คำทำนายภัยพิบัติที่แม่นยำ และการปกป้องภัยพิบัติ ของพระมหาโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา, 15 กันยายน 2011.

  1. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    การที่เราจะเอาแต่ชนะกันนั้น มันก็มีแต่แพ้กับแพ้

    คือความคิดที่ไม่กลาง ซึ่งเรียกว่า อคติ หรือ ความลำเอียง
    เมื่อคนเรามีความลำเอียงแล้วก็มองไม่เห็นความจริง
    ทำให้เกิดการไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน
     
  2. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    พักนี้ผมมีเรื่องปรึกษางานกับท่านผู้หนึ่งอยู่ งานครั้งสุดท้ายจะเสร็จสิ้นและถึงจุดสูงสุดพอดิบพอดีในกลางปีนี้

    ผมก็เล่าให้ท่านฟังว่า ในอินเตอร์เนตมีมารมาโจมตีการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ โจมตีอาจารย์ทิพากร ท่านพิโรธเป็นอันมาก ท่านไฟเขียวให้ผมมาเขียนไว้เลยว่า

    ไปถามพวกมันว่า มันมาจากนรกขุมไหน ขึ้นมาแล้ว ยังทำตัวเป็นศิษย์เทวทัต !

    ท่านย้ำกับผมถึงสองสามครั้งให้มาเขียน ท่านบอกว่า เขียนให้คนทั้งโลกได้อ่านไว้

    ผมได้เรียนท่านว่า ช่วงนี้ภัยพิบัติไม่เกิดขึ้นตามคำทำนาย มีมนุษย์ผู้โง่เขลาเย้ยหยันคำทำนายว่าไม่มีจริง ไม่เกิดขึ้นจริง ท่านสั่งสอนมาว่า

    คนพวกนี้ให้มันหลุดออกจากแรงต้าน แล้วพวกมันจะเจอวิบากกรรมแน่ เคยเห็นไหมที่ก่อนจะเกิดภัยพิบัติ มันจะเงียบผิดปกติ

    งานนี้ขอบอกว่า ผู้โอห้งทั้งหลายเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีแล้วกัน เหอะๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  3. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - ผมมารอความเห็น แต่สุดท้ายเห็นแต่คำด่า
    - ผมไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อเรื่องภัยพิบัติ ผมไม่ได้ประมาทอะไร แต่ครูบาอาจารย์ คนที่ผมเคารพเขาก็แนะนำแค่ว่าให้รักษาศีล ผู้มีศีลมีธรรมจะอยู่รอด ซึ่งผมก็เชื่อตามนั้น
    - ก็พิจารณาเอาละกันว่าคนมีศีลเป็นมารหรือไม่ แล้วคนที่ศีลไม่บริสุทธิ์จะเป็นพระพุทธเจ้างั้นหรือ ดูตัวอย่างในหลวงก็ได้นั่นล่ะพระโพธิสัตว์ของแท้ ท่านแก้ปัญหาด้วยการสร้างพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลกมั้ย หรือท่านแก้ปัญหาด้วยหลักธรรม หลักวิชาการและเหตุผล
    - ยังไงซะผมเชื่อว่าเราทั้งหลายต่างก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือพระนิพพาน ใครจะไปทางลัด ทางอ้อม หรือจะแวะเวียนดูวิวข้างทางก็สุดแล้วแต่ ผมก็แค่ใช้สามัญสำนึกของชาวพุทธคนหนึ่งที่ไม่อยากให้มีใครมาบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้าก็แค่นั้น
    ปล.
    1.- ยังหวังว่าจะคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่านี้ครับ ไม่อยากให้มามองว่าเป็นศัตรูกัน ชาวพุทธเหมือนกันไม่ควรแตกแยก คนเราถ้ายังไม่บรรลุก็ยังหลงผิดได้ บางคนก็หลงนิมิต ถ้าเราชาวพุทธไม่ช่วยกัน ใครจะช่วย ศาสนาอื่นเค้ามีแต่จะเข้ามาดูถูกดูหมิ่นศาสนาเราด้วยซ้ำ ศาสนาเราอยู่ได้โดยไม่ได้บังคับหรือใช้กำลังข่มขู่ใคร นั่นเพราะธรรมเป็นของจริง พิสูจน์ได้ บางเรื่องอาจเป็นอจินไตย เป็นปัจจัตตัง แต่อย่าไปทำให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องลี้ลับไปซะหมดจนกลายเป็นใช้แต่ความเชื่ออย่างเดียวไม่คิดจะใช้ปัญญาพิจารณา
    2.- โดยส่วนตัวไม่คิดว่าอาจารย์ทิพากรจะมาหาประโยชน์ส่วนตัวกับเรื่องแบบนี้ แต่เชื่อว่าหลงนิมิตของตนเองมากกว่าแล้วพลอยพาคนอื่นหลงตามไปด้วย ก็หวังว่าคงจะมีครูบาอาจารย์ที่สามารถนำพาแกผ่านพ้นไปได้นะครับ (ไม่ได้มีแค่แกคนเดียวหรอก พระที่หลงคิดว่าตัวเองบรรลุธรรมก็มีเยอะแยะ อย่างพระเกษมสุดท้ายเป็นอย่างไรก็อย่างที่ทราบกัน)
    3.- ถ้าผมเป็นสัตว์นรกจริง เป็นศิษย์เทวทัตจริง ทำไมผมไปเปิดบุญกับท่านแล้วถึงไม่สามารถช่วยผมได้ล่ะครับ ถ้าพิธีเปิดบุญมันล้ำเลิศขนาดนั้นจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  4. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    - ผมมารอความเห็น แต่สุดท้ายเห็นแต่คำด่า

    ถ้าคุณไม่เป็นจริง คุณก็กินปูนร้อนท้องทำไม

    - ผมไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อเรื่องภัยพิบัติ ผมไม่ได้ประมาทอะไร แต่ครูบาอาจารย์ คนที่ผมเคารพเขาก็แนะนำแค่ว่าให้รักษาศีล ผู้มีศีลมีธรรมจะอยู่รอด ซึ่งผมก็เชื่อตามนั้น

    อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย มีศีลไม่พอ ต้องมีบุญด้วย เพราะศึกครั้งนี้หนักยิ่งนัก


    - ก็พิจารณาเอาละกันว่าคนมีศีลเป็นมารหรือไม่ แล้วคนที่ศีลไม่บริสุทธิ์จะเป็นพระพุทธเจ้างั้นหรือ ดูตัวอย่างในหลวงก็ได้นั่นล่ะพระโพธิสัตว์ของแท้ ท่านแก้ปัญหาด้วยการสร้างพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลกมั้ย หรือท่านแก้ปัญหาด้วยหลักธรรม หลักวิชาการและเหตุผล

    แล้วในหลวงท่านห้ามการสร้างพระพุทธรูปใหญ่มั้ยละ ถ้างั้นที่หลวงปู่หลวงตาสร้างพระพุทธรูปใหญ่ก็ผิดหมด อย่างนั้นเหรอ ไปอ่านคำสอนของหลวงปู่ดู่ได้ แม้กระทั่งพระเครื่ององค์เล็กๆ ท่านก็สรรเสริญ เพราะฉะนั้น ขอให้คิดจงหนัก

    - ยังไงซะผมเชื่อว่าเราทั้งหลายต่างก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือพระนิพพาน ใครจะไปทางลัด ทางอ้อม หรือจะแวะเวียนดูวิวข้างทางก็สุดแล้วแต่ ผมก็แค่ใช้สามัญสำนึกของชาวพุทธคนหนึ่งที่ไม่อยากให้มีใครมาบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้าก็แค่นั้น

    ก่อนที่คุณจะว่าคนอื่นบิดเบือนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คุณแน่ใจแล้วเหรอว่า คนที่คุณว่านั้นจะเป็นอย่างที่คุณว่าหรือเข้าใจเสมอไป อย่างที่บอก ถ้าใช่ คุณก็เสมอตัว หรือถ้าอาจารย์ทิพากรหลอกลวง กรรมหนักก็ตกกับอาจารย์ทิพากร ไม่ใช่คุณ แต่ถ้าไม่ใช่ขึ้นมา การที่คุณมาว่ากล่าวตำหนิโดยเจตนาดิสเครดิตอาจารย์ทิพากร มาขวางบุญใหญ่นั้น คุณก็ต้องรับวิบากกรรมนั้นอย่างแน่นอน บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป..... อย่านึกว่าคุณมีดีเพียงแค่นี้ จะทำให้รอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ คนรู้จริง คนฉลาด เค้าย่อมไม่ประมาท เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลง เมื่อเห็นคำทำนาย เค้าต้องเกิดความเฉลียวใจ เมื่อเค้าไม่ประมาท เค้าก็จะเร่งสร้างบุญสร้างกุศล ไม่เอาเวลามานั่งขวางบุญคนอื่น โดยเข้าใจว่าคนอื่นเข้าใจผิด งานนี้ไม่รู้ใครเข้าใจผิดกันแน่..... บอกได้คำเดียวว่า วัดบุญเอา ยิ่งคุณเอาใจมาติดอยู่ตรงนี้เพียงใด ตำหนิงานบุญนี้เพียงใด บารมีคุณยิ่งถดถอย...........

