จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    แผ่นดินไหว
    หรือภัยพิบัติจะเกิดจริงๆ หรือเกิดมากจนเอาตัวไม่รอดกัน
    ขอให้ร่างกายเราไหวตามได้
    หรือใจเราอาจจะหวั่นไหวไปบ้างเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไร
    เพราะมันเป็นธรรมดา
    เพราะเราก็ไม่ใช่พระอิฐ พระปูน ซะทีเดียว

    ในฐานะพวกเราเป็นฆราวาส
    แต่การสั่นไหวทุกครั้ง หรือสิ่งที่มากระทบจิตของตนทุกครั้งนั้น
    แต่จิตของเราจะต้องกลับมาอยู่กับความนิ่ง อยู่กับความสงบเหมือนเดิม

    หรือพวกเราอย่าไปอยู่กับความทุกข์นาน หรืออยู่กับความสุขกับทางโลกนานๆ เพราะพวกเรานั้น หลงกันนานมากแล้ว และพวกเขาก็อย่าได้หลงกันอีกเลย
    อันนี้ไม่มีประโยชน์เลย

    รู้อะไรก็ขอให้ปล่อยวาง ใครวางไม่ได้ ไม่เป็น หรือไม่รู้วิธีการปล่อยวางกัน
    ก็ขอให้ท่านลองมาทำจิตเกาะพระกัน
    อันนี้ประโยชน์นานัปการ

    สำหรับผู้ที่แอบทำกันอย่านั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยจะได้ผลมากนัก เพราะไปมัวติดของเก่ากัน
    หรือไม่ค่อยจะเข้าใจธรรมชาติของจิตนั้น จะทำงาน หรือรับรู้เรื่องเดียวในเวลาเดียวกัน
    แต่ถ้าบุคคลใดรู้ตัวว่าตนเองกำลังทำจิตเกาะพระควบคู่กับกรรมฐานกองอื่นๆนั้น
    อันนี้จะไม่ค่อยจะได้ผลนัก เพราะจิตจะไปอยู่ระหว่างกึ่งตรงกลาง ไม่ไปซ้าย ไม่ไปขวา สรุปแล้ว ไม่ได้อะไรทั้งสองอย่างเลย
    เพราะพอเราแอบทำไปได้สักระยะนึง เราจะเกิดความลังเล เกิดความสงสัย หรือแอบทำไปแล้วไม่ได้ผลอะไร เราก็อาจจะล้มเลิกไป ก็เท่ากับเราได้ปิดโอกาสตนเองไปในตัวแล้ว

    ท่านก็ลองถามตนเองกันดูนะว่า ที่ที่ท่านทำ ปฎิบัติกัน(ของ)กันอยู่นั้น
    มันก็ดีทั้งนั้นแหล่ะ! แต่ทำไมไม่ไปถึงไหน เหมือนพายเรือในอ่างน้ำ
    แต่จะไม่ไปกล่าวถึงผู้อื่นที่ทำกรรมฐานกองอื่นๆ แล้วสำเร็จนะ
    แต่จะขอพูดสำหรับท่านที่ไม่ไปถึงไหนเลย ก็ขอแนะนำให้มาปฎิบัติทางนี้บ้าง

    แต่จะต้องวางของเก่าก่อนนะ
    เช่นใครทำภาวนาสายอื่นๆ หรือแม้นแต่อานาปานก็วางซะก่อน ชั่วคราว
    หมายถึง เอาเวลามาทำจิตเกาะพระกันใหเมาก ให้บ่อย แต่ถ้าทำไปแล้ว
    เราจะมีช่วงเวลานึง ที่เราเบื่อ หรือจิตเบื่อทำจิตเกาะพระ ขอให้เราไปทำอานานปานสลับกันไปก็ได้ สำหรับผู้ปฎิบัติใหม่ๆ ที่ยังไม่ชิน

    ขอให้ท่านเลือกปฎิบัติอย่างใด อย่างหนึ่ง และทำให้ดีที่สุดก่อน
    แต่ถ้าทำของเดิมมานานแล้ว ไม่คืบหน้า แต่ขณะทำนั้น
    อย่ามาทำปนกันในเวลาเดียว

