ต่างกันยังไงระหว่างวิริยาธิกะพิเศษกับวิริยาธิกะ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tutong, 13 มิถุนายน 2014.

  1. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ดีจริงๆ :cool:
     
  2. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/gQtF7qXIK-k" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    โมทนาสาธุกับคุณพงศ์ภูพาน และขอบคุณอย่างมากที่หลายต่อหลายครั้งช่วยยืนยันถึงความพิเศษว่ามีอยู่จริง เรื่องแบบนี้สำหรับผมเองมันพูดลำบาก การที่บันทึกไว้ก็แค่ต้องการอธิบายลูกหลานหมู่คณะว่าทำไมพวกเราถึงเป็นลักษณะนี้ กว่าจะได้ดีอะไรกับเขาทำไมมันยากลำบากหลายขั้นตอนอย่างนี้ เรื่องเดียวกันคล้ายกันทำไมคนอื่นได้ง่ายได้เร็ว พวกเราทำไมลำบากยากเข็ญสาหัสแบบนี้เป็นคำถามจากหมู่คณะ จากคนในปกครองที่เขาสงสัย ก็จึงได้รวบรวมบอกเพื่อพวกเขาให้เข้าใจ แต่ความเป็นพิเศษต่างๆแม้จะเป็นทางโลก เมื่อใดที่ได้แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรทุกคนรู้ด้วยตัวเขาเองว่าความเป็นพิเศษที่พวกเขาได้ มันคุ้มค่ากับความที่เหนื่อยยากและรอมานานจริงๆ
     
  4. พงศ์ภูพาน

    พงศ์ภูพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +4,432

    ...สวัสดี คุณ โซ..เพื่อนๆพี่น้องทุกท่าน..เเละท่าน เจ้าของกระทู้ คุณ tutong



    ....ผมมี ประสบการณ์ เเละ เเนวคิด ส่วนตัว เกี่ยวกับ.." วิริยาธิกะ พิเศษ พุทธภูมิ"... ที่เป็น "ประสบการณ์ ตรง "..ที่ พอจะนำมา เล่าสู่ กันอ่าน..อยู่ หลายเรื่อง.. หาก เพื่อนๆ สนใจ เเละ พอมีประโยชน์ บ้าง ผมจะนำมาลง เป็น ระยะๆ ครับ
     
  5. พงศ์ภูพาน

    พงศ์ภูพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +4,432
    ..." ตามรอย เบื้องพระพุทธ บาท ..สมเด็จ ปู่ องค์ปฐม บรมครู "...


    ...ตั้งเเต่ เด็ก..ผม เกิดในตระกูล "สัมมาทิฎฐิ"..ใน "พระบวรพุทธศาสนา "..คุณ ปู่ เป็นผู้นำ ผู้คนเพ็ญ กองการกุศลต่าง เป็นผู้เลิศ ใน "วิริยะ เเละขันติ "..พ่อ (เป็นลูกคนเดียวของปู่) เเละเเม่ ของผมเองท่าน ..ประกอบอาชีพสุจริต..ทุกเช้า ใส่บาตร..ทุกวันพระ ไปถือ ศีล อุโบสถ ที่วัด ..ตลอด (ถ้าไม่ป่วย)..

    ... เมื่อ เอนทรานซ์ เข้ามหาวิทยาลัย.. ก็มีโอกาส เป็นประธาน ชมรม เกี่ยวกับ ประเพณี เเละ วัฒนธรรม.. เเต่ไม่ค่อยอยากเข้า กลุ่มชมรม "พุทธศาสนา" (ใด้เเต่ เเอบไปยืม เทป เเละหนังสือ ของชมรมพุทธ..มาอ่าน ..โดยเฉพาะ คำสอน "พระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดท่าซุง..หลวงปู่ มั่น หลวงตามหาบัว ".. .. ความคิดตอนนั้น ...คิดว่า ตัวเอง กิเลสหนา..


    ....หนังสือ ที่ ใด้พบโดยบังเอิญ..เเละ ชอบอ่านคือ..

