ติดตามสถานะการณ์

พายุหิมะกระหน่ำกรุงมอสโกเที่ยวบินดีเลย์



พายุหิมะตกหนักในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก และเที่ยวบินโดยสารมากกว่า 150 เที่ยวต้องล่าช้า

วันพฤหัสบดี 25 ธันวาคม 2557 เวลา 21:13 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 25ธ.ค.ว่าเกิดพายุหิมะตกหนักในกรุงมอสโกเมื่อวันพฤหัสบดีเป็นเหตุให้เที่ยวบินโดยสารกว่า150 เที่ยวล่าช้า และการจราจรเป็นอัมพาตอย่างไรก็ตาม สนามบินในกรุงมอสโกทั้ง3 แห่งไม่ได้ปิดให้บริการแต่ทั้ง 3แห่งก็ได้รับผลกระทบเที่ยวบินล่าช้าอย่างมากซึ่งรวมทั้งมากกว่าร้อยเที่ยวบินต้องประสบปัญหาดีเลย์จากสนามบินโดโมเดโดโวทางตอนใต้ของกรุงมอสโกโดยพายุหิมะ เริ่มตกหนักเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีและสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของรัสเซียแถลงว่า คาดว่าจะมีหิมะตกหนักสูงถึง4 นิ้วในกรุงมอสโกภายในวันเดียว

ด้านสำนักงานตรวจสอบการจราจร“แยนเด็กซ์” แถลงว่าการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักในเมืองหลวงรัสเซียวัดได้สูงระดับ 10ในช่วงบ่ายซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติทุกปีระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน

ด้านนายกรัฐมนตรีดมิทรีเมดเวเดฟ ของรัสเซีย กล่าวว่าการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักนี้ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องติดอยู่กับสภาพการจรจาและเดินทางมาเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้ายของปีนี้สายไปตามๆ กัน

พายุหิมะกระหน่ำกรุงมอสโกเที่ยวบินดีเลย์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปูตินสั่งยกเลิกวันหยุดปีใหม่คณะรัฐมนตรี



ประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งยกเลิกวันหยุดเทศกาลปีใหม่สำหรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากประเทศกำลังประสบวิกฤติเศรษฐกิจ

วันพฤหัสบดี 25 ธันวาคม 2557 เวลา 20:25 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 25ธ.ค.ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน ผู้นำรัสเซียยกเลิกวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ของคณะรัฐมนตรีเพราะวิกฤติเศรษฐกิจกำลังขยายตัวโดยปูติน กล่าวต่อที่ประชุมรัฐบาลซึ่งมีการถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์เมื่อวันพฤหัสบดีว่าคณะรัฐมนตรีไม่สามารถหยุดพักในวันหยุดได้ขณะที่ ลูกจ้างบริษัทของรัสเซียทั่วประเทศได้สิทธิ์หยุดงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่วันที่1-12 ม.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวรัสเซียเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ถือเป็นวันหยุดสำคัญในรัสเซียและยังเป็นวันหยุดของชาวคริสต์ออร์โทด็อกในวันที่7 ม.ค.ด้วย

ทั้งนี้เศรษฐกิจรัสเซียซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อเนื่องและมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกมีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 6ปี ขณะที่ ค่าเงินรูเบิลอ่อนลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง

ปูตินสั่งยกเลิกวันหยุดปีใหม่คณะรัฐมนตรี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

อิหร่านเริ่มซ้อมรบครั้งใหญ่



อิหร่านเริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหญ่ใกล้กับจุดยุทธศาสตร์สำคัญช่องแคบฮอร์มุซ ปากทางเข้าอ่าวเปอร์เซีย

วันพฤหัสบดี 25 ธันวาคม 2557 เวลา 23:30 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะรานประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่25ธ.ค.ว่าสถานีโทรทัศน์ของรัฐรายงานว่าพล.อ.อาหมัดเรซา เปอร์ดาสถานผู้บัญชาการทหารบกของอิหร่านแถลงว่า กองทัพอิหร่านได้เริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหญ่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซจุดยุทธศาสตร์สำคัญซึ่งเป็นปากทางเข้าอ่าวเปอร์เซียโดยจุดประสงค์สำคัญของการซ้อมรบในครั้งนี้ก็เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับทหารอิหร่านสายเลือดใหม่

รายงานข่าวระบุว่าการซ้อมรบครั้งนี้กินเวลา1สัปดาห์ครอบคลุมพื้นที่ 527,000ตารางกิโลเมตรทางตอนเหนือของมหาสมุทรอินเดียทะเลโอมาน และ ฝั่งตะวันออกของช่องแคบฮอร์มุซซึ่งถือว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันคิดเป็นปริมาณน้ำมัน1ใน 5ของทั่วโลก

แผนแรกของซ้อมรบจะใช้กำลังทหารภาคพื้นดินก่อนทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่านในวันพฤหัสบดีกับวันศุกร์จากนั้นในช่วงสุดสัปดาห์ก็จะเป็นกำลังทหารเรือ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอิหร่านระบุว่ากองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามจะเข้าร่วมซ้อมรบด้วยรวมทั้งจะมีการทดสอบอาวุธใหม่ด้วย

อิหร่านเริ่มซ้อมรบครั้งใหญ่ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

รัสเซียมองยูเครน 'ยั่วยุ' ด้วยการสมัครสมาชิกนาโต



รัฐบาลรัสเซียเตือนการยกเลิกสถานะรัฐเป็นกลาง เพื่อกรุยทางสู่การเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนนั้น คือการ "ยั่วยุ" ที่ไม่ได้ส่งผลเสียเฉพาะในด้านความสัมพันธ์กับมอสโกเท่านั้น แต่ยังต่อเนื่องไปถึงทั้งยุโรป

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/4B8Do_aJ9kQ?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

วันศุกร์ 26 ธันวาคม 2557 เวลา 09:57 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ว่านายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงหารต่างประเทศรัสเซีย แถลงประจำปีเมื่อวันพฤหัสบดี วิจารณ์การที่สภาผู้แทนราษฎรของยูเครนมีมติเมื่อวันพุธ ยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการเป็นประเทศไม่ฝักใฝาฝ่ายใดหรือประเทศเป็นกลาง เพื่อปูทางสู่การเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่อันตรายต่อเสถียรภาพด้านความมั่นคงของยุโรป และในระยะยาวจะยิ่งเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงเพิ่มความตึงเครียดให้กับการเผชิญหน้าระหว่างมอสโกกับตะวันตกด้วย

ขณะเดียวกัน ลาฟรอฟกล่าวด้วยว่า มีกลุ่มประเทศตะวันตกบางประเทศต้องการให้สถานการณ์ในยุเครนวุ่นวายเช่นนี้ต่อไป เพื่ออาศัยรัฐบาลเคียฟเป็น "รัฐกันชน" ในการเผชิญหน้ากับรัสเซีย และใช้นโยบายยั่วยุมอสโกผ่านการให้ยูเครนเตรียมสมัครเข้ารับการพิจารณาเป็นสมาชิกของนาโต ซึ่งเป็นแนวคิดที่ "อันตราย" อย่างยิ่ง

ลาฟรอฟถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลรัสเซียคนล่าสุด ที่ออกมาแสดงท่าทีคัดค้านการเดินหน้าเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน ทั้งนี้ ลาฟรอฟเป็นบุคคลที่กล่าวมาตลอดด้วยว่า แผนยุทธศาสตร์ของนาโตที่รับอดีตรัฐบริวารของสหภาพโซเวียต และประเทศที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก ถือเป็นการข่มขู่และคุกคามทางทหารโดยตรงต่อมอสโก

รัสเซียมองยูเครน 'ยั่วยุ' ด้วยการสมัครสมาชิกนาโต | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ซูดานไล่เจ้าหน้าที่ยูเอ็นออกนอกประเทศ



ยูเอ็นแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง หลังรัฐบาลซูดานเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านมนุษยธรรม 2 คนของหน่วยงานให้ออกนอกประเทศ โดยไม่ระบุเหตุผลอย่างชัดเจน

วันศุกร์ 26 ธันวาคม 2557 เวลา 09:09 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ว่าสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจอย่างหนักและประณาม กรณีรัฐบาลซูดานของประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาเชียร์ เชิญเจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นดีพี ) 2 คน ออกนอกประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี คือนายอาลี อัล-ซาตารี ชาวจอร์แดน และนาง อีวอนน์ เฮลเลอ ชาวดัชท์ โดยไม่มีการเผยสาเหตุและกำหนดการที่ทั้งคู่ต้องเดินทางออกจากซูดานอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวบางรายเผยว่า เฮลเลอ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของยูเนดีพีประจำซูดาน จะเดินทางออกจากซูดานภายในวันที่ 29 ธ.ค. ขณะที่อัล-ซาตารี ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโส มีกำหนดเดินทางภายในวันที่ 2 ม.ค. ที่จะถึงนี้

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของซูดานและสำนักงานใหญ่ของยูเอ็นดีพีในนครนิวยอร์กยังคงปฏิเสธแสดงความคิดเห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายตึงเครียดและร้าวฉานมากขึ้นไปอีก หลังคณะผู้แทนสหประชาชาติสหภาพแอฟริกาในดาร์ฟูร์( ยูเอ็นเอเอ็มไอดี ) ต้องการสอบสวนกรณีทหารซูดานจำนวนหนึ่งข่มขืนผู้หญิงและเด็กหญิงรวมกว่า 200 คน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตะวันตกของประเทศ เมื่อปลายเดือนต.ค.

ซูดานไล่เจ้าหน้าที่ยูเอ็นออกนอกประเทศ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

รัสเซียเห็นใจเกาหลีเหนือกรณีโซนีแฮก

รัสเซียแสดงความเห็นใจเกาหลีเหนือกรณีอื้อฉาวที่บริษัทโซนี พิคเจอร์ส ถูกแฮกจนทำให้หนังเรื่อง “ดิ อินเทอร์วิว” กลายเป็นกระแสความขัดแย้ง ซึ่งทางรัสเซียเองก็เข้าใจดีที่เกาหลีเหนือไม่พอใจอย่างมากกับหนังเรื่องนี้



วันศุกร์ 26 ธันวาคม 2557 เวลา 01:44 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโกประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่26ธ.ค.ว่ารัสเซียแสดงความเห็นใจเกาหลีเหนือกรณีอื้อฉาวอันเกิดจากการแฮกหรือ โจมตีข้อมูลผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจนกลายเป็นกระแสความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนืออันเนื่องมาจากภาพยนตร์เรื่อง“ดิ อินเทอร์วิว”ภาพยนตร์ล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือ

นายอเล็กซานเดอร์ลูกาเชวิช โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า เมื่อสหรัฐไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้ว่าเกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแฮกข้อมูลจากบริษัทโซนีพิคเจอร์ส ดังนั้นคำขู่ที่ว่าสหรัฐจะตอบโต้จึงถือว่าไม่สร้างสรรค์แต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ตำหนิเกาหลีเหนือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้งกับการแฮกข้อมูลของบริษัทโซนีพิคเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง“ดิ อินเทอร์วิว” ภาพยนตร์ล้อเลียนนายคิมจอง-อึนผู้นำเกาหลีเหนือและทางเกาหลีเหนือก็ปฏิเสธว่าไม่เคยแฮกข้อมูลจากโซนีพิคเจอร์ส แต่ก็ชื่นชมว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง

ส่วนโซนีพิคเจอร์ส ตอนแรกจะไม่ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะโรงภาพยนตร์ในสหรัฐถูกข่มขู่แต่ภายหลังยอมฉายในโรงภาพยนตร์แบบจำกัดจำนวนโรงและ ยังฉายออนไลน์แบบเสียเงินด้วย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงอีกว่า แนวคิดของภาพยนตร์ดูก้าวร้าวและอื้อฉาวแต่ปฏิกิริยา