    ปล.
    1.- ยังหวังว่าจะคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่านี้ครับ ไม่อยากให้มามองว่าเป็นศัตรูกัน ชาวพุทธเหมือนกันไม่ควรแตกแยก คนเราถ้ายังไม่บรรลุก็ยังหลงผิดได้ บางคนก็หลงนิมิต ถ้าเราชาวพุทธไม่ช่วยกัน ใครจะช่วย ศาสนาอื่นเค้ามีแต่จะเข้ามาดูถูกดูหมิ่นศาสนาเราด้วยซ้ำ ศาสนาเราอยู่ได้เพราะธรรมเป็นของจริง พิสูจน์ได้ บางเรื่องอาจเป็นอจินไตย เป็นปัจจัตตัง แต่อย่าไปทำให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องลี้ลับไปซะหมดจนกลายเป็นใช้แต่ความเชื่ออย่างเดียวไม่คิดจะใช้ปัญญา

    เรื่องคิดจะใช้ปัญญานะเหรอ ไม่ต้องห่วงผมหรอก ส่วนเรื่องลี้ลับนะเหรอ บางกระทู้โดนหลอกกันเยอะแยะ ผมไม่อยากไปขวาง เพราะถือว่าใครอยากเชื่อก็ปล่อยเขาไป กรรมใครกรรมมัน

    2.- โดยส่วนตัวไม่คิดว่าอาจารย์ทิพากรจะมาหาประโยชน์ส่วนตัวกับเรื่องแบบนี้ แต่เชื่อว่าหลงนิมิตของตนเองมากกว่าแล้วพลอยพาคนอื่นหลงตามไปด้วย ก็หวังว่าคงจะมีครูบาอาจารย์ที่สามารถนำพาแกผ่านพ้นไปได้นะครับ (ไม่ได้มีแค่แกคนเดียวหรอก พระที่หลงคิดว่าตัวเองบรรลุธรรมก็มีเยอะแยะ อย่างพระเกษมสุดท้ายเป็นอย่างไรก็อย่างที่ทราบกัน)

    การที่จะมาด่วนสรุปว่าอาจารย์ทิพากรท่านหลงนิมิตรนั้น ถ้าใช่ก็เท่าทุน แต่ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาอย่างที่บอก คุณก็มีแต่เสียและเสีย ยิ่งคุณมาขวางบุญการสร้างพระใหญ่ถึงแม้จะบอกว่าเจตนาไม่ให้คนเมามัวก็ตาม กรรมนั้นก็คูณด้วยกำลังสอง ทุกครั้งที่มีคนอ่าน และคนเกิดไขว้เขวกับคุณ กรรมนั้นบาปนั้นก็เพิ่มพูน เพราะฉะนั้น คุณก็ลองไปคิดดูว่า ถ้างานนี้คุณผิด คำว่า "ศีล" ที่คุณภูมิใจนักใจหนาว่ามีศีล จะคุ้มกับผลขาดทุนของคุณไหม

    3.- ถ้าผมเป็นสัตว์นรกจริง เป็นศิษย์เทวทัตจริง ทำไมผมไปเปิดบุญกับท่านแล้วถึงไม่สามารถช่วยผมได้ล่ะครับ ไหนบอกเปิดบุญได้บุญกันหมด

    อย่างที่บอกไง ขึ้นอยู่กับคำว่า "เมื่อถึงเวลา" สมมติว่าวันนี้คุณรักษาศีลห้า เพราะคุณคิดว่าศีลห้าจะมีผลดีอย่างนั้นอย่างนี้ พอวันรุ่งขึ้นที่คุณตัดสินใจรักษาศีลห้า มีคู่แค้นเก่าเดินมาตบหัวคุณหนึ่งที คุณจะเลิกรักษาศีลห้ามั้ยละ คุณจะคิดว่าผลแห่งศีลไม่แรงพอมั้ยละ........... ไม่ใช่ทั้งนั้น ทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่มีคำว่าประจวบเหมาะ ต่างเป็นเหตุเป็นผลเกื้อหนุนกัน เพียงแต่บางครั้งคนเราไปไม่ถึงเหตุและผลนั้น ก็เลยรีบด่วนสรุปตามปัญญาและวาสนาบารมีของตน

    มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องกระทู้นี้ ผมเคยไปกราบครูบาอริยชาติที่เชียงรายสองครั้ง ครั้งแรกที่เจอท่าน ท่านกำลังเดินลงมาจากกุฎิเพื่อเดินไปที่ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่ง ผมเพิ่งไปถึง และเดินเข้าไปพอดี ทันทีที่ผมเห็น ผมก็ก้มลงกราบกับพื้นทั้งๆที่พื้นเปียกชื้น ท่านเข้ามาใกล้ๆ ท่านทักผมว่า "โยมพี่ เราเคยเจอกันหรือปล่าว ดูซิ อาตมาขนลุกซู่" พูดไม่พูดเปล่า ท่านให้ผมดูขนแขนท่านซึ่งขนตั้ง ตอนนั้นผมก็ขนลุกซู่เหมือนกัน ถามว่าทำไมตอนนั้นและผมต่างเกิดปรากฎการณ์เดียวกัน ทั้งๆที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก นั่นเป็นเพราะคำว่า .....พลังงานบุญ
     
  5. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    พระพุทธเจ้าสอน ว่า ดอกบัว มีสี่เหล่า

    1. พ้นน้ำ
    2. ปริ่มน้ำ
    3. ใต้น้ำ
    4. เป็นเง่าบัวอยู่ในตมบ้าง โผล่มาเล็กน้อยบ้าง

    บัวสี่เหล่า ท่านไม่ได้กล่าวถึงคนมีปัญญาฉลาด หรือ โง่ เพราะคนมีปัญญาฉลาด (ต้องเรียกว่าสมองปราดเปรื่อง) ก็เป็นประเภทนี้ได้ เพราะความฉลาดที่มีนั้นเป็นประเภท มิจฉาทิฏฐิ คนประเภทนี้ หลายคน เมื่อตายไป ก็ไปอยู่ในนรก โลกันตะนรก

    เอาเหอะ
    ผู้ทำกรรมอะไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
     
  6. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    คุณ ตา ดำ ดำ กับคุณ ณ เขา ควง (ตอนแรกไม่ได้ใส่แว่นนึกว่า ณ ไขควง) สองท่านนี้ก็ว่าดีนะตามที่อ่านยังไม่ดูหมิ่นใครด้วย อีกฝ่ายเริ่มมีใช้อารมณ์เพิ่มขึ้น ใจเย็นๆๆๆท่าน มีท่านนายพลท่านหนึ่งท่านกล่าวอยู่ตรงจุดไหนนี้แหละ ว่า.. ใครคิดร้ายต่อประเทศไทยพระ..........จะลงโทษ...หุๆๆ เห็นแต่โจรใต้มันไม่ค่อยถูกลงโทษสักที ..ขึ้นศาลก็หลุด ถูกฆ่ายังมีคนเห็นใจ (NGO)เวลาถูกจับยังมีสมาคมทนายกับพวกสิทธิมนุษย์ชนไปช่วย ... เมื่อไรพระสยามเทวาธิราชจะลงโทษพวกนี้นะ หรือจะรอให้ประเทศไทยถูกแบ่งแยกก่อน..(ไม่ใช่การเมืองเปรียบเทียบให้ดูเฉยๆ) ไปธุระก่อนจะกลับมาดูตอนเย็นๆอีก....555
     
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ดีแล้วละ จะได้เตือนตัวเอง ถึงเวลา อย่าลืมกำหนดจิตถึงอาจารย์ทิพากรและพระใหญ่ชัยภูมิด้วย จะได้พอปลดกรรมไปบ้าง.... แนะให้เอาบุญ
     
