ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช



ที่เขาเล่ามาในบทความนั้น มันขาดตัวละครไปตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือ เมียของอดีตประธานาธิบดีมูกาเบ ที่ยังสาว หล่อนคนนี้กระหายอำนาจ อยากจะครองอำนาจสูงสุดทางการเมืองต่อจากสามีของตน แต่นายเอมเมอร์สัน แดมบุดโซ เอ็มแนนแกกวา ซึี่งเป็นรองประธานาธิบดีในตอนนั้น และเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับมูกาเบมาตั้งแต่แรก ไม่เห็นด้วยที่มูกาเบจะโอนอำนาจให้เมียของตนเองโดยตรง จึงร่วมมือกับกองทัพ กึ่งยึดอำนาจ บีบให้มูกาเบลาออกจากตำแหน่ง พร้อมมอบเงินให้ก้อนหนึี่งด้วย ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับจีนนั้น ทั้งมูกาเบและเอ็มแนนแกกวาต่างก็สนิทกับจีนด้วยกันทั้งคู่ จีนไม่ต้องการให้สถานการณ์ภายในซิมบับเวควบคุมไม่ได้จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง และเพื่อให้เกียรติจีนและรับประกันว่าผลประโยชน์ของจีนในซิบับเวจะไม่ได้รับความเสียหาย บิ๊กทหารของซิมบับเวจึงไปปรึกษากับจีน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี ประธานาธิบดียอมถอยให้รองขึ้นมาแทนที่ ตัวแสบที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายครั้งนี้ก็คือ เมียของมูกาเบนั่นแหละครับ

https://www.thairath.co.th/content/1138958

 

ปอกเปลือก ทรราช



น่ารักอ่ะ... ภาพการเฉลิมฉลองความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) Hwasong-15 รุ่นใหม่ล่าสุดของเกาหลีเนหือ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ชาวเกาหลีเหนือ หลังเลิกเรียนและเลิกงานตอนเย็นต่างก็ออกมารวมตัวกันในสถานที่สาธารณะและตามท้องถนนต่างๆ ไม่ใช่เพื่อประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย และก่อหวอดเตรียมคบเพลิงไปเผาศาลากลางเหมือนกลุ่มนะครับ แต่พวกเขาออกมาเต้นรำเป็นคู่ อย่างมีความสุข ที่ได้รับทราบข่าวความก้าวหน้าและความสำเร็จในการพัฒนาแสนยานุภาพทางกองทัพของประเทศตนเอง บางแห่งก็จัดงานคอนเสิร์ทวง Moran Bong ด้วย

เป็นภาพที่สหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อียู และพวกโปร-อเมริกาเห็นแล้ว อยากกัดลิ้นตัวเองตาย หรืออาจจะแซะว่าจอมเผด็จเกรียนคิมน้อยเอาปืนจี้หัวประชาชนให้ "ออกมาเต้นรำ" อย่างมีความสุขสนุกสนานก็ได้ ประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกาหรือเกาหลีใต้เขาไม่ทำแบบนี้หรอก... ประเทศที่เจริญแล้วเขานิยมการกดขี่ข่มเหงประเทศที่อ่อนแอกว่า เหมือนกับที่นางนิกกี้ เฮลี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐทำสงครามทำลายล้างเกาหลีเหนือโดยไม่ให้เหลือกซาก เนื่องจากเกาหลีเหนือบังอาจพัฒนา ICBM แข่งกับเจ้าโลก (30 พ.ย.60)
----------
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5473
http://app.yonhapnews.co.kr/YNA/Bas...aspx?lang=EN&contents_id=PYH20171201008100320
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5477

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปูตินรุกฆาต... รัฐบาลรัสเซียและอียิปต์บรรลุข้อตกลงให้เครื่องบินของรัสเซียสามารถน่านฟ้าและฐานทัพของอียิปต์ได้



----------

วันที่ 30 พ.ย. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "Russia approves draft deal for its warplanes to use Egyptian military bases"

RT รายงานว่า รัฐบาลรัสเซียได้ผ่านข้อตกลงฉบับหนึ่งกับรัฐบาลอียิปต์ ซึ่งจะอนุญาตให้ทั้งสองประเทศสามารถใช้ทั้งน่านฟ้าและฐานทัพอากาศของกันและกันได้ จะมีการเจรจารายละเอียดถึงข้อตกลงฉบับนี้ในกรุงไคโรต่อไป

ร่างข้อตกลงฉบับนี้ซึ่งได้มีการเตรียมการไว้โดยกระทรวงกลาโหมและได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงต่างประเทศแล้ว ได้รับการรับรองโดยนายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซีย นายกฯ ได้เผยแพร่พระราชกฤษฏีกาเมื่อวันพฤหัสบดี ในหนังสือราชการของรัฐบาลรัสเซีย ทั้งสองกระทรวงได้รับคำแนะนำโดยผู้นำรัฐบาลให้ทำการเจรจาและลงนามในข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลอียิปต์

ข้อตกลงฉบับนี้ไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะเครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอากาศยานระบบเรดาร์ลอยฟ้า และเครื่องบินขนส่งของกองทัพที่บรรทุกสินค้าอันตราย (hazardous cargo) ด้วย เอกสารระบุ ข้อตกลงฉบับนี้มีอายุการใช้งานเป็นระยะเวลา 5 ปี และมีความเป็นไปได้ที่จะขยายระยะเวลาออกไปอีก (ในอนาคต)

ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ พล.อ. เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของรัสเซียเดินทางไปเยือนกรุงไคโร รัฐบาลอียิปต์ได้ตัดสินใจที่จะขยายความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศร่วมกับรัสเซีย เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ทั้งสองประเทศได้ลงนามในสัญญาเกี่ยวกับอาวุธหลายฉบับ สำหรับการส่งมอบเครื่องบินรบ MiG-29 (MiG-35) และเฮลิปคอปเตอร์โจมตี Ka-52 รุ่นใหม่ล่าสุดของทั้งสองค่ายและอาวุธอื่นๆของรัสเซียให้อียิปต์

[ตอนแรกปูตินแนะนำให้อียิปต์ซื้อ Su-35 G4++ เพราะว่าเป็นเครื่องบินรบที่เจ๋งที่สุดของรัสเซียที่มีประจำการอยู่ในกองทัพในขณะนี้ แต่รัฐบาลอียิปต์เลือก MiG-35 G4++ เวอร์ชั่นอัพเกรดล่าสุดของ MiG-29 แทน เพราะว่าราคาย่อมเยากว่า และค่อนข้างประหยัดกว่า เดิมทีอียิปต์สั่งซื้อ MiG-35 จำนวน 24 ลำ ต่อมาจัดเพิ่มอีกเป็นทั้งสิ้น 46 ลำ ศักยภาพเหนือกว่า F-16 ที่ประจำการอยู่ในกองทัพอากาศของอียิปต์ในปัจจุบันนี้หลายขุม

ส่วนเฮลิคอปเตอร์โจมตี Ka-52 นั้น ที่อียิปต์ตัดสินใจซื้อจากรัสเซียก็เพราะว่า สหรัฐงอแง เล่นแง่ ไม่ยอมส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ Apache ให้กองทัพอียิปต์ตามสัญญา และไม่ส่งมอบอะไหล่ให้ด้วย ประจวบกับที่ฝรั่งเศสเบี้ยวส่งมอบเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ Mistral ให้รัสเซียหลังจากถูกกดดันจากสหรัฐอย่างหนัก จึงขายเรือ Mistral สองลำให้อียิปต์แทน

เรือ Mistral ต่อขึ้นเพื่อบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ Ka-52 ของรัสเซียโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่ออียิปต์ซื้อเรือ Mistral ไปแล้ว ก็ต้องซื้อเฮลิคอปเตอร์ Ka-52 ของรัสเซียไปด้วย ไม่อย่างนั้น รัสเซียก็จะไม่อนุญาตให้ฝรั่งเศสขายเรือ Mistral ให้อียิปต์หรือประเทศไหนโดยเด็ดขาด ยิ่งเก็บไว้นาน ฝรั่งเศสก็ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลเรือรบที่ไม่ได้ใช้งาน จึงขอความร่วมมือจากรัสเซียให้ช่วยหาลูกค้าให้ ซึ่งในที่สุดแจ็กพ็อตก็แตกที่อียิปต์ อียิปต์สั่งซื้อ Ka-52 ทั้งสิ้น 46 ลำ

ทางการหรือทางกองทัพอียิปต์ไม่เคยแสดงความกังวลใจว่าระบบของรัสเซียจะเข้ากันไม่ได้กับระบบของนาโต้ที่ใช้ผสมค่ายในกองทัพของตนเองเลย พวกที่เป็นโรคขี้กังวล วิตกจริตเกี่ยวกับเรื่องนี้ส่วนมากจะเป็นรัฐบาลสหรัฐ นาโต้ และพวกโปร-อเมริกา อ้างว่าระบบมันจะแชร์ข้อมูลกันไม่ได้ อาวุธใช้ด้วยกันไม่ได้ ทางอียิปต์และตุรกีกลับมองว่า นั่นแหละคือข้อดี เพราะว่าจะไม่ถูกพวกนาโต้ล้วงตับได้ทุกอย่าง เหมือนกรณี F-35A ของนอร์เวย์ที่แอบส่งข้อมูลลับบางอย่างกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐ จนกองทัพของนอร์เวย์ต้องออกมาโวยวายเมื่อเร็วๆนี้ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/12/2560
----------
https://www.rt.com/news/411424-russia-egypt-military-bases/
https://www.rbth.com/science-and-tech/326814-russias-mig-35-fighter-jet
https://en.wikipedia.org/wiki/Mikoyan_MiG-35
https://en.wikipedia.org/wiki/Kamov_Ka-50
http://www.airforce-technology.com/projects/mig35/
http://ka52.tass.com

 

ปอกเปลือก ทรราช
ถอยดีกว่า... ไม่เอาดีกว่า... กองทัพเกาหลีใต้ยอมรับขีปนาวุธ Hwasong-15 ของคิมน้อยทะลุ 13,000 กม. และไม่พบว่าการทดลองมิสไซล์ของเกาหลีเหนือจะล้ำเส้นแดงเลย อ้อนสหรัฐไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังทหารกับเกาหลีเหนือ (ปัดธ่อ... นึกว่าจะแน่!)



----------

1.) คราวนี้มาดูท่าทีล่าสุดจากเกาหลีใต้หลังจากที่สหรัฐพยายามผลักหลังให้เกาหลีใต้เป็นทัพหน้าวิ่งชนกองทัพนุกของคิมน้อยกันบ้างนะครับ วันที่ 1 ธ.ค.60 Yonhap News ของเกาหลีใต้พาดหัวข่าวว่า "กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้: ลงความเห็นว่าการทดลองปล่อยขีปนาวุธ ICBM รุ่นใหม่ของเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จจริง" (S. Korea defense ministry: N. Korea's new ICBM flight test deemed successful)

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า เมื่อวันศุกร์นี้กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้กำหนดคุณลักษณะจรวดของเกาหลีเหนือที่ยิงออกไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ว่าเป็นขีนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งสามารถบินได้ไกลกว่า 13,000 กิโลเมตร

[พี่ทรัมป์ครับ น้องมูนเป็นห่วงพี่มากๆเลยนะครับ อย่าคิดสั้นฆ่าตัวตายเลยนะครับ มันไม่คุ้มหรอกที่จะแลกนุกกับเกาหลีเหนือ 13,000 กิโลเมตรนี่ น้องไม่ได้ห่วงตัวเองนะพี่ น้องห่วงกรุงวอชิงตันจะหายไปจากแผนที่โลกจริงๆ เกาหลีใต้เตือนสติสหรัฐ - ผู้แปล]

ในรายงานที่เสนอต่อรัฐสภา กระทรวงได้กล่าวว่าเชื่อว่าฝ่ายเหนือได้ประสบความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธเมื่อวันพุธนี้จริง ขีปนาวุธ Hwasong-15 ถูกปล่อยออกจากพื้นที่ทางเหนือของกรุงเปียงยาง ตามรายงานข่าวของฝั่งเหนือระบุว่าทำระดับความสูงสูงสุดถึง 4,475 กิโลเมตร (ออกนอกโลก) และตกลงในทะเลตะวันออก ห่างจากจุดปล่อย 950 กิโลเมตร เป็นระยะเวลา 53 นาที (สื่อเกาหลีใต้ใช้คำว่าแตกกระจาย (splash) แต่ไม่บอกว่าเพราะอะไรมันถึงแตกกระจาย คาดว่าเกิดจากการจงใจใช้ระบบทำลายตัวเองภายในขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ)

"ได้มีการประเมินแล้วว่า การทดลองบินในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ (It's assessed that the flight test was successful.)" กระทรวงกลาโหมกล่าว "ในกรณีที่มันถูกยิงออกไปในมุมปรกติ มันสามารถที่จะบินไปได้ไกลกว่า 13,000 กม. ซึ่งก็หมายความว่ามันสามารถไปถึงกรุงวอชิงตันดีซีได้"

อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมก็พูดเชิงปลอบใจตัวเองและสภาว่า ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมในการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เทคโนโลยีนำวิถีที่แม่นยำระยะสุดท้าย และสภาพของหัวรบ ก่อนที่จะสรุปว่ามันเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลที่เชื่อถือได้หรือไม่

[พูดแบบเดียวกับที่พวกนักวิชาเกินตะวันตกพูดตามสื่อกระแสหลักก่อนหน้านี้เลย พวกขี้สงสัยพากันตั้งคำถามว่า แม้ว่าขีปนาวุธของเกาหลีเหนือจะย้อนกลับเข้ามายังโลกได้อีก แต่จะมีความมั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อบรรจุหัวรบนิวเคลียร์เข้าไปแล้ว หัวรบนิวเคลียร์ (ระเบิดนิวเคลียร์) จะไม่ได้รับความเสียหายและสามารถใช้การได้จากการสัมผัสกับความร้อนในขณะที่พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศโลกลงมาหาเป้าหมาย?