ที่มีต่อเกาหลีเหนือนั้นทางฝ่ายรัสเซียก็เข้าใจดีเกาหลีเหนือเคยเสนอที่จะร่วมสอบสวนกรณีอื้อฉาวการแฮกข้อมูลจากโซนีพิคเจอร์ส สะท้อนให้เห็นว่าเกาหลีเหนือเสนอที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์และความปรารถนาอย่างจริงใจที่จะเรียนรู้เรื่องนี้อย่างละเอียด

รัสเซียเห็นใจเกาหลีเหนือกรณีโซนีแฮก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

งามหน้า! บริษัทอาหารดังมะกันส่งออกเนื้อวัว “ขัดหลักฮาลาล” ไปขายในชาติมุสลิมทั่วโลก รวมถึงใน “อาเซียน” โกยเงินเข้ากระเป๋ามากกว่า 160 ล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ธันวาคม 2557 04:53 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เกิดเรื่องอื้อฉาวเมื่อบริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ในสหรัฐฯ ทำการส่งออก “เนื้อวัว” ที่มิได้ถูกผลิตตามหลัก “ฮาลาล” ไปจำหน่ายในประเทศมุสลิมทั่วโลก รวมถึง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอีกหลายชาติในอาเซียน คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 161 ล้านบาท

รายงานข่าวระบุว่า บริษัทมิดามาร์ คอร์ป ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองซีดาร์ ราปิดส์ในมลรัฐไอโอวาของสหรัฐฯ ได้ทำการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อวัวที่ไม่ได้ถูกผลิตอย่างถูกต้องตามหลักฮาลาลไปยัง คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอินโดนีเซีย รวมถึง มาเลเซีย และหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน คิดเป็นวงเงินมากกว่า 4.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 161 ล้านบาท

ผลการตรวจสอบเบื้องต้นโดยคณะกรรมการพิเศษของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯพบข้อมูลว่า นอกจากกระบวนการเลี้ยงดูและชำแหละวัวของบริษัทดังกล่าวจะไม่เป็นไปตามหลักฮาลาลแล้ว ยังพบความผิดปกติอีกหลายประการที่บ่งชี้ว่าทางบริษัทอาจมีการจงใจปลอมแปลงฉลากและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อหลอกลวงผู้บริโภคในประเทศมุสลิมปลายทางว่า สินค้าถูกผลิตอย่างถูกต้องตามหลักฮาลาล

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของมิดามาร์ คอร์ป ที่นำโดยสองพี่น้องจาเลลและยาห์ยา ออสซีย์ออกคำแถลงยืนยันความบริสุทธิ์ของตน และประกาศพร้อมรับการตรวจสอบ

ล่าสุด มีรายงานว่าบริษัทดังกล่าวถูกอัยการสหรัฐฯตั้งข้อกล่าวหาเกือบ “100 กระทง” รวมถึงข้อหาหลอกลวงผู้บริโภคซึ่งหากถูกตัดสินให้มีความผิดจริง ทางบริษัทอาจต้องจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาล และอาจถึงขั้นต้องถูกสั่งปิดกิจการ ขณะเดียวกัน ยังมีความเป็นไปได้ที่ทางบริษัทอาจถูกฟ้องร้องโดยเครือข่ายผู้บริโภคในประเทศมุสลิมปลายทางด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ บริษัทมิดามาร์ คอร์ป ซึ่งก่อตั้งกิจการตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ.1974 ถือเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกๆของสหรัฐอเมริกาที่ทำการส่งออกผลิตภัณฑ์จากวัว รวมถึง ไก่ และไก่งวง ไปยังกลุ่มประเทศแถบตะวันออกกลาง รวมถึงหลายประเทศใน “กลุ่มอาเซียน”ที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่

 

Hot Issue: “ปูติน”สั่งแบงก์ชาติรัสเซียกว้านซื้อทองคำล็อตใหญ่จากตลาดโลกอีกเกือบ “19 ตัน” นักวิเคราะห์ชี้ เป็นการปกป้องศก.หมีขาวที่ถูก US-ยุโรปรุมฟัด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ธันวาคม 2557 05:37 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ข้อมูลล่าสุดชี้ รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ทำการกว้านซื้อ “ทองคำล็อตใหญ่” จากตลาดโลกเพิ่มอีกเกือบ “19 ตัน” นักวิเคราะห์ชี้ ทองคำคือหลักประกันความอยู่รอดของเศรษฐกิจแดนหมีขาว ที่กำลังถูกสหรัฐฯและประเทศลิ่วล้อในยุโรปเล่นงานด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากผลพวงของวิกฤตในยูเครน

รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงลอนดอนของอังกฤษระบุว่า ธนาคารกลางรัสเซียทำการกว้านซื้อทองคำล็อตใหญ่คิดเป็น “น้ำหนักรวมเกือบ 19 ตัน” จากตลาดโลก ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้สั่งการให้แบงก์ชาติแดนหมีขาวกว้านซื้อทองคำที่มีน้ำหนักรวมเกือบ 19 ตันมาแล้วเช่นกัน ส่งผลให้รัฐบาลรัสเซียมีปริมาณทองคำสำรองในความครอบครองเพิ่มขึ้นกว่า “3 เท่าตัว” แล้วเมื่อเทียบกับปริมาณทองคำสำรองของรัสเซียในปี 2005

รายงานล่าสุดยืนยันว่า ขณะนี้รัสเซียมีปริมาณทองคำสำรองในความครอบครองไม่น้อยกว่า 1,188 ตัน ซึ่งถือเป็นระดับการถือครองทองคำที่สูงที่สุดของรัสเซียนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 เป็นต้นมา ส่งผลให้ในขณะนี้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่ถือครองทองคำสำรองเอาไว้มากเป็น “อันดับที่ 5 ของโลก”

ด้านนักวิเคราะห์จากหลายสำนัก รวมถึง คาร์สเทน ฟริตช์ จากธนาคารคอมเมิร์ซบังก์ เอจี ในนครแฟรงค์เฟิร์ตของเยอรมนีให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการกว้านซื้อทองคำล็อตใหญ่จากตลาดโลกของรัสเซีย ไม่ต่างจากความพยายามของรัฐบาลปูตินในการปกป้องเสถียรภาพของเศรษฐกิจแดนหมีขาวและเงินสกุล “รูเบิล” ของตน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำในตลาดโลก

นอกจากนั้น การเดินหมากของปูตินด้วยการ “ถือไพ่ทองคำ” ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ทองคำคือหลักประกันความอยู่รอดของเศรษฐกิจแดนหมีขาว ที่กำลังถูกสหรัฐฯและประเทศลิ่วล้อในยุโรปเล่นงานด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากผลพวงของวิกฤตในยูเครน รวมถึงการที่รัสเซียทำการผนวก “สาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย” จากยูเครน เข้ามาเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนโดยสันติวิธีเมื่อ 21 มีนาคม

Hot Issue:

 

ซาอุฯ ประกาศแผนงบประมาณ 2015 ขาดดุล 1.2 ล้านล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ธันวาคม 2557 00:27 น.



เอเอฟพี - ซาอุดีอาระเบีย ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศแผนงบประมาณประจำปี 2015 ในวันนี้ (25 ธ.ค.) ด้วยตัวเลขการขาดดุลสูงถึง 145 พันล้านริยาล (ประมาณ 1.27 ล้านล้านบาท) อันเนื่องมาจากการตกต่ำของราคาน้ำมัน ขณะที่การใช้จ่ายเงินไปกับโครงการต่างๆ มีตัวเลขเพิ่มขึ้น

การอ่านคำแถลงผ่านทางโทรทัศน์ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ระบุว่า ซาอุฯ จะใช้จ่ายเงินไปกับโครงการต่างๆ ในปี 2015 เป็นเงินทั้งสิ้น 860 พันล้านริยาล (ประมาณ 7.5 ล้านล้านบาท) โดยจะมีรายรับอยู่ที่ตัวเลข 715 พันล้านริยาล (ประมาณ 6.2 ล้านล้านบาท)

การใช้จ่ายเงินไปกับโครงการต่างๆ นั้นสูงกว่าตัวเลขของปีนี้ ที่เคยคาดการณ์ไว้ 855 พันล้านริยาล ส่วนรายรับนั้นต่ำกว่าตัวเลขของปี 2014 ถึง 140 พันล้านริยาล

การประกาศตัวเลขขาดดุลงบประมาณครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของชาติสมาชิกแกนหลักของกลุ่มโอเปกรายนี้ นับตั้งแต่ปี 2011 แถมยังเป็นการขาดดุลที่มากที่สุดอีกด้วย

น้ำมัน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของซาอุฯ มีมูลค่าลดลงราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากผลผลิตที่ล้นตลาด กระแสความต้องการที่ลดลง รวมถึงการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

อิบราฮิม อัล-อัสซาฟ รัฐมนตรีคลังของซาอุฯ ระบุว่า ในเดือนนี้ประเทศของเขาจะยังคงเดินหน้าใช้จ่ายเงินไปกับโครงการต่างๆ เป็นจำนวนมาก แม้ว่าราคาน้ำมันจะตกต่ำลงก็ตาม

อัสซาฟ บอกว่า การประกาศแผนงบประมาณครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ท้าทายของเศรษฐกิจโลก แต่ด้วยเงินทุนสำรองที่สะสมเอาไว้เป็นเวลาหลายปี ทำให้ซาอุฯ มีแนวรับที่ต่ำมาก เพื่อใช้รับมือในช่วงเวลาที่จำเป็น

 

เกาหลีใต้ยัน รง.นิวเคลียร์ปลอดภัยจากแฮกเกอร์ หลังมือดีแพร่ข้อมูลเตาปฏิกรณ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ธันวาคม 2557 00:38 น.



เอเอฟพี - เกาหลีใต้เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ธ.ค.) ยืนยันว่าเหตุโจมตีทางไซเบอร์ต่อผู้ปฏิบัติการพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ คงไม่อาจก่อความขัดข้องใดๆ ต่อเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 23 แห่ง แจงระบบควบคุมแยกจากเครือข่ายภายนอก ดังนั้นการเจาะเข้าระบบจึงเป็นไปไม่ได้

การออกแบบและคู่มือปฏิบัติงานของเตาปฏิกรณ์ 2 แห่งถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนผ่านทวิตเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เช่นเดียวกับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานราวๆ 10,000 คนของบริษัทโคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ เพาเวอร์ (KHNP)

เจ้าหน้าที่เผยในวันอังคาร (23 ธ.ค.) ว่า เกาหลีใต้ยกระดับรักษาความปลอดภัยตามหลังการรั่วไหลของข้อมูลดังกล่าว ด้วยหน่วยสงครามไซเบอร์ของกระทรวงกลาโหม เพิ่มระดับการเฝ้าระวังการโจมตีจากเกาหลีเหนือและเหล่ามือแฮกเกอร์จากที่อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบประธานาธิบดีในวันพฤหัสบดี (25 ธ.ค.) ออกมาปัดเป่ากระแสความวิตกกังวล กรณีพวกแฮกเกอร์อาจเจาะเข้าระบบและก่อความขัดข้องแก่โรงงานนิวเคลียร์ของประเทศ ด้วยระบุว่า “ระบบควบคุมเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของประเทศแยกจากเครือข่ายภายนอก และโดยพื้นฐานแล้ว การเจาะเข้าระบบจึงเป็นไปไม่ได้”

ด้าน KHNP ชี้แจงว่าเนื้อหาของข้อมูลที่รั่วไหลของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์โกรีและวอลซอง ไม่ใช่ข้อมูลจำแนกว่าเป็นความลับและจะไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยใดๆ

มือแฮกเกอร์อวดอ้างตัวเองว่าเป็นประธานกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ และขู่ปล่อยข้อมูลเพิ่มเติมจนกว่ารัฐบาลจะยอมปิดเตาปฏิกรณ์ 3 แห่งนับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมเป็นต้นไป

ทีมสืบสวนเผยเมื่อวันพุธ (24 ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยใช้ไอพีแอดเดรสที่หลากหลายในจีน แต่ก็ยอมรับว่ามันไม่ได้นำทางไปสู่ตำแหน่งในทางภูมิรัฐศาสตร์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเสมอไป

เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนืออาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขณะที่โซลมักกล่าวโทษเหตุโจมตีทางไซเบอร์ต่อสถาบันทางทหาร ธนาคาร หน่วยงานรัฐบาล สถานีโทรทัศน์และเว็บไซต์สื่อมวลชนเกาหลีใต้ไปยังเปียงยาง อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ชัดเจนว่าเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการปล่อยข้อมูลนิวเคลียร์

 

พยาบาลเซียร์ราลีโอนประท้วงขอเพิ่มค่าเสี่ยงภัยดูแลผู้ป่วยอีโบลา
Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2014/12/26 9:05 AM



ฟรีทาวน์ 26 ธค. – พยาบาลในโรงพยาบาลรัฐทางเหนือของเซียร์ราลีโอนนัดหยุดงานประท้วงเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อเรียกร้องค่าเสี่ยงภัยในการดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาขณะกำลังระบาดอย่างรุนแรงในพื้นที่

พยาบาลราว 30 คนที่โรงพยาบาลมาเบนเตห์ในเมืองมาเกนี กล่าวว่า ผละงานมาตั้งแต่เมื่อวันพุธเนื่องจากไม่ได้รับเงินค่าเสี่ยงภัยสำหรับเดือนพฤศจิกายนจากรัฐบาล ดังนั้นเหล่าพยาบาลจะไม่ดูแลผู้ป่วยและจะไม่รับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งสิ้นจนกว่าจะได้รับค่าตอบแทน ด้านผู้จัดการโรงพยาบาลมาเบนเตห์ แถลงว่า กำลังเจรจาเรื่องนี้กับทางการเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนไข้ เหตุผละงานประท้วงดังกล่าวมีขึ้นขณะพื้นที่ทางภาคเหนือของเซียร์ราลีโอนควบคุมความเคลื่อนไหวในพื้นที่มาเป็นวันที่สองจากทั้งหมด 5 วันตามแผนเข้มงวดของรัฐบาลเพื่อสกัดไวรัสอีโบลาระบาด ซึ่งทำให้การเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสและปีใหม่ตามที่สาธารณะหลายแห่งต้องงดไปด้วย โรคไวรัสอีโบลาระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,500 คนในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่อยู่ในไลบีเรีย กินีและเซียร์ราลีโอน .-สำนักข่าวไทย

พยาบาลเซียร์ราลีโอนประท้วงขอเพิ่มค่าเสี่ยงภัยดูแลผู้ป่วยอีโบลา | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

โฮจิมินห์ขอร้องประชาชนอย่าให้เงินขอทาน
Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2014/12/25 4:22 PM



โฮจิมินห์ 25 ธค. – ทางการนครโฮจิมินห์ของเวียดนามขอร้องประชาชนอย่าให้เงินขอทาน รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังสถาบันศาสนาต่างๆโน้มน้าวผู้นับถือศาสนาว่าอย่าบริจาคเงินให้ โดยมีแผนจัดหาที่อยู่และหางานให้คนไร้บ้าน

อย่างไรก็ตาม ภารกิจแรกก็คือการติดตามหาครอบครัวของขอทานและคนไร้บ้านเหล่านี้ และส่งกลับบ้าน หากไม่สำเร็จทางการจะนำตัวส่งไปยังศูนย์พักพิงตั้งแต่วันอาทิตย์ ส่วนในกรณีที่ขอทานไม่ได้เป็นคนเวียดนาม ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกับกระทรวงต่างประเทศส่งตัวกลับประเทศ ทางการนครโฮจิมินห์สั่งการให้สอบสวนเพื่อสืบหาเครือข่ายหรือบุคคลใดก็ตามที่บังคับบุคคลเหล่านี้มาขอทาน.-สำนักข่าวไทย

โฮจิมินห์ขอร้องประชาชนอย่าให้เงินขอทาน | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

ปูตินสั่งการ!!! รัสเซียต้องตรึงราคาวอดก้า!!
26-12-2014 08:48



ปธน.รัสเซียมีคำสั่งให้รัฐบาลตรึงราคาวอดก้าไม่ให้แพงเกินไป หลังราคาถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หวั่นปชช.บริโภคเหล้าเถื่อน

วันนี้(26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควบคุมราคาขายวอดก้า หลังจากที่ราคาวอดก้าขนาดครึ่งลิตร ปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 30% อยู่ที่ราคาราว 135 บาท ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของรัสเซีย พุ่งสู่งถีง 9.4%

นายปูตินมีความกังวลว่า ถ้าราคาวอดก้าสูงเกินไป อาจจะทำให้ประชาชนหันไปบริโภคเหล้าเถื่อน ซึ่งมักจะไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศเมืองหนาว ประชาชนมักจะนิยมดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย อเกทั้งจากผลการศึกษาพบว่า ชายชาวรัสเซีย เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยถึง 25% โดยมีสาเหตุสำคัญคือการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเหล้าเถื่อน ไม่มักไม่ทราบความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่

ทั้งนี้ นายปูติน ยังได้เสนอให้รัฐบาล จริงจังกับการปราบปรามการค้าขายและผลิตเหล้าเถื่อน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนอีกด้วย

หลายฝ่ายมีความเห็นต่อการปรับขึ้นราคาของวอดก้าอย่างต่อเนื่องว่า นอกจากภาวะเงินเฟ้อแล้ว ยังมีสาเหตุมาจาก เงินรูเบิลของรัสเซียที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก เนื่องจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกรวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ซึ่งรัฐมนตรีคลังรัสเซียออกมาเตือนว่า ในปีหน้า เศรษฐกิจรัสเซียอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

 

Piyacheep S. Vatcharobol ได้แชร์โพสต์ของ Vakin Wutthiwong

รบกวนเพื่อนสมาชิกในจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี
สำรวจตรวจสิบความผิดปกติของน้ำใต้ดินในที่ที่ท่านอาศัยอยู่ เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่า ใต้ดินมีปฏิกิริยามากน้อยขนาดไหน
การที่อ.เค รายงานว่าน้ำบาดาลดันน้ำขึ้นมา ถือว่าไม่ปกติ แม้นน้ำใต้ดินจะมีมากเพราะฝนบงกนักและน้ำกำลังท่วมอยู่ก็ตาม
ก่อนหน้านี้แผ่นดินไหวบนบกในมาเลเซีย ใก้ลชายแดนไทยเกิน ๕ มากกว่า ๗ ครั้ง
ยะลามีหินน้ำมัน และถ่านหินประเภทหนึ่งที่ให้พลังงานสะอาดสูงมากกว่าลิคไนท์เป็นร้อยเท่า อันบ่งบอกถึงชั้นหิน ที่สัมพันธ์กับแหล่งน้ำมันดิบใต้ดิน ที่สามารถเชื่อมสายสัมพันธ์ถึงพลังงานใต้ดินด้วยเช่นกัน ต้องการข้อมูลข่าวสารมากๆครับ



"Vakin Wutthiwong

ฝนตก12วันสังเกตุว่าบ่อบาดาลมีน้ำดันขึ้นมา2-3วันแล้วแปลกดีบ้าน6หลังเป็นเหมือนกันหมดแสดงว่าใต้ดินมีอะไรบ้างอย่างเกิดขึ้น"

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 25 ธ.ค.57 ปีนี้เกาหลีเหนือ พร้อมจะมีะเบิดนิวเคลียร์แล้วถึง 9 ลูก
มีรายงานว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือ ของคิม จอง-อึน มีปริมาณแร่พลูโตเนียมเกรดดีอยู่ในครอบครองในปีนี้ระหว่าง 30-34 กิโลกรัม ซึ่งมากพอจะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ราว 9 ลูกในสิ้นปีนี้ และยังคงมีความพยายามในการจัดหาพลูโตเนียมมาครอบครองเพิ่มเติมเรื่อยๆ โดยคาดว่าอีก 5 ปีเกาหลีเหนือ จะมีระเบิดนิวเคลียร์ถึง 79 ลูก
เมื่อนั้นจะมีมากพอที่จะเทียบชั้นกับรัฐนิวเคลียร์อื่นๆ เช่น อินเดีย ปากีสถาน และ อิสราเอล ถ้าได้ขีปนาวุธพิสัยไกล ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์จากรัสเซียมาเสริม...บารมีของพี่คิมจองอึน จะแจ่มกระจ่างมากกว่ากว่านี้อีกหลายเท่า
ตอนนี้มะกันเริ่มหวั่นๆ ใจแล้ว จึงคิดจะ "ปรองดอง" โดยการเปิดเจรจา กับ เกาหลีเหนือ โดยเสนอเงื่อนไขเอาใจสารพัด แต่ยังไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ จากเกาหลีเหนือ เพราะโดนมะกันหลอกมาแล้วหลายครั้ง
ตอนนี้โอบามา จึงเปลี่ยนมุกใหม่ เริ่มเชิญผู้นำมาเลเซีย ไปตีกอล์ฟ ที่ฮาวาย เพื่อดึงมาเลย์มาเป็นพวก หลังจากสอยเครื่องบินพาณิชย์มาเลย์หาย และร่วงไป 2 ลำ และหวังทำให้อาเซียนแตกออกไป รวมกันไม่ติดเพื่อคานอำนาจชาติตะวันตก
ตอนนี้ การเมืองระดับโลก เขาชิงไหวชิงพริบ กันทุกนาที แย่งดึงตัวผู้นำแต่ละประเทศไปเป็นพวกให้มากที่สุด ก่อนเริ่มเปิดฉากสงครามใหญ่ หากไทยขืนมีผู้นำเป็นพลเรือนในช่วง 10 ปีนี้ จะพาคนทั้งชาติหายนะล้มตายเป็นใบไม้ร่วงตามมา เพราะไม่ทันเกมส์สงคราม
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

สึนามิครั้งต่อไป จะเกิดเมื่อ...? เตือนมหันตภัยคลื่นยักษ์ ถล่มแผ่นดิน!
โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ 26 ธ.ค. 2557 05:30



นับเป็นเวลาครบ 10 ปีพอดิบพอดี ที่มหันตภัยสึนามิ โหมพัดมวลน้ำมหาศาลขึ้นบก ถล่มประเทศต่างๆ รอบทะเลอันดามันราบคาบเป็นหน้ากลอง ทรัพย์สินมหาศาลเสียหายจบสิ้นชั่วพริบตา ชีวิตอันมีค่ามอดม้วยไร้วันกลับ...มหันตภัยครั้งใหญ่ที่ติดอยู่ในความทรงจำของคนไทย ณ เวลานั้นคุณกำลังทำอะไรอยู่ จำได้ไหม?

ในโอกาสครบรอบ 10 ปีภัยพิบัติสึนามิ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ผู้ที่เคยทำนายว่า ประเทศไทยจะเกิดสึนามิครั้งใหญ่ แต่ไร้คนเชื่อ และชาวบ้านหาดกมลา จังหวัดภูเก็ต ผู้สูญเสียจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ คุณป้าบุญ ขวัญยืน ที่มีชะตากรรมไม่ต่างอะไรจากตายทั้งเป็น....


