ติดตามสถานะการณ์

Setiawan


ตั๊กแตนบุกที่ฮาราเมนซาอุดีอาระเบีย วันที่ 30 พ.ย. 2562

 

Setiawan

กำแพงฝุ่นเข้าไปใน Broken Hill ในภูมิภาคนิวเซาท์เวลส์, ออสเตรเลีย วันที่ 29 พฤศจิกายน 2019

 

#สระแก้ว – ผู้ประกอบการรับซื้อผักสดในพื้นที่ ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว พบซากฟอสซิลฝังในหิน ภายในสวนปาล์มน้ำมันของตนเอง ลูกสาวถ่ายภาพโพสต์เฟซบุ๊กมีคนติดต่อขอซื้อหลายราย ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
#ฟอสซิล

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 1) "เดมเลอร์"จ่อปลดพนักงานกว่า 10,000 คน : เดมเลอร์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมนี และบริษัทแม่ของ "เมอร์เซเดส-เบนซ์" ประกาศแผนปลดพนักงานทั่วโลก อย่างน้อย 10,000 คน ภายใน 3 ปี เพื่อประหยัดรายจ่าย ขณะที่บริษัทกำลังปรับโครงสร้าง เพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล


สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานจากเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่า บริษัทเดมเลอร์เผยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ว่า ต้องการลดรายจ่ายทางด้านเงินเดือนพนักงาน จำนวน 1,400 ล้านยูโร (46,527 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2565 ขณะที่บริษัทเข้าร่วมขบวนกับบรรดาบริษัทคู่แข่ง ในการลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก ในการผลิตรถยนต์แห่งอนาคต ที่มีความเป็นอัจฉริยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า


นายวิลฟรีด พอร์ธ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของเดมเลอร์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนปลดพนักงานทั่วโลก ด้วยตัวเลข "5 หลัก" โดยเกือบทั้งหมดจะเป็นพนักงานระดับบริหารจัดการ และบริษัทยังไม่มีแผนรับพนักงานใหม่เพิ่ม ปัจจุบันเดมเลอร์มีพนักงานลูกจ้างทั่วโลก ประมาณ 304,000 คน


ความเคลื่อนไหวของเดมเลอร์ มีขึ้นหลังจากบริษัทยานยนต์คู่แข่ง "ออดี้" แห่งเยอรมนี ประกาศแผนปลดพนักงาน 9,500 คน และบริษัทโฟล์คสวาเกน ปลดประมาณ 5,500 คน ด้วยเหตุผลเดียวกันกับเดมเลอร์


นายเฟอร์ดินานด์ ดูเดนโฮเฟอร์ ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมนี ทำนายว่า ภาคยานยนต์เยอรมนี ซึ่งปัจจุบันจ้างงานรวมกันทั้งหมดประมาณ 800,000 คน จะปลดพนักงานประมาณ 250,000 คน ในระยะ 10 ปีข้างหน้า แต่จะจ้างงานใหม่ประมาณ 125,000 คน ในระยะเวลาเดียวกัน


Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/foreign/744459


- Mercedes-Benz owner Daimler to cut 10,000 jobs worldwide : https://www.bbc.com/news/business-50598673

 

เซียนหาหนอนแห่งเมืองปาน จ.ลำปาง บ่นเสียดาย ต้นไผ่ในป่ามีน้อย ทำให้หนอน ตัวด้วง หรือ "รถด่วน" หายาก ดันราคาเพิ่มเป็นแตะ 1,000
นายบุญเรือง เลียบโลก ชาวบ้านแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เซียนหาตัวหนอนรถด่วนตัวฉกาจประจำอำเภอ กล่าวว่า ปีนี้ตัวหนอนมีน้อยกว่าทุกปี สาเหตุมาจากต้นไผ่ในป่ามีน้อย เพราะบางแห่งต้นไผ่ตายแห้งเองตามธรรมชาติ แต่ก็ยังสามารถหาตัวด้วงหรือตัวหนอนได้
เข้าป่าหา รถด่วน! แซ่บโปรตีนสูง ขายสร้างรายได้วันละพัน
รถด่วน ในบ้องไม้ไผ่ ไปดูคนนาแห้ว รวยเพราะ ‘หนอน’
"ไผ่จืด" หายากสรรพคุณดี
ปัจจุบันมีพ่อค้าจากกาดทุ่งเกวียน อ.ห้างฉัตร มารับซื้อเองถึงบ้าน ราคาซื้อขายกิโลละ 400-500 บาท โดยในแต่ละวันตนเองจะหาตัวหนอนได้จำนวน 5 กิโลกรัมขึ้นไป แต่เป็นรายได้เฉพาะฤดูกาล หากพ้นจากเดือนธันวาคม ตัวหนอนก็จะหมดไป เพราะลำต้นไผ่ก็แก่ตัวหนอนไม่สามารถเจาะเข้าลำไผ่ได้
สำหรับ "ตัวด้วง "หรือ "หนอน" ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เรียกว่า "รถด่วน" และเป็นอาหารกับแกล้มที่อร่อย เนื่องจากตัวหนอนรถด่วนมีความมันตามธรรมชาติ และตัวหนอนที่เจาะเข้าไปในปล้องต้นไผ่จะเจาะเนื้อไผ่อ่อนเป็นอาหาร จึงถือว่าเป็นสมุนไพร
ส่วนราคาในท้องตลาด หากนำไปทอดปรุงรสจะขายกิโลละ 800-1,000 บาท และในเขต อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เป็นแหล่งไม้ไผ่พันธุ์ไม้ซางขึ้นหนาแน่นที่สุดของประเทศ รถด่วนจึงมีที่นี่มากที่สุดของประเทศ.

