ติดตามสถานะการณ์

Fenómenos Naturales

บราซิล - น้ำขึ้นสูง น้ำทะเลขึ้นฝั่งที่ BalneárioCamboriú, Santa Catarina วันนี้ 8 เมษายน

 

Fenómenos Naturales

เปอร์โตริโก - ฝนตกหนักที่ส่งผลกระทบต่อย่าน Mariana ใน Naguabo พร้อมน้ำท่วมวันนี้ 8 เมษายน

 

Fenómenos Naturales

TONGA - ลมแรงและฝนตกหนักที่พัดถล่มตองกา ไซโคลน Harold วันนี้ 8 เมษายน

 

Fenómenos Naturales

เปอร์โตริโก - รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันใน Mariana, Naguabo, ฝนตกหนักเนื่องจากแนวปะทะอากาศเย็นที่มีผลกระทบต่อเกาะ 8 เมษายน

 

ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเพราะโอลิมปิก
TIME วิเคราะห์ว่า ที่ญี่ปุ่นตัวเลขพุ่งสูงขึ้น อาจเกิดจากการ "ปกปิดตัวเลข" เพราะก่อนหน้านี้พยายามเดินหน้าเรื่องจัดโอลิมปิก แต่พอโอลิมปิกเลื่อนไป ตัวเลขเลยก้าวกระโดดเพราะเป็นตัวเลขจริง

 

โควิดพ่นพิษ ลูกจ้าง กรรมกร นอนที่ศาลาขอข้าววัดกิน รอคอยงานด้วยความหวัง
โควิดพ่นพิษ พบ ลูกจ้าง กรรมกร พ่อค้า จำนวน 8 คน อาศัยข้าววัดประทังชีวิต หลับนอนที่ศาลาอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน รอคอยความหวังได้งาน ได้เงินหล่อเลี้ยงครอบครัว
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ทั่วโลกแห่ชมปรากฏการณ์ “พระจันทร์ชมพู”
ผู้คนทั่วโลกรวมทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี สาธารณรัฐไอร์แลนด์และเยอรมนี ต่างได้ชื่นชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ พระจันทร์เต็มดวง สว่างสุกใสและดวงใหญ่ที่สุดกว่าปกติ หรือ “ซุปเปอร์มูน” (supermoon)
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

‘ธานินทร์’เสียใจ! ดะวะห์จากอินโดฯติดเชื้อ ชี้จำเป็นต้องนำกลับ ขอเร่งช่วยอีก 300 ชีวิต ติดอยู่อินโด-อินเดีย

#ธานินทร์ใจสมุทร #คิดวิด19 #คนไทยติดอินโด #คนไทยติดอินเดีย
https://www.mtoday.co.th/49993

เครดิตข่าว mtoday

กระผมนายธานินทร์ ใจสมุทร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูล ผู้ประสานงานนำคนไทยที่ติดค้างในต่างประเทศเนื่องจากโรคระบาด Covid - 19 กลับสู่ประเทศไทย

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าขณะนี้หลายๆภาคส่วนได้ช่วยกัน นำคนไทยที่ติดค้างในต่างแดนกลับสู่ประเทศไทย ซึ่งในนั้นส่วนหนึ่งมีพี่น้องของเราที่ติดค้างอยู่ที่อินโดนีเซียจำนวนหนึ่งได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในกระบวนการคัดกรองอย่างเข้มงวดตามระเบียบที่กำหนด และหนึ่งในจำนวนนั้นได้รับผลการตรวจที่เป็นบวก ตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ กระผมในฐานะผู้ประสานงานเพื่อนำคนไทยกลับ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง มายังพี่น้องชาวไทย ที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการก่อให้เกิดความกังวลแก่พี่น้องดังนั้นผมจึงขออภัยมายังพี่น้อง ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง

เหตุผลส่วนหนึ่งที่จำเป็น จะต้องนำพี่น้องที่ตกค้างเรานั้นกลับสู่ประเทศไทยก็เนื่องจากว่าหลายๆพื้นที่ได้มีการระบาดของโรคอย่างกว้างขวางและระบบสาธารณสุขของไทยพยาบาลของไทยมีความพร้อมในการที่จะรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ในระดับมาตรฐานสากลและลดความกังวลพร้อมกับสร้างความอบอุ่นใจให้กับบรรดาญาติพี่น้องของผู้เจ็บป่วยได้ระดับหนึ่ง

พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกันมีความรักมีความหวงแหนและเฝ้าติดตามข่าวกันอย่างกว้างขวางซึ่งขณะนี้มีพี่น้องของเราที่ติดอยู่ในต่างแดนอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับรายงานผ่านกระผม จากอินโดนีเซียก็มีจำนวน 100 กว่าท่าน จากประเทศอินเดียอีกจำนวนร่วม 200 ท่าน บางส่วนเป็นนักศึกษา บางส่วนไปในกิจกรรมต่างๆกัน ซึ่งมีทั้งพี่น้องชาวพุทธและมุสลิม ลองคิดดูสิว่า 300 กว่าชีวิต ซึ่งพวกเขาได้ฝากความหวังไว้ให้กับเราในการที่จะนำพวกเขาเหล่านั้นกลับสู่ประเทศไทย ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเมื่อกลับมาแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการที่รัดกุมเพื่อกักตัวเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วัน ในบริเวณที่กำหนดไว้ ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้

จึงขอเรียกร้องให้พี่น้องทั้งหลายได้ช่วยกันผลักดันและสนับสนุนให้ภารกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งพวกเขาได้ฝากความหวังไว้กับพวกเราทุกคน

