จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอเขียนนิดนึงก่อนทำงาน
    ความนิ่ง ความว่าง มิได้เกิดจากความนึกคิด เพราะถ้าคิด มันไม่100%
    จิตที่หลุดพ้นแล้วเท่านั้น จึงจะมองเห็น
    ยิ่งจิตเราอยู่สูง เราจะยิ่งไม่อยากไปไหนไกล เราค้นพบแล้วว่าสิ่งที่วิเศษที่สุดอยู่ภายใน
    แล้วเราจะออกไปทำไม

    ใครจะอย่างไร ไปจับแล้ว จิตเราเกิดปัญญาหรือไม่ จิตเราหลุดพ้นได้หรือไม่
    โปรดใช้ปัญญาพิจารณา

    ธรรมะสวัสดี
    วิทย์ จบ.11
     
  2. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พวกเราพยายามอย่าห่างจิตของตนเองนะ
    เพราะมีประตูเดียวเท่านั้น ที่เราจะเข้าไปสู่ความสุขหรือว่า ความทุกข์กัน

    ยิ่งถ้าผู้ใดไม่เคยสนใจจิตของตนด้วยแล้ว
    ผู้นั้นก็จะไม่เคยจะสัมผัสกับความสุขที่แท้จริง อย่างแน่นอน
    เพราะความสุขที่แท้จริง ที่กล่าวมานั้น ก็อยู่ที่ความนิ่งสงบของจิตของตนเอง

    และตัวที่จะทำให้จิตของเรานิ่งสงบนั้น ก็คือ ตัวสติ

    ตัวสติจึงเปรียบเสมือนบุญแรกสุด ที่เราได้กระทำกันมานั้น
    บุญถัดมา ก็คือ จิตเป็นสมาธิ คือหลังจากจิตรวมกับตัวสติแล้ว
    บุญตัวถัดมา ก็คือ จิตเป็นปัญญา คือจิตจะทำวิปัสสนา หรือพิจารณาในธรรมะนั้นๆได้เอง
    บุญถัดมา ก็คือ ไปพบจิตเดิมแท้ หลังจากจิตไปทำวิปัสสนาแล้ว
    หรือสตินำจิตไปพบกับสภาวธรรม ธรรมะชาติ ธรรมดา
    หรือไปพบธรรมชาติแห่งจิตของตนเอง
    หรือการเข้าถึงกระแสจิตของตนเอง

    และอีกไม่นานัก จิตก็จะพบธรรมะภายในจิตของตนนั้น
    ความอัศจรรย์แห่งนั้น ก็คือ จิตจะเรียนรู้และจำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
    จึงแตกต่างจากสมองของเราที่ไปจำอะไรมามากนัก
    จิตถ้าได้จำแล้วจะไม่มีวันลืม หรือจำข้ามภพ ข้ามชาติ นั่นเอง
    แต่สมองของเราเริ่มเสื่อมเมื่อไหร่แล้ว ความจำที่เราได้ไปร่ำเรียนมานั้น อันจักต้องจบสิ้นลงแต่เพียงชาตินี้กันเท่านั้น

    เพราะฉะนั้นแล้ว สมองจึงเปรียบได้แค่ฌาน หรือสมถะสมาธิ
    หรือฌานเสื่อง ฌานเริ่มถอยเมื่อไหร่ก็จบกันเมื่อนั้น

    แต่จิตจึงเปรียบเสมือนดั่ง วิปัสสนา ก็คือ ไม่มีวันเสื่อม จบแล้ว ถึงแล้ว บรรลุแล้ว
    จิตยกแล้ว หรือจิตอรหันต์ก็อรหันต์เลย
    เหมือนดั่งจิตผู้ปฎิบัติ บำเพ็ญเพียรมาดีแล้ว ดั่งจิตพระอรหันต์ เมื่อละสังขารแล้วจะไม่กลับมาเกิดใหม่กันอีก
    นอกเสียจากจะถูกบัญชาต้องให้ลงมาทำหน้าที่กันอีก

    แต่จิตที่ยกกันแล้วจึงเป็นเสมือนสิ่งสมมุติเช่นกัน หรือจิตอรหันต์ก็อรหันต์กันไป
    นิพพานก็เหมือนกัน นิพพานก็เป็นดินแดนสมมุติ
    แต่จิตอรหันต์ หรือนิพพานในปัจจุบันนั้น สำคัญยิ่งกว่า โดยมิต้องรอให้ตายเสียก่อน