    (อย่าจับปลาหลายมือ มันไม่ดี เหมือนคนหลายใจ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ)

     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สำหรับผู้ปฎิบัติที่...
    ขาดความตั้งใจ
    ขาดความเพียร
    ขาดความต่อเนื่อง
    ขาดความศรัทธา โดยเฉพาะในพระรัตนตรัย
    (พวกเราอย่าลืมกันนะว่า เราจะไปเข้าถึงกระแสธรรมกันนั้น เราจะต้องมีความรักเคารพ ศรัทธา และเลื่อมใสต่อพระพุทธเจ้ากันก่อน แล้วจึงไปเรียนรู้พระธรรม หรือในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์กัน
    พูดกันง่ายๆก็คือ เราจะต้องแสดงความกตัญญูรู้พระคุณงาม ความดีของพระพุทธองค์กันก่อน เราจึงจะไปถึงกระแสจิต กระแสธรรมกัน)

    ก็มักจะไม่บังเกิด หรือทำไม่สำเร็จ
    แต่ที่กล่าวมาแล้ว เรามีครบหมด แต่ทำไมถึงช้า แต่ทำไมบางท่านได้ไว

    ขอให้พวกเราถือโอกาสตอนนี้ให้กลับไปดูที่
    หนึ่ง...ศีลของตนนั้น ศีลของตนขาด แหว่ง ผุ ประการใด
    สอง...กรรม โดยเฉพาะกรรมที่เราเคยล่วงเกินกับผู้อื่น ได้แก่ การทำแท้ง ล่วงเกินคุณบิดามาดา หรือผู้ที่มีพระคุณ และโดยเฉพาะกับผู้ที่เคยล่วงเกินคุณพระรัตนตรัย
    กรรมดีหรือไม่ดีนั้น ไม่มีใครไปแก้ไขกันได้ มีแต่จะทำความดี หรือทำบุญหนีกรรมไม่ดี หรือโดยการอุทิศ บุญกุศลให้กับผู้ที่เราเคยล่วงกันมาครั้งอดีต จนถึงปัจจุบัน
    แต่เราจะต้องมีความตั้งใจกันจริงๆนะ โดยเฉพาะการสำนึกผิดด้วย
    เพราะเรื่องนี้ผู้อื่นไม่รู้ โกหกคนอื่นได้ แต่เราโกหกตนเอง และเหล่าวิญญาณนั้นไม่ได้ เพราะเขาเหล่านั้น อ่านจิตของเราได้

    พอใครคิดว่าผ่านแล้ว
    ต่อไปก็เหลือแต่ความเพียร คือการกระทำต่อเนื่อง นั่นเอง

    ความต่อเนื่องนี้จะหมายถึง กำลังใจ บุญบารมีของตนยังไม่ครบ ยังไม่มากพอ
    เหมือนผู้มีดวงตาเห็นธรรมกัน ก่อนหลังไม่เท่ากัน
    แต่พวกเราอย่าไปเสียเวลากรรมเก่า ของเก่า เดี๋ยวจะเสียโอกาส เสียเวลา
    เสียการบรรลุธรรมของตนเอง
    เพราะการปฎิบัตินั้นจะต้องขึ้นอยู่กับตนเอง ร้อยละ80-90%
    หรือเราจะต้องพึ่งตนเองให้มากที่สุด
    เพราะการยกจิต หรือการมีดวงตาเห็นธรรมกันนั้น
    ที่แท้ก็อยู่ที่ตนเอง อยู่ที่กำลังใจ บุญบารมีของตน เท่านั้น เป็นส่วนใหญ่
    เพราะแม้นชาวจิตบุญ หรือครูทั้งหลายจะไปบังคับจิตใจของท่านให้มาทำจิตเกาะพระกันก็ เป็นไปไม่ได้