 

SpringNews

กัดฟันเดินเท้ากลับบ้าน ลุงพิการไปหาหมอ แต่รถหมด สุดท้ายต้องเดินกลับบ้านเพราะห่วงแม่วัย 80 ปีที่อยู่คนเดียว ตำรวจ สภ.สระบัว ช่วยพาไปส่ง

 

กักเก็บพลังงานจากธรรมชาติ ด้วยกระบอกกังหันน้ำ ไม่ต้องพึ่งพาแดด
01 ธ.ค. 62 (20:32 น.)
Add @Sanook.com


ทุกๆ การออกท่องโลกเหล่านักท่องเที่ยวมักจะเตรียมความพร้อมทุกด้านกันอย่างดีเสมออยู่แล้ว ทั้งร่างกาย สุขภาพ อุปกรณ์และสิ่งของจำเป็นต่างๆ เพราะทุกอย่างล้วนสำคัญต่อการเอาชีวิตรอดในที่ที่เราไม่คุ้นเคยได้อย่างดี เพื่อการผจญภัยที่ต่อเนื่องและเกิดอุปสรรคน้อยที่สุด


Estream กระบอกพลังงานกังหันน้ำขนาดพกพา ที่พัฒนาโดย Enomad ที่สามารถไปกับคุณได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ทุกทริปของคุณไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ว่าพลังงานจะหมด เพราะเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพกพานี้สามารถเสิร์ฟพลังงานให้กับของใช้กับคุณได้อย่างง่ายดาย



ด้วยความกระทัดรัดและใช้งานง่ายสำหรับทริปของคุณ เพียงแค่นำออกมาติดตั้งใบพัดและวางทุ่นไว้ในลำธารที่น้ำไหลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นหาได้ง่ายอยู่แล้ว ปล่อยให้ใบพัดทำงานด้วยพลังการไหลของน้ำส่งพลังงานไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจัดเก็บประจุในแบตเตอรี่





ไม่ใช่เพียงแค่ลำธารเท่านั้น ตุณสามารถประยุกต์การใช้งานได้อีกในหลายรูปแบบ เช่น ผูกอุปกรณ์ชิ้นนี้ไว้ที่ท้ายเรือเมื่อคุณออกไปพายเรือเล่นในแม่น้ำเมื่อวันปิคนิคก็ยังได้ โดยแบตเตอรี่เก็บประจุไฟฟ้านั้นสามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย USB ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนได้สูงสุดถึง 3 ครั้ง โดยเครื่องกำเนิดพลังไฟฟ้ากังหันน้ำพกพา Estream นี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนการระดมทุน ซึ่งเผยราคาแรกอยู่ที่ 5,442 บาท/ชิ้น

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :tonkit360.com

https://www.sanook.com/hitech/14903...kJB3D-jkgVOVXR8FXtaESU52PO0_6VNWK0hJkrYflsDEE

 

“โคราช”แล้งมาเร็ว เกษตรกรทุกข์หนัก วัวควายขาดน้ำ-อาหาร ต้อนหากินไกล 5กม. (ชมคลิป)



https://www.matichon.co.th/region/news_1776175

 

ภัยแล้งมาเร็วโค-กระบือเริ่มขาดน้ำอาหาร
โคราชภัยแล้งมาเร็ว โค-กระบือเริ่มขาดน้ำอาหาร ต้องต้อนไปหากินไกลกว่าเดิม เกษตรกรทุกข์หนักในรอบหลายปี 1 ธันวาคม 2019 - 14:26



สถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา ยังคงขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดส่งผลกระทบกับสัตว์เลี้ยงโค-กระบือของเกษตรกรในตำบลเมืองปราสาท อำเภอโนนสูง เริ่มขาดแคลนพืชอาหารสัตว์ ขณะที่แหล่งน้ำธรรมชาติก็แห้งขอด ทำให้เกษตรกรต้องไล่ต้อนโคกระบือไปแทะเล็มตอซังหญ้าแห้ง และกินข้าวที่ไม่ออกรวงยืนต้นตาย ตามไหล่ถนน เพราะไม่มีหญ้าสดให้กิน ส่วนฟางฟ่อนที่กักตุนไว้ก็มีไม่เพียงพอ เกษตรกรบางรายต้องพาโคกระบือไปกินหญ้า และน้ำตามสระที่ยังพอมี ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านกว่า 5 กิโลเมตร ถึงแม้ว่าน้ำในสระหรือหนองน้ำในทุ่งนา จะมีสภาพเป็นขุ่นโคลน แต่ก็จำเป็นต้องปล่อยให้โค-กระบือลงไปกิน

นายกฤษดา ชุ่มศรี อายุ 62 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงโครายหนึ่ง กล่าวว่า ตนมีโคจำนวน 20 ตัว แต่ปีนี้ประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วงนานหลายเดือนและรุนแรงกว่าทุกปี ทำให้หญ้าสดที่งอกตามป่าหรือทุ่งนาใกล้กับหมู่บ้าน มีสภาพแห้งเหี่ยว ส่วนแหล่งน้ำตามธรรมชาติก็ตื้นเขินลงอย่างรวดเร็ว และบางจุดแห้งขอดจนหมด ส่งผลกระทบทำให้โคกระบือของชาวบ้านในหมู่บ้านเริ่มขาดแคลนทั้งแหล่งน้ำและอาหาร หากสถานการณ์รุนแรงกว่านี้ก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐหาแนวทางช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงของเกษตรกรอย่างเร่งด่วนเนื่องจากภัยแล้งมาเร็วกว่าทุกปีนับว่าแล้งหนักในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว




https://www.innnews.co.th/regional-..._XYv-_wCcv-dOBD1pObYg0oT2lPHigwq2l-j-lJIH7aXg

 

ปภ.พัทลุงเตือนประชาชนรับมือน้ำท่วม-หินร่วงจากภูเขาช่วงมรสุมผ่านพื้นที่ภาคใต้ เผยแพร่: 2 ธ.ค. 2562 10:51 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พัทลุง - น้ำยังคงท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.พัทลุง ชาวบ้านต้องย้ายของขึ้นที่สูง บางหมู่บ้านรถเล็กเข้าออกไม่ได้ ปภ.พัทลุงแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมรับมือน้ำท่วม-หินร่วงจากภูเขา