ตะลึงนิ่งดูคลื่นยักษ์ ไร้ความรู้ ไม่รู้หลบหนี
ป้าบุญ ขวัญยืน หญิงวัย 62 ปี ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ถล่มชายฝั่งอันดามันของไทย เธอจำวินาทีชีวิตครั้งนั้นได้ติดตา คุณป้าวัย 62 ปี เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นราวกับว่า เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ว่า ในวันที่เกิดคลื่นยักษ์สูงเท่าตึก ป้าบุญกับลูกสาวและหลานๆ อีก 3 คน กำลังนั่งพูดคุยเอกเขนกกันอยู่ที่เพิงหน้าบ้าน โดยระยะทางจากบ้านของป้าบุญนั้น ห่างจากหาดกมลา แค่เพียง 2 เสาไฟฟ้าเท่านั้น แต่จู่ๆ ป้าและครอบครัวก็ได้ยินเสียงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวบริเวณหน้าหาดโหวกเหวกโวยวาย เสียงดังสนั่นรอบบริเวณ

ทั้งป้าและลูกๆ หลานๆ ต่างตื่นตกใจ พยายามกวาดสายตาค้นหาต้นตอที่ทำให้เกิดเสียง แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องผงะ คือ คลื่นยักษ์สูงใหญ่ระดับเอวกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้บ้านป้าบุญอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ตัวป้าและเด็กๆ ต่างไม่เคยพบไม่เคยเจอคลื่นสูงเช่นนี้มาก่อน จึงทำได้แค่เพียงอุ้มหลานตัวเล็กๆ ขึ้นโต๊ะ ขึ้นเก้าอี้กันอย่างชุลมุน

“ป้าเห็นว่า ไอ้คลื่นยักษ์ที่เข้ามาพังบ้านป้า ดูท่าจะไม่ดี เลยตัดสินใจบอกลูกบอกหลานให้หนีขึ้นเขากันก่อน เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาอีกลูกหรือเปล่า แต่ลูกสาวป้าเขาหวงของ ก็เลยขอเก็บของก่อน แล้วจะตามขึ้นไปทีหลัง แต่หลานเล็กๆ สองคนดันติดลูกสาวป้าแจ จะอยู่กับลูกสาวป้าให้ได้ ไม่ยอมหนึขึ้นเขาไปกับป้าด้วย จะมีก็แต่หลานคนโตอายุ 7 ขวบ วิ่งตามป้าขึ้นไป” หญิงวัย 62 ปี ผู้โดดเดี่ยวจำวินาทีเมื่อสิบปีก่อนได้ดี


นาทีคลื่นยักษ์ถล่ม ทำได้แค่เพียงภาวนา!
ทันทีที่ป้าบุญวิ่งขึ้นพ้นตีนเขาไปได้ไม่กี่อึดใจ คลื่นยักษ์สูงลิ่วราวกับจะกวาดเมืองทั้งเมือง กำลังโหมพัดกระหน่ำบ้านช่อง รีสอร์ตต่างๆ อย่างบ้าคลั่ง และหนึ่งในบ้านที่ไม่สามารถรอดพ้นจากน้ำมือคลื่นหายนะ ก็คือ บ้านชั้นเดียวยกสูงก่ออิฐ บ้านของป้าบุญที่มีลูกสาวและหลานๆ อันเป็นที่รักกำลังเก็บข้าวเก็บของกันอย่างขมักเขม้น เพื่อจะวิ่งตามป้าขึ้นเขาไปทีหลัง

“ในช่วงที่คลื่นลูกที่สองพัดเข้ามาอีก หัวใจป้าแทบหยุดเต้น ขาทั้งขาของป้าจู่ๆ ก็หมดแรง นั่งพับเพียบลงกับพื้น ยกมือขึ้นมาพนมผีสางนางไม้ ภาวนาให้ลูกหลานป้าแคล้วคลาดรอดชีวิต กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในใจก็คิดว่า ถ้ามันจะพัดเอาทรัพย์สินป้าไป ก็เอาลงทะเลไปให้หมดเลย แต่ช่วยเมตตาอย่าเอาชีวิตของลูกหลานป้าไปก็เป็นพอ” ป้าบุญเล่าด้วยสีหน้าอาลัย

ในช่วงเวลาที่ป้าทำได้แค่เฝ้ารอ และมองดูชีวิตของคนมากมายดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากคลื่นยักษ์ หลายต่อหลายคนจมหายลงไปกับสายน้ำ คนพวกนี้บ้างก็เป็นคนรู้จัก สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆ บ้างก็เป็นญาติสนิทมิตรสหาย บ้างก็เป็นชาวต่างชาติ แต่เจ้ากรรม ป้าบุญไม่สามารถช่วยเขาเหล่านี้ได้เลย เพราะด้วยมวลน้ำที่พัดเร็ว รุนแรง ปานปีศาจร้ายที่กั้นขวางความช่วยเหลือทั้งหมด


“ศพกอดกันกลม...” เสียงสะอื้นจากผู้รอดชีวิต
ไม่ถึงชั่วโมง แต่ราวกับนานหลายปีในความรู้สึกของป้าบุญ เมื่อระดับน้ำลดลงจนสามารถเดินลงไปตามทางเดิน ที่บัดนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิมว่า แต่ก่อนเก่านั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ ด้วยเศษซากปรักหักพังของตึกรามบ้านช่อง เละเทะทั่วพื้นที่ แต่ป้าบุญก็ยังรีบวิ่งอย่างกระเสือกกระสน โดยมีปลายทางคือ บ้านหลังน้อย ซึ่งเพิ่งจากลาหนีภัยมาเพียงชั่วครู่

“พอน้ำลด ป้ารีบวิ่งไปที่บ้านก่อนเลย ตอนนั้นไม่สนใจแล้วว่าจะเหยียบเศษแก้ว กิ่งไม้เกี่ยวแข้งเกี่ยวขา วิ่งไปชนิดที่ลืมเจ็บ แต่พอไปถึงบ้าน ป้านี่แทบเป็นคนบ้าไปเลย ร้องไห้ กรีดร้องสุดเสียง ลมจับ เพราะภาพแรกที่ป้าเห็นหลังจากวิ่งไปถึงที่บ้าน เป็นภาพที่ลูกสาวกับหลานอีกสองคน นอนกอดกันกลมอยู่ในบ้านที่พังยับเยิน และทั้ง 3 คนนั้นกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณไปเสียแล้ว” หญิงชรากล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ


กว่าจะมาถึงวันนี้ กว่าที่ความรู้สึกของป้าบุญจะกลับคืนมาดังเดิม ป้าผู้ประสบเคราะห์กรรมยังต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เหมือนเหยียบย่ำซ้ำเติมหัวใจของหญิงชราผู้นี้อีกครั้ง “สัญญาณเตือนภัยสึนามิ ที่ทางการเขาเอามาติดตั้งไว้ บางทีมันก็ดังขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่มีภัยพิบัติอะไรเกิดขึ้นเลย และทุกครั้งที่เครื่องเตือนเจ้ากรรมดัง มันทำให้ป้าต้องนอนผวาแทบบ้า จะดึกจะดื่นป้าก็วิ่งขึ้นเขาทุกครั้งไป”

ขณะนี้ ป้าบุญ ประกอบอาชีพเป็นหมอนวดให้กับนักท่องเที่ยว แต่รายได้บางวันก็แทบจะไม่มีเสียแล้ว เพราะมีสาเหตุมาจากการที่ภาครัฐ เข้าจัดระเบียบชายหาด สั่งห้ามไม่ให้ตั้งเตียงผ้าใบและร่มร้านค้าตลอดแนวหาด แต่สิ่งที่หญิงชราวัย 62 ปี ทำได้ก็คือ ออกตระเวนไปกับแพทย์อาชีพ เพื่อออกงานนวดให้กับร้านรวงต่างๆ โดยมีรายได้ยังชีพเพียงน้อยนิด


ระบบเตือนภัยสึนามิของไทย ห่วยจริงหรือ?

ทว่า ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวถึงปัญหาที่เกิดกับเครื่องเตือยภัยสึนามิ ว่า เท่าที่ทราบมา หอเตือนภัยที่ทางการได้เข้าไปติดตั้งให้กับชุมชนนั้น บางหอก็ไม่ทำงาน บางหอก็มีเถาวัลย์พันรกแน่น บางหอก็ถูกขโมยสายล่อฟ้า ทั้งๆ ที่เครื่องเตือนภัยเป็นเสมือนเครื่องมือรักษาชีวิต เพราะฉะนั้น ควรได้รับการดูแลอย่างดี

“ระดับชาติมีกฎหมายบังคับไว้ว่า ระบบเตือนภัยสึนามิ ต้องมีการซ้อมปีละ 2 ครั้ง ตั้งแต่เขาย้ายผมออกมา ไม่มีการซ้อมครั้งใหญ่ๆ ป้ายที่ทำการซ้อมก็ชี้ขึ้นเขาบ้าง ลงทะเลบ้าง ละเลย ไม่มีการดูแล บางคนก็เอาโฆษณาไปติดทับป้ายที่เราทำไว้” ดร.สมิทธ กล่าวถึงปัญหาปัญหาการเตือนภัย

ดังนั้น รัฐบาลควรปรับปรุงศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ทั้งในเรื่องของการเข้าไปดูแลรักษาเครื่องไม้เครื่องมือ ให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ มิใช่ว่า ฝนตกน้ำท่วมประเทศไปแล้ว แต่เพิ่งจะมาเตือนภัย เพราะเรื่องเช่นนี้ต้องบอกกันล่วงหน้า เพื่อจะได้เตรียมต้วได้ทันท่วงที พร้อมกันนั้น บุคลากรที่จะเข้ามาทำงานที่ศูนย์เตือนภัยฯ จะต้องมีความรู้ทางด้านอุตุวิทยา อุทกวิทยา ธรณีวิทยา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานได้อย่างมีคุณภาพ มิใช่ว่าเอาผู้ที่ไม่มีความรู้ ไร้ความสามารถเฉพาะทางมาเป็นผู้อำนวยการ


ประเทศไทย จะเกิดสึนามิอีกหรือไม่?

สึนามิเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา คลื่นยักษ์ลูกใหญ่ใช้เวลาพัดขึ้นชายฝั่งไทยประมาณ 90 นาที แต่ในครั้งนี้ ดร.สมิทธ ผู้เชี่ยวชาญของประเทศญี่ปุ่น และผู้เชี่ยวชาญของประเทศไอร์แลนด์เหนือ ทำนายว่า หากเกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณเกาะนิโคบา หรือหมู่เกาะอันดามัน คลื่นสึนามิจะพัดเข้าชายฝั่งจังหวัดระนอง จังหวัดพังงา ภายใน 30 นาทีอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถคำนวณได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อใด

“ถ้าระบบเตือนภัยไม่ดีพอ และไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้า ชีวิตของคนมากมายที่อยู่บริเวณนั้นๆ ย่อมหนีไม่ทันแน่นอน เพราะครั้งนี้มวลน้ำจะมาเร็วกว่ากำหนด และมาพร้อมกับความรุนแรงที่มากกว่าครั้งก่อน ซึ่งคราวที่แล้วใช้เวลา 90 นาที คลื่นสูง 16 เมตร ถึงจะเคลื่อนเข้าฝั่ง แต่ครั้งนี้คลื่นจะสูงกว่าเดิม ผมคิดว่าถ้ามันเกิดขึ้นอีก จะมีคนเสียชีวิตมากกว่าคราวที่แล้ว” ผู้เคยทำนายทายทักได้อย่างถูกต้องว่าเมืองไทยจะเกิดสึนามิกล่าวเตือน.


สึนามิครั้งต่อไป จะเกิดเมื่อ...? เตือนมหันตภัยคลื่นยักษ์ ถล่มแผ่นดิน! - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc
25 ธ.ค. ระทึก รัสเซียผวายอมส่งคืน"มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง" หลังหวั่น"ทรงพิโรธ"นำ"ภัยอาเพศ"มาเยือน!



