ความเชื่อเรื่อง พระสมเด็จสองคลอง พระสมเด็จฝากกรุ

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย thachapol, 31 สิงหาคม 2014.

  1. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯอายุ๘๐ กว่าปี เข้าสุ่ช่วงปลายของสังขารท่านแล้ว แต่ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้ารัชกาลที่๔ ท่านจึงทุ่มเททุกๆอย่างทั้งแรงกายแรงใจ ใครมานิมนต์ท่านไปเทศน์ไปแหล่ไปแสดงธรรมที่ใหนๆใกล้ไกลท่านไม่เคยขัด ได้บอกบุญให้ญาติโยมได้รู้ไปด้วยว่าท่านกำลังสร้างวัดบางขุนพรหมใน(วัดใหม่อมตรส) เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ญาติโยมคนใดมีจิตศรัทธาอยากจะร่วมบริจาคปัจจัยมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ศรัทธาแต่ล่ะคน ได้ปัจจัยมาก็เอามาเป็นทุนซื้อวัสดุ ซื้อสิ่งของก่อสร้างค่าแรงช่าง และใช้จ่ายอื่นๆตามแต่จำเป็น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จากวัดระฆังโฆสิตาราม มาพักที่วัดอินทรเพื่อดูแลการก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์วัดด้วยต้วยท่านเองจนแล้วเสร็จ ต่อด้วยการสร้างพระพิมพ์เนื้อผงบรรจุไว้ในเจดีย์องค์ใหญ่ ตามแบบอย่างธรรมเนียมมาแต่โบราณ จัดให้เฉลิมฉลองวัดใหม่ ท่านยังตั้งใจจะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั่งตอไม้มีรูปปั้นพญามารมาคุกเข่าอยู่ตรงเบื้องหน้าไว้เป็นอนุสรณ์แด่ชนรุ่นหลัง จนท่านอาพาธหนักนอนซม ท่านก็ไม่ยอมให้เอาท่านกลับมาที่วัดระฆังโฆสิตาราม มีหมอหลวงมาดูแลสะดวกกว่า จนกระทั่งกลางดึกคืนวันที่ ๒๒ เดือนมิถุนายน พ.ศ ๒๔๑๕ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ก็ละสังขารบนศาลาใหญ่ วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ตำบลที่ท่านเกิด สิริรวมอายุ ๘๔ ปี ๖๔ พรรษา แค่นี้มันยังไม่พอที่จะทำให้พวกท่านทั้งหลาย เชื่อได้หรือครับว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้สร้างผู้บูรณปฏิสังขรณ์ วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤษภาคม 2015
  2. watgeang_e

    watgeang_e เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    459
    ค่าพลัง:
    +449
    การบิดเบื่อนหรือทำแบบขอไปทีมันไม่รู้หรอกที่ผมเจอในคู่มือพระสมเด็จจากสำนักพิมพ์มีชื่อพระประธานองค์แรกหน้า55และพระประธานหน้า150ใช้หลังพระมาจากองค์เดียวกัน..คือเป็นความบังเอิญที่ผมตามหาหลังพระสมเด็จในพิมพ์เดียวกัน..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF6695.jpg
      DSCF6695.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      266
    • DSCF6699.jpg
      DSCF6699.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      292
    • DSCF6832.jpg
      DSCF6832.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      362
    • IMG_0016.jpg
      IMG_0016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      208
  3. bandidsqn401

    bandidsqn401 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    767
    ค่าพลัง:
    +566
    ถ้ามีสร้าง องค์นี้ยังไม่ใช่หรอกครับ
     
  4. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ขอบคุณท่านbandidsqn401ครับ
     
  5. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ขอบพระคุณทุกๆท่านที่กรุณาแวะเวียนเข้ามาอ่าน ครับผม
     
