@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    <iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/C4VCFUuj_s4?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มีนาคม 2016
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    <object classid="clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000" codebase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" width="444" height="444"><param name="scale" value="noscale" /><param name="allowFullScreen" value="true" /><param name="allowScriptAccess" value="always" /><param name="allowNetworking" value="all" /><param name="bgcolor" value="#777777" /><param name="movie" value="http://www.mongkoldhamma.org/jwplayer.swf" /><param name="flashVars" value="&file=http%3A%2F%2Fwww.mongkoldhamma.org%2Fvideos.php%3Fvid%3D7176abf21&type=video&config=http%3A%2F%2Fwww.mongkoldhamma.org%2Fjwembed.xml" /><embed src="http://www.mongkoldhamma.org/jwplayer.swf" width="444" height="444" scale="noscale" bgcolor="777777" type="application/x-shockwave-flash" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="always" wmode="window" flashvars="&file=http%3A%2F%2Fwww.mongkoldhamma.org%2Fvideos.php%3Fvid%3D7176abf21&type=video&config=http%3A%2F%2Fwww.mongkoldhamma.org%2Fjwembed.xml"></embed></object><p><a href="http://www.mongkoldhamma.org/%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%8d%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%90-%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3-video_7176abf21.html" target="_blank">พระราชญาณวิสิฐ - หลักธรรมปฏิบัติ - การบำเพ็ญบารมีของพระมหาโพธิสัตว์</a></p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2016
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    จงอย่าเมตตาแบบโง่ๆ


    พระพุทธเจ้า แบ่งคนไว้เป็น 4 พวก คือ
    ...
    1. อุคฆฏิตัญญู คนมีปัญญาดี
    2. วิปจิตัญญ ปัญญาต่ำมานิดหนึ่ง
    3. เนยยะ พอแนะนำได้ เมื่ออธิบายหลายๆ ครั้ง อันนี้คน 3 จำพวกนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
    4. ปทปรมะ เอาดีไม่ได้นี้ องค์สมเด็จพระจอมไตร ทรงเสด็จหลีก ไม่ทรงสั่งสอน จะถือว่า พระองค์ขาดเมตตาไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะสอนเขา เขาไม่รับฟัง
    สำหรับพวกเราก็เหมือนกัน ถ้าจะแสดงเมตตาจิต
    ก็ดูเสียก่อนว่า คนประเภทนั้นเราควรจะเมตตาไหม
    แต่เห็นว่าแนะนำแล้ว ไม่ได้ผล ก็จงอย่าสงเคราะห์
    คนประเภทนั้น หลีกไปเสีย อย่างพระพุทธเจ้าทรงหลีก
    แต่ทว่าเขาไม่เลื่อมใส ในองค์สมเด็จ พระบรมสุคต
    ไม่เชื่อพระสัพพัญญู สมเด็จพระบรมครูก็ไม่ทรงสั่งสอน
    นี่ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ใครไปใครมาก็เมตตาเสียดะ
    เมตตาโง่ๆ แบบนั้นจะสร้างความเดือดร้อน เหมือนกับ
    เราจะให้ของเขา เขาไม่รับ ไปให้เขาทำไม
    ไม่ต้องไปอ้อนวอน ไม่ ต้องไปแค่นเขาให้รับ
    และ อีกประการหนึ่ง วันเวลา กำหนดระเบียบวินัย
    เป็นของสำคัญ จงอย่าเมตตาคน เกินกว่าระเบียบวินัย
    ดูตัวอย่าง องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา
    มีพระมหากรุณา ไม่มีขอบเขต แต่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ
    ทรงวางวินัย ไว้ลงโทษพระ ลงโทษเณร ทั้งนี้เพราะอะไร
    เพราะว่า ถ้าไม่มีระเบียบวินัย คนนั้น เราเมตตาไม่ได้
    เพราะเป็นคนเลว พระพุทธเจ้าทรงวางวินัย ไว้กี่พันข้อ
    227 นี่มัน ยังไม่หมด ยังมี ส่วนอภิสมาจารบ้าง
    ยังส่วนธรรมะ บ้างที่พระองค์ทรงห้าม นี่เป็นอันว่า
    พระพุทธเจ้ามีพระมหากรุณาธิคุณ ก็จริงแหล่
    แต่ทว่า ทรงเลือกเอาแต่เฉพาะคนดีเท่านั้น