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ว่า ทางการไซบีเรียของรัสเซียได้ตัดสินใจจะส่งคืน"มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง"ที่ถูกพบเมื่อหลายสิบปีก่อน กลับคืนสู่หมู่บ้านที่เป็นจุดค้นพบแล้ว หลังถูกเตือนว่า การเก็บร่างมัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง และนำไปจัดแสดงโชว์ จะนำภัยพิบัติร้ายแรงมาเยือน

โดยทางการไซบีเรียได้เตรียมจะคืนร่างมัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง หรือ"เจ้าหญิงอูก๊อก" กลับคืนสู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเทือกเขาอัลไต และนำร่างพระองค์ไว้ในสุสานพิเศษที่จะถูกสร้างให้แก่พระองค์ หลังจากหัวโดยเหล่าผู้นำแห่งเทือกเขาอัลไตได้เรียกร้องให้ทางการไซบีเรียคืนมัมมี่เจ้าหญิงกลับคืนสู่ที่ราบสูง"อูคอปส์"เพื่อไม่ให้พระองค์ทรงพิโรธ เนื่องจากการนำเจ้าหญิงมัมมี่น้ำแข็งไปจากที่ที่พระองค์เคยถูกฝังร่าง ถือเป็นการรบกวนดวงวิญญาณของพระองค์ และทำให้พระองค์ทรงพิโรธ และจะนำมาซึ่งภัยอาเพศต่าง ๆ รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหว และน้ำท่วม

รายงานระบุว่า มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็งได้ถูกขุดพบโดยนักวิทยาศาสตร์รัสเซียเมื่อปี 1993 และถูกยกให้เป็นการค้นพบด้านโบราณสถานที่สำคัญยิ่งแห่งศตวรรษที่ 20 โดยมัมมี่นี้เชื่อว่ามีอายุ 25 ปี และเสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็ง ได้อยู่ในสภาพรักษาสภาพด้วยดินแข็ง โดยร่างกายพระองค์มีรอยสัก

นอกจากนี้ ยังพบซากม้า 6 ตัวที่มีบังเหียน ซึ่งเชื่อว่าถูกฝังเพื่อเป็นพาหนะให้มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็งนี้ เดินทางไปสู่โลกหน้า รวมทั้งยังพบเครื่องประดับต่าง ๆ ที่ทำจากไม้ เงิน และทองคำ ขณะที่เสื้อผ้าของพระองค์ ยังมีถุงใส่"เครื่องสำอาง"ของพระองค์ด้วย โดยและที่ผ่านมา ได้มีการเก็บร่างพระองค์ไว้ในสถาบันวิทยาศาสตร์ในเมืองโนโวซิเบี๊ยก และมีการย้ายพระองค์เพื่อจะนำไปโชว์แสดง

อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้นำแห่งเทือกเขาอัลไตได้เรียกร้องให้ทางการไซบีเรียคืนมัมมี่เจ้าหญิงกลับคืนสู่ที่ราบสูง"อูคอปส์"เพื่อไม่ให้พระองค์ทรงพิโรธ และบันดาลให้เกิดเพศภัยร้ายแรง พร้อมทั้งบอกว่า เจ้าหญิงอูก๊อกจะต้องได้รับการนำร่างกลับไปสถิตย์ยังที่เดิม และการสร้างสุสานใหม่ให้แก่พระองค์จะต้องเป็นทำตามธรรมเนียมโบราณเหมือนที่พระองค์เคยถูกฝังตั้งแต่แรกด้วย

ระทึก รัสเซียผวายอมส่งคืน"มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง" หลังหวั่น"ทรงพิโรธ"นำ"ภัยอาเพศ"มาเยือน!(ช

 

ศิษย์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร



22.12.57 ในระยะ 10 – 11 วันนี้ (ทั่วโลก) มักมีภัยพิบัติทางน้ำ อุบัติเหตุใหญ่ และอัคคีภัย ทั้งมักเกิดปัญหายุ่งยากทางการเงินทางการลงทุนต่างๆ / มฤตยูเดินปกติ 5.46 น. ณ ราศีมีน 18 องศา - จากปฏิทินโหรฯ 57 แบบไดอารี่ ตามแนวท่านอ.เทพย์ฯ
/ ผู้ที่ในพื้นดวงชาตามี ดาวเคราะห์ ราหูสารัมภ์ ลัคนา หรือศูนย์กลางเรือน ในขอบข่าย 18 องศา ราศีมีน และ 18 องศา ราศีกันย์ ต้องรอบคอบให้มาก
/ มฤตยู - พายุโซนร้อน ใต้ฝุ่น ฟ้าคะนอง แผ่นดินไหว อุบัติเหตุ การเดินทางทางอากาศ วิทยุ โทรทัศน์ รัฐสภา การก่อความไม่สงบ การปฏิวัติปฏิรูป การฆ่าตัวตาย เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
/ จากแผนที่ดวงดาว ที่น่าจับตามอง เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูล ได้แก่ประเทศ - ประเทศใกล้เคียง ที่แนวโคจรของดวงดาวพาดผ่าน คือแนวเส้นดาวมฤตยู ทางด้านซ้าย - จากมหาสมุทรอาร์กติก ลากตรงลงมาเฉียดเกาะแกรนแลนด์ ผ่านแคนนาดา มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ลงมาอเมริกาใต้ บราซิล อาร์เจนติน่า และมหาสมุทรแอตแลนติกใต้
/ แนวเส้นดาวมฤตยู ทางด้านขวา – จากมหาสมุทรอาร์กติก ลงมารัสเซีย จีน ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก มาเลเซีย อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ค่อนมาทางตะวันตก
/ ส่วนที่น่าสนใจติดตามดู คือ แนวเส้นดาวพลูโต ทั้งทางด้านซ้าย และขวา
/ ประเทศสยามเรา แม้จะไม่มีแนวเส้นดาวอะไร มาพาดผ่าน แต่ก็ไม่ห่างจากแนวเส้นดาวมฤตยูนัก...
/ แต่สำหรับดวงเมือง ดาวมฤตยูจร “วิกลคติเพื่อเดินปกติ” ครั้งนี้ ทับ (0 องศา – มุมร้าย) จุดศูนย์กลางเรือน 12 ตามดวงภวจักร “พอดี” และมีราหูสารัมภ์จรเล็ง (180 องศา – มุมร้าย) จุดนี้อีกด้วย ขณะเดียวกัน มีดาวอังคารจร เป็นเกณฑร์และส่งแสงถึง “ลัคนาเมือง”
/ ดังนั้น ท่านทั้งหลาย จึงมิควรอยู่ในความประมาท ต้องระวังอุบัติเหตุแบบคาดไม่ถึง การทะเลาะวิวาทในหมู่คนเมาคนอันพาลให้มากๆ ทั้งอาจเกิด การลอบโจมตี การก่อความไม่สงบ (ที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่หาความสำราญ รถรบ และที่ตั้งกองทหาร) / โดย...สัมพรรค์

 

ดาวพฤหัสบดี “เสื่อม” ความยุติธรรม “เสื่อม พิมพ์ อีเมล
พูดจาภาษาโหร
เขียนโดย ดิลก แสงอุทัย
วันอังคารที่ ๐๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๐:๒๓ น.

ดาวพฤหัสบดี เทพพฤหัสหรือพระพฤหัสบดี และวันพฤหัสบดีนั้นมีความสำคัญมากมายในหลายมิติด้วยกัน โดยจะขอกล่าวถึงในมิติอื่นๆนอกเหนือจากมิติทางโหราศาสตร์โดยสังเขปดังนี้

ในมิติทางดาราศาสตร์ ดาวพฤหัสหรือพฤหัสบดีจะเป็นดาวเคราะห์ที่ “ใหญ่ที่สุด” ในมวลหมู่ดาวในระบบสุริยะจักรวาลด้วยกัน โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว ๘๖,๐๐๐ ไมล์ อยู่ห่างจากดาวอาทิตย์ประมาณ ๔๘๓ ล้านไมล์ และมีดวงจันทร์บริวารถึง ๘ ดวง ดาวพฤหัสบดีนี้มีอัตราการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ๑๒ ปี หรือเท่ากับหนึ่งรอบนักษัตร หรือ ๑ ปีต่อราศีตามการคำนวณทางโหราศาสตร์ ซึ่งวิถีโคจรทางโหราศาสตร์นั้น ดาวพฤหัสบดีจะโคจรปกติเป็นอุตราวัฏฏ์ (เวียนซ้าย) และจะแปรวิถีพักร (ถอยหลัง) เป็นทักษิณาวัตร (เวียนขวา) เมื่ออยู่ไกล้โลก โดยจะอยู่ “ไกล้” โลกมากที่สุดเมื่อโคจรมีระยะเชิงมุมที่ ๑๘๐ องศากับดาวอาทิตย์ จะเกิดปรากฎการณ์ “พฤหัสบดีเพ็ญ” ซึ่งให้คุณอย่างมากเมื่อมีระยะเชิงมุมที่ดีกับดาวอื่น ๆ ต่อเมื่อดาวพฤหัสบดีโคจรร่วมราศีกับดาวอาทิตย์จนกุมกันที่องศา ลิปดาเดียวกันจะเกิดปรากฎการณ์ “พฤหัสบดีดับ” ซึ่งจะให้ทุกข์โทษ โดยขณะที่ดาวพฤหัสบดีดับนั้น จะเป็นช่วงที่อยู่ “ไกล” โลกมากที่สุด บุคคลผู้ที่มีดาวพฤหัสบดีดับในดวงชาตาถือว่าเป็นผู้ที่อาภัพอับโชคอย่างที่สุด

ในมิติทางศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั้นเชื่อว่าเทพพฤหัส หรือพระพฤหัสบดีเกิดจากพระอิศวรผู้เป็นเจ้าสร้างจากพระฤาษี ๑๙ ตน ดังนั้นดาวพฤหัสบดีจึงมีกำลัง ๑๙ ตามคัมภีร์มหาทักษา พระพฤหับดีถือว่าเป็นครูของทวยเทพย์ทั้งหลายอันสืบเนื่องมาจากการกำเนิดของพระองค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าคติที่เทพพฤหัสบดีเป็นครูของทวยเทพทั้งปวงนี้เอง การไหว้ครูบูรพาจารย์ต่างๆจึงมักนิยมกระทำกันในวันพฤหัสบดีและสืบทอดกันมาตั่งแต่โบราณจนถึงทุกวันนี้

ความสำคัญและความหมายของดาวพฤหัสบดีทางโหราศาสตร์

ดาวพฤหัสบดีถือว่าเป็นดาวที่ “สำคัญมากที่สุด” ในการพิจารณาดวงชาตาใดๆ ไม่ว่าจะเป็นดวงเดิมหรือดวงจร บุราณาจารย์ท่านจึงยกย่องให้เป็นประธานของดาวฝ่ายศุภเคราะห์ (ฝ่ายดี) ซึ่งตรงกันข้ามกันกับดาวเสาร์ที่เป็นประธานฝ่ายบาปพระเคราะห์ (ฝ่ายร้าย) โดยในดวงชาตาใดๆนั้นบุราณาจารย์ท่านได้รจนาเกี่ยวกับดาวต่างๆที่จะมาให้ทุกข์โทษ โดยจะมีดาวที่จะมาคอยบรรเทาทุกข์โทษได้เช่น ถ้าพระราหูให้โทษแก่ลัคน์ ดาวเสาร์และดาวพุธสามารถบรรเทาโทษได้ ถ้าดาวพุธ ดาวเสาร์และพระราหูให้โทษแก่ลัคน์ ดาวอังคารจะคุ้มโทษคุ้มภัยได้ ถ้าดาวเสาร์ พระราหู ดาวอังคารและดาวพุธให้โทษแก่ลัคน์ ดาวศุกร์สามารถคุ้มได้ ถ้าพระราหู ดาวเสาร์ ดาวศุกร์ ดาวอังคารและดาวพุธให้โทษแก่ลัคน์ ดาวจันทร์สามารถคุ้มได้ โดยถ้าดาวพระเคราะห์ทั้ง ๖ คือ จันทร์ อังคาร พุธ ศุกร์ เสาร์ และพระราหูให้โทษแก่ลัคน์ ดาวอาทิตย์สามารถคุ้มภัยได้ แต่ถ้าดาวพระเคราะห์ทั้ง ๗ ให้โทษแก่ลัคน์ ดาวพฤหัสบดีดวงเดียวเท่านั้นสามารถคุ้มโทษคุ้มภัยให้ได้ ดังโศลกที่ว่า “ ผิว์ว่าสรรพเคราะห์มาตรหมาย ให้โทษแก่ลัคน์หลาย พระพฤหัสบดีให้คุณอาจคุ้มภัย ” ในทางตรงกันข้าม ถ้าดาวพฤหัสบดีให้โทษแก่ลัคน์แล้ว จะไม่มีดาวใดๆคุ้มโทษคุ้มภัยได้เลย ดังโศลก “ แม้พฤหัสบดีให้โทษลัคน์ใคร บ่มีพระเคราะห์ใดอาจคุ้มครองแลนา ” โดยดาวที่จะมาคุ้มโทษคุ้มภัยในแต่ละดาวดังกล่าวนั้น จะต้องมีโยคเกณฑร์ที่ดีกับลัคนา ตลอดจนจะต้องมีกำลังที่ดีด้วย

ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเกษตรครองสองราศีคือ ราศีธนู ธาตุไฟ และราศีมิน ธาตุน้ำ แต่ถ้าพิจารณาสมผุสของดาวให้ละเอียดถี่ถ้วนขึ้น ดาวพฤหัสบดีในราศีธนูตั่งแต่ ๐ – ๑๓ องศาจะได้ตำแหน่งมูลเกษตร์หรือมูลตรีโกณ จาก ๑๔ – ๓๐ องศาจะเป็นสวเกษตร์ หรือเกษตร์ตามที่โหรฝ่ายไทยเรียกกัน โดยดาวพฤหัสบดีในราศีมินจะถือว่าเป็นเกษตร์ตลอดราศี ซึ่งในการพิจารณากำลังของดาวตามภารตะวิธีนั้น “ตำแหน่งมูลตรีโกณจะมีกำลังมากกว่าตำแหน่งสวเกษตร์” กล่าวคือ ๓ ใน ๔ ส่วน หรือ ๗๕ เปอร์เซ็น และ ๑ ใน ๒ ส่วน หรือ ๕๐ เปอร์เซ็น ตามลำดับ

โดยดาวพฤหัสบดีได้ตำแหน่งอุจน์ (ดี, ยิ่งใหญ่ ฯลฯ) ในราศีกรกฏ และที่ตำแหน่ง “มหาอุจน์” เมื่อจำเริญองศาที่ ๕ องศา ซึ่งได้ตำแหน่งนิจน์ (เสีย, ต่ำต้อย ฯลฯ) ในราศีตรงข้ามคือ ราศีมังกร และที่ “อตินิจน์” เมื่อจำเริญองศาได้ ๕ องศาเช่นกัน ท่านที่สนใจเรื่องดาวพฤหัสบดีในด้านอื่นๆนั้น สามารถหาอ่านหรือศึกษาเพิ่มเติมได้จากตำราของท่านปรมาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งท่านได้รวบรวมเรียบเรียง และกล่าวไว้อย่างละเอียดในหลายเล่มด้วยกัน

ดาวพฤหัสบดีกับความยุติธรรม

จากการที่ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเกษตร์สองราศี โดยทั้งสองราศีนั้นคือภพที่ ๙ (ภพศุภะ) และ ภพที่ ๑๒ (ภพวินาศน์) ตลอดจนได้ตำแหน่งอุจน์ในราศีกรกฏซึ่งเป็นภพที่ ๔ (ภพพันธุ) ตามชาตาโลก ดังนั้นลักษณะหรือความหมายของดาวพฤหัสบดีจึงเป็นไปตามเจ้าเรือนเกษตร์และอุจน์ที่ตนครองอยู่ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า “ ทายปัญญาบริสุทธิ์ให้ทายพฤหัสบดี ” โดยปัญญาหรือลักษณาการของดาวพฤหัสบดีนั้นจะตรงข้ามกับดาวพุธ ดังนั้นผู้ที่มีดาวพฤหัสบดีเด่นในดวงชาตาแล้ว นอกจากจะคุ้มโทษคุ้มภัยได้ทั้งปวงดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บุคคลผู้นั้นยังเป็นผู้ที่มีจิตใจดี มีศีลธรรมจรรยา ซื่อสัตย์ยุติธรรม ฯลฯ อีกด้วย โดยในทางตรงข้าม ถ้าดาวพฤหัสบดีของชาตาผู้ใดเสื่อมสิ้นแล้ว ชาตาของบุคคลผู้นั้นจะเป็นผู้ที่เกิดมาใช้กรรมอย่างแท้จริง จะเป็นผู้ที่หาศีลธรรมในกายตัวมิได้ หน้าไหว้หลังหลอก อาภัพอับโชค ฯลฯ ซึ่งในการคบหากับใครนั้น ถ้ามีโอกาสได้ตรวจดูดวงชาตาของผู้นั้น ตำแหน่งดาวพฤหัสบดีจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะละเลยได้

ความหมายของภพที่ ๙ หรือภพศุภะตามดวงชาตาโดยสังเขปก็คือ “ ศาสนา กฏหมาย การฟ้องร้องต่อสู้คดี อนุญาโตตุลาการ ฯลฯ ” ซึ่งจะเห็นได้ว่าดาวพฤหัสบดีนั้นเกี่ยวของกับวงการยุติธรรมโดยตรง ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับดาวพฤหัสบดีก็คือ “ นักบวช ผู้พิพากษา คนสอนศาสนา ทนายความ อัยการ ” เป็นต้น

ดาวพฤหัสบดีกับดวงเมือง

ตามพื้นชาตาเดิมของดวงเมืองที่ได้ปฏิสนธิขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เวลา ๖.๕๔ ณ นั้น ได้มีผู้รู้ตลอดจนครูบาอาจารย์หลายท่านได้วิเคราะห์และวิพากษ์วิจารย์กันมามากแล้ว โดยผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะดาวพฤหัสบดีและดาวอื่นที่เกี่ยวข้องกับดาวสำคัญดวงนี้เท่านั้น

ดาวพฤหัสบดีตามที่จดบันทึกในปูมโหรจะสถิตย์อยู่ ณ ราศีธนู สมผุสดาวที่ ๘ องศา ๑๖ ลิปดา พักรองศา ได้ตำแหน่งมูลเกษตร์ในราศีจักร เสวยมูละนักษัตร เป็นทลิทโทฤกษ์ตามฤกษ์บน และเป็น “โจโรฤกษ์” ตามฤกษ์ล่าง โดยเกาะนวางค์พุธ เมถุน เป็น “ปรเกษตร์” ในดวงนวางค์ และอยู่ในภพที่ ๙ หรือภพศุภะจากลัคนา

พิจารณาโยคเกณฑร์ต่างๆของดาวพฤหัสบดี ตลอดจนตำแหน่งและฤกษ์ที่เข้าเกาะ พบว่ามีทั้งดีและร้าย ซึ่งจะต้องวิเคราะห์ว่าโยคเกณฑร์ฝ่ายไหนจะมีกำลังมากกว่ากัน โดยในส่วนที่ดีก็คือ ได้ตำแหน่งมูลเกษตร์ในราศีจักรซึ่งถือว่ามีกำลังมากพอควร และยังมีมุมโยคดี ๑๒๐ องศากับอาทิตย์ในราศีเมษ และมีดาวศุภเคราะห์พุธและศุกร์เป็นเกณฑร์อยู่ในราศีมิน ซึ่งเมื่อสถิตย์อยู่ในภพที่ ๙ หรือภพศุภะนั้น บุราณาจารย์ท่านกล่าวว่าได้ตำแหน่ง “ธนูเกณฑร์” ซึ่งสามารถคุ้มโทษคุ้มภัยให้กับลัคนาได้จากการส่งแสงไปที่ภพที่ ๑ ตามกฎการส่งแสงของดาวนี้ ถ้าเป็นดวงชาตาคนทั่วไปนั้น ดาวพฤหัสบดีที่ตำแหน่งธนูเกณฑร์นี้บวกกับโยคดีดังกล่าวข้างต้นนั้น เจ้าชาตามักจะเป็นผู้ที่ “เชี่ยวชาญชำนาญในเชิงอักษรศาสตร์ ตลอดจนศาสนาและหลักธรรมต่างๆ” ซึ่งผลของดาวพฤหัสบดีในภพที่ ๙ ของชาตาเมืองนี้เอง ทำให้บ้านเมืองของเรามีผู้คนที่เชี่ยวชาญชำนาญเรื่องดังกล่าวนี้อยู่มากพอควร

แต่เมื่อพิจารณาในส่วนโยคเกณฑร์ที่ร้ายนั้น จะพบว่ามีอยู่มากและล้วนแต่สาหัสสากันทั้งสิ้น โดยมีดาวมฤตยูทำมุมโยคร้าย ๑๘๐ แบบสนิทองศาพอดี โดยดาวมฤตยูสถิตย์อยู่ราศีเมถุน ที่ ๘ องศา ๕๓ ลิปดา (ดาวมฤตยูนี้ เมื่อแรกวางดวงเมืองนั้น ยังมิได้กล่าวถึงเนื่องจากว่าเป็นดาวที่เพิ่งจะพบใหม่ โดยค้นพบเมื่อเดือน มีนาคม ๒๓๒๔ ก่อนตั่งดวงเมืองเพียงปีเดียว) ซึ่งแปลความหมายของดาวมฤตยูที่หมายถึงการค้นคว้าสิ่งแปลกๆใหม่ๆ การประดิษฐ์ เทคโนโลยีที่นำสมัย ฯลฯ และเมื่อดาวมฤตยูมาโยคร้ายกับดาวพฤหัสบดีเจ้าเรือนศุภะเช่นนี้แล้ว จึงไม่แปลกใจที่บ้านเมืองของเราจึงมีแต่ “เนติบริกร การคิดประดิษฐ์ ตลอดจนการออกกฎหมายและแก้กฏหมายเพื่อพวกพ้องพี่น้องและตัวเอง” หาได้เป็นไปเพื่อคนส่วนมากอย่างที่เราท่านได้เห็นกันมาจนชินชาแล้ว ซึ้งเป็นผลมาจากโยคร้ายของดาวมฤตยูทั้งสิ้น

โยคเกณฑร์ร้ายที่สำคัญมากอีกอันหนึ่งก็คือการกุมกันแบบสนิทองศากับดาวเสาร์ โดยดาวเสาร์สถิตย์ราศีธนู ที่ ๙ องศา ๓๐ ลิปดา วิถีจักรพักรตามปูมโหร แต่ถ้าคำนวณแบบใหม่ดาวเสาร์จะมีสมผุสอยู่ที่ ๑๐ องศา ๑๘ ลิปดาซึ่งจะอยู่คนละนวางค์กัน โดยดาวเสาร์เป็นประธานของดาวฝ่ายบาปพระเคราะห์ (ฝ่ายร้าย) และเมื่อประธานของหมู่ดาวทั้งสองคือทั้งร้ายและดีมาอยู่ร่วมกันแบบสนิทองศาเช่นนี้แล้ว “ ความวิปริตผิดประหลาดในภพที่ ๙ ก็มิอาจจะหลีกเลียงได้ ” หลายท่านคงเคยได้ยินคำพยากรณ์ ๑๐ ยุค (บางท่านว่า ๑๐ รัชกาล) เริ่มจาก ยุคมหากาฬ ไล่ไปจนถึงยุคที่ ๑๐ คือถิ่นกาขาว ซึ่งมีทั้งหมอดูและพระเกจิหลายๆท่านได้เคยกล่าวถึง แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้พยากรณ์ และใช้หลักเกณฑ์อะไรบ้างในการพยากรณ์ โดยท่านปรมาจารย์เทพย์ สาริกบุตรได้อธิบายโดยใช้หลักโหราศาสตร์อย่างประนีตและละเอียดถี่ถ้วน โดยท่านวิเคราะห์ว่าผู้ที่ทำนายนั้นเป็นล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ และมูลเหตุของการทำนายก็มาจากการกุมกันของสองดาวประธานทั้งพฤหัสบดีและเสาร์ในชาตาเมืองนั้นเอง (ท่านที่สนใจหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือโหราศาสตร์ในวรรณคดี อ.เทพย์ สาริกบุตร)

จากกฏการส่งแสงของดาวโดยใช้หลักจากตำแหน่งและเจ้าเรือนของดาวอุจน์และดาวนิจน์ ดาวพฤหัสบดีจะกลายสภาพเป็น “นิจน์” (เสีย,ต่ำต้อย ฯลฯ) เมื่อได้รับแสงจากดาวเสาร์ ดังนั้นดาวพฤหัสบดีตามดวงเมืองจึงมีสภาพกลายเป็นนิจน์ อีกทั้งยังมีบาปพระเคราะห์ตรึ่งอยู่ในเรือนเกณฑร์ครบทั้งสี่ทวารคือ ดาวเสาร์อยู่ในเรือนที่ ๑ ดังที่กล่าวมาแล้ว พระราหูสารัมภ์อยู่ในเรือนที่ ๔ ดาวมฤตยูอยู่ในเรือนที่ ๗ และดาวเนปจูนอยู่ในเรือนที่ ๑๐ ซึ่งเสียหายเป็นอย่างมาก