  6. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    คงจะเป็นภาพด้านหลังพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ องค์เจ้าสัว มั้งครับ..ผิดพลาดต้องขออภัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กันยายน 2014
  7. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    อย่างที่ผมเคยเขียนไว้ในตอนที่ผ่านมาว่า ถ้าพิสุจน์ได้ว่าเสมียนตราด้วงไม่ได้มีชีวิตไม่ได้มีตัวตนอยู่ในช่วงปี พ.ศ ๒๔๑๑ ถึง ๒๔๑๕ ปีที่มีการสร้างวัดบางขุนพรหม(วัดใหม่อมตรส) ทุกๆอย่างก็จะเหลือแต่เนื้อแท้ในข้อเท็จจริง เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ต้องไปคาดเดา ไม่ต้องไปเชื่อว่าน่าจะ น่าจะเป็นอย่างโน้น อย่างนี้อย่างนั้นให้มันเละเทอะครับ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เห็นปรากฎมาจนถึงทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นความพากเพียรทนเหนื่อยยากลำบากสังขารของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านทั้งสิ้น ที่มีชีวิตและเป็นกำลังหลักช่วยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯจริงนั้นคือลูกหลานของท่านเสมียนตราด้วง ลูกหลานท่านพระโหราธิบดี ลูกหลานพระวิเชียร และลูกหลานท่านอื่นๆ ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นโยมรับอุปถัมภ์อุปฐากให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เมื่อครั้งตั้งแต่ยังเป็นเณรโต เถ้ากระดูกอัฐิของโยมอุปถัมภ์อุปฐากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ บางท่านหรืออาจจะทั้งหมดก็ต้องมีสถุป มีเจดีย์เล็กเป็นที่เก็บอัฐิไว้ใน วัดใหม่อมตรส อย่างแน่นอน ลองไปหาดูภาพถ่ายเก่าๆตั้งแต่ปี พ.ศ ๒๕๐๐ ดูจะเห็นสถุปเจดีย์เรียงรายล้อมเจดีย์องค์ใหญ่อย่างชัดเจน แต่ทุกวันนี้ทางวัดได้รื้อออกไปหมดแล้ว ไม่เหลือสถุปเจดีย์ไว้เป็นหลักฐานสักองค์เลย คงเหลือแต่เจดีย์องค์ใหญ่ประธาน น่าเสียดายมากๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤษภาคม 2015
  8. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ความเชื่อของเนื้อมวลสารพระวัดบางขุนพรหม ในตำราบอกไว้ว่า จะแก่ปูนมากเพราะเอาปูนนำหลัก(ผมไม่เข้าใจ) แตกต่างกับเนื้อพระวัดระฆังฯจะมีมวลสารหลายอย่างผสมในเนื้อพระ มันจะแตกต่างกันได้อย่างไรในเมื่อพระทั้งสองวัดนี้ผู้สร้างเป็นคนๆเดียวกัน คณะเดียวกัน สูตรผสมเดียวกันเป๊ะๆทุกๆอย่าง จะต่างกันก็เพียงสภาพผิวภายนอกเท่านั้น พระพิมพ์วัดหนึ่งเก็บไว้ในกรุเกือบมิดชิดอบร้อนอบเย็น มีความชื้นมีน้ำขังมีโคลนตม จึงมีสภาพคราบกรุติดมากบ้างน้อยบ้าง แกร่งกรอบเปราะ...แต่พระพิมพ์อิกวัดหนึ่งเก็บไว้ในที่ๆอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนไม่เย็นไม่ชื้นเกินไป ไม่มีสิ่งสกปรกดินโคลน มีน้ำสะอาดเข้าไปขังบ้าง จึงดูมีสภาพสะอาดสะอ้านสวยงามสมบูรณ์กว่า ที่เห็นแตกต่างอิกข้อก็คงจะเป็นจำนวนการสร้าง พระวัดใหม่อมตรส สร้างเน้นจำนวนให้ได้ครบ ๘๔๐๐๐ องค์ มี๙ พิมพ์หลักๆ...ส่วนวัดระฆังฯจะสร้างเน้นที่พิมพ์ทรงไม่เน้นจำนวน พิมพ์ทรงที่วัดระฆังฯเน้นสร้างจริงๆมีเพียงพระแบบพิมพ์ใหญ่เป็นหลัก..ความแตกต่างมีเท่านนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2014
  9. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ตามความเชื่อแบบเดิมๆ ก่อนที่เสมียนตราด้วงจะลงมือสร้างวัดสร้างพระ ได้ไปปรึกษาขออนุญาตท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ และขอผงวิเศษมาผสมสร้างเอง พร้อมกับนิมนต์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯให้มาเทศน์มาฉัน มาปลุกเสกพระที่สร้างขึ้นมาใหม่ให้ด้วย ตอนที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯข้ามฝากมาจากวัดระฆังฯ ท่านได้นำพระสมเด็จวัดระฆังฯที่ท่านสร้างเสร็จแล้วมาด้วยหนึ่งถุงย่ามใหญ่ มาบรรจุไว้ในเจดีย์ใหญ่ วัดบางขุนพรหม จึงเรียกพระชุดนี้ว่า พระสมเด็จสองคลอง ฝากกรุ ในรายละเอียดไม่มีบอกไว้เลยว่าพระที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯนำมานั้น มีพระพิมพ์ทรงอะไรบ้าง พิมพ์ทรงล่ะกี่องค์ ทั้งหมดมีจำนวนเท่าไร ไม่มีบันทึกไว้เลย ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ก็ในหนังสือเขียนบอกไว้ไม่ใช่หรือครับว่าการสร้างพระพิมพ์บรรจุกรุ นับเป็นมหากุศลที่ยิ่งใหญ่มากๆใครๆก็อยากมีส่วนร่วมในมหากุศลในครั้งนี้ทั้งนั้น จึงถือเป็นธรรมเนียมนิยมสร้างกันมาแต่โบราณกาล เพื่อเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาทางหนึ่งด้วย ทำไมจึงไม่บันทึกไว้ครับ
     