    นั่นหมายถึง นิพพานบนดินกันต่างหาก ก่อนสิ้นลมต่างหาก
    คือเป็นผู้อยู่บนโลกใบนี้ แบบคนไร้ทุกข์ ไร้สุข
    คือกลางๆ ว่างๆ เบาๆ โปร่งๆ โล่งๆ กลวงๆ เหมือนไม่มีอะไรเลย
    มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมดี อะไรมากระทบจิตก็ไม่มีผล บางท่านอาจจะสั่นไหวไปบ้าง
    แต่ท้ายที่สุดก็จะกลับมาเป็นกลาง หรือเข้าสู่ของความนิ่งดังเดิม
    จิตจะไหวมากน้อยก็อยู่ที่สติของผู้นั้นจะมีมากหรือน้อย

    สติน้อยก็จะหวั่นไหว สั่นคลอนได้ง่าย เป็นธรรมดา
    แต่ผู้ที่มีสติมาก หรือสติสัมปชัญญะกันนั้น ก็อาจจะไม่มีผลอะไร คือเฉยๆ
    ยิ่งกว่าจิตเป็นอุเบกขาญาณ
    เพราะนอกความนิ่งลึกแล้ว จิตยังต้องรู้อยู่ภายในกันนั้น

    แต่ถ้าพวกเราอยากรู้ อยากมีสติปัญญากันมากๆ อยากเป็นผู้รอบรู้ทั้งทางธรรมและทางโลก
    ก็ขอให้พวกเราจงหมั่นสร้างสติกันเยอะๆ สนใจจิตของตนเองกันเยอะๆ
    อยู่กับกายในกาย อยู่กับจิตในจิตกันเยอะๆ
    ทำให้จิตนิ่งเยอะๆนานๆ
    แล้วเราก็จะหายโง่ เลิกหลง เลิกทุกข์ หลุดพ้นกันไปในที่สุด

    ขอให้ผู้ปฎิบัติ ตั้งใจ ตั้งหน้าปฎิบัติเพียงอย่างเดียว แวะข้างทางกันได้ แต่อย่าแวะนาน
    แวะนานโง่นาน แวะมากโง่มาก แต่ถ้าไม่แวะเลยก็ฉลาดกันตอนนั้น

    ขอแท้ ของเทียมนั้นไม่มีอยู่จริงๆหรอก แต่ถ้ามีพวกเราก็กำหนดกันเองขึ้นมากันเท่านั้น
    ของแท้ของเทียมสำหรับผู้ปฎิบัตินั้น ก็คือ ความหลุดพ้น
    หรือยิ่งปฎิบัติก็ยิ่งรู้ ยิ่งปฎิบัติก็ยิ่งละปล่อยวางได้ง่าย
    ยิ่งปฎิบัติก็ยิ่งเข้าสู่ความเยือกเย็น และก็ยิ่งมีแต่ความให้อภัย ก็ยิ่งมีแต่ความเมตตาสูง
    เท่าเทียมกันทั้งหมด แม้นกระทั่งตนเองก็ไม่รู้สึกว่าจะสูง จะต่ำกว่ากันเลย
    คือความเสมอภาค เท่าเทียมกัน ทั้งหญิงชาย ทั้งคนแก่คนเด็ก

    เพราะผู้ปฎิบัติถึงกันจริงๆแล้ว จะไม่เข้าไปยึดเกี่ยวข้องกับสิ่งใดๆ
    แม้นกระทั่งสังขาร คือร่างกายของตนเองก็ตาม
    แล้วใยท่านทั้งหลาย จะเข้าไปเอาอัตตาเข้ามากันทำไม
    เพราะถ้าเมื่อเรารู้สึกว่าเรามีตัว มีตนกันเมื่อไหร่
    กิเลส ตัวทุกข์ก็จะวิ่งเข้าหาจิตใจของเราทันที

    ต่อไปนี้ก็ขอให้พวกเราอยู่กับตัวทุกข์กันให้ได้ อย่าได้ไปสงสัยกันอีกเลย
    เพราะว่าตัวทุกข์ที่แท้จริงนั้น ก็คือ ร่างกายของเรา

    หายใจก็ไม่หลง อยู่ก็ไม่หลง ตายไปก็ไม่หลง
    อยู่ก็มีอนาคต ไปก็มีที่ไป
    ขอให้พวกเรามีนิพพานทั้งที่มีลมหายใจ และก็ไม่มีลมหายใจ

    สตินะ สติ
    ตอนนี้สติเราอยู่ที่ไหน มีสติกันหรือไม่
    คนที่มีทุกข์มากเพราะ มีสติน้อยนัก
    อยากไม่มีทุกข์กัน ก็หมั่นฝึกสติ ฝึกจิตกันเข้าไว้

    ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่มักจะหันหน้าเข้าหาแต่ของปลอมกัน คือสิ่งภายนอก สุขก็ภายนอก
    ของจริงๆไม่พากันเอา คือสิ่งภายใน สุขก็ภายใน

    ผู้ที่มีความเป็นอยู่ห่างไกลธรรมชาติกันเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งทุกข์กันมากยิ่งขึ้นกันเท่านั้น

    อยากจะบอกกับพวกเราเหลือเกินว่า ความทุกข์ ความสุขนั้น
    ไม่มีอยู่ในโลกนี้

    โลกนี้จะปราศจากเวทนา สัญญากันได้ ก็ต่อเมื่อจิตของคนนิ่งมากๆ เท่านั้น

    พร่ำธรรมะ...

    ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะทำเพื่อคนอื่น มากกว่าตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2012
  4. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
  5. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขอกราบอนุโมทนา ต่อดวงจิตที่ยกเป็นจิตบุญทุกๆดวงจิตค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    น้องลูกหว้าขา ขอบคุณมากสำหรับ รูปพระใสๆนี้ค่ะ มามะขอกอดหน่อย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2012
  7. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    สวยงามจริงๆน้องนกชาย
    ที่สำคุญคือ เป็นภาพที่มีความหมายลึกซึ้งมากๆ
    น้ำบนใบบัว
    ธรรมชาติ ที่ ทุกคนเห็น
    แต่ ไม่เข้าใจ

    ขอบใจจริงๆ

    ธรรมะสวัสดี
    วิทย์ จบ.11
     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    หลายวันมานี้ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเกเร เข้าเวปไม่ค่อยได้ มีปัญหา
    ผมก้อปล่อยไป ลองแล้วไม่ได้ ก้อหาวิธีไป
    ไม่กระวนกระวาย หรือกังวลแต่อย่างใด ถ้าไม่ได้ก้อไม่ได้

    สุดท้ายแล้ว ก้อต้องมีวันหนึงที่ผมจะไม่ได้เข้าเวปนี้ อาจจะเวปล่มไ หรือ ผมตายจากไป นี่คือความเที่ยงที่จะต้องเกิด

    ถามท่านนิดนะครับ

    ถ้า พรุ่งนี้ ท่านเข้ามาแล้ว ไม่มีครูเข้ามาเลย ทุกคนหายหมด ท่านจะทำไง
    จะไปทางไหน

    จิตท่านจะตกไหม ทำไงดี ยังไม่ไก้ไปถึงไหนเลย แย่สะแล้วเรา

    ผมบอกทุกคนที่ผมทำงานด้วยเสมอ ให้เค้าทำงานด้วยความคิดที่ว่าเราจะต้องทำงานโดยไม่มีหัวหน้าให้ได้ ท่านต้องพร้อมที่จะไม่มีหัวหน้า ท่านต้องอยู่เองได้

    แต่ต่างกันนะ ทางธรรมกับทางโลก

    ทางโลก มันไปได้นะ แต่ก้อไม่พ้นทุกข์ในใจอยู่ดี
    แต่ทางธรรมนี้ละ ท่านพร้อมที่จะอยู่ได้ด้วยดวงจิตแท้ของตนเองหรือยัง

    พร้อมรับทุกสภาวะไหม ถ้าท่านยังตอบไม่พร้อม
    นี่คือหนทางแห่งความไม่เที่ยงที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต

    ท่านหวานเย็น ท่านแอบ ท่านกลัว ท่านอายทั้งหลาย

    ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีละ ท่านจะทำเช่นใด

    พร้อมแล้วใช่ไหม

    อย่าปล่อยให้เวลานำพาท่านไปโดยเปล่าประโยชน์เลย

    จิตพร้อม อย่าแอบอยู่เลย มาลุยกันเลย

    ทางสายเอก มาตามหาจิตแท้กัน

    มาพบกับความต่างที่ท่านไม่เคยเจอ

    ทุกอย่างผ่านไป

    แต่จิตท่านจะทำเช่นไร

    อย่ารอ อย่าผลัด

    เพราะท่านจะได้ไม่ต้องมาเอ่ยหลังจากนี้ว่า ไม่น่าเลยเรา

    ธรรมะสวัสดี

    วิทย์ จบ11
     
  9. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ใครจะนึกได้ไหมว่า หนทางที่ทุกคนถวิลหา มาทั้งชีวิต หรือ หลายๆชาติ
    หนทางที่ทุกคนคิดว่า คงจะมหัศจรรย์พันลึก
    หนทางนี้ จะกลายเป็นความธรรมดา (ที่ไม่ธรรมดา)

