จิตกับตัวคาถาอันไหนสำคัญกว่ากัน(เคล็ดลับวิชาไสยศาสตร์)

จิต สำคัญกว่า ถ้าจิตเราไม่อยู่กับที่ ก็ล้มลงได้ แต่คาถาแค่การปลุกเรียกสิ่งที่ไม่ดีออกมาเท่านั้นเอง

 

มันพื้น ๆ
การจะใช้คาถาให้ได้ผลดังใจได้ ก็ต้อง อาศัยจิต เป็นสำคัญ
แต่ยังมีอีกอย่างที่เราๆผู้เรียนอาคม มองข้าม นั่น ก็ คือขั้นตอน
ที่จะเค้น พลังอำนาจ อย่างสูงสุดออกมาได้ และ การนำมาใช้ให้ได้ดังใจ
--------------------------
รวมจิตใจ
ท่อง
ใช้
-----------------------------
ฝากอีกอย่าง ให้ถามตัวเองดู
1.ทำไมสมัยนี้หาคนเก่งยาก เอาแบบโชว อย่างได้เรื่อง ลองสังเกตดู ขนาด พระเกจิดังยังเสียฟรอม์
2.คนฝึกนับ 10 ปี ทำไมวิชาไม่ต่าง จาก 3ปี แถมวิชาอ่อนลง
3.วิชาหลายๆอย่างเริ่มเห็นผล เมือ 20-30

 

จิต สมาธิ คาถา ต้องผสมสอดคล้องกันมันจึงจะเกิดผล ขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่งมันก็ไม่มีผล
เพราะฉนัน ผมจึงต้องสวดมนต์ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะมีสติมั้นเพื่อให้เกิดผลไงครับ

 

ถ้างันก็เหมือนดังเทป
เปิดซำไปมา ก็บรรลุ ใช่ไม๊
คาถารักษา
เวลารักษาคนก็เอาเทปมาเปิดบ่อย ก็พอ เดียวก็หายเอง จริง ไม๊

บอกได้ว่าเป็นไปไม่ได้

ท่องอย่างเดียวก็เหมือนอัดเทปเปิดไปมา

 

ขอบคุณ ครับ
สิ่งที่ผมสงสัยมานาน กระจ่าง ครับ
ขอบคุณ และ อนุโมทนา;aa14

 

การฝึกจิต นั้นเพื่อให้ได้สมาธิมีสายหนึ่งที่ต้องเริ่มกันที่คาถาครับ
หากมานั่งภาวนาอย่างเดียวมันจะไม่ก้าวหน้า มันเหมือนต้องมีเป้าหมายที่ชอบ กล่าวคือมีฉันทะในการปฏิบัติ ซึ่งแนวการภาวนาคาถาเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อสงเคราะห์คนจะถนัด หรือชอบใจกว่า
/// แต่อย่างไรก็ตามผู้ฝึกก็ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น ไม่ว่าจะทางกำลังใจในเมตตา หรือเข้มข้นแบบชืดๆไร้เมตตาก็ตามทีครับ ก็ต้องมีระดับหนึ่ง ก็ใช้ได้ผลแล้ว เพราะคาถาเขามีเจ้าของ มีลำดับครูบาอาจารย์ ที่ท่านรับรู้และสงเคราะห์ให้ตามกำลังความดีเรา ทีกระทำ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับศัทธา ความบริสุทธิของใจ หรือความมุ่งมั่นและเคารพคำครูบาอาจารย์เป็นสำคัญ
/// กล่าวคือต้องมีความกตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ คุณบิดามารดา ผู้มีพระคุณ ก็จะทำของขึ้นครับ เหมือนกับรู้ทำเนียม ประเพณี เขาบังคับอะไร ก็ตามนั้น เขาไม่บังคับอะไร เราเพิ่มได้เพื่อให้เหมาะสมกับยุคกับสมัยก็ทำได้
/// บทความนี้ดีจริงๆครับ ขอให้ทุกๆท่านมีจิตที่พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆโดยเร็วกันนะครับ ....ปฏิบัติไป อย่าเกรงกลัวสิ่งใดๆ แต่จงกลัวบาป กลัวกรรมเท่านี้คงพอ ที่จะก้าวหน้ากันได้.... อนุโมทนาครับ

