ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเทิง: อุ๊บส์! F-22 Raptor สุดยอดเครื่องบินรบล่องหนของสหรัฐในเกาหลีใต้ที่ส่งไปขู่คิมน้อยบินไม่ขึ้นเนื่องจากล้อมีปัญหา (วันแรกก็จะโดนซะแล้ว ต๊ายแล้ว ต๊ายแล้ว อะไรกันหว่า เอิ๊กๆ)

    FB_IMG_1512459361099.jpg FB_IMG_1512459366914.jpg FB_IMG_1512459370059.jpg

    --------------

    1.) ไปเที่ยวเกาหลีใต้บ้างนะครับ วันที่ 4 ธ.ค. 60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "บินรบล่องหน F-22 Raptor ประสบปัญหาบางอย่างระหว่างเกมสงครามในคราบสมุทรเกาหลี" (F-22 Raptor Struggles During Korean Peninsula War Games)

    [สื่อรัสเซียนำข่าวนี้มาจาก Yonhap News ของเกาหลีใต้นะครับ ไม่ใช่การเขียนข่าวใส่ร้ายพระเอกหนังฮอลลีวูดสหรัฐนะ หลีใต้แฉเอง รัสเซียแค่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้โลกได้รับรู้เท่านั้นเอง - ผู้แปล]

    สื่อรัสเซียเขียนชมเชยว่า "ในขณะที่เครื่องบินรบ F-35 Joint Strike Fighter ของสหรัฐ ซึ่งตามปรกติแล้วมันจะมีการพาดหัวข่าวว่าเครื่องยนต์เกิดไฟไหม้ และประสบปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ (ซ้ำซาก) คราวนี้ มันก็มาถึงคราวของเจ้า F-22 Raptor ของสหรัฐบ้าง ซึ่งต้องเจอกับความล้มเหลวในการปฏิบัติภารกิจที่น่าอับอาย ระหว่างการซ้อมรบทางทหารในคาบสมุทรเกาหลี ตามที่มีการรายงานจากสถานที่เกิดเหตุ"

    รายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากแลนดิ้งในเวลา 8.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่่งหางจากกรุงโซลประมาณ 170 ไมล์ (ราว 273 กิโลเมตร) เครื่องบินรบ F-22 Raptor เจ้าปัญหาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนออกจากรันเวย์ได้ เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กล่าวกับนิตยสาร Stars and Stripes ของสหรัฐ

    การฝึกผสมระหว่าง ทอ.สหรัฐและ ทอ. เกาหลีใต้ ในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ยุทธการ "Vigilant ACE" มีเครื่องบินรบและอากาศยานอื่นๆ เช่น F-22, F-35, F-15, F-16, B-1B Lancer, EA-18G Growler และ F-5 รวมทั้งสิ้น 230 กว่าลำและบุคคลากรประมาณ 12,000 นายเข้าร่วมด้วย การซ้อมรบได้มีกำหนดการก่อนที่จะมีการทดลองขีปนาวุธ Hwasong-15 ของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้

    กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันจันทร์นี้ว่า การฝึกผสมของกองทัพอากาศสหรัฐและเกาหลีใต้มีลักษณะการป้องกันตนเอง ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการประณามของเกาหลีเหนือเกี่ยวกับการซ้อมรบใหญ่ในครั้งนี้ เกาหลีใต้แหลว่านี่เป็นการฝึกประจำปีตามปรกติ ส่วนกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า มันไม่ใช่การฝึกตามปรกติ เป็นการฝึกรอบพิเศษที่อยู่นอกเหนือกำหนดการฝึกประจำปีของทุกปี (การฝึกนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 5 วัน 4-8 ธันวาคม 2560)

    2.) สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมว่า "กองทัพสหรัฐและกองทัพเกาหลีใต้พวกหุ่นเชิดกำลังประเมินว่าการฝึกตามที่ได้วางแผนเอาไว้จะเป็นการฝึกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี สำหรับระเบิดวัตถุหลักกว่า 700 แห่งของเกาหลีเหนือซึ่งรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างเกี่ยวกับนิวเคลียร์และฐานทัพขีปนาวุธด้วย ซึ่งจะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการกดดันที่รุนแรงที่สุดต่อฝ่ายเหนือ และจะเป็นการโจมตีอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งรวทั้งการจัดทัพเครื่องบินรบที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเรียกว่า the king of air battle"

    "ประเด็นก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่าการฝึกครั้งนี้เป็นการจำลองการทำสงครามจริง ซึ่งจะฉากขึ้นในยุคสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เสียสติและกำลังวิ่งหัวหมุนอยู่ในขณะนี้ โดยอ้างว่าการยิงทดลอง ICBM ของ DPRK เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะให้อภัยได้ และตลบตะแลงว่าเขาจะทำบางอย่างเพื่อตอบโต้ แต่ก็ถึงกับอึ้ง เมื่อได้รับรู้ความจริงของเกาหลีเหนือเกี่ยวกับความสำเร็จในการสร้างกองทัพนิวเคลียร์ของประเทศและการจะก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านขีปนาวุธครั้งประวัติศาสตร์ด้วย" KCNA รายงาน

    แถลงการณ์จากคณะกรรมการรวมชาติโดยสันติแห่งเกาหลีเหนือ (CPRC) กล่าวอีกว่า "การประกาศซ้อมรบที่จัดขึ้นนั้นเป็นเพียงการยั่วยุทางทหารครั้งใหญ่ ซึ่งจะผลักดันให้สถานการณ์ที่ล่อแหลมอยู่แล้วในคาบสมุทรเกาหลีไปอยู่ที่ขอบสงครามนิวเคลียร์"

    3.) ความเคลื่อนไหวจากจีน... เมื่อสหรัฐและเกาหลีใต้จัดซ้อมรบครั้งใหญ่หน้าบ้านจีนแม้จะอ้างเพื่อเป็นการส่งสารไปถึงกรุงเปียงยาง จีนก็คงจะไม่ยืนดูเฉยๆ แน่ วันที่ 4 ธันวาคม 2560 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "จีนส่งข้อความถึงสหรัฐและเกาหลีใต้ ด้วยการจัดซ้อมรบทางอากาศรอบใหม่" (China Sends Message to US, South Korea With New Air Force Drills)

    กองทัพอากาศจีนได้จัดซ้อมรบด้วยอากาศยานหลายลำในเส้นทางและพื้นที่ที่ไม่เคยจัดมาก่อน Shen Jinke โฆษกกองทัพอากาศของจีน (PLAAF) กล่าว South China Morning Post รายงาน

    ส่วนสำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนรายงานว่า การซ้อมรบเกิดขึ้นในทะเลเหลือง (Yellow Sea) และทะเลจีนตะวันออก (East China Sea) โดยจะมีบหน่วยขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ เครื่องบินรบ และอากาศยานระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า (เรดาร์ลอยฟ้า) เข้าร่วมด้วย กรุงปักกิ่งจัดซ้อมรบเพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์ของจีนในภูมิภาค โฆษกกล่าว

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    05/12/2560
    ----------
    https://sputniknews.com/asia/201712041059692468-f-22-raptor-struggles-war-games/
    http://app.yonhapnews.co.kr/YNA/Bas...aspx?lang=EN&contents_id=PYH20171204174400341
    https://www.stripes.com/news/pacifi...uring-joint-war-games-in-south-korea-1.500733
    http://uriminzokkiri.com/index.php?lang=eng&ftype=document&no=7714
    http://edition.cnn.com/2017/12/03/asia/north-korean-us-tensions-wargames-intl/index.html
    http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20171204003400315
    http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20171204004400315
    http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20171204003451315
    https://sputniknews.com/military/201712041059693432-china-sends-message-air-drills/
    http://news.xinhuanet.com/english/2017-12/04/c_136800352.htm
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “อุเทน” ถามกรมธุรกิจพลังงานใช้อะไรคิด ชงเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 เท่ากับบีบให้ต้องใช้ของแพงกว่า เผยแพร่: 5 ธ.ค. 2560 11:32:00 ปรับปรุง: 5 ธ.ค. 2560 12:21:00 โดย: MGR Online
    560000012714101.jpg

    นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย (แฟ้มภาพ)
    หัวหน้าพรรคคนไทย สวดกรมธุรกิจพลังงานใช้อะไรคิดชงเลิก “โซฮอล์ 91” ชี้อ้างยอดใช้ลดแค่ไม่ถึง 1% มุมมองแคบ-หวังเอื้อนายทุน สับหลักคิดไม่เหมาะเป็นอธิบดีกรมฯ ระบุเลิก 91 เท่ากับบีบให้ประชาชนต้องใช้ของแพงกว่า โดยเฉพาะรถเก่าที่ใช้ E-20 ไม่ได้

    วันนี้ (5 ธ.ค.) นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่กรมธุรกิจพลังงานเตรียมเสนอ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ พิจารณาแนวทางการยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ว่าอยากถามกลับว่าใช้หลักคิดอะไรเป็นตัวตั้งที่จะต้องมีการยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 เนื่องจากสิ่งที่นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน อ้างว่าประชาชนนิยมใช้แก๊สโซฮอล์ 95 มากกว่า 91 ด้วยตัวเลขการใช้ที่ต่ำลงเพียง 0.9% นั้น ไม่ได้เกี่ยวกับรสนิยมความชื่นชอบ หากแต่รถยนต์รุ่นเก่าที่ใช้ออกเทน 91 นั้นเสื่อมสภาพและปลดระวางการใช้งานไปมากกว่า แต่การจะนำตัวเลขที่ไม่ถึง 1% มาอ้างเพื่อยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ก็คงไม่เป็นธรรมต่อประชาชนและผู้บริโภค ด้วยปัจจุบันแก๊สโซฮอล์ 91 กับแก๊สโซฮอล์ 95 ยังมีส่วนต่างราคาอยู่ที่ 20-30 สตางค์/ลิตร ส่วนต่างแม้จะดูน้อยนิด แต่ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ประชาชนจะเลือกบริโภคน้ำมัน กระทรวงพลังงานไม่ควรมาคิดแทนว่า ส่วนต่างราคาอยู่ที่ 20-30 สตางค์ก็ถือเป็นเงิน การจะยกเลิกน้ำมันตัวหนึ่งเพื่อบังคับให้ประชาชนไปใช้น้ำมันชนิดที่แพงกว่า ถามว่าได้คิดถึงผู้ที่ใช้รถเก่าซึ่งไม่สามารถใช้น้ำมัน E-20 ได้บ้างหรือไม่ ถือเป็นการบีบบังคับให้ต้องไปใช้แก๊สโซฮอล์ 95 ที่แพงกว่าอย่างนั้นหรือ หลักคิดที่คับแคบเช่นนี้เป็นการเอื้อนายทุนและผู้ประกอบการมากกว่าจะคำนึงถึงผู้บริโภคและประชาชน


    นายอุเทนกล่าวต่อว่า อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ยังระบุด้วยว่า การยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้น้ำมัน E-20 มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีรถรุ่นใหม่ที่ใช้ E-20 ได้เป็นจำนวนมาก แต่กลับพบว่ายอดใช้น้ำมัน E-20 ยังไม่มากเท่าที่ควร ตรงนี้ทางกรมฯ ต้องกลับไปพิจารณาว่า เหตุใดผู้บริโภคจึงเลือกใช้แก๊สโซฮอล์ 91 หรือ 95 มากกว่า E-20 ที่มีราคาถูกกว่า เป็นเรื่องของคุณภาพและราคาที่ยังจูงใจพอหรือไม่ อีกทั้งหากยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 แล้วก็ใช่ว่าคนจะหันไปใช้ E-20 เนื่องจากยังมีผู้ใช้รถจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้น้ำมัน E-20 อย่างที่ทางกรมฯ ต้องการได้ อีกทั้งทางกรมฯ ก็ระบุเองว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ก็ยังมีราคาที่ใกล้เคียงกันอยู่ ตรงก็สะท้อนให้เห็นถึงหลักคิดที่ไม่รอบด้านของหน่วยงานภาครัฐและตัวอธิบดีเอง

    “หลักคิดของคุณวิฑูรย์มาจากมุมมองแคบๆ เพียงด้านเดียว ไม่น่าจะใช่หลักคิดของผู้บริหารระดับกระทรวง เป็นได้เต็มที่ก็แค่หัวหน้าแผนก ที่นำตัวเลขส่วนเดียวมาพิจารณาภาพรวมทั้งหมด การใช้บุคลากรเช่นนี้จึงทำให้การทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบปัญหามาโดยตลอด เพราะเรื่องยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 นั้นไม่จำเป็นต้องวางเป็นนโยบายด้วยซ้ำ เนื่องจากนับวันรถที่อายุการใช้งานมากๆ ก็จะถูกปลดระวางมากขึ้น เมื่อไม่มีรถเหล่านี้ การใช้แก๊สโซฮอล์ก็จะหมดไปเอง ทำไมถึงไม่รอให้การยกเลิกจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องไปคิดแทนหรือบีบบังคับประชาชนเช่นนี้” นายอุเทนกล่าว

    https://mgronline.com/politics/detail/9600000122595
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลูกชายทั้งห้าของอดีตประธานาธิบดีเยเมน อะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ ได้ถูกทางการเยเมนบุกเข้าจับกุมตัวแล้ว
    e24cfae7f84287c076a251ad29dd373a_XL.jpg

