จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    วันนี้ ส่งลิ้งกระทู้ นี้เป็นกระทู้แนะนำให้มิตรรัก สี่ท่าน หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่พวกเขาได้บ้าง หวังว่า... หากไม่เป็นดังหวัง ก็อุเบกขาrabbit_sleepy
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จิตหลง
    จิตหลง
    จิตหลง

    จิตหลงผิด
    จิตหลงทางกัน

    จิตพวกเราหลงนับชาติกันไม่ถ้วนแล้ว
    เกิดมาชาตินี้ก็ยังหลงกันอีก
    หลง
    หลง
    หลง
    กันเข้าไป
    และพวกเราคิดว่า จิตของเราจะหลงไปกันอีกสักกี่ชาติกันหรอ???
    (ลองถามตนเองดูกันสิ!)

    หลงรูป คือหลงร่างกายตนเองยังไม่พอ ก็หลงร่างกายของคนอื่น แต่ยังไม่พอ ไปหลงทรัพย์ภายนอกกันอีก
    หลงนาม คือหลงอาการ หลงอารมณ์ เช่น หลงนาม4(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)

    หลง(แง่บวก) ว่าตนเองดีกว่า สวยกว่าคนอื่น รวยกว่าคนอื่น มีหน้าที่ใหญ่โต มีเกียรติ
    มีศักดิ์ศรี มีดีกรี(จบนอก จบใน) ว่างๆให้ไปดูที่กระจกกันบ้างนะ
    คือหน้าจะยกสูงกว่าหัวแล้ว ไหล่ก็จะสูงเท่าหน้ากันแล้ว ยกกันเข้าไป หน้าตาจะไม่เหมือนมนุษยืกันแล้ว เชิดหน้าชูตากันเข้าไป
    ตายไปเห็นเขาเผาทิ้งลูกเดียว เผาเสร็จแล้วเหลือแต่กระดูก ซากกระดูกก็ยังไม่ยอมเก็บกันเลย แถมบอกว่านำกระดูกไปลอยอังคาร หรอกกระดูกของผู้ตายกันอีก
    ผมเห็นแต่ไปลอยกันที่แม่น้ำเจ้าพระยา หรือไม่ก็ทะเล
    ไหนบอกว่าไปลอยอังคาร นึกว่าไปลอยทีดาวอังคาร
    ญาติก็หลงทำบุญไปให้กันใหญ่ เพราะกลัวว่าจะไปตกนรกกัน ไปกลัวทำไม
    ในเมื่อเวลายังมีลมหายใจกันไปหลงบ้าแต่ของสมมุติกันทั้งนั้น
    ทำไมพวกเราไม่หลงบุญ ไม่หลงศีล ไม่หลงธรรมกันบ้างหล่ะ
    หลงสวดมนต์ หลงทำภาวนากันสิ
    สวรรค์ หรือพรหมจะกลายเป็นของประติวไปเลย
    คือแรงจิตไปกันได้ถึง พระนิพพานกันเลย
    เห็นอยากได้แต่ของดีกัน แต่ไม่รู้จักทำกันเอสเอง
    เหมือนคนขี้เกลียด แต่อยากรวย
    เหมือนคนอยากไปพระนิพพานกัน แต่ทุกวันนี้ก็ยังวิ่งตามโลก ตามกิเลสตนเองยังไม่เลิกกันอีก
    แล้วมันจะไปถึงไหม๊?
    บางคนมาชวนกันทำบุญถึงต่างประเทศ หรือไปทำบุญ9วัด บริจากเงินเยอะนะ พวกเราจะได้พากันขึ้นสวรรค์ นิพพานกัน

    ผมขอถามกันหน่อยว่า ใครสอนให้พวกท่านทำกันแบบนั้นหรือ???
    บนพระนิพพานเห็นมีแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์กันแล้ว ยังมีพระอรหันต์ และฆราวาสที่เขาฝึกจิตกลายเป็นอรหันต์กันเท่านั้น

    แต่ไม่ได้ไปตำหนิผู้ที่นิยมทำบุญภายนอกกันนะ เพราะกำลังใจเขามีเท่านั้น
    เพราะจะต้องทำบุญภายนอกกันก่อน แล้วถ้ามีกำลังใจมากๆกัน ถึงจะอยากปฎิบัติธรรมกันจริงๆจัง
    เพราะแรงบุญภายนอกไปได้แค่ สวรรค์ เท่านั้น
    ส่วนนักภาวนา ถ้าจิตได้ฌาน ก็อาจจะไปถึงชั้นพรหม แต่จะเป็นชั้นไหน ก็ขึ้นอยู่กับจิตละเอียดของตน