พิจารณาในดวงนวางค์ ดาวพฤหัสบดีเกาะนวางค์พุธ เมถุน “คู่ศัตรู” ตามหลักมูลตรีโกณ เป็นปรเกษตร์ในดวงนวางค์ และที่สำคัญยังอยู่ในภพที่ ๘ จากนวางค์ที่ลัคนาเกาะอีกด้วย (ลัคนาเกาะนวางค์อังคาร พิจิก) อีกทั้งมีดาวบาปพระเคราะห์ถึง ๕ ดวงคือ เนปจูน พลูโต อังคาร เสาร์และอาทิตย์ บีบหน้าบีบหลัง โดยมีดาวมฤตยูเล็งอยู่ อีกทั้งดาวเจ้านวางค์เมถุน (ดาวพุธ) ก็ไปอยู่ที่นวางค์พิจิก อังคารเบียฬเรือนตนเอง แต่ยังดีที่ได้สลับนวางค์กับดาวอังคารจึงทำให้นวางค์เมถุนที่ดาวพฤหัสบดีสถิตย์อยู่พอมีกำลังขึ้นมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามดาวพฤหัสบดีในดวงนวางค์จักรถือว่าเสียหายไม่น้อยไปกว่าในราศีจักร

ย้อนกลับมาพิจารณาฤกษ์ที่ดาวพฤหัสบดีเกาะอยู่ โดยดาวพฤหัสบดีเสวยมูละนักษัตร เป็นบูรณะฤกษ์กล่าวคือนวางค์บาทฤกษ์ทั้งสี่ประชุมอยู่ในราศีเดียวกัน เป็น “ทลิทโทฤกษ์” ตามฤกษ์บน ก็น่าจะให้คุณ แต่เมื่อพิจารณาจากจันทร์กำเนิดแล้ว ดาวพฤหัสบดีกลับไปอยู่ที่นักษัตรพิษ เป็น “โจโรฤกษ์” ตามฤกษ์ล่าง (ผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องฤกษ์บน ฤกษ์ล่าง สามารถย้อนกลับไปอ่านบทความเรื่อง “ดวงฤกษ์พรรคพันธมิตร” ของผู้เขียนคนเดียวกันในเวปไซด์แห่งนี้ได้ ซึ่งได้กล่าวไว้พอสังเขป) แปลความหมายของของฤกษ์นั้น ทลิทโทก็เกี่ยวกับการขอ การเมตตาช่วยเหลือ การอุปถัมภ์ค้ำชู้ ฯลฯ ส่วนโจโรนั้นชื่อก็สื่อความหมายได้ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นดาวพฤหัสบดีที่เกาะในฤกษ์เช่นนี้ก็เปรียบเสมือน “นักบุญใจบาป ไร้ซึ่งความเมตตา กระทำการสิ่งใดล้วนมีผลประโยชน์แอบแฝง” เป็นต้น

“กล่าวโดยสรุปได้ว่า ดาวพฤหัสบดีนั้นเสียมากกว่าดี ดังนั้นความหมายของดาวพฤหัสบดีก็ย่อมเสียไปตามสภาพของดาวดวงนี้ ซึ่งไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่าทำไมบ้านเมืองของเราจึงมีนักบวชที่ทุศีลมากมาย มีลัทธิแปลงบุญให้เป็นเงิน มีทนายที่ไม่ละอายชั่วกลัวบาปกล้าที่จะติดสินบนศาล มีทนายแผ่นดินที่ไปเป็นพยานให้กับจำเลยของแผ่นดิน ตลอดจนมีคำพิพากษาที่ชวนให้ฉงนสนเทห์ว่าทำไมบริหารงานผิดพลาดส่อไปในทางทุจริตเป็นหมื่นล้านกับรอลงอาญาแต่คดีหมิ่นประมาทกับจำคุกจริง” แต่เมื่อมาวิเคราะห์หาเหตุผลทางโหราศาสตร์ก็พบว่าเป็นผลมาจากความวิปริตผิดประหลาดของดาวฝ่ายคุณธรรมจากดวงเมืองนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่ทำได้สำหรับพวกเราก็คือใจ หมายความว่าต้อง “ ทำใจ ” ให้ยอมรับสภาพนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตามเราท่านที่ศึกษาโหราศาสตร์กันมาก็รู้ดีว่าในการกำหนดฤกษ์นั้นมีข้อจำกัดมากมาย เราไม่สามารถไปบังคับดาวให้เป็นไปตามตำแหน่งที่เราต้องการได้ อีกทั้งเรื่องขอบเขตของเวลาที่จะต้องเร่งทำการก็ป็นข้อจำกัดอีกประการหนึ่ง ซึ่งถ้าพิจารณาโดยรวมของดวงฤกษ์หรือดวงเมืองแล้วก็พบว่าท่านวางดวงฤกษ์โดยให้ศัตรูทั้งหมด ทั้งเปิดเผยทั้งปิดบังไปตกวินาศน์ และยังมีดาวอาทิตย์มหาอุจน์กุมลัคน์ โดยท่านมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัยจากอริราชศัตรูและให้ผู้นำเป็นใหญ่ ซึ่งก็เหมาะสมกับ สถาณการณ์ในขณะนั้น ซึ่งถือว่าอัจฉริยะเป็นอย่างมาก และก็ทำให้บ้านเมืองของเราอยู่รอดปลอดภัยจากอริราชศัตรูมาจนถึงทุกวันนี้ถึงแม้ว่ามีพวกฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่จำนวนมากก็ตาม
อ้างอิง

- โหราศาสตร์ในวรรรคดี อ.เทพย์ สาริกบุตร
- แนวทางศึกษาโหราศาสตร์ อ.เทพย์ สาริกบุตร

ดาวพฤหัสบดี “เสื่อม” ความยุติธรรม “เสื่อม

 

เมื่อธรรมะ (ดาวพฤหัสดี) ปะทะ อธรรม (ดาวเสาร์) “ในเรือนเกณฑร์” ตอนที่ ๒ พิมพ์ อีเมล เขียนโดย ดิลก แสงอุทัย วันพุธที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๖:๑๑ น.

โอ้อนาถวาสนาชาตาชาติ ผิดประหลาดมาตรแม้นแสนสงสาร
ที่เคยอยู่ร่มรื่นชื่นเย็นนาน กับพบพาลผลาญพ่ายวุ่นว่ายมี
เกิดอาเภทเหตุร้ายวุ่นวายทั่ว ฟ้าเกิดมัวหมองหม่นทุกราศี
ฝนกระหน่ำซ้ำเติมเติมเพิ่มทวี เพราะอัปปรีย์ครองเมืองเรื่องจึงมา

น้ำไหลหล้าบ้าคลั้งยั้งหยุดไม่ แผ่ขยายกว้างไกลไร้ทิศา
เข้าทับถมจมเมืองท้องทุ่งนา พสุธาหายสิ้นแผ่นดินทอง
เหตุทั้งหลายเพิ่งจักเริ่มเพิ่มเติมแต่ง เก็บเรี่ยวแรงรับรู้รสรุมเรียกร้อง
บุพกรรมตามมาที่อัปปรีย์ครอง กรรมสนองที่นองหน้าน้ำตาใคร

เหตุอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ซึ่งจะเกิดจากภัยธรรมชาติหรือเกิดจากความโง่เขลาเบาปัญญาของผู้ที่มีหน้าที่บริหารและจัดการนั้น เราท่านทั้งหลายที่พอมีสติปัญญากันอยู่บ้าง เมื่อพิจารณาไตร่ตรองดูแล้วก็คงจะทราบได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก ความเสียหายที่มีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยของเรานั้น ผู้คนไม่ว่าจะยากดีมีจน ไพร่หรืออำมาตย์ในความหมายของมวลชนผู้มีข้อจำกัดในเรื่องสติปัญญาและความคิด พระสงฆ์องค์เจ้าตลอดจนสมณะชีพราหมฌ์ทั้งหลายต่างก็ได้รับความเดือดร้อนไปถ้วนทั่วทุกคน

ในทัศนะทางโหราศาสตร์นั้น โหรและหมอดูน้อยใหญ่ต่างก็ทำนายว่าจะเกิดเหตุเภทภัยไปในทำนองเดียวกัน กล่าวคือ “ต่างก็ทำนายว่าเหตุเภทภัยจะเกิดขึ้นเมื่อดาวเสาร์ยกจากราศีกันย์ไปที่ราศีตุลย์ตั่งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนนี้ไปราว ๒ ปีครึ่งตามอัตราการโคจรของดาวเสาร์ประธานของดาวฝ่ายบาปพระเคราะห์ (ฝ่ายร้าย)” แต่ทว่าเหตุเภทภัยดังกล่าวนั้นกับมาเกิดก่อนทั้งที่ดาวเสาร์ยังไม่ได้ย้ายราศี ซึ่งได้สร้างความงุนงงเป็นอย่างมาก เพราะว่าดาวพฤหัสบดีดาวประธานฝ่ายศุภเคราะห์ยังจรร่วมลัคนาดวงเมืองอยู่ โดยถึงแม้ว่าในขณะนี้ดาวจะโคจรวิปริต (เดินถอยหลัง) แต่ความเป็นดาวศุภเคราะห์นั้นย่อมจะส่งผลคุ้มครองเจ้าชาตาไม่ให้เกิดเหตุเภทภัยที่รุนแรงได้ ซึ่งมีกล่าวไว้ในหลายตำราด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม มูลเหตุในทางดวงดาวนั้นก็มีปรากฎให้เห็น โดยสาเหตุหลักคือดาวอังคาร ตนุลัคน์ (ดาวประจำตัว) ของดวงเมืองถูกคราสเมื่อวันที่ ๒ มิถุยายน ๒๕๕๔ โดยครั้งนั้นเกิดสุริยคราสที่ราศีพฤษก ที่ ๑๗ องศา และดาวอังคารตนุลัคน์นั้นสถิตย์อยู่ที่ ๑๙ องศาเศษ ซึ่งผลร้ายของคราสนั้นจะอยู่ถึง ๖ เดือน โดยได้เคยกล่าวไว้หลายครั้งแล้วในบทความเรื่องที่ผ่านๆมา และหลังจากนั้นดาวอังคารได้จรไปสถิตย์ในราศีกรกฎตั่งแต่วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดาวอ่อนกำลังมากที่สุด (เป็นนิจน์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งราศีกรกฎเป็นราศีแม่ธาตุน้ำ ซึ่งเปรียบเสมือนกับดาวประจำตัวของดวงเมืองลงไปแช่อยู่ในน้ำอยู่แล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งอังคารเดิมและอังคารจรนั้นไม่มีกำลังที่จะต้านทานอะไรได้เลย และดาวพลูโตจรซึ่งแทนได้กับน้ำได้โคจรวิกลคติพักร (ถอยหลัง)ในช่วงกลางเดือนกันยายน ไปทับดาวเสาร์เดิมของดวงเมืองแบบสนิทองศาพอดี ประกอบกับดาวเสาร์จรไปจรไปทำมุมโยคร้าย ๑๘๐ องศากับราหูสารัมภ์ในดวงเมือง ดังนั้นเหตุเภทภัยครั้งใหญ่จึงบังเกิดขึ้น