กระผมจึงขออภัยมายังท่านทั้งหลายอีกครั้ง และขอให้เชื่อมั่นต่อระบบสาธารณสุขและการแพทย์ของไทยที่จะควบคุมการแพร่ระบาดและสามารถดูแลพวกเขาเหล่านั้นได้

ธานินทร์ ใจสมุทร
ผู้ประสานงานฯ

 

สัตว์ทางทะเลหนีอุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้น
อุณหภูมิความร้อนที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียสในช่วงปี พ.ศ.2593 มีนักวิจัยหลายคนให้ความเห็นว่าชนิดพันธุ์ของ สัตว์ มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงการกระจายประชากรในอีกไม่กี่ทศวรรษ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...cHHbsUXkTeHqFW6zZTjdL2KIkFawnpeXoIPJHbcwv7b1Y

 

เรียก"เหล้า"แต่ไม่ใช่"สุรา"
.
ภาษาลาววันละคำ “เหล้าเก้าสิบ” หมายถึงแอลกอฮอล์ แม้ในคำสั่งของนายกฯทองลุน เกี่ยวกับการป้องกันโควิด ก็บอกว่า ภาครัฐต้องแจกจ่ายเหล้าเก้าสิบแก่ประชาชน #ลาว
Credit Twitter #can_nw

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

#ภาคพื้นแปซิฟิก ได้รับรายงานจาก ศ.ประสานงานภัยพิบัติยูโร-แอตแลนติก ประเทศอิตาลี

/ #สะพานข้ามแม่น้ำทางเหนือ อิตาลี พังถล่ม บาดเจ็บ 2 ราย / ห้อง 62

 

Too Young to Die

โลกที่กำลังจมน้ำ Getty Images ประกาศรางวัลภาพถ่าย Climate Visuals ผลงานที่แสดงถึงภาวะโลกร้อนที่กำลังคุกคามมนุษย์

ช่างภาพ 144 คนจาก 40 ประเทศ เข้าร่วมประกวดภาพถ่ายที่แสดงถึงผลของภาวะโลกร้อน ในอนาคต ผู้คนกว่า 2.4 พันล้านคนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งกว่า 100กม.และ 2ใน3 ของบรรดาเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยกว่า 5 ล้านคน จะได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลที่สูงขึ้นไม่ว่าจะเพราะน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลาย หรือสภาพอากาศที่แปรปรวน พายุที่รุนแรงมากขึ้น กัดเซาะชายฝั่ง

ช่างภาพผู้ชนะ ได้แก่ Aji Styawan และ Greg Kahn จากอินโดนีเซีย และอเมริกา ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่ายจากคนละฟากของซีกโลก

หมู่เกาะที่กำลังจมน้ำ โดย Aji Styawan
อินโดนีเซีย ประเทศที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะกว่า 17000 เกาะ ซึ่งส่วนมาก เกาะเล็กๆมักอยู่เหนือระดับน้ำทะเลแค่ไม่กี่เมตร การตัดไม้ทำลายป่า การขุดน้ำบาดาลล้วนเป็นตัวเร่งให้อินโดนีเซียจมน้ำเร็วขึ้น นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า ก่อนปี 2050 เกาะเล็กๆกว่าพันเกาะ และบ้านเรือนหลายล้านหลังคาเรือนจะต้องจมน้ำในที่สุด

Demak เป็นเมืองทางเหนือของเกาะชวา อยู่ห่างจาก Jarkata ไป 300 miles ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้บ้านเรือนกว่า 500 หลังต้องย้ายที่อยู่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ฟาร์มสัตว์กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลา และป่าชายเลนก็ค่อยๆหายไป กลายเป็นทะเลว่างเปล่า

3 มิลลิเมตรที่ค่อยๆกลืนกินแผ่นดิน โดย Greg Kahn
น้ำทะเลที่สูงขึ้นปีละ 3 มิลลิเมตรค่อยๆกลืนกินแผ่นดินบริเวณชายฝั่งของ Chesapeake Bay รัฐ Maryland เกาะทางตอนใต้ของอ่าว 13 เกาะที่ครั้งหนึ่งเคยมีผู้คนอาศัยได้จมน้ำหายไปแล้ว

ลักษณะภูมิประเทศและกระแสน้ำจากมหาสมุทร Atlantic ทำให้บริเวณดังกล่าวมีน้ำทะเลหนุนสูง เร็วกว่าค่าเฉลี่ยบริเวณอื่นถึง 2 เท่า อนาคตปี 2100 น้ำทะเลจะรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินกว่า 5 ฟุต ทำให้พื้นที่กว่า 250,000 acres ต้องจมน้ำ ผู้คนกว่าห้าแสนคนต้องหาที่อยู่ใหม่

ปีที่แล้ว อินโดนีเซียประกาศแผนย้ายเมืองหลวงไปยังเกาะบอร์เนียว ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ไม่ใช่แค่อินโดนีเซียเท่านั้น แต่ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบ จากงานวิจัย ปี 2050 กรุงเทพมหานครเองจะอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลเช่นกัน