    แต่ถ้าผู้ได้ฌานแล้ว ยอมเดินทางตรง แบบพระพุทธเจ้ากัน ก็มีสิทธิ์ไปพระนิพพานกัน

    คิดกันให้ดีๆนะ ถึงไปกันได้สวรรค์หรือพรหม ก็ยังไม่หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ดี
    แต่ถ้าใครเบื่อการเกิด เบื่อความตายของตน หรืออยากไปพระนิพพาน ต้องธรรมปฎิบัติ
    หรือปฎิบัติธรรมกันเท่านั้น
    พระร่างกายนี้มิได้ไปพระนิพพาน แต่จิตของท่านต่างหากเล่า...
    ที่ไปนิพพาน
    ตามใด จิตของพวกเรายังขึ้นชื่อว่าหลงกันแล้ว
    อย่าได้พูดถึง คำว่าพระนิพพานกันเลย (ละอายแก่ใจ)
    และบางคนชอบพูดว่าพระนิพพานนั้นหรือ มันไกลเกินเอื้อม แต่ก็จริงสำหรับผู็ที่ไม่ใฝ่ธรรม หรือไม่ปฎิบัติธรรม จิตจึงมีแรง มีกำลังใจกันแค่นั้น

    จิตผู้จะไปถึงพระนิพพานกันได้นั้น พวกเขานำจิตยกสูง ยกไกลจากกิเลส โดยเฉพาะกิเลสฝ่ายต่ำๆ นำจิตให้ไกลจากกระแสโลกให้มากที่สุด
    กายหนีไม่ได้ แต่เรานำจิตของตนหนีกันได้นี่ อย่ามาอ้าง
    เพราะมนุษย์นี้ มักมีข้ออ้างกันเยอะ เพราะขี้เกลียด นั่นเอง

    ลืมพูดล่างนี้เลย
    หลง(แง่ลบ) ว่าตนเองแย่กว่า ขี้เหร่กว่าคนอื่น คือหลงไปตำหนิตนเอง

    จบก่อน ยาวไปแล้ว
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    การทำความดีด้วยเจตนาที่ดี โดยไม่ต้องไปหวังผล
    ก็นับว่า เป็นจิตบริสุทธิ์โดยแท้จริง
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    การทำความดีด้วยเจตนาที่ดี โดยไม่ต้องไปหวังผล
    ก็นับว่า เป็นจิตบริสุทธิ์โดยแท้จริง
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความตาย เป็นเรื่องเล็กสำหรับเรา

    ถ้าใครท่องจำอันนี้กันได้นะ
    จะไม่มีคำว่า จิตหลง อย่างแน่นอน

    ถ้าใครคิดแบบนี้นะ นิพพานอยู่ใกล้มากๆ
    จิตเกาะพระจึงมีกำลังใจ หรือมีพลังมากเกินกว่าที่ท่านคิดกันอยู่มากทีเดียว

    ไม่ยอมทำจิตเกาะพระ ไม่ยอมยกจิตของตนเองให้สูงขึ้น
    แล้วเมื่อไหร่ ที่ปากตนเองก็พูดกันอยู่ทุกวันว่า อยากจะไปพระนิพพานกับเขาบ้าง
    แล้วมันจะได้ไปไหม๊?
    กลัวจะไปเยี่ยมนรกกันก่อนน่ะสิ!
    เพราะกายก็พร่ำแต่คำว่า พระนิพพานๆ ก็ท่องกันไปเหมือนนกแก้ว นกขุนทอง
    แต่จิตเจ้าไปไหน อยู่ที่ไหน
    โน้น นอกบ้าน นอกกาย เผลอๆนอกใจคู่รัก คู่ครอง ไปทำผิดศีลกันอยู่เนื่องนิจ
    แล้วจะบอกว่า อยากไปพระนิพพานกับเขา

    หรือพากันไปกราบไหว้หลวงตามหาบัว (ท่านมรณะภาพไปแล้ว) ไปตามกันเพี๊ยบ!
    ผมถามว่า คุณไปทำไมกันหรอ
    ไปชมบารมีท่านหรอ?
    ไปชมพระธาตุท่านหรอ?
    ไปดูประวัติ ท่านเป็นพระสุปฎิปันโน ไปดูพระปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบกันหรอ?
    ***ไปดู ไปชมท่านตรงนั้นทำไม ผิดวัตถุประสงค์ของท่าน
    ทำไมพวกเราจึงไม่พากันไปปฎิบัติดี ปฎิบัติเหมือนหลวงตาบัวฯกันเล่า???

    หรือเหมือนคนที่พร่ำพูดว่า รักเคารพ เลื่อมใส ศรัทธาในองค์ของพระพุทธเจ้ามากๆเลยนะ
    แต่ถ้ารักท่านจริงๆ ทำไมไม่ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์กันหล่ะ!