แต่พวกนี้กลับไมสงสัยเลยว่า แล้วระเบิดธรรมดาที่เขาติดตั้งไว้ให้ขีปนาวุธทำลายตัวเอง มันรอดมาได้อย่างไร แน่นอนนักวิชาการส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเกาหลีเหนือได้ใส่หัวรบปลอมที่มีน้ำหนักเท่ากับหัวรบจริงที่ขีปนาวุธ Hwasong-15 ในครั้งนี้ด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำอย่างนั้น เขาจะปล่อยจรวดเปล่าๆราคาแพงขึ้นไปทำไมถ้าไม่ต้องการทดลองว่ามันจะสามารถบรรทุกน้ำหนักได้เท่ากับน้ำหนักของหัวรบจริงหรือไม่ คิมน้อยบอก เดี๋ยวพ่อจะจัดให้ดูอีกลูก คราวนี้จะใส่หัวรบนิวเคลียร์ (H-bomb) ของจริงเลย อย่าโวยวายหรือหัวใจวายตายซะก่อนหละ - ผู้แปล]

2.) มาฟังอีกเสียงหนึ่งจากฝั่งเกาหลีใต้กันบ้าง วันเดียวกันนี้ Yonhap News รายงานว่า กระทรวงรวมชาติ (unification ministry) ของเกาหลีใต้แถลงเมื่อวันศุกร์นี้ว่า ทางกระทรวงไม่ถือว่าเกาหลีเหนือได้ "ล้ำเส้นแดง" (crossing a "red line") จากการทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลครั้งล่าสุดนี้เลย เนื่องจากยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศักยภาพของมันอยู่

นาง Lee Eugene รองโฆษกกระทรวงรวมชาติแห่งเกาหลีใต้กล่าวในการแถลงข่าวว่า "รัฐบาลไม่คิดว่าการทดลองครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างเต็มที่สำหรับ ICBM ซึ่งรวมทั้งเทคโนโลยีที่ย้อนกลับเข้ามายังโลกได้ และระบบนำวิถีที่แม่นยำด้วย กรุงโซลไม่ได้มอบว่าเกาหลีเหนือล้ำเส้นแดงแล้วนะ"

[เอาเข้าไป! อ้อนเข้าไป! ท้าทายยมทูตกันเข้าไป! เดี๋ยวได้เจอของจริงอีกซักลูกแน่ๆ ดูซิว่าถ้าเจอของจริงพวกนี้จะส่งเสียงร้องแบบไหน - ผู้แปล]

นาง Lee Eugene กล่าวอีกว่า "หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้วในสถานการณ์นี้ หรือปัจจัยอื่นจากภายนอก มีแนวโน้มค่อนข้างสูงมากที่เกาหลีเหนือจะงดเว้นการยั่วยุเพิ่มเติมในปัจจุบันนี้" [ประชาชนชาวเกาหลีใต้ทั้งประเทศจะซวยก็เพราะปากของหล่อนนั่นแหละ และมันก็เป็นเครื่องยั่วยุที่สุดยอดในสายตาของเกาหลีเหนือซะด้วย - ผู้แปล]

3.) วันเดียวกันนี้ทางทำเนียบ Cheong Wa Dae (Blue House) ซึ่งเป็นทำเนียบประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีใต้และสหรัฐไม่ได้หารือกันถึงตัวเลือกทางทหาร รวมทั้งการปิดกั้นทางทะเล (naval blockade) ต่อเกาหลีเหนือด้วย

"ไม่เคยมีการหยิบยกเรื่องการปิดกั้งทางทะเลขึ้นมาหารือกันในการสนทนากันทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีทรัมป์เลย" เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามจากทำเนียบประธานาธิบดีกล่าวกับผู้สื่อข่าว

[ก่อนหน้านี้สื่อเกาหลีบางฉบับรายงานว่า เกาหลีใต้และสหรัฐจะปิดกั้นน่านน้ำของเกาหลีเหนือ จะตรวจเช็คเรือของเกาหลีเหนือทุกลำที่จะเข้า-ออกในน่านน้ำของตนเองและน่านน้ำสากล (สงครามแน่ เกาหลีเหนือคงจะยอมให้ตรวจง่ายๆอยู่หรอกนะ มันเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาเที่ยวเปิดประโปงคนอื่นดูตามถนนแบบนี้ พวกโรคจิตชัดๆ เรือสอดแนมของกองทัพสหรัฐก็เคยถูกยึดไปแล้วลำหนึ่ง เรือรบผิวน้ำของเกาหลีใต้ก็เคยถูกเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือจมไปแล้ว ยังไม่เข็ดอีกหรือ? - ผู้แปล]

ล่าสุด ส.ส. Vitaly Pashin หนึ่งในคณะผู้แทนจากสภาผู้แทนของรัสเซียที่เดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือเปิดเผยว่า "พวกเขา [กรุงเปียงยาง] พร้อมที่จะเจรจาแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเกาหลี [เหนือ] ก็มีเงื่อนไขของตนเอง - ซึ่งก็คือจะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ประเทศหนึ่งด้วย ขณะนี้ฝ่ายเหนือพร้อมที่จะเจรจากับกรุงวอชิงตันแล้ว ภายใต้เงื่อนไขบางส่วน โดยการมีส่วนร่วมของรัสเซียในฐานะฝ่ายที่สามด้วย" RT รายงาน

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/12/2560
----------
https://sputniknews.com/asia/201712011059593443-north-korea-missile-test-us-range/
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/01/72/0401000000AEN20171201004451315F.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/01/45/0401000000AEN20171201006500315F.html
http://english.yonhapnews.co.kr/national/2017/12/01/0301000000AEN20171201006751315.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/01/0401000000AEN20171201007000315.html
https://www.rt.com/news/411521-north-korea-negotiate-nuclear/

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐเงิบ! รัสเซียยืนยันจะไม่อนุญาตให้หน้าไหนใช้กำลังทางทหารกับเกาหลีเหนือเด็ดขาด



----------

1.) เรื่องนี้มันส์... สรุปความตอนที่แล้วนะครับหลังจากที่รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ล่าสุด Hwasong-15 ที่พุ่งออกนอกโลก ไปถึงอวกาศ ไร้แรงดึงดูดของโลก แต่สามารถย้อนกลับเข้ามาโจมตีเป้าหมายในทะเลญี่ปุ่นได้อย่างแม่นยำ (ทำลายตัวเองก่อนตกถึงเป้าหมายในระยะใกล้ ซึ่งตอนแรกญี่ปุ่นพยายามดิสเครดิสเกาหลีเหนือว่า ล้มเหลวว่ะ! พูดด้วยเสียงสั่นเคลือ ขาสั่น และเยี่ยวปริ) รัศมีทำการโจมตีเป้าหมายของขีปนาวุธรุ่นนี้ของเกาหลีเหนือไม่ต่ำกว่า 13,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั่วแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ หากยิงจากเกาหลีเหนือ

ต่อมานาย Lindsay Graham วุฒิสมาชิกแห่งสภาคองเกรสสหรัฐออกมาขู่จะทำสงครามกับเกาหลีเหนือให้ได้ ด้วยการกล่าวว่า "สหรัฐจะทำสงครามกับเกาหลีเหนือแน่ ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง จะมีประชาชนเป็นจำนวนมากได้รับบาดเจ็บและถูกฆ่า"

สหรัฐยังไม่หายจากการอาการคุ้มคลั่ง วันต่อมา นางนิกกี้ เฮลี่ย์ เอกอัครราชทูตของสหรัฐประจำยูเอ็นได้กล่าวในที่ประชุมฉุกเฉินของ UNSC ว่า "ถ้าเกิดสงครามขึ้นมา เชื่อเถอะว่าระบอบเกาหลีเหนือจะถูกทำลายไม่เหลือซากแน่ ไอ้เผด็จเกรียนเกาหลีเหนือได้ทำตัวเลือกเมื่อวานนี้ึ่งจะนำโลกนี้เข้าใกล้สงครามมากขึ้น ไม่ใช่ออกห่างจากสงคราม"

และได้เรียกร้องให้ทั่วโลกตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับเกาหลีเหนือ ห้ามจีนและประเทศอื่นๆขายน้ำมันให้เกาหลีเหนือ ให้ทั่วโลกเนรเทศคนงานเกาหลีเหนือในต่างประเทศกลับเกาหลีเหนือให้หมด ว้าวววว! ประเทศที่ชอบออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างนั้นอย่างนี้อยู่บ่อย ประเทศที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และสนับสนุนเสรีภาพ และความเท่าเทียมกัน แต่ทำไมถึงได้แสดงท่าที "นิยมการกดขี่ข่มเหง" ผู้อื่นแบบนี้หละนี่? (นั่นแหละคือตัวตนที่แท้จริงของสหรัฐหละ) แต่เสียใจด้วย ทั้งรัสเซียและจีนได้ปฏิเสธที่จะทำตามคำเรียกร้องของสหรัฐ

2.) ระหว่างที่เกาหลีเหนือทำการทดลองขีปนาวุธ Hwasong-15 นั้น คณะผู้แทนระดับสูงจากสภาผู้แทนฯของรัสเซียก็อยู่ระหว่างการเยือนกรุงเปียงยางอย่างเป็นทางการด้วย และเพิ่งจะเดินทางกลับรัสเซียเมื่อวัน วันที่ 1 ธ.ค. 60 นี้เอง คราวนี้มาฟังว่าคณะผู้แทนของรัสเซียพูดอะไรบ้างหลังจากที่ได้เดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือและพบกับบุคคลสำคัญในรัฐบาลเกาหลีเหนือเช่นนาย Sin Hong Chol รมช. ต่างประเทศเกาหลีเหนือ และนาย Ri Su Yong รองประธานพรรคแรงงานและประธานคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศแห่งเกาหลีเหนือ ในครั้งนี้

เจ้าหน้าที่ของรัสเซียอธิบายว่า เกาหลีเหนือมีความเชื่อมันว่า การทดลองขีปนาวุธบอลลิสติกข้ามทวีปครั้งล่าสุดของตนเองจะเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคงของประเทศชาติ รองประธานคณะกรรมาธิการด้านกิจการระหว่างประเทศแห่งสภาผู้แทนฯของรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik เมื่อวันศุกร์นี้

"พวกเขาคาดหวังว่า Hwasong-15 ICBM จะทำให้พวกเขาอยู่ในระดับเทียบเท่ากับสหรัฐได้ และจะรับประกันสันติภาพให้กับพวกเขาด้วย นี่เป็นจุดยืนของพวกเขา: พวกเขาต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของพวกเขา" ส.ส. Alexei Chepa กล่าวกับสื่อหลังจากเดินทางกลับจากกรุงเปียงยาง

ส.ส. Alexei Chepa กล่าวอีกว่า "หลังจากการปล่อย (ขีปนาวุธ) ในครั้งนี้แล้ว เกาหลีเหนืออาจจะพร้อมสำหรับการเจรจาด้วยเงื่อนไขใหม่ก็ได้ ผู้นำเกาหลีเหนือสร้างความชอบธรรมให้กับการทดลองครั้งนี้จากภัยคุกคามที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งมาจากสหรัฐ"

