จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]
    มาร๕อย่าง
    ผู้ถาม :เวลาปฏิบัติพระกรรมฐาน พอจิตเริ่มสงบสงัดความแค้นเกิดขึ้นทันที แล้วก็แก้ไม่ตกสักที ขอหลวงพ่อแก้แค้นให้หน่อยเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ : อ้อ !..นี่ไปแค้นใคร เอาชื่อมาให้ฉัน ฉันจะฝังดินให้
    ผู้ถาม : (หัวเราะ) พอจิตไม่สงบก็ไม่แค้น พอสมาธิสงบ แหม..มันก็แค้น !
    หลวงพ่อ :เรื่องนี้ดีมาก ที่ญาติโยมถาม ถามดี..การเจริญพระกรรมฐานต้องพิจารณาถึง "มาร๕อย่าง"ให้มาก
    ผู้ถาม : เป็นไงครับหลวงพ่อ มาร๕อย่าง...
    หลวงพ่อ : มาร แปลว่า ผู้ฆ่า ใช่ไหม.. มาร๕อย่างคือ.. ๑.กิเลสมาร ๒.มัจจุราช ๓.อภิสังขารมาร ๔.เทวปุตตมาร ๕.ขันธมาร มาร แปลว่า ผู้ฆ่าความดี พระพุทธเจ้าท่านบอกมี ๕ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความสําคัญๆก็คือ "กิเลสมาร"กับ"ขันธมาร"รบกวนเราเรื่อย
    ขันธมาร หมายความว่า เวลาจะทําความดีปฏิบัติกรรมฐานทําสมาธิจิตหรือทําบุญทําทาน ไอ้ความป่วยไข้ไม่สบายมันเข้ามาขวาง อย่างนี้เรียกว่า"ขันธมาร" อย่างที่โยมถามมาเมื่อกี้นี้เป็น "กิเลสมาร"ตัวนี้สําคัญ ต้องถือว่าคนนี้เป็นคนที่น่าชมมาก คนดีนะคนนี้ เพราะอะไร..เพราะยามปรกติไม่โกรธใช่ไหม.แสดงว่าอารมณ์หยาบหมดไป ไอ้กิเลสหยาบที่โกรธหมดไป
    ทีนี้เวลาที่ทําจิตละเอียด เกิดความแค้นขึ้นมากระตุ้นขึ้นมาตัวนี้ไอ้กิเลสที่เป็น "อนุสัย" ตัวละเอียด อย่างนี้ถือว่า เขาชนะมากแล้วนะคนนี้ อย่างนี้ถือว่าชนะหยาบต่อสู้กันละเอียดแล้ว ถ้าต่อสู้กับละเอียดชนะก็จะชนะเด็ดขาด วิธีทําแบบนี้ก็เคยมีมาด้วยกันทุกคนนะ ฉันก็เคยเจอมา
    ผู้ถาม :หลวงพ่อก็เคยมีเหมือนกันเหรอครับ..
    หลวงพ่อ : มี..ทุกอย่างที่ถามมามีทุกอย่าง
    ผู้ถาม : อ้อ..มีครบเลยนะ
    หลวงพ่อ : มีครบถ้วน..เพราะเลวมีครบถ้วน
    ผู้ถาม : เป็นพระมีเลวเหมือนกันหรือครับ..
    หลวงพ่อ : เลว..ถ้าพระไม่เลว บวชอยู่ไม่ได้
    ผู้ถาม : เอ๊ะ! เป็นยังไงครับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ : ถ้าพระดีเขาไม่บวช ไปนิพพานเลย
    ผู้ถาม : อ้อ...
    หลวงพ่อ :ฉันมันเป็นกังหันนี่ หมุนดะ.. แต่ว่าเมื่อกี้ถามว่ายังไงนะ วิธีแก้ใช่ไหม..
    ผู้ถาม : ครับวิธีแก้
    หลวงพ่อ : ถ้ารู้สึกตัวมา ถ้าอารมณ์ระงับก็ถอยหลัง คิดว่า อารมณ์จิตอย่างนี้ไม่น่าจะมีกับเรา เพราะว่าตามปรกติเราก็ให้อภัยอยู่แล้ว ทําไมเวลาจิตสงบสงัดจะต้องมาคิดอย่างนี้ ให้คิดว่าอันนี้ไม่ควรอารมณ์อย่างนี้ ให้คิดแค่นี้ว่าไม่ควร อารมณ์อย่างนี้มันจะมีไม่นานนัก ถ้าเวลาเลิกจิตสบายแล้วก็คิดว่า อันนี้มันผิดไปแล้ว ไม่ควรจะทําให้เศร้าหมองแบบนี้ ความดีที่มีอยู่จะคุ้มครองไม่ได้เมื่อเวลาตาย ถ้าเวลาตายจิตเศร้าหมองแบบนี้ เราต้องลงอบายภูมิ ๒-๓ ครั้ง มันจะหาย ค่อยๆ เรื่อยๆไปไม่ช้ามันจะหาย
    อันนี้ดีมาก ต้องขอชม คนนี้กิเลสหยาบเฉพาะโทสะ ผ่านไปแล้ว อันนี้น่าต้องคิด
    ผู้ถาม : ควรแก่การอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
    หลวงพ่อ : ใช่..ควรแก่การรับ"ทาน"
    ผู้ถาม : เอ๊ะ..!
    หลวงพ่อ : อ้าว..พระ "ให้" ไม่มี..มีแต่ "ขอ" อย่างเดียว
    ผู้ถาม : อ๋อ..

    (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๗๕-๗๗)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    กสิณไฟ เส้นทางลัดเข้าสู่นิพพาน - หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    <iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/1rZbpz0aV3k" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    อานิสงส์ของการนึกถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆ :
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อุทัยธานี

    หนีนรก ตอนที่ 8
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/PMWfERQa2Qs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ของวิเศษกันภัยพิบัติ 1 หลวงพ่อฤๅษี
    <iframe src="https://www.youtube.com/embed/-o1oVtLrFgE" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="560"></iframe>

    Published on Dec 28, 2012

    ของวิเศษป้องกันภัยพิบัติ ตอนที่1 หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ สีลานุสสติกรรมฐาน ตอนที่1 กรรมฐาน40
    สีลานุสสติ แปลว่า ระลึกถึงคุณศีลเป็นอารมณ์ คำว่าศีล แปลว่า ปกติ สิกขาบทของ ศีล เป็นสิกขาบทที่บังคับให้เป็นไปตามปกติของค­วามรู้สึกและพอใจของมวลชนโลก ทั้งที่เป็นสัตว์ และมนุษย์ จะได้พูดให้ฟังแต่โดยย่อ