    เพราะพระพุทธเจ้าท่านได้ทำตัวอย่างให้พวกเราดูกันอย่างไร
    คือท่านปฎิบัติ ฝึกจิตจนจนหลุดพ้นแห่งกองทุกข์ หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดกัน

    แต่ทุกวันนี้พวกเราพากันไปทำอะไร ไปปฎิบัติกันอย่างไร
    หลงมาก หลงน้อย เดินทางอ้อม อันนี้ผมพูดไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นการก้าวล่วงล้ำกัน
    ผมพยายามกระทั่งแม้น มิให้ล่วงเกินทางจิตกับผู้ใด แต่ล่วงเกินทางหยาบ หรือทางกายนั้น น่าจะไม่มีแล้ว

    แต่ที่แน่ๆ พระพุทธเจ้าท่านทรงไม่สรรเสริญกับผู้ใช้ฤทธิ์ไปในทาง ที่มิใช่เพื่อความหลุดพ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2012
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ตอนนี้พวกเราก็ทำจิตตกหล่นกันมามากแล้ว
    ถึงเวลากันหรือยัง?
    เลิกทำให้จิตตนเองหลงกันได้แล้ว
    ทำจิตให้รู้ ตื่น เบิกบานกัน แบบจิตพระอรหันต์ จิตพระพุทธเจ้ากันนะ

    เรียนธรรมะสดๆ แต่ไม่มีขายในตลาดสด แม้นกระทั่งในวัดฏ้ไม่ต้องไปตามหากัน
    เพราะธรรมะมิได้อยู่กับใคร มิได้อยู่สถานที่ใด
    แต่ธรรมะนั้น มันอยู่ข้างใน(ในจิตคุณ) นั่นไงเล่า

    อายนตะก็ปล่อยมันทำหน้าที่รับกันไปสิ! เพราะเราไม่ได้ไปปิดกั้นนี่
    เพียงแค่นำจิตของตนเท่านั้น ออกมาให้ห่างๆจากสิ่งนั้น
    ((พูดง่าย แต่ทำยาก))
    ผมทราบดีครับ

    แต่ผมกำลังจะทำให้พูดง่าย และทำก็ง่ายด้วย
    ทำจิตเกาะพระกันไปเรื่อย
    คุณทำอะไรไม่ลงทุนนั้น ไม่มี
    เช่น คุณอยากจะมีชีวิตต่อไป คุณยังต้องหายใจกันเลย

    แต่อยากไปนิพพานกันนะ แค่บอกให้ทำจิตเกาะพระกันแค่นี้ ง่ายที่สุดแล้ว ก็ไม่ยอมทำกัน บางคนก็ทำไป เพราะกลัวตาย เพราะได้ยินภัยพิบัติ ทำไปเพราะกระแสนิยม

    ขอให้มีความจริงใจกันหน่อย ผมอาจจะไม่รู้ แต่อย่าลืมนะ โกหกคนด้วยกันได้ แต่คุณโกหกสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันไม่ได้หรอก แม้เจ้าที่ เทวดา เจ้ากรรมนายเวร คุณก็ปิดไม่ได้
    ใครทำเล่นได้เล่น ใครทำจริงได้จริงๆ
    (แต่ขอร้องเรื่องศีลกันด้วยนะ เดี๋ยวจะบอกว่า ทำแล้ว แต่พระงอน คือพระหันข้าง หันก้นให้บ้าง นั่น! บาปนะ ไปปรามาสท่านโดยไม่รู้ตัวกัน ที่แท้มัวแต่ไปดูแต่พระ ลืมดูตัวเองว่า ศีลสมบูรณ์ไหม๊?)
    อย่าลืมนะ พระท่านมีจิตบริสุทธิ์ แต่ถ้าท่านมีจิตไม่ค่อยจะบริสุทธิ์กัน ท่านก็ไม่อยู่กับท่านนะครับ
    อันนี้พวกเราจะต้องตระหนักกันให้ดีๆ
    โปรดตั้งใจทำด้วยความเคารพ เพราะท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเราต้องให้ความเคารพอย่างสูง ยิ่งให้ท่านอยู่เหนือเศียรเกล้าเราก็ยิ่งดี
    แต่ถ้าคุณให้ความรักเคารพท่านจริงๆ ท่านก็จะมาอยู่กับท่าน
    แต่ถ้าจิตคุณยังไม่บริสุทธิืกันดี แล้วจะขอให้ท่านไปอยู่ด้วย ท่านก็คงอาจจะไม่มา
    เพราะพระไม่สบาย เพราะกายเรา จิตเรามันไม่นิ่งกัน
    เพราะจิตพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าท่านจิตนิ่ง บริสูทธิ์กันน่ะ

    กราบขออภัยที่วันนี้ยิงเป็นชุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2012
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ไม่ว่าเราจะทำอะไร อยู่ที่ไหน
    แต่ถ้าลืมสติกันบ้างก็ไม่เป็นไร พอจะเข้าใจ

    แต่อย่างน้อยที่สุด ขอให้จิตพวกเรามีศีลเป็นเกราะกำบังภายนอกกาย
    และมีธรรมเป็นเกราะแก้วกำบัง คอยคุ้มครองดวงจิตของคุณ