อย่างไรก็ตาม นาย Chepa ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะไม่ยอมรับแนวคิดริเริ่มของรัสเซียและจีนที่เสนอให้เกาหลีเหนือละทิ้งอาวุธนิวเคตียร์ของตนเองเพื่อแลกกับการให้พันธมิตร (สหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) ยกเลิกการซ้อมรบใกล้ชายแดนของเกาหลีเหนือ

[เงื่อนไขนี้ (double freeze) ถือว่าเกาหลีเหนือเสียเปรียบ เมื่อเกาหลีเหนือปลดอาวุธของตนเอง ก็จะไม่มีอะไรเป็นเครื่องป้องกันประเทศตนเองจากผู้รุกรานได้เลย จะไม่มีอะไรเป็นเครื่องต่อรองได้ ไม่มีใครรับประกันได้ว่าสหรัฐและพรรคพวกจะไม่รุมกินโต๊ะเกาหลีเหนือในที่สุด เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอิรัค และลิเบีย สมัยที่เกาหลีเหนือยังไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ สหรัฐก็ยังขนอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองไปไว้ที่เกาหลีใต้มาแล้ว แต่ทั้งสหรัฐและเกาหลีเหนือต่างก็ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้จากรัสเซียและจีน - ผู้แปล]

นาย Kazbek Taisayev หัวหน้าคณะผู้แทนของรัสเซียที่เดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือในครั้งนี้ได้กล่าวกับ Sputnik ว่า กรุงเปียงยางพร้อมที่จะหารือกับโรดแมปที่นำเสนอโดยรัสเซีย ว่าจะยุติวิกฤตนิวเคลียร์ในคราบสมุทรเกาหลีได้อย่างไร

"เราได้หารือกันเกี่ยวกับแนวคิดริเริ่มนี้ของพวกเรา... พวกเขาก็พร้อมที่จะเจรจา พวกเขาพร้อมที่จะคุย แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น ยกเว้นรัสเซีย ความประทับใจของผมก็คือ มีแต่รัสเซียเท่านั้นที่จะทำหน้าที่เป็นนายประกันให้กับการเจรจาเช่นนั้นได้... พวกเขาลงความเห็นว่าเป็นไปเลยไม่ได้ที่จะเจรจากับสหรัฐ"

[สถานการณ์และเงื่อนไขในปัจจุบันนี้ ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการที่จะเจรจากัน อีกมุมหนึ่งก็เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายยังคงต้องการเจรจากัน ยังไง? เงื่อนไขของสหรัฐก็คือ ก่อนที่จะกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจากันอีกรอบนั้น เกาหลีเหนือจะต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์และมิสไซล์ของตนเองซะก่อน แต่สหรัฐจะไม่หยุดซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นหน้าบ้านเกาหลีเหนือ จะไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ จะอัดเกาหลีเหนือให้หนักเพื่อบีบให้เกาหลีเหนือต้องคลานไปขอยอมแพ้แทบเท้าสหรัฐ และอาจจะถึงกับต้องล้มรัฐบาลและยกแผ่นดินให้กับสหรัฐเหมือนกับเกาหลีใต้ก็ได้ (ในอนาคต) ถ้าทำได้อย่างนี้ถึงจะยอมเจรจาด้วย

ส่วนเกาหลีเหนือบอกว่า ฝันไปเถอะ งั้นก็เชิญพวกคุณไปเจรจากับกัดดาฟี่และซัดดัมในปรโลกแล้วค่อยกลับมาแจ้งผลการเจรจาให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยสิ ดังนั้นเงื่อนไขของเกาหลีเหนือก็คือ ต้องพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีปให้สำเร็จ ซึ่งก็ทำได้แล้ว และต้องขยายจำนวนให้มากๆ สำแดงเดชให้สหรัฐและเหล่าบริวารของสหรัฐได้ประจักษ์แจ้งด้วยสายตาของตนเอง จากนั้นถึงจะกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา ถ้าอีกฝ่าายยังต้องการที่จะเจรจาด้วย หรือไม่ก็มาดวลมิสไซล์ติดนุกข้ามทวีปกันเลย แม้ว่าเกาหลีเหนือจะสิ้นชาติ แต่สหรัฐก็จะเลี้ยงไม่โตเช่นกัน

ถ้าเล่นงานที่นิวยอร์กและกรุงวอชิงตันได้ ตลาดหุ้นทั่วโลก ระบบเศรษฐกิจโลกก็จะพัง ประเทศอื่นๆจะไดรับผลกระทบทางเศรษฐกิจไปด้วย แต่ที่จะเสียหายหนักที่สุดก็คือสหรัฐนั่นแหละ และผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกต่อไปก็คือ จีนและรัสเซีย อาจจะรวมถึงอียูด้วย ถ้าไม่ถูกโจมตีด้วยนุกของเกาหลีเหนือซะก่อน หากไม่ร่วมมือกับสหรัฐในการโจมตีเกาหลีเหนือ งานนี้อียูและประเทศอื่นๆต้องดีดลูกคิดอย่างหนัก

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เกาหลีเหนือยอมละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองซึ่งพัฒนามาด้วยความยากลำบากเป็นเวลาหลายสิบปี ทั้งๆที่ประเทศอื่นๆยังคงครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถผลิดระเบิดนิวเคลียร์ได้เองก็ตาม บางประเทศอย่างเยอรมันก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ (P5+1) ได้เลย เพราะว่าซื้อระเบิดนิวเคลียร์จากสหรัฐไปตุนไว้เยอะ - ผู้แปล]

ส่วนนาย Nikolay Patrushev ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซียกล่าวว่า "เราได้ทำการคำนวณ การเตรียมการต่างๆเอาไว้แล้ว เราจะไม่ประหลาดใจเลย (หากมีการทำสงครามกับเกาหลีเหนือ โดยสหรัฐและพรรคพวก) เรามีชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงสนใจในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองและการทูต"

ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซียเน้นย้ำว่ารัสเซียจะไม่อนุญาตให้มีการดำเนินการทางหทารต่อเกาหลีเหนือโดยเด็ดขาด หลังจากที่ทูตสหรัฐประจำยูเอ็นข่มขู่ว่าจะทำลายล้างกรุงเปียงยาง

"ถ้ามีการดำเนินการทางทหาร - และคุณก็รู้ว่าบางประเทศไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้เลย - นี่ก็จะสร้างปัญหาทั้งหมดขึ้นมา ซึ่งรวมทั้งสำหรับพวกเราด้วย แต่เราก็จะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นแน่นอน" Sputnik รายงาน

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/12/2560
----------
https://sputniknews.com/asia/201712011059589085-russian-lawmakers-explain-nuclear-north-korea/
https://sputniknews.com/asia/201711301059554311-usa-calls-severe-north-korea-ties/
https://sputniknews.com/us/201711281059517847-trump-take-care-ballistic-missile-launch/
https://sputniknews.com/military/201712011059587771-russia-north-korea-military-option/
https://www.rt.com/news/411504-russia-prepared-war-north-korea/

 

"สรรพากร" เดินหน้าเก็บภาษีออนไลน์-กำชับเอสเอ็มอีทำบัญชีเดียว เผยแพร่: 30 พ.ย. 2560 12:16:00 โดย: MGR Online


กรมสรรพากรเดินหน้าจัดเก็บภาษีออนไลน์ เพื่อดึงผู้ค้าเข้าระบบ กำชับสำนักงานบัญชีแนะรายย่อยจัดทำบัญชีเดียว หลังพบว่าธุรกิจจดทะเบียนจัดทำบัญชีเดียวเพียง 150,000 ราย งัดโทษฟอกเงิน ปปง.เอาผิด หากพัวพันหลีกเลี่ยงภาษี

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวในงานสัมมนา “สำนักงานบัญชี ก้าวไปพร้อมกับกรมสรรพากร” โดยระบุว่า หลังจากทำความเข้าใจกับสำนักงานบัญชีแนะนำลูกค้าผู้ประกอบการหลายรายให้ปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมให้จัดทำบัญชีเดียว แต่พบว่ามีผู้ประกอบการอีกหลายรายยังทำบัญชีเหมือนเดิม เพราะหากยังใช้บัญชีรูปแบบเดิมคงต้องเผชิญความเสี่ยงอีกหลายด้าน เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลเริ่มส่งเสริมให้ประชาชนใช้เงินผ่าน QR-Code รูดบัตรผ่านเครื่อง EDC จึงยอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การซื้อขายแบบไร้เงินสดจะปรากฏข้อมูลอยู่ในระบบ เมื่อมีหลักฐานการใช้จ่ายแต่ไม่ยอมลงบัญชี การใช้ดุลพินิจผ่อนปรนเหมือนเดิมจะช่วยเหลือไม่ได้ จึงต้องการเร่งรัดให้เอกชนรายย่อยปรับตัว หลังจากกฎหมายของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คุมเข้มเรื่องการฟอกเงินตามข้อตกลงของ FATF เริ่มบังคับใช้และกำหนดให้กรมสรรพากรต้องส่งเรื่องไปยัง ปปง.แจ้งดำเนินคดีผู้หลีกเลี่ยงภาษี

นายประสงค์ กล่าวว่า กฎหมาย ปปง.เรื่องการฟอกเงินลงโทษรุนแรงกว่ากรมสรรพากร หากมีส่วนเกี่ยวข้องเข้าข่ายองค์ประกอบกระทำความผิดด้วย ขณะนี้ส่งเรื่องให้ ปปง.ดำเนินคดีหลายราย ยอมรับว่าตั้งแต่ออกกฎกระทรวงให้ทำบัญชีเดียวตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เกือบครบ 2 ปีแล้ว ผู้ประกอบการทำบัญชีเดียวเพียง 150,000 ราย มีสัดส่วนครึ่งหนึ่งจากเอสเอ็มอีทั้งระบบลงทะเบียนกว่า 300,000 ราย ทั้งอุปโภคบริโภค ร้านอาหาร ซื้อขายทั่วไป ธุรกิจร้านทอง ร้านซ่อมรถ ร้านขายยา ยังเน้นเรื่องธุรกิจเงินสด นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้สถาบันการเงินพิจารณาให้สินเชื่อจากบัญชีเดียวเท่านั้น เช่น ร้านทองจากทั้งหมด 7,000 ราย ยังเหลือนับพันรายที่ยังทำบัญชี 2 เล่ม อาจเป็นกลุ่มเน้นปล่อยกู้รับจำนำทอง จึงต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนเทศกาลคริสต์มาสปีนี้ เพื่อให้กรมสรรพากรแวะไปเยี่ยมร้านทองพูดคุยให้ร้านทองเข้าระบบเหมือนกับรายอื่น

สำหรับแนวทางการจัดเก็บภาษีจากการค้าออนไลน์นั้น นายประสงค์ กล่าวว่า ได้หารือกับสถาบันการศึกษาและเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เพราะหากภาษีออนไลน์ในประเทศไม่แข็งแรงจะมีจุดอ่อนถูกระบบออนไลน์ต่างประเทศโจมตีจนเกิดความเสียหาย เช่น ปัจจุบันเริ่มมีชาวจีนมาค้าขายแบบออนไลน์มากขึ้น มูลค่าการค้าผ่านออนไลน์ในปัจจุบันสูงนับแสนล้านบาท จึงต้องเร่งแก้ไขกฎหมายแบ่งออกทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การแก้ไขประมวลรัษฎากร 2.การแก้ไขเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศหากต่ำกว่า 1,500 บาทต่อรายการได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อส่งทางไปรษณีย์ และ 3.การแก้ไขหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 ของนิติบุคคล เมื่อค้าขายผ่านออนไลน์ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาได้หารือกับผู้ค้ารายใหญ่อี-คอมเมิร์ซค้าขายในระบบออนไลน์ ยอมรับว่าพร้อมเสียภาษีอย่างถูกต้อง เพราะหากโฆษณาในประเทศซื้อขายสินค้าจากในประเทศควรเสียภาษีให้ถูกต้อง จึงต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายส่วนเพิ่ม คาดว่าออกกฎหมายกลางปีหน้า