  10. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    สรุปแล้วพระสมเด็จวัด บางขุนพรหม ที่เชื่อว่าเสมียนตราด้วงสร้างขึ้นนั้น ๑.ได้ขอผงวิเศษมาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ๒.ได้ขอยืมบล็อกแม่พิมพ์จากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ๓.แล้วยังได้พระสมเด็จสร้างเสร็จเป็นองค์แล้วจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯนำมาให้ถุงย่ามใหญ่อีกด้วย แหมช่างโชคดีจริงๆเสมียนตราด้วงคนนี้นี่๕๕๕๕...ผมก็เกิดความสงสัยครับว่า พระที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯนำมาหนึ่งถุงย่ามใหญ่นั้น เมื่อมาเทียบกับจำนวนพระที่เชื่อว่าเสมียนตราด้วงสร้างนั้นมันมีน้อยมากๆๆๆๆๆ เลยน่ะครับท่าน พระหนึ่งถุงย่ามใหญ่เอามาเทรวมกันกับพระแปดหมื่นสามพันกว่าองค์(ถ้าจริงน่ะ) แล้วท่านคิดว่าพระหนึ่งถุงย่ามใหญ่นั้นจะมีเหลือรอดมาถึงปัจจุบันนี้สักกี่องค์กันครับ (ขอย้ำถ้ามันเป็นความจริง)
     