แต่ทว่าในการพิจารณาดวงจรนั้น ถึงแม้ว่าจะมีดาวจรมาทำมุมโยคร้ายกับดาวเดิม ซึ่งรวมไปถึงดาวเดิม ลัคนาหรือดาวจันทร์ที่ถูกคราสด้วย แต่ถ้า “ดาวประธานศุภเคราะห์หรือดาวพฤหัสบดีจรส่องแสงถึง หรือร่วมราศีกับลัคน์หรือจันทร์ในชาตาเดิมแล้ว ดาวพฤหัสบดีจะสามารถคุ้มโทษคุ้มภัยให้กับดวงชาตาได้” ซึ่งช่วงที่เกิดภัยภิบัติในขณะนี้นั้น ดาวพฤหัสบดีก็ยังจรร่วมราศีกับลัคนาของดวงเมืองอยู่ ซึ่งเราท่านที่สนใจใฝ่ศึกษาในศาสตร์แห่งโหรทั้งหลายคงจะต้องไปขบคิดพิจารณาในเหตุการณ์ครั้งนี้กันอีกมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวประธานฝ่ายศุภเคราะห์หรือดาวพฤหัสบดีเริ่มโคจรวิกลคติ พักร (ถอยหลัง) ตั่งแต่วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๔ ที่ผ่านมา ความวุ่นวาย ความวิปริตผิดประหลาดของบ้านเมืองได้บังเกิดขึ้นมากมายหลายประการด้วยกัน การตัดสินคดีความอย่างเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัย การไม่ฎีกาของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การเปลี่ยนตัวผู้นำหน่วยงานที่มีหน้าที่จับกุมและสอบสวน ตลอดจนเรื่องเลวร้ายอื่นๆได้ปรากฏให้เห็น โดยเหตุการน้ำท่วมที่เกิดขึ้นขณะนี้ก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์เลวร้ายพวกนั้น

เมื่อพิจารณาในมิติทางโหราศาสตร์นั้น ดาวพฤหัสบดีเป็นเจ้าเรือนภพศุภะ (แทนตัวบทกฎหมาย ศาลสถิตย์ยุติธรรม ฯลฯ) ของดวงเมืองและดวงโลก ดังนั้น “เมื่อเจ้าเรือนโคจรวิปริตและจรมาร่วมลัคนา ผลที่ปรากฎก็จึงวิปริตอย่างที่เราท่านได้เห็นกัน” และดาวพฤหัสบดีก็ยังเป็นเจ้าเรือนภพวินาศน์อีกโสตหนึ่งด้วย ภพวินาศน์นั้นอยู่ที่ราศีมิน เป็นราศีธาตุน้ำ ดังนั้น “เมื่อเจ้าเรือนภพวินาศน์ธาตุน้ำจรมาร่วมลัคนาของดวงเมือง ความวินาศน์จากน้ำจึงบังเกิดขึ้น“ โดยเหตุน้ำท่วมนั้นยังได้เกิดขึ้นในหลายประเทศด้วยกัน

โดยผลร้ายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราขณะนี้ ดูเสมือนว่าจะเกินกว่าอำนาจของดวงดาวที่จะกระทำได้ ประหนึ่งว่าทวยเทพยุดา เทพาอารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองกำลังสาปแช่งลงโทษผู้นำ ตลอดจนผู้คนที่ไร้ศีลสิ้นสัตย์ ผู้ที่ทุรยศขายชาติ ขายบ้านขายเมือง ผู้ที่ไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วและดีได้ โดยผลร้ายต่างๆนั้น ในขณะนี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อเมื่อดาวเสาร์ยกไปที่ราศีตุลย์แล้ว เมื่อนั้นเราท่านคงจะได้เห็นกลียุคกันอย่างแน่แท้

ดาวพฤหัสดีจรมาปะทะดาวเสาร์ในเรือนเกณฑร์

จากบทความตอนที่ ๑ นั้น ได้ยกสถิติเมื่อครั้งที่ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีจรมาร่วมหรือเล็งกันในเรือนชาตาที่สำคัญที่สุดหรือเรือนเกณฑร์ตั่งแต่เมื่อตั่งกรุงเทพฯ มาจนถึงปัจจุบัน โดยแรกเริ่มเดิมที่นั้นตั่งใจจะอธิบายผลที่เกิดขึ้นจากปรากฎการณ์ทางดวงดาวในช่วงนั้นๆ เอาไว้เป็นกรณีศึกษา แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่เป็นปกติในช่วงเวลานี้ เราท่านทั้งหลายคงอยากจะทราบเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากกว่าในอดีด ดังนั้นจึงขอละเรื่องดังกล่าวเอาไว้ก่อน แต่คงจะได้มีโอกาสยกเหตุการณ์ครั้งที่ผ่านๆมา มาอธิบายในภาษาทางโหรให้เราท่านได้แลกเปลียนทัศนะและศึกษาในโอกาสข้างหน้า

ย้อนกลับมาที่เรื่องของดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีที่จะจรมาเป็นเกณฑร์กันในเรือนชาตาที่ ๑ และ ๗ ของดวงเมืองและดวงโลก โดยดาวเสาร์จะยกในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๑.๓๙ น อ้างอิงจากปฏิทินโหรประจำปี ๒๕๕๔ ตามแนวทางท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งในขณะนั้นดาวพฤหัสบดีได้จรพักรองศาอยู่ที่ราศีเมษ ที่ ๙ องศาเศษ อันที่จริงด้วยศักดิ์และสิทธิ์ของดาวประธานคู่สำคัญคู่นี้ คือทั้งดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีนั้นมิได้แตกต่างกัน ดาวทั้งสองมีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะให้คุณ และให้โทษพอ ๆ กัน ตามที่บุราณาจารย์ท่านยกย่องให้เป็นดาวประธานในทวาทศราศีจักร

ดาวพฤหัสบดีใช่ว่าจะให้คุณแต่ฝ่ายเดียวเสมอไป ถ้าพิจารณาจากดาวคู่ปรปักษ์ธาตุ ดาวพฤหัสบดีจะเป็นดาวที่ให้โทษกับผู้ที่ลัคนาหรือจันทร์สถิตย์ราศีตุลย์เป็นต้น และดาวเสาร์ก็ใช่ว่าจะให้โทษเสมอไปเช่นกัน ดังเช่นตำแหน่งเสาร์ชัยทั้ง ๔ ในราศีพฤษก ราศีกันย์ ราศีพิจิก และราศีมินก็เป็นตำแหน่งที่ให้คุณเป็นต้น แต่ทว่าด้วยความเป็นบาปพระเคราะห์ ดังนั้นการให้คุณจึงไม่เป็นไปในปกติวิสัย จะเป็นไปในทำนองทุกขลาภหรือต้องลำบากฝ่าฟันอุปสรรคเสียก่อนจึงจะได้ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องพิจารณาในการให้คุณหรือให้โทษเมื่อดาวทั้งสองมาส่งกระแสถึงกันก็คือกำลังของดาวนั่นเอง เพราะว่าดาวทั้งสองต่างก็ชิงไหวชิงพริบกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายใดอ่อนกำลังก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานในทันที

ในวันเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ดาวพฤหัสบดีจรอยู่ที่ราศีกรกฎ ได้ตำแหน่งอุจน์เข้มแข็งมาก ส่วนดาวเสาร์จรอยู่ที่ราศีมังกรได้ตำแหน่งเกษตร์ก็เข้มแข็งเช่นกัน โดยทั้งราศีกรกฎและราศีมังกรถือว่าเป็นเรือนเกณฑร์ที่สำคัญมากในดวงเมือง ซึ่งดาวทั้งสองก็ได้ส่งกระแสถึงกันนานพอสมควร และเมื่อดาวพฤหัสบดีจรเข้าเกาะนวางค์ขาดซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดาวอ่อนกำลัง การเปลียนแปลงการปกครองจึงเกิดขึ้น

เมื่อมาพิจารณาตำแหน่งของดาวเสาร์ที่จะยกในครั้งนี้ ดาวเสาร์จะไปสถิตย์อยู่ในราศีตุลย์ เป็นอุจน์ และเกาะนวางค์ลูกแรกของราศีตุลย์ได้ตำแหน่งวรโคตมนวางค์ โดยเป็นอุจน์ในดวงนวางค์อีกเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าดาวเสาร์มีความเข้มแข็งมาก แต่เมื่อพิจารณาดาวพฤหัสบดีที่สถิตย์อยู่ที่ราศีเมษได้ตำแหน่งราชาโชคตามตำราโหรฝ่ายไทย อยู่ราศีที่มีดาวอังคารเป็นดาวเกษตร์ เป็นคู่มิตร ก็ถือว่ามีกำลังพอสมควร แต่ทว่าดาวพฤหัสบดีสถิตย์อยู่ราว ๙ องศาเศษ ไปเกาะนวางค์พุธ คู่ศัตรู เป็นปรเกษตร์ในดวงนวางค์ ดังนั้น ดาวพฤหัสบดีจึงมีกำลังน้อยกว่าดาวเสาร์ในช่วงแรก

ดาวเสาร์จะโคจรอยู่ในราศีตุลย์เรื่อยไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๕๕ และจะวิกลคติพักรเพื่อที่จะโคจรถอยหลังในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ที่ ๕ องศา ๒๙ ลิปดา โดยในขณะนั้นดาวเสาร์เกาะ นวางค์อังคาร-พิจิก คู่ศัตรู และดาวพฤหัสบดีจรในวิถีจักรปกติ ที่ ๙ องศา ๓๔ ลิปดา เกาะนวางค์พุธ-เมถุน คู่ศัตรู เป็นปรเกษตร์ โดยดาวทั้งสองเสียในดวงนวางค์ แต่ในราศีจักรดาวเสาร์ยังได้ตำแหน่งอุจน์อยู่จึงถือมีความเข้มแข็งกว่าดาวพฤหัสบดีอีกเช่นกัน

แต่เมื่อพิจารณาวิถีการโคจรของดาวทั้งสองจะพบว่า ในช่วงแรกดาวพฤหัสบดีจรในวิถีจักรถอยหลังอยู่ และดาวเสาร์จรในวิถีจักรปกติ ซึ่งเสมือนว่าดาวพฤหัสบดีโคจรหนีดาวเสาร์ออกไป ท่านอ.สัมพรรค์ เผือกสกนฺธ์ อาจารย์ของผู้เขียนได้กรุณาให้ความเห็นแนะนำว่าเหตุการณ์ต่างๆ ถ้าเกิดในช่วงที่ดาวโคจรเข้าหากัน กล่าวคือ ดาวพฤหัสบดีแปรวิถีจักรมาเป็นปกติ โดยจะหมายความว่าดาวประธานทั้งสองกำลังเดินหน้าโคจรเข้าหากันจึงจะมีความรุนแรงมากกว่า

ดาวพฤหัสบดีจะโคจรเปลี่ยนวิถีจักรเป็นปกติในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลา ๕.๐๘ น อ้างอิงจากปฏิทินโหรประจำปี ๒๕๕๔ ตามแนวทางท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ดังนั้น ช่วงเวลาที่ดาวทั้ง ๒ ได้โคจรเข้าหากันคือ ตั่งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรง ความสับสนวุ่นวายคงจะเกิดได้ทัวโลก แต่หลังจากนั้นดาวจะโคจรถอยห่างจากกัน ซึ่งถึงแม่ว่าจะมีความวุ่นวายแต่ก็คงจะไม่รุนแรงมากเหมือนช่วงเวลาข้างต้น

อย่างไรก็ตาม ระยะสมผุสของดาวนั้นก็ยังมีความสำคัญมาก ถ้าสมผุสไปตรงกับชาตาผู้ใด บ้านเมืองใด ผู้นั้นหรือบ้านเมืองนั้นคงจะต้องได้รับผลกระทบมากกว่า แต่สำหรับเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดในบ้านเมืองของเรานั้น คงจะอธิยายขยายความในบทความตอนที่ ๓ ซึ่งจะสรุปเป็นตอนสุดท้ายในเรื่องการโคจรมาปะทะกันของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ในเรือนเกณฑร์ แต่สิ่งที่เราท่านทั้งหลายพึงตระหนักและเตรียมตัวเตรียมใจกันไว้ก็คือ ความไม่ประมาทอันเป็นปัจฉิมโอวาทขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราท่านมีศีล มีสัตย์ มีสติพร้อมอยู่เสมอแล้ว ดวงดาวก็อาจจะเป็นแค่ปัจจัยเล็กๆในชีวิตของเราและท่านก็ได้.


อ้างอิง

๐ ปฏิทินโหราศาสตร์ประจำปี ๒๕๕๔ แบบไดอารี่ ตามแนวทางท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร

เมื่อธรรมะ (ดาวพฤหัสดี) ปะทะ อธรรม (ดาวเสาร์) “ในเรือนเกณฑร์” ตอนที่ ๒