ภาวะโลกร้อนเป็นภาวะฉุกเฉินที่กำลังคุกคามโลกของเรา หลายคนอาจไม่รู้ว่าเราเหลือเวลาไม่มาก ปัจจุบันแนวโน้มก๊าซเรือนกระจกที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์มีแต่สูงขึ้นทุกปี ทั้งๆที่ Carbon Budget กำลังจะหมดลงในเวลาแค่ 10 ปี( Carbon Budget คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์สามารถปล่อยเพิ่มขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้อีกโดยอยู่ในระดับปลอดภัย) มิเช่นนั้น หากอุณหภูมิโลก เพิ่มขึ้นเกิน 1.5C สภาพอากาศจะเสียหายถาวร เกิดความแห้งแล้ง ไฟป่า ( ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือออสเตรเลีย)น้ำแข็งขั้วโลกละลาย เกิดน้ำทะเลหนุนสูง































https://www.nytimes.com/interactive...UmplQEn86AHYzLpdsPJDdk31t0la6dkd-h9Kqe-6EU95M

https://www.theguardian.com/environ...3bxcutgFI4T8FUhZhV9yazpIDrpsqiOQwiSpH87vArS2A

 

#ศพชายต่างชาติวัย 69 ติดเชื้อ #Covid_19 ตายรายแรกของบุรีรัมย์ ใส่ถุงซิป 3 ชั้น เผาทันที โดยไม่มีการประกอบพิธี มีเพียงสัปเหร่อจัดการ เก็บเถ้ากระดูกส่งให้ญาติ
ใส่ถุงซิป 3 ชั้น เผาเลย ฝรั่งวัย 69 ป่วยโควิดฯ เสียชีวิตรายแรกบุรีรัมย์
จนท.นำร่างชายชาวต่างชาติวัย 69 ปีที่ติดเชื้อโควิดฯ เสียชีวิตเป็นรายแรกของบุรีรัมย์ ใส่ถุงซิป 3 ชั้น ไปเผาที่วัดทันที โดยไม่มีการประกอบพิธีใดๆ มีเพียงสัปเหร่อมาคอยจัดการ เก็บเถ้ากระดูกส่งให้ญาติ
thairath.co.th

 

8 ธุรกิจ เสี่ยงตกงาน 7 ล้านคน

9 เมษายน 2563

กกร.คาดโควิดกระทบเศรษฐกิจหลักล้านล้านบาท รุนแรงกว่าต้มยำกุ้ง ส่งผลต่อธุรกิจ-ประชาชนทุกระดับ คาดยืดเยื้อถึง มิ.ย.นี้ ตกงาน 7.1 ล้านคน พร้อมลามถึงบริษัทใหญ่ต้องลดคน แนะประกันสังคมช่วยอุ้มค่าจ้าง 50%

การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย วานนี้ (8 เม.ย.) ได้ประเมินผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผลกระทบต่อการจ้างงานที่ชัดเจนมากขึ้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 มีความรุนแรงมากกว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เนื่องจากปี 2540 ผู้ที่ได้รับผลประทบจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ถึงกลาง และธุรกิจการเงินที่กู้เงินจากต่างประเทศ และเมื่อค่าเงินบาทลอยตัวทำให้ธุรกิจเหล่านี้ต้องปิดกิจการ

“วิกฤติโควิด-19 ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะกระจายไปทุกกลุ่ม ตั้งแต่ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็กและรายย่อย ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วน ทำให้มีผู้ตกงานและได้รับผลกระทบจำนวนมากกว่า โดยเฉพาะธุรกิจที่ใช้แรงงานมากและธุรกิจฐานราก เช่น ธุรกิจบริการทุกขนาดและธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง ซึ่ง กกร.ประเมินว่าสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจหลักล้านล้านบาท”




กกร.ประเมินว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้ จะมีแรงงานตกงาน 7.13 ล้านคน จากแรงงานในระบบประกันสังคมประมาณ 38 ล้านคน คิดเป็น 18.5% ของแรงงานทั้งหมด แบ่งเป็น

1.ธุรกิจบันเทิง คาดว่าจะเลิกจ้าง 6 หมื่นคน

2.ร้านอาหาร 2.5 แสนคน

3.สปาและร้านนวดในระบบ 3.96 หมื่นคน สปาและร้านนวดนอกระบบ 2 แสนคน

4.ธุรกิจโรงแรม 9.78 แสนคน

5.ศูนย์การค้าและค้าปลีก 4.2 ล้านคน

6.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7.76 หมื่นคน

7.สิ่งทอ 2 แสนคน

8.ธุรกิจก่อสร้าง 1 ล้านคน โดยแรงงานที่อาจตกงาน 7.13 ล้านคนนี้ จะเป็นแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน 6.773 ล้านคน คิดเป็น 95% ของแรงงานที่ตกงาน

“ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงเป็นเอสเอ็มอี หากการระบาดยืดยาวเกินเดือน มิ.ย.นี้ จะรุกลามไปกระทบธุรกิจใหญ่ เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงธุรกิจส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ตัวเลขการตกงานสูงขึ้นกว่าที่คาด”

สำหรับ ผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ จะติดลบแน่นอน แต่จะติดลบมากเท่าไรขอประเมินจากมาตรการแก้ไขเศรษฐกิจของภาครัฐก่อนว่าได้ผลเพียงใด ส่วนการส่งออก คาดว่าจะติดลบ 5-10% เป็นอย่างน้อย อัตราเงินเฟ้อจะติดลบ 1.5% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 0% ถึงลบ 0.5%


https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/875137?anf=

 

แบ่งปันจาก Office of the Air Attache Royal Thai Embassy, Moscow
ประธานาธิบดีปูตินเพิ่มเงินให้บุคลากรทางการแพทย์