    แค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะยาว
    เพราะตัวผมเองก็จะคอบปรับแก้ไขตนเองไปพร้อมๆกับพวกคุณเหมือนกัน
    คอยปรับแก้ ที่รู้สึกว่าตนเองนั้นยังเลวอยู่มาก
    โดยที่ไม่ต้องไปดูจิตของคนอื่น เพราะการบรรลุกระแสจิต กระแสธรรมกันนั้น ก็อยู่ที่จิตตนเอง เท่านั้น

    สรุปแล้วก็อยากจะบอกกับทุกๆคนว่า...
    จิตของตนสำคัญที่สุด มิใช่สมมุติที่เรากำลังดำเนิน หรือตามกระแสโลกกันอยู่ณ.เวลานี้กัน

    อันนั้น เขาเรียกกันว่า ยังหลง ยังวนอยู่กับที่ นั่นเอง

    แต่สำหรับผู้ที่ไม่อยากหลง ไม่อยากวน
    ก็ต้องพยายามทำภาวนา กองไหนก็ได้ เลือเอาตามใจ ถูกจริตตนเป็นพอ
    ให้จิตของเราเข้าสู่ความนิ่ง ความสงบ หรือว่าจิตรวมตัวเป็นนหนึ่งเดียวกันก็ถือว่า ใช้ได้หมด

    ขอให้ท่านมีแต่สุขกาย สบายใจ อย่าไปสนใจในสิ่งที่มากระทบจิตกันเลย อย่าไปวิ่งตามกันเลย เราพยายามสร้างสติกันเยอะกันเข้าไว้
    สติก็เปรียบเสมือนกับศีลของตน นั่นแหล่ะ!
    เพราะถ้าคนไม่มีสติ แล้วเราจะมีศีลกันเช่นไร
    เพราะในเมื่อคนที่ไม่มีสติ หรือว่า มีแต่ไม่เพียงพอ และเราหรือจิตเราก็จะตามจิตของตนไม่ทัน หรือหลุดพ้นจากอำนาจกิเลสของตนกับผู้อื่นจึงไม่พ้น จึงทุกข์กันอยู่อย่างนี้กันตลอดไป

    เราจึงเอาจิตที่นิ่งสงบนี้ จิตทรงสมาธิ ทรงฌานนี้ไปค่อยๆ ระงับ หรือดับกิเลสกันแค่ชั่วคราวก็ยังดีกว่า ไม่ได้ทำอะไรเลย
    ฌานจึงเปรียบเทียบได้แค่ หินทับหญ้า เพราะเมื่อไหร่ฌานถอย ฌานเสื่อมเมื่อไหร่ จิตเราก็อ่อนไหว และในที่สุดก็จะไหล จะหลงไปตามกิเลสของตน หรือตามกระแสโลกกันไปในที่สุด

    พยายามฝึกกัน มีความเพียรให้มาก
    แต่ถ้าใครไม่มาก ก็ขอให้เริ่มต้นกันที่สติ

    สตินะ สติ!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มิถุนายน 2012
  3. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ไม่ใช่ ครับ แต่เรามีเหตุผลของเรา
     
  4. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    อ๊อ มาฝึกจิตเกาะพระเพื่อจะได้ช่วยคนเรอคะ
    การฝึกจิตเกาะพระคือการภาวนา สายตรง
    เพื่อเข้าสู่มรรค ผล และสุดท้ายคือ นิพพาน
    หากไม่ต้องการไปนิพพานในชาตินี้ ชาติไหน
    เดินตรงสู่สายโพธิญาณ เข้าหาอาจารย์ของสายโพธิญาณโดยตรง
    ไม่ดีเหรอคะ มีหลายที่ หลายท่านค่ะ
    ท่านจะไปกินก๋วยเตี๋ยว แล้วจะไปนั่งอยู่ทำไมที่ร้านขนมจีนละคะ
    ตามแต่พิจารณาค่ะ ขอโมทนาสาธุก้อแล้วกันค่ะ
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ก็น้องเขาปรารถนาจะทาน ทั้งก๋วยเตี๋ยวและก็ขนมจีนง่ะ

    เห็นไหม๊
    บอกแล้วอย่าให้ ครูปกครองตอบ
    ท่านตอบเสีย สะใจเลยม่ะหล่ะ!