    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี




    [​IMG]
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    จับหลวงปู่(ดู่)แม่นๆ

    จับหลวงปู่......แม่น ๆ

    ถ้ามีใครสักคนหนึ่ง ฝากของสำคัญกับเราไปถึงคน ๆ หนึ่ง เพื่อจะเป็นการกันข้อผิดพลาดจากการส่งของชิ้นนั้น ข้อมูลบุคคลปลายทางที่เราต้องการส่งของถึง น่าจะมีข้อมูลด้านใดบ้าง? นอกเหนือจาก ภูมิลำเนา ลักษณะเด่นของที่อยู่อาศัย ชื่อ สกุล รูปพรรณสัณฐาน ตำหนิหรือลักษณะเด่นของบุคคล คนนั้น
    จะดีกว่ามั้ย? ถ้าเปลี่ยนจากถ้อยคำอธิบายเกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ของคน ๆ นั้นเป็นภาพถ่ายสักใบ ถ้าจะให้ดีก็น่าจะเป็นภาพถ่ายที่เป็นปัจจุบัน พร้อมกับภาพของที่อยู่อาศัยของเขา อย่างน้อย ๆ ไม่มีภาพถ่ายที่เป็นปัจจุบัน ก็ขอให้ใกล้เคียงที่สุดจะได้ประหยัดเวลาและสะดวกกว่ากัน ทุ่นแรงกว่ากันเยอะ ว่ามั้ย?