    ปกติ ของสัตว์และมนุษย์ที่เกิดมาร่วมโลกนี้ แม้จะต่างชาติ ต่างภาษา ต่างศาสนา ต่างเพศ ต่างตระกูลกันเพียงใดก็ตาม สิ่งที่มีความปรารถนาเสมอกันเป็นปกติ มีอยู่ ๕ ข้อ คือ

    ๑. ไม่ต้องการให้ใครมาฆ่าตน และไม่ปรารถนาให้ผู้ใดมาทำร้ายร่างกาย แม้ไม่ถึงตาย ก็ตาม

    ๒. ไม่ต้องการให้ใครมาลักขโมย หรือยื้อแย่ง หลอกลวงเอาทรัพย์ของตนไปโดยที่ตนไม่ เต็มใจอนุญาต

    ๓. ไม่มีความประสงค์ให้ใครมาทำลายหัวใจในด้าน­ความรัก จะเป็นสามีภรรยา บุตร หลาน หรือแม้แต่คนในปกครองที่มิใช่บุตรหลาน โดยที่ตนเองยังไม่เห็นชอบด้วย

    ๔. ไม่ปรารถนาให้ใครมาใช้วาจาที่ไม่ตรงความจร­ิง ในเมื่อในขณะนั้นต้องการรู้เรื่องราว ตามความเป็นจริง

    ๕. ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยอาการที่เป็นคนคุ้มดีคุ้มร้ายเพราะ เหตุใดก็ตาม


    ก่อนตายศีลนี้จะเป็นสะพานใหญ่ให้อารมณ์สมา­ธิหลั่ง ไหลมาสู่จิต จะทำให้จิตตั้งมั่นใน สมาธิ เป็นพื้นฐานให้ได้วิปัสสนาญาณ ได้ถึงพระนิพพานในที่สุด ท่านที่คิดถึงศีลและระมัดระวังรักษา ศีลเป็นปกติ แล้วใคร่ครวญพิจารณาศีลเป็นปกติอย่างนี้ ท่านว่าจะมีอารมณ์สมาธิถึงอุปจารสมาธิ และ อัปปนาสมาธิเป็นที่สุด

    http://youtu.be/ZyF3P1yvOc0
    http://youtu.be/lFtQqUd2Rcw
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2016
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]
    . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    การทำให้แจ้งพระนิพพาน
    <iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/oF366zvCkS0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    Published on Jun 13, 2016

    คำว่า “สันติธรรม” หมายถึง “นิพพาน” นั่นเองเพราะนิพพานเป็นยอดแห่งสันติสุข
    เมื่อเราภาวนาคือเจริญสติจนจิตปล่อยวางควา­มถือมั่นในจิตได้แล้ว
    จิตจะเข้าไปสัมผัสกับนิพพานอันสงบและเป็นส­ุขอย่างยิ่ง
    ที่สงบเพราะปราศจากการกระทบกระทั่งทั้งปวง
    ที่สุขเพราะปราศจากความเสียดแทงทั้งปวง
    เมื่อแรกเข้าถึงนิพพานนั้น
    จิตได้ประสบกับความสุขอันแปลกใหม่ที่ไม่เค­ยพบเห็นมาก่อน
    เป็นความสุขที่ท่วมท้นจิตใจและธาตุขันธ์จน­สะอื้นในอกและน้ำตาตก
    ระลึกถึงคราวใดก็มีความสุขจนสะอื้นในอกอยู­่หลายวัน
    จิตจึงค่อยๆ คุ้นชินกับความสุขสงบนั้น
    และเข้าสู่ภาวะแห่งความเป็นปกติธรรมดาที่ม­ีความสุขอย่างยิ่ง
    ความสงบของนิพพานก็เป็นสิ่งที่เกินพรรณนา
    เพราะนิพพานนั้นเต็มบริบูรณ์อยู่ต่อหน้าต่­อตา
    ครอบคลุมโลกธาตุทั้งปวงที่กำลังเคลื่อนไหว­ไว้ทั้งหมด
    แต่สงบสงัดและไม่มีสิ่งใดปนเปื้อนเข้าถึงน­ิพพานอันบริสุทธิ์นั้นได้เลย
    การจะเข้าใจถึงนิพพานเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
    แต่ถ้าเข้าใจสภาวะจิตของพระอรหันต์ได้แล้ว
    ก็พอจะอนุมานถึงสภาวะของนิพพานได้บ้าง
    จิตของพระอรหันต์ไม่เหมือนจิตของท่านผู้อื­่น
    เพราะแหวกสิ่งห่อหุ้มออกได้หมดแล้วจึงเป็น­อิสระและกว้างขวางไร้ขอบเขต
    มีสภาพคล้ายกับไฟที่ดับลงแล้ว ไม่มีการประทุขึ้นอีก
    ความร้อนของไฟย่อมกระจายออกไปเต็มโลกธาตุ
    กล่าวไม่ได้ว่าไฟมีอยู่ หรือไฟดับสูญไปแล้ว
    เพราะความมีอยู่และความดับสูญยังเป็นธรรมค­ู่ เป็นเรื่องของโลก
    ส่วนจิตของพระอรหันต์เข้าถึงธรรมล้วนๆ ไม่มีความเป็นโลกเจือปนอยู่เลย
    จึงไม่มีปัญหาในเรื่องความมีอยู่ หรือความขาดสูญอีกต่อไป
    พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายเมื่อ­รูปขันธ์และนามขันธ์แตกทำลายลงแล้ว
    ไม่ได้คงอยู่และไม่ได้ดับสูญไปไหน
    หากจิตของผู้ใดเข้าถึงสันติธรรมบริบูรณ์แล­้ว
    เพียงกราบลงตรงหน้าก็คือได้กราบพระบาททั้ง­คู่ของพระพุทธเจ้าแล้ว
    วันนี้เป็นวันครบรอบปีที่พ่อมีความสุขมากท­ี่สุด
    ขอให้ลูกทั้งหลายจงมีความสุขเหมือนพ่อโดยพ­ลันเถิด