    สำนักข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวสยามพับลิค รายงานว่า เมื่อหลายนาทีที่ผ่านมา กองกำลังความมั่นคงแห่งชาติของเยเมนได้ปฏิบัติการณ์จับกุมตัวลูกชายทั้ง 5 คน ของอดีตประธานาธิบดีเยเมน อะลีอับดุลเลาะห์ ซอลิห์ คือ คอลิด,ซอละห์,ซัคร์,มะดีน และรีดาน ในกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน


    ขณะที่ ลูกชายอีกคนของเขา คือ อะห์หมัดได้หลบหนีออกจากกรุงซานาไปยังเมืองมะอาริบก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อหลายวันที่ผ่านมา


    ซึ่งก่อนหน้าที่ เมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา สถานที่พักพิงของอะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ ก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นจนพังเป็นราบเป็นหน้ากลอง และฮะซัน อัลฮุมัยดี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านหลังดังกล่าวก็เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้ด้วย


    อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวยังได้เปิดเผยกับสำนักข่าวสยามพับลิคอีกว่า อะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ อดีตประธานาธิบดีเยเมน ด้วยกับความร่วมมือกับกองกำลังของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะถูกนำตัวส่งไปยังจังหวัดมะอาริบ และหลังจากนั้นก็ส่งตัวไปยังซาอุดิอาระเบีย และเขาจะเป็นแกนนำในซาอุดิอาระเบียในการปฏิบัติการณ์ต่อต้านกับกองกำลังของกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ของพวกฮูซีย์และประชาชนเผ่าพันธ์ต่างๆของเยเมนอีกด้วย


    http://siampublic.com/world/3904/five-son-former-president-yemen-arrest
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา การเลือกทำเลที่ตั้งคือปฐมบทของความผิดพลาด

    ถ่านหินจะสะอาดหรือสกปรก เทคโนโลยีจะดีเลิศแล้วผลกระทบจะมากน้อย อันนั้นยังต้องถกเถียงกันไป แต่ที่ประจักษ์ด้วยสายตาคือ การกำหนดที่ตั้งนั้นผิดพลาด เลือกที่ตั้งแบบนั่งห้องแอร์วาดกันในแผนที่ ลากๆให้ได้ 3,000 ไร่ ทั้งๆที่ความจริง ที่นี่มีคนอยู่อาศัยเต็มพื้นที่อยู่แล้ว

    ในพื้นที่ 3,000 ไร่ของโรงไฟฟ้า มีบ้านคนกว่า 180 หลัง มีสวนมีไร่มีนา มีเรือประมง มีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่เก่าแก่ของเทพาด้วย ทั้งหมดนี้ต้องย้ายออกไป

    ส่วนข้างรั้วโดยเฉพาะฝั่งซ้ายมือตามรูป มีชุมชนใหญ่หนาแน่นที่มีคนร่วมสี่พันอาศัยอยู่ เขาเหล่านี้จะต้องปรับตัวปรับจมูกอย่างมโหฬาร ใครอยู่ไม่ได้ก็ต้งดิ้นรนทยอยย้ายออกไปเองเช่นที่มาบตาพุด

    คนที่เดินเทใจให้เทพาไปหานายก เกือบทั้งหมดมีบ้านในละแวกที่ว่านี้ ส่วนอีกกลุ่มที่ไปยื่นหนังสือขอโรงไฟฟ้าและแถมระบุว่าเพื่อการพัฒนายินดีย้ายออกนั้น ไม่ได้อยู่ในบริเวณที่จะถูกย้ายออกไปสักคน

    ถ้าเขาไม่ยอมย้ายออก ไม่ยอมรับเงินชดเชย รัฐบาลจะเอาทหารเข้าคุมพื้นที่หรือ เอารถหุ้มเกราะคุ้มกันเครื่องจักรเพื่อรี้อบ้านรื้อสวนชาวบ้านหรือ ซื้อหากจะทำจริง ก็ต้องรีบทำในยุค คสช.นี่แหละ

    สมัยสร้างท่อก๊าซจะนะ ชาวบ้านชื่อวอเนาะเป็นแม่เฒ่าไม่ยอมขายที่ให้ โครงการก็ไม่ยอมสร้างท่ออ้อมไปทางอื่น ตอนนั้นตำรวจทหารลงมาเต็มพื้นที่ อำนาจมากมายมากดดัน เครื่องจักรใหญ่ลงมาขุดวางท่อลอดใต้ดินผ่านบ้านผ่านสวนของแม่เฒ่า และเมื่อวางท่อเสร็จ คนทำโครงการชดเชยค่ารอนสิทธิ์เอาเงินมาวางให้หลายแสน แม่เฒ่าวอเนาะไม่รับ ปัจจุบันเงินยังฝากอยู่ในศาล เพราะแกไม่รับจริงๆ แกยอมที่จะอดหรือยอมตายไปอย่างมีศักดิ์ศรีและไม่รับเงินบาปนั้นแม้แต่บาทเดียว

    ความรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอนที่เทพา แต่ไม่ใช่กับวอเนาะเจ้าเดียว แต่ที่นี่จะรื้อย้ายชุมชนบางหลิงทั้งชุมชน !!!
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Stapnavatr Vajira

    ผมเห็นด้วยพอสมควรเลยครับ กับบทความนี้ และสังคมญี่ปุ่นยังคงแย่ลง แม้ว่าธุรกิจอาจพลิกฟื้นขึ้นมาได้เป็นพักๆ ก็ตามที
    ...
    ญี่ปุ่น สังคมที่กลืนกินตัวเองโดย ปิยมิตร ปัญญา piyamitara@gmail.com
    ...
    ในแวดวงวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์มีคำศัพท์ใหม่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งตามพลังพลวัตทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยหยุดนิ่งทั่วโลก ในยามที่ประเทศครึ่งหนึ่งของโลกเกิดปัญหาเศรษฐกิจระดับวิกฤต ศัพท์คำหนึ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามศึกษาทำความเข้าใจ ไม่ใช่ด้วยความคาดหวัง ไม่ใช่ด้วยอารมณ์คึกคัก ทะเยอทะยาน แต่เปี่ยมด้วยความหวั่นกลัว หวาดผวาว่าสภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับสังคมของตนเอง

    "แจแปนิฟิเคชั่น-Japanification"เป็นอย่างญี่ปุ่น? ฟังดูเรียบง่าย ไม่มีพิษภัย ทำไมต้องหลีกหนี ทำไมต้องไม่เป็นอย่างที่ญี่ปุ่นกำลังเป็นอยู่ในเวลานี้?

    ญี่ปุ่น คือตัวอย่างของประเทศหนึ่งซึ่งเกิดการพลิกผันของชะตากรรมเชิงเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและยาวนานชนิดที่น้อยประเทศนักจะพบพานในประวัติศาสตร์โลกร่วมสมัยครั้งหนึ่ง ญี่ปุ่น คือตัวอย่างของ "ความสำเร็จแห่งเอเชีย" ผู้คนจากดินแดนแห่งอาทิตย์ยามอุทัยแห่งนี้มีวิถีและรูปแบบของการใช้ชีวิตเป็นที่อิจฉา ริษยาของผู้คนทั่วโลก

    ทศวรรษ 1980 คือทศวรรษที่ญี่ปุ่นกลายเป็นชาติแรกจากเอเชียที่มีศักยภาพเกินพอต่อการท้าทายการครอบงำทั้งโลกที่อยู่ในกำมือของชาติตะวันตกมายาวนาน

    แม้กระทั่งในปี 1991 นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังพากันคาดการณ์ว่า ภายในทศวรรษแรกของศตวรรษใหม่ นั่นคือในปี 2010 ญี่ปุ่นจะผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกแทนที่สหรัฐอเมริกา นักธุรกิจญี่ปุ่นยืดอกอย่างทะนงรับรู้นิยามที่ผู้คนในแวดวงเดียวกันจากทั่วโลกพาดพิงถึงว่า ยะโส โอหัง

    คำว่า "สัตว์เศรษฐกิจ" ไม่เพียงปรากฏอย่างดกดื่นแฝงนัยประชดประเทียดเท่านั้น ยังซุกงำความยกย่อง ชมเชย และประหลาดใจไว้ในตัวอีกด้วย

    ในความเป็นจริง ญี่ปุ่นในปีนี้ ไม่เพียงมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงอย่างยิ่งกับเมื่อ 10 หรือ 20 ปีก่อนเท่านั้น สัตว์เศรษฐกิจตัวนี้ยังสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไปโดยสมบูรณ์แบบอีกด้วย

    ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของญี่ปุ่นในปี 2010 มีมูลค่า ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ที่ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่จีดีพีของสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงเวลาเดียวกันเป็น 14.7 ล้านล้านดอลลาร์

    เดือนสิงหาคมปีนี้ ญี่ปุ่นไม่เพียงหยุดนิ่งอยู่กับที่ ยังถูก จีน แซงหน้าขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2 แทน

    สังคมญี่ปุ่นเต็มไปด้วยปัญหา การเมืองในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาตกอยู่ในสภาวะ "อัมพาต" ในห้วงเวลาดังกล่าวนี้ ญี่ปุ่นมีนายกรัฐมนตรีรวมทั้งสิ้น 14 คน ไม่มีผู้ใดสามารถแม้เพียงแค่ "จุดประกาย" ให้ความหวังและแรงบันดาลใจกับสังคมญี่ปุ่นได้

    บริษัทธุรกิจในญี่ปุ่น เรื่อยไปจนถึงปัจเจกบุคคล สูญเสียคิดเป็นมูลค่านับล้านล้านดอลลาร์ในตลาดหุ้น ที่ตอนนี้มีมูลค่ารวมเหลือเพียงแค่ 1 ใน 4 ของที่เคยมีเมื่อปี 1989

    ราคาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเคยเบ่งบานสุดขีด ชนิดที่มีการตีมูลค่าพระราชวังอิมพีเรียลไว้สูงถึงขนาดซื้อรัฐแคลิฟอร์เนียได้ทั้งรัฐ หลงเหลือเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ของระดับราคาที่เคยทะยานขึ้นไปสูงสุดเมื่อปี 1974 และในความเป็นจริง ราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่เคยขยับขึ้นอีกเลย นับตั้งแต่ปี 1983 เป็นต้นมา
    ...
    รัฐบาลญี่ปุ่นทำได้เพียงแค่การกระตุ้นกระตุ้นและกระตุ้นเศรษฐกิจ หว่านและอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบครั้งแล้วครั้งเล่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแทบเป็น 0 เปอร์เซ็นต์มานานปีดีดัก ผลลัพธ์ที่ได้คือ ญี่ปุ่น กลายเป็นประเทศที่มีหนี้ภาครัฐสูงที่สุดในโลก

    สูงถึง 200 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี!

    สังคมเล่า? ประชากรญี่ปุ่นหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในโลก ระดับ "คนยากจน" เพิ่มขึ้นตามอัตราว่างงาน เช่นเดียวกับอัตราการฆ่าตัวตาย

    โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมในญี่ปุ่นมากกว่า 30,000 คนต่อปี มากถึงขนาดตามเส้นทางรถไฟในกรุงโตเกียว จำเป็นต้องติดไฟสีน้ำเงินนวลตาเอาไว้เรียงรายตลอดแนวราง

    โดยหวังว่ามันจะช่วยปลอบประโลม หรือเปลี่ยนการตัดสินใจใครก็ตามที่มาที่นี่เพื่อปลิดชีวิตตัวเอง

    *****

    สังคมญี่ปุ่นชราลงอย่างรวดเร็วเป็นสังคมที่ "ชราภาพ" มากที่สุดในโลก ในข้อเท็จจริงเรื่องนี้มีอีกข้อเท็จจริงซุกงำอยู่อย่างชวนตกตะลึง

    "โซเง็น คาโตะ" มีชื่ออยู่ในบันทึกของเทศบาลนครโตเกียวว่าเป็นชายที่มีอายุยืนที่สุดในเขตเมืองหลวงของประเทศแห่งนี้ นับถึงตอนนี้ เขา "ควร" อายุ 111 ปี เจ้าหน้าที่พบเขาอยู่ในสภาพแห้งกรัง มวลเนื้อของร่างกายสูญสลายเหลืองเพียงหนังหดแนบแนวกระดูก อยู่บนเตียงนอน มองปราดแรกชวนให้เข้าใจว่าเป็นมัมมี่

    บุตรีวัย 81 บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า โซเง็น ทะเลาะกับหลานๆ แล้วก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องนอน ไม่ยอมออกมาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น

    นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากว่า เหตุการณ์ตามคำบอกเล่าไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน! ลูกๆ หลานๆ ทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานานนักหนานั้น?