สำหรับการจัดเก็บรายได้ภาษีเดือนตุลาคมนั้น มียอดรายได้เกินเป้าหมาย 700 ล้านบาท ในเดือนธันวาคมอาจลดลงบ้าง เพราะประชาชนชะลอการใช้จ่ายในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่เมื่อมีมาตรการช้อปช่วยชาติเข้ามากระตุ้นการซื้อจะเป็นแรงผลักดันให้การใช้จ่ายสูงขึ้นบ้าง จึงคาดว่าทั้งปีจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมาย 1.928 ล้านล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมากรมสรรพากรเปิดเวทีรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....รองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) เพื่อดำเนินการรัฐธรรมนูญมาตรา 77 มีเสียงคัดค้านจำนวนมาก จึงต้องเปิดเวทีรับฟังความเห็นเร็ว ๆ นี้อีกครั้ง เพื่อนำความเห็นจากหลายฝ่ายมาปรับปรุงแก้ไขให้ครอบคลุมทุกประเด็น เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาภาษีซ้อน เพื่อแก้ไขประมวลรัษฎากร แต่ไม่ใช่การออกกฎหมายใหม่เพิ่ม เพราะไทยเป็นสมาชิกขององค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ร่วมกับกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ข้อตกลงความร่วมมือแบบพหุภาคีของ OECD ในรูแบบ ( BEPS: Base erosion and profit shifting) คือ การหลีกเลี่ยงภาษีโดยอาศัยช่องว่างและกฎเกณฑ์ทางภาษีที่ไม่สอดคล้องกันและการเคลื่อนย้ายกำไร เพื่อเสียภาษีในประเทศที่มีภาระภาษีต่ำหรือไม่ต้องเสียภาษีเลย เพื่อลดช่องว่างความแตกต่างลง รวมถึงจัดสรรอำนาจในการจัดเก็บภาษีของประเทศนั้น ๆ ให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ทำให้เกิดมูลค่า รวมถึงหลีกเลี่ยงการกีดกันและคงความยุติธรรมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่เป็นปัญหากับหลายประเทศ

https://mgronline.com/stockmarket/detail/9600000120892

 

ผลวิจัยพฤติกรรมประชากรปี 59 พบคน GEN Y เปลี่ยนคู่นอนเฉลี่ย 5 คน 13:34 | 29 กันยายน 2559 |



ผลวิจัยพฤติกรรมประชากรปี 2559 พบว่าคนเจนวาย (GEN Y) เปลี่ยนคู่นอนเฉลี่ย 5 คนและมีหนี้เสียจากบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น ส่วนคนเจนเอ็กซ์ (GEN X) ครองโสดมากขึ้น แต่มีหลักประกันรายได้หลังเกษียณที่ดี ตรงข้ามกับกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่ส่วนใหญ่ไม่มีรายได้ชราภาพที่มั่นคง

ผศ.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ นักวิจัยสถาบันวิจัยประชากรและสังคมฯ เปิดเผยผลการศึกษาพฤติกรรมทางสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม ที่น่าสนใจของแต่ละรุ่นอายุ โดยพบว่า "เบบี้บูมเมอร์" มีพฤติกรรมเคารพกติกาสังคมสูง แต่ไม่ค่อยยอมรับความหลากหลาย ส่วนใหญ่ร้อยละ 70-80 แต่งงานก่อนอายุ 30 ปี, คนรุ่นนี้ส่วนใหญ่อยู่วัยทำงาน แต่ยังไม่มีหลักประกันรายได้ยามชราภาพที่มั่นคง มีเพียงร้อยละ 18 เท่านั้นที่มีหลักประกันมั่นคง

ขณะที่คนเจนเอ็กซ์เติบโตมาพร้อมวัฒนธรรมไทยกลิ่นอายต่างชาติ พฤติกรรมทางสังคมจึงเปิดกว้าง อัตราการแต่งงานช้า ครองโสดมากขึ้น พึ่งพาตัวเองสูง พึ่งพาลูกหลานน้อยลง ซึ่งคนรุ่นนี้มีหลักประกันรายได้ยามชราภาพที่ดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพจากพฤติกรรมทางเพศ สูบบุหรี่และดื่มสุรา

ส่วนคนเจนวาย หรือวัยรุ่น ขณะนี้พบพฤติกรรมทางสังคมที่มีความคิดแต่งงานช้า ไม่ต้องการมีบุตร ชอบชีวิตอิสระ และพบว่า 1 ใน 3 ใช้ชีวิตตามลำพังที่คอนโดมิเนียมและหอพัก ส่วนรายจ่ายถึงร้อยละ 77 หมดไปกับอาหาร พฤติกรรมทางสุขภาพของคนกลุ่มนี้ในเขตเมืองพบว่ามีเพศสัมพันธุ์ครั้งแรกอายุเฉลี่ย 15 ปี ในวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี เปลี่ยนคู่นอนเฉลี่ยอยู่ที่ 5 คนเท่ากับผู้ชาย

นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานกรรมการ คนที่ 2 สสส.ระบุถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจ พบว่า คนเจนเอ็กซ์และเจนวายต้องจับตาหนี้เสียในทุกประเภทสินเชื่อ โดยเฉพาะเจนวายมีหนี้เสียจากบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความสุขในการทำงาน

สำหรับสัดส่วนประชากรไทยปี 2559 ประกอบด้วย เจนเอ็กซ์ อายุระหว่างปี 2504-2524 มากที่สุดถึง 23 ล้านคน, เจนวาย อายุระหว่างปี 2525-2548 จำนวน 22 ล้านคน, เบบี้บูมเมอร์ อายุระหว่างปี 2486-2503 จำนวน 11.7 ล้านคน และหลังเจนวายอีก 7.8 ล้านคน

https://news.thaipbs.or.th/content/256203

 

ประชากรไทย GenY ใหญ่สุด พฤติกรรมสร้างโอกาส-ความเสี่ยง(1)


Publisher : 24 November 2017


การกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคว่าเป็นอย่างไร เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถออกแบบสินค้าและบริการได้ตรงความต้องการของผู้บริโภค ฉบับนี้ ผมจึงหยิบโครงสร้างประชากรไทยออกมาวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจจุดร่วมของพฤติกรรม โดยแบ่งผู้บริโภคออกเป็น 6 กลุ่มตามช่วงอายุ ดังนี้

กลุ่ม 1 ยุคก่อนสงครามโลก (Greatest Gen) เกิดช่วงปี 2444-2467 (อายุ 93-116 ปี)
กลุ่ม 2 ยุคระหว่างสงครามโลก (Silent Gen) เกิดช่วงปี 2468-2488 (อายุ 72-92 ปี)
กลุ่ม 3 ยุคสิ้นสุดสงครามโลก มีลูกมาก (Baby Boomer) เกิดช่วงปี 2489-2507(อายุ 53-71 ปี)
กลุ่ม 4 ยุคที่มีการควบคุมอัตราการเกิด (Gen X) เกิดช่วงปี 2508-2522 (อายุ 38-52 ปี)
กลุ่ม 5 ยุคการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Gen Y) เกิดช่วงปี 2523-2540 (อายุ 20-37 ปี)
กลุ่ม 6 ยุคเติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีและพ่อแม่ทำงานนอกบ้าน (Gen Z) เกิดตั้งแต่ปี 2541 ขึ้นไป (อายุน้อยกว่า 20 ปี)

ทีนี้เรามาดูกันครับว่า ประชากรไทย 67 ล้านคน จัดอยู่ในกลุ่มไหนกันบ้างครับ จะพบว่าสัดส่วนโครงสร้างประชากรจะแบ่งเป็นกลุ่ม Greatest Gen (3 แสนคน) Silent Gen (5.4 ล้านคน) Baby Boomer (15 ล้านคน) Gen X (16.6 ล้านคน) Gen Y (19 ล้านคน) และ Gen Z (10.6 ล้านคน)

จะเห็นว่าคนกลุ่มใหญ่ของประเทศคือ คน Gen Y ซึ่งมีจำนวนกว่า 19 ล้านคนในปัจจุบัน (คิดเป็น 28% ของประชากรรวม) และใน 10-20 ปีข้างหน้าจะทวีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะอยู่ในวัยที่กำลังเติบโตด้านหน้าที่การงาน และยังเป็นแรงงานกลุ่มใหญ่ของประเทศคิดเป็น 50%ของแรงงานทั้งระบบ (38 ล้านคน) ฉะนั้นผมจึงขอโฟกัสคนกลุ่มใหญ่ คือ คน Gen Y เอาล่ะเรามาทำความเข้าใจคน Gen Y กัน


คน Gen Y มีบุคลิกภาพอย่างไร? คน Gen Y เป็นกลุ่มคนที่เกิดมาในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน แปลงค่านิยม การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และเกิดในช่วงภาวะแวดล้อมเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี ทำให้ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างดี ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกเลี้ยงแบบตามใจตั้งแต่เด็ก มีการศึกษาดี มีนิสัยชอบแสดงออก ไม่ชอบถูกบังคับให้อยู่ในกรอบ ไม่ชอบอยู่ในเงื่อนไข ชอบเสพข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ ที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังโตมาในยุคที่อินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทำให้คน Gen Y มีความคุ้นเคยกับการสื่อสารออนไลน์ ไม่ค่อยจะปฏิเสธข่าวสารจากทางอินเตอร์เน็ตมากนัก จึงเป็นกลุ่มที่ตอบสนองต่อข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตมากกว่ากลุ่มอื่น

ผมขอยกผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตของไทยปี 2560 ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA พบว่า คน Gen Y เป็นกลุ่มที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตครองแชมป์สูงสุดมาแล้ว 3 ปีซ้อน โดยในปีนี้ (2560) คน Gen Y ใช้อินเตอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 7 ชม. 12 นาทีต่อวัน ในวันธรรมดาและในวันหยุดจะใช้เฉลี่ย 7 ชม. 36 นาทีต่อวัน โดยเฉลี่ยจะใช้ผ่าน Social Media 3 ชม. 42 นาทีต่อวัน ใช้ดูทีวี/หนัง/ฟังเพลง 2ชม. 18 นาทีต่อวัน และใช้เล่นเกมออนไลน์ 2ชม. 6 นาทีต่อวัน ชี้ว่าคน Gen Y เป็นนักท่องอินเตอร์เน็ตตัวยงเลยทีเดียว

เราเห็นบุคลิกภาพและพฤติกรรมแบบนี้แล้ว ทำให้พอจะออกแบบสินค้าและบริการให้โดนใจคน Gen Y ได้ จากการที่คน Gen Y เติบโตมาพร้อมกับความสะดวกสบาย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง จึงไม่ชอบการถูกบังคับ ดังนั้นสินค้าและบริการจะต้องออกมาในรูปแบบที่มีรสนิยม ทันสมัย เรียบง่าย สะดวกสบาย จะต้องเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เป็น Mass Product เพราะคน Gen Y ค่อนข้างเบื่อง่าย ดังนั้นสินค้าจะต้องมีช่วงอายุสินค้าที่ไม่ยาวนัก (Product Life Cycle) และต้องเปลี่ยนไปตามกระแส

(ตอนหน้า : สินค้าตอบโจทย์ Gen Y)

ข้อคิดเห็นที่ปรากฎในบทความนี้ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ TMB Bank แต่อย่างใด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,316 วันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

http://m.thansettakij.com/content/234315

 

ประชากรไทยGenYใหญ่สุด มีพฤติกรรมสร้างโอกาสและความเสี่ยง(จบ)


Publisher : 1 December 2017


ตอนที่แล้ว กล่าวถึงการจัดกลุ่มประชากร พบว่า Gen Y มีจำนวนมากที่สุด ตอนนี้ขอยกตัวอย่าง สินค้าที่ประสบความสำเร็จที่ตอบโจทย์คน Gen Y เช่น โทรศัพท์มือถือ iphone ที่สินค้ามีความทันสมัยและตามกระแส ซึ่งจากผลสำรวจของ Forrester Research พบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคน Gen Y อีกตัวอย่างสินค้าหนึ่งใกล้ตัวเข้ามาหน่อยคือ ตั๋วคอนเสิร์ตของศิลปินยุคปี 1990-1995 (พ.ศ.2533-2538) เป็นยุคที่คน Gen Y กำลังเข้าสู่วัยรุ่นทำให้มีความผูกพัน มีคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อมีการเปิดจองตั๋ว ยอดจองหมดภายในเวลาไม่นานก่อนวันแสดงเกิดขึ้นจริงหลายอาทิตย์ จนต้องมีการขยายรอบใหม่ ชี้ถึงพลังการจับจ่ายใช้สอยของคน Gen Y ที่ไม่ธรรมดา

สำหรับช่องทางการเข้าถึงคน Gen Y จากพฤติกรรมที่คน Gen Y เป็นกลุ่มที่ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุด เพราะมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้ดี ทำให้ช่องทางการขายสินค้าสามารถขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ โดยเฉพาะช่องทางยอดนิยม Social Media อาทิ YouTube, Line, Facebook ที่คน Gen Y ใช้เป็นประจำ ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องออกแบบกลยุทธ์การเข้าถึงที่โดนใจคน Gen Y ซึ่งก็คือ การให้ข้อมูลสินค้าที่มากพอ มีเนื้อหาที่ชัดเจน มีการรีวิวสินค้า และที่สำคัญในเนื้อหาสินค้าจะต้องมีการตอบสนองประสบการณ์ของผู้ซื้อรายอื่นๆ ที่มีต่อสินค้านั้นๆ