  8. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    โพสต์ 201 เนี่ย ไม่ได้ว่าใครเหรอ ..... กลับมาตอนเย็นๆ ค่อยกลับไปอ่านโพสต์ 201 แล้วกันนะ 555
     
  9. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ขออนุญาติสรุปประเด็นก่อนนะครับ จะได้คุยกันเข้าใจมากขึ้น
    - เรื่องการสร้างพระพุทธรูป สร้างวัด ผมเห็นด้วย ไม่คิดจะขัดขวาง และเห็นว่าทำแล้วย่อมได้บุญจริง ผมเชื่อเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เชื่อเรื่องอานิสงฆ์แห่งบุญและกฏแห่งกรรม ซึ่งคิดว่าจุดนี้เห็นตรงกันอยู่
    แต่ตรงจุดที่เห็นแย้งกันมีดังนี้คือ
    - อาจารย์ทิพากรเป็นช้างป่าเลไลย์ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 10 จริงหรือไม่
    - อาจารย์ทิพากรมีญาณอันแจ่มชัดยิ่งกว่าพระอรหันต์ใดๆจริงหรือ (พระโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าย่อมมีญาณแจ่มชัดได้ แต่อาจารย์ทิพากรเป็นแบบนั้นจริงหรือ)
    - การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิเสร็จจะหยุดยั้งภัยพิบัติได้หรือไม่
    - พิธีเปิดบุญเป็นแนวทางของพุทธหรือไม่
    แค่นี้ก่อนละกัน ส่วนความเห็นของผมได้แสดงไปบ้างแล้วไม่ขอพูดซ้ำ

    ปล.
    - ผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์คงไม่ใช่บริสุทธิ์แค่ชั่ววัน ชั่วนาที พอมีปัจจัยกระทบก็เลิกถือศีล แบบนั้นไม่ได้เรียกว่ารักษาศีลหรอกครับ ผู้ที่จะมีศีลบริสุทธิ์ได้ต้องมีสติ มีปัญญา ต้องใช้หลักการภาวนาร่วมด้วย ส่วนใหญ่ ทาน ศีล ภาวนา จึงมักจะไปด้วยกันส่งเสริมกัน แล้วคนที่มีสติ มีปัญญาเวลามีปัญหาเกิดขึ้นก็ย่อมหาทางออกที่ถูกที่ควร แล้วจะไม่รอดพ้นจากภัยได้อย่างไร ผมไม่เถียงว่าเรื่องบุญก็มีส่วน เมื่อบุญก็ย่อมนำพาให้รอดพ้นภัย แต่การที่เราทำบุญกับผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์นั้นจะได้บุญแค่ไหน แน่นอนบุญน่ะได้แต่ไม่มากเท่าการทำบุญกับผูมีศีล พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    - เหมือนเวลาเห็นพระฉันอาหารเย็น ถามว่าผมจะวิ่งไปด่าพระมั้ย จะไปต่อต้านเดินขบวนให้พระสึกมั้ย ก็ต้องตอบว่าไม่ แต่ถ้ารู้จักใครที่จะไปทำบุญกับพระรูปนั้นเพราะเห็นว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเสกของขลังได้ จะให้ผมอยู่เฉย ไม่เตือน ผมมองว่าไม่ควร คงไม่ได้ไปบอกว่าห้ามตักบาตรพระรูปนั้น แต่ก็จะบอกว่าพระรูปนั้นไม่ได้วิเศษแบบท่านเข้าใจ หลักธรรมคำสอนไหนผิดเพี้ยนก็ต้องชี้แจง เค้าจะยังศรัทธาหรือทำบุญก็เป็นสิทธิของเค้า คงไปห้ามอะไรไม่ได้ ยังไงซะเมื่อทำบุญก็ย่อมได้บุญ จะมากจะน้อยก็ไม่ควรไปขัด
    - เห็นความเห็นที่บอกว่าถ้ารักษาศีล 5 โดนคนตบหัวจะยังรักษาได้หรือไม่ ถ้าคิดจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์จริง ผู้มีศีลย่อมต้องมีธรรมมะอื่นด้วย เรียกรวมว่าผู้มีศีลมีธรรม ถ้าจะเอาแค่ไม่ฆ่าสัตว์แต่ทำร้ายให้ไม่ถึงตายก็ได้หรือไม่ โดยส่วนตัวไม่คิดเช่นนั้น ถ้าอยากให้บริสุทธิ์ก็ต้องไม่เบียดเบียนให้ผู้อื่นเดือดร้อน ดังนั้นต่อให้ทำร้ายกลับก็ไม่ควร (ใช้กำลังป้องกันตัวได้ แต่ไม่ทำร้ายกลับ ส่วนยิ่งถ้าปล่อยให้เค้าทำร้ายฝ่ายเดียววางเฉยได้นั่นยิ่งประเสริฐ) ดังนั้นถึงได้บอกว่าการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ไม่ใช่แค่ทำตามตัวอักษรแล้วเลี่ยงบาลีเอา เหมือนมีกฎหมายก็เลี่ยงกฎหมายแม้เอาผิดไม่ได้แต่ก็ไม่ถูกต้อง การจะรักษาศีลจึงต้องอาศัยข้อธรรมอื่นๆประกอบด้วยเช่น พรหมวิหาร 4 อย่างพระท่านแนะนำว่าเมตตาเป็นพื้นฐาน ถ้ารู้จักมีเมตตาก็จะพบธรรมขั้นละเอียดได้
    - เรื่องที่บอกว่าเจอพระแล้วขนลุกซู่กันทั้งคู่ไม่ทราบว่าคุณเห็นอย่างไร ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการสื่ออะไรครับ หรือต้องการจะบอกว่าชาติก่อนมีจริง ผมก็เชื่อนะเรื่องภพเรื่องชาติ แต่จริงๆคนเราเจอกันก็ย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกันมาในอดีตชาติ ส่วนการที่พระท่านจะมาทักเรื่องแบบนั้นเหมาะสมหรือไม่ก็พิจารณาเอา ผู้ที่แสวงหาเรื่องอิทธิฤทธิ์ก็ย่อมได้พบพระแบบนั้น ผู้แสวงหาการหลุดพ้นก็ย่อมแสวงหาพระอรหันต์ครับ (อย่างที่เคยบอกว่าจุดหมายเดียวกันแต่เส้นทางต่างกัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  10. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ก็ยินดีที่ได้คุยกันต่อ ขอตอบบางหัวข้อก่อนแล้วกัน ตั้งแต่ ปล. ไป ไว้ตอนเย็นค่อยตอบ

    - เรื่องการสร้างพระพุทธรูป สร้างวัด ผมเห็นด้วย ไม่คิดจะขัดขวาง และเห็นว่าทำแล้วย่อมได้บุญจริง ผมเชื่อเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เชื่อเรื่องอานิสงฆ์แห่งบุญและกฏแห่งกรรม ซึ่งคิดว่าจุดนี้เห็นตรงกันอยู่
    แต่ตรงจุดที่เห็นแย้งกันมีดังนี้คือ
    - อาจารย์ทิพากรเป็นช้างป่าเลไลย์ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 10 จริงหรือไม่

    ตรงนี้สำหรับผมไม่ได้ถือว่าเป็นสาระสำคัญ ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นช้างป่าเลไลย์ ผมไม่ได้ตามหาอดีตชาติของใครหน้าไหนทั้งนั้น

    - อาจารย์ทิพากรมีญาณอันแจ่มชัดยิ่งกว่าพระอรหันต์ใดๆจริงหรือ (พระโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าย่อมมีญาณแจ่มชัดได้ แต่อาจารย์ทิพากรเป็นแบบนั้นจริงหรือ)

    ผมไม่ได้เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดอย่างลุงมหา และผมเข้าใจดีว่า ถ้าสิ่งที่ลุงมหาพูดเป็นการผิด เป็นการละเมิดจาบจ้วงต่อพระสุปฏิปันโนแล้ว ตรงนั้นก็เป็นกรรมของลุงมหาเอง

    - การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิเสร็จจะหยุดยั้งภัยพิบัติได้หรือไม่
    ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ ถ้าบอกว่าเชื่อ ก็จะมีข้อโต้เถียงไม่สิ้นสุดสำหรับคนที่ไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นผมขอบอกเพียงว่า ผมถือว่านี่เป็นการสร้างบุญสร้างกุศลสำหรับผม เพียงแต่สิ่งที่อยากจะฝากไว้เป็นข้อเตือนใจหลายๆคนก็คือ ถ้าสิ่งที่คุณเชื่อ คุณยืนยัน มันถูกต้อง คุณก็เท่าทุน แต่ถ้ามันผิดขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้น คุณมีญาณหยั่งรู้บุญบารมีของคนหรือ สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่คุณคิดก็ได้