    คำตอบคือ ครอบครัวคาโตะ เก็บงำเรื่องทั้งหมดไว้ เพียงเพื่อให้ได้รับบำนาญและเงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับผู้สูงอายุเกิน 100 ปีของทางการได้ต่อไป

    นั่นยังไม่ชวนให้ช็อคเท่ากับอีกกรณีของสุภาพสตรีชาวญี่ปุ่นอีกราย เธอ "ควร" มีอายุ 104 ปี ในปีนี้ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบพบเพียงแค่ "กะโหลก" ของเธอ เก็บไว้เป็นอย่างดีในเป้สะพายหลัง ที่บุตรชายอายุ 64 ปี เป็นเจ้าของ

    คำให้การของผู้ลูกสูงวัยก็คือ เมื่อมารดาเสียชีวิต เขาชำระศพอย่างดี จากนั้นชำแหละอย่างระมัดระวังเป็นชิ้นๆ สตัฟฟ์เก็บไว้ในเป้ใบนี้ เหตุผลง่ายๆ สั้นๆ ที่เขาให้กับเจ้าหน้าที่ก็คือ

    "ผมไม่มีเงินค่าจัดการศพ"!

    เหตุการณ์น่าแตกตื่นทำให้รัฐบาลไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องสั่งตรวจสอบ ส่งเจ้าหน้าที่ไป "พบหน้า" ผู้สูงอายุที่อายุยืนกว่า 100 ปีทุกคนทั่วประเทศ ยิ่งค้น ยิ่งพบ ยิ่งหายิ่งชวนแตกตื่นตกใจ

    รวมทั้งหมดทั่วประเทศ รัฐบาลญี่ปุ่นพบว่า มีผู้ที่สูงวัยเกิน 100 ปี มากกว่า 234,000 คนที่อยู่ในทะเบียนผู้สูงวัยพิเศษที่ควรได้รับเงินสนับสนุนพิเศษจากรัฐ ไม่มีตัวตนอยู่จริง

    หากไม่พบเป็นศพ ก็พบว่าหายตัวไปและควรถูกระบุว่า เสียชีวิตแล้ว เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว
    *****

    ความเป็นจริงของเหตุการณ์น่าตระหนกแต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นกับสังคมญี่ปุ่น?

    เหตุผลประการแรกที่ทำให้คนตายกลายเป็น "แหล่งรายได้" ของคนเป็น ก็คือ "ไม่รู้" พวกเขาอยู่ห่างกันไกลเกินไปเพราะความจำเป็นในการทำมาหาเลี้ยงชีพ จนจำเป็นต้องทิ้งผู้เฒ่าผู้แก่ไว้เพียงลำพังในอีกเมืองหนึ่ง อีกอำเภอหนึ่ง

    เหตุผลประการถัดมาก็คือ "หายไป" มีบ้างที่ไร้ร่องรอยให้เสาะหา มีบ้างที่ลูกๆ หลานๆ ไม่ต้องการเสาะหา

    แต่เหตุผลประการสำคัญที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดไม่รายงานการหายตัวไป หรือการเสียชีวิตของผู้เฒ่าในครอบครัวก็คือ "เงิน"

    เงินเพียงไม่กี่พันบาท ที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อคนเป็นมากกว่าจะคำนึงถึงประเพณีและวัฒนธรรมความเหนียวแน่นในครอบครัวและการเคารพผู้อาวุโสอีกต่อไปแล้ว

    "ความยากจน"ที่ว่านี้เป็นเพียง "อาการ" หนึ่งที่สะท้อนถึง 2 ทศวรรษแห่งความว่างเปล่าทางเศรษฐกิจและสังคมของญี่ปุ่น อากิระ เนโมโตะ เจ้าหน้าที่ประจำแผนกดูแลผู้สูงวัยของเขตอาดาชิ ในกรุงโตเกียว สะท้อนอีกอาการหนึ่งออกมา

    "ไม่มีใครสนใจเพื่อนบ้านกันอีกต่อไป" เขาบอก ไม่แม้แต่บ้านที่รั้วติดกันหรืออพาร์ตเมนต์ที่ช่องประตูห่างกันเพียงไม่กี่เมตร

    ยิ่งนับวันคนญี่ปุ่นยิ่งหดตัวเองแคบลง แคบลงเรื่อยๆ เหลือเพียงรัศมีโดยรอบตัวเองไม่กี่ตารางเมตร เริ่มจากผู้สูงอายุ แล้วลุกลามต่อไปยังลูกๆ หลานๆ ทั้งหมดพยายามอยู่ได้ด้วยตัวเอง ใช้จ่ายให้น้อยที่สุด เพื่อดำรงตนให้อยู่ได้นานที่สุด

    ทำอย่างไร เงินบำเหน็จบำนาญของตัวเอง หรือของผู้เป็นพ่อ-แม่ ที่ได้รับในแต่ละเดือนจึงจะสามารถยังชีพต่อไปได้

    "ทุกคนคิดถึงแต่เงิน เงินที่ไม่มากมายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว" เนโมโตะ บอกอย่างนั้น

    มันเริ่มต้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคงและแน่วแน่อย่างยิ่ง เริ่มจากซัพพลายเออร์ในอาดาชิ หดหายไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ล้มละลายก็โยกย้ายไปยังจีนพร้อมๆ กับบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ถัดมาร้านรวงในย่านนั้นก็เริ่มปิดตัวลง สุดท้ายแหล่งพบปะของชุมชนคนย่านเดียวกันที่มีอยู่แห่งเดียวก็ร้างราตามไปด้วย

    หลังจากนั้น อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นอุตสาหกรรมแล้วอุตสาหกรรมเล่า ยกธงขาวยอมแพ้ให้กับคู่แข่งกระหายชัยชนะและส่วนแบ่งการตลาดจากเกาหลีและจีน

    ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอนาคต คือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของผู้คนในญี่ปุ่น

    ความเชื่อมั่น ทะยานอยาก หดหายไปตามกาลเวลาที่ผ่านไป

    *****

    เมื่อมาตรฐานการครองชีพลดน้อยถอยลง ประเทศชาติที่เคยมั่งคั่งและยังมั่งคั่งอยู่ในบางแง่มุมในเวลานี้ ก็เริ่มเสื่อมทรุด ค่านิยมใหม่เริ่มชัดเจนมากขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว "ความมัธยัสถ์" กลายเป็นเรื่องที่ต้องทำ "ความเสี่ยง" อย่างองอาจและกล้าหาญ คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

    คนรุ่นใหม่ เจเนอเรชั่นใหม่ ในวัยยี่สิบ คิดเห็นเช่นนี้ เพราะในชีวิตของพวกเขาไม่เคยพานพบอหังการของญี่ปุ่น ไม่เคยลิ้มลองความรุ่งโรจน์ของอาทิตย์ยามอุทัย พวกเขารับรู้และมีประสบการณ์อยู่แต่กับภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ และภาวะเงินฝืด หาได้ยากเย็นอย่างยิ่ง

    ไม่แปลกที่พวกเขาปฏิเสธที่จะซื้อรถยนต์หรือโทรทัศน์ ไม่แปลกที่มีน้อยมากที่ตัดสินใจไปศึกษาต่อในต่างแดนชนิดไปตายดาบหน้า

    ชาติที่เคยเปี่ยมด้วยพลวัตท้าทายทุกอุปสรรค กลายเป็นสังคมที่คับแคบ วัฒนธรรมที่คับแคบอย่างน่าสะพรึงกลัว

    ภาวะเงินเฟ้อ มีอันตรายอยู่ในตัวเอง แต่ภาวะเงินฝืด ก็เปี่ยมอันตรายอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน เพราะมันทำให้ปัจเจกและบริษัทธุรกิจไม่อยากจับจ่าย เพราะราคาของทุกอย่างถูกลงจนสิ่งที่เพิ่มค่าขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงอย่างเดียวคือ "เงินสด" การถือเงินสดๆ ไว้ในมือคือการลดความเสี่ยงทุกอย่างลงจนหมด

    ถ้าภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยาม ผลสะเทือนจะไม่ลึกซึ้งอย่างในญี่ปุ่น ที่ซึ่งภาวะเงินฝืดจำหลักจนกลายเป็นจิตใต้สำนึก โลกที่ชาวญี่ปุ่นเห็นเป็นโลกในแง่ร้ายที่หดหู่ น่าหวาดหวั่น ไร้ความหวังจนกลัวที่จะเสี่ยง เกาะกินสัญชาตญาณดั้งเดิมให้ลังเลที่จะควักกระเป๋า หรือ ลงทุน

    แต่ยิ่งกลัว ยิ่งผลักดันให้อุปสงค์ในประเทศลดลงมากยิ่งขึ้น และราคาของทุกอย่างยิ่งหดหายไปมากยิ่งขึ้นไปอีก

    ฮิซากาซุ มัตสึดะ ประธานสถาบันวิจัยการตลาดบริโภคแห่งญี่ปุ่น (เจซีเอ็มอาร์ไอ) เรียกเจเนอเรชั่นใหม่ในวัย 20 เศษเหล่านี้ว่า "คนยุครังเกียจบริโภค" เขาประเมินเอาไว้ว่า เมื่อคนยุคนี้อายุถึง 60 ปี นิสัยมัธยัสถ์ร่วมสมัยของพวกเขาจะส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นต้องสูญเสียมูลค่าการบริโภคไปราว 420,000 ล้านดอลลาร์

    "ในโลกนี้ไม่มีเจเนอเรชั่นที่ไหนเหมือนที่นี่อีกแล้ว" มัตสึดะบอก

    คนพวกนี้คิดว่าการควักกระเป๋าจ่ายคือความโง่เขลาเบาปัญญาไปแล้ว

    *****

    ในทรรศนะของนักเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า "ทุนนิยม" กลืนกินตัวเองได้อย่างไร และผู้นำทางการเมืองของญี่ปุ่นล้มเหลวคนแล้วคนเล่าได้อย่างไร

    "แจแปนิฟิเคชั่น" คือการตกลึกลงไปใน "กับดักภาวะเงินฝืด" ที่เกิดขึ้นเมื่อ อุปสงค์ล่มสลายจากการที่ผู้บริโภคปฏิเสธที่จะใช้จ่าย ส่งผลต่อไปยังบริษัทธุรกิจที่ขยาดกับการลงทุน และบรรดาธนาคารทั้งหลายนั่งอยู่บนกองเงินออมก้อนมหึมา

    มันกลายเป็นวัฏจักรของความเลวร้าย ที่อยู่ได้ด้วยตัวเองและกลืนกินตัวเองไปเรื่อยๆ ยิ่งไม่มีการจับจ่าย ยิ่งกดดันให้ราคาข้าวของลดลงมากขึ้น งานหายไปมากขึ้น เงินในกระเป๋าผู้บริโภคยิ่งลดลงและยิ่งมัธยัสถ์มากยิ่งชึ้น ซึ่งยิ่งทำให้ธุรกิจยิ่งตัดทอนรายจ่ายมากยิ่งขึ้น ชะลอแผนขยายตัวออกไปอีกเรื่อยๆ และดูเหมือนยังไม่มีที่สิ้นสุด

    ผู้นำญี่ปุ่นผิดพลาดตั้งแต่ปฏิเสธความหนักหนาสาหัสของปัญหาที่ประเทศเผชิญในตอนแรกและยิ่งผิดซ้ำซากด้วยการใช้เวลาเนิ่นนานอัดฉีด เม็ดเงินเพื่อการสร้างงานผ่านโครงการใหญ่โตของรัฐ ที่ทำได้ก็เพียงแค่ เลื่อนระยะเวลาของการ "ปรับโครงสร้าง" เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่เจ็บปวดกว่า ยากเย็นกว่า ออกไปเพียงชั่วครั้งชั่วคราว

    จนอาจบางที อาทิตย์อุทัย อาจไม่หลงเหลือให้คาดหวังอีกต่อไปในญี่ปุ่น!
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    IMG_20171205_171444_417.jpg