ที่ จ.พัทลุง ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้และตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (2 ธ.ค.) น้ำป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดพัทลุงที่ไหลหลากลงมาตามน้ำตกหนานสูงและน้ำตกปากรางในท้องที่ ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา ได้หลากลงมายังพื้นที่ด้านล่างลุ่มน้ำคลองพญาโอ้งในท้องที่ ต.ชะรัด อ.กงหรา ก่อนหลากท่วมบ้านเรือนใน ม.2 , 3 และ 8 ลุ่มด้านล่างของ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง

ระดับน้ำได้เอ่อล้นจากลำคลองเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 80 ครอบครัว ทำให้ชาวบ้านยังต้องขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง นอกจากนี้เส้นทางเข้าออกหมู่บ้านยังมีน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร บางจุด 50 เซนติเมตร ทำให้รถเล็กสัญจรผ่านไปมาไม่ได้

ในขณะที่ช่วงสายท้องฟ้าเริ่มโปร่งใส แต่จังหวัดพัทลุง โดยสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.พัทลุงยังคงออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้ารับมือฝนที่ยังจะตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ลุ่มน้ำท่วมซ้ำซาก ให้ประชาชนเตรียมรับมือกับมรสุมที่กำลังพาดผ่านภาคใต้ในขณะนี้ และชาวบ้านที่มีบ้านเรือนใกล้ภูเขาหินให้ระวังหินร่วง เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกสะสมและติดต่อกันอาจจะทำให้หินร่วงหล่นลงมาได้ในช่วงฝนตกหนัก



https://mgronline.com/south/detail/...AZblW4RO1-tcQQLFcHFQirmRNxIDM7eCKyLxhrgSO0VLU

 

พายุ “คัมมูริ”เตรียมขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์
โดย PPTV Onlineเผยแพร่ 2 ธ.ค. 2562,13:16น.ปรับปรุงล่าสุด 2 ธ.ค. 2562,13:42น.


เกือบทั่วทุกพื้นที่ในสหรัฐ กำลังเผชิญสภาพอากาศเลวร้าย มีทั้งหิมะตกเป็นฝนกระหน่ำ ทำให้เครื่องบินต้องยกเลิกหรือล่าช้าไปกว่า 2 หมื่นเที่ยว ส่วนที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการเตรียมรับมือกับพายุไต้ฝุ่น”คัมมูริ” ที่คาดว่าจะขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์ในค่ำวันนี้


หน่วยงานด้านสภาพอากาศของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า กำลังจับตามองการเคลื่อนตัวของพายุ”คัมมูริ”อย่างใกล้ชิด และคาดว่าพายุจะเดินทางถึงชายฝั่ง ทางตอนใต้ของเกาะลูซอน ภายในคืนวันนี้หรืออย่างช้าไม่เกินเช้าวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.)โดยความรุนแรงของมันจะเทียบเท่าพายุเฮอร์ริเคนระดับที่ 3


ในส่วนของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งบนเกาะลูซอนราว 43,000 คน ได้รับคำสั่งให้อพยพขึ้นสู่ที่ปลอดภัยแล้ว เพราะคาดว่าจะเกิดปรากฏการณ์คลื่นทะเลซัดฝั่ง บวกกับจะมีฝนตกไม่ต่ำกว่า 6 นิ้ว ซึ่งจะทำให้เกิดแผ่นดินถล่มได้

พายุลูกนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในฟิลิปปินส์ราว 2 ถึง 3 วัน ก่อนจะอ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ต่อไป


https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/115128

 

สื่อจีนระบุ ปักกิ่งเรียกร้องวอชิงตัน จะทำข้อตกลงการค้าเฟส 1 กัน สหรัฐฯต้องยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีศุลกากร เผยแพร่: 2 ธ.ค. 2562 01:53 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – หนังสือพิมพ์ “โกลบอลไทมส์” ในเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงานในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ว่า ปักกิ่งถือเรื่องที่เรียกร้องให้วอชิงตันต้องยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรที่เก็บจากสินค้าแดนมังกร เป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกสุดที่จะต้องบรรจุเอาไว้ในข้อตกลงการค้าเฟส 1 ใดๆ ก็ตามซึ่งสองประเทศตกลงกัน ข่าวนี้ปรากฏออกมาขณะที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถทำดีลกันได้สำเร็จ

“แหล่งข่าวหลายรายที่เป็นผู้รู้เรื่องโดยตรงเกี่ยวกับการเจรจาการค้า บอกกับโกลบอลไทมส์เมื่อวันเสาร์ว่า สหรัฐฯต้องยกเลิกการขึ้นภาษีศุลกากรที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน, ไม่ขึ้นภาษีศุลกากรตามแผนการซึ่งวางเอาไว้, โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างกัน” รายงานข่าวชิ้นนี้ระบุ

โกลบอลไทมส์ ซึ่งตีพิมพ์โดย เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังได้อ้างแหล่งข่าวที่ไม่มีการระบุอัตลักษณ์อีกรายหนึ่ง ซึ่งใกล้ชิดกับการเจรจาหารือ กล่าวว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังต่อต้านข้อเรียกร้องเช่นนี้ เนื่องจากการขึ้นภาษีศุลกากรกลายเป็นอาวุธเพียงอย่างเดียวของพวกเขาในสงครามการค้า และการยอมยกเลิกใช้อาวุธนี้หมายถึง “การยอมจำนน”

เมื่อวันอังคาร (26 พ.ย.) ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แถลงว่าวอชิงตันกำลังอยู่ใน “อาการเกร็งตัวครั้งท้ายๆ” ก่อนการคลอดออกมาของดีลเฟส 1 ซึ่งมุ่งหมายที่จะถอดชนวนสงครามการค้ากับจีนที่ดำเนินมา 16 เดือน โดยที่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้แสดงความปรารถนาที่จะให้เกิดข้อตกลงทางการค้า จากนั้นผู้เจรจาการค้าระดับท็อปของทั้งสองประเทศก็ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์อีกครั้ง และเห็นพ้องกันที่จะทำงานกันเพื่อไปในประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่

ทางด้าน ส.ว.ชัค แกรสลีย์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภาสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวในวันอังคาร (26 พ.ย.) ว่า ปักกิ่งได้เชื้อเชิญหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายอเมริกัน ซึ่งได้แก่ โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กับ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง ให้เดินทางไปเจรจากับฝ่ายจีนที่กรุงปักกิ่ง