    หนทางที่ทุกคนคิดว่าคงจะยาวไกล ไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ จะอยู่ภายในเราเอง

    ทุกสิ่งที่เรามองทุกวัน แล้วคิดว่า ไม่มีอะไร .. มันจะมีอะไรในนั้น

    ตราบใดที่ท่านมองทุกสิ่งด้วยตาเนื้อ ด้วยกิเลส ท่านก้อจะได้แค่เนื้อ ที่อีกไม่นานมันก้อจะเน่าไปตามธรรมชาติ

    ปิดตาเนื้อที่มีแต่สิ่งสมมุติสิ

    แล้วเปิดตาใน ที่มีแต่ความจริง ความแจ้ง ความว่าง

    เราไปยึดไปจับสิ่งที่กิเลสหลอกล่อเราให้คิดว่าเป็นของเรามานานมากพอแล้ว ทั้งอบายและสุขที่ไม่เที่ยง

    วันนี้ คงไม่สายเกินไปที่จะชำระล้างคลาบไคลแห่งกิเลสและสิ่งสมมุติที่เกาะมานาน
    ค่อยๆล้าง ค่อยๆถู ค่อยๆขัด

    ทำแบบเรื่อยๆ เอาแบบให้กิเลสมันหลงคิดว่าไม่มีอะไร

    ความไม่มีอะไรจะทำให้เราเอาชนะกิเลสได้
    ด้วยจิตแห่งพุทธะ

    พลังจากพระท่านยิ่งใหญ่ แต่เราไม่รู้จะเอามาทำอะไรให้หลุดพ้นได้ ได้แต่เปลือก ไม่ยอมเอาแก่น

    เปลือกสวยดีนะ แต่ไม่เที่ยง

    แก่นมองไม่เห็นนะ แต่ถึงแล้ว สุขนิรันดร์ พ้นทุกอย่าง

    มายกจิตดวงนี้ที่รอคอยการขัดถูมานับเท่าชีวิตท่าน

    อย่าให้จิตดวงนี้ไปเวียนว่ายในการ เกิด แก่ เจ้บ ตาย ในชาติต่อไปเลย

    พอเถอะนะ เราสงสารท่าน

    เราจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน เพื่อท่านพ่อ

    ธรรมะสวัสดี

    วิทย์ จบ.11
     
  10. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    ลับตานึก ภาวนาพุทโธ ให้หลับตานอก
    แต่ตาใน ตาใจ ไม่ให้หลับ คำว่าหลับตานั้นให้เข้าใจด้วย
    ตานอกนี้กิเลส ราคะ โทสะ โมหะ มันชอบดูรูป

    ไม่ว่ารูปคนรูปสัตว์ รูปวัตถุข้าวของ รูปทรัพย์สินเงินทอง

    รูปแก้วแหวนแสนสิ่ง ที่มนุษย์สมมุติว่าดี
    จิตหลงอันนี้มันชอบ มันชอบอย่างไงเพราะว่าชอบ
    มันจะได้เวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้ ไม่ให้มีที่สิ้นสุดลงได้

    ฉะนั้น พวกเครื่องประดับประดาและสัตว์โลกทั้งหลายนั้น

    ความพอใจ ความดีใจ จึงนำมาคล้องคอไว้เป็นเชือกผูกคอ
    เป็นเชือกผูกคอ เป็นปอผูกศอก มัดไว้ให้อยู่ในวัฏฏสงสาร

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


     
  11. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585
    ใบบัว กิเลสเกาะไม่ได้ ทำได้แค่อยู่บนใบเท่านั้น (แต่ผมยังเห็นกิเลส หยดน้ำ สวยกว่าใบบัวจิตนะ)

    ถ้าไม่เจอคุณครูก้อไม่หมดกำลังใจครับ เพราะไงๆก็คงขึ้นสวรรค์ แต่ตอนนี้ประตูโอกาสไปนิพพานเปิดแล้ว ไม่อยากไปสวรรค์แล้วครับ(ไม่มีครู ก็ฝึกต่อไปครับ อย่างมากตายไปก็ขอพุ่งจิตขึ้นไปขอฟังเทศน์จากพระพุทธองค์ซักบท)