    เมื่อตอนทุ่มกว่าๆ อดีตประธานาธิบดีเยเมน Ali Abdullah Saleh ที่เป็นพันธมิตรของนักรบนุ่งโสร่ง Houthi ถูกยิงตายแล้ว พวกเขาเป็นพันธมิตรกัน แย่งชิงอำนาจมาจาก ประธานาธิบดี Abdrabbuh Mansour Hadi แต่เมื่อ 3 วันที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งกัน เพราะ Ali Abdullah Saleh จะกลับไปญาติดีกับซาอุดิอาระเบีย จึงไม่เป็นที่สบอารมณ์ของนักรบ Houthi ทาง Houthi ส่งทหารไปยึดสุเหร่า ที่เป็นกองบัญชาการของกองกำลังของ Ali Abdullah Saleh ก็เลยเกิดการสู้รบกันเองอยู่สักครู่ ฝ่าย Houthi ก็สามารถยึดสุเหร่ากองบัญชาการของฝ่าย Ali Abdullah Saleh ได้ และยึดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถอนตัวออกมา ซึ่งจากการรบกันทำให้ทหารของทั้งสองฝ่ายล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะยิงกันในระยะประชิด วันนี้จึงมีการเช็คบิล Ali Abdullah Saleh เรื่องตายนั้นตายแน่นอน แต่ตายด้วยอะไร อันนี้ยังไม่แน่นอน แต่จากภาพกระโหลกศีรษะระเบิดออก ซึ่งสำนักข่าวซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ถูกยิงด้วย Snipper บางสำนักข่าวบอกว่าตายเพราะถูกระเบิด

    เรื่องราวยุ่งๆ ของเยเมนคร่าวๆ เป็นดังนี้ Ali Abdullah Saleh เป็นประธานาธิบดีเยเมนเหนือ ตั้งแต่ปี 1978 หลังจากประธานาธิบดีคนเก่า Al-Ghashmi ถูกลอบสังหาร ก็ฝีมือ Ali Abdullah Saleh นั่นแหละ เขาเป็นประธานาธิบดียาวนาน และเขาสามารถรวมเยเมนเหนือ กับเยเมนใต้ เข้าด้วยกัน จากความช่วยเหลือของสหรัฐ และเขาได้แต่งตั้ง Abdrabbuh Mansour Hadi เป็นรองประธานาธิบดี จนกระทั่งเข้าฤดูกาล อาหรับสปริง เริ่มที่ตูนีเซียในแอฟริกาก่อน แล้วก็ลามเข้ามาในตะวันออกกลาง ซีเรียก็เริ่มสงครามกลางเมืองตอนนั้น เยเมน ทาง Abdrabbuh Mansour Hadi ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีมานานก็อยากจะเป็นประธานาธิบดีบ้าง ก็ปล่อยผู้สนับสนุนออกมาปิดกรุงเทพฯ แบบพวกเสื้อเหลืองของเรา แต่ที่เยเมนปิดกรุง Sanaa เมื่อวุ่นวายมาก ก็เกิดการเจรจา โดยพรรค Houthi เป็นกรรมการ และได้ข้อยุติว่าให้ประธานาธิบดี Ali Abdullah Saleh ลงจากอำนาจก่อน และให้ท่านรองประธานาธิบดี Abdrabbuh Mansour Hadi ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ในช่วงเปลี่ยนผ่าน 2 ปี ตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์ 2012 จนถึงมกราคม 2014 แล้วก็จะจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีกันใหม่ แต่พอได้เป็นประธานาธิบดี ก็ชักติดใจ ถึงกำหนดปี 2014 ก็ไม่ยอมจัดให้มีการเลือกตั้งตามสัญญาสุภาพบุรุษ อ้างแม่น้ำทั้ง 5 สาย ขยายระยะเวลาบนตำแหน่งประธานาธิบดีอีก 1 ปี

    พอครบปี 22 มกราคม 2015 ผู้คุ้มกฎ พรรคการเมืองที่ชื่อว่า Houthi ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทั้ง Ali Abdullah Saleh และ Abdrabbuh Mansour Hadi และเป็นคนกลางในการเจรจาประณีประนอมให้ทั้งสองฝ่ายลดลาวาศอกกัน จนบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ก็ออกมาจัดการ Abdrabbuh Mansour Hadi ที่ไม่เคารพคำพูดตัวเอง โดยนักรบ Houthi ได้เข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดี จับตัว Abdrabbuh Mansour Hadi ไปใส่ไว้ในบ้านของเขา และกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน และส่งมอบอำนาจบริหารประเทศให้กับ Ali Abdullah Saleh

    ราวๆ 1 เดือนเห็นจะได้ Abdrabbuh Mansour Hadi หลบหนีออกจากบ้านที่ถูกกักบริเวณในกรุง Sanaa หนีกลับไปเมือง Aden บ้านเกิด แล้วเข้าไปถึงริยาด ซาอุดิอาระเบีย ขอความช่วยเหลือ จึงเกิดเป็นสงครามระหว่าง ซาอุดิอาระเบีย และพันธมิตรประชาคมอ่าวฯ กับเยเมน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านอย่างเต็มกำลัง เพราะเยเมนอยู่ทางใต้ของซาอุดิอาระเบีย

    Ali Abdullah Saleh เมื่อได้รับอำนาจการบริหารเยเมนไป ส่วน Houthi ก็ดูแลด้านกลาโหม รบกับซาอุดิอาระเบียทุกวัน ทั้งป้องกัน และตอบโต้ แต่ไม่น่าเชื่อ อยู่ๆ Ali Abdullah Saleh กลับจะย้อนกลับไปหาซาอุดิอาระเบีย พูดก็ไม่ฟัง ในที่สุด Ali Abdullah Saleh ก็ต้องตาย เพราะเดิมพันประเทศครั้งนี้ เป็นการปะทะกันของ 2 ขั้วอำนาจ ซาอุดิอาระเบีย VS อิหร่าน หรือสุหนี่วาฮาบี VS ชีอะห์ นั่นเอง
    https://southfront.org/former-yemen...rcse-and-houthis-photos/#sthash.AgsmvBJ3.gbpl
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    IMG_20171205_172153_459.jpg

    เมื่อ 5 ทุ่มกว่า เวลาซีเรีย (ตอนนี้เวลา 11.00 น.) อิสราเอลยิงขีปนาวุธ โจมตีสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ชองซีเรีย ที่ชานกรุงดามัสกัส 6 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงดามัสกัส จำนวน 6 ลูก ระบบป้องกันภัยทางอากาศ SAM S-200 ของซีเรียสามารถยิงทำลายได้ 3 ลูก อีก 3 ลูกไม่สามารถทำลายได้ ยังไม่ทราบความเสียหาย

    https://www.rt.com/news/411937-syria-intercepts-israeli-missiles/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    IMG_20171205_172814_562.jpg

    อิสราเอลแถลง ยิง Ballistic Misilles จำนวน 7 ลูกโจมตีชานกรุงดามัสกัส เมื่อ 5 ทุ่มเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่อิสราเอลก็ถูกโจมตีด้วย Ballistic Misilles จากทะเลทรายซีนาย 2 ลูก เช่นกัน

    https://sputniknews.com/news/201712051059695658-syria-israel-missiles-intercepted-damascus/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ประเดิมกฎหมายใหม่ กระทรวงยุติธรรมรัสเซียสั่งเชือดสื่อต่างชาติ รวมทั้ง VOA และ Radio Free Europe/Radio Liberty กระบอกเสียงของรัฐบาลสหรัฐ

    FB_IMG_1512470802387.jpg

    --------------

    วันที่ 5 ธ.ค. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียขึ้นบัญชีดำสื่อ 9 สำนักให้เป็นตัวแทนต่างชาติ รวมทั้งวอยซ์ออฟอเมริกกา และ เรดิโอลิเบอร์ตี้ด้วย" (Russia lists 9 media outlets as foreign agents, including Voice of America, Radio Liberty)

    สำนักข่าวต่างประเทศ 9 สำนักถูกสั่งให้จดทะเบียนเป็น "ตัวแทนต่างชาติ" (foreign agents หมายถึง มีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐบาลหรือองค์ของต่างประเทศ) โดยกระทรวงยุติธรรมแห่งรัสเซีย เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้ออกมาเมื่อเร็วๆนี้ กฎหมายฉบับนี้เป็นการตอบโต้ต่อการเคลื่อนไหวของสภาคองเกรสแห่งสหรัฐที่มีต่อสำนักข่าว RT America ของรัสเซีย

    ในวันอังคารนี้สำนักข่าว Voice of America และ Radio Free Europe / Radio Liberty ซึ่งรวมทั้ง Radio Azatliq สาขาย่อยท้องถิ่น และสื่ออื่นๆอีก 6 สำนักถูกกำหนดให้เป็น "ตัวแทนต่างชาติ" แล้ว เว็บไซต์กระทรวงยุติธรรมของรัสเซียประกาศ

    รายชื่อของสื่อต่างชาติที่ถูกขึ้นบัญชีดำในครั้งนี้ประกอบด้วย... Kavkaz.Realii, Krym Realii and Sibir Realii websites, the Current Time TV channel – a joint project of Voice of America and Radio Free Europe / Radio Liberty – the Radio Liberty

    บรรดานักข่าวที่ทำงานให้กับสื่อเหล่านี้จะถูกห้ามไม่ให้เข้าไปทำข่าวในรัฐสภาสหพันธรัฐรัสเซีย (Federation Council) ซึ่งเป็นสภาสูงของรัสเซีย แหล่งข่าวจาก RIA Novosti เปิดเผย คาดว่าจะมีการดำเนินการจากการตัดสินใจในครั้งนี้ในสัปดาห์หน้า

    สื่อต่างชาติรายอื่นๆ (ที่อยู่ในรัสเซีย) ยังไม่ถูกกำหนดให้จดทะเบียนเป็นตัวแทนต่างชาติ นาย Andrey Klimov ประธานคณะกรรมาธิการปกป้องอธิปไตยรัสเซียกล่าว

    "ผมคิดว่า จะยังไม่มีการขยายรายชื่อออกไปในตอนนี้ มาตรการต่างๆของเราสอดคล้องอย่างตรงไปตรงมาต่อการข่มเหงสื่อรัสเซียในประเทศสหรัฐ และหากยังไม่มีอะไรใหม่เกิดขึ้นจากฝ่ายนั้น [สหรัฐ] เราก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขยายรายชื่อเพิ่มเติม" Klimov กล่าว

    วุฒิสมาชิกรัสเซียกล่าวว่า "พวกบริษัทโฆษณาชวนเชื่อที่ได้รับการอุดหนุนทางการเงินจากสหรัฐ ซึ่งรวมทั้ง CNN ไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี้ CNN ไม่ใช่บริษัทโฆษณาชวนเชื่อ แต่สื่อบางแห่งใช่ ผมจะไม่เอ่ยชื่อสื่อเหล่านั้นทั้งหมด... และก็จะไม่ให้คำนิยามด้วย"

    [CNN นั่นแหละตัวดีเลย ปธน.ทรัมป์ตราหน้า CNN ว่าเป็นสำนักข่าวลวงโลก (Fake News) มาแล้วหลายครั้ง แต่รัสเซียยังไม่ลงดาบเชือด CNN ในตอนนี้ เหมือนมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ - ผู้แปล]

    "ถ้ากรุงวอชิงตันยังมีสามัญสำนึก และหยุดกดดันสื่อของรัสเซีย ในกรณีนี้เราก็จะคิดทบทวนการตัดสินใจของพวกเราใหม่" Klimov กล่าว โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า กฎหมายเกี่ยวกับองค์กรต่างชาติได้มีการลงนามโดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งกำหนดใช้ ไม่ใช่เฉพาะการเพิ่มรายชื่อสื่อลงในบัญชีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตัดชื่อสื่อออกจากบัญชีดำได้ด้วย

    วันที่ 4 ธ.ค. 60 Sputnik รายงานว่า ประธานาธิบดีปูติน ได้สั่งให้กระทรวงยุติธรรมของรัสเซียดำเนินการขึ้นบัญชีดำสื่อต่างชาติ

    [นี่เป็นเกมเชือดสื่อฝ่ายตรงข้ามระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย "แบบหมัดต่อหลายหมัด" มันเริ่มต้นที่การแกว่งเท้าหาเสี้ยน และแกว่งปากหาเท้า โดยสหรัฐก่อน เริ่มที่ FBI ของสหรัฐไปอายัดสถานกงศุลของรัสเซีย รัสเซียก็อายัดและสั่งปิดสถานกงศุลและคลังสินค้าของสหรัฐหลายแห่งในรัสเซียเพื่อเป็นการตอบโต้

    ต่อมากระทรวงยุติธรรมของสหรัฐสั่งขึ้นบัญชีดำ RT America ของรัสเซียให้เป็น "ตัวแทน/องค์กรรัฐบาลต่างชาติ" โดยให้เหตุผลว่าสื่อรัสเซียรับเงินจากรัฐบาลรัสเซีย และแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐ จากการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐที่สื่ออื่นๆทั่วโลกก็รายงานเช่นกัน

    รัสเซียวิจารณ์ว่าสหรัฐละเมิดเสรีภาพของสื่อ รัฐบาลสหรัฐไม่สน พวกอียู และสมาคมสื่อต่างๆทั่วโลกแกล้งทำเป็นหูทวนลม "อะไรเหรอ มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นในสหรัฐด้วยเหรอ ไม่จริงมั๊ง? เขาสนับสนุนประชาชิปไตยและเสรีภาพนะ เขาจะทำอย่งนั้นได้อย่างไร ฟังผิดมาหรือเปล่า ใส่ร้ายอเมริกา ต่อต้านอเมริกาหรือเปล่า?" ประมาณนี้ พวกขี้ข้าอเมริกาชอบพากันอ้างแบบนี้

    จากนั้นรัสเซียก็คลอดกฎหมายคุมสื่อและองค์กรต่างประเทศ (พวก NGO เติมเงิน) บ้าง สหรัฐและอียูรีบโวยวายทันทีว่า รัสเซียก็ทำเกินไป ละเมิดเสรีภาพของสื่อ ประท้วง! รัสเซียบอกว่า เออ… เราทำเองหละ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ก็ฝ่ายนั้นกวนตีนหมีก่อนทำไม?