แกรสลีย์บอกด้วยว่า ไลต์ไฮเซอร์ กับ มนูชิน มีความยินดีที่จะเดินทางไป ถ้าพวกเขามองเห็น “โอกาสอันแท้จริงที่จะทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายกันได้”

แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องการเจรจาการค้ารายหนึ่งยังบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯอาจเดินทางไปจีนภายหลังช่วงเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯแล้ว




กระนั้น เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พวกผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและบุคคลที่ใกล้ชิดทำเนียบขาว ได้บอกกับรอยเตอร์ว่า การลงนามในข้อตกลงการค้า เฟส 1 อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จนกระทั่งภายหลังปีใหม่ เนื่องจากฝ่ายจีนกดดันให้สหรัฐฯยอมถอนมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ในตอนแรกๆ ทีเดียว เป็นที่คาดหมายกันว่าข้อตกลงนี้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน

ครั้นแล้วเมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) ทรัมป์ได้ลงนามประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับฮ่องกงรวม 2 ฉบับ ซึ่งผ่านรัฐสภาอเมริกันออกมาอย่างแทบเป็นเอกฉันท์ โดยกฎหมายทั้งสองมีเนื้อหาสำคัญ คือมุ่งบังคับใช้มาตรการลงโทษเหล่าเจ้าหน้าที่จีนและเจ้าหน้าที่ฮ่องกงซึ่งกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง และกำหนดให้รัฐบาลอเมริกันต้องทบทวนสถานะของฮ่องกง ในการได้รับความอนุเคราะห์เป็นพิเศษทางการค้าจากสหรัฐฯเป็นประจำทุกปี

ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ ฝ่ายจีนได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างกราดเกรี้ยว ทั้งด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำปักกิ่งไปประท้วง โดยบอกว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รวมทั้งเรื่องนี้จะบ่อนทำลายความร่วมมือกันระหว่างทั้งสองประเทศ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่จีนได้เคยข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่าเรื่องการใช้ “มาตรการตอบโต้” แต่ก็ไม่ระบุเจาะจงว่าคืออะไร

ในการแถลงข่าวประจำวันตามปกติเมื่อวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) เกิ่ง ส่วง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ตอบคำถามที่ว่าการลงนามบังคับใช้กฎหมายของทรัมป์ จะส่งผลต่อการเจรจาการค้าอย่างไรหรือไม่ โดยกล่าวว่า มันจะบ่อนทำลาย “ความร่วมมือกันในด้านที่สำคัญๆ”

ครั้นเมื่อโฆษกของกระทรวงพาณิชย์จีน ถูกถามด้วยคำถามคล้ายๆ กัน เขาก็ตอบเพียงว่าเขาไม่มีข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ที่จะแจ้งให้ทราบ

https://mgronline.com/around/detail...S7fustk1otoO5rNsuyLp__YhLGxNjE3gyb4D9AoRzhC7M

 

เลขาฯยูเอ็นเตือน! โลกกำลังเผชิญวิกฤตภาวะโลกร้อน
1 ธันวาคม 2562 20:23

วันนี้( 1 ธ.ค.62) นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องบรรดาผู้นำโลกให้ดำเนินการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อต่อสู้กับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง พร้อมเตือนด้วยว่า โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตภูมิอากาศ

กูเตอร์เรส เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว่า สภาพอากาศเปลี่ยนไม่ได้เป็นปัญหาระยะยาวอีกแล้ว เพราะขณะนี้โลกกำลังเผชิญวิกฤตภาวะโลกร้อน ดังนั้นโลกจะต้องหยุดการขุดเจาะเพื่อแสวงหาพลังงานหมุนเวียน และแก้ปัญหาบนพื้นฐานของธรรมชาติ

ทั้งนี้ คำกล่าวของกูเตอร์เรสมีขึ้นเพียงวันเดียว ก่อนการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ คอป 25 ซึ่งจะเริ่มขึ้นที่กรุงมาดริดของสเปน โดยเหล่าผู้นำโลกจะถูกกดดันอย่างหนักในช่วงระหว่างวันที่ 2 - 13 ธันวาคม เพื่อหาทางควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ขณะที่ภูมิภาคต่างๆ ในทุกทวีปมีประสบการณ์อันเลวร้ายจากสภาพอากาศ ตั้งแต่น้ำท่วมจนถึงไฟป่า สเปน กลายเป็นเจ้าภาพคอป 25 หลังชิลียกเลิกการประชุม เนื่องจากเกิดความไม่สงบทางสังคมเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน แต่ถึงกระนั้น ชิลี ยังคงเป็นประธานการประชุมคอป 25 ในการนำเจรจาร่วมกับยูเอ็น

นักวิทยาศาสตร์เตือนมนุษย์ว่า เวลาในการจัดการปัญหาโลกร้อนใกล้หมดลงแล้ว แต่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า จะดำเนินการกดดันผู้เข้าร่วมประชุมในกรุงมาดริดเพื่อให้การประชุมครั้งนี้ มีความคืบหน้า



https://www.tnnthailand.com/content...TA9d2RjUmAEbAe97svVz1KS0RsDvoWfu2dwndrM2NNiY8

 

เข้าถึงวงโคจรดาวพฤหัสบดีในเดือนมีนาคม 2020/2563

Gill Broussard

วันที่ 1 ธันวาคม, 2019 สถานที่โดยประมาณของดาวเคราะห์-7 x

 

ตอนนี้สถานการณ์ภัยพิบัติของโลกกำลังเร่งตัวเข้าสู่ภาวะสูงสุด ส่วนใครจะใช้ว่าภาวะโลกร้อน หรือ ดาวเคราะห์ x หรือการกลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก ก็ตามทีสุดท้ายหายนะก็บังเกิดแบบเดียวกนหมด ส่วนการใช้ภาวะโลกร้อนก็ดีหน่อย ฝรั่งจะได้ระดมทุนไปสร้างหลุมหลบภัยเพื่อชนชาติ หรือชนชั้นสูงของเขาเอง ส่วนเราก็คงต้องช่วยตัวเองต่อไป