  11. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    มีพิธีกรรายการพระเครื่องชื่อดังรายการหนึ่ง ไปสัมภาษณ์เซียนใหญ่ท่านหนึ่ง เซียนใหญ่ท่านนี้อธิบายว่าเขาแยกพระวัดบางขุนพรหม กับวัดระระฆังฯ ให้ดูที่เส้นซุ้มเป็นหลัก(อิกแระ)เส้นซุ้มพระบางขุนพรหมจะมีขนาดเล็กกว่า มีลักษณะเรียวเหมือนเส้นขนมจีน เรียกว่าเส้นซุ้มแบบเส้นขนมจีนก็ได้๕๕๕....ส่วนเส้นซุ้มของพระวัดระฆังฯ เส้นซุ้มจะดูหนาล่ำสันใหญ่กว่า เรียกว่าเส้นซุ้มหวายผ่าซีก แล้วก็พูดท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองไปเรื่อยเปื่อย พอพิธีกรขอให้ย้ำการดูความแตกต่าง อ้าวเซียนใหญ่ลืมซะแล้ว ว่าเมื่อกี่พูดไว้ว่าอย่างไรบ้าง๕๕๕๕๕.... ก็ของที่ถูกอบ ร้อน ชื้น เย็น กับของที่อยู่ในอุหภุมิเกือบปกติตลอด มันย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดาครับ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาสร้าง มาเขียนนิยายน้ำเน่าหลอกกันขนาดนี้เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2014
  12. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ก่อนจะขอพักเรื่องความเชื่อการสร้างพระวัดบางขุนพรหม ผมขอเขียนถึงความเชื่อการตกเบ็ดพระกรุวัดบางขุนพรหม ไม่เขียนถึงมันนอนไม่หลับครับ๕๕๕๕..ผมสงสัยว่าทำไมไม่เห็นใครเขียนถึงเลยว่าเรื่องราวมันจริงมันเท็จแค่ใหน ผมเชื่อว่าทุกๆท่านที่สนใจเข้ามาศึกษาพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม จะต้องเคยเห็นเจดีย์องค์ใหญ่ ทั้งเห็นองค์จริงและเห็นในรูปน่ะครับ ในหนังสือเขียนไว้ว่าพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ที่ได้จากการตกเบ็ดจะเรียกว่า พระสมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่า แล้วก็บรรยายวิธีการตกเบ็ดว่า ปีนขึ้นไปบนองค์เจดีย์เอาดินเหนียวมาปั้นติดไว้ที่ปลายเชือกแล้วหย่อนเส้นเชือกลงไปใน ช่องลม ดินเหนียวโดนองค์พระก็จะติดแล้วก็ค่อยๆสาวเชือกขึ้น พูดน่ะมันง่ายครับ๕๕๕๕๕๕......เจดีย์ วัดบางขุนพรหม เป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอับดับที่๔ในพระนคร เจดีย์องค์ใหญ่อันดับ๑.เจดีย์วัดบวรนิเวศวิหาร ๒.เจดีย์วัดโสมนัสราชวรวิหาร ๓.เจดีย์วัดมกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร และ ๔.เจดีย์ใหญ่วัดบางขุนพรหม ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้สร้างตามแบบอย่างเจดีย์องค์ใหญ่วัดบวรนิเวศวิหาร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่๔. ผมให้ทุกๆท่านลองนึกภาพดูตามน่ะครับว่าคนที่จะปีนขึ้นไปตกเบ็ดพระในเจดีย์ จะต้องนั่งยังไงจะเหยียบอะไรมือเกาะเกี่ยวตรงใหน ที่สำคัญองค์เจดีย์ไม่มีรูช่องลมสักช่องครับ ใหนพระที่ตกฝังในดินโคลนแห้ง สิ่งของฐานโคลงไม้ค้ำยันองค์เจดีย์ล้มกองทับถมกัน พระจับกันเป็นก้อน ติดแน่นกับพื้น ก็ตอนเปิดกรุปี ๒๕๐๐ พระมีสภาพแตกหักเสียหาย จับกันเป็นก้อนต้องกรอต้องแกะแซะแงะงัดแยกออกที่ล่ะองค์ๆ มีอดีตเซียนใหญ่บางท่านบอกว่าพวกตกเบ็ดพระตักน้ำมาแล้วเทลงไปในเจดีย์เพื่อให้พระลอยขึ้นมา๕๕๕๕๕๕๕..... สรุปว่าการตกเบ็ดพระมันไม่เป็นความจริงหรอกครับ พระที่เรียกว่าพระกรุเก่า คือพระที่ถูกโขมยออกมาโดยการเจาะฐานเจดีย์เข้าไปแบบง่ายๆสะบายๆ เรื่องทั้งหมดก็มีอยู่แค่นี้เองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤษภาคม 2015
  13. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ขออนุญาตพักสายตาก่อนน่ะครับ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาอ่านครับผม ข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนผมต้องกราบขออภัยจริงๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2014
  14. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรม เป็นวัดตั้งอยู่นอกกำแพงพระนคร เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๔.เสด็จขึ้นครองราชย์ ในปี พ.ศ ๒๓๙๔ โปรดเกล้าให้ขุดคลองขยายเขตพระนครออกไปจากคลองบางลำพูที่เป็นคูเมืองมาแต่เดิม ขุดเริ่มจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ วัดเทวราชกุญชร (วัดสมอแครง)เทเวศร์ ไปทะลุออกอีกด้านหนึ่งบริเวณ วัดแก้วฟ้าสี่พระยา คลองขุดเสร็จในปี พ.