    - พิธีเปิดบุญเป็นแนวทางของพุทธหรือไม่
    เรื่องนี้ผมขอบอกว่าเรื่องบางเรื่องมันไม่อยู่ในตำรา ไม่เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป แต่เป็นพิธีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน

    คำตอบนี้อาจไม่เป็นที่พอใจ เพราะคุณอาจเห็นว่าไม่ชัดเจน แต่ผมก็ตอบได้เพียงเท่านี้
     
  11. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    มีอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อวานที่คุณคุยกับผมจนดึกๆดื่นๆ คุณเลิกเล่นเนต แล้วทำอะไรต่อ เข้านอนเลยใช่มั้ย ถ้าใช่ ก็ถือว่าขาดทุน

    แต่ถ้าคุณไปเจริญสมาธิภาวนาต่อ อย่างนี้ค่อยถือว่าใช้ได้ เพราะฉะนั้น อย่านึกว่าที่คุณทำเพียงแค่นี้จะพอ คนเค้าทำมากกว่าคุณอีกหลายเท่านัก เค้ายังไม่พูดเลย
     
  12. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ขอบคุณครับที่ช่วยชี้แจง
    - ผมเองก็ไม่ได้มีญาณหยั่งทราบใดๆ แต่ผมพิจารณาเอาว่าผู้พูดนั้นมีความน่าเชื่อถืออย่างไร สิ่งที่พูดนั้นมันเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ ซึ่งคิดว่าก็พอจะพิจารณาได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยญาณ (ต่อให้ผมบรรลุอรหันต์ เค้าก็อ้างอยู่ดีว่าญาณพระอรหันต์สู้ญาณพระพุทธเจ้าไม่ได้)
    - เรื่องบาปหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ อย่างที่ยกตัวอย่างเห็นพระผิดศีลแล้วอ้างว่าปลุกเสกของขลังได้ เราไปเตือนคนรู้จักว่าพระท่านไม่ได้วิเศษจริง แบบนั้นบาปรึเปล่า จริงๆวางเฉยก้ดีนะ กรรมใครกรรมมัน (แต่ผมยังไม่สามารถฝึกถึงขั้นวางเฉยได้ครับ แต่จะพยายาม)
    - ไม่ทราบมีข้อมูลหรือไม่ครับเรื่องที่บอกว่าพิธีเปิดบุญมีมานานแล้ว ในพระไตรปิฏกบอกอย่างไรบ้าง ถ้าจะอ้างว่าพระพุทธเจ้าแต่ละองค์มีพิธีกรรมต่างกัน โดยส่วนตัวไม่มองเช่นนั้นครับ ผมคิดว่าธรรมอันเดียวกัน ศีลวินัยเดียวกัน การสอนก็ไม่น่าต่างกันนะ ยังไงก็รอผู้ชี้แนะอีกทีครับ

    สรุปว่าใครจะสร้างพระผมก็ยินดีอนุโมทนานะ ผมก็อยากให้เสร็จ แต่อย่าไปคาดหวังว่าจะหยุดยั้งภัยพิบัติได้เลยครับ ผมไม่อยากให้ประมาทกันเท่านั้นเอง และกลัวว่าสร้างเสร็จแต่ยังเกิดภัยพิบัติ คนที่ไม่เข้าใจจะมองว่าพุทธานุภาพไม่มีจริงหรือไม่ศักดิ์สิทธิ์ได้ ดังนั้นถ้าเริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้องก็น่าจะดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  13. Noch_nanglue

    Noch_nanglue สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +17
    เห็นด้วยครับ :cool: :cool: :cool: เป็นกำลังใจให้ครับ
    สำหรับตัวผมเองนั้น เตรียมตัวรับมือด้วยการบำเพ็ญศีลและเจิญภาวนาครับ
     
  14. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    ผมทำสมาธิภาวนาประจำครับ ผมระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นประจำ กำหนดลมหายเข้า-ออก พุทโธ ตามหลักคำสอนของหลวงปู่มั่นจนเป็นเรื่องปกติ

    บังเอิญว่าผมไม่รู้จักอาจารย์ทิพากร ผมเลยไม่ได้กำหนดจิตถึงท่าน
    และบังเอิญว่า ผมมุ่งมั่นในสายของพระเถระ ที่จะนำพาผมไปสู่แดนแห่งนิพพาน ไม่ใช้ลุ่มหลงในอิทธิปาฏิหารย์ ผมไม่สนใจเรื่องปาฏิหารย์เลย แต่ไม่ได้ปฏิเสธ ว่าปาฏิหารย์ไม่มี เมื่อพระพุทธองค์บอกว่า ปาฏิหารย์ (ปาฏิหารย์ในที่นี้ผมหมายถึงเฉพาะ อิทธิปาฏิหารย์นะครับ) ไม่ใช้หนทางแห่งการตรัสรู้ พระองค์ไม่ชมเชย ผมก็ยึดถือตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ และที่สำคัญ เป็นคำสอนที่ประกอบด้วยเหตุผล ผมจึงรับคำสอนนี้น้อมเข้ามาอยู่ในจิต อย่างหมดหัวใจ

    ที่ผมกล่าวเตือน ลุงมหา เพราะเห็นว่า หลุดไปไกลแล้ว มิได้มีความอาฆาตมาตร้ายใดๆ อยู่ในจิต แต่ในฐานะพุทธบริษัทด้วยกัน ไม่ควร เป็นแบบนี้ สิ่งที่ลุงมหาทำ มีทั้งสิ่งที่ควรได้รับคำชมเชย และสิ่งที่ควรตำหนิอย่างแรง

    สิ่งที่ควรได้รับคำชมเชย คือ การเชิญชวน คนไปทำบุญ สร้างพระใหญ่ชัยภูมิ เพื่อให้คนได้กราบไหว้บูชา ได้ระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อันนี้คือสิ่งที่ควรได้รับคำชมเชย

    สิ่งที่ควรได้รับคำตำหนิอย่างแรง ในฐานะ ที่เรียกตนเองว่าลุงมหา ผมก็ถือว่าท่านได้บวชเรียน เป็นถึงมหา ก็ควรจะทราบดีว่า พระพุทธเจ้า สอนหลักธรรมเช่นไรบ้าง การชวนคนทำบุญเป็นสิ่งที่ดี แต่วิธีการเชิญชวนของ ลุงมหา ว่า เรื่องอาจารย์ทิพากร เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ มีบุญญาธิการเหนือพระอรหันต์ มีทศพลญาณ(ยิ่งบอกว่ามี ทศพลญาณ อันนี้ทุเรศมาก แอบอ้างไปได้) ฟังดูแล้ว รับไม่ได้ (ผมไม่ได้ตำหนิอาจารย์ทิพากร เพราะผมไม่เคยเห็นว่า ท่านกล่าวเช่นนี้ มีแต่ลุงมหา กล่าวมา แต่หากได้ยิน เหมือนที่ลุงมหาว่า ผมก็รับไม่ได้ ผมก็หมดศรัทธาไปด้วย )
    ยิ่งการไปเชิญชวน ว่า สร้างพระใหญ่นี้ จะต้านภัยพิบัติ โอ้ย ศาสดาองค์ไหนสอนเนี้ย ว่า ให้สร้างพระใหญ่ เพื่อต้านภัยพิบัติ ผมได้ยินแต่ให้เร่งทำความเพียรเพื่อเผากิเลส เพิ่งเคยได้ยินเนี้ยแหละ สร้างพระใหญ่ ต้านภัยพิบัติ อย่างนี้คนมีเงิน ก็บริจาคเยอะๆ ได้ขึ้นสวรรค์กันหมดเลยซิ

    อืม รึสวรรค์เนี้ย มันซื้อได้ด้วยเงินนะ เพิ่งรู้
     
  15. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ขอบคุณครับที่ช่วยชี้แจง
    - ผมเองก็ไม่ได้มีญาณหยั่งทราบใดๆ แต่ผมพิจารณาเอาว่าผู้พูดนั้นมีความน่าเชื่อถืออย่างไร สิ่งที่พูดนั้นมันเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ ซึ่งคิดว่าก็พอจะพิจารณาได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยญาณ (ต่อให้ผมบรรลุอรหันต์ เค้าก็อ้างอยู่ดีว่าญาณพระอรหันต์สู้ญาณพระพุทธเจ้าไม่ได้)