    น้องครองเกียรติ รีบมาหาพี่ภู มาทานไวไว มาม่าทางนี้...อิอิ

    คิดไรมาก
    ครูปกครองนิ่ เดี๋ยวกระทู้แตก 555


    [​IMG][​IMG]
     
  6. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    หมูได้กลิ่นอะไรหอมๆ อะ?
    นั่นๆๆ ของโปรดหมู!!
    ขอแย่งพี่ kongkiatm ทานได้ไหมอะ?


    [​IMG]
     
  7. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    วันนี้ท่านมีพระพุทธเจ้าในจิตแล้วหรือยัง?​



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2012
  8. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    555 มีหลายเส้นให้เลือกทาน
    ท่านพี่ภูไม่ต้องกลัวว่าวงจะแตกหรอกเจ้าค่ะ
    ท่านkongkiatm ท่านก้อมีปัญญาของท่าน
    ที่จะพิจารณา งานนี้ไม่มีการบังคับจิตใครค่ะ
    งานบุญท๊างน๊านนนนน
    ว่าแต่ ขอตัวร่วมวงทานกะ หญิงเล็กก่อน
    แล้วกัน มาลุยเร็ว หญิงเล็ก
     
  9. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    มาๆ ท่านพี่
    แถมข้าวซอยด้วยหมู่เฮา...


    [​IMG]
     
  10. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ธรรมะเรื่องพยาธิเพิ่งผุด พอเข้ามาในกระทู้ อ่ะหยา!!
    อาหารท้างงงงงน้านนนนนนน 5555
     
  11. jprabs

    jprabs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +1,229
    คำสั่งสอนจากสมเด็จองค์ปฐม ชุดที่๒

    [​IMG]


    ร่างกายที่เห็นอยู่นี้เป็นสมบัติของโลก ไม่มีใครสามารถ
    เอาไปได้ โลกทั้งโลกนี้กอรปด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม
    มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเสื่อมไปในท่ามกลาง
    มีความสลายตัวไปในเบื้องปลาย เจ้าจะยึดถือร่างกาย
    เป็นสรณะที่พึ่งก็ไม่ได้ จักยึดถืออะไรในโลกเป็นที่พึ่งก็ไม่ได้
    พิจารณาถึงจุดนี้ ฝึกฝนจิตให้เห็นความเป็นธรรมดาให้มาก
    และจงรู้จักคำว่าไม่เบียดเบียนร่างกายตนเองให้มาก
    จนเกินไป รู้จักเมตตาร่างกายตนเองเพื่อความอยู่เป็นสุข
    ของจิตผู้อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ อย่ากังวลกับสิ่งภายนอกให้มาก
    จงเป็นผู้มีธุระน้อย หาความพอดีให้กับกายและจิตให้มากๆ
    จึงจักพบกับความสุขอย่างแท้จริง

    การเจ็บป่วยไม่สบายเป็นของธรรมดา ไม่มีใครหนี
    การเจ็บป่วยไข้ไปได้ ให้พยายามแยกกาย แยกเวทนา
    แยกจิต แยกธรรม แยกกรรม ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีในเรา
    เราคือผู้อาศัยในสิ่งเรานี้อยู่ ก็ให้สักแต่ว่าเป็นผู้รู้เป็นผู้อาศัย
    อย่าไปยึดมาเป็นตัวตนของใคร การเจ็บป่วยเกิดขึ้นมาได้
    เพราะการมีร่างกายอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีร่างกาย
    ความร้อน หิว กระหาย เจ็บป่วยไม่สบาย
    การกระทบกระทั่งทางใจก็ไม่มีแล้ว
    อะไรเป็นเหตุของการมีร่างกาย ก็ตัณหา๓
    กามตัณหา ภวตัณหา วิภาวตัณหา
    ในเมื่อความจริงของร่างกายเป็นเช่นนี้ เราไปฝืนไม่อยาก
    ให้มันเป็นไปจึงเป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์ เพราะความโง่ที่
    ไม่รู้เท่าทันสภาวะธรรม หากพิจารณาธรรมจุดนี้ให้ดีๆ
    อย่างต่อเนื่อง สักวันหนึ่งจักตัดอารมณ์ของการเป็นทาสตัณหาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2012
  12. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    วันนี้มีไว้สำหรับแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว

    โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก


    ชีวิตมีทั้งวันวาน วันนี้ และวันพรุ่งนี้
    เมื่อปัจจุบันธรรม เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต
    ชีวิตในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงมากกว่ากาลใดๆ
    วันนี้มีไว้สำหรับแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว


    แก้ตัว.....