อย่างไรก็ดี แม้ว่าคน Gen Y จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีพลังในการซื้อสูง แต่ก็มี “ความเสี่ยง” ด้วยพฤติกรรมของคน Gen Y ที่เกิดมาในช่วงเศรษฐกิจดี พ่อแม่ดูแลเอาใจใส่อย่างดีจึงถูกตามใจตั้งแต่เด็ก ทำให้พฤติกรรมโดยรวมเป็นลักษณะด่วนตัดสินใจ คิดเร็ว ทำเร็ว ดังนั้น ถ้าสินค้าถูกใจแล้ว แม้จะแพงก็ยอมซื้อ ทำให้คน Gen Y เป็นกลุ่มที่ก่อหนี้เพื่อการบริโภคสูง เพราะอยู่ในวัยทำงานสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลได้ง่าย โดยบริษัท ข้อมูลเครดิตบูโรแห่งชาติ จำกัด ออกมาแสดงความห่วงใยถึงสถานการณ์ภาระหนี้ของคน Gen Y ที่ “เป็นหนี้เร็ว และเป็นหนี้นาน” ซึ่งปัจจุบัน คน Gen Y มีหนี้สินรวมกว่า 2.13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 18.5%ของหนี้ครัวเรือนทั้งประเทศ จะพบว่ามีความน่าเป็นห่วงไม่น้อยเพราะคน Gen Y เป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงของการทำงานที่เริ่มก่อร่างสร้างตัว ถ้าไม่สามารถจัดการปัญหาหนี้ได้ จะกระทบถึงครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ผมขอสรุปสิ่งที่พูดมาทั้งหมดว่า คนกลุ่มใหญ่ของประเทศคือ คน Gen Y ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีทั้ง “โอกาส และความเสี่ยง” โอกาสคือ ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ซึ่งต้องเข้าใจพฤติกรรมคน Gen Y ผมขอนิยามสินค้าและบริการที่จะเข้ามาครองใจคน Gen Y คือ “สินค้าที่ให้คุณค่าทางจิตใจ เป็นไปตามกระแส หาซื้อได้ง่าย ผ่านช่องทางออนไลน์โดยต้องมีข้อมูลการตัดสินใจที่มากพอ และต้องมีการแชร์ประสบการณ์ของผู้ใช้รายอื่นๆ ร่วมด้วย” สำหรับความเสี่ยงของคน Gen Y คือ “เป็นหนี้เร็วและเป็นหนี้นาน” จำเป็นที่คน Gen Y ต้องเพิ่มทักษะความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงิน (Financial Literacy) เป็นเรื่องใหญ่ที่ภาครัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องร่วมกันให้ความรู้เพื่อปรับพฤติกรรมคนGen Y อันจะนำไปสู่การบริโภคภาพรวมของประเทศในระยะยาวที่เติบโตอย่างยั่งยืนครับ

ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ TMB Bank แต่อย่างใด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,318
วันที่ 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560
http://m.thansettakij.com/content/236658

 

ประชากรไทยGenYใหญ่สุด มีพฤติกรรมสร้างโอกาสและความเสี่ยง(จบ)


Publisher : 1 December 2017


ตอนที่แล้ว กล่าวถึงการจัดกลุ่มประชากร พบว่า Gen Y มีจำนวนมากที่สุด ตอนนี้ขอยกตัวอย่าง สินค้าที่ประสบความสำเร็จที่ตอบโจทย์คน Gen Y เช่น โทรศัพท์มือถือ iphone ที่สินค้ามีความทันสมัยและตามกระแส ซึ่งจากผลสำรวจของ Forrester Research พบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคน Gen Y อีกตัวอย่างสินค้าหนึ่งใกล้ตัวเข้ามาหน่อยคือ ตั๋วคอนเสิร์ตของศิลปินยุคปี 1990-1995 (พ.ศ.2533-2538) เป็นยุคที่คน Gen Y กำลังเข้าสู่วัยรุ่นทำให้มีความผูกพัน มีคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อมีการเปิดจองตั๋ว ยอดจองหมดภายในเวลาไม่นานก่อนวันแสดงเกิดขึ้นจริงหลายอาทิตย์ จนต้องมีการขยายรอบใหม่ ชี้ถึงพลังการจับจ่ายใช้สอยของคน Gen Y ที่ไม่ธรรมดา

สำหรับช่องทางการเข้าถึงคน Gen Y จากพฤติกรรมที่คน Gen Y เป็นกลุ่มที่ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุด เพราะมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้ดี ทำให้ช่องทางการขายสินค้าสามารถขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ โดยเฉพาะช่องทางยอดนิยม Social Media อาทิ YouTube, Line, Facebook ที่คน Gen Y ใช้เป็นประจำ ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องออกแบบกลยุทธ์การเข้าถึงที่โดนใจคน Gen Y ซึ่งก็คือ การให้ข้อมูลสินค้าที่มากพอ มีเนื้อหาที่ชัดเจน มีการรีวิวสินค้า และที่สำคัญในเนื้อหาสินค้าจะต้องมีการตอบสนองประสบการณ์ของผู้ซื้อรายอื่นๆ ที่มีต่อสินค้านั้นๆ


อย่างไรก็ดี แม้ว่าคน Gen Y จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีพลังในการซื้อสูง แต่ก็มี “ความเสี่ยง” ด้วยพฤติกรรมของคน Gen Y ที่เกิดมาในช่วงเศรษฐกิจดี พ่อแม่ดูแลเอาใจใส่อย่างดีจึงถูกตามใจตั้งแต่เด็ก ทำให้พฤติกรรมโดยรวมเป็นลักษณะด่วนตัดสินใจ คิดเร็ว ทำเร็ว ดังนั้น ถ้าสินค้าถูกใจแล้ว แม้จะแพงก็ยอมซื้อ ทำให้คน Gen Y เป็นกลุ่มที่ก่อหนี้เพื่อการบริโภคสูง เพราะอยู่ในวัยทำงานสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลได้ง่าย โดยบริษัท ข้อมูลเครดิตบูโรแห่งชาติ จำกัด ออกมาแสดงความห่วงใยถึงสถานการณ์ภาระหนี้ของคน Gen Y ที่ “เป็นหนี้เร็ว และเป็นหนี้นาน” ซึ่งปัจจุบัน คน Gen Y มีหนี้สินรวมกว่า 2.13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 18.5%ของหนี้ครัวเรือนทั้งประเทศ จะพบว่ามีความน่าเป็นห่วงไม่น้อยเพราะคน Gen Y เป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงของการทำงานที่เริ่มก่อร่างสร้างตัว ถ้าไม่สามารถจัดการปัญหาหนี้ได้ จะกระทบถึงครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ผมขอสรุปสิ่งที่พูดมาทั้งหมดว่า คนกลุ่มใหญ่ของประเทศคือ คน Gen Y ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีทั้ง “โอกาส และความเสี่ยง” โอกาสคือ ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ซึ่งต้องเข้าใจพฤติกรรมคน Gen Y ผมขอนิยามสินค้าและบริการที่จะเข้ามาครองใจคน Gen Y คือ “สินค้าที่ให้คุณค่าทางจิตใจ เป็นไปตามกระแส หาซื้อได้ง่าย ผ่านช่องทางออนไลน์โดยต้องมีข้อมูลการตัดสินใจที่มากพอ และต้องมีการแชร์ประสบการณ์ของผู้ใช้รายอื่นๆ ร่วมด้วย” สำหรับความเสี่ยงของคน Gen Y คือ “เป็นหนี้เร็วและเป็นหนี้นาน” จำเป็นที่คน Gen Y ต้องเพิ่มทักษะความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงิน (Financial Literacy) เป็นเรื่องใหญ่ที่ภาครัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องร่วมกันให้ความรู้เพื่อปรับพฤติกรรมคนGen Y อันจะนำไปสู่การบริโภคภาพรวมของประเทศในระยะยาวที่เติบโตอย่างยั่งยืนครับ

ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ TMB Bank แต่อย่างใด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,318
วันที่ 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560
http://m.thansettakij.com/content/236658

 

หมี CNN
30-11-60/17 : HIV Epidemic in Europe Growing at ‘Alarming Pace’ -WHO! HIV ระบาดหนักในยุโรป-องค์การอนามัยโลก! สาธารณสุขเปิดเผยว่า การระบาดของ HIV เพิ่มสูงขึ้นถึงจุดวิกฤตในยุโรป! จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจาก 12 คนใน 100,000 คนภายใน ในปี 2007 มาเป็น 18.2 คน ในปี 2015 การค้นพบว่าผู้ป่วยหลายคนใช้เวลาหลายปีในการแพร่เชื้อไวรัสก่อนที่จะตรวจพบเชื้อ 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรป นับเป็น 68% เป็นโรคหลังการตรวจเพียง 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ได้ผ่านการติดเชื้อมาเมื่อหลายปีก่อน

---------------------------------------------------------------------------
RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : HIV ระบาดหนักในยุโรป-องค์การอนามัยโลก

สาธารณสุขเปิดเผยว่า การระบาดของ HIV เพิ่มสูงขึ้นถึงจุดวิกฤตในยุโรป

จากรายงานความร่วมมือองค์กรอนามัยโลก(WHO)และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป(ECDC) เผยว่า คนจำนวน 160,000 คนติดโรค HIVในกลุ่มยุโรป 53 ประเทศในปี 2016

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจาก 12 คนใน 100,000 คนภายใน ในปี 2007 มาเป็น 18.2 คน ในปี 2015

ผู้อำนวยการองค์กรอนามัยโลกของยุโรปกล่าวว่า การระบาดเพิ่มขึ้นถึงจุดวิกฤตในยุโรป ส่วนมากอยู่ในแถบตะวันออกโดยพบว่า 80% ของจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 160,000 คน นี่เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในสถิติหนึ่งปีนี้ หากตัวเลขยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ เราคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะทำให้การระบาดของ HIV หยุดลงในปี 2030 ได้

การค้นพบว่าผู้ป่วยหลายคนใช้เวลาหลายปีในการแพร่เชื้อไวรัสก่อนที่จะตรวจพบเชื้อ

แอนเดรีย แอมมอน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรปได้อธิบายว่า ยุโรปควรมีมาตรการต่อโรค HIV เนื่องจากระยะเวลาที่จะตรวจพบว่าติดเชื้อคือ 3 ปี ซึ่งถือว่านาน

2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรป นับเป็น 68% เป็นโรคหลังการตรวจเพียง 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ได้ผ่านการติดเชื้อมาเมื่อหลายปีก่อน

รายงานดังกล่าวยังพูดถึงความจำเป็นสำหรับทางใหม่ที่จะทำให้การทดสอบเชื้อ HIV ทำได้กว้างขึ้น โดยการแนะนำการบริการทดสอบด้วยตนเองและเสนอให้มีการจัดเตรียมหน่วยสาธารณสุขชุมชนเพื่อเพิ่มโอกาสในการให้คำปรึกษาและตรวจเชื้อดังกล่าว

https://sputniknews.com/society/201711291059520080-HIV-epidemic-europe-growing-alarming-pace-who/

---------------------------------------------------------------------------
เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

หรือเข้า LINE และ Search พิมคำว่า "@mheecnn" แล้วแอดเข้าถ้ำ

เพจสำรองของหมี CNN คือ เพจ " หมี RT " Search หาใน FB ตามชื่อนี้เลยเด้อคร๊า ดูโลโก้ หมีอี้จับซา(ชักดาบ)

 

พบแบคทีเรียมีชีวิตเกาะอยู่นอกสถานีอวกาศนานาชาติ 1 ธ.ค. 2560 รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com)

อันตัน ชกาเปลรอฟ นักบินอวกาศชาวรัสเซีย ได้ปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลาเกือบสองร้อยวันตั้งแต่ปลายปี 2557 หนึ่งในภารกิจที่เขาทำคือการเก็บตัวอย่างคราบที่เกาะอยู่ที่ผิวด้านนอกของสถานีด้วยก้านพันสำลี แล้วนำกลับมายังโลกเพื่อตรวจสอบ

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมาได้มีรายงานออกมาว่า ตัวอย่างที่นำกลับมานั้น พบแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย และยืนยันว่าขณะที่นำโมดูลของสถานีอวกาศนั้นขึ้นสู่อวกาศไม่มีแบคทีเรียดังกล่าวอยู่อย่างแน่นอน นั่นหมายความว่าแบคทีเรียที่พบนี้มาเกาะที่ผิวนอกของสถานีอวกาศภายหลัง