    1. ประวัติ "หลวงปู่ปาน".. ( เขียนโดย .."พระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดท่าซุง )

    2. "สู่ เเสงธรรม ตามคำสอน หลวงพ่อ พระราชพรหมยาน เถระ"...(เขียนโดย..พล.อ.ต. มนูญ ชมภูทวีป ) ...หนังสือเล่มนี้..ผมมักจะ ถ่ายเอกสาร มอบให้ ..พรรคพวก..หลายคน.. จากประสปการณ์ เเล้ว หนังสือเล่มนี้..ผมขอเรียกว่า.." หนังสือ สำหรับ พลิกทิฎฐิ ..เปลี่ยนชีวิต เพื่อนๆ หลายคน มาเเล้ว"..


    3. หนังสือ "ปฎิปทาท่านผู้เฒ่า"...(เขียนโดย พระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดท่าซุง)..

    4. หนังสือ "ประวัติหลวงปู่มั่น"..(เขียนโดย หลวงตา มหาบัว ญาณสัมปัญโณ )

    5.หนังสือ " ปฎิปทา พระธุดงค์ กรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น "

    6. หนังสือ "มุนีนาถทิปนี"..(โดย ท่าน เจ้าคุณ "พรหม" วิลาส )..ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า

    7. หนังสือ..ทิพย์อำนาจ...เเละ หนังสือ ..หลักการเเละวิธีการสูงสุดในพระพุทธศาสนา.. เขียนโดย.." ท่าน พระอริยะคุณาธาร เส็งปุสโส..


    ... ทั้ง 8 เล่ม..ผมใด้มาโดย..ขอใช้คำว่า.."เทวดาสงเคราะห์"...เพราะมักพบโดบบังเอิญ..เช่น เป็น กระดาษถ่าย เอกสารเก่า..ที่วางไว้..เมื่ออ่านเเล้ว น่าสนใจมาก..หรือ ..พบที่ห้องเพื่อนๆ ..

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2014
  7. พงศ์ภูพาน

    พงศ์ภูพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +4,432
    ...ในมหาวิทยาลัย..มีน้อง ที่รู้กันว่า ปรารถนาพุทธภูมิ..ที่ คุ้นเคยกับผมอยู่ 2 กลุ่ม..


    กลุ่มเเรก...มีรุ่นน้องอยู่ 3 คน ..ศัทธา เเละถือเป็นลูกหลานลูกศิษย์ .."พระเดชพระคุณหลวงพ่อ วัดท่าซุง"....ตามความเห็น (ส่วนตัว)..ทุกคน "ปรารถนา พุทธภูมิ วิริยาธิกะ พิเศษ "..

    ...ขณะนั้น น้อง เหล่านี้ อายุสัก 19 -20 ปี เรียนปีสอง ปีสาม เเต่มีความรู้ทางโลกทางธรรม..อย่างดีมาก..ความรู้ เเละกำลังใจด้าน "พุทธภูมิ"..หนักเเน่นมาก

    .... ที่สำคัญ ผมเองรู้สึกโ(ดยส่วนตัว.เเละความเมตตาจาก ครูบาอาจารย์ )ว่า..น้องๆ เหล่านี้ บารมี ปริ่มมากเเล้ว...รู้กันภายในค่อนข้างชัดเจนว่า เหลือเขตปฎิบัติอยู่เท่าใด..(ผมจะไม่นำมากล่าวอ้าง เพราะเป็นเครื่อง พิสูจน์ ทางวัตถุไม่ใด้ )