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ขึ้นเงินเดือนและเพิ่มสวัสดิการด้านสุขภาพให้แก่หมอ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ให้เหมือนกับของทหาร

นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียได้กล่าวถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นด่านหน้าต่อสู้กับโรค COVID-19 ว่าทำหน้าที่ราวกับเป็นทหารแนวหน้า และด้วยเหตุนี้จึงสมควรให้เพิ่มเงินเดือนกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์สูงสุดถึง ๑,๐๐๐ ดอลล่าร์สหรัฐ

ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียกล่าวถึงความเสียสละของทีมบุคลากรทางการแพทย์ไว้ว่า "บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่ทำงานเป็นทหารหน้าด่านในการระบาดของโรค COVID-19 จะได้รับการเพิ่มเงินเดือนเป็นระยะเวลาอย่างน้อย ๓ เดือน โดยมาตรการนี้มีผลกับแพทย์ พยาบาล ตลอดจนพลขับรถฉุกเฉิน เนื่องจากบุคลากรเหล่านี้ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย"

Doctors & nurses on frontline in battle against Covid-19, says Putin as he gives them pay rise & same health benefits as military

Russian President Vladimir Putin has compared medics treating patients suffering from coronavirus to the military fighting on the frontlines, as he announced salary increments for them amounting to up to over $1,000.

All medical staff involved in combating the deadly coronavirus outbreak in Russia will be given a pay rise, including doctors, nurses and ambulance drivers. The measure is expected to stay in force for at least three months.

“They are working selflessly, as one team,” the president said, as he hailed the efforts taken by the medics to help those suffering from the disease.

© Source : RT
© Photo : Mikhail Klimentyev/Russian Presidential Press and Information Office/TASS
© Photo : Sputnik / press service of the First Moscow State Medical University
© Photo : Valery Sharifulin / TASS
© Photo : Sergey Medvedev/TASS

 

'เฉียบขาด' สิงคโปร์...จะเปลี่ยนดาดฟ้าตึกจอดรถเป็นแปลงปลูกผัก

Safeguarding Singapore's Food Security at the National and Household Levels During Coronavirus Pandemic

• สิงคโปร์ประกาศมาตรการใหม่ 'เพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารในประเทศ หลังจากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ห่วงโซ่อาหารโลกสะดุด' หนึ่งในนั้นคือ 'การเปลี่ยนดาดฟ้าอาคารจอดรถที่พักการเคหะให้เป็นแปลงปลูกผักในเขตเมือง'

• ข้อมูลของสำนักข่าว The Straits Times ระบุว่า 'สิงคโปร์มีประชากรเกือบ 5.84 ล้านคน 'มีพื้นที่ที่เป็นที่ดินทั้งหมด 700 ตารางกิโลเมตร ความหนาแน่นประชากรอยู่ที่ 8,358 คนต่อตารางกิโลเมตร' สิงคโปร์เจียดพื้นที่ร้อยละ 1 เพื่อผลิตอาหารร้อยละ 10 ของการบริโภค ที่เหลือมาจากการนำเข้า'...เพื่อไม่ให้ประชาชนคนสิงคโปร์อยู่ในกลุ่มผู้อดอยาก (Hunger) หรือ 'อยู่ในภาวะทุพโภชนาการ' (Undernourished People)

• รัฐบาลมีนโยบายจะเพิ่มการผลิตอยู่แล้ว...เพราะการผลิตอาหารโลกเสี่ยงประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปริมาณการเพิ่มของประชากรก็ยังอยู่ในอัตราทวีคูณ (Exponential Growth) ทั้ง

❶ ปัญหาทางด้านภาวะมลพิษที่เกี่ยวกับน้ำ

❷ ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมสลายและหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว เช่น น้ำมัน แร่ธาตุ ป่าไม้ พืช สัตว์ ทั้งที่เป็นอาหารและที่ควรจะอนุรักษ์ไว้เพื่อการศึกษา

• ล่าสุดทางการประเทศต่าง ๆ จำกัดการเดินทางเพราะ COVID-19 ระบาด กระทบต่อห่วงโซ่การเกษตรและอาหาร ก่อให้เกิดความวิตกว่าอาหารจะขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น

• รัฐบาลสิงคโปร์ออกแถลงการณ์ว่า 'สถานการณ์ COVID-19 ตอกย้ำถึงความสำคัญของการผลิตอาหารในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การผลิตในประเทศจะบรรเทาการพึ่งพาการนำเข้า...และเป็นกันชนในยามที่ห่วงโซ่อาหารโลกสะดุด

• ทางการตั้งเป้าเร่งเพิ่มการผลิตอาหารในประเทศภายใน 6 เดือนถึง 2 ปี โดยจะจัดสรรเงินให้เปล่า 30 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ 'ประมาณ 689 ล้านบาท' สนับสนุนการผลิต 'ไข่ ปลูกผักใบเขียว และเลี้ยงปลาให้ได้ผลผลิตในเวลาสั้นที่สุด' จัดหาสถานที่ทำการเกษตรทางเลือก เช่น พื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่ว่างเปล่า

• สำนักงานความมั่นคงทางอาหารของสิงคโปร์...จะเปิดประมูลการทำแปลงเกษตรบนดาดฟ้าอาคารจอดรถที่พักการเคหะ 'เพื่อทำการเกษตรในเขตเมืองตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 เป็นต้นไป

• บรรณานุกรม :

Credit : https://www.straitstimes.com/singapore/environment/safeguarding-food-security-at-the-national-and-households-levels