 

สำคัญทั้งสองอย่าง ต่างฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยกัน

 

ถ้าทำได้แบบนั้นก็ดี
จะได้มีของต้นฉบับแท้จริง
จะได้ไม่เสียฟอมเหมือนพระ เกจิ แสดงฤทธิ สมัยนี้
คนนอก จะได้เจอของจริงซะที

เสียดาย

คงไม่มีปัญญา ไปถามได้เท่านั้น จึงต้อง กลับมาฝึก แบบ งงงงงงงงงงงงงง ต่อไป

 

ครูบาอาจารย์สำคัญที่สุดจ้า

 

ผมฝึกแบบที่ทำให้สัมผัสที่หกคมชัดแล้วอธิษฐานอีกทีนึง ผสมกับบทคาถาสั้นๆบางบท

 

พอดีจำได้ว่า k.โอม อุดมชัย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1326475", true); </SCRIPT> เคยลงไว้ครับ
---------------------------------------



ขออนุญาตนำบทสัมภาษณ์หลวงพ่อชำนาญ อุตตมปัญโญ วัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี
โดย คุณ ป้อง มาเล่าต่อ<O</O
<O> </O>
จิตกับพระเครื่อง
ผู้สัมภาษณ์ : เวลาหลวงพ่อสร้างพระเครื่อง หลวงพ่อมีหลักในการสร้างยังไงบ้างครับ
หลวงพ่อชำนาญ :รูปลักษณ์ เราจะดูที่รูปลักษณ์ อย่างเช่นสร้างพระลีลา ใช้ในทางความ เจริญ ก้าวหน้ารุ่งเรืองในหน้าที่การงาน คือดูจากพุทธลักษณะที่ย่างก้าวไป พุทธลักษณะเป็นเครื่องหมายตัวบ่งบอกคุณภาพหรือพุทธคุณของพระองค์นั้นๆว่าใช้ในทางใด พิธีเสกในการทำพระนั้น ต้องทำจิตให้มันอ่อนตามวัตถุสิ่งของสิ่งนั้น<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : ถ้าทำพระแบบไหน ต้องใช้จิตแบบนั้น
หลวงพ่อชำนาญ :ใช่ ถ้าทำพระทางเมตตา ต้องทำจิตให้มันอ่อน ให้มีเมตตา ในทางตรงกันข้าม ถ้าทำพระทางแคล้วคลาดคงกระพัน ต้องทำจิตให้เข้มแข็ง<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : เพราะฉะนั้น พระที่จะทำการปลุกเสกพระเครื่องได้ จะต้องเป็นผู้มีความชำนาญในเรื่องจิตเรื่องสมาธิด้วย
หลวงพ่อชำนาญ :ใช่ สมาธิเป็นส่วนประกอบ แล้วยังต้องมีเรื่องรูปลักษณ์ และอะไรอีกหลายอย่าง เหมือนเวลาเราแกงอะไร แกงนั้นก็ต้องมีส่วนประกอบหลายอย่าง<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเรื่องคาถาต่างๆ มีความจำเป็นไม๊ครับ
หลวงพ่อชำนาญ :จริงๆแล้ว เรื่องคาถาเป็นส่วนประกอบของสิ่งนั้นๆ จริงๆอยู่ที่จิต<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : อ๋อ ถ้าจิตนิ่งๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้คาถา
หลวงพ่อชำนาญ :ไม่จำเป็น คาถาเป็นองค์ประกอบที่กำกับสิ่งนั้น เหมือนเครื่องหมาย อ.ย. ที่เขียนรับประกันคุณภาพ ที่เป็นเครื่องประกาศว่าเราจะทำแบบไหน<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : อ๋อ ก็คือคาถาเป็นตัวเริ่มต้น แต่จริงๆอยู่ที่จิต
หลวงพ่อชำนาญ :อยู่ที่จิต อยู่ที่จิตมันจะไปทางไหน เวลาเราเสกพระหรืออะไรซักอย่าง มันเหมือนกับหยดน้ำลงผ้า น้ำจะค่อยๆซึมจนทั่วทั้งผืน นั่นคือใช้อำนาจจิต แต่ถ้าเป็นคาถา มันเหมือนกับเรายิง ยิงลงไปบนกองวัตถุมงคล มันจะเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : อ๋อ คือจิตมันเป็นตัวละเอียดกว่า
หลวงพ่อชำนาญ :ใช่ จิตละเอียดกว่า<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : อย่างนี้พระที่ท่านจะสร้างพระเครื่องได้ ท่านต้องได้รับการฝึกจิตมาดี
หลวงพ่อชำนาญ :ต้องฝึกจิต หลักการสำคัญคือจิต<O></O>