แม้รายงานนี้อาจทำให้แฟน ๆ มนุษย์ต่างดาวเนื้อเต้น แต่สุดท้ายก็คงต้องผิดหวัง เพราะรายงานฉบับดังกล่าวได้สรุปว่า แบคทีเรียดังกล่าวมาจากโลกนี้เอง โดยติดไปกับแทบเล็ตและวัสดุต่าง ๆ ที่นักบินอวกาศนำไปติดตั้งอยู่ภายนอกสถานีระหว่างปฏิบัติภารกิจอื่น

สภาพแวดล้อมในอวกาศเป็นสภาพที่แสนหฤโหด ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ หนาวจัด ร้อนจัด และยังถูกกระหน่ำด้วยรังสีต่าง ๆ อย่างรุนแรง แต่นักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าสิ่งมีชีวิตเช่นแบคทีเรียบางชนิด รวมถึงสัตว์ตัวจิ๋วอย่างทาดีเกรด ดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมอวกาศได้เป็นเวลานานหลายปี

ขณะนักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาแบคทีเรียนี้ต่อไป ในเบื้องต้นพบว่าไม่น่าจะเป็นอันตรายแต่อย่างใด

ชกาเปลรอฟ จะขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศอีกครั้งในวันที่ 17 ธันวาคมนี้



@ภาพ สถานีอวกาศนานาชาติ
(จาก NASA/JPL-Caltech/Space Science Institute)



@ภาพ ทาดีเกรด เป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนมาก เอาชีวิตรอดในอวกาศได้นานนับปี (จาก Science Photo Library/Alamy)

ที่มา:
Scientists find living bacteria from outer space on ISS satellite’s surface - http://tass.com

http://thaiastro.nectec.or.th/news/1138/

 

สัญญาณมหากลียุค Signs of the end in Current Events

"เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นถ้วยที่ทำให้ชนชาติทั้งปวงซึ่งล้อมรอบกลิ้งไป ยูดาห์จะถูกล้อมเมืองเช่นเดียวกับเยรูซาเล็ม" เศคาริยาห์ 12 ..
ดูเหมือนเหตุการณ์นี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาประเทศอิสราเอลที่ช่างเหมาะเจาะ เหมือนว่าถึงเวลาของพระเจ้า?


มีรายงานว่าโดนัลด์ทรัมป์อาจยอมรับเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลในเดือนธันวาคม?
https://www.israelnationalnews.com/News/News.aspx/23872

ต่อจากที่แล้วตามดูการตั้งวัดสามในเยรูซาเล็มกับบประธานาธิบดีทรัมพ์กำลังจะยอมรับกรุงเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นเหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง
-
รัฐบาลอิสราเอลจะตื่นเต้นอย่างยิ่งกับการย้ายดังกล่าว ขณะที่ชาวปาเลสไตน์และเพื่อนบ้านของอิสราเอลไม่พอใจเลย
ในสิ่งที่มีผลตอบกลับจากบางคนชาวปาเลสไตน์ได้เสนอแนะว่าถ้าการบริหารจัดการของ Trump ย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้วมันอาจเป็นประกายความรุนแรงอย่างกว้างขวางหรือแม้กระทั่งสงคราม!
แต่โดนัลด์ทรัมป์สัญญาว่าจะยอมรับกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลในระหว่างการรณรงค์หาเสียงและดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะรักษาพระวจนะของพระองค์ ...
-
เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบริหารของสหรัฐกล่าวในวันพฤหัสบดีว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะยอมรับกรุงเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสราเอลโดยไม่ต้องย้ายสถานทูตไปยังเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างน้อยก็ในช่วงนี้
ทรัมพ์ต้องการให้มีการรับรู้ไปทั่วว่าการแต่งตั้งกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงคือของขวัญให้กับอิสราเอลในโอกาสวันประกาศอิสรภาพแห่งชาติครั้งที่ 70 ของเขาและเขาอาจประกาศการรับรู้นี้ด้วยคำสั่งจากรองประธานาธิบดีไมค์เพ็นซ์ที่จะไปเยือนอิสราเอลในเดือนธันวาคม
Trump จะไม่ย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังกรุงเยรูซาเล็ม?
ทำเนียบขาวตระหนักดีว่าการย้ายดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความรุนแรงในภูมิภาคและเจ้าหน้าที่การบริหารกำลังเดินหน้าเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ... https://www.politico.com/…/trump-us-embassy-move-jerusalem-…
-
*ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาสภาคองเกรสและการบริหารงานได้แสดงความตั้งใจที่จะย้ายสถานทูตอเมริกาในอิสราเอลออกจากเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเล็ม แน่นอนว่าการย้ายสถานทูตจะมีผลกระทบที่รุนแรงมากและไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลายๆ คนที่อยู่รอบๆ ทรัมป์กำลังให้คำปรึกษากับการย้ายดังกล่าว ... https://www.ynetnews.com/articles/0,7340,L-5049989,00.html
-
วงการข่าวกรองของอเมริกาอาจเตือน Trump ต่อการย้ายเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเป็นอันตรายที่อาจก่อให้เกิดกับสถานทูตอเมริกันทั่วโลก - การประกาศของทรัมพ์ได้รับคำเตือนจากกษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 2 ของจอร์แดนซึ่งกล่าวในระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาว่า "การย้ายสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันไปยังเยรูซาเล็มในขั้นตอนนี้จะมีผลกระทบกับปูมหลังปาเลสไตน์อาหรับและอิสลาม"
-
ถ้าสถานทูตสหรัฐฯถูกย้ายไปอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มจะมีความรุนแรงและมันอาจทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น
ในปี 1995 สภาคองเกรสได้มีกฎหมายที่กำหนดให้สถานทูตสหรัฐฯต้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่นับแต่นั้นมาประธานาธิบดีได้ชะลอการย้ายเรื่อยมา?..

*ถึงแม้ว่าสถานทูตสหรัฐฯจะไม่ถูกย้ายไปกรุงเยรูซาเล็มในเร็วๆ นี้ก็ตามแต่ความจริงก็คือสงครามใหญ่ถัดไปในตะวันออกกลางดูเหมือนจะใกล้เข้ามาในทุกๆวัน เพียงแค่ตรวจสอบบางสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ...!

-Saudi Arabia ซ่า่ส์ได้ใจในเยเมน
สงครามกลางเมืองในเยเมนเป็นสงครามโดยตัวแทนระหว่างประเทศซาอุดิอารเบียและอิหร่านและชาวอาหรับซาอุฯ
- จีนได้ประกาศว่าพวกเขาจะส่ง "ทหารชั้นหัวกะทิ "เข้าสู่ซีเรียเพื่อต่อสู้เคียงข้างกับกองทัพซีเรียในสงครามกลางเมืองที่กำลังเกิดขึ้นที่นั่น
- เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพนทากอนยอมรับว่าปัจจุบันมีกองกำลังของสหรัฐฯประมาณ 2,000 นายในซีเรียทำงานร่วมกับกองกำลังที่ต้องการโค่นรัฐบาลซีเรีย

ตะวันออกกลางเป็นกล่องที่สามารถระเบิดได้อย่างแท้จริงในทุกช่วงเวลา
อิสราเอลเป็นชามที่ทุกชาติกำลังกลิ้งไป
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่มีความคิดในสมองว่าตนเองกำลังอยู่ในสงครามระดับภูมิภาคที่สำคัญ ..

 

สื่ออิสราเอลเผย คาดว่าในเร็วๆนี้จะมีการประกาศย้ายสถานทูตสหรัฐมายังกรุงเยรูซาเล็ม

• ธันวาคม 1, 2560
• Written by หยาดฟ้า ไทยประทาน
• Published in ต่างประเทศ

สยามพับลิค -สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า
สื่อชื่อดังอิสราเอลเผย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐอิสราเอลได้เรียกร้องให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศอย่างเป็นทางการว่า “กรุงเยรูซาเล็ม” เป็นเมืองหลวงของรัฐอิสราเอลและให้ย้ายสถานทูตอเมริกาจากเทลอาวีฟมายังเมืองนี้

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เยรูซาเล็มโพสต์ เขียนว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลได้เรียกร้องให้ทรัมป์ประกาศตัดสินใจในการย้ายสถานทูตอเมริกามายังกรุงเยรูซาเล็มในวันอาทิตย์นี้

ในขณะที่ สถานีโทรทัศน์ช่อง10 รัฐอิสราเอล ยังรายงานถึงคำสั่งของทรัมป์ที่มียังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐในการย้ายสถานทูตอเมริกามายังกรุงเยรูซาเล็ม

ไมค์ เพนส์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เผยว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีการย้ายสถานทูตสหรัฐมายังปาเลสไตน์ แผ่นดินที่ถูกยึดครอง

ตามรายงานจากแหล่งข่าวของช่อง 10 ยังระบุอีกว่า “ในกรุงเยรูซาเล็มต่างรอคอยการประกาศอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และเขายังสั่งให้คณะรัฐบาลของเขาเตรียมพร้อมในการย้ายสถานทูตสหรัฐด้วยเช่นกัน โดยหวังว่า จะมีการประกาศในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้”

ขณะที่ แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่รัฐอิสราเอลยังไม่ได้ยืนยันในเรื่องนี้แต่อย่างใด

http://siampublic.com/world/3837/jerusalem-post-soon-embassy-america-to-jerusalem

 

Jeerachart Jongsomchai



... "รัสเซีย กำลังจะออกกฏหมายห้ามนักข่าวของอเมริกาเข้าประเทศ"

... หลัวจากเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมาสภาคองเกรสของ "อเมริกา" ได้ออกกฏหมายให้สื่อของ "รัสเซีย" อย่าง RT America ที่รัฐบาลรัสเซียสนับสนุนให้ลงทะเบียนยอมรับว่าเป็น "หน่วยงานของรัฐบาลรัสเซีย" ( หรือจะแปลว่าเป็นสายให้รัฐบาลรัสเซียก็ได้ ที่แปลจากคำว่า Agent เพราะบริบทการลงโทษของกฏหมายนั้นแรงมาก ) บทลงโทษที่รุนแรงตามมา เช่นว่า ให้มีการยึดทรัพย์สิน จับกุมผู้บริหารสื่อรัสเซียในอเมริกานั้น

... ทำให้รัฐบาลรัสเซีย ได้ตอบโต้ฉับพลัน โดยการออกกฏหมายแบบเดียวกัน เช่น CNN นั้นมีรัฐบาลของอเมริกาสนับสนุนอย่างชัดเจนก็จะโดนกฏหมายใหม่นี้ด้วย ในเวลาห่างกันไม่นาน และล่าสุดรัสเซียก็กลังจะออกกฏหมายห้ามไม่ให้นักข่าวของสำนักข่าวอเมริกาเข้าประเทศด้วย โดยกำลังอยู่ในสภาดูมา สภาล่างและกำลังเร่งให้มีผลบังคับใช้ได้ภายในปลายสัปดาห์หน้านี้

... In late November this year a congressional committee in the US revoked RT America's accreditation on Capitol Hill, citing its ‘foreign agent’ status. A short time before this the US Justice Department ordered RT America to register as a foreign agent or face harsh punishment, such as frozen assets and the arrest of the head of the company. On November 10, RT America (officially registered as T & R Productions LLC) filed as a foreign agent with the Department of Justice.

.