    นั่นแหละ ปัญหาคือการที่เราเห็นว่าสิ่งที่เราพิจารณานั้นชอบ มันถูก เพราะเราใช้เหตุใช้ผล มองยังไง วิเคราะห์ยังไงก็ถูก ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างที่เรามั่นใจมันก็ดี แต่ถ้าไม่ใช่ขึ้นมา แล้วเราไปล่วงเกินละเมิดต่อผู้บำเพ็ญตบะบารมีที่มีเค้ามีต้นทุนสูงกว่าเราหลายเท่าเข้า หรือไปขวางบุญใหญ่เข้าโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บาปกรรมนั้นก็ตกอยู่ที่เรา
    คำว่าบุญบารมีของคนนั้นมันประมาทกันไม่ได้ บางคนในเวบนี้แหละ อาจทำตัวให้น่าเชื่อถือ แต่จริงๆแล้วอาจไม่เป็ยจริงอย่างที่พูดเลยก็ได้

    - เรื่องบาปหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ อย่างที่ยกตัวอย่างเห็นพระผิดศีลแล้วอ้างว่าปลุกเสกของขลังได้ เราไปเตือนคนรู้จักว่าพระท่านไม่ได้วิเศษจริง แบบนั้นบาปรึเปล่า จริงๆวางเฉยก้ดีนะ กรรมใครกรรมมัน (แต่ผมยังไม่สามารถฝึกถึงขั้นวางเฉยได้ครับ แต่จะพยายาม)

    ก็ในเมื่อไม่แน่ใจว่าเป็นบาปหรือไม่ แล้วทำไมต้องพยายามยืนยันความเชื่อของตัวเองให้คนนับพันนับหมื่นได้อ่าน สู้อ่านเฉยๆไม่ดีกว่าหรือ ?

    - ไม่ทราบมีข้อมูลหรือไม่ครับเรื่องที่บอกว่าพิธีเปิดบุญมีมานานแล้ว ในพระไตรปิฏกบอกอย่างไรบ้าง ถ้าจะอ้างว่าพระพุทธเจ้าแต่ละองค์มีพิธีกรรมต่างกัน โดยส่วนตัวไม่มองเช่นนั้นครับ ผมคิดว่าธรรมอันเดียวกัน ศีลวินัยเดียวกัน การสอนก็ไม่น่าต่างกันนะ ยังไงก็รอผู้ชี้แนะอีกทีครับ

    ตรงนี้ก็บอกไปแล้วว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในตำรา แล้วคุณจะให้ผมมาอ้างพระไตรปิฏกอีก ถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งที่อยู่นอกเหนือพระไตรปิฏกก็ผิดหมด อย่างนั้นเหรอ แน่ใจขนาดนั้นเชียวหรือ

    เอาเป็นว่ามีผู้รู้ท่านหนึ่งสอนผมเสมอๆว่า ไม่ใช่ว่ามนุษย์ต้องการจะรู้แล้วจะได้รู้ทุกเรื่อง ..............

    สรุปว่าใครจะสร้างพระผมก็ยินดีอนุโมทนานะ ผมก็อยากให้เสร็จ

    ก็ดีแล้วละ

    แต่อย่าไปคาดหวังว่าจะหยุดยั้งภัยพิบัติได้เลยครับ

    ตรงนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามผลของมันแล้วกัน จะไปทำให้ใจติดอยู่ตรงนี้ทำไม

    ผมไม่อยากให้ประมาทกันเท่านั้นเอง และกลัวว่าสร้างเสร็จแต่ยังเกิดภัยพิบัติ คนที่ไม่เข้าใจจะมองว่าพุทธานุภาพไม่มีจริงหรือไม่ศักดิ์สิทธิ์ได้ ดังนั้นถ้าเริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้องก็น่าจะดีกว่า

    555 ถ้าไม่สบายใจ ก็คิดว่า ถ้าเราทำบุญใดๆก็ตาม ก็เพื่อสั่งสมอริยทรัพย์ ส่วนผลนอกเหนือจากนั้น ก็เป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย แค่นี้จิตก็จะปล่อยวางได้มากขึ้น
     
  16. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ผมทำสมาธิภาวนาประจำครับ ผมระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นประจำ กำหนดลมหายเข้า-ออก พุทโธ ตามหลักคำสอนของหลวงปู่มั่นจนเป็นเรื่องปกติ

    ก็ดีแล้วนี่ครับ ว่าแต่ว่า อุทิศส่วนกุศลเป็นประจำด้วยมั้ย ถ้าไม่ทำ ก็ทำเสีย........

    แล้วที่สำคัญ ถ้ายึดมั่นตามแนวหลักธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่มั่นจริง ก็ต้องหัดวางเฉยให้มากกว่านี้ ไม่ใช่หรือ ? หลวงปู่มั่นท่านสอนให้ผู้เดินตามแนวทางของท่านมีไฟลุกโชนอยู่ในใจมั้ยละ ?


    บังเอิญว่าผมไม่รู้จักอาจารย์ทิพากร ผมเลยไม่ได้กำหนดจิตถึงท่าน
    และบังเอิญว่า ผมมุ่งมั่นในสายของพระเถระ ที่จะนำพาผมไปสู่แดนแห่งนิพพาน ไม่ใช้ลุ่มหลงในอิทธิปาฏิหารย์ ผมไม่สนใจเรื่องปาฏิหารย์เลย แต่ไม่ได้ปฏิเสธ ว่าปาฏิหารย์ไม่มี เมื่อพระพุทธองค์บอกว่า ปาฏิหารย์ (ปาฏิหารย์ในที่นี้ผมหมายถึงเฉพาะ อิทธิปาฏิหารย์นะครับ) ไม่ใช้หนทางแห่งการตรัสรู้ พระองค์ไม่ชมเชย ผมก็ยึดถือตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ และที่สำคัญ เป็นคำสอนที่ประกอบด้วยเหตุผล ผมจึงรับคำสอนนี้น้อมเข้ามาอยู่ในจิต อย่างหมดหัวใจ

    มีบางคนที่เค้าไม่มุ่งในสายของพระป่าเท่านั้น สายของพระที่มีอภิญญาเค้าก็ไปกราบไหว้ เพราะอะไร เพราะเค้าถือว่า สุดท้ายทุกสายรวมเป็นหนึ่ง เพราะฉะนั้น บางคนเค้าจะได้เปรียบ เพราะเค้าได้สนทนาธรรมหลายแง่มุม ได้ไปเจอในสิ่งที่ลูกศิษย์ลูหาอีกสายหนึ่งอาจไม่เคยรับรู้เลยก็ได้ เพราะฉะนั้น จะศึกษาธรรม อย่าทำตัวเหมือนน้ำเต็มโอ่งเต็มขัน .....


    ที่ผมกล่าวเตือน ลุงมหา เพราะเห็นว่า หลุดไปไกลแล้ว มิได้มีความอาฆาตมาตร้ายใดๆ อยู่ในจิต

    ก็ดีแล้วนี่ครับ

    แต่ในฐานะพุทธบริษัทด้วยกัน ไม่ควร เป็นแบบนี้ สิ่งที่ลุงมหาทำ มีทั้งสิ่งที่ควรได้รับคำชมเชย และสิ่งที่ควรตำหนิอย่างแรง

    สิ่งที่ควรได้รับคำชมเชย คือ การเชิญชวน คนไปทำบุญ สร้างพระใหญ่ชัยภูมิ เพื่อให้คนได้กราบไหว้บูชา ได้ระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อันนี้คือสิ่งที่ควรได้รับคำชมเชย

    สิ่งที่ควรได้รับคำตำหนิอย่างแรง ในฐานะ ที่เรียกตนเองว่าลุงมหา ผมก็ถือว่าท่านได้บวชเรียน เป็นถึงมหา ก็ควรจะทราบดีว่า พระพุทธเจ้า สอนหลักธรรมเช่นไรบ้าง การชวนคนทำบุญเป็นสิ่งที่ดี แต่วิธีการเชิญชวนของ ลุงมหา ว่า เรื่องอาจารย์ทิพากร เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ มีบุญญาธิการเหนือพระอรหันต์ มีทศพลญาณ(ยิ่งบอกว่ามี ทศพลญาณ อันนี้ทุเรศมาก แอบอ้างไปได้) ฟังดูแล้ว รับไม่ได้ (ผมไม่ได้ตำหนิอาจารย์ทิพากร เพราะผมไม่เคยเห็นว่า ท่านกล่าวเช่นนี้ มีแต่ลุงมหา กล่าวมา แต่หากได้ยิน เหมือนที่ลุงมหาว่า ผมก็รับไม่ได้ ผมก็หมดศรัทธาไปด้วย )