    ก่อนนอนคืนนี้ฯ
    ขอให้นึกถึงบุญ หรือความดีของตน (จิตเราก็จะตั้งอยู่แต่ความดี เป็นบุญ เป็นกุศล)
    นึกถึงความตาย (เราจะได้ไม่ต้องประมาท)
    นึกถึงพระพุทธเจ้า (นำจิตไปฝากท่านไว้นะ แล้วท่านจะปลอดภัย ทั้งกายและใจ)

    ราตรีสวัสดิ์

    ขอให้ทุกคนนอนหลับฝันดี ตื่นขึ้นมาขอให้พบแต่ความโชคดี มีลาภ ได้วาภตามดั่งใจที่ตนปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ

    (แต่ผมอยู่ยันสว่าง เพราะจิตแจ้ง โลกก็แจ้ง)
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อ๊าว! โพสต์อย่างเดียว
    คุณหญิงใหญ่ยังไม่นอนอีกหรอ?
    หรือว่ากายหลับ จิตไม่หลับ หรืออย่างไร
    เห็นออนไลท์อยู่ หรือว่าออนยี่สิบสี่เหมือนผม
    นอนหลับฝันดีนะ
    นี่ขนาดโลกยุ่งนะ แต่ทำไมธรรมไม่ยุ่ง ไม่วุ่นวายก็ไม่รู้สินะ
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ภัยพิบัติ
    ภัยธรรมชาติ
    ไม่มีผู้ใดหลีกหนีพ้นกันไปได้
    ก็เหมือนความตาย นั่นแหล่ะ!

    อย่าไปเกรงกลัวกับมัน
    เพราะร่างกายนี้ เป็นของโลกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เท่านั้นเอง
    ถึงเราจะมีความพยายามขนาดไหน ไม่ให้ตายนั้น อิมพอสซิเบิ้ล เป็นไปไม่ได้
    เอาเท่าที่ดูแล ให้สุดความสามารถกันก็พอแล้ว
    แต่อย่ามัวไปเสียเวลากับการดูแลร่างกายกันมากเกินไป
    เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ จิตของเรา

    เพราะอายุขัยของเราก็ไม่ได้ต่างกับนาฬิกาไขลานเลย อย่างมากก็ไม่เกิน 100ปี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

    แต่การเิดินทางจิตของพวกเราสิ!
    ที่ยาวนานกว่า ไกลกว่า
    แต่พวกเรากลับไม่สนใจ
    และจะต้องไปแต่ผู้เดียวด้วย
    พ่อแม่ พี่น้อง ลูก สามี/ภรรยา หรือญาติของเรา(ชาตินี้) ก็ไม่เห็นมีใครตามไปด้วยกับเรา

    เห่อ!

    คิดกันได้บ้างไหม๊???

    ปล่อยให้กายเป็นทุกข์อย่างเดียวก็พอแล้ว
    แต่อย่าให้จิตใจเป็นทุกข์ก็แล้วกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2012
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ถึงว่าทำไม ธรรมะสอนกันไม่ได้
    ไม่ค่อยมีคนจะสนใจ หรือเข้าไม่ถึงกัน

    พวกเราจึงเข้าไปกันได้แค่ อามิสบูชา หรือได้แค่ทำบุญภายนอก (ถือว่าเปลือกธรรม)
    แต่ไม่ถึงปฎิบัติบูชากัน (ถือว่าแก่นธรรม)
    (ก็แล้วแต่พวกท่านจะเลือกเอาแก่น หรือว่า เปลือกกัน ก็ตามแต่ใจ)
    ก็เพราะว่า...
    กำลังใจมีน้อยกันนี่เอง (คือสาเหตุหลัก)

    ก็เพราะเหตุผลประการฉะนี้แล
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เมื่อรู้ว่าภัยจะมาถึงตัว
    รู้ว่ากายนี้ จักต้องตายแน่นอนแล้วหนา
    ก็ขอให้พวกเราย้ายตนเองมาอยู่ที่จิตกันนะ
    เพราะทุกวันนี้ เราเข้าใจกันว่า ร่างกายนี้ คือเรา ของเรา
    อันนี้ขอให้คนที่กำลังใจกันอยู่นี้ มันผิดนะ
    ร่างกายคือเรา ของเรา มันก็จริง แต่มันก็แค่ชั่วคราว
    หรือร่างกายนี้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย ของจิต ดวงจิต จิตวิญญาณ ชั่วคราวเท่านั้น
    แต่จะยังอาศัยไปจนกว่ากายนี้ จิตนี้ จะแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด ก็ต่อเมื่อความตายเท่านั้นที่จะมาพลัดพราก

    กายเรา ของเราเท่านั้นที่ตายไป(คืนโลก คืนธรรมชาติ)
    มีเพียงแต่จิตเท่านั้น ที่จะต้องเดินทางไปต่อ ไปจุติตามสถานที่ที่เรากระทำมาครั้งที่ยังมีลมหายใจกันนั้น
    หรือบาปกับบุญเท่านั้น จะไปผู้กำหนดชะตาจิต ดวงจิตไปจุติณ.ที่ แห่งหนใด
    สุคติ หรือทุคติ ก็ต้องอยู่ที่เราทั้งนั้น