    ลองพักเรื่องการรับฝากส่งของไว้ก่อน ย้อนนึกถึงเรื่องราวของ หลวงปู่และศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิด หรือผู้ที่ทันได้เห็น ได้กราบสังขารธรรมของท่านกันบ้าง นับว่าเป็นความโชคดี เป็นความได้เปรียบค่อนข้างมาก สำหรับโอกาสอย่างนั้น เพราะเป็นการสัมผัส พูดคุย นั่งมอง สบตา เห็นทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถของท่าน ซึมซับเอาพลังงานจากแหล่งตำรับ นับเป็นมงคลอย่างยิ่ง และ เป็นต้นทุนที่ทรงคุณค่า เห็นก็ได้เห็น ฟังเสียงก็ได้ฟังเสียง รับใช้ถวายงานท่านก็ได้สนองพระคุณท่านอย่างเต็มที่ กับองค์ท่านจริง ๆ โอกาสเช่นนี้คู่ควรแก่การโมทนาสักเพียงไหน เพราะการ “จับภาพท่าน” สำหรับทำกรรมฐาน น่าจะเป็นเรื่องที่ง่าย และสะดวกมาก เป็นการ “จับองค์ท่านของจริง....ที่มีชีวิต ดิ้นได้ พูดคุยได้ ตอบคำถามได้”
    ตรงกันข้ามกับศิษย์ผู้ห่างไกล ไม่ทันสังขารธรรมของท่าน เพียงได้อ่าน ได้ฟังข้อธรรมข้องท่านแล้วเกิดความศรัทธา ได้แต่มองภาพถ่ายของท่านแล้ว จดจำเอาไว้เป็น “องค์กรรมฐาน” และมีจำนวนไม่น้อยที่เกิดความน้อยอกน้อยใจในโชคชะตาตัดพ้อกับตนเองไปต่าง ๆ นา ๆ “มัวแต่ไปทำอะไรที่ไหนอยู่ จึงไม่ไปหาท่าน” หรือ “บุญน้อย เกิดมาไม่ทันท่าน” เหล่านี้เป็นถ้อยคำที่หลวงปู่ท่านเหมือนจะรู้ล่วงหน้า และดักทางเอาไว้ก่อนแล้ว ดังคำกล่าว (บ้างบอกว่าท่านอธิษฐาน) ของท่านว่า “ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า...”
    “มองภาพท่าน มองบ่อย ๆ มือกำพระ จิตอยู่ที่พระ ตาอยู่ภาพ” เป็นถ้อยคำที่หลวงตาม้าท่านได้เมตตาบอกกับลูกศิษย์อย่างนี้มานาน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากรุ่นสู่รุ่น คนแล้วคนเล่า ท่านก็เมตตาบอกอย่างนี้ “ให้ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ มองภาพท่านให้เกิดอาการ เกิดความรู้สึก ถ้าภาพท่านยิ้มเมื่อไหร่ก็จบละ...จบหลักสูตรถ้ำเมืองนะ” กรรมฐานนี้ที่หลวงตาท่านว่า “ไม่เห็นจะยากเลย !”
    ข้าพเจ้าเคยแอบค่อนขอดนินทาในใจเมื่อได้ฟังคำสอนของหลวงตาในครั้งแรก เพราะคิดและเข้าใจว่า ภาพปกติธรรมดา ๆ ของหลวงปู่ภาพหนึ่ง เปลี่ยนได้จริง ๆ นะหรือ ออกจะโม้เกินจริงไปหน่อยละมั้ง? ภาพอาจเปลี่ยนได้จริง ๆ ถ้าจ้องมองจนตาเหล่ หรือตาลาย น้ำตาไหลออกมา ถึงแม้ในเวลาที่ปฏิบัติกันจริง ๆ หลวงตาท่านกลับบอกว่า ให้ทำใจสบาย ๆ อย่าไปจ้อง อย่าเพ่ง อย่ากด อย่าอยาก ให้ทำตัวสบาย ๆ มองธรรมดา ๆ ความเลวในใจก็ยังคงค้านอยู่เช่นเดิมแหละ “มองนาน ๆ ตาก็คงเมื่อย เดี๋ยวก็ตากลับ ตาเพี้ยน พาลให้กรรมฐานเพี้ยนไปล่ะไม่ว่า !” แต่ถึงกระนั้นก็ยังอุตส่าห์ทดลองทำ ทำอย่างที่ที่หลวงตาท่านสอน
    “ตา เห็นภาพ จิตเห็นนาม” ประโยคนี้อธิบายถึง “ความรู้สึก อันเนื่องมาจากการมองภาพหลวงปู่” เมื่อเรามองภาพวิว ทิวทัศน์ เราย่อมเกิดความรู้สึกคนละแบบกับภาพของหลวงปู่ เรามองภาพของคน ๆ หนึ่ง แม้จะเป็นพระสงฆ์เหมือนหลวงปู่ แต่ก็เกิดความรู้สึกทางใจที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเรามองภาพหลวงปู่ มองธรรมดา ๆ มองเฉย ๆ แล้วสังเกตความรู้สึกในใจไปด้วย บ่อยครั้งที่ความรู้สึกมัน “ไม่เหมือนเดิม” แต่ก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร รู้แต่เพียงว่ายิ่งมองยิ่งเพลิน ๆ ไปกับความรู้สึกในใจ
    เพลินกับการมองภาพท่าน สังเกตอารมณ์ใจของตนเอง ควบคู่กันไปด้วยจนลืม ลืมไปว่าภาพหลวงปู่ที่ยืนมองอยู่แต่เดิมเป็นภาพในท่านั่งห้อยขาแท้ ๆ ครั้นพอเกิดความรู้สึก “บางอย่าง” กลับมีภาพของ “หลวงปู่ทวดไปอยู่ตรงหน้าท้องของหลวงปู่” ชัดเจนอยู่ราว ๆ เกือบสิบวินาที ด้วยความตกตะลึง พาให้ลืมตัว ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ขยี้ตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใจเต้นราวกับกลองรัว เหงื่อแตกพลั่ก ๆ ชา มึน ไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว รู้สึกเบาโหวงราวกับจะลอยออกไปจากที่ตรงนั้น ครั้นตั้งสติได้ ภาพหลวงปู่ทวดก็ค่อย ๆ จางหาย หายไป จนเหลือแต่ภาพหลวงปู่ดู่นั่งห้อยขาอยู่เหมือนเดิม
    หลังเหตุการณ์ในวันนั้นต้องกลับมาตั้งหลักทบทวนกันใหม่ “ไม่กด ไม่จ้อง ไม่เพ่ง” เป็นอย่างไร “ทำใจสบาย ๆ ทำตัวสบาย ๆ” ที่หลวงตาว่าเป็นอย่างไร? พลังงานคืออะไร? ภาพเปลี่ยนได้อย่างไร? จึงเป็นเรื่องที่ต้องค้นหา ครั้นจะถามเอาความรู้กับหลวงตาก็เกรงว่ามันจะง่ายไป รวบรัดตัดตอนเกินไป เสียดายอรรถรสของความดื้อรั้นไป “การงมโข่ง” จึงเป็นทางเลือกที่เต็มใจค้นหาต่อไป
    เมื่อผ่านขั้นตอนของการ “ไม่กด ไม่จ้อง ไม่เพ่ง ทำตัวสบาย ๆ ทำใจสบาย ๆ” จึงเข้าสู่โหมดของการทบทวนอารมณ์ใจสุดท้าย เป็นอารมณ์สุดท้ายก่อนที่จะเห็นภาพหลวงปู่ทวด ที่หน้าท้องหลวงปู่ดู่ ทำให้รู้ว่า “พลังงาน ในภาพหลวงปู่นั้น ใช้ระยะเวลาพอสมควร ที่จะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกในใจ รับรู้ความรู้สึกในใจควบคู่กันไปกับการมองภาพ ความรู้สึกในใจเปลี่ยนไป ภาพก็เปลี่ยน” แต่ภาพที่เปลี่ยนนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะ “ความรู้สึกทางใจ อารมณ์ใจ....หรือพลังงานทำให้ใจแสดงอาการแล้วแสดงออกทางร่างกาย แสดงออกที่ตา....เราจึงรู้สึกว่าภาพนั้นเปลี่ยน” แท้จริงแล้ว ภาพก็คือภาพเดิม ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งนี้เพราะภายหลังมาพิจารณาภาพก็ไม่เห็นมีร่องรอยของความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังคงเป็นภาพหลวงปู่นั่งห้อยขาอยู่เหมือนเดิมทุกประการ
    จะว่าไปแล้วจริง ๆ ภาพหนึ่งภาพแทนคำอธิบายนับพันนับหมื่น นับได้ว่าไม่เป็นการกล่าวเกินเลยไปแม้แต่น้อย ใครเลยจะคาดคิดว่า ภาพหลวงปู่ที่มองอยู่ ภาพที่นึกถึงอยู่นั้น ก็ยังเปลี่ยนกลับไปกลับมา มีทั้งยิ้ม ทั้งอ้าปากหัวเราะ ทั้งยักคิ้ว หลิ่วตา โบกมือ ขยับแข้งขา โยกตัว และฯลฯ อากัปกิริยาที่พบเห็นนี้ว่าแปลกแล้ว บางครั้งเป็นภาพของจอมกษัตริย์ บางครั้งเป็นภาพของนักบวช เป็นพระสงฆ์ที่คุ้นหน้า และเคยรู้จักหลายท่าน หลากอิริยาบถกันไป แต่ละภาพก็ให้ความรู้สึกทางใจที่แตกต่างกัน ถ้าจะสรุปความเรื่องพลังงานของท่านแล้ว บอกว่า “หลวงปู่เป็นพระสงฆ์” อาจไม่ผิด แต่ไม่ถูกทั้งหมด หรือบอกว่า “หลวงปู่เป็นพระสงฆ์ด้วย เป็นฤาษีด้วย” ก็คงไม่ถูกนัก แต่ “ความรู้สึก อันเนื่องมาจากภาพแต่ละภาพที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนมาในขณะที่เราทำกรรมฐานนั้นคือพลังงานที่เนื่องกันกับหลวงปู่” น่าจะครอบคลุมและเหมาะสมกว่า และสอดคล้องต้องกันอย่างน่าทึ่งกับคำบอกของหลวงตาที่ว่า “เพราะหลวงปู่ท่านเป็นโพธิสัตว์องค์ต้น ท่านอยู่หัวแถว นึกถึงองค์หัวแถว องค์ต่อแถวลำดับถัด ๆ ไปก็ต้องมา มาหมดแหละ นึกถึงท่านองค์เดียวก็เหลือเฟือแล้ว !”
    ในการปฏิบัติกรรมฐานด้วยภาพหลวงปู่นั้น เราเลียนแบบศิษย์รุ่นที่ทันสังขารธรรมของท่านด้วยการ มองภาพหลวงปู่ เพราะเราไม่เคยเห็นท่าน ไม่ทันสังขารธรรมของท่าน อาศัยอ้างอิงเอาจากคำบอกสอนของหลวงตา มองเพื่อให้ใจของเราได้ซึมซับพลังงานของท่านเข้าไป แล้วเอาพลังงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์ พลังงานทั้งหมดทั้งมวลอันเนื่องมาจากการมองภาพ หรือ “จับภาพหลวงปู่” ทยอยเข้าสู่ใจ ทีละนิดทีละหน่อย จนกระทั่งรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นหนึ่งที่ไม่มีอื่นใดมาเทียบได้อีก