    ยังไม่สำนึก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาคองเกรสของสหรัฐสั่งห้ามสื่อรัสเซียเข้าไปรายงานข่าวในสภาคองเกรส รัสเซียจึงตอบโต้ด้วยการขึ้นบัญชีดำ VOA กระบอกเสียงของสหรัฐในรัสเซียพร้อมกับสื่ออื่นๆ ของอียู ซึ่งเป็นลูกสมุนของสหรัฐในรัสเซียซะเลย การตอบโต้สไตล์ปูติน จะคิดดอกเบี้ยด้วยเสมอ เช่นการทำสงครามกับจอร์เจียสองรอบ ไม่ใช่แค่การตอบโต้แล้วยุติสงครามด้วยการเจรจากันเท่านั้น แต่ปูตินจะยึดแผ่นดินบางส่วนจากจอร์เจียด้วย ได้มาสองแห่ง โทษฐานที่จอร์เจียเริ่มสงครามก่อน

    ที่ยูเครนตะวันออกก็เช่นกัน รัสเซียมีสิทธิ์ที่จะได้ภูมิภาคโดเนทส์กและลูฮานส์กทั้งสองแคว้นนี้ไว้ในมือในอนาคตแน่นอน แต่ที่ได้คืนมาแล้วโดยไม่ต้องรบก็คือ "แคว้นไคร์เมีย" กลับมาสู่อ้อมกอดแผ่นดินแม่อีกครั้ง

    กรณีสื่อ สหรัฐเล่นงาน RT เจ้าเดียว (หนึ่งหมัด) แต่รัสเซียสวนกลับด้วยการเล่นงานสื่อของสหรัฐและสมุนถึง 9 สำนัก (9 หมัด เห็นๆ) "เราบ่ผิด ท่านมาล้าง เราสวน (หนัก) เลยนะ"- ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    05/12/2560
    ----------
    https://www.rt.com/news/411949-russia-foreign-agents-america/
    http://minjust.ru/ru/novosti/ob-ino...-vypolnyayushchih-funkcii-inostrannogo-agenta
    https://sputniknews.com/russia/201712041059668280-putin-foreign-agents-register/
    https://sputniknews.com/russia/201712051059698208-russia-foreign-agent-media-ban/
    https://www.rt.com/news/411697-lavrov-response-rt-credentials/
    http://tass.com/politics/978079
    http://tass.com/world/976965
    http://tass.com/society/979022
    https://sputniknews.com/russia/201712011059595355-russia-parliament-accreditation-us-media/
    https://www.rt.com/politics/411532-russian-lower-house-to-ban/
    https://www.rt.com/usa/411361-rt-congress-credentials-withdrawal/
    https://sputniknews.com/russia/201712051059700162-russia-foreign-agents/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เติมลมยางไนโตรเจน ต่างจากลมยางธรรมดาอย่างไร | รู้ใจ.คอม 6 November, 2017
    nitrogen-tyre-cover.jpg
    เรียกว่าเป็นคำถามที่ได้ยินหรือได้เห็นบ่อยๆ ทั้งจากโลกโซลเชียล จากลูกค้าที่เข้าไปรับบริการในศูนย์ฯ หรืออู่ซ่อมรถต่างๆ ว่าการเลือกเติมด้วยลมธรรมดาหรือจะเติมด้วยลมไนโตรเจนแบบใดนั้นดีกว่ากัน ซึ่งในความเป็นจริงก็สามารถใช้ได้ 2 แบบครับ แต่ถ้าหากเจาะลึกไปในรายละเอียด เราก็มีคำตอบมาให้ว่าลมแต่ละประเภทที่ถามมานั้น มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันอย่างไร

    เริ่มต้นที่ไนโตรเจน มีคุณสมบัติเป็นอโลหะมีสถานะเป็นแก๊สมีอยู่ทั่วไป โดยปกติไม่มีสี กลิ่น หรือรส ซึ่งไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบของบรรยากาศของโลก มีมากถึง 78% ของบรรยากาศโลก และยังเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อในสิ่งมีชีวิตต่างๆ สรุปคือไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบของบรรยากาศโลกและอากาศที่เราหายใจอยู่นั่นเอง ประโยชน์ของไนโตรเจนก็อยู่มีมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการนำมาเติมเข้าไปในยางรถยนต์

    nitrogen-tyre-01.jpg

    การเติมลมยางด้วยไนโตรเจน ก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน คือไม่ทำให้กระทะล้อเป็นสนิม เนื่องจากไนโตรเจนไม่มีส่วนประกอบของไอน้ำ หรือ H2O ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับกระทะล้อที่เป็นเหล็ก อันเป็นสาเหตุให้เกิดสนิม อีกทั้งยังทำให้แป้งที่เคลือบยางไม่เป็นก้อน ในขณะเดียวกันหากเติมลมยางแบบธรรมดา ส่วนประกอบของลมที่เติมเข้าไปนั้นประกอบด้วยไฮโดรเจน ออกซิเจนและสารอื่นๆ เมื่อมีการรวมตัวของไฮโดรเจนและออกซิเจน จึงเกิดเป็นหยดน้ำเช่นกัน ทำให้แป้งที่เคลือบยางกลายเป็นก้อน หากใช้ไปนานๆ ก้อนแป้งก็จะโตขึ้นและทำให้ความสมดุลของล้อเปลี่ยนไป แม้จะมีการนำไปถ่วงใหม่ก็อาจไม่ดีหรือเที่ยงตรงเช่นเดิม ไนโตรเจนมีส่วนช่วยลดการระเบิดของลมยาง เพราะก๊าซไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อย การขยับตัวทำได้ที่ช้า โมเลกุลเสียดสีกันน้อย ทำให้เกิดความร้อนสะสมของลมยางน้อย แรงดันลมมีการเปลี่ยนแปลงน้อย ทำให้มีโอกาสการระเบิดน้อย เพราะการระเบิดของยางส่วนใหญ่ เกิดจากแรงดันลมที่เพิ่มสูงขึ้น และเมื่อมาเจอกับโครงสร้างของผ้าใบของยางเสื่อมคุณภาพ จึงมีความเสี่ยงที่ยางจะเกิดระเบิดได้ แต่ในกรณีนี้บอกเลยเกิดขึ้นได้ยาก

    นอกจากนี้การเติมลมไนโตรเจนไม่ต้องตรวจเช็คแรงดันลมยางบ่อยๆ เพราะอะตอมไนโตรเจนมีขนาดโตกว่าออกซิเจนทำให้การซึมผ่านของไนโตรเจนน้อยกว่า นอกจากนี้ก็มีส่วนช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานยาวขึ้น เนื่องจากไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อยทำให้อุณหภูมิยางน้อย จากการทดสอบในอเมริกาพบว่าการเติมลมไนโตรเจนช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ เนื่องจากอุณหภูมิของล้อที่ลดลงก็จะมีส่วนช่วยลดแรงเสียดทานในการหมุนของยาง จึงช่วยประหยัดน้ำมัน

    nitrogen-tyre-02.jpg

    อย่างไรก็ดีการเติมลมยางไนโตรเจนก็มีข้อด้อยเช่นกัน โดยเฉพาะจุดบริการซึ่งมีจำนวนน้อย แถมเติมก็ยังต้องเสียเงินอีกต่างหาก ต่างกับลมยางธรรมดาที่ปั๊มไหนๆ ก็มี อีกทั้งก็เติมกันได้แบบฟรีๆ ไม่เสียเงิน นอกจากนี้หากเราต้องการจะเปลี่ยนจากลมแบบธรรมดาเป็นไนโตรเจน ต้องปล่อยลมออกให้หมดก่อน เพราะหากไม่ปล่อยออก ไนโตรเจนที่เราเติมเข้าไปก็จะกลายเป็นลมธรรมดา ซึงก็มีหลายครั้งที่ช่างของศูนย์บริการแห่งไม่ได้ใส่ใจ เมื่อลูกค้านำรถเข้าไปเติมก็อัดลมไนโตรเจนเข้าไปทันที โดยที่ไม่ถามสักคำว่าก่อนหน้านี้ลมยางนั้นเป็นแบบใด ในจุดนี้ทางที่ดีเราก็ควรแจ้งช่างให้ทราบก่อนล่วงหน้าครับ

    สรุปได้ว่าการเติมลมแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันไปครับ หากถามว่าอันไหนดีที่สุดคำตอบก็คือไนโตรเจน แต่ไม่ก็ได้แปลว่าต้องรีบเปลี่ยนมาใช้แบบทันทีทันใด เพราะรถที่ใช้งานจริงๆ อยู่บนท้องถนนส่วนใหญ่ล้วนเป็นลมธรรมดาทั้งสิ้น ก็ยังสามารถใช้งานกันได้ปกติ ที่สำคัญบริษัทยางก็ไม่ได้ระบุหรือบังคับว่าต้องเติมไนโตรเจนเท่านั้น และการใช้งานของเราก็ไม่ได้ลงรายละเอียดมากมาย ไม่ได้มีสัมผัสเทพว่าเติมไนโตรเจนไปแล้วรู้สึกรถนิ่มกว่าเดิม หรือว่าเติมไปแล้วประหยัดน้ำมันกว่าเดิมชัวร์ ถ้าคนขับยังขยี้คันเร่งเสมือนรถใช้น้ำเปล่าอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะท้ายที่สุดก็ผู้ขับเองต้องหมั่นตรวจเช็ครถให้พร้อมใช้อยู่เสมอไม่ว่าจะลมธรรมดาหรือลมไนโตรเจนก็ตาม เพราะสิ่งสำคัญทุกการขับต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอยู่เสมอ

    https://www.roojai.com/article/your-car/nitrogen-tyre/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    5 ธันวาคม 2017
    อินโดนิเซีย - ภายใน ภูเขาไฟ AGUNG และ 'ในโดม ของ LAVA !!!

    IMG_7385.JPG

    ตอนนี้ผ่านมาหลายวันหลังจากการตื่นขึ้นของภูเขาไฟอากุง (อินโดนีเซีย) นัก volcanologists ได้แสดงให้เห็นว่าโดมลาวากำลังก่อตัวขึ้นภายในปล่องภูเขาไฟ ซึ่ง
    อัตราการเติบโตของโครงสร้างโดมลาวานี้จะลดลงประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรภายในสองสามวัน ขณะนี้ปริมาณของมันคือ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรและนักวิชาการคาดว่าภายในไม่กี่สัปดาห์ มันจะสามารถเติมเต็มหลุมเขาไฟ ซึ่งอันตรายที่ร้ายแรงของสถานการณ์นี้เชื่อมโยงกับข้อเท็จจริงที่ว่าโดมลาวานี้ทำหน้าที่เป็นฝาปิดเพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซภายในภูเขาไฟอากุงหลุดออกมาและทำให้เกิดแรงกดดันภายในเพิ่มขึ้น การเกิดและขยายตัวของโครงสร้างนี้เชื่อมโยงกับความจริงที่ว่าแมกมาที่ให้อาหารภูเขาไฟอากุงอุดมไปด้วยซิลิกาและมีความหนืดสูง

    สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับ Mount St. Helens ตัวอย่างเช่นในบริบทของความเหลื่อมล้ำระหว่างแผ่นเปลือกโลกสองชั้น (ในกรณีนี้คือออสเตรเลียและ Sonda) และสามารถให้ชีวิตได้ การระเบิดที่รุนแรงซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกครั้ง ซึ่งจะผ่านจากการก่อตัวของโดมลาวา ในขณะนี้ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าการปะทุจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงสูงและเป็นเหตุให้ควรมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ

    5 DICEMBRE 2017
    INDONESIA - ALL'INTERNO DEL VULCANO AGUNG E' IN FORMAZIONE UN DOMO DI LAVA!!!

    A ormai diversi giorni dal risveglio del vulcano Agung (Indonesia), i vulcanologi hanno evidenziato che all’interno del suo cratere è in formazione un domo di lava.
    Il ritmo di crescita di questa struttura è vertiginoso: circa 10 milioni di metri cubi in pochi giorni. Attualmente, il suo volume è di 30 milioni di metri cubi e gli studiosi stimano che nel giro di qualche settimana potrebbe arrivare a riempire completamente il cratere del vulcano. L’estrema pericolosità della situazione è legata al fatto che questa cupola di lava funge da tappo, impedendo ai gas di fuoriuscire e, quindi, favorendo l’aumento della pressione interna. La nascita e crescita di questa struttura è legata al fatto che il magma che alimenta l’Agung è ricco in silice e, quindi, molto viscoso. Questa situazione è tipica degli stratovulcani (lo stesso avvenne per il Mount St. Helens, ad esempio) in un contesto di subduzione tra due placche tettoniche (in questo caso, quella Australiana e quella della Sonda), e che sono in grado di dare vita a violente esplosioni, che saranno tanto più potenti quanto più tempo passerà dalla formazione del domo lavico. Al momento, nessuno è in grado di affermare con certezza che l’eruzione avverrà. Tuttavia, il rischio è elevato e quindi la situazione è costantemente monitorata dalle entità preposte.

    http://terrarealtime.blogspot.com.ar/2017/12/indonesia-allinterno-del-vulcano-agung.html
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jimmy Sirisopha
    ทำไมต้อง Phase III?? (1)



    คำตอบก็คือ ปริศนาหรือคำพยากรณ์ในพระธรรมวิวรณ์ 12 ที่ใช้เวลาพิสูจน์มากว่า 6 เกือบ 7 พันปี ....สำเร็จแล้ว ณ ตอนนี้!! ในยุคของพวกเรา ในวันที่ 23 กันยายน 2017 ที่ผ่านมานั่นเองครับ

    ----------------------------------------------------------
    วิวรณ์ 12 ผู้หญิงและพญานาค
    12:1 มีการมหัศจรรย์ใหญ่ยิ่งปรากฏในสวรรค์ คือผู้หญิงคนหนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า และบนศีรษะมีดวงดาวสิบสองดวงเป็นมงกุฎ
    The Woman (Israel) and the Dragon (Satan)
    12:1 And there appeared a great wonder in heaven; a woman clothed with the sun, and the moon under her feet, and upon her head a crown of twelve stars:

    12:2 ผู้หญิงนั้นตั้งครรภ์ และร้องครวญด้วยความเจ็บครรภ์ที่ใกล้จะคลอด
    12:2 And she being with child cried, travailing in birth, and pained to be delivered.

    12:3 และมีการมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งปรากฏในสวรรค์ ดูเถิด มีพญานาคใหญ่สีแดงตัวหนึ่ง มีเจ็ดหัวและมีสิบเขา และที่หัวเหล่านั้นมีมงกุฎเจ็ดอัน
    12:3 And there appeared another wonder in heaven; and behold a great red dragon, having seven heads and ten horns, and seven crowns upon his heads.

    12:4 หางพญานาคตวัดดวงดาวมากมายในฟ้าสวรรค์ทิ้งลงมาที่แผ่นดินโลกเสียหนึ่งในสามส่วน และพญานาคนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าผู้หญิงที่กำลังจะคลอดบุตร เพื่อจะกินบุตรเมื่อคลอดออกมาแล้ว
    12:4 And his tail drew the third part of the stars of heaven, and did cast them to the earth: and the dragon stood before the woman which was ready to be delivered, for to devour her child as soon as it was born.

    บุตรนั้นจะได้ครอบครอง
    12:5 หญิงนั้นคลอดบุตรชาย ผู้ซึ่งจะครอบครองประชาชาติทั้งปวงด้วยคทาเหล็ก และบุตรนั้นได้ขึ้นไปถึงพระเจ้า ถึงพระที่นั่งของพระองค์
    The Man Child to Rule
    12:5 And she brought forth a man child, who was to rule all nations with a rod of iron: and her child was caught up unto God, and to his throne.

    12:6 และหญิงนั้นก็หนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นางมีสถานที่ซึ่งพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูอยู่ที่นั่นตลอดพันสองร้อยหกสิบวัน
    12:6 And the woman fled into the wilderness, where she hath a place prepared of God, that they should feed her there a thousand two hundred and threescore days.
    ------------------------------------------------------------------

    รวมทั้งสัญญานหรือหมายสำคัญใหญ่มากอีกอันหนึ่งที่ปรากฏก่อนหน้า ก็คือ Bethlehem Star (ดาวแห่งเบธเลเฮม) ปรากฏอีกครั้ง หลังจากที่ปรากฏครั้งก่อนหน้าเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเล็งถึงการมาประสูติของพระเยซูคริสต์ พูดง่ายๆก็คือ ดาวดวงนี้กลับมาอีกครั้งแล้วในรอบ 2,000 ปี !!

    อีกนัยหนึ่ง ด้วยปรากฏการณ์นี้ หมายถึงการสิ้นสุดปีปฏิทินที่ 6,000 (5,777) ของยิว แล้วเราก็จะเริ่มนับ 1 เข้าสู่รอบพันปีที่ 7 ซึ่งจะเล็งไปถึงคำพยากรณ์อีกชุดหนึ่งที่พยากรณ์ไว้โดยสาวกของพระเยซูท่านหนึ่่งที่ชื่อยอห์นเมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว ที่สำคัญมากจากพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายหรือหนังสือวิวรณ์ ที่พยากรณ์ล่วงหน้าถึง ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของมนุษยชาติ จนไปถึง The 2nd Coming หรือการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเมสสิยาห์ หรือพระเจ้าผู้จะมาปลดปล่อยและปกครองโลกในรอบพันปีที่ 7

    ดังนั้น ถ้าเป็นไปตามนี้แล้ว "การชำระล้าง" ครั้งใหญ่ในลักษณะที่คนทั่วไปเข้าใจว่าคือ "วันสิ้นโลก" ก็กำลังจะมาถึงนั่นเองครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่วันสิ้นโลกอย่างที่คนทั่วไปคิดไปถึงและเข้าใจ แต่ที่อาจต้องสิ้นไปจริงๆก็คือ "มนุษย์" ส่วนหนึ่ง หรือกระทั่งหลายส่วนที่อยู่บนโลกต่างหาก เพื่อนำให้โลกใบนี้กลับไปสู่จุดเริ่มต้น คือ "ความบริสุทธิ์" อีกครั้ง เหมือนกับยุค Creation (การทรงสร้าง) หรือการสร้างโลกครั้งแรก หรือก็คือการ Start Over หรือการกดรีเซทครั้งใหญ่

    ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะเชื่อหรือนับถือศาสนาอะไร พุทธ คริสต์ หรืออิสลาม ลัทธิ นิกาย หรือด้วยเส้นแบ่งทางเชื้อชาติใดๆ ครั้งนี้มันเป็นเรื่องระหว่าง "ผู้สร้าง" กับ "ผู้ถูกสร้าง" ที่กำลังรอการพิสูจน์ เรามารอและลองดูกันว่า "ศาสนา" ทั้งหมดที่มีบนโลก จะช่วยให้เรารอดผ่านไปได้ไม๊หากทั้งหมดเกิดขึ้นตามนี้จริงๆ

    ขอเวลาเรียบเรียงอีกซักนิดครับ เพราะผมต้องพยายามทำเรื่องที่อธิบายได้ยากมาก ให้อธิบายและเข้าใจได้ และจะใช้พื้นที่ตรงนี้พา "ผู้ที่ถูกเลือก" หรือสนใจปรากฏการณ์และการเปลี่ยนแปลงเดินไปพร้อมๆกัน เข้าใจและมองเห็นสิ่งเดียวกัน จากปรากฏการณ์ต่างๆที่คาดว่าจะเริ่มต้นถาโถมเข้ามาในไม่ช้านี้ครับ.........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7387.JPG
      IMG_7387.JPG
      ขนาดไฟล์:
      175.3 KB
      เปิดดู:
      58
    • IMG_7388.JPG
      IMG_7388.JPG
      ขนาดไฟล์:
      87.4 KB
      เปิดดู:
      41
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    IMG_7389.JPG #สยามพับลิค -ข่าวต่างประเทศ



    มีข่าวแว่วออกมาบอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ อาจประกาศรับรองสถานะของเยรูซาเล็มในวันพุธที่จะถึงนี้ให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งก็เท่ากับว่าสหรัฐฯอาจละทิ้งจุดยืนที่ยึดถือมาตลอดหลายสิบปี

    ความสำคัญของเยรูซาเล็มในทัศนะของชาวยิวและชาวมุสลิม
    ธันวาคม 3, 2560 Written by หยาดฟ้า ไทยประทาน Published in วิเคราะห์ข่าว
    โดยอาจารย์ ศราวุฒิ อารีย์

    มีข่าวแว่วออกมาบอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ อาจประกาศรับรองสถานะของเยรูซาเล็มในวันพุธที่จะถึงนี้ให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งก็เท่ากับว่าสหรัฐฯอาจละทิ้งจุดยืนที่ยึดถือมาตลอดหลายสิบปี และอาจส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความตึงเครียด

    ทั้งนี้อิสราเอลได้เข้ายึดเยรูซาเล็มฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นย่านคนอาหรับระหว่างสงคราม 6 วันเมื่อค.ศ. 1967 และประกาศใน ค.ศ. 1980 ว่าพื้นที่เยรูซาเล็มทั้งหมดถือเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวของอิสราเอล

    อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯและสมาชิกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทั้งหมดยังไม่รับรองการผนวกนครแห่งนี้ และถือว่าสถานะสุดท้ายของเยรูซาเล็มเป็นเรื่องที่จะต้องตกลงกันผ่านการเจรจาสันติภาพระหว่างชาวยิวและชาวปาเลสไตน์

    บทความนี้ ผมคงยังไม่วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด เพียงแต่อยากให้ข้อมูลความสำคัญของเยรูซาเล็มทั้งในสายตาของชาวยิวและชาวมุสลิม เพื่อทำความเข้าใจกันอีกครั้ง

    เยรูซาเล็ม (มุสลิมเรียกว่า อัล-กุดส์) ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ทั้งโลก โดยเฉพาะในหมู่ผู้ศรัทธาในศาสนาสากลแบบเอกเทวนิยม ไม่ว่าจะเป็น ศาสนายูดาห์ คริสเตียน หรือ อิสลาม ซึ่งมีจำนวนประชากรผู้นับถือรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,700 ล้านคน หรือคิดเป็นประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของโลก

    ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา เมืองเยรูซาเล็มจึงมีความสำคัญทั้งด้านการเมืองและประวัติศาสตร์ของโลกตลอดมา อันเป็นบ่อเกิดของทั้งสันติภาพและความขัดแย้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละยุคแต่ละสมัย

    ในมิติความขัดแย้งนั้น ประเด็นหลักมักวนเวียนอยู่ที่ข้อถกเถียงว่า ศาสนาใดใกล้ชิดเกี่ยวพันกับดินแดนเยรูซาเล็มมากกว่ากัน จนเป็นที่มาของการอ้างสิทธิครอบครองเมืองนี้ของแต่ละฝ่าย กลายเป็นความขัดแย้งเรื้อรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์-อิสราเอลเรื่อยมานับตั้งแต่เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีก่อน (นอกเหนือจากประเด็นเขตแดนรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต ปัญหาผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ที่มีอยู่กว่า 2 ล้านคน และปัญหาการตั้งนิคมชาวยิวจำนวนมากอย่างผิดกฎหมายในดินแดนปาเลสไตน์)

    ขณะที่ชาวมุสลิมทั่วโลกต่างให้การยอมรับความสำคัญของศาสนายูดาห์และคริสเตียน ซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวโยงใกล้ชิดกับนครเยรูซาเล็ม แต่ก็ย้ำว่า สถานที่แห่งนี้ก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับศาสนาอิสลามด้วยเช่นกัน และเยรูซาเล็มมิได้มีความผูกมัดทางจิตวิญญาณต่อชาวปาเลสไตน์หรือชาวอาหรับเท่านั้น แต่มหานครแห่งนี้คือศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมทั่วโลกอีกด้วย

    เพราะนอกเหนือจากมัสยิดฮารอมในนครมักกะฮ์และมัสยิดนะบะวีย์ในมะดีนะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบียแล้ว มัสยิดอัล-อักศอในเยรูซาเล็ม ถือเป็นมัสยิดที่มีความสำคัญมากที่สุดเป็นลำดับ 3 ของศาสนาอิสลาม อีกทั้งอัล-อักศอยังถือเป็น "กิบลัต" แรกในประวัติศาสตร์อิสลาม หรือชุมทิศแรกที่มุสลิมหันหน้าไปยามละหมาดและขอพรต่อพระเจ้า ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นนครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในเวลาต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    นอกจากนี้แล้ว มัสยิดอัล-อักศอยังเป็นศาสนสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์อิสลามอันเนื่องมาจากมัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ศาสดามุฮัมมัดได้ละหมาดก่อนที่จะถูกนำตัวขึ้นสู่ชั้นฟ้าเบื้องสูงในเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า “อิสรออ์และมิอ์รอจญ์”