.
https://www.rt.com/politics/411532-russian-lower-house-to-ban/

https://www.facebook.com/jeerachart.jongsomchai?fref=ts

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐกำลังเล่นกับไฟและผิดพลาดมหันต์ หากคิดจะทำลายเกาหลีเหนือ - กต.รัสเซียเตือนสติปอบหยิบนิกกี้



--------------

วันที่ 1 ธ.ค. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "'คำสาธยายของจอมกระหายเลือด': กต.รัสเซียสวดส่งสหรัฐที่ข่มขู่ว่าจะทำลายเกาหลีเหนือ" (‘Bloodthirsty tirade’: Russian FM decries US threats to destroy North Korea)

การดำเนินการทางทหารของสหรัฐต่อเกาหลีเหนือจะเป็น "ความพลาดมหันต์" นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียเตือน และกล่าวเพิ่มเติมว่า กรุงวอชิงตันนั่นแหละที่เป็นฝ่ายยั่วยุให้กรุงเปียงยาต้องเคลื่อนไหวที่บ้าบิ่นรอบใหม่ ด้วยการฝึกกับเกาหลีใต้และใช้วาทกรรมที่ก้าวร้าว (ต่อเกาหลีหนือ)

"ถ้าใครบางคนต้องการที่จะใช้กำลังจริงๆ - เหมือนกับที่ท่านผู้แทนของสหรัฐประจำยูเอ็นเอ่ยถึง - เพื่อทำลายเกาหลีเหนือ... ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นการเล่นกับไฟ และเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์" นายลาฟรอฟกล่าวระหว่างการเยือนกรุงโรมเมื่อวันศุกร์นี้

รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียได้อ้างถึงช่วงเวลาที่นางนิกกี้ เฮลี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ หลังจากที่กรุงเปียงยางได้ทำการทดลองมิสไซล์เป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนเมื่อวันพุธนี้ ซึ่งเป็นการยิงจรวดที่คาดว่าสามารถไปถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐได้ นางเฮลี่ย์ได้กล่าวว่า "ถ้าเกิดสงครามขึ้นมา... ระบอบเกาหลีเหนือจะถูกทำลายไม่เหลือซากแน่" นายลาฟรอฟได้เรียกคำพูดของนางเฮลี่ย์ในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพุธนี้ว่า "เป็นคำสาธยายของพวกกระหายเลือดตัวจริง" (a really bloodthirsty tirade)

"เราจะทำทุกอย่างเพื่อรับประกันว่ามัน [ความขัดแย้งทางทหาร] จะไม่เกิดขึ้น และว่าปัญหาจะต้องได้รับการแก้ไขโดยวิถีทางที่สันติ และตามแนวทางการเมืองและการทูตเท่านั้น" รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าว กรุงมอสโคได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐเกี่ยวกับปัญหาเกาหลีเหนือ มีการจัดประชุมกันหลายรอบระหว่างทูตของประเทศต่างๆในเมืองหลวงของรัสเซีย และในเวทีอื่นๆ กต.กล่าวเพิ่มเติม

"โชคร้ายจริงๆ ที่เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา มีความประทับใจที่ว่ามีบางคนในกรุงวอชิงตัน ผู้ที่พยายามยั่วยุกรุงเปียงยางให้เคลื่อนไหวที่บ้าบิ่นรอบใหม่อย่างเต็มที่" รัฐมนตรีกล่าว "ในเดือนตุลาคม พวกเขาได้ประกาศการฝึกนอกตารางกำหนดการ [ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้] ได้มีการประกาศการฝึกรอบใหม่ในเดือนธันวาคมด้วย - แม้ว่าในบริบทปรกติแล้ว พวกเขาจะไม่จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ตาม" รมว.ต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติม

นายลาฟรอฟอธิบายว่า จุดยืนของรัสเซียเกี่ยวกับปัญหาเกาหลีเหนือก็คือ "ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ และเปิดเผย" (direct, honest and open) "เหนือสิ่งอื่นใด เรามีภารกิจหลักในการป้องกันความขัดแย้งทางอาวุธ ซึ่งจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นหายนะสำหรับประเทศต่างๆที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคนั้น - เกาหลีใต้และญี่ปุ่น แต่ก็อย่าลืมว่า จีนและรัสเซียก็มีชายแดนบางส่วนอยู่ติดกับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน" นายลาฟรอฟกล่าว...

[ที่น่าเจ็บใจที่สุดสำหรับสหรัฐ ก็คือ... ประชาชนชาวเกาหลีเหนือจำนวนมากต่างก็พากันออกมาจับคู่เต้นรำกันอย่างสนุกสนานและมีความสุขมาก ตามสถานที่สาธารณะและถนนต่างๆในกรุงเปียงยาง หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าประเทศของตนเองประสบความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป Hwasong-15 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ยิงออกไปนอกโลกได้ และยังสามารถเลี้ยวกลับมาโจมตีเป้าหมายจำลองในทะเลได้อย่างแม่นยำ เป็นความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีที่ฝ่ายเกาหลีใต้และสหรัฐถึงกับอ้างปากค้าง และยอมรับว่าเกาหลีเหนือพัฒนาความก้าวหน้าของตนเองได้รวดเร็วมาก

งานนี้สหรัฐคิดจะรังแกเกาหลีเหนือเหมือนกับที่ทำกับอิรัค ลิเบีย ซีเรีย และอัฟกานิสถาน แต่รัสเซียและจีนรู้ทัน จึงเตะตัดขาสหรัฐจนหัวทิ่มไม่เป็นท่าเลย - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
02/12/2560
----------
https://www.rt.com/news/411675-lavrov-us-north-korea-threats/
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5473
https://www.rt.com/news/411504-russia-prepared-war-north-korea/

 

ปอกเปลือก ทรราช
เอ๋…? บีบีซีไทยและซีเอ็นเอ็นตกข่าวนี้หรือเปล่า?: อดีตนาวิกโยธินจัญไรของสหรัฐถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในคดีก่ออาชญากรรมข่มขืนหญิงสาวชาวญี่ปุ่นและฆ่าทิ้งที่โอกินาวา



--------------

วันที่ 1 ธ.ค. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "อดีตนาวิกโยธินสหรัฐถูกตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในญี่ปุ่น ในข้อหาข่มขืนและฆ่าหญิงสาวบนเกาะโอกินาวา" (Retired US Marine sentenced to life in Japan for rape-murder of Okinawa woman)

รายงานข่าวแจ้งว่า อดีตนาวิกโยธินจากกองทัพสหรัฐได้ถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตโดยศาลญี่ปุ่น นักโทษคนดังกล่าว ชื่อ Kenneth Franklin Shinzato เป็นคนงานชายผิวสี (ผู้รับเหมา) ซึ่งปัจจุบันเป็นพลเรือน ที่ฐานทัพของสหรัฐบนเกาะโอกินาวา ได้กระทำการข่มขืน และฆาตกรรม หญิงสาวชาวญี่ปุ่นอายุ 20 ปี เมื่อปีที่แล้ว

นาย Kenneth Franklin Shinzato สารภาพความผิดต่อหน้าศาลแขวง Naha ในอาชญากรรมทางเพศในครั้งนี้ แต่ปฏิเสธข้อหาการฆาตกรรม โดยอ้างว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาที่จะสังหารเหยื่อชื่อ Rina Shimabukuro

อัยการ Shinzato กล่าวว่า น.ส. Shimabukuro ถูกโจมตีในบริเวณใกล้บ้านของเธอในตำบล Uruma ส่วนกลางของโอกินาวา ในคืนวันที่ 28 เมษายน 2016 เขา (อดีตนาวิกโยธินสหรัฐ) ได้ทำร้ายเธอด้วยท่อเหล็ก (a metal bar) นำตัวไปที่สนามหญ้าแห่งหนึ่ง บีบรัดคอ และแทงเธอหลายครั้งก่อนทำการข่มขืน (ฆ่าแล้วถึงข่มขืน ไม่ใช่ข่มขืนก่อนจึงฆ่า) หนังสือพิมพ์ The Asahi Shimbun ของญี่ปุ่นรายงาน

นาย Shinzato แก้ต่างให้ตัวเองว่า เขาตั้งใจที่จะน็อคเหยื่อให้หมดสติ และข่มขืนเธอที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่เกิดอาการตื่นตระหนก เมื่อไม่สามารถทำให้เหยื่อหมดสติได้

อัยการยืนยันว่าการสังหารผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนา โดยกล่าวว่านาย Shinzato ได้ออกจากบ้านของตนเองในเมือง Yonabaru ด้วยรถยนต์คันหนึ่งในตอนเช้า ซึ่งเขานำมีดติดตัวไปด้วย และใช้มันในการโจมตี และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เปื้อนสิ่งสกปรก ทางอัยการกล่าวว่า เจตนาของเขา (อาชญากร) ก็คือยัดร่างของเหยื่อลงไปในกระเป๋าเดินทาง และทิ้งร่างของเหยื่อไว้ในหลุมศพตื้นๆในป่า

นาย Shinzato ซึ่งนามสกุลเดิมคือ Gadson ได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลของภรรยาที่เป็นชาวญี่ปุ่น ในช่วงที่เขาเป็นทหารนาวิโยธินของสหรัฐในญี่ปุ่นระหว่างปี 2009-2014 ต่อมาเขาก็ทำงานอยู่ที่ฐานทัพอากาศ Kadena ในฐานะผู้รับเหมาพลเรือนสำหรับการให้บริการด้านสายเคเบิลและอินเตอร์เน็ท เจ้าหน้าที่พบ DNA ของเหยื่อในรถยนต์ของเขา พบศพของเหยื่อในวันที่ 19 พฤษภาคม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้เบาะแสจากคำให้การของนาย Shinzato

วันศุกร์นี้ ผู้พิพากษา Toshihiro Shibata พบว่านาย Shinzato มีความผิดทั้งในข้อหาข่มขืนและฆาตกรรม และได้ตัดสินลงโทษจำคุกเขาตลอดชีวิต ตามคำร้องขอของอัยการ Kyodo News รายงาน

[ปัจจุบันนี้มีทหารอเมริกันประจำการอยู่บนเกาะโอกินาวาทั้งหมดประมาณ 25,000 นาย คาดว่าอดีตนาวิกโยธินสหรัฐคนนี้คงไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยท์ของสหรัฐมา แต่คนที่ฝึกและให้ความรู้แก่เขารวมทั้งบรรดาอดีตผู้บังคับบัญชาของเขาจะต้องผ่านจากสถาบันการศึกษาวิชาทหารระดับสูงของสหรัฐแห่งนี้มาแน่ๆ สอนกันมาดีจริงๆ

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ก็มีนาวิกโยธินนายหนึ่งของสหรัฐเมาแล้วขับรถบรรทุกทหารผ่าไฟแดงชนกับรถบรรทุกชาวบ้านญี่ปุ่นที่โอกินาวาอีกนั่นแหละ คนญีปุ่่นอายุ 60 ปีซึ่งเป็นเหยื่อของนาวิกโยธินสหรัฐในครั้งนี้เสียชีวิต CNN และ BBC Thai เงียบกริ๊บ! มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? ถ้าลงข่าวนี้อาจจะถูกกล่าวหาว่า "ต่อต้านอเมริกา" ก็ได้ พวกเขาจึงไม่นิยมลงข่าวจัญไรแบบนี้ของสหรัฐให้สาวกของพวกเขาได้รับรู้ความจริง หรือว่าพวกเขาคิดว่า "มันเป็นเสรีภาพของสื่อ" ที่จะไม่นำเสนอข้อเท็จจริงบางอย่างให้สังคมได้รับรู้? - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
02/12/2560
----------
https://www.rt.com/news/411522-former-marine-sentenced-life/
https://sputniknews.com/asia/201712011059597747-base-okinawa-sentence-killing/
http://www.asahi.com/ajw/articles/AJ201711160056.html
https://english.kyodonews.net/news/...fe-in-prison-for-murder-of-okinawa-woman.html
https://sputniknews.com/world/201711201059248861-us-troops-japan-alcohol/
https://sputniknews.com/cartoons/201711201059274285-us-japan-okinawa-accidents/

 

ปอกเปลือก ทรราช
มังกรหนุ่มคำราม... "จีนจะไม่ส่งออกโมเดลของจีนให้ประเทศอื่น และจะไม่นำเข้าโมเดลของประเทศอื่นด้วย", วิสัยทัศน์ของผู้นำจีน ในการทำให้จีนเป็นสังคมนิยมสมัยใหม่ให้ได้ภายในครึ่งศตวรรษที่ 21 นี้



--------------

เปลี่ยนบรรยากาศจากเกาหลีเหนือขยับไปที่จินบ้างนะครับ วันที่ 1 ธ.ค. 60 Xinhua พาดหัวข่าวว่า "จีนจะไม่ 'ส่งออก' ไชนิสโมเดล: สี จิ้นผิง" (China will not "export" Chinese model: Xi)

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Communist Party of China (CPC) Central Committee) กล่าวเมื่อวันศุกร์นี้ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) จะไม่นำเข้าโมเดลจากต่างประเทศและจะไม่ส่งออกโมเดลของจีนไปยังต่างประเทศด้วย (แต่ถ้าใครจะก็อปก็ไม่สงวนสิทธิ์?)