    และมาตอนนี้เริ่มสติเกิดขึ้นกันบ่อยๆหรือยัง?
    ว่าถ้าเราตายจากโลกนี้ไปแล้ว เราจะไปที่ไหน?
    1.อบายภูมิ นรกภูมิ
    2.สวรรค์
    3.พรหม
    4.พระนิพพาน

    (จงเลือกตอบ เลือกไปมาคนละหนึ่งอย่าง)

    หรือมีใครจะตอบว่าไปที่ไหนได้อีก ขอให้บอกกันมา
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คนกระหายธรรม​

    หมายความว่าอย่างไร?

    หมายความว่า ผู้ที่มีกำลังใจมาก หรือผู้ที่มีบุญ บารมี(ถึงที่)
    และอยากที่จะปฎิบัติธรรมมากกว่าคนปกติ มิใช่แค่อยากเฉยๆนะ

    แต่ถ้าใครรู้สึกอยากปฎิบัติธรรมมากๆกันนี่นะ จิตจะจดจ่ออยู่กับศีล กับธรรม
    คือจะปฎิเสธกับทางโลกอย่างสิ้นเชิง
    เช่น ใครจะมาพูด หรือเล่าเรื่องถึงคนอื่นๆว่า คนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เป็นอย่างนั้น อย่าเข้าหูเราให้ได้ยินเด็ดขาด เพราะเราจะไม่เก็ต ไม่รับ ไม่อยากฟัง กับเรื่องไร้สาระอะไรแบบนั้น
    นี่เขาเรียกว่า คนกระหายธรรม

    จะขอเปรียบให้ผู้ที่ยังไม่มีความกระหายธรรมในจิต หรือจิตยังไม่ถึงโลกุตตระ
    คือจิตผู้ยังเป็นโลกียะ(มนุษย์โลก)

    แต่ถ้าใครเป็นโลกียะ หรือมนุษย์โลกกัน ขอให้ท่านนึกถึง คำว่า " ข้าวใหม่ปลามัน "
    เอ่อ! อันนี้ค่อยนึกขึ้นได้กันมากหน่อย
    พอเข้าใจกันนะ

    สำหรับ คำว่า ข้าวใหม่ปลามัน
    (แต่ก็สงสารผู้ที่ยังไปไม่ถึง ก็คือ คนโสด)
    พูดถึงหน่อยก็ดีเหมือนกัน
    ให้คนโสดนึกถึง แฟนเรา เช่น วันไหนไม่ได้เห็นหน้า แค่เห็นหลังคา ยังดี
    อะไรประมาณนั้น

    ขอเพิ่มเติม:
    จิตผู้ที่อยู่ระหว่างโลกียะ กับโลกุตตระ หรือเรียกกันว่า " โคตรภูญาณ "
    ก็คือ ความเป็นคนกับความเป็นพระอริยเจ้า
    ท่านเปรียบเหมือนกับขาหนึ่งยืนอยู่นี่ อีกขาหนึ่งฝ่ายโลกีย์ ยังยกไม่ขึ้น

    อารมณ์ของโคตรภู เราต้องรู้ว่าขณะใด คืออารมณ์ของโคตรภูญาณ
    เราจะเข้าถึงโคตรภู ไอ้พูด ตามตำรานี่ มันพูดได้ ไม่ยากหรอก แต่ตัวเข้าถึงนี่กันสิ!ยากยิ่งกว่า
    แต่ถ้าเราได้วิชชาสามนะ มันเห็นชัด คือ เวลาที่เราถอดจิตขึ้นไป ตามปกติเราจะท่อง เที่ยวแต่เฉพาะในส่วนของโลกีย์ใช่ไหม จะเป็นเมืองมนุษย์ก็ดี อบายภูมิก็ดี เทวดา พรหมก็ดี
    แต่ส่วนโลกุตตระเราจะเข้าไม่ได้ ไม่สามารถจะเห็น แต่ถ้าอารมณ์ของจิตเข้าถึงโคตรภู เราจะเห็นพระนิพพานชัดเจน

    ดั่งอารมณ์ของปุถุชน(คนธรรมดา) ก็จะไม่มีทางรู้อารมณ์ของพระโสดาบัน ว่าเป็นเช่นไร
    หรืออารมณ์พระโสดาบัน จะไม่มีทางรู้อารมณ์ของพระสกิทาคามี ว่าเป็นเช่นไร
    หรืออารมณ์พระสกิทาคามี จะไม่รู้ทางอารมณ์ของพระอนาคามี ว่าเป็นเช่นไร
    หรืออารมณ์ของพระอนาคามี จะไม่รู้ว่าอารมณ์ของพระอรหันต์ ว่าเป็นเช่นไร