    แต่สำหรับชาวยิวแล้ว เยรูซาเล็มคือที่ตั้งของ The Temple Mount หรือพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสร้างโดยศาสดาโซโลมอน หรือที่มุสลิมรู้จักในนามศาสดาสุไลมาน (ปกครองระหว่าง 971-931 ก่อนคริสต์ศักราช) แต่พระวิหารยุคแรกนี้ก็ถูกทำลายโดยพวกบาบิโลนเมื่อ 587 ก่อนคริสต์ศักราช

    จากนั้นก็มีการสร้างมหาวิหารยุคที่ 2 ขึ้นในสมัยกษัตริย์ไซรัสมหาราชและดาไรอุส อีก 500 ปีต่อมาพระวิหารที่ 2 (Second Temple) ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์โดยกษัตริย์แฮรอดมหาราชจนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “พระวิหารแฮรอด”

    แต่สุดท้ายพระวิหารแห่งใหม่นี้ก็ถูกทำลายโดยพวกโรมันใน ค.ศ.70 เหลือแต่ซากกำแพงเก่าที่ไม่ได้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นที่มาของ "กำแพงร้องไห้" ที่อยู่ทางตะวันตก หรือ “Western Wall”

    นับจากนั้นเป็นต้นมา ผู้นับถือศาสนายูดาห์นิกายออร์โธด็อกซ์ ก็ตั้งหน้ารอคอยการสร้างพระวิหารยุคที่ 3 ในเยรูซาเล็ม พร้อมกับการรอคอยการปรากฏตัวของเมสไซยาห์ของชาวยิว (Jewish Messianism) ก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายโลก

    ปัญหาก็คือ ตามความเชื่อของชาวยิวกลุ่มนี้ หากจะฟื้นฟูมหาวิหารยุคที่ 3 ขึ้นมาจริงๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ รื้อถอนมัสยิดอัล-อักศอและโดมทองแห่งศิลา (Dome of the Rock) ของชาวมุสลิมเสียก่อน เพราะมัสยิดเหล่านี้ก่อสร้างอยู่บนเนินเขาที่ชาวยิวเชื่อว่าเป็น "The Temple Mount"

    พูดอีกอย่างคือ ชาวยิวอ้างว่าข้างใต้ศาสนสถานสำคัญของชาวมุสลิมในเยรูซาเล็มคือซากมหาวิหารโซโลมอนนั่นเอง

    นี่แหละครับคือสาเหตุหลักที่ทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นเมืองแห่งความวุ่นวายอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในสื่อทุกวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงกับฟันธงว่า เยรูซาเล็มอาจเป็นระเบิดเวลาสำหรับสงครามใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาในไม่ช้าไม่นาน

    ที่มา เฟสบุคส่วนตัว Srawut Aree

    http://siampublic.com/analysis/3876/jurusalem-jew-muslim
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    IMG_7391.JPG

    วันนี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ ประธานาธิบดี ปาเลสไตน์ Mahmoud Abbas บอกกล่าวกับประธานาธิบดี ปาเลสไตน์ว่า เขาได้สั่งให้ทำการย้ายสถานทูตสหรัฐ จากกรุง เทล อาวิฟ ไปยังเยรุซาเล็มแล้ว นาย Nabil Abu Rdainah โฆษกรัฐบาลปาเลสไตน์ บอกผู้สื่อข่าว แต่ไม่ได้ระบุว่าเมื่อใด...
    https://www.rt.com/usa/412013-trump-abbas-jerusalem-embassy/#.WibHWLC86Pc.facebook
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แออร์โดกันชี้ กรุงเยรูซาเล็มคือเส้นแดงของชาวมุสลิม
    e5b926b1555590a9be69cc6576b3b7df_XL.jpg

    สำนักข่าวต่างประเทศสยามพับลิค รายงานว่า
    แออร์โดกัน ประธานาธิบดีของตุรกี กล่าวกับทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า เมืองเยรูซาเล็ม เป็น “เส้นแดง” ของชาวมุสลิม


    อินดิเพ็นเด้นท์ สื่อชื่อดังอังกฤษ เผยว่า รอซิบ ตัยยิบ แออร์โดกัน Recep Tayyip Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวว่า แผนการของโดนัลด์ทรัมพ์ที่จะประกาศให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลนั้น ถือว่า เยรูซาเล็มคือ "เส้นแดง" ของชาวมุสลิม ซึ่งเขาอาจจะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศสหรัฐ หากมีการประกาศเช่นนี้


    นายแออร์โดกัน ยังเผยอีกว่า "เราก็จะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลอีกด้วย"


    นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า เขาจะเรียกประชุมกลุ่มประเทศโลกมุสลิม (โอไอซี)เพื่อร่วมมือกันคัดค้านการย้ายเมืองหลวงอิสราเอลไปยังกรุงเยรูซาเล็ม



    เจ้าหน้าที่อเมริกาเผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะประกาศว่า กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลในสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นการชดเชยในการตัดสินใจที่จะชะลอแผนการในการย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังที่นั่น


    ทั้งนี้ จาเร็ด คูชเนอร์ Jared Kushner ลูกเขยของประธานาธิบดีสหรัฐ เผยในภายหลังว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับกรุงเยรูซาเล็ม

    http://siampublic.com/world/3920/jerusalem-red-line-for-muslims
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    IMG_7395.JPG

    Federica Mogherini หัวหน้าฝ่าย การนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ได้ออกคำเตือนให้สหรัฐยุติความตั้งใจที่จะย้ายสถานทูตของสหรัฐจากกรุง เทล อาวีฟ ไปยังเยรุซาเล็ม เพื่อสนับสนุนให้อิราเอลใช้กรุงเยรุซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล เพราะจะทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา เพราะเจ้าของที่แท้จริงของเยรุซาเล็ม คือชาวปาเลสไตน์ ก็เรียกร้องขอคืนอยู่ หากสหรัฐ และอิสราเอลกระทำดังที่กล่าว กระบวนการเจรจาสันติภาพ ก็จำต้องยุติลง

    มีคนขาดความรับผิดชอบ และมุทะลุ เข้ามาอยู่ในกลุ่มผู้บริหารเพียงคนเดียว ก็สร้างปัญหาให้ผู้บริหารคนอื่นๆ ต้องมีงานการแก้ปัญหาที่ คนขาดความรับผิดชอบ และมุทะลุสร้างขึ้นทุกวี่วัน...

    https://www.rt.com/news/412046-us-e...ome&utm_campaign=chrome#.Wic_A0poa7I.facebook
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    IMG_7397.JPG

    President Recep Tayyip Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ร้องขอไปยังทำเนียบขาว อย่าประกาศรับรองให้เยรุซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นตุรกีจะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลทันที นอกจากตุรกีแล้ว พันธมิตรของสหรัฐในตะวันออกกลางก็เริ่มเคลื่อนไหวคัดค้านกันแล้ว....

    อิสราเอล น่าจะเป็นโรค ไฮเปอร์ สมาธิสั้น Attention Deficit Hyperactivity Disorder หรือ ADHD เพราะอยู่เฉยๆ สงบสุขไม่ได้เลย ต้องก่อเรื่องโน้น เรื่องนี้ อยู่เป็นประจำ การมีสถานทูตอิสราเอล อยู่ในประเทศ ทำให้สังคมมีความเสียงที่จะถูกโจมตี จากผู้เสียหาย จากการกระทำของรัฐบาลอิสราเอล

    ก่อเรื่องมากๆ เราก็ควรจะค่อยๆ ลดเจ้าหน้าที่ด้านการทูตระหว่างกันลง จนปิดสถานทูตระหว่างกันจะดีที่สุด....

    http://cnn.it/2Au3fK8
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    IMG_7399.JPG

    มีเรื่องกันแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอิสราเอลแก้ปัญหาการเมืองภายในที่ถูกประชาชนรังเกียจ เดินขบวนขับไล่ในทุกวันเสาร์ ด้วยการออกไปก่อสงครามนอกประเทศ..

    มีรายงานเข้ามาเมื่อ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมาว่า อิสราเอลเตรียมเปิดสงครามกับซีเรียแล้ว โดยร่วมกับทหารรับจ้าง FSA ของสหรัฐที่ Yamouk Camp ในหุบเขา Yamouk Valley ทางตะวันตกของเมือง Daraa ในภาคใต้ของซีเรีย โดยเปลี่ยนชื่อเรียก FSA ใหม่เป็น "The People of the Land" จะรุกเข้ามาในดินแดนซีเรีย ด้วยข้ออ้างเดียวกับลูกพี่สหรัฐของเขา คือเข้ามาปราบปรามผู้ก่อการร้าย ISIS การบุกของกองทัพบกอิสราเอล จะมีกองทัพอากาศทำการโจมตีสนับสนุนด้วย

    คราวนี้หละ จะเป็นสงครามระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ต้องเข้ามาจัดการแล้วหละ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นสงครามใหญ่แน่นอน เพราะวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ประกาศไว้ในวันแรกที่เข้ามาช่วยซีเรียว่า ถ้าบรรดาประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้าย ไม่หยุดเกเรซีเรีย รัสเซียก็จะทำให้ซีเรียกลายเป็น Stalingrad แห่งที่ 2 แน่นอน...

    Stalingrad คือเมืองที่กองทัพนาซีเยอรมัน บุกรัสเซีย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสองฝ่ายรบกัน 7 เดือนเต็มด้วยกำลังทหารมากกว่า 2.2 ล้านคน ในสมรภูมิเดียว และมีทหารตาย และบาดเจ็บ ระหว่าง 1.7 - 2.0 ล้านคน มันเป็นประวัติาสตร์ แม่ของสงครามทั้งปวง และรัสเซียเป็นฝ่ายชนะ และรุกตามตีเยอรมันมาจนถึงเบอร์ลิน เยอรมันจึงยอมลงนามในหนังสือยอมแพ้ ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปจบลง...

    https://mobile.almasdarnews.com/art...n-army-launch-joint-offensive-southern-syria/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_20171206_221800_421.jpg

    (Dec 6) ทั่วโลกเตือน “ตอ.กลาง” ลุกเป็นไฟแน่ “ทรัมป์” ไม่ฟัง-รับรองเยรูซาเลมเมืองหลวงยิว: ทั่วโลกต่างแสดงความกังวลกันดังอึงคะนึงยิ่งขึ้นอีกในวันพุธ (6 ธ.ค.) ก่อนหน้า “ทรัมป์” ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งเท่ากับเป็นการละทิ้งจุดยืนที่อเมริกายึดถือมานับสิบปีเกี่ยวกับข้อพิพาทยิว - ปาเลสไตน์ แถมยังเป็นการเพิกเฉยต่อเสียงเตือนจากพันธมิตรทั่วโลก ที่ว่า การตัดสินใจนี้จะกระพือความขัดแย้งรุนแรงในตะวันออกกลาง

    เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะบริหารสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อวันอังคาร (5) ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะแถลงจากทำเนียบขาวในเวลา 13.00 น. วันพุธ (1.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. ตามเวลาในไทย) ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับว่า เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

    แหล่งข่าวสำทับว่า ทรัมป์ มองว่า ถ้อยแถลงนี้เป็นการยอมรับความเป็นจริง ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และยุคสมัยใหม่

    นอกจากนั้น ผู้นำสหรัฐฯ ยังเตรียมประกาศแผนย้ายสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเลมด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่คนเดิม เสริมว่า กระบวนการนี้คงต้องใช้เวลาเป็นปี เนื่องจากต้องหาที่ตั้งสถานทูต จัดการปัญหาความปลอดภัย ออกแบบสถานที่ ของบประมาณ และลงมือก่อสร้าง

    สถานะของนครเยรูซาเลมอันเป็นที่ตั้งศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนา คือ คริสต์, อิสลาม และ ยิว ถือเป็นประเด็นใหญ่ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และ ปาเลสไตน์ ซึ่งต่างก็ต้องการได้นครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของชนชาติตน

    ผู้นำหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ จอร์แดน สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส เยอรมนี และตุรกี ต่างออกมาเตือนทรัมป์ ว่า ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงเปลี่ยนแปลงสถานะของเยรูซาเลมเป็นอันขาด แต่ผู้นำสหรัฐฯ ดูเหมือนจะไม่รับฟัง และเตรียมทำในสิ่งที่ได้สัญญาไว้กับบรรดาฐานเสียง และผู้บริจาคสายอนุรักษนิยมที่เทคะแนนอุ้มตนขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดี

    กระนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่อเมริกันหลีกเลี่ยงเขตเมืองเก่าเยรูซาเลม และ เวสต์แบงก์ เนื่องจากคาดว่า จะเกิดการประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง

    ในวันพุธ (6) ยังมีเสียงเตือนอื้ออึงมาจากอังกฤษ จีน ซีเรีย และผู้แทนสหประชาชาติ ที่รับผิดชอบกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง

    บอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวขณะเดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์เพื่อเข้าร่วมการประชุมขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่า ลอนดอนกังวลกับข่าวนี้ และคิดว่า เยรูซาเลมควรเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสุดท้ายระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์

    ทางด้านจีนเตือนว่า แผนการของทรัมป์อาจกระพือความตึงเครียดในตะวันออกลาง และซีเรียวิจารณ์ว่า เป็นความเคลื่อนไหวอันตรายที่สะท้อนว่า อเมริกาดูหมิ่นกฎหมายระหว่างประเทศ

    เช่นเดียวกับ อิหร่าน ผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ประกาศว่า เจตนารมณ์ในการย้ายสถานทูตไปยังเยรูซาเลม เป็นสัญญาณบ่งชี้ความไร้น้ำยาและความล้มเหลวของวอชิงตัน โดยบอกว่า อเมริกาถูกมัดมือในประเด็นปาเลสไตน์ และไม่สามารถผลักดันเป้าหมายของตัวเองได้

    เตหะรานนั้นให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์หลายกลุ่มที่ต่อสู้กับอิสราเอล

    ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ยังประกาศว่า ปาเลสไตน์จะได้รับการปลดปล่อยและชาวปาเลสไตน์จะได้ชัยชนะ และสำทับว่า อเมริกาต้องการก่อสงครามในตะวันออกกลาง เพื่อปกป้องความปลอดภัยของอิสราเอล ด้าน นิโคเล มิลาเดนอฟ ผู้แทนยูเอ็น แสดงความเห็นว่า ทุกประเทศต้องระมัดระวังการกระทำของตัวเอง เนื่องจากอาจส่งผลรุนแรงตามมา

    ทั้งนี้ ประชาคมโลกส่วนใหญ่ไม่ยอมรับว่า เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และย้ำว่า สถานะสุดท้ายของนครแห่งนี้จะต้องเกิดจากกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างชาวยิว และ ปาเลสไตน์เท่านั้น

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ทรัมป์พยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฐานเสียงของตัวเอง พร้อมๆ กับผลักดันกระบวนการเจรจาสันติภาพให้เดินหน้าต่อ ขณะที่ทำเนียบขาวอ้างว่าการรับรองสถานะของนครศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นการ “ด่วนสรุป” เพราะความจริงก็คือ เยรูซาเลมฝั่งตะวันตกเป็นดินแดนของอิสราเอล และจะต้องเป็นต่อไป ไม่ว่าผลการเจรจาสันติภาพจะออกมาในรูปใดก็ตาม

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อีกคน ระบุว่า ทรัมป์ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ และเชื่อว่า สันติภาพเกิดขึ้นได้ โดยพร้อมที่จะสนับสนุนทางออกแบบ 2 รัฐควบคู่ (two-state solution) หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบ

    ด้านผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์จุดไฟเผาภาพประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จัตุรัสในเมืองเบธเลเฮม ในเขตเวสต์แบงก์ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. หลังทราบข่าวว่า จะมีการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเลม ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์

    อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์มองว่า แนวทางของ ทรัมป์ ไม่ต่างอะไรกับการ “ฉีกทารกเป็น 2 ส่วน” ซึ่งอาจทำให้ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะเป็นคนกลางสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางต้องพังทลายลง และทำให้ภูมิภาคที่กำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้ง ทั้งใน เลบานอน ซีเรีย อิรัก เยเมน และ กาตาร์ ยิ่งร้อนระอุหนักขึ้นไปอีก

    ขบวนการ “ฮามาส” ซึ่งเป็นพรรคอิสลามิสต์ที่มีกองกำลังติดอาวุธ ได้ออกมาขู่แล้วว่าพวกเขาจะเริ่มต้นการลุกฮือของชาวปาเลสไตน์ (อินติฟาเฎาะห์) อีกครั้ง

    สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย มีพระราชดำรัสเตือนสหรัฐฯ ว่า การย้ายสถานทูตเป็น “ก้าวอันตราย” ที่จะสร้างความโกรธแค้นต่อชาวมุสลิมทั่วโลก ขณะที่ ประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ ว่า เยรูซาเลม คือ เส้นแดงสำหรับชาวมุสลิม

    อิสราเอลเข้ายึดเยรูซาเลมฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นย่านคนอาหรับระหว่างสงคราม 6 วัน เมื่อปี 1967 และประกาศในปี 1980 ว่า พื้นที่เยรูซาเลมทั้งหมดถือเป็น “เมืองหลวงตลอดกาลของอิสราเอล อันจะแบ่งแยกมิได้” ขณะที่ชาวปาเลสไตน์เองก็ต้องการได้เยรูซาเลมฝั่งตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

    เมื่อปี 1995 รัฐสภาอเมริกันผ่านกฎหมาย “เจรูซาเลม เอสแบสซี แอคต์” ซึ่งกำหนดให้สหรัฐฯ รับรองนครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงอิสราเอล และให้ย้ายสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันไปตั้งที่นั่นด้วย แต่ขณะเดียวกัน ก็อนุญาตให้ประธานาธิบดีสามารถเลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อนได้ หากมีเหตุอันจะกระทบต่อ “ความมั่นคงของชาติ”

    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่ บิล คลินตัน เรื่อยมาจนถึง บารัค โอบามา ต่างใช้อำนาจสั่งเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้มาโดยตลอด

    Source: ผู้จัดการออนไลน์

    เพิ่มเติม
    - Jerusalem Trump: World reacts ahead of speech:
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,523
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อาการเมาประชาธิปไตย! นายสาก (ซากัชวิลี่) อดีตปธน.จอร์เจียและอดีตผู้ว่าแคว้นโอเดสซา ยูเครน ขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกสูงในกรุงเคียฟ ขู่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย (เหมือนอาการของคนเมายาบ้าเลยแฮะ ฮ่าๆๆ)

    FB_IMG_1512570975094.jpg FB_IMG_1512570982667.jpg FB_IMG_1512570986578.jpg FB_IMG_1512570990687.jpg

    --------------

    วันที่ 5 ธ.ค. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "ทำไมซากัชวิลี่ อดีตผู้นำจอร์เจียถึงขู่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตายในกรุงเคียฟ?" (Why did Georgia’s ex-leader Saakashvili threaten to jump off roof in Kiev?)

    มันไม่ใช่หนึ่งในวันที่แจ่มที่สุดในอาชีพรับจ้างป่วน (turbulent career) ของนาย Mikhail Saakashvili อดีตประธานาธิบดีจอร์เจียซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกตอนที่เขาเผลอเคี้ยวเนคไทของตนเองออกทีวี (ช่วงสงคราม South Ossetia ปี 2008) วันนี้เขาขู่ว่าจะกระโดดดาดตึกสูงหลายชั้นเพื่อฆ่าตัวตายในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยูเครนบุกเข้าตรวจค้นอพาร์ทเม้นท์ของเขา สื่อยูเครนรายงาน

    [นาย Mikhail Saakashvili คนนี้เคยพ่ายแพ้สงครามให้กับปูตินมาถึงสองรอบ จนเสียดินแดนให้กับรัสเซียไปถึงสองแห่ง เพราะบ้ายุจากแก๊งนาโต้นำโดยสหรัฐ สุดท้ายก็ไม่มีแผ่นดินใหญ่ ไปยูเครนเขาก็ไล่ ไปโปแลนด์เขาก็ไม่ต้อนรับ - ผู้แปล]

    เจ้าหน้าที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายได้ทำลายประตูห้องอพาร์ทเม้นท์ของนาย Mikhail Saakashvili ในกรุงเคียฟในตอนเช้าของวันอังคารนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยได้ค้นแฟลตของเขา ขณะเดียวกันนายซากัชวิลี่ อดีตผู้ว่าแคว้น Odessa แห่งยูเครน และอดีตประธานาธิบดีจอร์เจีย ก็ได้กักขังตนเองไว้บนดาดฟ้าของตึกแห่งนั้น

    นายซากัชวิลี่ขู่ว่าจะกระโดดจากหลังคา LB.ua ของยูเครนรายงาน เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพากันรุดเข้าไปยังสถานที่พร้อมกับบันได

    "พวกเขาต้องการที่จะลักพาตัวผม เพราะว่าผมลึกขึ้นปกป้องประชาชนชาวยูเครน" นายซากัชวิลี่กล่าวกับฝูงชนผู้สนับสนุนตนเองซึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ถนนด้านหน้าตึก "พวกเขาต้องการจะทำแบบลับๆ แต่มันไม่ได้ผล"

    สุดท้ายนายซากัชวิลี่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลากตัวลงจากดาดฟ้าตึก เข้าไปในรถตู้คันหนึ่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของยูเครน NewsOne รายงาน

    ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของยูเครน (SBU) กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายซากัชวิลี่จะถูกสอบสวนในข้อหาต้องสงสัยสนับสนุนการก่ออาชญากรรมและให้ที่หลบซ่อนแต่พวกอาชญากร ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี

    ฝูงชนที่สนับสนุนนายซากัชวิลี่จำนวนหนึ่ง (หลายสิบคน) พยายามขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไม่ให้นำตัวนายซากัชวิลี่ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

    [ได้หมอนี่เป็นเด็กเลี้ยงหรือสุนัขรับใช้ของสหรัฐที่ถูกส่งตัวเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของยูเครน เป็นตัวป่วนตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ เป็นเพื่อนกับประธานาธิบดีโปโรเชนโก ตอนแรกโปโรเชนโกเชิญเขามาร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของโปโรเชนโก แต่เล่นตัว จึงปฏิเสธรับตำแหน่ง

    ต่อมาได้รับสัญชาติยูเครน เป็นพลเมืองยูเครนเต็มตัวด้วยความช่วยเหลือของสหรัฐ จนได้ดิบได้ดี ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลยูเครนให้เป็นผู้ว่าแคว้นโอเดสสา (/โอเดสซา) ในยูเครน พอเข้าไปเล่นการเมืองภายในยูเครน ก็ไปงัดข้อกับบรรดาเจ้าถิ่นในสภาและรัฐบาลยูเครน เนื่องจากไปแฉว่าพวกรัฐมนตรีและนักการเมืองยูเครนคอรัปชั่น ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนมือสะอาดอะไรเลย (พอกัน)

    ต่อมาถูกทางการยูเครนเพิกถอนหนังสือเดินทาง เพิกถอนการเป็นพลเมืองของยูเครน ถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าฯ หลบหนีไปอยู่ที่โปแลนด์พักหนึ่ง พยายามเคลื่อนไหวในโปแลนด์ แต่ไม่สำเร็จ ทางโปแลนด์ตะเพิดหนี ก็หลบหนีจากโปแลนด์ลักลอบเข้าไปในยูเครนอีกรอบ โดยมีบรรดาลูกสมุนชาวยูเครนไปต้อนรับจำนวนหนึ่ง

    จากนั้นก็ทำตัวเด่น วิพากษ์วิจารณ์และกล่าวหารัฐบาลยูเครนมาเรื่อยๆ ตอนที่อยู่ที่โอเดสซา ในพื้นที่อิทธิพลของเขา ตำรวจรัฐบาลกลางของยูเครนเข้าไม่ถึงตัวเขา เพราะว่าเลี้ยงลูกสมุนและมือปืนเอาไว้เยอะ ที่นั่นมีแก๊งใครแก๊งมัน นักการเมืองส่วนใหญ่จะมีกองกำลังติดอาวุธและมือปืนเป็นของตนเอง (คล้ายกับพวกกบฏ FSA กลุ่มต่างๆในซีเรีย) ไม่รู้ว่าแอบเข้าไปอยู่ในกรุงเคียฟได้ตั้งแต่เมื่อไร สุดท้ายถูกทางการยูเครนรวบซะ - ผู้แปล]

    ป.ล. ข่าวล่าสุดแจ้งว่า นายสากรอดพ้นจากการถูกจับกุมไปได้แล้ว เนื่องจากกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมากได้ขัดขวางรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและช่วยเหลือนายสากออกมาจากรถตู้ได้สำเร็จ ฮ่าๆๆ

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    05/12/2560
    ----------
    https://www.rt.com/news/411954-saakashvili-jump-roof-police/
    https://www.rt.com/news/411974-saakashvili-supporters-protest-kiev/
    https://www.rt.com/politics/russia-offers-repair-ties-georgia-733/
    https://www.theguardian.com/world/2...nt-mikheil-saakashvili-is-detained-in-ukraine
    http://www.independent.co.uk/news/w...shenko-prosecutors-home-ukraine-a8092291.html



     

แชร์หน้านี้

Loading...