    ปล.อยู่เว็บน้องหว้าครับ แต่ตามอ่านกระทู้นี้ตลอดครับ
     
  12. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    5555 อืม คนนี้แววดีแฮะ สายพังแป้นหว้ารึ ดีๆๆๆ
    ดีมาก ฝึกให้พร้อมตาย พร้อมรับทุกอย่าง ให้อยู่กับธรรม เพราะธรรมอยู่กับเราตลอด แต่เรามัวแต่ไปหาภายนอก วิ่งจนขาขวิด หาที่พึ่งทางใจจากผู้อื่น
    ตราบใดที่ภายในเราไม่พร้อม
    ที่แห่งใดๆหรืออาจารย์หรือวิธีการที่ดีที่สุดก้อคงไม่ใช่สำหรับเรา

    ธรรมะสวัสดี
    วิทย์ จบ.11
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมะกับชีวิตประจำวัน : อย่าหลงสิ่งที่ "เป็นมายา"

    ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนนั้น ย่อมมีความสับสนวุ่นวาย มีปัญหานานาประการเกิดขึ้นอยู่บ้าง เป็นบางครั้งบางคราว ไม่ใช่เกิดอยู่ตลอดเวลา คือเมื่อใดเราเผลอไป เราประมาทไป ความทุกข์ก็เกิดขึ้น แต่ถ้าเราไม่เผลอไม่ประมาท ความทุกข์ก็ไม่เกิด ความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้น มันเกิดขึ้นในตัวของมันเอง แต่ว่าอาศัยสิ่งภายนอกมากระทบ สิ่งภายนอกที่มากระทบก็คืออารมณ์นั่นเอง

    ที่เราเรียกว่าอารมณ์ประเภทต่างๆ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ เป็นอารมณ์ที่มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วเราเผลอไป ประมาทไป ไปยึดถือในสิ่งนั้น ปรุงแต่งสิ่งนั้นขึ้นในจิตใจของเรา ให้เป็นไปในรูปต่างๆ แล้วก็เกิดความอยากได้อยากมีในเรื่องอย่างนั้น เราก็พลอยเป็นทุกข์เป็นร้อนไป เพราะไม่สมหวังดังที่เราต้องการ ความไม่สมหวังนี่ล่ะมันเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนในชีวิตประจำ วัน

    ความไม่สมหวังนี่มันเกิดก็เพราะว่าเรามีความหวัง ถ้าเราไม่มีความหวัง ความไม่สมหวังมันก็ไม่มี ทำไมจึงได้เกิดมีความหวังขึ้น ก็เพราะเราไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ ตามสภาพที่เป็นจริง เรานึกว่ามันดีมันวิเศษ มันจะให้ความเพลิดเพลินเจริญใจแก่เรา แล้วเราก็ไปยึดเอาสิ่งนั้นไว้ เลยเกิดความหวังขึ้นมา ครั้นเมื่อไม่สมปรารถนา ก็เป็นทุกข์

    ความทุกข์นั้นเกิดขึ้นจากความไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆตามสภาพที่เป็นจริง ซึ่งในภาษาธรรมะท่านเรียกว่า “อวิชชา” ก็คือความไม่รู้ ไม่เข้าใจในเรื่องนั้น ตามสภาพที่มันเป็นอยู่จริงๆ แม้เราจะรู้จะเข้าใจ แต่ว่ารู้เพียงผิวเผิน รู้ในสิ่งที่เป็นมายา เป็นเครื่องปรุงแต่งฉาบทาภายนอก แต่เราไม่รู้ว่าเนื้อแท้มันเป็นอย่างไร คล้ายๆกับเราดูไปที่ฝาผนังอาคารบ้านเรือน ดูไปก็เจอสีเท่านั้นเอง สีที่เขาเอามาฉาบทาไว้ สีเขียว สีเหลือง สีชมพู สีแดง สุดแล้วแต่คนที่ทานั้นเขาชอบสีอะไร เรามองทีไรก็เจอสีทุกที แล้วก็ติดอยู่ในสีสันเหล่านั้น ว่าเป็นของอย่างนั้นเป็นของอย่างนี้ สวยงามไม่สวยงาม หรืออะไรต่างๆ อย่างนี้เรียกว่ามองไม่ลึก มองแต่เพียงตื้นๆ แล้วก็เห็นสิ่งที่ฉาบทาไว้

    สิ่งที่ฉาบทาไว้ภายนอกนั้น ภาษาธรรมะเขาเรียกว่า “มายา” หมายถึงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากการปรุงแต่ง เป็นไปในรูปต่างๆ นานา แล้วเราก็เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหูก็มี สูดด้วยจมูกเป็นกลิ่นก็มี เป็นรสก็มี เป็นสิ่งที่ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างให้เราเห็นแล้วหลอกเราเล่นก็มี เรียกว่าเป็นสิ่งมายา