    เมื่อนึกถึงท่านแล้วเกิดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลพร้อมกันพรึ่บเดียว หลวงปู่บังเกิดขึ้นแล้วในใจ ดิ้นได้ ขยับได้ เป็นหลวงปู่จริง ๆ มีชีวิตจริง ๆ ก็ถึงเวลาที่ต้อง “เลิกจับภาพท่าน” แล้วหันมาจับหลวงปู่จริง ๆ จะนึกถึงภาพทำไม นึกถึงท่านเลยตรง ๆ ในเมื่อหลวงปู่ท่าน องค์จริง ๆ ของท่านอยู่ในใจเราแล้ว เราสวด ท่านสวด เราเดินท่านเดิน พลังงานท่านอยู่กับเราแล้ว ถึงตรงนี้แล้วไม่มีความแตกต่างขององค์กรรมฐานระหว่างคนที่ทันสังขารธรรมของท่านกับเราผู้ไม่ทันสังขารธรรมท่านแล้ว หน้าที่ต่อไปคือ “รักษาท่านไว้ให้ดี” ถามว่ารักษาอย่างไร? “ดูจิตเรา....รักษาจิตเราให้มีท่านอยู่ มีความรู้สึกที่ท่านอยู่เป็นหนึ่งเดียวกับกายกับใจเรา แบบนี้พลังงานของท่านก็อยู่กับเราตลอดทุกอิริยาบถ อย่าให้ภาพหลวงปู่ บังหลวงปู่เสียเอง..!”






