ขอบคุณน้ำท่วมที่ทำให้รู้คุณค่า<WBR>ของน้ำว่าสำคัญสำหรับชีวิตมากกว่าเงินทองของนอกกาย
    ขอบคุณน้ำท่วมที่สอนคุณค่าของกา<WBR>รอยู่กับธรรมชาติเเละเรียนรู้ว่<WBR>าที่ผ่านมาเรามีชีวิตที่เเสนสบา<WBR>ยเหลือเกิน<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ถ้าทำวันนี้ดีที่สุดเเล้วพรุ่งนี้ก็ดีตามหลักกฎแห่งกรรม<!-- google_ad_section_end --> ​

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย angeldream : เมื่อวานนี้ เมื่อ 09:53 AM
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    คิดดีครับ :cool:
     
  14. leechayaporn

    leechayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +185
    ณ.ขณะนี้อยู่ที่โรงงานอ.บางเลนจ.นครปฐม มองระดับน้ำหน้าโรงงานมันสูงขึ้นทุกวัน ประมาณวันละ1 นิ้วตอนนี้อยู่ระดับเอว บางช่วงระดับอก ยังดีที่สร้างกำแพงอิฐบล็อกกันไไว้ไม่ให้เข้ามาด้านใน แต่ก็มีน้ำซึมตามท่อและพื้น รอยแตก เราก็เอาไดโวสูบน้ำไว้ ทุกคนที่อยู่ก็ช่วยกันเต็มที่ หนีไม่ได้ค่ะ เครื่องจักรยังอยู่ ถ้าท่วมไปใครจะรับผิดชอบ เวลานี้เราต้องช่วยเหลือตัวเอง อาหารการกินก็เตรียมไม่อด เสียดายปลาทับทิมที่เลี้ยงไว้ในบ่อ ตั้งใจเลี้ยงไว้ดูเล่น เวลานี้ไปหมดแล้วก็แล้วแต่ใครจะจับไปกิน (ลูกน้องลงข่ายได้มาหลายตัว) เล่ามาระบายเฉยๆ แต่ทุกคนยังบอกสู้โว้ย สู้ๆๆๆ
     
  15. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    ตามมาจากกระทู้ครูบาก้องค่า ยังจำกันได้ อยู่บางเลนนี่เอง สู้ๆ นะจ้ะ น้ำมาเด๋วเค้าก็ไปค่ะ อดทนกันหน่อย รักและสามัคคีกันไว้รอดแน่นอนค่ะ บ้าน diya ริมเจ้าพระยาก็ท่วมทุกปีค่ะเดินลุยน้ำทุกปีจนเกินจะชินล่ะ ปีนี้ระดับน้ำหน้าบ้านก็น่าจะ 3 เกือบ 4 เมตร อ่ะค่ะ บ้าน diya ขนาดนี้ตรงอื่นคงมะต้องพูดถึง ยังงัยก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ :cool::cool:
     
  16. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12

    หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนี กฎแห่งกรรม ไม่มีทางหนีพ้น
    ทำดีย่อมดี ทำชั่วย่อมชั่ว
     
  17. leechayaporn

    leechayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +185
    ขอบคุณคุณdiya นะคะ กำลังใจสำคัญมากค่ะ ยังดีที่เค้ายังไม่ตัดน้ำ-ไฟ ไม่งั้นจบเห่เลย ยินดีนะคะที่ได้รู้จักกัลยาณมิตร
     
  18. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    ช่วงนี้ ยังมีน้ำไฟ เตรียมไว้ก่อนเลยครับ

    ถ้า.... เค้าตัดแล้ว ต้องดูว่าขาดอะไรบ้าง

    โชคดีนะครับ
     
  19. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    ยอดนักสู้! บ้านหลังเดียวที่อยู่รอดได้ในหมู่บ้านชลลดา บางบัวทอง
    เป็นบ้านของทันตแพทย์ น้ำสูง 1.5 เมตร แต่ภายในบ้านยังแห้ง แล้วยังคอยช่วยเหลือเพื่อน
    บ้าน ส่งน้ำส่งของให้เพื่อนบ้านโดยตลอด ท่านบอกว่าถ้าน้ำสูงกว่านี้อีก 50 ซม.ก็ยังเอาอยู่

    ที่นี่ไทยพีบีเอส (28 ต.ค. 54) - YouTube

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...