    หรือก็เหมือนดั่งปลาสองตัวมันพูดเรื่องของนก แล้วมันจะไปรู้เรื่องของนกกันไหม๊ เพราะในเมื่อปลานั้นต่างก็อยู่แต่ในน้ำ ซึ่งไม่เคยโผล่หัวขึ้นไปบนฟ้ากัน

    ก็เหมือนกับเราไปได้ยินคนเขาพูดคุยกันถึงเรื่อง อารมณ์พระนิพพานนั้น เป็นสุขยิ่งนัก หรือ บรมสุข
    แต่หารู้ไม่ เราเองก็ไม่เคยจะได้สัมผัส
    เพราะมีคนเขาชอบถามกันนัก กันหนาว่า อารมณ์ของพระโสดาบันนั้นมันเป็นเช่นไร
    ขอบตอบแบบหลวงพ่อเล็ก(วัดท่าซุง อุทัยธานี) ว่า
    ก็ขอให้เธอมาเป็นพระโสดาบันกันดูเองสิ! เธอจะได้รู้
    เล่นเอาคนถามจุก กลับบ้านไม่ทันเลย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2012
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คืนนี้ขอเล่านิทานของตนเอง

    วันนี้ก็อย่าหาว่าผมมาสอนธรรมะกันเลยนะ ผมมิบังอาจ
    ถือซะว่า สนทนาธรรมให้กันฟังก็แล้วกัน

    ผมเห็นใจผู้ที่ยังมีกำลังใจน้อย หรือยังไม่อยากปฎิบัติ
    อันนี้ผมเข้าใจพวกคุณดี เพราะเมื่อก่อนผมก็เหมือนๆกับคนส่วนใหญ่ที่เขาเป็นกันนี่แหล่ะ!
    คือ ศีลขาดแล้วขาดอีก ผุแล้วผุอีก จนไม่รู้จะรู้อย่างไรกันแล้ว เพราะตามใจ ตามกิเลสจนกลายเป็นดินพอกหางหมู จนเคยตัว เคยชินไปแล้ว

    แต่พอมาวันนึง ความทุกข์มาโฟกัสกันตรงที่กลางหัวใจของผมนี้พอดีเลย แล้วจะทำอย่างไรกันดีหล่ะคราวนี้
    ก็มีให้เลือกปฎิบัติอยู่ 2ทาง คือ ไปทางโลกสุดๆ กับไปทางธรรมสุดๆ
    ผมก็เลยเลือกมาอย่างอันหลังนี้
    ถามว่าครั้งแรกมีอารมณ์ที่อยากปฎิบัติไหม๊?
    ตอบว่า ไม่มี แม้นนิดเดียวก็ไม่มี รู้อย่างเดี๋ยวว่า เบื่อมั๊กๆ เบื่อทุกข์ เบื่อตนเอง ได้แต่คิด คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ยิ่งคิดก็เหมือนยิ่งไปกันใหญ่
    รู้นะว่า การทำสมาธินั้น ทำให้จิตคนเรานิ่ง และสงบกันได้ แต่ตอนนี้นั้นจิตใจไม่พร้อมจะทำ ได้แต่นั่งเบื่อลูกเดียว

    พอจิตสงบได้สักพัก
    (ตรงนี้ คนทางบ้านสังเกตให้ดีๆนะ)
    ผมก็เริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ไหว้พระก่อน ว่างๆก็ไปทำบุญทำทานบ้าง
    พอจิตสงบได้ทีก็พานั่งสมาธิด้วยเลย อย่าพลาดโอกาส แต่ถ้าวันไหน สวดมนต์ไหว้พระไปแล้ว จิตใจยังไม่ดี ไม่สงบ พวกเราอย่าเพิ่งไปทำสมาธิกันนะ นอนดีกว่า ผมจะบอกให้ เพราะยิ่งเราไปบังคับจิตใจตนเองก็เหมือนจะยิ่งเข้าป่า เข้ารกไปกันใหญ่
    อันนี้ต้องระวังกันให้ดีๆ สำหรับผู้ที่จะเอาบุญ โดยเฉพาะใหญ่ คือ บุญจากการเจริญกรรมฐาน หรือ จิตเกาะพระ

    พอเราทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ ใหม่ๆจะทำทุกวัน บางวันถ้าว่างมากก็ทำเช้า-เย็นเหมือนเราได้สร้างกำลังใจ สร้างบุญบารมีของตนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จนรู้สึกว่า อยากจะไปบวชเนกขัมมะ(ถือศีล8)ที่วัดมากขึ้นละ เริ่มๆอยากจะปฎิบัติธรรมมากขึ้นละคราวนี้
    ไปบวชตั้งหลายครั้งก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ
    เพราะรู้สึกว่า มันจะต้องพบเจออะไรมากกว่านี้อีก
    ก็เลยเลิกบวชกาย โดยการหันมาบวชใจแทน
    คือเน้น จิตตภาวนา
    เพราะอยากจะหยิบเอาความทุกข์นั้น ออกจากจิต จากใจของตนเองสักทีนึง และจะขอฆ่าความทุกข์นั้นด้วยมือของข้าพเจ้าเองด้วย