    ก็เอาเป็นว่า ถ้าลุงมหาไปละเมิดใครเข้าจริง ลุงมหานั้นก็รับกรรมไป คุณจะไปเดือดร้อนกับแกจนถึงขนาดลามไปถึงครูบาอาจารย์ลุงมหาทำไม ลามไปถึงการสร้างบารมีของครูบาอาจารย์และอีกหลายๆคนได้ยังไง

    และที่สำคัญ คุณจะไปผูกเวรผูกกรรมกับลุงมหาแกทำไม ....เสียชื่อหมด เฮ้อ

    ยิ่งการไปเชิญชวน ว่า สร้างพระใหญ่นี้ จะต้านภัยพิบัติ โอ้ย ศาสดาองค์ไหนสอนเนี้ย ว่า ให้สร้างพระใหญ่ เพื่อต้านภัยพิบัติ ผมได้ยินแต่ให้เร่งทำความเพียรเพื่อเผากิเลส เพิ่งเคยได้ยินเนี้ยแหละ สร้างพระใหญ่ ต้านภัยพิบัติ อย่างนี้คนมีเงิน ก็บริจาคเยอะๆ ได้ขึ้นสวรรค์กันหมดเลยซิ

    อืม รึสวรรค์เนี้ย มันซื้อได้ด้วยเงินนะ เพิ่งรู้

    การที่คุณกล่าวว่าสวรรค์ ซื้อได้ด้วยเงิน ถึงแม้จะเป็นการประชดประชัน แต่ก็เป็นการสร้างกรรมให้กับตัวเอง มีมั้ยที่หลวงปู่มั่นท่านจะกล่าวคำนี้ออกมา ? เพราะฉะนั้น โปรดคิดให้จงหนัก ........
     
  17. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เอาละ คราวนี้ก็มาตอบ ปล. มั่ง ตามที่ลั่นวาจาไว้

    ปล.
    - ผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์คงไม่ใช่บริสุทธิ์แค่ชั่ววัน ชั่วนาที พอมีปัจจัยกระทบก็เลิกถือศีล แบบนั้นไม่ได้เรียกว่ารักษาศีลหรอกครับ ผู้ที่จะมีศีลบริสุทธิ์ได้ต้องมีสติ มีปัญญา ต้องใช้หลักการภาวนาร่วมด้วย ส่วนใหญ่ ทาน ศีล ภาวนา จึงมักจะไปด้วยกันส่งเสริมกัน

    ที่บอกว่าทาน ศีล ภาวนา ไปด้วยกันส่งเสริมกัน เป็นยังไง ไหนลองอธิบายหน่อยซิ ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่อ่านข้อความตรงนี้แล้วเป็นงง อยากฟังคุณอธิบายมั่ง (ให้ผมอธิบายและชี้แจงมาเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ ผมขอให้คุณอธิบายบ้างแล้วกัน)

    แล้วคนที่มีสติ มีปัญญาเวลามีปัญหาเกิดขึ้นก็ย่อมหาทางออกที่ถูกที่ควร แล้วจะไม่รอดพ้นจากภัยได้อย่างไร

    ปัญญาที่ว่าเป็นปัญญาทางโลกหรือทางธรรมเล่า ถ้าเป็นปัญญาทางธรรม วันนี้เพิ่งเกิดแผ่นดินไหว ก็คงจะรู้แล้วว่า อะไรฟะ ทำไมมันมาปุ๊ปปั๊ปอย่างนี้ แล้วเรามัวทำอะไรอยู่ สั่งสมบุญบารมีมากพอแล้วเหรอ ?

    ผมไม่เถียงว่าเรื่องบุญก็มีส่วน เมื่อบุญก็ย่อมนำพาให้รอดพ้นภัย แต่การที่เราทำบุญกับผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์นั้นจะได้บุญแค่ไหน แน่นอนบุญน่ะได้แต่ไม่มากเท่าการทำบุญกับผูมีศีล พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    หลักตรงนี้เค้าก็ทราบกันทั่วไปอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ คนบางคนดูภายนอกดูยาก ไม่ต้องไปถึงขนาดพระภิกษุสงฆ์หรอก ......... ปัญหาคือ เราจะมีแยกแยะได้อย่างไร ก็ต้องอาศัย "บุญ" บุญบันดาลเข้าใจมั้ย บันดาลให้กลับเนื้อกลับตัว บันดาลให้ไปพบคนที่เตือนสติ ไปพบครูบาอาจารย์ที่สามารถสั่งสอนให้เราปฏิบัติธรรมรุดหน้า เพราะฉะนั้น บุญไม่ใช่แค่มีส่วน แต่เป็นส่วนสำคัญเลยแหละ


    - เหมือนเวลาเห็นพระฉันอาหารเย็น ถามว่าผมจะวิ่งไปด่าพระมั้ย จะไปต่อต้านเดินขบวนให้พระสึกมั้ย ก็ต้องตอบว่าไม่ แต่ถ้ารู้จักใครที่จะไปทำบุญกับพระรูปนั้นเพราะเห็นว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเสกของขลังได้ จะให้ผมอยู่เฉย ไม่เตือน ผมมองว่าไม่ควร คงไม่ได้ไปบอกว่าห้ามตักบาตรพระรูปนั้น แต่ก็จะบอกว่าพระรูปนั้นไม่ได้วิเศษแบบท่านเข้าใจ หลักธรรมคำสอนไหนผิดเพี้ยนก็ต้องชี้แจง เค้าจะยังศรัทธาหรือทำบุญก็เป็นสิทธิของเค้า คงไปห้ามอะไรไม่ได้ ยังไงซะเมื่อทำบุญก็ย่อมได้บุญ จะมากจะน้อยก็ไม่ควรไปขัด

    ส่วนนี้ตอบไปแล้วว่า หลักก็คือเราไม่สามารถใช้สติปัญญาเราไปวินิจฉัยทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกต้อง 100% เพราะฉะนั้น ก็ต้องอาศัยสิ่งที่เหนือสติปัญญาของเรา นั่นก็คือ คำว่า "บุญคุ้มหัว"

    - เห็นความเห็นที่บอกว่าถ้ารักษาศีล 5 โดนคนตบหัวจะยังรักษาได้หรือไม่ ถ้าคิดจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์จริง ผู้มีศีลย่อมต้องมีธรรมมะอื่นด้วย เรียกรวมว่าผู้มีศีลมีธรรม ถ้าจะเอาแค่ไม่ฆ่าสัตว์แต่ทำร้ายให้ไม่ถึงตายก็ได้หรือไม่ โดยส่วนตัวไม่คิดเช่นนั้น ถ้าอยากให้บริสุทธิ์ก็ต้องไม่เบียดเบียนให้ผู้อื่นเดือดร้อน

    อ้าว แล้วที่มาจาบจ้วงลุงมหา จาบจ้วงอาจารย์ทิพากรเนี่ย เบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ หรือว่าผมอ่านลวกๆ เข้าใจผิดไป ?

    อ่านเสร็จ อารมณ์ค้าง เดือดปุดๆ เบียดเบียนตัวเองหรือไม่ ? งง

    ดังนั้นต่อให้ทำร้ายกลับก็ไม่ควร (ใช้กำลังป้องกันตัวได้ แต่ไม่ทำร้ายกลับ ส่วนยิ่งถ้าปล่อยให้เค้าทำร้ายฝ่ายเดียววางเฉยได้นั่นยิ่งประเสริฐ) ดังนั้นถึงได้บอกว่าการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ไม่ใช่แค่ทำตามตัวอักษรแล้วเลี่ยงบาลีเอา เหมือนมีกฎหมายก็เลี่ยงกฎหมายแม้เอาผิดไม่ได้แต่ก็ไม่ถูกต้อง การจะรักษาศีลจึงต้องอาศัยข้อธรรมอื่นๆประกอบด้วยเช่น พรหมวิหาร 4 อย่างพระท่านแนะนำว่าเมตตาเป็นพื้นฐาน ถ้ารู้จักมีเมตตาก็จะพบธรรมขั้นละเอียดได้

    เหอะๆๆๆ เมตตาหรือไม่ละ ?