    คือไม่ยอมรับความจริงในการทำผิดของตน
    พยายามผลักความผิดไปให้ผู้อื่น หรือสิ่งแวดล้อม


    แก้ไข.....

    คือยอมรับความจริง หากมีอะไรผิดพลาดบกพร่อง
    ก็ยอมรับผิด แล้วพยายามแก้ไขปรับปรุง พัฒนาตนเอง


    คนดี.....

    ชอบหาดูจุดบกพร่องของตน
    มีหิริโอตตัปปะ ละอายแก่ใจ กลัวบาป


    คนชั่ว.....

    ชอบหาดูจุดบกพร่องของคนอื่น

    จับผิดคนอื่น และคิดไปว่าเราดี เขาไม่ดี
    เมื่อเขาดีกว่า ก็คิดอิจฉาริษยา น้อยใจ
    ถ้าดีกว่าเขา ก็คิดถือตัวถือตน ดูถูกดูหมิ่นเขา
    เป็นสภาวะที่เกิดอัตตา เกิดตัวตน
     
  13. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอแสดงความยินดีและขอโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 25 และ 26 ด้วยนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ พี่ภู ครูเพ็ญ ครูดัช ครูวิทย์ ครูนก ครูลูกหว้า ครูลูกพลัง ครูน้องหนู ครูนิวเวฟ ไม่ได้เข้ามาหลายวันค่ะ

    วันเสาร์ที่ผ่านมา ได้พาแม่ไปพบกับพี่สาวเป็นครั้งแรก(หลังจากที่พี่ป่วย)เมื่อเจอหน้ากันทั้งสองน้ำตาไหลพรากทีเดียว อารมณ์ของความเป็นลูกพอเห็นหน้าแม่ก็จะอ้อนแม่ อารมณ์ของความเป็นแม่เห็นลูกป่วยก็จะเจ็บกว่าลูกเสียอีก ตัวแสงจันทรเองเห็นแล้วก็ได้แต่ปลอบทั้งคู่ว่าไม่ต้องร้องไห้นะ กอดทั้งคู่เบาๆ น้ำตาเอ่ออยู่เหมือนกัน แต่...วางค่ะ วางไว้ ไม่เอาน้ำตาไม่ไหลนะ ก็จัดแจงที่นั่งให้คนนั่งรถเข็น2คันนั่งอยู่ข้างๆๆกัน ด้วยพี่สาวพูดออกมาฟังไม่รู้เรื่อง เพราะเซลล์ประสาทเกี่ยวกับภาษาเสียไป ตัวแม่เองก็สมองเริ่มฝ่อไปตามอายุทั้งสองคนเลยไม่ได้คุยกัน ทำได้แค่มองตากันและร้องไห้ จึงไม่กดดันมากนัก และได้จัดแจงให้พี่สาวขออโหสิกรรมกับพ่อ และแม่ รวมถึงตัวเองก็ได้ขออโหสิกรรมด้วย พ่อบอกว่า คนที่เป็นพ่อ แม่น่ะ เค้าไม่โกรธลูกหรอกมีแต่ให้อภัย เสร็จ ทุกคนสบายใจ หน้าตายิ้มแย้มเบิกบานกินอิ่มกันก่อนกลับบ้าน และถามพี่สาวว่าได้ทำจิตเกาะพระหรือยัง จำภาพพระได้ไหม เค้าพยักหน้าจำได้ ถามว่าแล้วรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า เค้าพยักหน้า ถามสงบขึ้นใช่ไหม เค้าอืม แล้จะทำต่ออีกไหม เค้าพยักหน้า เลยบอกพี่สาวว่าถ้างั้นทำต่อไปเรื่อยๆๆนะ นึกถึงภาพพระบ่อยๆๆเท่าที่จะทำได้ เท่านี้ก่อน อาทิตย์นี้ไปเยี่ยมแล้วค่อยไปถามความคืบหน้าต่อไปค่ะ