    หลวงพ่อ
    ๖ มีนาคม ๒๕๔๙
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ชีวิตที่วัดป่าบ้านตาด
    <iframe src="https://www.youtube.com/embed/AL29SBYX1PQ" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="420"></iframe>
    Published on Jun 3, 2012
    วี ดีโอชุดนี้ ถ่ายทำในช่วงปี 2530 บันทึกข้อวัตรปฏิปทาในพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน และกิจวัตรของพระเณรในวัดป่าบ้านตาด สมัยนั้น ซึ่งหาดูไม่ได้อีกแล้ว ในยุคปัจจุบันนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]
    เรื่อง "เวลาเหลือน้อย"
    โดย พระไพศาล วิสาโล


    "น้อยคนตระหนักว่าขณะที่ตนมีเงินทองเพิ่มขึ้นนั้น
    เวลาของตนในโลกนี้กลับเหลือน้อยลงทุกที
    และเมื่อถึงวันที่ตนหมดอายุขัย ไปสู่ปรโลก
    มีทรัพย์สมบัติมากมายเพียงใดก็เอาไปด้วยไม่ได้
    ร้ายกว่านั้นก็คือการพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่าง
    ที่ตนควรทำแต่กลับไม่ได้ทำ

    ใครที่ตระหนักเช่นนี้ ย่อมไม่ปล่อยให้เวลาของตนหมดไป
    กับการสะสมเงินทองหรือเพลิดเพลินในความสนุกสนาน
    แต่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีความหมายต่อจิตใจ
    อันนำมาซึ่งความสงบเย็นและความสุขใจ
    รวมทั้งการเข้าถึงประโยชน์สูงสุดแห่งความเป็นมนุษย์
    นั่นคือ การเป็นอิสระจากความทุกข์ และที่จะมองข้ามมิได้ก็คือ

    การเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมรับมือกับความตาย
    อันเป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น
    คนที่หมั่นเตือนตนว่าเวลาเหลือน้อย
    ย่อมสามารถเผชิญความตายได้ด้วยใจสงบ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]
    . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]

    เพลงพระราชนิพนธ์ ลมหนาว
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/j2sYALSiwdU?list=PLBcpW2DqL5g5kEhNS_BLjrnyHg5Vf3Y7c" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>




    รวมเพลงพระราชนิพนธ์
    https://www.youtube.com/playlist?list=PLBcpW2DqL5g5kEhNS_BLjrnyHg5Vf3Y7c
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]
    เราคือจิตหรืออทิสมานกาย
    เราคือสภาวะจิต หรือที่เรียกกันว่าอทิสมานกาย ที่เข้ามาสิงอยู่ในกายนี้ เข้าสิงในกายมนุษย์เขาเรียกว่าคน เข้าสิงในกายสัตว์เดรัจฉานเขาเรียกว่าสัตว์ มันก็จิตดวงเดียวนั่นแหละ มันมีความรู้สึกมีความปรารถนาเหมือนกันทั้งคนและสัตว์
    ฉะนั้นในเมื่อจิตคืดเรา เราคือจิต ร่างกายเป็นบ้านเช่าชั่วคราว มันมี ๔ เสา เสาดิน เสานํ้า เสาลม เสาไฟ เจ้าเสา๔นี้ถ้ามันยังสมบูรณ์บริบูรณ์เพียงใด ตามกําลังของมัน ร่างกายจะไม่มีโรค ร่างกายจะไม่ทรุดโทรม ที่ร่างกายมันมีโรค ร่างกายมันทรุดโทรมก็เพราะว่าเจ้าเสา๔เสานี้แหละ ดีไม่ดีเสาบางต้นมันโย้มันเย้ มันกลวง มันผุ พอผุแล้วเจ้าสามเสามันก็ต้องใช้กําลังต้านหนัก ต้านไม่ไหวมันก็ตะแคงไปทุกทีๆ
    ในที่สุดธาตุดินทรงอยู่ แต่เหี่ยว ถอยกําลังน้อยลงไป ธาตุนํ้าไม่สมบูรณ์แบบ ธาตุไฟก็กําเริบเผาพังไปเลย เผาไปเผามา ธาตุดินยํ่าแย่ ธาตุนํ้าก็ยํ่าแย่ เจ้าธาตุลมเห็นว่าแน่แล้วโว้ย พวกนี้มันไปหมด ไอ้ไฟเล่นงานแล้ว เอาล่ะ เพื่อนเขาไปฉันจะอยู่อย่างไร ฉันก็ไปบ้าง พอธาตุลมไปเท่านั้นล่ะ คําว่าคนหมดเหลือแต่ผี ตาย นั่นคือตาย
    เราจะเห็นได้ว่าธาตุ๔นี้มันไมใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา เมื่อร่างกายมันพังไปแล้ว เจ้าจิตคือใจ หรือใจคือจิต ที่เรียกว่า อทิสมานกาย ที่เรียกกันว่าเรา ก็ต้องไป อยู่ไม่ได้ ไปไหนล่ะ ทําชั่วไปนรก เกิดเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ทําดีหน่อยไปเกิดเป็นคน ดีอีกนิดไปเกิดเป็นเทวดา ดีอีกหน่อยไปเกิดเป็นพรหม ดีถึงที่สุดไปนิพพาน
    เอาล่ะท่านทั้งหลาย วันนี้หมดเวลาเสียแล้ว พูดมาพูดไป เพียงแค่นี้จุดเดียว ท่านทั้งหลายทําได้จริง ทั้งชายและหญิง ภิกษุสามเณร เป็นพระอรหันต์หมด ในเมื่อเวลามันหมดสําหรับวันนี้ก็ขอลาก่อน
    ขอความสุขสวัสดี เป็นผู้เห็นธรรมะตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว และจงบรรลุธรรมนั้นตามองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว สวัสดี
    (พ่อสอนลูก ๒๖๙/๒๕๔๖)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    รู้ลมหายใจ
    <iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/pMQY1icI7Mg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    Uploaded on Dec 25, 2011

    หนังสือมหาสติปัฏฐานสูตร ดังตฤณ ตอน รู้ลมหายใจ

    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]

    รวมคำสอน “พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)”
    หนังสือ


    “ตายแล้วไปไหน”
    แสดงกระทู้ - “ตายแล้วไปไหน” โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    อิทธิฤทธิ์หรือความบังเอิญของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    แสดงกระทู้ - อิทธิฤทธิ์หรือความบังเอิญของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
    แสดงกระทู้ - คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า
    แสดงกระทู้ - ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร


    สมาธิ-สติ

    ตอบปัญหาธรรมการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    แสดงกระทู้ - ตอบปัญหาธรรมการปฏิบัติพระกรรมฐาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
    แสดงกระทู้ - คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน : พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ทำกรรมฐานให้จิตนิ่ง
    แสดงกระทู้ - ทำกรรมฐานให้จิตนิ่ง โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    นั่งสมาธิปวดหัว
    แสดงกระทู้ - นั่งสมาธิปวดหัว โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ทำสมาธิชอบกลืนน้ำลาย
    แสดงกระทู้ - ทำสมาธิชอบกลืนน้ำลาย โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่ายๆ
    แสดงกระทู้ - วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่ายๆ โดย พระราชพรหมยาน • ลานธรรมจักร

    กรรมฐานทำไม่ยาก ที่ยากเพราะไม่เข้าใจ
    แสดงกระทู้ - กรรมฐานทำไม่ยาก ที่ยากเพราะไม่เข้าใจ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    อารมณ์ฌานโลกุตตระ
    แสดงกระทู้ - อารมณ์ฌานโลกุตตระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๑ : อานาปานุสสติกรรมฐาน
    แสดงกระทู้ - อานาปานุสสติกรรมฐาน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๒ : ขณิกสมาธิ
    แสดงกระทู้ - ขณิกสมาธิ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๓ : อุปจารสมาธิ
    แสดงกระทู้ - อุปจารสมาธิ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๔ : อารมณ์ของฌาน
    แสดงกระทู้ - อารมณ์ของฌาน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๕ : วิปัสสนาญาณ
    แสดงกระทู้ - วิปัสสนาญาณ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๖ : อารมณ์พระโสดาบัน (๑)
    แสดงกระทู้ - อารมณ์พระโสดาบัน (๑) : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๗ : อารมณ์พระโสดาบัน (๒)
    แสดงกระทู้ - อารมณ์พระโสดาบัน (๒) : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๘ : พระสกิทาคามีมรรค
    แสดงกระทู้ - พระสกิทาคามีมรรค : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๙ : พระสกิทาคามีมรรค-ราคะ ๑
    แสดงกระทู้ - พระสกิทาคามีมรรค-ราคะ ๑ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คำสอนระหว่างพรรษาปี ๒๕๒๑ #๑๐ : พระสกิทาคามีมรรค-ราคะ ๒
    แสดงกระทู้ - พระสกิทาคามีมรรค-ราคะ ๒ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    วิธีการทรงอารมณ์จิตให้เป็นฌาน
    แสดงกระทู้ - วิธีการทรงอารมณ์จิตให้เป็นฌาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ปฏิบัติแบบไหนมันถึงจะได้มรรคผลโดยเร็ว
    แสดงกระทู้ - ปฏิบัติแบบไหนมันถึงจะได้มรรคผลโดยเร็ว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    การพิจารณาอสุภะ
    แสดงกระทู้ - การพิจารณาอสุภะ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ทำแท้ง
    แสดงกระทู้ - ทำแท้ง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    บุพกรรมของคน ๓ คน
    แสดงกระทู้ - บุพกรรมของคน ๓ คน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    เจ้ากรรมนายเวร ไม่มีอยู่จริง
    แสดงกระทู้ - เจ้ากรรมนายเวร ไม่มีอยู่จริง - (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ...บุพกรรมของกัณหา-ชาลี...
    แสดงกระทู้ - ...บุพกรรมของกัณหา-ชาลี...(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ปกิณกะธรรม
    แสดงกระทู้ - ปกิณกะธรรม...พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    พระองค์ที่ ๑๐
    แสดงกระทู้ - เรื่อง..พระองค์ที่ ๑๐ เล่าโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    อะไรเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติ
    แสดงกระทู้ - อะไรเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ร่างกายเราจะอยู่ในโลกอีกไม่กีวัน มันก็พัง
    แสดงกระทู้ - ร่างกายเราจะอยู่ในโลกอีกไม่กีวัน มันก็พัง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ไม่ยึดถือว่ามันเป็นเราของเรา
    แสดงกระทู้ - ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ไม่ยึดถือว่ามันเป็นเราของเรา • ลานธรรมจักร

    เมื่อเทวดามาขอที่อยู่
    แสดงกระทู้ - เมื่อเทวดามาขอที่อยู่ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    สภาพของอรูปพรหม
    แสดงกระทู้ - สภาพของอรูปพรหม : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    ปกิณกะธรรม
    แสดงกระทู้ - ปกิณกะธรรม...พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    กรรมบถ ๑๐
    แสดงกระทู้ - กรรมบถ ๑๐ โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง • ลานธรรมจักร

    การอุทิศส่วนกุศล-การกรวดน้ำ
    แสดงกระทู้ - การอุทิศส่วนกุศล-การกรวดน้ำ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    การอุทิศส่วนกุศล (ของฝากจากพระยายม)
    แสดงกระทู้ - การอุทิศส่วนกุศล (ของฝากจากพระยายม) : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    บุญถวายสังฆทาน (บุญมาก..กังวลน้อย)
    แสดงกระทู้ - บุญถวายสังฆทาน (บุญมาก..กังวลน้อย) : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    พยานบาป-พยานบุญ
    แสดงกระทู้ - พยานบาป-พยานบุญ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    บุญชายผ้าเหลืองลูกชาย
    แสดงกระทู้ - บุญชายผ้าเหลืองลูกชาย (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ความเมตตาของหลวงพ่อจง-หลวงพ่อจงให้หวย
    แสดงกระทู้ - ความเมตตาของหลวงพ่อจง-หลวงพ่อจงให้หวย : หลวงพ่อฤาษี • ลานธรรมจักร

    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงลาจากพุทธภูมิ
    แสดงกระทู้ - สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงลาจากพุทธภูมิ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    สมเด็จพระเจ้าตากสิน ถูกประหารจริงหรือ ?
    แสดงกระทู้ - สมเด็จพระเจ้าตากสิน ถูกประหารจริงหรือ ? : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    เมื่อหลวงพ่อฤาษีปกป้องชาติจากภัยผกค. : นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    แสดงกระทู้ - เมื่อหลวงพ่อฤาษีปกป้องชาติจากภัยผกค. : นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน • ลานธรรมจักร

    ช้างปาลิไลยกะ มีความรักในพระพุทธเจ้า
    แสดงกระทู้ - ช้างปาลิไลยกะ มีความรักในพระพุทธเจ้า (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    การให้ทานในเขตและนอกเขตพระพุทธศาสนา
    แสดงกระทู้ - การให้ทานในเขตและนอกเขตพระพุทธศาสนา : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    ศีลและเรื่องเกี่ยวกับศีล
    แสดงกระทู้ - ศีลและเรื่องเกี่ยวกับศีล : หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    หลวงพ่อพุฒ “พระองค์นี้ฉันเคารพเหมือนพ่อของฉัน”
    แสดงกระทู้ - หลวงพ่อพุฒ “พระองค์นี้ฉันเคารพเหมือนพ่อของฉัน” • ลานธรรมจักร