    - เรื่องที่บอกว่าเจอพระแล้วขนลุกซู่กันทั้งคู่ไม่ทราบว่าคุณเห็นอย่างไร ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการสื่ออะไรครับ หรือต้องการจะบอกว่าชาติก่อนมีจริง ผมก็เชื่อนะเรื่องภพเรื่องชาติ แต่จริงๆคนเราเจอกันก็ย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกันมาในอดีตชาติ ส่วนการที่พระท่านจะมาทักเรื่องแบบนั้นเหมาะสมหรือไม่ก็พิจารณาเอา

    ที่ผมขีดเส้นใต้ข้อความที่คุณพิมพ์ คุณต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ คนอื่นอาจตอบได้ไม่ดีเท่ากับเสียงที่อยู่ในใจคุณ ถ้าคุณคิดไปจาบจ้วงครูบาอริยชาติอีก ก็เท่ากับกระทู้นี้คุณสร้างกรรมซ้ำซ้อนเข้าไปอีก

    ผู้ที่แสวงหาเรื่องอิทธิฤทธิ์ก็ย่อมได้พบพระแบบนั้น ผู้แสวงหาการหลุดพ้นก็ย่อมแสวงหาพระอรหันต์ครับ (อย่างที่เคยบอกว่าจุดหมายเดียวกันแต่เส้นทางต่างกัน)

    ตรงนี้ก็เหมือนกัน คำว่า"พระแบบนั้น" คุณต้องการจะสื่ออะไร คนมีปัญญาเค้าอ่าน เค้าก็รู้แล้ว เค้าก็คงได้แต่ส่ายหน้าว่า .....เวรกรรม
     
  18. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - เรื่องการรักษาศีลต้องอาศัยสติ ปัญญา รวมถึงข้อธรรมอื่นๆประกอบเพื่อช่วยให้ศีลบริสุทธิ์
    คือ ต้องรู้จักฝึกสติ ฝึกความเมตตา เพราะถ้าไม่มีสติการจะรักษาศีลก็เป็นเรื่องยาก ตย.เช่น ขับรถใจลอยไปชนคน เป็นการทำความผิดโดยประมาท แม้โทษจะไม่หนักเท่าเจตนาแต่ก็ถือว่าผิด ส่วนปัญญาก็ต้องเป็นปัญญาทั้งทางโลกทางธรรมนั่นแหละ ปัญญาทางโลกก็อย่างเช่น เราต้องรู้จักกฎจราจร รู็จักวิธีการขับรถ ส่วนสติและปัญญาทางธรรม เช่น การระงับอารมณ์โกรธ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแบบในข่าวที่พอโดนปาดหน้าถึงกับยิงกันตาย หรืออย่างที่คุณยกตัวอย่างว่าถือศีล 5 แล้วโดนคนตบหัวจะถือได้เหรอ ก็ถ้าไม่มีเมตตา ไม่เคยภาวนา ไม่รู็เท่าทันอารมณ์ ระงับไม่ได้ ก็มีโอกาสที่จะทำผิดศีลได้ ดังนั้น การฝึกให้มีสติก็ต้องรู้จักภาวนา การฝึกให้มีเมตตาก็เริ่มจากการรู้จักให้ทาน ถึงได้กล่าวว่าทาน ศีล ภาวนาส่งเสริมกัน ผู้ที่จะรักษาศีลได้ดีจึงมักเป็นผู้ที่รู็จักภาวนาและให้ทานร่วมด้วย (ยกเว้นพระ มีศีลแต่ไม่ได้ให้ทานเพราะพระท่านอนุโมทนาบุญเอา เรื่องทาน ศีล ภาวนาจึงเป็นเรื่องของฆราวาส ถ้าเป็นพระจะไปอีกขั้นคือ ศีล สมาธิ ปัญญา) นอกจากนี้ถ้ามีปัญญา รู้จักพิจารณาก็ไม่ทำให้หลงผิดไป อย่างเช่นข้อปาณาคือห้ามฆ่าสัตว์แต่เราก็กินเนื้อสัตว์ได้ไม่จำเป็นต้องไปกินเจ คือเรากินเนื้อสัตว์ตายที่เค้านำมาวางขาย เราไม่ได้ฆ่าหรือสั่งให้ฆ่า เป็นต้น

    - อย่างแผ่นดินไหววันนี้ สมมติว่าเกิดที่ประเทศไทย ผู้มีศีลมีธรรมก็ต้องรู้จักใช้สติ (คนในพื้นที่เสี่ยงก็ต้องไม่ประมาท เตรียมการไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น) เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงถ้าไม่มีสติก็จะตกใจทำอะไรไม่ถูก และก็ต้องรู้จักแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ศีลจะมีบทบาทอย่างไรก็เช่น ไม่เอาเปรียบกัน ไม่อาศัยจังหวะที่คนอพยพมางัดขโมยของบ้านคนอื่น เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลตามความเป็นจริง ไม่ปิดบังหรือแสวงหาประโยชน์ เป็นต้น แต่ถ้าเราคิดว่าเรามีบุญ ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวบุญก้มาช่วย แบบนั้นเรียกว่าประมาท แต่ถ้าไม่มีบุญต่อให้เตรียมตัวดีพอเกิดปัญหาจริงก้จะมีอุปสรรคต่างๆขัดขวาง ดังนั้นบุญจึงเหมือนเป็นสิ่งที่มาช่วยขจัดอุปสรรค ช่วยให้เรามีโอกาสรอดได้มากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าอยู่เฉยๆแล้วจะรอดหวังพึ่งบุญอย่างเดียว

    - เรื่องอาจารย์ทิพากร ถ้าไม่สะดวกใจแสดงความเห็นเพราะกลัวบาปก็ไม่เป็นไร และขอบคุณที่ห่วงว่าจะเป็นกรรมกับผม แต่ผมก็รู้สึกเป็นปรกติดีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แต่ที่วางเฉยไม่ได้ก็คือเห็นคนเข้าใจผิดแล้วจะปล่อยให้เค้าเข้าใจผิดอยู่แบบนั้นต่างหาก ส่วนถ้าการกระทำของผมครั้งนี้ทำให้อาจารย์เสียชื่อเสียงไม่มีใครไปทำบุญหรือไม่ ผมคิดว่าผมแค่แสดงความเห็น ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อ ทุกคนสามารถคิดพิจารณาเองได้ ถ้าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ดีที่ควร ทำไมจะต้องมากังวลกลัวคนด่า อย่างที่บอกว่าศาสนาพุทธอยู่มาได้ไม่ใช่เพราะสักแต่ให้เชื่อ ไม่ใช่ห้ามคนวิจารณ์ ห้ามคนค้าน แต่เพราะหลักธรรมเป็นของจริงพิสูจน์ได้ต่างหาก
    ถ้าจะบอกว่าผมทำแบบนี้ไม่เมตตาอาจารย์หรือไม่ แล้วแต่จะพิจารณา เหมือนพ่อแม่เห้นลูกทำผิด ไม่ตี ไม่สั่งสอน แบบนั้นเรียกเมตตามั้ย (แต่อย่างที่บอก ผมไม่ได้มาบังคับใคร แค่มาแสดงความเห็น ไม่ได้พูดโกหกหรือใส่ร้ายป้ายสีให้เสื่อมเสีย ตรงไหนเป็นความเห็นของผม ผมก็บอกว่านี่เป็นความคิดความเห็นของผม ผมไม่ได้มาบอกว่าผมมีญาณเลยรู้ว่าสิ่งที่อาจารย์เห็นไม่จริง)

    - คุณก็บอกเองว่าคุณชอบแนวอภิญญา คุณก็เลยได้พบพระแนวนั้น ถ้าคำว่าแนวนั้นทำให้คุณรู็สึกแย่ ก็ขอโทษด้วย ขอเปลี่ยนเป็น คุณก็จะได้พบกับพระแนวอภิญญา (ส่วนท่านบรรลุธรรมขั้นไหน ผมคงไม่กล้าออกความเห็น แต่ยังไงรบกวนบอกชื่อท่านหน่อยครับเผื่อทำอะไรไม่เหมาะสมจะได้ไปขอขมาได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  19. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    - เรื่องการรักษาศีลต้องอาศัยสติ ปัญญา รวมถึงข้อธรรมอื่นๆประกอบเพื่อช่วยให้ศีลบริสุทธิ์
    คือ ต้องรู้จักฝึกสติ ฝึกความเมตตา เพราะถ้าไม่มีสติการจะรักษาศีลก็เป็นเรื่องยาก ตย.เช่น ขับรถใจลอยไปชนคน เป็นการทำความผิดโดยประมาท แม้โทษจะไม่หนักเท่าเจตนาแต่ก็ถือว่าผิด