    เมื่อวานก็ยุ่งๆแต่มีเรื่องที่มากระทบจิตเข้าจนได้ คำพูดที่ออกจากปากโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนฟัง ทำให้เกิดกิเลสจนได้ เพราะเรายังเป็นมนุษย์ แต่เลือกที่จะนิ่ง คิด ไตร่ตรอง ขอวางไว้นะ ไม่เอา ช่างเถอะ หากจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ก็เป็นเรื่องของอนาคต วันนี้ขอวางไว้ก่อน กว่าจะวางได้ค่อนข้างหนักพอควร เพราะบางเรื่องบางสิ่งมันพูดง่ายแต่เวลาปฏิบัติจริงมันไม่ง่ายเหมือนที่พูดหรือเขียน ขนาดโน้มจิตเข้าหาท่านพ่อแล้วนะเนี่ยะ จนเมื่อเช้านี้เห็นท่านพ่อบนท้องฟ้ายิ้มมาให้เหมือนเคย และยังบอกว่าคำพูดที่เค้าพูดนั้นไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่ชั่วอารมณ์หนึ่งเท่านั้น ความจริงเจอเรื่องมามากไม่น่าเลยกับคำพูดของคนใกล้ตัว อย่างที่พี่ภูและครูทุกท่านคอยเตือนน่ะ สติ สติ สติ ถ้าสติน้อยเมื่อไหร่เสร็จเจ้ากิเลสแน่ หรือบทนี้เป็นแค่บททดสอบอีกบทหนึ่งก็ไม่รู้ คงต้องเจอบททดสอบไปเรื่อยๆๆจนกว่าจะละซึ่งกายสังขารนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2012
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ปลาบปลื้มแทนคุณแสงจันทร
    ผมแอบชมคุณอยู่บ่อยภายในใจ (เวลามีนชมก็ต้องวางอีกนะ วางให้หมดจะดี)

    ขอยกกรณีของคุณแสงจันทรเป็นตัวอย่าง สำหรับผู้ที่ยังไม่เห็นทุกข์ หรือยังทุกข์ไม่จริง

    นั่นทั้งหลาย ล้วนเป็นธรรมทั้งนั้น
    นั่นทั้งหลาย ล้วนเป็นสิ่งสสมุติกันทั้งนั้น
    มี อยู่ หรือเป็น นั้นขอให้พวกเราวางใจ ทั้งดีหรือไม่ดี

    แต่ผมมองในแง่บวกตลอดว่า เห็นคุณแสงจันทรได้มีโอกาสทำบุญกับคุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาวของเธอ
    พี่ภูขอเอาใจช่วยนะครับ (คนดี)

    พวกเราอย่าลืมนะว่า ทุกคนเกิดมา ต่างก็มีกรรมนำมาเกิดด้วยกันทั้งหมด ทั้งสิ้น
    แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะแก้ไขในกรรมปัจจุบันให้ดีได้ หรือพยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดีอยู่เสมอ
    เพราะกรรมปัจจุบันนั้น ถือว่าสำคัญมาก เพราะจะส่งผลถึงอนาคตอันใกล้