    [​IMG]



    https://www.facebook.com/ลูกแก้วจักรพรรดิ-707998162614344/
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    ~ การอนุโมทนาบุญคือการฝากกระแส ~


    "การโมทนากันและกันนี่คือการฝากกระแส
    เช่น ไปวัดก็โมทนาบุญกับผู้ที่สร้างวัดนี้ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต
    ขอเทวดา ภพภูมิบริเวณวัดมาอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าด้วย ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต
    ไปไหนมาไหนก็ฝากกระแสไป มันอยู่ที่เราจะคิดออกไหมว่าจะอนุโมทนาบุญอะไร"



    คติธรรมคำสอนหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    การให้อภัย มิได้หมายถึง
    การลืมเหตุการณ์ที่เจ็บปวด
    แต่หมายถึงการไม่ยอมให้
    เหตุการณ์เหล่านั้นมาทำร้ายเรา

    ....ไม่ว่าโดยวิธี เอาจิตไว้ในกระแสพลังงานพระ

    หรือ เห็นชัดด้วยปัญญาว่า อะไรเป็นเหตุนำสัตว์โลกให้เป็นเช่นนั้น
    แล้วจะเกิดเมตตากรุณา มาแทนความรู้สึกอันก่อให้เกิดความเจ็บปวด