    ก็เริ่มต้นบวชใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    คราวนี้ไม่สนใจที่จะนุ่งขาวห่มขาวอีกแล้ว เพราะใส่จนกางเกงจะขาดอยู่แล้ว ทุกข์ก็ยังไม่หาย ขาวแต่ชุด ขาวแต่กาย แต่ทำไมจิตใจของเรามันไม่ยักกะขาวตามชุดที่เราสวมใส่
    ก็เลิกบวชกาย นุ่งขาวห่มขาวนับแต่วันนั้นเป็นต้นไป
    หันมาสนใจที่จิตใจของตนอย่างเดียว
    แต่หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ ตามด้วยแผ่เมตตาเสร็จสรรพ พอมีเวลาอธิษฐานจิต บอกว่า ขอให้ผมได้พบเจอกับครูที่สอนธรรมะเก่งๆ และตอบโจทย์ของผมได้ทั้งหมด เพราะตอนนั้นจะเป็นคนที่ขี้สงสัยมากๆ

    ผมขอกับใครรู้ไหม๊?
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เพราะขณะนั้นผมชอบอ่านหนังสือธรรมะของท่านมาก เพราะถูกจริต
    หลังจากผมได้รับทุกข์นั้น ผมได้หันหลังให้กับทางโลก โดยเฉพาะโลกไซเบอร์ โลกอินเตอร์เน็ต และมีอยู่วันนึงก็เข้ามาสมัครเวปพลังจิต เพื่ออ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำจนหมด ก็เลยไปพบเจอกับนางเอกขี่ม้าน้ำขาว มาช่วยผมยกจิตที่ในกระทู้ของท่านเอง
    นั่นก็คือ ...ครูเพ็ญ...

    นับตั้งแต่วันนั้น ถือว่าผมโชคดีมากๆ เพราะท่านมีเวลาให้กับผมคนเดียว ตอนนั้นท่านไม่มีลูกศิษย์หรอก และไม่มีคนคบ ใครๆก็หนีท่านหมด...555
    เพราะท่านไปทางธรรมสุดๆ (ขอบอก) เห็นท่านวันนี้ค่อยยังชั่วแล้วนะ เมื่อก่อนท่านไม่หัวเราะเลย
    นับตั้งแต่....

    (ไม่เล่าต่อดีกว่า ให้คุณหญิงใหญ่มาเล่าต่อนะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2012
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หมดเวน-หมดกำ

    (เข้าเวรดึก ออกเวรเช้า)
    ตื่นกันหรือยังเด็กๆ ถ้าตื่นแล้ว ผมก็จะเข้าอาศรมแล้วนะ
    คืนนี้ผมเหมาคนเดียว
    เบื่อกันรึยัง?

    แต่ถ้าเบื่อ
    งั้นผมขอลาออก จากชายใหญ่ แห่งบ้านทรายทอง...อิอิ

    จาก...คนเมาธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2012
  15. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ลาออกมิได้ครับ หัวเรือใหญ่มีแต่ต้องรับเพิ่มครับ
    สวัสดีครับพี่ภู
    ไปพักเถอะครับพี่
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ในที่สุดเราก็รู้ความจริง

    เราคือ จิต
    จิตก็คือ เรา
    ก็ต่อเมื่อเราฝึกจิตนิ่งสงบดีพอกันแล้ว
    เพราะ...เมื่อเราเป็นทุกข์ เพราะว่าจิตใจรู้สึกทุกข์ ใช่ไหม๊
    เพราะความรู้สึก นึกคิดกันนี้ก็เป็นลักษณะอาการของจิตอย่างหนึ่ง
    แต่รู้สึกเป็นสุข เป็นทุกข์นั้น ก็คือ อาการ หรืออารมณ์ของจิต
    เพราะถ้าจิตรู้จักปล่อยวางได้ นั่นก็หมายถึง ร่างกายเราก็สบายตามไปด้วย
    (จริงไหม๊?)

    ต่อไปนี้พวกเรา ลองถามจิตของตนดูนะว่า..
    จิตเรามันอยากไปตามกระแสโลกกันไหม๊?
    เพราะกระแสโลกนั้น ล้วนเต็มไปด้วยกิเลส มีแต่ความวุ่นวาย
    แต่ถ้าใครฝึกจิตไม่ดี หรือไม่มีสติ กิเลสจะเข้าครอบงำจิตของเราทันที
    และกิเลสถือว่าเป็นฝ่ายไม่ดี คือจะคอยดึงจิตของเราให้ตกต่ำอยู่เสมอๆ
    นี่คือแรงธรรมชาติแห่งกิเลส
    เพราะฉะนั้นเรา(จิต)จะต้องอยู่เหนือ หรือต้องเอาชนะแรงธรรมชาติที่ว่ากันนี้กันให้ได้ หรือเรียกกันว่า การเอาชนะใจตนเอง