    แต่ถามว่าคนจะดีได้นั้น จะต้องเริ่มต้นที่การสร้างสติก่อน

    คนมีสติน้อยมักเข้าไม่ถึง กระแสจิต กระแสธรรม
    คนมีสติน้อยมักเข้าไม่ถึง ธรรมชาติแห่งจิตตน
    คนมีสติน้อยมักรักษาศีลกันไม่ได้
    คนมีสติน้อยมักจะกล้ากระทำความผิด หรือกล้าจะกระทำความชั่ว เพราะใจกล้าหน้าด้าน
    คนมีสติน้อยมักมีกำลังใจน้อย บุญก็น้อย บารมีไม่ต้องไปพูดถึง
    คนมีสติน้อยมักไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา หรือว่าโง่เขลามาก
    คนมีสติน้อยมักจะถูกคนหลอกง่าย
    คนมีสติน้อยมักจะเดินอ้อม มักจะหลงไปตามกระแสสังคม กระแสโลก
    คนมีสติน้อยมักจะทางผิด คือไม่เดินตามทางสายมรรคมีองค์แปด
    คนมีสติน้อยมักไม่สำรวมกาย วาจา ใจ ไม่เป็นบุญ
    คนมีสติน้อยมักไปไม่ถึงพระนิพพาน

    เพราะคนสติน้อย ทำจิตเกาะพระก็ไม่สำเร็จกัน

    ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะต้องไปสร้างสติกันให้เยอะๆนะ

    ปล.อยากหล่อ อยากสวย อยากรวย จะต้องสร้างสติให้มากๆ
    และหมั่นรักษาศีล หมั่นภาวนาให้เยอะๆ
    ไปนอนดีกว่า เดี๋ยวมีคนบ่นแทนแล้ว ฮ่าๆ
     
  16. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    ธรรมสวัสดีครับ คุณแสงจันทร์วันเพ็ญ

    ขอโมทนา สาธุ กับสิ่งที่ได้กระทำไปคือได้กราบเท้าพ่อแม่ เพื่อขอขมากรรมกับท่านผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูก และท่านก็กล่าวอโหสิกรรมให้กับเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่ลูกๆ สมควรที่จะได้ทำ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส

    นับว่าคุณแสงจันทร์มีบุญมากที่ยังมีโอกาสนี้ ใครที่ยังรีรอ ก็ขอให้รีบทำก่อนที่จะสายเกินไปนะครับ

    ผมขอแผ่เมตตาอุทิศบุญบารมีทั้งหมดทั้งปวงที่ผมได้กระทำมาทุกภพทุกชาติให้กับคุณแสงจันทร์ลูกกตัญญู พี่สาว คุณพ่อ คุณแม่ ของคุณแสงจันทร์ ให้ได้รับบุญบารมีทั้งหมดทั้งสิ้นในครั้งนี้ด้วย

    ขออาราธนาบารมีสมเด็จพ่อโปรดประทานพรอันประเสริฐให้คุณแสงจันทร์ พบแต่ความสุขความเจริญ ตลอดไปด้วย เทอญฯ สาธุ

    ขอเจริญในธรรม.............ด้วยจิตคารวะ

    newwave1959 (จบ.14)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2012
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จัดเมนูอาหารมั่งดีก่า
    จัดแต่ธรรมะ มีแต่คนอิ่มทิพย์
    เรียกน้ำย่อยน้องหนูก่อน เอ๊ะครูฝ่ายปกครองจะรับไรดีครับ
    จะใครอีกหล่ะ ก็ครูหม่องดัชนั่นแหล่ะ!
    ว่าแต่ว่า ไปพาม่าทำไมหรอ??? 555
    (เดี๋ยวเด็กมันถามอีก บอกแล้วว่าให้ย่องไปเงียบๆ)
    ฮ่าๆ


    [​IMG]
     
  18. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ขออนุโมทนบุญ กับ กลุ่มจิตบุญ และทุกท่านๆ

    เรารู้สึกว่ากระทู้นี้มีแต่ความอบอุ่น มีแต่ความเมตตา มีแต่อาหารใจให้ได้ทานตลอด มีการช่วยเหลือกัน ดึงและพากัน บางครั้งอ่านข้อความไป ก็หิวไป (ฮ่า ฮ่า)

    เรามีความเข้าตนเองดีพอสมควร ทางเดินของเรา เราขอเป็นเลือกเอง ดีหรือไม่ดี ตัวเราก็ได้รับผลนั้นเอง เรามันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