Credit : https://www.resilience.org/stories/2020-04-07/the-coronavirus-pandemic-and-future-food-security/

Credit : https://foodforward.org/2017/10/what-is-food-insecurity/

 

‘ทรัมป์’ ขู่ หั่นงบหนุน WHO รอบสองในหนึ่งสัปดาห์

9 เมษายน 2563

“ทรัมป์” ยกระดับความตึงเครียด ขู่หั่นเงินหนุน WHO เป็นรอบสองในหนึ่งสัปดาห์ เหตุทำให้สหรัฐรับมือโควิด-19 ผิดพลาด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ยกระดับความตึงเครียดกับองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) หลังออกมาวิจารณ์ในเรื่องการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พร้อมขู่ตัดเงินสนับสนุนอีกครั้ง

ปธน.ทรัมป์ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า จะทำการศึกษาตรวจสอบองค์การอนามัยโลก และตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป และตอนนี้จะระงับไว้ก่อน

ทั้งนี้ ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า คำว่า “ระงับไว้ก่อน” ของปธน.ทรัมป์นั้นคือ ระงับเงินสนับสนุนดับเบิลยูเอชโอ หรือระงับการตรวจสอบดับเบิลยูเอชโอ

นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า คณะทำงานกำลังประเมินงบสนับสนุนดับเบิลยูเอชโอ ใหม่อีกครั้ง พร้อมเสริมว่าดับเบิลยูเอชโอล้มเหลวในสิ่งที่ควรทำ โดยเฉพาะในการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ทางด้าน สภาคองเกรสได้อนุมัติเงินสนับสนุนดับเบิลยูเอชโอ มูลค่า 122 ล้านดอลลาร์ สำหรับปีงบประมาณปีนี้แล้ว ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ได้เสนองบประมาณ 58 ล้านดอลลาร์ให้กับดับเบิลยูเอชโอ สำหรับปีงบประมาณ 2564 ซึ่งสภาคองเกรสมีแนวโน้มจะไม่อนุมัติการตัดงบประมาณมากขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสเช่นนี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ขู่ว่า กำลังพิจารณาระงับเงินสนับสนุนให้กับดับเบิลยูเอชโอ พร้อมกล่าวหาว่าดับเบิลยูเอชโอให้ความสนใจต่อจีนมากเกินไป รวมทั้งให้คำแนะนำที่ผิดพลาดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่น การไม่เห็นด้วยกับมาตรการสั่งห้ามชาวต่างชาติที่เดินทางจากจีนเข้าสหรัฐ ในช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดไวรัสนี้

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/875195

 

ประชุม ครม ในยุค COVID19 ที่ สิงคโปร
.
ภาพที่เห็นเป็นการประชุม ครม ของทาง
สิงคโปรโดยภาพนี้เผยแพ่รใน FB ของนายกลีเซียนลุงแห่งสิงคโปร โดยการประชุมหนนี้เป็นการประชุมผสมโดยคนที่จำเป็นมากๆจริงๆถึงร่วมในห้องเดียวกัน ส่วนคนอื่นๆ(อีกครึ่งคณะ)นั้นประชุมทางไกลจากที่ต่างๆ
หลายคนอาจบอกว่าประชุม Online ทั้งหมดไม่ได้หรือ เอาจริงๆก็ทำได้แต่ในบางเรื่องที่เป็นความลับและเสี่ยงจะถูกดึงสัญญาณ ทางสิงคโปรเลยแบ่งผู้ร่วมประชุมเป็น 2 ส่วนเพื่อความปลอดภัยและรักษาความลับได้พร้อมๆกัน

 

สปป.ลาว #พนักงานภาครัฐ และเอกชนในส่วนที่มีจำเป็นยังทำงานตามปกติ แต่ก็ป้องกันตัวเต็มที่ ตามคำเรียกร้องของ สธ. ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในลาว 15 คนแล้ว(8 เม.ย.)

 

10 ข่าว “ไม่จริง”
ช่วง Covid-19 ระบาด
ที่มีคนแชร์ ไม่รู้จบ

อันดับ 10 ตู้อบฆ่า Covid-19 เมดอินเวียดนาม

ทำไมไทยไม่ทำแบบเวียดนาม ! เป็นประโยชที่ได้ยินบ่อยมาก ในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เหตุเกิดจาก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮานอย คิดค้นตู้ฆ่าเชื้อ ตั้งไว้ที่หน้าคลีนิก

https://vietnamtimes.org.vn/more-covid-mobile-disinfection-chambers-launched-in-vietnam-18593.html

แล้วพี่ไทยก็เชื่อกันไปว่าไอ้ตู้นี้มันจะฆ่า Covid-19 ได้ด้วย และทางเวียดนามตั้งกันทั่วประเทศแล้วน้า

แต่พอสืบข้อมูลลึกๆ จะพบว่า เวียดนามเองมีการตั้งเจ้าเครื่องนี้น้อยมากๆๆๆๆๆๆๆ และก็ยังไม่มีใครบอกว่าเจ้าตู้นี้ สามารถฆ่าเชื้อ Covid-19 ได้จริง

อันดับ 9 ฟ้าทะลายโจฆ่าเชื้อโควิดได้

ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณต้านหวัดธรรมดาได้จริง จนทำให้หลายคนคิดไปถึงว่าฟ้าทะลายโจรนี่แหละ จะมีสารพิเศษช่วยฆ่า Covid-19 รับประทาน แล้วเราจะรอด ปลอดเชื้อ