    สิ่งเป็นมายาทั้งหลายในโลกนี้ มันหลอกให้เราหลงด้วยประการต่างๆ เช่นเราหลงในสีของดอกไม้ เราดูดอกไม้เราก็เห็นเป็นสีขึ้นมา ว่าเป็นสีชมพู เป็นสีขาว เป็นสีเหลือง หรือว่าเป็นสีม่วง สีอะไรต่างๆ เราก็ไปชอบใจในสีเหล่านั้น ไปยึดติดอยู่ในสีนั้น ว่าเป็นของน่ารักน่าชม การที่เราไปหลงใหลในสีของดอกไม้นั้น ก็เรียกว่าเราหลงในสิ่งที่เป็นมายาเครื่องปรุงแต่ง ดอกไม้มันเป็นสีขึ้นได้เพราะอะไร ก็เพราะว่ามีแสงอาทิตย์ส่องลงมากระทบดอกไม้ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องลงมากระทบดอกไม้ ดอกไม้มันก็คายสารบางชนิดออกมาแล้ว ก็กลายเป็นสีขึ้น ดอกไม้ที่คายสารบางชนิดออกมาไม่หมด มันก็เป็นสีต่างๆ เช่นเป็นสีเหลือง สีแดง สีอะไรต่างๆ ถ้ามันคายออกมาหมด ดอกไม้นั้นก็จะเป็นสีขาว เพราะฉะนั้นเราจึงนิยมว่าสีขาวเป็นสีสะอาด เช่น ดอกมะลิ เป็นตัวอย่าง

    สีนั้นก็เป็นมายาเครื่องปรุงแต่ง ไม่ใช่ของจริงแท้จีรังยั่งยืนอะไร แล้วตัวดอกไม้ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหี่ยวแห้งไป ร่วงโรยตกอยู่ที่โคนต้นไม้ อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ ในทางธรรมะถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมายาทั้งนั้น

    คำว่า “เป็นมายา” หมายความว่า ไม่ใช่ของจริงแท้ และสิ่งที่เป็นมายานั้นไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความเปลี่ยนแปลงนั้นเราเรียกว่า “อนิจจัง” คือมันไม่เที่ยง ถ้ามันเที่ยงมันก็ต้องอยู่ในรูปเดียว ไม่เปลี่ยนสภาพไป แต่ว่าสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ มันหนีกฎธรรมดาไม่ได้ กฎธรรมดานั้นมีอยู่ว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย มีความทุกข์โดยสภาพ สรรพสิ่งทั้งหลายมีความเป็น อนัตตา โดยสภาพคือไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นเนื้อแท้ เพราะไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์ เพราะเป็นทุกข์จึงเป็นอนัตตา คือไม่มีเนื้อแท้ในตัวของมันเอง อันนี้เป็นสัจจะเป็นความจริง ภาษาธรรมะเรียกว่าธรรมสัจจะ คือความจริงของสิ่งทั้งหลายปรากฏอยู่ แต่เรามองไม่เห็นสิ่งที่เป็นความจริงนั้น เพราะเราไปติดสิ่งภายนอกของสิ่ง เหล่านั้น ไม่ได้แทง ตลอดลงไป เพื่อให้เข้าใจในเรื่องอย่างนั้นถูกต้อง

    เพราะฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงสอนพวกเราทั้งหลายว่า ดูให้ลึก ดูให้เข้าใจ ดูเพื่อให้รู้ ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรอย่างถูกต้องแท้จริง ถ้าเราดูลงไปให้ลึก ดูให้เข้าใจในเรื่องนั้นแล้ว เราก็จะพบกับความจริงของสิ่งเหล่านั้น เมื่อใดเราพบความจริง จิตใจเราก็จะไม่ยึดมั่นในเรื่องนั้น เพราะเรารู้ว่ามันคืออะไร มันเป็นอยู่ในรูปอย่างไร มีอะไรน่าหลงใหลน่ามัวเมา น่าพอใจใฝ่ฝันบ้าง เราก็จะเกิดอารมณ์วางเฉยในสิ่งเหล่านั้น หรือว่าเราอยู่ด้วยปัญญาเพราะมองปั๊บก็รู้ทันที มองไปเห็นอะไรก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร

    จิตใจของพระอริยบุคคลท่านมองอย่างนั้น ท่านมองอะไรก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร ท่านรู้ตามสภาพที่เป็นจริง การรู้ตามสภาพที่เป็นจริงก็คือรู้ว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นสุข ไม่มีอะไรที่เรียกว่าน่ายึดถือ ไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นเนื้อแท้ในตัวของมันเอง มันอยู่ในสภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นว่าเป็นอะไรๆ ขึ้นมา ถ้าเราคิดอย่างนี้บ่อยๆ จิตใจก็จะปลอดโปร่ง พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน

    (เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของปาฐกถาธรรม วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒)

    (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 114 พฤษภาคม 2553 โดย พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี)

    ธรรมะนี่ อ่านก็เข้าใจกันทีเลยนะ แต่ทำไมปฎิบัติยากกันนัก
    เพราะจิตคนเรามันหยาบเกินไป หรือจิตคนมันไม่นิ่ง
    สรุปแล้ว จิตคนเรานี่เอง ไม่ต้องไปโทษใคร เพราะทำไมคนอื่นจึงทำได้กัน
    อันนี้เราก็ต้องหันมาพิจารณาตนเองว่า จิตเรานั้น อยู่ตรงไหน
    ติ๊กต๊อกๆ ติ๊กๆต๊อกๆ

    อยากรู้ธรรมะ อยากมีธรรมะประจำจิต อยากมีพระในจิต อยากบรรลุธรรม
    อยากมีดวงตาเห็นธรรม อยากไปสวรรค์ พรหม นิพพาน
    พวกเราอยู่ดีๆ มันจะได้ไหม๊?
    จะรอฟลุ๊คก่อนหรอ?
    เรื่องนี้ไม่มีฟลุ๊ค ฝีมือล้วนๆ
    ปฎิบัติล้วนๆ ความเพียรล้วนๆ
    อยากได้บุญใหญ่กันไหม๊?
    จะต้องเข้าสู่แนวทางปฎิบัติกันเอาเองนะลูกๆ หลานเอ๊ย!

    มิใช่แค่เราพากันไปทำบุญภายนอก สร้างวัดหนึ่งหลัง สร้างพระประธานหนึ่งองค์ ก็ยังไม่เท่า เราเปลี่ยนจิตตนเองให้ดีกว่าเดิมได้ จากกรรมฐานใด กรรมฐานหนึ่ง ขอให้ท่านผู้เจริญในศีล ในธรรมทั้งหลาย
    จงได้โปรดพิจารณากันให้ดีๆ ไตร่ตรองกันให้ดีๆ

    นิพพานก็อยู่ที่ตรงหน้าท่านนั่นแหล่ะ! ดันกลับไปวิ่งตามหากันที่อื่นๆกันอยู่ได้
    บางท่านไปบวชมาเกือบจะสิบวัดแล้ว จนตัวจะขาว จะเหลืองทั้งกายกันอยู่แล้ว
    เปลี่ยนทั้งชุด เปลี่ยนทั้งสำนัก เปลี่ยนทั้งสถานที่ ที่ๆไหนเขาว่าดีกันจะตามไปให้ทั้งหมด ทำบุญ ๙ วัด ทำบุญ ๑๙ วัด ก็แล้ว
    พระประธานที่ใหญ่ที่สุดก็ทำมาแล้ว เรียกได้ว่า ทำบุญมากกว่าให้เงินลูกกินหนม ทำบุญมากกว่าให้เงินคุณพ่อ คุณแม่ใช้กันซะอีก

    แต่ไง๊ ยังบ่พ้นทุกข์กันเล่า
    ตอนนี้พวกเราเริ่มจะฉลาดกันรึยัง????
    ตอบมิสเตอร์ภูหน่อย...
     
  14. taktay

    taktay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +338
    ขออนุญาติเข้ามาทักทายนะค่ะ เพราะแอบๆอยู่นาน
    เพราะจิตยังหยาบอยู่มาก...ไปฝึกก็เห็นแค่แว๊บๆ
    แต่ลูกชายวัย9ขอบฝึกได้ดี เมื่อฝึกไม่ได้เลยเสียกำลังใจเลยไม่ได้ฝึกต่อขอคำแนะนำได้ไหมค่ะ จิตหยาบดวงนี้จะได้เห็นทางสว่างบ้าง:cool::cool:
     
  15. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ดีใจด้วยที่เดินทางมาเจอกัน
    สนใจจริง ติดต่อหลังไมค์มา
    จะพาเดินไปครับ