 

Chainarong Setthachua

หายนะแม่น้ำโขงเปลี่ยนสี จากสายน้ำที่สมบูรณ์สู่สายน้ำที่หิวโหย

สีของน้ำในแม่น้ำโขงที่เป็นสีคราม แท้จริงแล้วเกิดจากน้ำในแม่น้ำโขงใส ไร้ตะกอนในน้ำ และการใสไร้ตะกอน ผิวน้ำจึงเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนแสงของท้องฟ้ากลายเป็นสีคราม แต่หากลงไปดูดีๆ น้ำในแม่น้ำโขงใสแจ๋วมาก

ทางวิชาการเรียกภาวะแบบนี้ว่า "hungry river" แปลว่า "ภาวะไร้ตะกอน" แต่จะให้เข้าใจเลยก็คือเกิดภาวะ "สายน้ำที่หิวโหย"

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานับแต่แม่น้ำโขงเป็นที่รู้จักของชาวตะวันตก แม่น้ำโขงจะได้รับฉายาจากผู้สื่อข่าว นักทำสารคดี นักเขียนว่า "Mighty Mekong" -สายน้ำโขงที่อุดมสมบูรณ์ สีของสายน้ำนี้จะเป็นสีปูน เพราะมีตะกอนที่เกิดจากการกษัยการ (หรือการพังทะลาย) ของหินและดินหอบมากับสายน้ำ

ตะกอนที่พัดพามากับสายน้ำโขง เมื่อน้ำโขงไหลไปตามสายน้ำ และมีแม่น้ำสาขาไหลลงมาบรรจบ ก็จะทำให้เกิด "แม่น้ำสองสี" ในแทบทุกที่ เช่น ที่ปากมูลก็เกิดแม่น้ำสองสี "โขงสีปูน มูลสีคราม" คือน้ำสาขาจะมีสีคราม แต่น้ำโขงมีสีปูน

ตะกอนหายไปไหน?

วันนี้ แม่น้ำโขงไม่ได้เป็น Mighty Mekong อีกแล้ว แต่กลายเป็น "Hungry Mekong" เพราะหลังจากเขื่อนไซยะบุรีสร้างเสร็จ ก็มีการกักเก็บน้ำไว้เหนือเขื่อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนกระทั่งน้ำท้ายเขื่อนแห้งและปลาตาย

มีหลักฐานมากมายที่แสดงให้เห็นว่าเหนือเขื่อนไซยะบุรีมีน้ำเต็มและนิ่ง ขณะที่ท้ายเขื่อนน้ำแห้ง หลายแห่งที่เคยมีน้ำ มองดูราวกับทะเลทราย เหลือแต่น้ำในร่องน้ำลึกที่ยังไหล ถ้าน้ำโขงกว้างก็จะไหลเอื่อย หากแคบมีแก่ง น้ำก็พอยังจะเชี่ยว แต่ไม่ได้ไหลแรงตามธรรมชาติ

เขื่อนไม่ได้เก็บและปล่อยน้ำแบบที่โฆษณาว่า "ไหลมาเท่าไหร่ ปล่อยไปเท่านั้น" หรอกนะ คำพูดนั้นก็แค่หลอกเด็กและทำให้เขื่อนดูดีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะแท้ที่จริงเขื่อนจะปล่อยน้ำในยามผลิตกระแสไฟฟ้า และผมเรียกมันใหม่ว่า "เขื่อนได้ควบคุมน้ำไว้" หรือให้เห็นภาพชัดๆ ก็คือ เขื่อนไซยะบุรีได้ "ล่ามโซ่แม่น้ำโขง" เรียบร้อยแล้ว

เมื่อน้ำโขงถูกล่ามโซ่ น้ำเหนือเขื่อนที่ลึกและนิ่ง ทำให้ตะกอนที่พัดพามากับสายตกเหนือเขื่อนและอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำของเขื่อน การปล่อยน้ำผ่านเทอร์ไบน์ต้องมีระดับน้ำที่ต่างกัน ซึ่งเรียกว่า head เขื่อนไหนๆ ก็มี เขื่อนไซยะบุรีที่เรียกว่าเขื่อนน้ำไหลผ่าน (run-off river dam) ก็ต้องมี head และ head ที่นี่ก็หลายสิบเมตร น้ำที่ไหลผ่านเทอร์ไบน์ลงท้ายเขื่อนจึงเป็นน้ำที่ไม่มีตะกอน

เขื่อนน้ำไหลผ่านก็มีการตกตะกอนได้เหมือนเขื่อนอื่นๆ บทเรียนก็คือ เขื่อนปากมูลซึ่งอ้างว่าเป็นเขื่อนน้ำไหลผ่านก็ตกตะกอน เพราะยามที่มีการเปิดประตูระบายน้ำ(sluice gate) เหนือเขื่อนตั้งแต่ตัวเขื่อนขึ้นไปอีกหลายสิบกิโลเมตรจนถึงแก่งสะพือก็เต็มไปด้วยตะกอน ตะกอนเหล่านี้ทับถมอยู่หน้าเขื่อน ต้องใช้เวลาเป็นปี สายน้ำจึงพัดพาตะกอนออกไป แต่ก็ออกไปได้ไม่หมด เพราะมันทับถมอยู่ตามร่องหินของแก่งที่เคยเป็นบ้านของปลา

กรณีแม่น้ำโขง นอกจากตะกอนทับถมเหนือเขื่อนแล้ว ทางท้ายเขื่อน เมื่อน้ำไม่ไหลเชี่ยวเหมือนเดิม นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา บริเวณที่เป็นหาดทราย แก่งหิน และป่าน้ำท่วม (ป่าไคร้) เช่น ที่พันโขดแสนไคร้ น้ำที่เคยไหลเอื่อยก็แทบไม่ไหล และบ่อยครั้งที่น้ำลดจนแห้งราวกับทะเลทราย