ศ ๒๓๙๕ ได้รับพระราชทานชื่อว่า คลองผดุงกรุเกษม ตั้งแต่นั้นมา วัดอินทรวิหาร จึงต้องมีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดใหม่เกือบทั้งหมด แต่การบูรณแบบค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยมา เพราะเป็นวัดอยู่ในพระนครแล้ว ต้องให้สมเกียรติสมฐานะพื้นที่เขตพระนครใหม่ และที่สำคัญมันเป็นศักดิ์ศรีหน้าตาของชาวลาว ชาวสยาม ตำบลบางขุนพรหมทุกๆคนด้วย โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯรับเป็นองค์อุปถัมภ์ทั้งหมด ซึ่งถือว่าวัดอินทรวิหาร เป็นวัดที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯมาจำวัดเป็นประจำนอกจากวัดระฆังโฆสิตาราม ฝั่งธนบุรี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไม่ได้ปลดละวางงานในหน้าที่เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม และพระราชาคณะ ให้ใครรับผิดชอบแทนท่านอย่างที่เข้าใจหรอกครับ เพียงแต่งานภารกิจบางอย่างท่านอาจจะมอบหมายให้พระฐานาเป็นผู้ทำการแทนท่านในบางกรณีเท่านั้นครับ เรื่องที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯมีความผูกพันทั้งคนทั้งวัดในตำบลบางขุนพรหมคงไม่ต้องพูดถึง เป็นที่รับรู้รับทราบกันไปทั่ว ไม่มีกิจนิมนต์ในวัง ญาติโยมที่มานิมนต์ท่านถ้าไม่พบที่วัดระฆังฯ ก็ต้องนั่งเรือข้ามฝากมาพบท่านที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ทุกๆครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤษภาคม 2015
  15. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ถ้าดูตามแผนที่ทางอากาศจะเห็นอาณาบริเวณ วัดอินทรวิหาร มีพื้นที่กว้าขวางมากซึ่งเป็นธรรมดาของการสร้างวัดของคนในสมัยโบราณ ตอนท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จะสร้างวัดขึ้นมาใหม่ขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่๔ ชาวบ้านบางขุนพรหมถวายที่ดินให้ท่านฯสร้างวัดห่างจากวัดอินทรวิหารประมาณเส้นกว่าๆ ติดกับชุมชนบ้านพานถม ซึ่งในปัจจุบันนี้ชุมชนบ้านพานถมเหลือเป็นชุมชนเล็กๆติดคลองบางลำพู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวลาว ทั้งลาวเวียงเหนือลาวเวียงจันทร์ เรียกว่าเป็นที่อยู่ของคนตระกูลลาวที่ใหญ่ที่สุดในเขตพระนครฝั่งตะวันออกก็ว่าได้ ให้คนลาวตั้งชุมชนปลูกสร้างบ้านเรือนนอกพระนคร กระจายตามริมคลองบางลำภพูตลอดแนว คนลาวเหล่านี้ถ้าไม่มีฝีมือเชิงช่างใดๆ ก็ต้องไปเป็นกรรมกรใช้แรงงานรับจ้างทั่วๆไป หรือเป็นกุลีแบกหามขนถ่ายสินค้าขึ้นลงเรือ ถ้าไปหาดูภาพถ่ายเก่าๆ ถ่ายในสมัยรัชกาลที่๖.จะเห็นในคลองผดุงกรุงเกษมมีเรือขนถ่ายส่งสินค้ามาจอดเรียงรายติดๆกันตั้งแต่ปากคลอง วัดเทวราชกุญชร เทเวศร์ เข้าไปด้านในจนถึงปากคลองวัดแก้วฟ้า สี่พระยา ย้อนไปในสมัยรัชการที่๔.เป็นยุคที่สยามเปิดประเทศทำสนธิสัญาการค้ากับชาติตะวันตก มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าเข้าออก จำเป็นต้องใช้แรงงานจำนวนมากก็ได้แรงงานคนลาวนี่และครับเป็นหลัก ผมไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า ในสมัยนั้นทางการสั่งห้ามคนลาวค้าขายน้ำตาล ให้ผลิตได้เท่านั้นแต่ห้ามขายเองโดยเด็ดขาด ก็ไม่ต้องสงสัยครับคงมีคนใหญ่คนโตมากๆต้องการจะเป็นผู้ค้าผู้ขายแบบผูกขาดเพียงรายเดียว ส่วนคนลาวให้เป็นได้แค่กรรมกรใช้แรงงาน รับจ้างเท่านั้น เอ๊ะมันทำกันมานามแล้วนี่ระบบนี้อ่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2016
  16. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ไปอ่านเจอมาสดๆร้อนๆในไทยรัฐ สนามพระวิภาวดี สีกาอ่างวันนี้เอาพระสมเด็จพิมพ์ฐานคู่วัดใหม่อมตรส มาลงสวยมากๆครับ และบรรยายเขียนไว้ว่า องค์นี้เป็นพระกรุเก่า ถูกโขมยออกก่อนเปิดกรุปี ๒๕๐๐ แต่สภาพยังเนี้ยบ ต้องเป็นพระบรรจุอยู่ชั้นบนสุดจึงไม่เสียหาย เวลาเทพระเครื่องลงไปบรรจุในกรุ จึงทำให้พระจำนวนหนึ่งค้างอยู่ตามขื่อคาน ไม่ตกลงไปที่พื้นดินด้านล่างเจดีย์ที่มีน้ำซึมเข้ามาได้เวลาฝนตก....นี่มันตามที่ท่านอดีตเซียนผู้ยิ่งใหญ่ในปฐพีเคยพูดไว้เป๊ะๆเลยนิ(ผมเติมเอง)๕๕๕๕๕๕๕๕๕...อุสาห์ช่วยกันสร้างมาแสนจะเหนื่อยยากลำบากลำบน นั่งกดนั่งพิมพ์หลังคดหลังแข็งกลัวเสร็จไม่ทันการณ์ ทะนุทะนอมพระพิมพ์ที่สร้างเสร็จทุกๆองค์แบบหนูไม่ให้ไต่ ไก่ไม่ให้จิก แต่พอสร้างเสร็จเรียบร้อย เช็คนับจับตี้วได้ครบตามจำนวน ๘๔๐๐๐องค์แล้วถึงตอนที่จะนำเข้าบรรจุในองค์เจดีย์....ด้วยวิธีการเทพระพิมพ์เนื้อผงลงไปในองค์เจดีย์เลย ก็อาจจะคิดว่าเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของพระพิมพ์ไปด้วยมั้ง องค์ใหนไม่แตกหักเสียหายจากการเทลงไปในเจดีย์ก่อนก็ถือว่าผ่าน คงรูปคงความสวยสมบูรณ์มาจนถึงทุกวันนี้..ต้องกราบเรียนว่ามันช่างเป็นวิธีที่ สิ้นคิด ที่สุดแสนจะบรรยายเลยครับ.๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤษภาคม 2015
  17. นํ้าข้าว