แต่ความเป็นจริง ยังไม่มีผลการวิจัยที่ระบุว่าฟ้าทะลายโจรสามารถจัดการเจ้าโควิดได้

รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ ประธานวิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพรแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าฝ

“ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ว่าฟ้าทะลายโจรใช้ป้องกันหรือรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อโควิด-19”

https://www.sanook.com/health/21313/

อันดับ 8 เชื้อโควิดแพร่ทางอากาศได้ไกลนับเป็นกิโลเมตร

มีการเชื่อกันว่า Covid-19 สามารถแพร่ทางอากาศได้ไกลเป็นกิโลเมตร ชนิดที่มีหมอบางคนบอกว่าเชื้อนี้ ต้องแพร่ทางอากาศสิ ก็กลุ่มนักร้องประสานเสียง ยังติดกันเลย
https://www.komchadluek.net/news/scoop/425630

แต่อย่าลืมนะครับว่ากลุ่มนักร้องกลุ่มนั้น เขาร้องเพลงกันไกล้กัน น้ำลง น้ำลาย กระเด็นเข้าปาก เข้าจมูก แบบง่ายๆ เลย
https://komonews.com/news/coronavir...-choir-killing-2-members-and-infecting-others

สรุปชัดๆ เจ้าเชื้อ Covid-19 ไม่แพร่ทางอากาศนะครับ

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรคโควิด-19 แพร่เชื้อทางละอองฝอยน้ำลายขนาดใหญ่ (Droplet transmission) ซึ่งติดต่อได้ 2 ทาง คือ วิธีที่ 1 การหายใจเอาเชื้อไวรัสเข้าร่างกายโดยตรง แต่ผู้รับและแพร่เชื้อจะต้องอยู่ในลักษณะที่อยู่ใกล้ชิดกันมาก จึงต้องแก้ปัญหาด้วย ประชาชนหากไม่มีความจำเป็นอย่าเข้าไปในสถานที่แออัด ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพ ซึ่งสามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ร้อยละ 97 ส่วนประชาชนที่สุขภาพดีให้สวมใส่หน้ากากชนิดผ้า

“ขอย้ำว่าโรคนี้ไม่ได้แพร่ทางอากาศ แต่แพร่ทางน้ำลาย กรณีที่เกิดขึ้นต่างๆ เป็นแค่เป็นการระบาดในกลุ่มก้อนขนาดใหญ่” นพ.ธนรักษ์กล่าว

https://www.matichon.co.th/local/news_2112870

อันดับ 7 มันเป็นสงครามชีวภาพ

มันมีทฤษฎีว่าเจ้าเชื้อนี้มันหลุดมาจากแลปของบางประเทศ ในฐานะที่มันเป็นอาวุธชีวภาพ มีการตัดต่อพันธุกรรมในห้องทดลอง มันจึงรุนแรงมากกว่า มีการโบ้ยไปว่าเชื้อนี้ ปล่อยมาโดยสหรัฐฯ ตอนนี้ สหรัฐฯยับเยิน คนก็ลือไปว่า มันมาจากจีน เห็นไหม จีนคุมได้ เพราะรู้จุดอ่อนของมัน

แต่ความจริงคือ คริสเตียน แอนเดอร์สัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและจุลชีววิทยา สถาบันวิจัยสคริปป์ อธิบาย เชื้อนรกนี่มันไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์แน่นอน โดยไวรัสตัวนี้ อาจจะมีชีวิตชีวิตในสัตว์มาก่อน และวิวัฒนาการข้ามมารติดคน หรืออาจะอยู่ในคนมาก่อน แล้ววิวัฒนาการให้รุนแรงขึ้น

แต่ไม่ใช่การตัดแต่งพันธุกรรมแน่นอน เพราะไม่มีร่องรอยของกระบวนการพันธุวิศวกรรมอยู่ในเชื้อเลย

https://ngthai.com/science/28564/covid-19-nat-sec/

อันดับ 6 ยาฟิวิพิราเวียร์ รักษาตรงจุด เป็นยามุ่งเป้า

เรามักจะเชื่อว่ายาฟาวิพิราเวียร์ มีสรรพคุณในการรักษาแบบตรงจุด มุ่งอัดไปที่เชื้อ Covid-19 เลย บางคนเชื่อไปถึงว่านี่เป็นยาวิเศษ ใช้กับใครคนนั้นต้องหาย

แต่ความจริงคือ ยานี้ไม่ใช่ยาวิเศษขนาดนั้น แม้จะมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้ทำให้คนป่วยทุกคนรอดตาย

ยาตัวนี้ ได้รับอนุมัติให้ใช้ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2557 เพื่อใช้รักษาโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล มีการใช้ยานี้ในช่วงที่มีการระบาดอย่างหนักของไวรัสอีโบลา (Ebola virus) ในแถบแอฟริกาตะวันตกช่วงปี พ.ศ. 2557 – 2559 ด้วยฤทธิ์การรักษาในวงกว้าง จึงนำมาใช้กับ Covid-19 ในที่สุด

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/871757

เป็นข้อมูลครับ แอดฯ ไม่อยากให้ประมาท เพราะคิดว่ามียารักษา

อันดับ 5 ติดเชื้อทางตา

คนกังวลกันมาก ว่าเชื้อนี้จะลอยจากไหนก็ไม่รู้แล้วมาเข้าตา ทำให้ติดเชื้อโควิด แต่ข้อเท็จจริงคือเชื้อไม่ได้ติดกันง่ายขนาดนั้น ถ้าคุณไม่ไปสัมผัสเชื้อ แล้วมาขยี้ตาแรงๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายคุณผ่านทางตา