บริเวณที่น้ำไหลเอื่อยๆ ตามธรรมชาตินี่แหละที่ทำให้หาดทราย ป่าไคร้ เป็นบ้านของสัตว์น้ำเล็กๆ ทั้งหอย ปู ปลา กุ้ง ที่อาศัยความอุดมสมบูรณ์ของสายน้ำที่ไหลมาจากข้างบน

การที่น้ำโขงแห้งเพราะถูกล่ามโซ่ นอกจากทำให้ต้นไม้ตายเพราะไม่จมอยู่ใต้น้ำตามวัฏจักรแล้ว สัตว์น้ำจำนวนมากก็ตายด้วย และยังทำให้ตะกอนที่พอจะเหลือจากที่ถูกกักไว้เหนือเขื่อน เกิดการตะกอนอีกครั้ง ป่าไคร้ที่พันโขดแสนไค้จึงมีตะกอนทับถมสูง บางจุดตะกอนทับถมเหลือแต่ปลายต้นไคร้ บางจุดสูงมากกว่า 2 เมตร

เมื่อตะกอนถูกกักไว้เหนือเขื่อนและยังตกตะกอนบริเวณที่เคยเป็นหาดทรายและป่าน้ำท่วม ยิ่งไกลจากท้ายเขื่อนน้ำก็ยิ่งใสราวกระจก และเมื่อสะท้อนแสงจากท้องฟ้าก็ยิ่งกลายเป็นสีคราม แต่คือสัญญาณอันตรายของแม่น้ำสายนี้

ตะกอนสำคัญอย่างไร?

ตะกอนคือธาตุอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของพืชน้ำ เมื่อสายน้ำโขงเกิดภาวะไร้ตะกอน ความอุมดสมบูรณ์ของพืชน้ำก็ลดตามลง ที่บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย ในเวลานี้ กลุ่มรักษ์แม่น้ำโขงได้สังเกตพบว่า แม่น้ำโขงบริเวณที่เคยมีตะไคร่น้ำที่ชาวบ้านเรียกว่าเทาไหรือไก ไม่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างที่เคยเป็น ในอดีตแม่น้ำโขงบริเวณที่เกิดเทาหรือไก จะมีปลามาเล่นน้ำ กินเทาหรือไกเป็นอาหาร และผสมพันธุ์ แต่ปีนี้กลับว่างเปล่า

แม่น้ำโขงในภาวะไร้ตะกอน จะส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศน์แม่น้ำโขง เพราะการขาดธาตุอาหารที่ไหลมากับน้ำ จะผลกระทบต่อสาหร่าย พรรณพืชขนาดเล็กๆ ไปจนถึงพรรณพืชขนาดใหญ่ ซึ่งอาจรวมไปถึงป่าน้ำท่วมแถบสตึงเตร็งในกัมพูชา

เมื่อพรรณพืชไม่อุดมสมบูรณ์ ปลาที่กินพืชเป็นอาหารก็จะลดลง และปลาที่กินเนื้อก็จะขาดอาหารไปด้วย

นี่คือหายนะที่เกิดกับแม่น้ำโขงอย่างแท้จริง ไม่ใช่เฉพาะปลากินพืชที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่ปลาทั้ง 1,300 สายพันธุ์ก็กระทบไปหมด

พวกนักสร้างเขื่อนมักจะบอกว่า เห็นมั้ย เขื่อนมันดีนะ "มีการจัดการน้ำให้ดี หน้าฝนน้ำไม่ท่วม หน้าแล้งมีน้ำ" แต่การทำแบบนี้คือการกระทำที่โง่เขลามาก เพราะการล่ามโซ่แม่น้ำ ทำให้ไม่เกิดน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก และพื้นที่เพาะปลูกในฤดูน้ำลดจะขาดความอุดมสมบูรณ์

นักสร้างเขื่อนไม่รู้หรอกว่า ตะกอนที่พัดพามาทับถมในฤดูน้ำหลากคือปุ๋ยธรรมชาติที่ดีที่สุด และทำให้ริมฝั่งโขงเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สมบูรณ์ที่สุดในอีสาน

ก่อนการสร้างเขื่อน แม่น้ำโขงแถบหนองคายจนถึงนครพนมคือพื้นที่ปลูกมะเขือเทศที่ดีที่สุดของประเทศ เพราะมะเขือเทศที่นี่ให้เนื้อมาก และผลผลิตมะเขือเทศที่นี่คิดเป็นร้อยละ 50 ของที่ผลิตทั้งประเทศ จนทำให้ประเทศไทยเป็นอีกประเทศที่ส่งซอสมะเขือเทศไปขายต่างประเทศได้ ในตอนนี้น้ำไม่ท่วม ไม่มีปุ๋ยจากธรรมชาติ การเพาะปลูกก็ต้องใช้ปุ๋ยเคมี และภาระก็จะตกกับเกษตรกรและผู้บริโภคในที่สุด

ตลิ่งพัง เพราะสายน้ำที่หิวโหย

แม่น้ำโขงที่หิวโหยยังจะสร้างหายนะได้อีกมาก ที่น่ากังวลที่สุดอีกประการก็คือ การพังทลายของตลิ่งแม่น้ำโขง เพราะน้ำโขงที่หิวโหยจะดึงตลิ่งให้พังลงมา และปัญหานี้อาจจะยาวไกลนับพันกิโลเมตรไปจนถึงกัมพูชาและเวียดนาม

ขณะที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง น้ำที่เกิดภาวะไร้ตะกอนจะทำให้ไม่เกิดการทับถมของตะกอนปากแม่น้ำ ภาวะไร้ตะกอนก็จะทำให้ชายฝั่งของเวียดนามพังทลายตามมา

บ้านของนกหายไป

ตลิ่งพังนอกจากการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม สร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ที่คาดไม่ถึง หากใครเคยล่องน้ำโขงในฤดูแล้ง หากมองตลิ่ง อาจเห็นรูเล็กๆ กระจายตามตลิ่งที่ชัน รูเหล่านั้นแหละครับคือที่วางไข่ของนกในลุ่มน้ำโขง ในฤดูแล้ง นกบางชนิดจะขุดรูตามตลิ่งของชายฝั่ง และวางไข่ ก่อนที่น้ำโขงจะท่วมตลิ่ง ลูกนกของมันก็จะเติบโตและโบยบินเพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ของมันต่อไป

นกเหล่านี้ คือนักปราบศัตรูพืชตัวยง และหากตลิ่งพัง บ้านของนกจะหายไป และส่งผลกระทบต่อประชากรนกตามมา ขณะที่คนสองฝั่งโขงที่ทำเกษตรกรรม จะต้องแบกรับภาระนั้นจากการที่ต้องมีต้นทุนในการทำเกษตรเพิ่มขึ้น

มีทางออกอย่างไร?