    ...เเต่สิ่งที่ เห็นใด้คือ..คนหนึ่ง..เคยเล่าให้ ฟังว่า..จะเป็น "พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ ..มี ความเจริญ ..เเละความสุด พิเศษ เเห่งยุคสมัย..ที่สุด เท่าที่เคยมีมา ..เเละเป็นเเบบอย่าง เเก่ พระโพธิสัตว์ รุ่นหลัง เล่าลือ ตราบชั่วกาลนาน.. น้องคนนี้ มี อุปนิสัย ละเอียดหนักเเน่น.รอบคอบ ที่สุดคนหนึ่ง เท่าที่เคยเห็นมา.. มีอยู่หลายครั้ง ..เวลาเเกกราบพระ เเล้ว..มักจะมี สิ่งที่ คล้าย "พระบรมสารีริกธาตุ ติดมือขึ้นมา เสมอ"..เเละเล่าอีกว่า..ในสมัย ร.5 (สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง)..เขาเคยเป็น..ผู้มีตำเเหน่งทางทหารสูงสุด ..(ซึ่ง ผมเอง เดาไม่ออกว่าถ้าเป็นจริงเเล้ว ..จะเป็นท่านใด ..เพราะ ตำเเหน่งนี้ จะหมุนเวียน หลายๆท่าน คราวละ 3ถึง 4 ปี)
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เรื่อง ธรรม

    ไม่ใช่เรื่อง แม่ค้าขายอาหาร เน้อ

    แม่ค้าแต่ละคนก็ขายไม่เหมือนกัน

    ถ้าโง่ ก็คงโง่ที่คิดว่าคนอื่นโง่
     
  9. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ใช่เหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะลักษณะนิสัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    ภาษาคนที่เขาค้าขายเขาบอกว่าแล้วแต่ชอบ ชอบแบบใหนเอาแบบนั้น

    ขอเพียงสิ่งที่ตัวเองชอบอย่าเบียดเบียนคนอื่น หรือเป็นการลำลายสิ่งแวดล้อมทั้งปวง

    จงเป็นไปในทางที่สร้างสรรก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม อาจจะโง่ในสายตามุมมองของอื่นบ้าง

    ก็ดั่งพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมจำไม่ได้ทุกคำแต่ความหมายของการปิดทองหลังพระเป็นดังนี้ หากเราไม่ปิดทองด้านหลังพระ แล้วจะเป็นพระที่ปิดทองเต็มองค์สวยงามได้อย่างไร

    พอดีไม่มีหนังสืออยู่ใกล้มือหากพบว่าพระองค์ท่านพระราชดำรัสว่าอย่างไรเดี๋ยวมาเปลี่ยนให้สมบูรณ์


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2014
  10. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ที่ผมสงสัย มีอีกจุดหนึ่ง

    เห็นหลายคนปรารถนาเป็นคนสุดท้าย
    ซึ่งจริงๆ น่าจะมีได้แค่คนเดียว หรือไม่ ก็ไม่มีเลย
     
  11. pandykub

    pandykub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +62
    การปรารถนาซึ่งสมมติบัญญัติในโลกจนมากเกินไป จนเกินความจำเป็น เช่น ปรารถนาอยากให้พุทธบริษัทในยุคเรามีความวิเศษในทุกๆเรื่อง อยากเพิ่มความวิเศษนู่น นี่ นั่น จะถือว่าเป็นความหลงมัวเมาอย่างหนึ่งของผู้ปรารถนาพุทธภูมิหรือเปล่า ผมมิอาจทราบเพราะมิได้ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ความคิดเห็นของผม ผมคิดว่า อย่าเสียเวลากับสิ่งลวงตาเหล่านี้จนเกินไปเลย ทางสายกลางดีที่สุดครับ เมื่อเห็นชอบถูกแล้ว ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีจะเหมาะสมที่ 4,8 และ 16 อสงไขย 100,000 กัป ตามประเภทของพระโพธิสัตว์
    ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
     
  12. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    สำหรับผม ผมไม่ได้คิดแต่ว่าจะช่วยคนได้เฉพาะเมื่อถึงจุดหมายแล้วเท่านั้น
    แม้ระหว่างทางตลอดหลาย 4-8-16 อสงไขย
    เราก็ยังถือได้ว่าเป็นผู้เป็นที่พึ่งให้แก่สัตว์โลก
     
  13. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    การบำเพ็ญบารมีในรูปแบบที่ต่างๆกันไป ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะความชอบความพอใจที่แตกต่างกัน ตามลักษณะของอุปนิสัย กำลังใจ ความรู้และวิสัยทัศน์ของแต่ละท่าน