นพ.ศักดิ์ชัย วงศ์กิตติรักษ์ ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ ไขข้อข้องใจให้ฟังว่า

โควิด-19 เป็นไวรัสที่ไม่ได้ลอยอยู่ ในอากาศโดยลำพัง แต่จะมากับเสมหะ หรือน้ำลายของผู้ป่วย เวลาไอ หรือจาม ดังนั้นโอกาสที่คนปกติเมื่อเดินไปในที่ชุมชนแล้ว จะมีไวรัสลอยมาติดเยื่อบุตาขาว หรือมีปริมาณมากจนไหลลงท่อระบายน้ำตานั้น เป็นไปได้น้อยมาก และยังไม่มีรายงานการติดด้วยวิธีนี้ จึงไม่จำเป็นต้องสวมแว่นตาเพื่อป้องกันเชื้อโรคแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เชื้อจะติดผ่านเยื่อบุตาลงไปสู่โพรงจมูกได้สำคัญคือ "มือ" เช่น ถ้าคนป่วยเอามือมาปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอหรือจาม แล้วไปจับสิ่งของต่าง ๆ อาทิ ราวบันได ลูกบิดประตู หรือตามที่ ต่าง ๆ แล้วคนทั่วไป สัมผัสเชื้อนั้นแล้วไม่ล้างมือ เอามาขยี้ตาก็มีโอกาสติดเชื้อผ่านช่องทางนี้ได้

สบายใจกันบ้างแล้วนะครับ

อันดับ 4 ไทยรับยาจากจีน ไปขายต่อสหรัฐฯ

ช่วงวันที่ 22-24 มีนาคม โซเชียลไทยไปงับเอาข่าวจากใครก็ไม่รู้ เป็นภาษาจีน มาบอกว่าคนจีนโกรธมากที่ไทยเอาหน้ากากรับบริจาคจากจีนไปขายต่อสหรัฐ

ประเด็นคือ คนปล่อยข่าวจากทางจีนเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่สำนักข่าว ไม่ใช่อะไรที่เชื่อถือได้ เป็นเพียงเพจ หรือ บัญชีผู้ใช้งาน ที่สมัครเป็น Individual media ให้เผยแพร่ข้อมูลของเขาบนแพลทฟอร์มออนไลน์ อย่าง 163.com, sohu.com ซึ่งแกไปตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมไทยมาขอรับบริจาคจากจีน แล้วเอาของรับบริจาคไปขายสหรัฐฯ

ซึ่งในความเป็นจริง มันคนละส่วนกัน ส่วนที่ขาย เป็นเรื่องของเอกชน เขาทำสัญญากันไว้แล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/871098

ส่วนที่รับบริจาคก็รับไป ความตลกคือ เรารับความช่วยเหลือมาวันที่ 18 มีนาคม แต่เราขายออกไปวันที่ 16 มีนาคม สรุปคือเราขายของให้เมกา ก่อนที่เราจะรับของจากจีนเสียอีก

https://www.thairath.co.th/news/local/east/1796308



อันดับ 3 เชื้ออิตาลีแรงกว่า

มีการพูดกันว่าเชื้ออิตาลีแรงกว่าเชื้อจากประเทศอื่น ซึ่งเป็นข้อมูลที่ออกจะมั่วนิดหน่อย เพราะเชื้ออิตาลี เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่เยอรมัน แต่อัตราการเสียชีวิตของอิตาลีต่อยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 10% ขณะที่ของเยอรมันอยู่อยู่ 1% กว่าๆ เท่านั้น

ปัจจัยที่ทำให้ที่อิตาลีสูญเสียเยอะมาจากหลายปัจจัย ทั้งอิตาลี เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการสัมผัสตัว แสดงถึงความไว้ใจ จำนวนผู้สูงอายุในประเทศที่มากเป็นอันดับ 1 ของยุโรป วินัยของพลเมือง ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการสาธารณสุข เป็นต้น

https://thestandard.co/why-coronavirus-spreading-in-italy-is-vital-and-cause-death-heavily/

https://www.posttoday.com/world/618368

อันดับ 2 สธ.หน้าโง่ ไปซื้อยา Favipiravir จากจีน ทำไมไม่ขอฟรีจากญี่ปุ่น

สัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงระหว่างวันที่ 4-5 มีนาคม มีข่าวว่าทางญี่ปุ่นจะแจกยาฟรีแก่ประเทศที่ร้องขอ ทำให้สังคมโซเชียลตั้งคำถามว่า ทั้งที่ญี่ปุ่นจะแจกยาฟรี แล้วเราจะไปซื้อยาจากจีน ทำไม

คำตอบคือทางการไทยซื้อยาจากจีนมาตั้งแต่ เรารับทราบว่ายาตัวนี้ รักษาผู้ป่วยได้ น่าจะนำเข้ามาล็อตแรกกลางเดือนกุมภาพันธ์ 63 จากนั้นมีการติดต่อขอรับการสนับสนุนเรื่องยาจากจีน รวมถึงญี่ปุ่นด้วย เพราะทางการไม่รู้ว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับสต็อกยาตัวนี้

หมอวิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยมอบให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยาสำคัญสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด -19 มีแหล่งผลิตอยู่ 2 แหล่งหลัก คือญี่ปุ่นเจ้าของลิขสิทธิ์และจีน ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น รวมได้รับยามาแล้ว 87,000 เม็ด โดยเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563 กรมควบคุมโรคได้นำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 5,000 เม็ด เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 รัฐบาลจีนได้บริจาคให้รัฐบาลไทย จำนวน 2,000 เม็ด, เมื่อ 12 มีนาคม 2563 กรมควบคุมโรคนำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 40,000 เม็ด ส่งมอบให้สถาบันบำราศนราดูร ,กรมการแพทย์ ,โรงพยาบาล ใน 12 เขตสุขภาพแล้ว และเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรมได้จัดซื้อจากญี่ปุ่น 40,000 เม็ด ส่งให้โรงพยาบาลราชวิถี 18,000 เม็ด เพื่อกระจายให้กับโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และ 12 เขตสุขภาพ จำนวน 18,000 เม็ด เพื่อจัดสรรให้กับโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เหลือไว้สำรองอีก 4,000 เม็ด สำหรับจัดสรรกรณีจำเป็นเร่งด่วน

ปัจจุบันได้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ กับผู้ป่วยแล้ว จำนวน 515 ราย ใช้ไปแล้ว 48,875 เม็ด เหลืออยู่ 38,126 เม็ด สามารถมีใช้ได้อย่างต่อเนื่องอีก 4-5 เดือน ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งซื้อจากจีนและญี่ปุ่นเพิ่ม 200,000 เม็ด โดยจะมีการจัดส่งยาภายในเดือนเมษายนนี้ รวมแล้ว 287,000 เม็ด ตั้งเป้าสำรองใช้ในประเทศจำนวน 3.5 แสนเม็ด ขั้นต้นสำหรับ 2 เดือน (เมษายน-พฤษภาคม 2563) และจะมีการสั่งซื้อเพื่อสำรองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

“การจัดหายาต้านไวรัสในครั้งนี้ มีความยากลำบากเนื่องจากเป็นที่ต้องการของทุกประเทศ ต้องใช้การดำเนินการทุกวิถีทาง ทั้งการเจรจาผ่านสถานทูตญี่ปุ่นและจีน ทั้งในแง่ของการซื้อและบริจาคมาโดยตลอด โดยไม่รอรับการบริจาคเพียงอย่างเดียว เพื่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทย ส่วนกรณีข่าวญี่ปุ่นจะบริจาคยาให้ 30 ประเทศนั้น อยู่ระหว่างการประสานงาน เบื้องต้นทราบว่าทางการญี่ปุ่นจะสนับสนุนสำหรับเป็นโครงการวิจัยในโรงเรียนแพทย์ ทั้งนี้หากประเทศใดต้องการบริจาคยา ประเทศไทยยินดีรับการสนับสนุน เพื่อให้มียาช่วยรักษาชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างเร่งด่วน” นายแพทย์วิฑูรย์ กล่าว

จบข่าว สรุปว่าเราซื้อยามานานแล้ว ตามนโยบายกันไว้ดีกว่าแก้ และซื้อจากทั้งจีน และญี่ปุ่น ไม่ได้ซื้อจากจีนที่เดียวอย่างที่เขาลือกัน

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/874605

อันดับ 1 อนุทิน เปรียบ Covid-19 รุนแรงเหมือนไข้หวัดธรรมดา

ไล่อ่านตามเม้นท์ FB หากมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือมีการเร่งมาตรฐาน เรามักจะเห็นโพสต์ว่า “ไหน … บอกว่าแรงเท่าไข้หวัดธรรมดาไง แล้วจะกลัวทำไม” “เหมือนไข้หวัดธรรมดา แล้วทำไมตาย”

ทั้งนี้ วลีเรื่องไข้หวัดธรรมดานั้น ไม่รู้มาจากไหน เพราะ “เสี่ยหนู” ใช้คำว่า ไข้หวัดชนิดหนึ่ง และไม่ได้เปรียบความรุนแรงของโรคเหมือนไข้หวัด แต่บอกว่า มันคือ ไข้หวัดชนิดหนึ่ง ซึ่ง ก็ถูกต้อง เพราะ Covid-19 มีเชื้อแม่คือ Coronavirus ซึ่งเป็นหวัดชนิดหนึ่ง เสี่ยแกบอกว่าวิธีการป้องกันโรคนั้น ให้ทำเหมือนไข้หวัด และเป็นการสื่อสารเมื่อวันที่ 26 มกราคม ซึ่งโลก เพิ่งรู้จักกับโรคนี้

“มันก็คือโรคหวัดโรคนึง แล้วก็ใครเป็นหวัดเราก็ต้องรู้ การทำตัวก็คือ เวลาเราเจอคนเป็นหวัด เราทำยังไงก็ทำเหมือนกันนะครับ อย่าไปให้เขาจามใส่ อย่าไปสัมผัสตัวเขา อย่าไปกินข้าว กินอาหารร่วมกับเขา ใช้ชีวิตตามปกตินะครับ อย่าไปสัมผัสซากสัตว์ตายแล้ว”

https://www.springnews.co.th/thailand/607028

ทั้งนี้ ยังไม่เคยเห็นว่าเสี่ยจะปรามาสให้โรคนี้ “รุนแรง” เท่าหวัดธรรมดา เพราะแกเปิดด่านมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม และยกระดับมาตรการไปเรื่อยๆ หากเสี่ยแกคิดว่านี่คือหวัดธรรมดาจริงๆ เราคงไม่เห็นความกระตือรือร้นของ สธ.ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนมกราฯ

#Infocovid19