เรามีหนทางที่จะเยียวยาแม่น้ำโขงไม่มากนัก แต่อย่างน้อยที่สุด กลุ่มทุนที่ยึดแม่น้ำไปทำเขื่อนต้องเสียสละ หยุดปั่นไฟ และต้องรีบปฏิบัติการระบายตะกอน แต่มาตรการนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฟื้นฟูแม่น้ำโขงให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ได้

ดังนั้น ในระยะยาว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเขื่อนโดยเฉพาะเขื่อนไซยะบุรีต้องคิดถึงการยกเลิกการใช้เขื่อน (dam decommissioning) เพราะผลกระทบที่เกิดจากเขื่อนแห่งนี้มันขยายวงกว้างและสร้างผลกระทบที่เรียกได้ว่า "ภัยพิบัติทางนิเวศ" ครั้งร้ายแรงในอนุภูมิลุ่มน้ำโขง

อย่าลืมว่า แม่น้ำโขงไม่ได้เป็นของทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะมีสิทธิในการล่ามโซ่แม่น้ำ แล้วปั่นไฟ เพื่อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และรัฐทุกรัฐที่แม่น้ำโขงไหลผ่านก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกล่าวว่าแม่น้ำเป็นของรัฐนั้น จะปู้ยี่ปู้ยำอย่างไรก็ได้ ขณะที่รัฐอีกรัฐที่จะได้ประโยชน์จากการซื้อไฟฟ้า ก็ไม่มีสิทธิที่จะมีส่วนสำคัญในการทำลายแม่น้ำโขงเพียงเพื่อจะเอากำไรจากไฟฟ้าทีซื้อมาจากการทำลายแม่น้ำโขงเพื่อนำไปขายเอากำไรต่อ เช่นเดียวกับสถาบันการเงินที่ให้เงินกู้กับเขือนก็ไม่มีสิทธิที่จะแสวงหากำไรจากดอกเบี้ยที่เกิดจากการฆ่าแม่น้ำทั้งสาย

เพราะแม่น้ำโขงคือแม่ของสรรพชีวิต และแม่ของคนอีก 60 ล้านคน ที่พึ่งพาแม่น้ำสายนี้ตั้งแต่บรรพชน

เครดิตภาพ

ภาพแรก ผู้เขียน ถ่ายที่พันโขดแสนไคร้ อ.สังคม จ.หนองคาย จะเห็นตะกอนทับผมต้นไคร้จนเหลือแต่ยอด

ภาพที่สอง วีรยุทธ ไมตรี (ถ่ายที่ อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ

ภาพที่สาม Wissava Kulna (ถ่ายที่ ต.นาถ่อน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม)

 

กลายเป็นเมืองบาดาล 11 อำเภอนราธิวาส หลังมวลน้ำขยายวงกว้าง
02 ธ.ค. 2019 - 13:00 น.

น้ำท่วมจังหวัดนราธิวาส ขยายพื้นที่เพิ่ม 11 อำเภอ หลังน้ำในแม่น้ำสุไหง-ลก ล้นตลิ่ง ฝนตกหนัก ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 30,573 คน

สภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า บรรยากาศโดยทั่วไปท้องฟ้าเริ่มแจ่มใสมีแสงแดดส่องจ้า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเริ่มทิ้งช่วงและตกประปรายในบางพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ยังคงมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงของมวลน้ำในพื้นที่ อ.สุคิริน และแว้ง ได้ไหลลงมาสมทบ เพื่อระบายสู่ทะเลอ่าวไทยด้าน อ.ตากใบ





โดยแม่น้ำสุไหงโก-ลก มีปริมาณน้ำล้นตลิ่ง 2.20 เมตร ส่งผลทำให้น้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฎรที่ปลูกสร้างอยู่ตลอดแนวริมตลิ่งในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ขยายเป็นวงกว้างเป็น 23 ชุมชน โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 80-200 ซม. โดยชุมชนหัวสะพานมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงสุด

นราธิวาสอ่วม น้ำท่วมหนัก 4 อำเภอ “บิ๊กแป๊ะ” สั่งเร่งช่วยเหลือ



สำหรับสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 62 ถึงวันที่ 1 ธ.ค.62 พื้นที่ที่มีปริมาณฝนตกลงมาอย่างหนัก อยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก วัดได้ 353.4 ม.ม. รองลงมาในพื้นที่ อ.แว้ง วัดได้ 281.6 ม.ม. ส่วนอำเภอต่างๆ มีปริมาณฝนตกลดหลั่นกันไป ส่งผลทำให้มีน้ำท่วมขังขยายเป็นวงกว้าง 11 อำเภอแล้ว

ประกอบด้วย อ.สุไหงโก-ลก แว้ง สุคิริน สุไหงปาดี จะแนะ ระแงะ รือเสาะ ศรีสาคร ตากใบ ยี่งอและอำเภอเมืองนราธิวาส โดยมีพื้นที่น้ำท่วมขังบ้านเรือนของประชาชน209หมู่บ้าน49ตำบล29เทศบาล มีประชาชนประสบอุทกภัย 16,051 ครัวเรือน รวม 30,573 คน



และจากการตระเวนสำรวจถนนหนทางที่ประชาชนสัญจรไปมา ในพื้นที่ อ.แว้ง พบว่า ถนนสายบายพาสสุไหงโก-ลก จรดบูเก๊ะตา มีปริมาณน้ำท่วมขังสูง จนยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และมีโรงเรียนบ้านไม้ฝาด ม.8ต.กายูคละ ถูกน้ำท่วมขังจนทางโรงเรียนได้ประกาศปิดการเรียนการสอนเป็นการฉุกเฉิน นอกจากนี้โรงพยาบาลสุขเสริมสุขภาพ ต.กายูคละ ก็มีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านพักของเจ้าหน้าที่ จนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ชั่วคราวบนสำนักงาน

https://www.springnews.co.th/thailand/south/582058

 

โซเชียลฮือฮา! บ่าวสาวลุยน้ำ จัดงานวิวาห์ หลังฝนถล่มสุไหงโกลกอ่วม
02 ธ.ค. 2019 - 12:37 น.