    ถ้าเราเข้าใจเหตุผลของแต่ละท่านก็จะทราบเองว่าทำไมท่านจึงปรารถนาเช่นนั้น ท่านที่บำเพ็ญบารมีมากย่อมมีความรู้และประสบการณ์มาก นอกจากท่านจะช่วยสรรพสัตว์ได้มากเป็นพิเศษแล้ว ยังเป็นเสมือนครูพี่เลี้ยงช่วยประคับประคองเหล่าพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีน้อยกว่าให้บำเพ็ญบารมีได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เพราะหนทางในการบำเพ็ญบารมีนั้นมีอุปสรรคมากมายเหลือคนานับ ทั้งที่พอรู้ได้และที่ไม่สามารถรู้ได้ สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความเมตตากรุณาและความเสียสละอันยิ่งใหญ่ในการทำภารกิจที่ยากและยาวนานมากเป็นพิเศษครับ

    สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของเหล่าพุทธภูมิด้านวิริยะธิกะพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา(ตามที่ผมเข้าใจ)

    ตัวอย่างระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมี(โดยคุณ White Knight)
    พุทธภูมิมีหลายแบบ ดังนี้ครับ

    1. แบบปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมีปลายประมาณ 4 อสงไขย
    2. แบบศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมีปลายประมาณ 8 อสงไขย
    3. แบบวิริยธิกะ บำเพ็ญบารมีปลายประมาณ 16 อสงไขย

    4. แบบวิริยะธิกะพิเศษ แยกย่อยดังนี้

    - พระสิกขีทศพล บารมีปลาย 148 อสงไขย
    - พระพุทธเจ้าต้นกัปใหญ่ บารมีปลาย 100 อสงไขย ขึ้นไป
    - พระพุทธเจ้ากลางกัปใหญ่ บารมีปลาย 80 อสงไขย ขึ้นไป
    - พระพุทธเจ้าปลายกัปใหญ่ (หัวข้อนี้ไม่แน่ใจครับ)
    - พระพุทธเจ้าอนุกัป บารมีปลาย ไม่ทราบครับ ตัวอย่างเช่น พระพุทธกกุสันโธ พระศรีอริยเมตตรัย

    รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่นี่ครับ พุทธภูมิมีกี่แบบครับ
     
  14. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    นอกจากพุทธภูมิดังที่กล่าวมาแล้วซึ่งเป็นภาคโปรดสัตว์ทั้งหมด ยังมีการการบำเพ็ญบารมีเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่ยาวนานกว่านั้นอีกครับ คือพุทธภูมิที่บำเพ็ญเพียรเพื่อพระโพธิญาณโดยสามารถเข้าพระนิพพานด้วยกายมนุษย์ เมื่อสำเร็จแล้วจะมีฤทธิ์เดชและอานุภาพมาก และจะมีความรู้พิเศษเพิ่มเติมขึ้นมาอีกมากมาย เพื่อช่วยเหลือมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งปวงเข้าพระนิพพานและสามารถทำกิจที่ทำได้ยาก เช่น การปราบมารต่างๆที่ทำให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายมีความทุกข์ความเดือดร้อนกันอยู่ทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบ(มาร)

    นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีในลักษณะของการตั้งปณิธานเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์แบบไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ เช่น พระกษิติครรภโพธิสัตว์ที่ตั้งปณิธานช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากนรกทั้งหมดหากนรกยังไม่ว่างจากสัตว์นรกก็จะยังไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และอาจจะมีรูปแบบอื่นๆอีกที่ยังไม่ทราบหรือไม่ได้เปิดเผย

    ท้ายที่สุดก็คงเป็นการตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย ที่ปรารถนาจะช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้งหมดและเข้าพระนิพพานเป็นองค์สุดท้าย
     
  15. @มายาคติ@

    @มายาคติ@ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +70
    อ่านแล้วแอบงงอยู่นิดนึง...