    ยินดีต้อนรับ

    ธรรมชาติสวัสดี
    วิทย์ จบ.11
     
  16. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    สำหรับท่านที่อยากแจ้ง
    ที่อยู่แถวๆ กทม และปริมณทล ลองรวมกลุ่มกันนะ เดี๋ยวผมจะแนะนำให้เป็นกลุ่ม
    ขอผู้ที่เอาจริงๆ ผมก้อจะให้จริงๆ

    สนใจรวมกลุ่ม นัดกันมาหลังไมค์
    ลูกทิวด้วยนะ จัดกลุ่มมา

    เราจะได้เดินไปด้วยกัน
    ผมจะพากลับบ้าน

    ธรรมชาติสวัสดี
    วิทย์ จบ.11
     
  17. taktay

    taktay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +338



































    ขอบพระคุณในความเมตตานะค่ะ ส่งข้อความไปแล้วค่ะ:cool:
    กรุงเทพ ลาดพร้าวค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ taktay
    ขออนุญาติเข้ามาทักทายนะค่ะ เพราะแอบๆอยู่นาน
    เพราะจิตยังหยาบอยู่มาก...ไปฝึกก็เห็นแค่แว๊บๆ
    แต่ลูกชายวัย9ขอบฝึกได้ดี เมื่อฝึกไม่ได้เลยเสียกำลังใจเลยไม่ได้ฝึกต่อขอคำแนะนำได้ไหมค่ะ จิตหยาบดวงนี้จะได้เห็นทางสว่างบ้าง
    ดีใจด้วยที่เดินทางมาเจอกัน
    สนใจจริง ติดต่อหลังไมค์มา
    จะพาเดินไปครับ

    ยินดีต้อนรับ

    ธรรมชาติสวัสดี
    วิทย์ จบ.11

    แหม๊! เสียดายจัง
    จบ.2 ไม่ทัน จบ.11
    แหม๊! เสียดายจัง

    ท่านจบ.11 ท่านไวเจงๆ
    จบ.19 ไม่ทันแล้ว สจ.ด้วยนะ...

    อนุญาต ไม่เอาหลังคาได้ป่ะ...งงสิท่า
    ถ้างงให้ไป น้องเกษมณีฯ ท่านหัวไวกับเรื่องทางโลก ทีบอกให้ทำจิตเกาะพระ ทำเป็นงง มันน่าไหม๊?

    อย่าไปดูถูกจิตของตนเองนะ คนที่ว่าตนเองโง่ๆนี่น่ะ ก็คือ คนฉลาดในวันหน้า
    คือจิตจะยกไว ดีกว่าจิตที่ละเอียด แต่ยกยาก เพราะท่านรู้มาก คือ หลงติดรู้
    รู้มากน่ะแล้วดี แต่รู้แล้วก็ต้องวางให้เป็นสิ แต่ไม่รู้จักวางนี่สิ น่าเป็นห่วง
    เอ๊า! ใครจะหลงเข้าป่าก็ปล่อยเขาไป
    ขอให้สนใจจิตของตนเองก่อนจะดีกว่านะ
    ทำไปๆ อย่าติดสงสัยมาก ถามมากใช่ว่าจะฉลาด ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียน
    ที่คือ โรงจิต เน้นยกจิต เน้นแก่น เน้นเดินทางตรงๆเน้นๆเนื้อๆ น้ำไม่ต้อง

    จบ.11 กัดอย่าปล่อยนะ เอ๊ย! คาบไว้ๆ
    555

    แต่ถ้าไม่มีใครดูแลหัวใจ เอ๊ย! ไม่มีใครดูแลจิต มาฝากผมไว้ก่อนนะ
    เดี๋ยวผมจะโยนไปให้ครูเพ็ญ
    555"""
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มิถุนายน 2012
  19. taktay

    taktay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +338

    ขอบพระคุณที่เมตตานะคะ ไม่กล้าเข้ามา แต่พอได้เข้ามารู้สึกดีมากๆเลยค่ะแต่ยังเกรงๆอยู่แหะๆโปรดเมตตาด้วยนะค่ะ:cool::cool:
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จะเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น กระทู้นิพพานอยู่แล้วนะ
    ยินดีต้อนรับครับ ที่นี่มีแต่คนใจดี ใจบุญ มีแต่คนกันเองทั้งนั้น
    ตามสบายเลยนะครับ นึกว่าเป็นบ้านของตนเองก็แล้วกัน

    เด็กๆไปไหนกันหมด ลูกหว้า ลูกฟ้า ลูกทิวลิป เอาน้ำเย็นๆมาเสิร์ฟหน่อย
    เกาะครูวิทย์เข้าไว้ให้แน่นๆนะครับ
    ท่านใจดีมากๆ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มิถุนายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...