ผู้สัมภาษณ์ : เพราะฉะนั้น ที่โบราณจารย์ท่านให้พระสร้างพระเครื่องนี่ ก็เป็นอุบายให้พระฝึกจิตไปด้วย
หลวงพ่อชำนาญ :ใช่ ต้องฝึกจิตให้สงบ สมาธิคือความสงบ อย่างคาถาเนี่ย ใครมันก็ว่าได้ นกแก้วนกขุนทองก็ว่าไป จุดใหญ่ใจความสำคัญคืออำนาจจิต<O></O>

 

คุยอะไรก็คุยได้
เรื่องจริงชั่งมัน

 

ตอนแรกนึกว่าจะเจอคนที่ตั้งใจจริงแบบคุณเจ้าของกระทู้แล


หาคนที่ตั้งใจจริงในการฝึกฝนคาถา นี่มันยากจริงๆ

 

มีแต่คนอยากเก่ง
แต่ไม่มีคนตั้งใจจริงซักคน

 

กกกกกก

อยากเก่งเหมือนกัน
แต่ไม่มีเวลา
ติดละคร กับ ตามสามี

 

คนเก่งหายาก
คนขี้คุยพูดเหมือนตนเองเก่งเหลือรับประทานมีเยอะ

 

ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และทุกความคิดเห็น ตั้งใจฝึกตามอยู่ค่ะ แต่ก็คงต้องใช้เวลาเหมือนเด็กหัดเดิน

 

ผมขออะไรสักอย่างได้ครับ เวลาพิมพ์เว้นบรรทัดมั่งนะครับ เพื่อถนอมสายตาแก่ผู้อ่าน

 

การใช้คาถาจิตมั่น แรง ตามหลักการดูเหมือนจะถูกต้อง
หลายคนที่เคยใช้พลังคาถาได้ผลแต่ไม่สามารถพัฒนาให้ถึงขั้นปฏิหารได้เพราะขาดความเข้าใจความรู้ในการพัฒนา แม้จะพบความสำเร็จบ่อยครั้งแต่นานวันก้อจะเข้าใจว่าพลังความสำเร็จนั้นไม่มากมายอย่างที่คิดเลย แถมนับวันกลับถดถอยจนน่าอ่อนใจ

 

ผมบวชเณรเมื่อ7-8. ปีก่อน เคยถ่องคาถาเรียกฝนได้ พอศึกออกมา เพื่อนท้าว่าเรียกได้จริงปล่าว ผมก็ท่องและกำหนดเวลาให้ตกตอน 12.00. ปรากฎว่าตก จนเพื่อนอึ้งไปเลย พอไปเข้าค่ายเค้าทำพิธีไม่ให้ฝนตกตอนรอบกองไฟ แต่ผมไม่อยากแสดงเลยท่องคาถาเรียกฝน ปรากฎว่าตกอีกครับ ทุกคนที่อยุ่ใกล้ผมอึ้งเลยครับ อันนี้จริง