    [​IMG]
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    " จักรพรรดิคือใคร ไม่มีใครรู้นะถ้าไม่ศึกษา จักรพรรดิสุดท้ายคือพระอรหันต์นะ พระอรหันต์น่ะทรงเครื่องเป็นแก้ว พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันน่ะถ้าไม่บวชก็เป็นจักรพรรดินะ จักรพรรดิคือพระแก้วมรกตทรงเครื่องนั่นนะฮะ นั่นคือจักรพรรดิ คนที่จะเกิดเป็นจักรพรรดินั่นคือโพธิญาณ 90%ต้องเป็นโพธิญาณ ต้องเป็นโพธิสัตว์ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในข้างหน้า ท่านก็สร้างบารมีไปเรื่อยๆ พระพุทธเจ้ามีสามระดับ มีปัญญา มีศรัทธา มีวิริยะนะฮะ องค์ปัจจุบันเนี่ยเป็นปัญญานะ ใช้เวลาน้อยหน่อย หลวงตาไปอินเดียมา ชอบไปดูพลังงาน ทำไมอินเดียถึงไม่มีพุทธศาสนาในตอนนี้เนี่ย แปลกนะ บางคนสงสัย ทำไมมาประเทศอื่นหมดเลย เพราะสมัยที่ท่านอยู่อินเดียนะ ท่านกวาดเอาพวกท่านที่สร้างบารมีไปหมดเลย แล้วอินเดียสมัยนั้นก็มีลัทธิมากเยอะเลย ลัทธิพวกเนี่ยทุกวันอยู่อินเดีย แต่พระอรหันต์ที่ท่านมาเผยแพร่ศาสนา มาทางนี้เนี่ย ไทยมั่ง ศรีลังกามั่ง จีนมั่ง มันเจริญเพราะมันไม่มีลัทธิ ในอินเดียไม่มีศาสนานะ มีแต่เจ้าลัทธิทั้งหมด มีฮินดู มีรูปหนุมานบ้างที่เขานับถือตามทางข้างๆ พุทธเนี่ยไม่มีเลย มาอยู่ที่ไทย ศรีลังกา ที่ต้นโพธิ์นั้นก็มีแต่ชาติอื่นเต็มหมดเลย จากธิเบต จากจีน จากไทย ไทยนี่เยอะฮะ เพราะนั้นศาสนาเลยมาทางนี้ มาทางรอบๆอินเดีย เพราะที่ท่านมาเมื่อก่อนนี้ไม่มีลัทธิอะไร มันเป็นคนกลุ่มน้อยอย่างที่เรามาเนี่ย ศาสนามันก็เลยเจริญแถวนี้ นั่นน่ะแล้วไม่ต้องสงสัยเลย "

    ตอบปัญหาธรรม หลวงตาม้า 26 มีนาคม 2556




    [​IMG]
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]


    สวดมนต์ ภาวนา ทำดี ลายมือและชะตาชีวิตเปลียนได้
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    [​IMG]
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    "ทำบารมี 10 ให้เต็มโดยอาศัยทานบารมี"

    การที่จะสร้างบารมี 10 ให้เต็มได้นั้น
    ย่อมต้องอาศัยทานบารมีเป็นตัวหลัก
    เพราะกว่าจะสร้างทานบารมีได้ทานเดียวนั้น
    ย่อมต้องใช้กำลังใจอีก 9 บารมีมาร่วมด้วย

    เริ่มจากศีลบารมี คือ
    เมื่อเราให้เขาไปแล้วย่อมไม่คิดฆ่าเขา
    ลักทรัพย์กลับนั้นกลับมา ผิดลูกเมียเขา
    ไม่พูดโกหกแก่เขา ไม่ชวนไปดื่มสุราแน่นอน

    ศีลบารมี ร่วมด้วยเมตตาบารมี คือ
    เราจะสามารถให้ทานนั้นได้ เราต้องมีเมตตามา
    ก่อนใช่ไหม เมตตาบารมี ร่วมด้วย

    เนกขัมมะบารมี คือได้ความบริสุทธิ์มา
    เมื่อให้ตอนนั้นมันมีความบริสุทธิ์
    นี่เนกขัมบารมี ร่วมด้วย

    ปัญญาบารมี ถ้าเราไม่มีปัญญาเราก็ไม่สามารถ
    จับจ่ายทรัพย์นั้นออกไปได้ ปัญญาบารมี ร่วมด้วย

    วิริยะบารมี แน่นอนว่าถ้าไม่มีความเพียรย่อมให้
    ไม่ได้ ความเพียร นั้นคือ ความเพียงทำลายกิเลส
    คือมัจฉริยะ ความตระหนี่ถี่เหนียว
    ถ้าไม่มีวิริยะบารมี ให้ไม่ได้

    ขันติบารมี ความอดทน
    การที่กว่าที่เราจะได้ทรัพย์นั้นมาต้องใช้ความ
    อดทน เช่น คนมีเงินเดือนต้องทำงานทั้งเดือน
    กว่าจะได้ทรัพย์นั้นมา ขันติบารมี ร่วมด้วย