"เราจะไม่ร้องขอให้ประเทศใดๆต้องก็อปปี้การปฏิบัติ (/ประเพณี/ทำเนียม) ของจีน" ปธน. สี จิ้นผิง กล่าวในการกล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดการเจรจาระดับสูงระหว่างพรรค CPC และพรรคการเมืองต่างๆทั่วโลกในกรุงปักกิ่ง

ผู้นำจีนได้เน้นย้ำว่า CPC มุ่งมั่นทั้งเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวจีนและความก้าวหน้าของมนุษยชาติ ดังนั้น นอกจากดูแลกิจการภายในต่างๆของจีนแล้ว CPC จะสร้างโอกาสต่างๆให้กับโลกนี้ผ่านการพัฒนาประเทศจีน

พรรค CPC ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะสำรวจกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาสังคมสำหรับมนุษยชาติ และแบ่งปันกับประเทศอื่นๆ ปธน.สี จิ้นผิง กล่าว และกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรค CPC จะสนับสนุนสันติภาพโลกเสมอ

ผู้นำจีนได้ตั้งข้อสังเกตว่า ภารกิจพื้นฐานต่างๆของพรรค CPC ที่ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1921 นั้น ก็เพื่อทำให้ยุติภาวะชะงักงันของประเทศซึ่งประสบความทุกข์ยากลำบากมาเป็นเวลานานจากสงคราม และเพื่อรับประกันความอยู่รอดของประชาชน ปธน.สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่า พรรค CPC รู้คุณค่าของสันติภาพอย่างลึกซึ้ง และได้ยึดมั่นไว้อย่างเหนียวแน่นในการรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ

จวบจนถึงวันนี้ จีนได้ส่งบุคคลากรด้านการรักษาสันติภาพจำนวน 36,000 กว่าคน และประเทศจีนก็กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นกองกำลังรักษาสันติภาพหลักประเทศหนึ่ง และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับภารกิจรักษาสันติภาพของยูเอ็นด้วย ปธน. สี จิ้นผิงกล่าว

ผู้นำจีนกล่าวอีกว่า "ณ เวลานี้ มีกองกำลังรักษาสันติภาพของจีนจำนวน 2,500 กว่านาย ปฏิบัติภารกิจของยูเอ็นใน 8 พื้นที่ คอยดูแลรักษาความปลอดภัย สันติภาพ และการรักษาความสงบระดับท้องถิ่น แม้ว่าจะมีความยากลำบากและอันตรายก็ตาม"

ผู้นำจีนได้ให้สัญญาว่า ไม่ว่าการพัฒนาจะก้าวไปถึงระดับไหนก็ตาม จีนจะไม่มีทางแสวงหาอำนาจการเป็นเจ้าโลกแต่เพียงผู้เดียว (hegemony เหมือนกับสหรัฐ?) หรือมีส่วนร่วมในการขยาย (อิทธิพล) พรรคจะเดินหน้าทำงานเพื่อการพัฒนาทั่วโลกร่วมกัน

ในปี 2020 จีนจะสร้างสังคมที่มั่งคั่งระดับกลางในทุกด้านให้เสร็จสิ้น ในปี 2035 การทำให้ระบอบสังคมนิยมให้ทันสมัย (socialist modernization) จะมีการตระหนักรู้โดยพื้นฐาน และกลางศตวรรษที่ 21 จีนจะพัฒนาเข้าสู่ประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ ซึ่งจะมีความมั่งคั่ง เข้มแข็ง มีความเสมอภาค (democratic) มีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรม มีความสามัคคี และสวยงาม

"สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนจีน และประชาชนทั่วโลกด้วย" ผู้นำจีนกล่าว

นอกจากนี้แล้ว ผู้นำพรรค CPC ยังกล่าวด้วยว่า พรรคจะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก

ด้วยจิตใจที่เปิดกว้างและท่าทีที่โอบอ้อม พรรค CPC จะเคารพประชาชนทุกคนทั่วโลก และจะสร้างการเจรจา แลกเปลี่ยน และความร่วมมือกับประชาชนและพรรคการเมืองต่างๆทั่วโลก ปธน.สีกล่าว

เป็นเวลานานแล้ว ที่พรรค CPC ได้ทำการติดต่อกันตามปรกติกับพรรคการเมืองต่างๆถึง 400 กว่าพรรค และองค์กรทางการเมืองต่างๆจาก 160 กว่าประเทศและภูมิภาค และ "แวดวงเพื่อนๆ" ก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปธน.สี จิ้นผิงกล่าว

การเผชิญหน้ากับอนาคตนั้น พรรค CPC จะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนกับพรรคการเมืองอื่นๆ แบ่งปันประสบการณ์ของตนเองในพรรค และรัฐบาลของประเทศ ทำการติดต่อสื่อสารและเจรจากับอารยธรรมที่แตกต่าง และสนับสนุนความเชื่อถือชิงยุทธศาสตร์กับผู้อื่น ผู้นำจีนกล่าว

ผู้นำจีนกล่าวต่ออีกว่า "พรรค CPC จะทำงานร่วมกับประชาชนทั่วโลกในการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันในอนาคตให้มีความก้าวหน้า และสร้างโลกที่ดีกว่า"

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
02/12/2560
----------
http://news.xinhuanet.com/english/2017-12/01/c_136793833.htm
http://www.chinadaily.com.cn/china/2017-12/01/content_35161658.htm

 

เป็นเรื่อง! “ไมเคิล ฟลินน์” รับสารภาพโกหก FBI เรื่องพบทูตรัสเซีย-อาจซัดทอดถึง “ทรัมป์”
เผยแพร่: 2 ธ.ค. 2560 10:29:00 โดย: MGR Online


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และ พล.ท.ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
เอเอฟพี - ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับสารภาพเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) ว่า “ให้การเท็จ” ต่อสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เรื่องการติดต่อสื่อสารกับรัสเซีย นับเป็นจุดพลิกผันในกระบวนการสอบสวนที่มุ่งพิสูจน์ว่าทีมหาเสียงของ ทรัมป์ สมคบคิดกับมอสโกเพื่อแกว่งผลเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่

ฟลินน์ ซึ่งเป็นนายพลโทเกษียณอายุวัย 58 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดที่ถูกตั้งข้อหา หลังจาก โรเบิร์ต มุลเลอร์ เข้ามารับหน้าที่อัยการพิเศษสืบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว

การที่ ฟลินน์ ยอมรับว่าได้รับคำสั่งตรงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทีมงานเปลี่ยนผ่านของ ทรัมป์ ให้ไปพบและ “หารือแบบลับๆ” กับเอกอัครราชทูตรัสเซีย เซียร์เก คิลส์ยัก เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ทำให้หลายฝ่ายคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าบุคคลใกล้ชิด ทรัมป์ คนไหนอีกบ้างที่จะถูก มุลเลอร์ เพ่งเล็ง

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานโดยปกปิดแหล่งข่าวว่า หนึ่งในคณะเจ้าหน้าที่ “ระดับสูงมาก” ที่แนะนำให้ ฟลินน์ ติดต่อกับทูตรัสเซียก็คือ เจเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขตคนโปรดของทรัมป์

ฟลินน์ ยอมรับผิดข้อหาให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน และยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับ มุลเลอร์ อย่างเต็มที่

ภารกิจของ มุลเลอร์ ซึ่งเริ่มต้นจากการพิสูจน์ทฤษฎีสมคบคิดรัสเซียได้ขยายผลไปสู่เรื่องข้อตกลงทางธุรกิจ รวมถึงการที่ตัว ทรัมป์ เองอาจมีเจตนาขัดขวางกระบวนการสอบสวน

ทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า ฟลินน์ อาจซัดทอดไปถึง “บุคคลอื่น” ด้วย ขณะที่สำนักข่าวเอบีซีนิวส์รายงานว่า ฟลินน์ จะให้การว่า ทรัมป์ เป็นผู้สั่งให้ติดต่อกับรัสเซีย ซึ่งข่าวนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงระนาว

“ผมตระหนักแล้วว่า การกระทำที่ผมได้ยอมรับต่อศาลในวันนี้เป็นเรื่องที่ผิด” ฟลินน์ ระบุในถ้อยแถลง หลังจากเดินทางไปขึ้นศาลที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. “คำรับสารภาพและข้อตกลงร่วมมือกับสำนักงานอัยการพิเศษคือสิ่งที่ผมตัดสินใจ และคิดว่าจะเป็นผลดีที่สุดต่อครอบครัวของผมและประเทศชาติ ผมขอรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ”

ความผิดฐานให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวนมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี แต่เนื่องจาก ฟลินน์ ยอมทำข้อตกลงรับสารภาพ มุลเลอร์ จึงเสนอให้ศาลลดหย่อนโทษเหลือเพียงจำคุก 6 เดือน

ฟลินน์ ยอมรับว่าไม่ได้พูดความจริงกับพนักงานสอบสวนเอฟบีไอเรื่องบทสนทนาระหว่างตนกับ คิลส์ยัก เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2016 ซึ่งมีการพาดพิงถึงมาตรการคว่ำบาตรที่รัฐบาล บารัค โอบามา ลงโทษรัสเซีย

แม้ในขณะนั้น ฟลินน์ จะยังเป็นแค่ที่ปรึกษาทีมหาเสียง และไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเขาคือตัวเก็งที่ ทรัมป์ เตรียมยกตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติให้ หลังจากสาบานตนเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.

ฟลินน์ ได้รับตำแหน่งที่ว่าจริง แต่ทำงานไปได้ไม่กี่สัปดาห์ก็ถูกบีบให้ลาออก หลังสื่อในสหรัฐฯ ออกมาเปิดโปงเรื่องที่เขาเคยติดต่อกับทูตรัสเซีย

เอกสารที่อัยการนำมาเผยแพร่ระบุว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ปีที่แล้ว ฟลินน์ ได้ขอร้องให้ คิลส์ยัก ช่วยแจ้งรัฐบาลรัสเซียให้ชะลอการแก้แค้นสหรัฐฯ เอาไว้ก่อน หลังจากที่ โอบามา สั่งคว่ำบาตรและขับไล่ทูตรัสเซีย 35 คนเพื่อตอบโต้ที่มอสโกแทรกแซงเลือกตั้ง

เอกสารยังระบุชัดเจนว่า ฟลินน์ ทำเช่นนั้นหลังจากที่ได้หารือกับ“เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งในทีมงานเปลี่ยนผ่านของทรัมป์”

รัฐบาล โอบามา ออกอาการงุนงงอย่างชัดเจนที่มอสโกไม่ตอบโต้ และเริ่มตรวจสอบว่า ฟลินน์ หรือทีมงานทรัมป์มีส่วนแทรกแซงเรื่องนี้หรือไม่

ล่าสุด ทำเนียบขาวออกมาระบุว่า คำรับสารภาพของ ฟลินน์ “คล้ายคลึงกับการที่เขาเคยพูดเท็จต่อเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว จนต้องถูกไล่ออก”

“คำรับสารภาพและข้อหาที่คุณ ฟลินน์ เผชิญอยู่ไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นใดทั้งสิ้น” ไท ค็อบบ์ ทนายของทำเนียบขาว ระบุ

https://mgronline.com/around/detail/9600000121704

 

จับตาภูเขาไฟอากุงระเบิดครั้งใหญ่! ภัยพิบัติทางธรรมชาติทำลายล้างอารยธรรม ที่มนุษย์มิอาจหลีกเลี่ยงได้ วันเสาร์ 2 ธันวาคม 2017 1:15 pm

บทความจากวารสารวิทยาศาสตร์โลกและดาวเคราะห์เผยแพร่การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระบุว่า ภูเขาไฟจะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่บ่อยครั้งขึ้นกว่าที่คาด และหากเกิดการระเบิดระดับรุนแรงที่เรียกว่า Super Eruption อาจถึงขั้นทำลายอารยธรรมมนุษย์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อ 25,000 ปีที่แล้ว



ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของโลก อยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Yellowstone ในสหรัฐอเมริกา ภูเขาไฟในเมืองเทาโป ประเทศนิวซีแลนด์ ภูเขาไฟไอระ ที่ประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟโทบา ที่อินโดนีเซีย หรือกระทั่งภูเขาอากุงในบาหลี ของอินโดนีเซียเช่นกัน ที่เคยระเบิดครั้งใหญ่มาแล้ว ล้วนแต่ทำให้อุณภูมิของโลกลดลง ท้องฟ้ามืดลง ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของพืช เถ้าถ่านจากการระเบิดของภูเขาไฟลอยเข้าไปในชั้นบรรยากาศอย่างน้อย 1 ล้านล้านตัน ผลกระทบรุนแรงเทียบเท่าอุตกาบาตเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 2 กิโลเมตรพุ่งเข้าชนโลก




การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ที่เผยแพร่ออกไปนั้น นอกจากจะเป็นการเตือนว่าการระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้น เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภูเขาไฟจึงเป็นภัยคุกคามต่ออารยธรรมมนุษย์มากกว่าที่คาดคิด ติดตามรายละเอียดได้จากรายงานพิเศษ

http://www.springnews.co.th/th/2017/12/152176/