    ปัญหาเครื่องรางของขลัง
    แสดงกระทู้ - ปัญหาเครื่องรางของขลัง : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    พระโสดาบัน กับ พระอรหันต์
    แสดงกระทู้ - พระโสดาบัน กับ พระอรหันต์ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    การวางกำลังใจเมื่อถูกนินทา
    แสดงกระทู้ - การวางกำลังใจเมื่อถูกนินทา (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ควรจะไปไหว้พระองค์ไหนดี
    แสดงกระทู้ - ควรจะไปไหว้พระองค์ไหนดี (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    ความชั่วมีมาก ความดีไม่ปรากฏ
    แสดงกระทู้ - ความชั่วมีมาก ความดีไม่ปรากฏ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    การเปรียบเทียบบาปกับบุญ
    แสดงกระทู้ - การเปรียบเทียบบาปกับบุญ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    เทพธิดาปูทะเล (ตายจากคนอาชีพจับปูทะเลขาย)
    แสดงกระทู้ - เทพธิดาปูทะเล (ตายจากคนอาชีพจับปูทะเลขาย) : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    ถวายข้าวต่อหน้ารูปพระสงฆ์
    แสดงกระทู้ - ถวายข้าวต่อหน้ารูปพระสงฆ์ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    คนที่ตั้งหน้าทำแต่ความดี ทำไมจึงไม่ได้ดีเหมือนคนชั่วบางคน?
    แสดงกระทู้ - คนที่ตั้งหน้าทำแต่ความดี ทำไมจึงไม่ได้ดีเหมือนคนชั่วบางคน? • ลานธรรมจักร

    อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา
    แสดงกระทู้ - อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    อานิสงส์การถวายดอกบวบขม
    แสดงกระทู้ - อานิสงส์การถวายดอกบวบขม : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    อานิสงส์การถวายข้าวตอก ๑ ขัน
    แสดงกระทู้ - อานิสงส์การถวายข้าวตอก ๑ ขัน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    อานิสงส์การสร้างสะพานและวิหารทาน
    แสดงกระทู้ - อานิสงส์การสร้างสะพานและวิหารทาน‬ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    พระธรรมเทศนาเรื่อง บารมี ๑๐
    แสดงกระทู้ - บารมี ๑๐ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

    ประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน)”
    แสดงกระทู้ - พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร

    • ประมวลภาพ “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    แสดงกระทู้ - ประมวลภาพ “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี • ลานธรรมจักร

    • หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ กับ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ท่านคุยกัน
    แสดงกระทู้ - หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ กับ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ท่านคุยกัน • ลานธรรมจักร

    • เว็บไซต์วัดท่าซุง
    �Ѵ�ѹ����� (��ҫا) : ��Һ���˹�Ҥ��� : �ѹ�Ӥѭ�ҧ��оط���ʹ�

    ขอบพระคุณที่มา แสดงกระทู้ - รวมคำสอน “พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)” • ลานธรรมจักร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPRuesri4.jpg
      LPRuesri4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.7 KB
      เปิดดู:
      678
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    อาฎานาฏิยปริตร คาถาท้าวเวสสุวรรณ 2
    <iframe src="https://www.youtube.com/embed/Qepq3dKpzzs?list=PLVEVSuBHc-0LF7wVPvQ29Vq1xjZlA_TmW" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="560"></iframe>

    คาถาของท้าวเวสสุวรรณ ป้องกันภัยจากอมนุษย์ ทำให้มีสุขภาพดี และมีความสุข สวดเพื่อคุ้มครองตนจากภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้าย พ้นโรคภัย ยักษ์ สำหรับอาฏานาฏิยปริตรที่พระสงฆ์ใช้สวดในปัจจุบัน เป็นบทย่อที่บูรพาจารย์ได้นำเอาคาถานมัสการพระพุทธเจ้าในอดีตที่ท้าวเวสสุวัณแสดงไว้เฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ มาอ้างเป็นสัจกิริยา ให้เกิดเป็นอานุภาพในการคุ้มครองป้องกันรักษา ตามคำของท้าวจตุโลกบาล ถ้าอมนุษย์ตนใดเบียดเบียนผู้ที่เจริญอาฏานาฏิยปริตร ให้ได้รับความลำบาก อมนุษย์นั้นก็จะได้รับการลงโทษจากเหล่าเทพทั้งหลาย ต่อมามีการสวดอาฏานาฏิยปริตรขับไล่ยักษ์ เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งในหมู่ชาวพุทธ นิยมเรียกว่า สวดภาณยักษ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2016
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]
    นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ

    การเข้าพรรษา ออกพรรษา ถึงจะไม่มีความสำคัญในอุบาสก อุบาสิกา หรือต่อท่านทั้งหลายก็ดี แต่การเข้าพรรษาออกพรรษาก็ยังถือกันว่า ควรจะรู้เรื่องการเข้าหรือออกพรรษาสักน้อยหนึ่ง สำหรับเราท่านทั้งหลาย การเข้าพรรษาก็คือการเข้าอยู่ในวัดของพระภิกษุสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา และเมื่อออกพรรษา ก็เป็นการที่พระภิกษุอันเข้าอยู่พรรษาแล้ว บางพวกก็จะออกไปจาริก ไปตามสภาพของตนที่เป็นอนาคาริก คือเป็นธรรมดาของผู้ที่ไม่มีเรือนอยู่ เมื่อเข้าพรรษา มาถึงภิกษุสามเณร จะต้องอยู่จำพรรษา ให้ได้ตลอด 3 เดือน ซึ่งจะเรียกว่า อยู่ในฤดูฝน เมื่อ 3 เดือนครบ หรือล่วงไปแล้ว ก็เป็นเวลาออกพรรษา เดือนอธิกามาสหรือเดือนเพ็ญ คือเดือน 11 ใต้รู้กันว่า เป็นวันออกพรรษา นี่ก็คือเป็นเรื่องของสงฆ์ ที่เข้าแล้ว ก็ย่อมจะมีการออก ในวันออกก็มีสิ่ง ที่ควรจะรู้สักน้อยหนึ่ง ก็คือ มีการสังฆปวารณา ภิกษุสงฆ์ ก่อนที่จะมีการจากกันไป ก็จะมีการสังฆปวารณา สังฆปวารณาคืออะไร อันนี้เป็นคำภาษาบาลี ก็ถอดเอาความหมาย หรือแปลก็คือ การให้ หมายถึงการยอมตัว สุมาคารวะขอโทษ ขออภัย ซึ่งหากจะมีการผิดกันไปบ้าง พลั้งกันไปบ้าง ล่วงเกินกันไปบ้าง ด้วยการประมาท หรือด้วยการไม่รู้เท่าถึงการณ์ ด้วยความหลง ก็ขออย่ามีโทษ ก็ขอให้อภัยซึ่งกันและกันเทิญ อย่าถือโทษโกรธเคือง และขอทรงตักเตือนซึ่งกันและกันด้วย อันนี้เรียกว่าสังฆปวารณา คือการยอมตัว หรือให้โอกาส ตักเตือนกันได้ หรือขอสุมาคารวะ ขอโทษซึ่งกันและกัน ให้มี การตักเตือนกัน บอกกันนี่ก็คือเป็นเรื่องของสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา แต่แท้จริงแล้ว สงฆ์ที่เข้าไปบวชในพระพุทธศาสนา หรือเข้าจำพรรษานั้น ก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือเป็นผู้ที่ปฏิบัติถูก โดยชอบโดยควรแล้ว ก็คงจะไม่มีผิด มีโทษอะไร แต่ว่าเพื่อความบริสุทธิ์สิ้นเชิง ก่อนจะจากไปก็มีการปวารณาเสียอีกทีหนึ่ง การเข้ามาหรือการเข้าอยู่จำพรรษารวมกัน ก็มีคนหลายประเภท หรือหลายอย่างด้วยกัน หลายอาชีพ หลายพ่อ หลายแม่ หลายพี่ หลายน้อง หลายทิศหลายทาง หลายประเพณี หลายความรู้สึกนึกคิด อันมารวมกัน มันก็ว่าจะไม่มีโทษ ไม่มีผิด เสียเลย มันก็ย่อมจะมีได้เหมือนกัน ไม่มากก็น้อย หรืออาจจะไม่มีเลย อันนี้เราก็ไม่อาจพูดได้ถูกต้อง เพราะว่าผู้ที่เข้ามา หรือเข้าไปในพระพุทธศาสนานั้น คือล้วนแล้วแต่ เป็นผู้ที่ซักฟอกดีแล้ว ได้ซักฟอกดีแล้ว ก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์หรือว่าสะอาด ก็เวลาจะจากไป ก็ทำให้มันสะอาดหมดความสงสัยเสียอีกทีหนึ่ง ด้วยการทำสังฆปวารณา สำหรับผู้ที่เข้าวัด อย่ากล่าวไปเลย ถึงเรื่องสงฆ์ ทีนี้ ก็จะกล่าวถึงคนเข้าวัด หรือพูดกันโดยเฉพาะ ก็คือเข้าพรรษา หรือเข้าปฏิบัติธรรม ผู้ที่เข้าปฏิบัติธรรมหรือเข้าพรรษา มันก็ไม่ต่างอะไรกับทหาร อันมีวินัย ที่ได้ฝึกดีแล้ว ผู้ที่เข้าวัดมันก็จะ เหมือนกับว่าทหาร หรือตำรวจ อันมีวินัยดีแล้ว การมีวินัยอันเป็นเครื่องให้อยู่ในกฏระเบียบอันดีงาม อยู่ด้วยกันได้ ถึงจะอยู่ด้วยกัน เป็นร้อย เป็นพัน ก็อยู่ด้วยกันได้ เพราะอยู่กัน ด้วยอาศัยมีระเบียบดี ทหารมีระเบียบดี อันเขาได้การยกย่องว่ามีวินัย ก็คือ รู้จักผิดรู้จักถูก รู้จักการเคารพ นับถือซึ่งกันและกัน รู้จักกันว่าคนนั้นเป็นพี่ คนนี้เป็นลูกหมวด คนนี้เป็นลูกหมู่ คนนั้นเป็นเอก เป็นโท อะไรต่อมิอะไร ก็มีวินัยรู้กันดี คือการปฏิบัติก็อยู่ในระเบียบ ที่มีความเคารพซึ่งกันและกัน เชื่อฟังกันและกัน คนใดหมู่ใดควรฟัง คำของคนหมู่ใด ผู้น้อยก็จะฟังคำของผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีสิทธิเหนือตน คือมีวินัยเหนือตน ผู้ใหญ่หรือผู้หมวด สั่งอย่างใดก็ต้องทำอย่างนั้น อันนี้เรียกว่าเป็นกฎวินัย เป็นการขีดเส้นให้เดิน ให้อยู่ให้ปฏิบัติ ก็เพราะฉะนี้เองจึงอยู่ด้วยกันได้ ถึงเป็นร้อยเป็นพัน ก็อยู่ด้วยกัน ในที่อันเดียวกันหรือใน ค่ายเดียวกัน คนมีวินัย หรือทหารดังที่ได้กล่าวนี้ อันมีกฎระเบียบอยู่อย่างนี้ จะอุปมาอย่างอื่นอีก คนที่เข้าวัด หรือเข้าปฏิบัติธรรม ถ้าจะให้เปรียบกับทหารอันมีวินัยดี ก็จะเปรียบเหมือน อย่างอื่นอีกเช่น คนรู้จักใช้รถเหมือนกัน คนรู้จักใช้รถ ใช้ถนน คนที่รู้จักใช้รถ ก็คือเป็นคนที่ขับขี่รถเป็น คนที่ขับรถเป็น ก็คือรู้ที่หลบ รู้ที่หลีก รู้ที่หยุด รู้ที่ไป รู้ที่เดิน รู้ซ้าย รู้ขวา ถึงแม้ว่าคนจะมากันมาก รถจะมากันเหมือนกับน้ำไหล แต่ก็ไม่ชนกันคือ ไม่ชนกัน เพราะว่าคนขับนั้น อ่า.