    ขอถามหน่อยจิ ภาพพระที่จับกันส่วนใหญ่เป็นภาพอะไรหรอครับ
     
  19. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สวัสดีจ้า่ท่านพี่ kongkiatm
    หมูไม่รู้ว่าใครจับภาพไหน
    แต่หมูมองภาพพระสองภาพนี้ในจิตทุกวันจ้า ฮ่าๆ
    ปล. กุ้งสามตัวข้างบน น้องขอได้ไหมพี่ภู? แหะๆ


    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2012
  20. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    ธรรมสวัสดีครับ คุณkongkiatm

    ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจติดตามดู และมีความรู้สึกที่ดีต่อกันครับ

    สำหรับรูปภาพพระที่จับกันนั้น เริ่มแรกขอให้เรานึกถึงพระที่เรารัก หรือชอบเป็นพิเศษเป็นหลักครับ เช่น พระพุทธชินราช พระแก้วมรกต เป็นต้น เพื่อที่จะช่วยให้เรานึกถึงภาพพระได้ง่าย และจดจำได้ติดตามากที่สุด จะเป็นพระอะไรก็ได้

    เปรียบเสมือนเรานึกถึงพ่อแม่ เพื่อน หรือแฟน พอเรานึกปุ๊บภาพก็มาปั๊บ แต่ทีนี้เราเปลี่ยนมาเป็นภาพพระพุทธรูปแทน ลองนึกดูซิครับพอนึกถึงแฟน เราก็นึกถึงเห็นภาพสบายเลย ความรู้สึกก็คล้ายๆกัน

    แต่จุดประสงค์นั้นต่างกัน การนึกระลึกถึงพระ ไม่ใช่สักแต่นึก ไม่ใช่สักแต่เห็น เป้าหมายก็คือ เป็นการระลึกถึงพระด้วยใจเคารพนับถือ โดยน้อมจิตอาราธนาให้มีพระเข้ามาอยู่ในจิตในใจของเราด้วยเลย

    ซึ่งการมีพระในจิตนี้มีข้อดีมากมาย เราอย่าเพิ่งคิดเร่งรีบที่จะเห็นผลเลิศจนเกินไป เริ่มต้นเมื่อมีพระแล้ว จะทำให้เราระมัดระวังในการปฏิบัติหรือการวางตัวมากขึ้น เช่นถ้าเรากำลังจะทำผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง หรือจะทำอะไรที่ไม่ดีก็แล้วแต่ การมีพระในจิตจะทำให้เราเกิดอาการกลัวบาป กลัวผิดขึ้นทันที เพราะจิตจะคอยเตือนว่า อย่าทำอะไรไม่ดีนะ พระท่านมองอยู่ พระท่านเห็นนะ เราก็จะเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น สติก็จะเกิด เราต้องเอาสติตามจิตนั้นให้ทัน

    แต่ถ้าเราเอาจิตเฝ้าตามดูพระมากเกินไป อาจจะเกิดอาการเหม่อลอยจนลืมดูสิ่งรอบข้าง นั่นคือ สติตามไม่ทันจิต เช่นขณะขับรถจิตเรานึกถึงพระมากๆ แต่สติตามไม่ทัน ก็จะเกิดอันตรายแน่ๆ

    เมื่อจิตกำหนดรู้เห็นพระ สติก็ต้องตามรู้ด้วยพร้อมๆกัน เห็นก็รู้ว่าเห็น ขับรถมีพระในจิต ก็รู้ว่ากำลังขับรถอยู่ เดินก็รู้ว่าเดิน ทำงานก็รู้ว่าทำงาน นั่นคือมีสติตามจิตทันอยู่ตลอดเวลา เราก็จะไม่เหม่อลอยก็จะปลอดภัยจากการทำการใดๆนั่นเอง

    ขอให้คุณkongkiatm ลองนำไปพิจารณาดูนะครับ เพราะจิตของคุณก็ไม่ใช่ย่อยเลยทีเดียวนะครับ ผมเชื่อว่าคุณทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย ถ้ามีอะไรจะสอบถามเพิ่มเติมก็ขอเชิญเลยนะครับ ที่นี่มีแต่เพื่อนผุ้หวังดีทั้งนั้นครับ

    ขอเจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มากๆ

    newwave1959 (จบ.14)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...