    ธรรมชาติแห่งจิตของคนเรานั้นชอบ ความนิ่ง ความสงบ ความสุข
    จิตไม่ชอบความเคลื่อนไหว ความวุ่นวาย ความทุกข์

    เพราะฉะนั้นความสุขของจิต หรือความสุขของเรานั้น ขึ้นอยู่ความสงบนิ่ง
    แต่ยังคงปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามปกติ หรือไปตามอิริยาบถกันเท่านั้น
    เราเพียงแค่มีสติไว้ประคองจิตให้นิ่งสงบ เท่านั้น
    เพราะธรรมชาติแห่งจิตนั้น ไม่สามารถแยกแยะความถูก-ผิด หรือดี-ชั่วได้
    แต่จะมีสติเท่านั้น ทำหน้าที่เสมือนเป็นที่ปรึกษา เป็นพี่เลี้ยงของจิต
    เพราะธรรมชาติของสตินั้น ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายดี
    แต่ถ้าเมื่อไหร่สติเกิดขึ้น กิเลสก็จะมอบ หรือระงับ แต่ได้แค่ชั่วคราว
    แต่ถ้าไม่มีสติ หรือเผลอเมื่อไหร่ กิเลสก็จะตื่น และจะเข้าครอบงำจิตทันที

    เพราะสติ หรือศีล จึงถือเป็นการชำระล้างจิต ในเบื้องต้น
    สมาธิ หรือฌานนั้น ถือเป็นการชำระล้างจิต ในเบื้องกลาง
    และส่วนปัญญา ขั้นวิปัสสนานั้น ถือเป็นการชำระล้างจิต ในระดับสูง
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับ
    วันนี้รู้สึกดี และสบายดีไหม๊?
    คอยดูจิตให้ดีๆนะ
    เราต้องฝึกจิตให้แข็งแรง มีแสงสว่างจ้าดุจดั่งเพชรกันให้ได้
    เดี๋ยวร่างกายก็จะดี จะได้เข้มแข็งตาม

    เพราะฉะนั้นเราจะต้องช่วยจิตของตนเองก่อน จึงจะไปช่วยจิตผู้อื่นได้
    เหมือนเรานั่งเครื่องบิน แต่ถ้าเวลาฉุกเฉินเกิดขึ้น เรายังต้องสวมใส่หน้ากากอ๊อกซิเจนของเราก่อน หลังจากนั้นจึงสวมใส่ให้กับลูกของเราเลย...
    แอร์บอกมาน่ะ

    มันเกี่ยวกันมั๊ยเนี๊ย!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2012
  18. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    น้อมรับไปปฎิบัติครับพี่ชายใหญ่ เข้าใจแจ่มแจ้ง ครับ
     
  19. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะครูเพ็ญ พี่ภู คุณวิทย์ คุณดัช คุณหว้า มาตอบคำถามค่ะ จับภาพพระองค์ปฐมและพระพุทธชินราช จะประกายไหนก็แล้วแต่ค่ะ แบบว่า บางทีเห็นองค์ปฐมมีรัศมีเปล่งออกมา หรือแสงระยิบดุจเพชร ส่วนพระพุทธชินราชทรงจีวรด้วยเพชรแสงระยิบ เพราะเป็นคนที่ชอบดูแสงเพชรปะทะกะแสงไฟ สวยดี ตามที่ครูเพ็ญแนะนำให้เอาจิตออกมาจากเฉย ที่ว่าเฉยนี่เพราะไม่รู้สึกอยากได้ อยากมีทรัพย์สิน ของประดับ ไม่รู้สึกตกใจมากมายกับคำว่าภัยพิบัติที่บางท่านบอกว่ากำลังจะเกิดในอีกไม่กี่วันนี้ หากมาจริงและรุนแรงมากมายจนต้องตายก็แค่นั้น ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่

    รบกวนถามนิดค่ะ ปกติจะนั่งสมาธิได้ไม่นานจะปวดหลัง ต้องนอนสมาธิพอเกาะพระสักแป๊บนึง ลมหายใจจะเบา และอ่อนไปเรื่อยๆๆจนเหมือนไม่หายใจจากนั้นเราทำอย่างไรค่ะ ปล่อยไปเรื่อยๆๆแบบนี้ใช่หรือเปล่าค่ะ
     
  20. ถั่วฝักยาว

    ถั่วฝักยาว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +82
    แหม วันนี้อาจารย์ภู เคาะแรงดีจัง เป็นชุดเลยนะ แต่ขนาดเคาะแรง ๆ อย่างนี้ สนิม(ในใจศิษย์)ยังไม่ค่อยจะร่อนเลย มันเกาะแน่นจัง อาจารย์พยายามเคาะบ่อย ๆ และแรง ๆนะ
    โดนใจดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...