รู้ระเบียบ คือรู้ทางเดิน หรือใช้รถเป็น ถ้าใช้รถไม่เป็น มันก็ต้อง ตกถนน รถจะพังยับเยิน เพราะชนกันบ้าง ก็อย่างที่ท่านพระคุณเจ้าหลวงพ่อ เคยพูดเรื่องคนใช้รถไม่เป็น ก็เห็นจะมีคนเมืองแพร่ คนหนึ่งอายุก็ค่อนข้างจะมากแล้ว ก็อยากจะมีรถ ลูกหลานก็ซื้อรถมาให้ขี่ ก็เพื่อเอาไปวัดผ่อง หยั๋งผ่อง เมื่อได้รถมา ก็เอาละ! กูจะขับขี่รถละ รู้ที่ปิดอยู่ รู้ที่เปิดอยู่ แต่ก็ไม่รู้มาก พอขึ้นนั่งรถได้ ก็นึกว่ามันเหมือนรถถีบ นะซิ แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นรถเครื่อง ก็ทีนี้พอมันขี่ไปแล้วเนี่ยละก่า ขับไปแล้วนี่จะปิดมันก็ปิดไม่ได้ ทีนี้ก็ไม่รู้ที่ปิดเปิดแล้ว ก็ปิดไม่ได้อันนี้ ท่านผู้ฟังทั้งหลาย จะทำยังใดเล่า ปิดก็ปิดไม่ได้ ก็ปล่อยมันไป หยุดก็หยุดไม่ได้ อีกนั่นแหละ ในที่สุดมันก็ต้องไปชนกับเสาไฟฟ้า ไปชนกับเสาไฟฟ้า ตกรถกระเด็นหงายท้องกระแด้วๆ อยู่ข้างถนน เรียกว่าตกถนน ไปชนกับเสาไฟฟ้าชนรั้ว ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ดีว่าไม่ตาย ต้องไปทำเสาไฟฟ้าให้เปิ้น ไปทำรั้วให้เปิ้น ตัวก็เจ็บดีว่าไม่ตาย แต่คนที่เขาขับเป็นเขาก็ไม่ชน เขาก็รู้ว่าจะให้รถผ่อนเครื่อง จะให้รถหยุด จะให้ไปทางซ้าย ทางขวา จะให้หลบหน้า หลบหลัง ก็ย่อมได้ทั้งนั้น นี่ก็คือคนขับรถเป็นเรียกว่าไม่ชน เรียกว่ามันก็ ไม่เป็นอันตราย ทีนี้ ก็เปรียบกับคนที่เข้าวัดก็เหมือนกันนี่แหละ คนที่เข้าวัดไม่เป็น เข้าวัดแล้วปฏิบัติ ก็ไม่รู้ข้อปฏิบัติ เมื่อไม่รู้ข้อปฏิบัติก็ชนกันละ ทีนี้ก็ชนกันละ เหมือนกับขับรถชนกันนั่นแหละ คนไม่รู้ข้อปฏิบัติ ไม่รู้ธรรม ถึงจะฟังแต่ก็ไม่เอาไปปฏิบัติ ฟังเปิ้นเทศน์บ้างฟังเปิ้นสวดบ้าง แต่ไม่ได้เอาไปปฏิบัติ เมื่อไม่ได้เอาไปปฏิบัติสักอย่าง กิเลสมันก็เกิด ไอ้ความถือมึงถือกูมันก็เกิด ถืออะไรต่อมิอะไร ก็มีมานะทิฐิมันเข้าหุ้มลุม ก็ย่อมจะมีการกระทบกระทั้ง ผิดกันเป็นมึง เป็นกู เป็นเขาเป็นเรา ว่าใส่ไฟกัน ท่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ ก็คือว่าไม่รู้จักธรรมนั่นเอง ปฏิบัติธรรมแต่ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักเอาไปปฏิบัติ มันก็เหมือนกับว่าไม่รู้จักธรรม เรียกว่าบ่าเป็น (ไม่เป็น) เข้าวัดบ่อจ้าง เข้าวัดบ่อเป็น ก็คือปฏิบัติไม่เป็นนั่นเอง ถึงจะมีความรู้หนังสือออกได้ จบชั้นมัธยม แต่ไม่ได้ปฏิบัติ ก็สู้คนไม่รู้หนังสือสักตัว ก็ไม่ได้ เพราะคนที่ปฏิบัตินั้น ถึงจะไม่เป็นหนังสือสักตัว แต่ปฏิบัติได้ ด้วยการถือศิล ด้วยการมีศิล ด้วยการไม่โกรธ ด้วยการไม่โลภ และเอาหลักธรรมไปปฏิบัติ เขาได้ด่าเราแล้วอย่างนี้ เขาได้ตีเราแล้ว เขาได้ว่าเราแล้วอย่างนี้ คนที่รู้จักธรรมก็ไม่โกรธ เขาได้ตีเรา เราก็ไม่เจ็บ ใจเราก็ไม่โกรธ เขาได้มาผจญเราแล้ว เขาได้มาลักของๆเราไปแล้ว อย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ไม่เข้าไปโกรธไม่เข้าไปเกลียด ไม่เข้าไปชิงชัง ท่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็คือว่าคนที่รู้จักปฏิบัติเนี้ย รู้จักหลบ รู้จักหลีก รู้จักวาง ถ้ารถมันมาข้างหน้าก็เว้นเสีย เขามาว่าเรา เขาไม่เว้น เราก็เว้นเสีย เราก็ไม่มีอันตราย ถ้าเขามาข้างหน้าไอ้เราก็ไม่เว้น ก็ชนกันละ ก็เพราะไอ้คนที่มาข้างหน้า อาจไม่เป็นธรรมก็ได้ อาจจะไม่เป็นรถก็ได้ หลีกซ้าย หลีกขวาไม่เป็นก็ได้ แต่ว่าคนที่เป็นรถนั้นนะเขาก็รู้จกหลบซ้าย หลบขวา เขาก็ไม่มีอันตราย แล้วก็ท่านทั้งหลาย ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็จะไม่ต้องไปตกถนน นอนกระแด้วๆ อยู่อย่างนั้นหรอก ก็เพราะว่าเรารู้จักเว้น รู้จักที่หลบ ทีนี้การเข้าวัด อบรมอยู่ในวัด ปฏิบัติอยู่ในวัด มันก็อย่างเดียวกันนี่แหละ คือว่าหลายพ่อ หลายแม่ หลายพี่หลายน้อง ......แล้วก็ไม่เอาธรรม ไม่เอาวินัยของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัตินั่นนะ มันก็ชนกันแน่นอน เรียกว่า เข้าวัดบ่อเป็น ( ไม่เป็น) ๆเหมือนกับว่าไม่ได้เข้าวัดนั่นเอง เหมือนกันกับว่าเป็นทหารไม่รู้วินัยมันก็เหมือนไม่ได้เป็นทหารนั่นแหละ