    555 ยังกะสไตล์เปาบุ้นจิ้น

    ส่วนปัญญาก็ต้องเป็นปัญญาทั้งทางโลกทางธรรมนั่นแหละ ปัญญาทางโลกก็อย่างเช่น เราต้องรู้จักกฎจราจร รู็จักวิธีการขับรถ ส่วนสติและปัญญาทางธรรม เช่น การระงับอารมณ์โกรธ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแบบในข่าวที่พอโดนปาดหน้าถึงกับยิงกันตาย หรืออย่างที่คุณยกตัวอย่างว่าถือศีล 5 แล้วโดนคนตบหัวจะถือได้เหรอ ก็ถ้าไม่มีเมตตา ไม่เคยภาวนา ไม่รู็เท่าทันอารมณ์ ระงับไม่ได้ ก็มีโอกาสที่จะทำผิดศีลได้ ดังนั้น การฝึกให้มีสติก็ต้องรู้จักภาวนา การฝึกให้มีเมตตาก็เริ่มจากการรู้จักให้ทาน ถึงได้กล่าวว่าทาน ศีล ภาวนาส่งเสริมกัน ผู้ที่จะรักษาศีลได้ดีจึงมักเป็นผู้ที่รู็จักภาวนาและให้ทานร่วมด้วย (ยกเว้นพระ มีศีลแต่ไม่ได้ให้ทานเพราะพระท่านอนุโมทนาบุญเอา เรื่องทาน ศีล ภาวนาจึงเป็นเรื่องของฆราวาส ถ้าเป็นพระจะไปอีกขั้นคือ ศีล สมาธิ ปัญญา นอกจากนี้ถ้ามีปัญญา รู้จักพิจารณาก็ไม่ทำให้หลงผิดไป อย่างเช่นข้อปาณาคือห้ามฆ่าสัตว์แต่เราก็กินเนื้อสัตว์ได้ไม่จำเป็นต้องไปกินเจ คือเรากินเนื้อสัตว์ตายที่เค้านำมาวางขาย เราไม่ได้ฆ่าหรือสั่งให้ฆ่า เป็นต้น

    อ้อ ผมเพิ่งรู้ว่าทาน ศีล ภาวนา เป็นเรื่องของฆราวาส ถ้าพระต้องอีกขั้นคือ ศีล สมาธิ ปัญญา

    ถ้างั้น..........

    - อย่างแผ่นดินไหววันนี้ สมมติว่าเกิดที่ประเทศไทย

    ไม่ต้องสมมติหรอกครับ มันเกิดไปแล้ว ส่วนจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่นั้น น่าคิด......

    ผู้มีศีลมีธรรมก็ต้องรู้จักใช้สติ (คนในพื้นที่เสี่ยงก็ต้องไม่ประมาท เตรียมการไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น) เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงถ้าไม่มีสติก็จะตกใจทำอะไรไม่ถูก และก็ต้องรู้จักแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ศีลจะมีบทบาทอย่างไรก็เช่น ไม่เอาเปรียบกัน ไม่อาศัยจังหวะที่คนอพยพมางัดขโมยของบ้านคนอื่น เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลตามความเป็นจริง ไม่ปิดบังหรือแสวงหาประโยชน์ เป็นต้น แต่ถ้าเราคิดว่าเรามีบุญ ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวบุญก้มาช่วย แบบนั้นเรียกว่าประมาท แต่ถ้าไม่มีบุญต่อให้เตรียมตัวดีพอเกิดปัญหาจริงก้จะมีอุปสรรคต่างๆขัดขวาง ดังนั้นบุญจึงเหมือนเป็นสิ่งที่มาช่วยขจัดอุปสรรค ช่วยให้เรามีโอกาสรอดได้มากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าอยู่เฉยๆแล้วจะรอดหวังพึ่งบุญอย่างเดียว

    เฮ้อ ใครเค้าสอนกันละครับว่าให้นั่งๆนอนๆรอบุญหล่นทับ คุณตีความผิดเอง

    - เรื่องอาจารย์ทิพากร ถ้าไม่สะดวกใจแสดงความเห็นเพราะกลัวบาปก็ไม่เป็นไร และขอบคุณที่ห่วงว่าจะเป็นกรรมกับผม แต่ผมก็รู้สึกเป็นปรกติดีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แต่ที่วางเฉยไม่ได้ก็คือเห็นคนเข้าใจผิดแล้วจะปล่อยให้เค้าเข้าใจผิดอยู่แบบนั้นต่างหาก

    นี่ละทิฐิมานะ

    ส่วนถ้าการกระทำของผมครั้งนี้ทำให้อาจารย์เสียชื่อเสียงไม่มีใครไปทำบุญหรือไม่ ผมคิดว่าผมแค่แสดงความเห็น ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อ ทุกคนสามารถคิดพิจารณาเองได้ ถ้าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ดีที่ควร ทำไมจะต้องมากังวลกลัวคนด่า

    อาจารย์ทิพากรท่านไม่มาสนใจคุณหรอก ไม่ต้องห่วง

    อย่างที่บอกว่าศาสนาพุทธอยู่มาได้ไม่ใช่เพราะสักแต่ให้เชื่อ ไม่ใช่ห้ามคนวิจารณ์ ห้ามคนค้าน แต่เพราะหลักธรรมเป็นของจริงพิสูจน์ได้ต่างหาก
    ถ้าจะบอกว่าผมทำแบบนี้ไม่เมตตาอาจารย์หรือไม่ แล้วแต่จะพิจารณา เหมือนพ่อแม่เห้นลูกทำผิด ไม่ตี ไม่สั่งสอน แบบนั้นเรียกเมตตามั้ย (แต่อย่างที่บอก ผมไม่ได้มาบังคับใคร แค่มาแสดงความเห็น ไม่ได้พูดโกหกหรือใส่ร้ายป้ายสีให้เสื่อมเสีย ตรงไหนเป็นความเห็นของผม ผมก็บอกว่านี่เป็นความคิดความเห็นของผม ผมไม่ได้มาบอกว่าผมมีญาณเลยรู้ว่าสิ่งที่อาจารย์เห็นไม่จริง)

    พ่อแม่เห็นลูกทำผิด ? หวังว่าคุณคงไม่นึกว่ากรณีนี้คุณเป็นพ่อแม่นะ เฮอะ

    ความเห็นใครๆก็แสดงได้ แต่จะมีกี่ความเห็นที่เป็นความเห็นตรง เป็นสัมมาทิฐิ ?


    - คุณก็บอกเองว่าคุณชอบแนวอภิญญา คุณก็เลยได้พบพระแนวนั้น

    ตรงไหนที่ผมบอกว่าผมชอบแนวอภิญญา เท่านั้น quote คำพูดมาให้เห็นจะๆหน่อยครับ เข้าใจผิดอีกแล้วเนี่ย......


    ถ้าคำว่าแนวนั้นทำให้คุณรู็สึกแย่ ก็ขอโทษด้วย ขอเปลี่ยนเป็น คุณก็จะได้พบกับพระแนวอภิญญา (ส่วนท่านบรรลุธรรมขั้นไหน ผมคงไม่กล้าออกความเห็น แต่ยังไงรบกวนบอกชื่อท่านหน่อยครับเผื่อทำอะไรไม่เหมาะสมจะได้ไปขอขมาได้)

    ตรงนี้ยิ่งฮาใหญ่ เวลาคุณขอขมาพระรัตนตรัย คุณต้องมานั่งแยกมั้ยว่า เอาละ พอถึงพระสงฆ์ ขอขมาสายอภิญญาก่อนวุ้ย หรือขอขมาสายที่ไม่ใช่อภิญญาก่อนวุ้ย แล้วสายอภิญญาค่อยขอขมาทีหลัง

    เข้าใจความหมายผมมั้ยเนี่ย ?
     
  20. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ผมว่าตอนหลังๆ คุณตาดำดำอธิบายไปอธิบายมาชักจะแกว่งแล้ว ไม่รู้สึกตัวเองบ้างเหรอ ?

    เอาละ เดี๋ยวต้องไปทำธุระแล้ว 555
     

แชร์หน้านี้

Loading...