    พุทธภูมิแบบวิริยาธิกะพิเศษ

    1. พระสิกขีทศพล บารมีปลาย 148 อสงไขย (ดูแล้วค่อนข้างยาวนานมากๆ)

    เพราะเท่าที่ทราบมาสมเด็จองค์ปฐมท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงบำเพ็ญบารมีนานที่สุด กล่าวคือ บำเพ็ญบารมีปลาย 40 อสงไขยเศษกัปด้วยกัน...

    ยังไงรบกวนถามท่านผู้รู้ด้วยจ้า
    (good)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2014
  16. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ... มันก็แค่อุปาทานของคนล่ะครับ อย่าสนใจเลย

    ... พระโพธิสัตว์ มีแค่

    ... พระปัญญาธิกะโพธิสัตว์ ๔ อสงไขยกำไรแสนกัป

    ... พระสัทธาธิกะโพธิสัตว์ ๘ อสงไขยกำไรแสนกัป

    ... พระวิริยาธิกะโพธิสัตว์ ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป

    ... ช่วงเป็นอนิยตะโพธิสัตว์จะกี่อสงไขยเขาไม่นับกันหรอกครับ
     
  17. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    พูดเรื่องการบำรุงใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ น่าสนใจกว่านั่งนับเวลารอผลออกเป็นไหนๆ

    ว่าแต่ใครมีวิธีบำรุงต้นไม้แบบพิเศษเด็ดๆบ้างครับ
     
  18. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ตอบคุณ @มายาคติ@ ผมคิดว่าเป็นเรื่องภารกิจที่ต้องทำเพิ่มเติมขึ้นมาครับจึงจำเป็นต้องบำเพ็ญบารมีเพิ่มขึ้นตามที่เคยกล่าวไปแล้ว

    ตอบคุณ เด็กเสลฯ ที่กล่าวถึงเป็นบารมีปลาย คือบารมีขั้นปรมัตถบารมีแล้วครับ ไม่รวมบารที่เป็นอนิยตะโพธิสัตว์ครับ

    ตอบคุณ TheVisionMind ถ้าเป็นการปลูกผักให้โตไวมากๆเขาใช้ระบบไฮโดรโปนิกส์ครับ

    ไฮโดรโปนิกส์ - วิกิพีเดีย
     
  19. @มายาคติ@

    @มายาคติ@ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +70
    ขอบคุณทางคุณ aries ที่ตอบเพื่อไขความกระจ่างนะคะ และขอขอบคุณทางคุณเด็กเสลฯที่มาตอบอีกหนึ่งท่าน จากที่ศึกษาเรื่องราวการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์มานั้น ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตดังนี้ค่ะ

    การบำเพ็ญบารมีเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้านั้นมีแนวทางอยู่ทั้งหมด 3 แนวทางดังนี้

    1.ปัญญาธิกะพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ

    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป กล่าวคือ

    1.1 ตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย

    1.2 เปล่งวาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย

    1.3 ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็นนิยตะโพธิสัตว์ ต้องบำเพ็ญบารมีอีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป



    2.ศรัทธาธิกะพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ

    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป กล่าวคือ

    2.1 ตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย

    2.2 เปล่งวาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขย

    2.3 ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็นนิยตะโพธิสัตว์ ต้องบำเพ็ญบารมีอีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป


    3.วิริยาธิกะพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ

    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป กล่าวคือ

    3.1 ตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย

    3.2 เปล่งวาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขย

    3.3 ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็นนิยตะโพธิสัตว์ ต้องบำเพ็ญบารมีอีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป




    ทีนี้ถ้าเราตั้งข้อสังเกตเรื่องระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ใน 3 แนวทางนี้ จะพบว่าระยะเวลาการบำเพ็ญบารมีแบบปัญญาธิกะจะน้อยที่สุด ศรัทธาธิกะจะมีระยะเวลา X 2 ของปัญญาธิกะ และวิริยาธิกะจะมีระยะเวลา X 4 ของปัญญาธิกะเสมอ