    นํ้าข้าว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,435
    ค่าพลัง:
    +10,351
    เห็นด้วยกับท่านจั่วน้อยครับ มั่วได้ใจจิงๆคนเขียน ใครจะเทพระลงเจดีย์จากยอด พระก็แตกหักหมดจิ สักแต่จะเขียนน้อ ไม่ยอมใช้สมองคิดเลยอะ ผมว่าตอนเปิดกรุก็น่าจะมีคนเห็นว่าพระอยู่แบบไหนเพราะเคยเห็นมีภาพตอนทุบเจดีย์ลงหนังสืออยู่
     
  18. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ขอบคุณท่านแบทแมนมากๆครับ...ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับว่าทำไมเรื่องแค่นี้ยังนำมาโกหกบิดเบือนกันอยู่ได้ มันไม่ใช่ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อน่ะครับ มันคือข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ว่า พระพิมพ์สร้างด้วยเนื้อผงมีความกรอบแกร่ง เปราะแตกหักเสียหายได้ง่ายมากๆ หล่นลงพื้นแข็งๆหน่อยสูงเพียงครึ่งเมตรก็แตกหักร้าวบิ่นเสียหายแล้ว ไม่ใช่สร้างด้วยเรซิน ไม่ใช่สร้างด้วยพลาสติก ไม่ใช่สร้างด้วยเหล็กกล้า ถ้ามีจริงก็คงจะเป็นของเก๊ของปลอมเท่านั้นครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2014
  19. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    ที่บรรดาเขาๆทั้งหลายเขียนได้มั่วสุดๆแสนจะจับจิตจับไต ก็เพราะว่าบรรดาดาเราๆท่านๆทั้งหลายพอเห็นชื่อคนเขียนก็ทำตาโตเท่ากำปั้น พูดในใจดังๆว่า ใช่ครับพี่ ดีครับป๋า สุดยอดครับเฮีย เราก็จะได้อ่านข้อมูลที่ซ้ำๆซากๆวนไปวนมา พระสมเด็จวัดระฆังฯหลวงปู่โต เป็นผู้สร้าง ท่านสร้างด้วยมวลสารอาถรรพ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เก็บมาตอนท่านออกธุดงค์ มาผสมผงวิเศษห้าอย่าง เชื่อกันว่าท่านสร้างแบบไม่รีบไม่ร้อน สร้างไปแจกไป ว่ากันว่าท่านเอาพระวางไว้ในก้นบาตร โยมคนใหนใส่บาตรเป็นคนแรกก็โชคดีไป หยิบเอาพระในบาตรแล้วตักข้าวใส่บาตรแท้ ท่านทำอย่างนี้ประจำ หมดแล้วก็มาสร้างใหม่ พระวัดระฆังฯจึงมีจำนวนน้อยมาก ใครๆก็อยากจะได้ ราคาจึงแพงเพราะมีน้อย๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕...ของเก๊มีเยอะมีมานานแล้วเพราะใครๆก็อยากได้พระของท่านไปบูชาเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง พระสมเด็จท่านมีราคาตั้งแต่ท่านยังไม่สิ้น อุว่ะรู้จิง.๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2014
  20. thachapol