โลกโซเชียลได้มีการแห่แชร์ภาพจาก ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Meen Photographer ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศของบ่าวสาวในพื้นที่สุไหงโกลก ที่อยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกหนักจนน้ำท่วมขัง โดยบ่าวสาว ได้พากันลุยน้ำ ลงเรือ จูงมือกันเข้าพิธีแต่งงาน จนกลายเป็นเซ็ทภาพสุดน่ารัก

ทั้งนี้ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า

“น้ำท่วมมิใช่อุปสรรคสำหรับวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเราสองคน”
#ภาพงานแต่งงานที่หาดูได้ยาก
#น้ำท่วมงานแต่ง
#สุไหงโกลก

วันนี้ผมได้มีโอกาสไปถ่ายงานแต่งของคู่นี้ ซึ่งจัดงานที่บ้านเจ้าสาว เขตรอยต่อ ชายแดนไทย – มาเลย์ สุไหงโกลก – แว้ง ซึ่งทั้งคู่ได้ทำพิธีนิกะฮฺ ไปเมื่อวานนี้ 30 พย. 62. และ วันนี้ 1 ธค. 62. ทั้งคู่ได้ตัดสินใจจัดงานแต่ง เพื่อเชิญญาติพี่น้อง เพื่อนๆ มาแสดงความยินดีกับทั้งคู่

***แต่สิ่งที่คาดไม่ถึง ก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดฝนตกหนักมาทั้งวันทั้งคืน ทำให้น้ำในแม่น้ำสุไหงโกลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งคู่ ตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องการจัดงานในวันนี้ ทั้งคู่พร้อมที่จะเดินลุยน้ำ พายเรือ เพื่อรับแขก ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ที่ได้เชิญมาในวันนี้ ทั้งคู่พร้อมยิ้มสู้ไปด้วยกัน ความอดทนของทั้งคู่ที่อัลลอฮ ทรงทดสอบนั้นช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะจับมือ เดินฝ่าไปด้วยกัน

ถึงการจัดงานจะทุลักทุเล แต่ญาติพี่น้องก็ช่วยกันประคอง ให้งานจบลงด้วยดี
ผมในฐานะช่างภาพ ก็ไม่รีรอที่จะพลิก วิกฤติเป็นโอกาส เลยตัดสินใจ นำภาพถ่ายของทั้งคู่ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก ที่ทั้งคู่ได้ประสบในวันนี้มาถ่ายทอดผ่านรูปถ่าย ให้ทุกคนได้รับชม






















https://www.springnews.co.th/social/582029

 

Setiawan

บ้านที่อยู่อาศัยบางส่วนจมอยู่ในน้ำท่วมลึกที่เกิดจาก #TisoyPH ใน Mapanas, Northern Samar ในวันจันทร์ที่ฟิลิปปินส์ 2 ธันวาคม 2019

 

โหมปลุกกระแสแก้ปัญหาความเดือดร้อนประมง
02 Dec 2019

22 จังหวัดคึกนัด 6 ธ.ค.ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศความพร้อมเพรียงจากนั้นนำพลเคลื่อนทัพไม่น้อยกว่า 1 พันคนบุกทำเนียบ 16 ธ.ค.ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีหวังพลิกชะตาชีวิตใหม่ โอดโดนรัฐรังแกมาอย่างยาวนานหลังไทยได้ใบเขียวแล้วก็ยังไม่คลี่คลาย





“ฐานเศรษฐกิจ” เก็บสีสันบรรยากาศแต่ละจังหวัดก่อนที่จะยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ เวลา 14.00 น. และเตรียมความพรั้อมในการที่จะไปชุมนุมสาธารณะที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ มีความคืบหน้าอย่างไร



เริ่มจากสมาคมประมงชุมพร 7สมาคม มาร่วมประชุมในการขับเคลื่อนตามมติที่ประชุมใหญ่สมาชิกสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยในการเดินทางไปยื่นหนังสือให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดในข้อเรียกร้องที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา




ส่วนสมาคมประมงปัตตานี สมุทรสงคราม เรือลากคู่สมุทรสงคราม สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด สหกรณ์บางจะเกร็ง บางแก้ว ผู้ประกอบการแพปลา พี่น้องชาวประมง หวัดสมุทรสงคราม พ่อค้า แม่ค้า สัตว์น้ำ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการประมงในจังหวัดสมุทรสงคราม



จากนั้้นก็มาชมบรรยากาศ 7 สมาคมประมงจังหวัดชุมพร ร่วมประชุมกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาคมอวนล้อมจับ(ประเทศไทย) บรรยากาศคึกคัก





ด้านสมาคมประมงปัตตานีได้นัดสมาชิกชาวประมงจังหวัดปัตตานีเตรียมความพร้อมในการไปยื่นหนังสือให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดส่งถึงนายกรัฐมนตรีถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงทั้งประเทศ



สมาคมประมงชุมพรเจ๋ง มีรถแห่ประกาศเชิญชวนด้วย สำเร็จหรือไม่ ต้องวัดกันในวันที่ 6 ธ.ค.นี้



สมาคมชาวประมงบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สมาคมประมงภูเก็ต



สมาคมประมงพังงา





สมาคมการประมงกันตัง จังหวัดตรัง



พลังของประมงพื้นบ้าน 5กลุ่ม ใน จ.ระยอง









https://www.thansettakij.com/conten...nK5A5YP8xRBVQhd0UyIL8L8G6dc5ZJPrd1R1YXaF2FOz0