    ซึ่งปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นในทุกๆสเต็ปของการบำเพ็ญบารมี ตั้งแต่การตั้งความปรารถนาในใจ การเปล่งวาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้า และการบำเพ็ญบารมีภายหลังได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตะโพธิสัตว์ครั้งแรก คือ


    step 1 ตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย(ปัญญาธิกะ) 14 อสงไขย(ศรัทธาธิกะ) และ 28 อสงไขย(วิริยาธิกะ)

    step 2 เปล่งวาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย(ปัญญาธิกะ) 18 อสงไขย(ศรัทธาธิกะ) และ 36 อสงไขย(วิริยาธิกะ)

    step 3 ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็นนิยตะโพธิสัตว์ ต้องบำเพ็ญบารมีอีก 4 อสงไขย(ปัญญาธิกะ) 8 อสงไขย(ศรัทธาธิกะ) และ 16 อสงไขย(วิริยาธิกะ)




    ดังนั้นพอจับหลักนี้มาคิดเรื่องระยะเวลาการบำเพ็ญบารมีของสมเด็จองค์ปฐมแล้ว พอจะได้ข้อสรุปดังนี้คือ ถ้าเราสังเกตให้ดีสมเด็จองค์ปฐมท่านบำเพ็ญบารมีปลาย 40 อสงไขยกับเศษกัป เมื่อนำมาเทียบกับแบบวิริยาธิกะซึ่งบำเพ็ญบารมีปลายเพียง 16 อสงไขย จะเห็นได้ว่าแบบวิริยาธิกะนั้นบำเพ็ญบารมีปลายเป็นระยะเวลาประมาณ 40 % ของการบำเพ็ญบารมีปลายของสมเด็จองค์ปฐม (16/40 คูณ 100) ซึ่งเมื่อเราคิดย้อนกลับไปยัง step ของการบำเพ็ญบารมีแต่ละขั้น เราจะได้ตัวเลขดังนี้


    step 1 ตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 70 อสงไขย

    step 2 เปล่งวาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 90 อสงไขย

    step 3 ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็นนิยตะโพธิสัตว์ ต้องบำเพ็ญบารมีอีก 40 อสงไขย



    รวมระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีทั้งหมด 200 อสงไขย

    * ตรงนี้เป็นแค่การคำนวณเท่านั้น เพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงไม่มีการเปล่งวาจาหรือรับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใด


    ดังนั้นระยะเวลาที่ได้จึงค่อนข้างห่างไกลจาก 148 อสงไขยมาก แต่ด้วยความที่ระยะเวลาที่ได้ตรงนี้มาจากการคำนวณด้วยข้อมูลที่มี จึงไม่ทราบเหมือนกันว่าถูกต้องหรือไม่ และมีเจตนาเพียงแต่อยากจะให้ไว้สำหรับการพิจารณาเฉยๆ และจะกราบขอขมาสมเด็จองค์ปฐมและพระรัตนตรัยต่อไปเพื่อเป็นการไม่ประมาท...

    ส่วนเหตุที่โพสต์นั้นเนื่องจากเคยตั้งความปรารถนาอยากเป็นแบบเดียวกับสมเด็จองค์ปฐมท่านเหมือนกัน แต่ได้ละความปรารถนานั้นแล้ว ขอกลับมาเป็นพุทธภูมิแบบเดิมดีกว่า(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นแบบใด) ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าการบำเพ็ญบารมีพุทธภูมินั้นใครปรารถนาแบบใด ก็ย่อมสุดแต่กำลังใจและความต้องการของแต่ละท่าน ส่วนตัวจึงมิได้หักห้ามในกำลังใจของท่านเหล่านั้น และขออนุโมทนาสาธุในความดีของทุกท่านที่ได้ตั้งจิตปรารถนาพระโพธิญาณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2014
  20. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ไฮโดโปรนิค .. ผมลงวิชาข้ามคณะไปเรียนเลยนะ ไม่ได้โม้นะครับ
    ใช้แต่ปุ๋ยเคมี ต้นทุนสูงถ้าไม่ขายขึ้นห้างไม่ไหวหรอก

    Aries นายนี่ ตีมุขซื่อๆ กลับเลยนะ .. ขอเด็ดกว่านี้ได้ม๊ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...