    thachapol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,138
    ค่าพลัง:
    +1,903
    เรื่องราวอัติชีวประวัติของบุลคลสำคัญๆในโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่เขียนขึ้นจากหลักฐานข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จะมีต่อเติมเพิ่มเข้าหรือตัดออกก็เป็นธรรมดา แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริง ในประเทศที่เขาจะเจริญแล้วเขาทำกันอย่างนั้น เพราะเขาตระหนักดีว่าข้อมูลที่เขียนในหนังสือต่อไปในภายหน้าคนรุ่นต่อๆมาจะได้นำมาใช้อ้างอิง นำมาเป็นเอกสารทางโบราณคดี เป็นเอกสารทางประวัติศาตร์ของชาติและของโลก ที่ผ่านมาก็มีเยอะแยะมากมายที่ใช้อ้างอิงประกอบ ถ้ามีหรือพบข้อมูลตรงใหนที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่ามันอาจจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลปรับปรุงในเนื้อหาสาระตรงส่วนนั้นครับ....ก็คงจะมีแต่ประวัติของพระสมเด็จฯนี้เท่านั้นมั้งครับ ที่ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะจริงจะเท็จสักกี่มากน้อยแค่ใหน เนื้อหาประวัติเขียนมาอย่างไรก็เชื่อตามนั้น...
     

แชร์หน้านี้

Loading...