    ท่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็ถือว่า คนที่เป็นรถแล้วก็เหมือนกับว่าคนที่เข้าวัดแล้ว ก็ต้องรู้ข้อปฏิบัติ รู้จักศีล รู้จักธรรม รู้จักตัดกิเลส รู้จักละรู้จักวาง จะเอาเหมือนอยู่ที่บ้านไม่ได้ ก็เพราะคนบ้านนั้น เขาไม่ได้ปฏิบัติธรรม เขาก็จะเอาแต่ความรู้สึก ของเขาเป็นที่ตั้ง แต่ว่าคนเข้าวัดนั้นมันไม่เหมือนกัน มันแตกต่างกันไป ก็เพราะฉะนั้นจึงว่าคน ปฏิบัติธรรม หรือคนที่เข้าวัด ก็เหมือนกับว่าคนขับรถเป็น ขี่รถเป็น ใช้ถนนเป็น ก็อีกอย่างหนึ่ง จะขอเป็นข้ออุปมาสุดท้าย คนเข้าวัด คนปฏิบัติธรรม ก็จะเปรียบเหมือนเสือเลี้ยง เรียกว่าเสือบ้าน เสือเลี้ยง หรือเสือบ้าน ไม่เหมือนกับเสือป่า มันก็มีลายเหมือนกันนั้นนะ เปิ้นก็ลาย เฮาก็ลาย เหมือนกัน แต่ว่ามันก็คนละอย่าง คนเข้าวัด คนปฏิบัติธรรม มันก็เหมือนกับเป็นเสือลายเหมือนกัน แต่ว่าเป็นเสือเลี้ยง คือเสือบ้าน เสือบ้านมันเป็นหยังใด เสือเลี้ยงมันเป็นหยั่งใด เสือป่าเป็นหยั่งใด อาจารย์ว่าหยังใดละมันจะเหมือน จะต่างกันไหม? อาจารย์ว่าหยังใด มันลายเหมือนกั๋น เป็นเสือเหมือนกั๋น แต่ที่ต่างกันนั้นนะ เราต้องดูเข้าไป เสือเลี้ยงเนี้ย คือเสือเขาเลี้ยง มันหมดความดุร้ายแล้ว กินเนื้อ ก็กินเนื้อที่เขาเอามาเลี้ยงให้ เนื้อสัตว์ตายแล้ว เนื้อหมูเนื้อเป็ด เนื้อไก่ก็ตายแล้ว ก็เอามาโยนให้เสือกิน ไปดูที่เขาดิน เอานี้ก็คือเสือเลี้ยง เสื้อบ้าน เอามาเลี้ยงคือมันกินของตายแล้ว และความสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือเสือเลี้ยงเนี้ย เขี้ยวมันเขาเลาะเอาออกหมดแล้ว หรือตัดแล้ว เล็บก็ตัดเหมือนกัน เล็บก็บ่อมีแล้ว เอาออกเสียแล้ว ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็เพราะได้ไปอยู่วัดแล้ว เคยเป็นคนด่าเก่ง ว่าเก่ง ปากเจ็บ ก็จะได้เป็นคนปากหวาน ปากม่วนพูดดี ขึ้นมา พูดจาไพเราะเพราะพริ้งดีขึ้นทุกอย่าง พูดก็ดี น้ำจิตน้ำใจก็ดี เคยโกรธก็ไม่โกรธ เคยด่าก็ไม่ด่า เคยทุกข์ก็ไม่ทุกข์ เคยตีก็ไม่ตี เคยสู้ก็ไม่สู้ อ่า เป็นคนดีมาแล้ว นี่ก็ชื่อว่าเป็นทิด เป็นหนานที่ดี เป็นคนที่ออกจากวัดไปอยู่กับบ้าน จากวัดไปก็เป็นคนที่จากไปด้วยดี ก็ได้รับการยกย่องนับถือ ว่านี่คือคนที่ผ่านการปฏิบัติหรือผ่านวัดไปแล้ว ก็เพราะฉะนั้นท่านพระคุณเจ้าจึงกล่าวถึงว่า การทำสังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์นั้น แม้ว่าจะเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว แต่ว่าบางคนมันก็เป็นปุถุชน ก็อาจจะพลั้งเผลอไปด้วยความประมาท คำว่าประมาทนี่ก็หมายความว่าไม่ได้เจตนา หรือว่าไม่ได้จงใจ หรือตั้งใจว่าจะให้เป็นไปอย่างนั้น อย่างนี้ เรียกว่าประมาทด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มันก็ย่อมจะมีความผิดขึ้น ก็เพราะว่าเป็นที่ไม่ชอบใจของคนบางคน อันนี้เรียกว่าเป็นไปด้วยความประมาทด้วยความรู้ไม่เท่าถึงการณ์ ก็ทำให้ไม่ถูกใจของคนหนึ่ง ก็แล้วเมื่อเป็นอย่างนี้ ด้วยความไม่ประมาทก็ยอมรับ ด้วยความประมาทว่า ขอโทษเถอะ ขออภัยเถอะ ก็เป็นอันว่าโทษนั้นก็จะหมดไป เวรกรรมนั้นก็จะหมดไป การเป็นเวรก็ไม่มีต่อไปในเบื้องหน้า ก็จะเรียกว่า เป็นผู้ที่จะสังฆโตไปด้วยดี ศรัทธาญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย การเข้าพรรษา ออกพรรษาท่านพระคุณเจ้าหลวงพ่อได้กล่าวมาถึงเรื่องของคนผู้อยู่ ของคนผู้ไป คือเมื่อผสมอยู่ด้วยกันแล้ว ก่อนจะจากกันไป ก็จะมีการทำสังฆปวารณา ดังที่ได้เทศนากล่าวมาโดยย่อ ก็ขอยุติเนื้อความลงด้วยประการละฉะนี้



    สาธุ สาธุ สาธุกราบพระคุณเจ้าหลวงพ่อดาบส สุมโน ด้วยเศียรเกล้า



    สะอาด วันติยา ผู้เรียบเรียงเจ้าค่ะ สาธุ


    http://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=show&ac=webboard&WBntype=1&thispage=]���-�ͺ�ѭ�Ҹ����

    ขอบคุณท่านจ่าติ๊กค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2016
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    ตำนานเรื่องเล่า : สามเณรบุญนาค
    <iframe src="https://www.youtube.com/embed/7n39j-oanU0" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="420"></iframe>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,444
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,040
    [​IMG]

    . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...