    สัจจะบารมี การตั้งสัจจะว่าต้องการจะให้
    สัจจะบารมีร่วมด้วย

    อธิษฐานบารมี การอธิษฐานย่อมมีเมื่อให้เสร็จ

    และอุเบกขาบารมี คือการวางเฉย สมมุติว่ามี
    เงิน 500 บาท ทำบุญไป 50 บาท เหลือ 450 บาท เกิดมีความจำเป็นต้องใช้เงิน 500 บาทพอดี
    แต่ไม่เป็นไร
    คิดว่าตรงนี้มีความสำคัญกว่าตรงนั้น
    ตรงนั้นเราสามารถหาใหม่ได้
    อุเบกขาบารมี ร่วมด้วย

    เห็นได้ว่า กว่าจะได้ทานบารมีทานเดียวย่อมต้องใช้กำลังใจ
    อีก 9 บารมีร่วมด้วย

    โดย หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี



    [​IMG]
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +70,354
    ถามตอบปัญหากับหลวงตา-ตอน เทวดาอริยะ พรหมอริยะ

    -------------------------------------------------


    .
    .
    Benfever : เทวดาอริยะ พรหมอริยะ มีจริงมั้ยคะ
    หลวงตาม้า : มี
    Benfever : แล้วเราสามารถช่วยเทวดา พรหมเปลี่ยนเป็นเทวดาอริยะ พรหมอริยะ ได้หรือเปล่าคะ
    หลวงตาม้า : ไม่ได้ นอกจากพระพุทธเจ้าจะเทศน์ จะได้ ต้องเจอพุทธะ
    Benfever : เทวดา
    หลวงตาม้า : ไม่เกิดก็ได้
    Benfever : แล้วท่านอยู่ที่ภูมิใดคะ
    หลวงตาม้า : ใคร
    Benfever : เทวดาอริยะ พรหมอริยะ
    หลวงตาม้า : อยู่ มีทุกภูมิ ผู้ที่เป็นโสดาบ้าง สกิทา อนาคามี มีทุกภูมิฮะ ไม่ใช่อยู่ที่พรหม ไม่ใช่นะ มีได้ทุกภูมิ
    Benfever : (อื๊อ ในคอ)
    .
    .
    ตอน หลวงตาแตะลูกศิษย์
    .
    Benfever : แล้วเวลาหลวงตาแตะๆ ลูกศิษย์อย่างเงี้ย
    หลวงตาม้า : อ๋อ ขอบารมีผ่านที่เราไปที่เค้า ในสิ่งที่เค้าอธิษฐาน
    Benfever : ให้สำเร็จ หนูก็ทำได้
    หลวงตาม้า : มันอยู่ที่เขา ใครๆ ทำได้หมด ถ้าเราผ่านพลังงานได้ ก็ทำได้ หมายถึง เรานึกมาเนี่ยมัน เรานึกอะไรแล้วมาเลย ถ้าเราอารมณ์ดีนะ เราจะสามารถจะผ่านได้
    .
    .
    ตอน ขี่ครุฑ
    .
    Benfever : แล้วใครถึงสามารถขี่คอครุฑได้คะ
    หลวงตาม้า : โพธิสัตว์หน่ะ
    ลูกศิษย์ท่านอื่น : (หือ ในคอ)
    Benfever : แล้วที่พญาครุฑ ที่ครุฑ หิ้วปีก หิ้วขึ้นไปอย่างงี้
    หลวงตาม้า : หิ้วปีกใคร
    Benfever : หิ้วหนูขึ้นไป
    หลวงตาม้า : อ๋อ ก็ถูกแล้ว
    Benfever : แล้วหนูก็เลยแปลกใจ ก็เลยลองไปขี่ดู ก็ ก็มีดิ้นๆ อย่างนี้หนูอุปทานหรือเปล่าคะ
    หลวงตาม้า : ครุฑนะจะเกี่ยวพันกับเรา จึงจะขี่ได้
    Benfever : ค่ะ แล้วก็ขี่เข้าไป
    หลวงตาม้า : ขี่ได้ เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก เป็นหลานในอดีต
    Benfever : (อื๊อ ในคอ)
    .
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ - หลวงตาม้า วิริยธโร ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคตทั้งหมดทั้งมวลด้วยเทอญ สาธุ




    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...