ถ้าปรารถนาเป็นนางแก้ว แต่ว่ายังไม่มีคู่บารมี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ครุกแชง, 20 มีนาคม 2008.

  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    สงสัย "ป๋าตั้ม" กำลังสร้างนางแก้วอยู่ครับ เล่นสร้างทีเดียว 4 คนเลย
     
  2. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    มีวันนึงตอนนั้นผมอายุ 19 ปี ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วผมก็ตั้งใจว่าถ้าผมออกจากกรุงเทพฯแล้ว ผมจักเข้าไปปฏิบัตธรรมในป่าถ้าไม่บรรลุพระอรหันต์ผมจะไม่ออกมาพบกับผู้คน เพราะตอนนั้นผมยังไม่กลับสู่พุทธภูมิ พอผมตัดสินใจอย่างนั้นในคืนนั้นเองผมก็ฝันว่า ผมเป็นพระรูปนึง กำลังเดินมุ่งหน้าไปไม่รู้จะไปไหน ขณะนั้นผมได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนึงร้องเรียกผมว่า ท่านอย่าเพิ่งไป รอฉันด้วย ฉันเป็นคู่บารมีของท่านนะ แล้วก็พูดอยู่แต่ประโยคนี้ ผมได้ยินเลย หยุดเดินหันมาดู เลย เห็น ผู้หญิงคนนึงใส่ชุดขาว แล้วเธอก็รีบจะเข้ามาหา พอเธอจะเข้ามาหา มีพระรูปนึง เป็นพระที่แก่แล้วเดินมาตรงกลางระหว่างผมกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ยื่นแขนข้างนึงออกมาขวางเธอไว้แล้วบอกว่า ห้ามเข้าไป ดูเธอแล้วเหมือนจะร้องไห้อยากจะเข้ามาแต่ไม่รู้จะทำยังไง ผมก็มองดูเธอผมก็คิดสงสัยในใจ ขณะนั้นผมก็ตื่นนอน แล้วความฝันนั้นมันเหมือนความจริง แต่ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงเพราะตอนนั้นผมไม่ได้เป็นพระ
     
  3. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    มีอยู่ครั้งนึงตอนนั้นผมอายุ 14 ปี บวชเป็นสามเณร ผมได้อ่านหนังสือ ประวัติของหลวงปู่ มั่น ภูริทัตโต ผมได้เห็น รูปของหลวงปู่ ตอนท่านเป็นหนุ่มตอนนั้นดูแล้วท่านคงอายุประมาณ 26 ผมเลยพูดกับเพื่อนคนนึงว่ามาดูรูปหลวงปูตอนเป็นหนุ่ม พอดูเสร็จแล้วก็อ่านต่อไปนิดนึงแล้วไปทำธุระอย่างอื่น ต่อมาผมก็มาอ่านต่อพอจะเปิดไปดูรูปเดิมก็เกิดตกใจทำไมรูปหลวงปู่จึง ได้กลายเป็นรูป ตอนท่านแก่แล้ว แล้วตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยเห็นรูปท่านตอนที่เป็นหนุ่มอีกเลยหาที่ไหนก้ไม่มีไม่เจอ ถ้าท่านใดมี ผมก็ขอดูด้วยครับ สาธุๆ
     
  4. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    นักรบ...ถ้ายังไม่ตาย รอดกลับมามักมีรอยแผล....
    ไม่ว่าบาดลึก...หรือฝากฝังข้างใน เพียงใด (ฝากไว้กับคำว่าอด ว่าทน)
    ก็ยังโชคดี ที่ถือว่า..รอด
    แต่นักรัก......กลับยังไม่ค่อย เข้าใจนัก
    (ใจคนยากแท้ หยั่งถึง.....! )

    ยิ่งกลับมาอ่าน....เรื่องนางแก้ว (หนึ่งในรัตนะ ๗)
    รัตนะ ๑ ถึง ๖ จักรแก้ว แก้วมณี ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ม้าแก้ว ช้างแก้ว
    ดูไม่ค่อยจะยอกย้อนหรือยากแก่การเข้าใจ...หรือสลับซับซ้อน ซ่อนเรื่องราวนัก
    แต่ก็...พอย้อนนึกดูกับเหตุการณ์รอบข้าง เทียบเคียงต่าง ๆ (คาดและเดาถึงอดีตชาติ)
    คราบน้ำตา...หยาดเหงื่อ ที่รินหยด คลุกเคล้ากับรอยเลือด....คงจะมี มิใช่น้อย !
    ( นึกถึงเพื่อน........สมิกหธรรมและครอบครัว............ ที่คบหาตามกันมา ณ ปัจจุบัน
    ทั้งต่างเพศ ต่างวัย สถานภาพ......ต่างก็ถูกคลื่นผลของกรรม โหมซัดใส่... )

    เมื่อก่อนเคยดูหนังเรื่อง " นางพญาผมขาว " ก็จะรู้สึกสะทก สะท้อน ทำไม...
    ผมถึงแปรสภาพดำเป็นขาวได้ เพียงชั่วข้ามคืน.......................
    แต่........................................................เดี๋ยวนี้ ไม่แปลกใจแล้ว !
    ผู้ชาย......................ก็เป็นได้เหมือนกัน !

    การที่จะเป็นนางแก้ว นั้นก็คงต้องมี รัตนะทั้ง ๖ ที่ว่ามาแล้วเบื้องต้น
    ( เว้นรัตนะที่ ๗ .......เพราะตัวเองคือรัตนะ....นั้น )
    ตามความเข้าใจของข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้ ผิดหรือถูกลองพิจารณา ค้นคว้า หาเหตุดู
    เพราะเป็นพระโพธิสัตว์เหมือนกัน...ก็ให้บำเพ็ญเพียรสร้างบารมีให้ครบ ส่วนที่จะ
    พิเศษหรือความสามารถเฉพาะอื่นๆ....ก็เป็นของตัวของตน ผู้บำเพ็ญเพียร บารมีไป

    เมื่ออายุยังน้อย...หรือยังสะสมบุญบารมีไม่ได้เต็มที่นัก ก็ควรต้องทำหน้าที่ ณ ปัจจุบันนี้ให้ดี
    อดีต...อนาคต ก็คือผลของปัจจุบัน ทั้งการศึกษาเล่าเรียน หน้าที่การงาน พึงอย่าให้เว้น
    หรือขาดตก บกพร่องได้ ครอบครัวพ่อ แม่ พี่น้อง ทางบ้านก็จะเป็นห่วงหรือไม่สบายใจ
    หรือบางทีอาจจะไม่เข้าใจ ได้อยู่เหมือนกัน.....ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี (วัฏฏนี้หนทางยังยาวไกลนัก)
    เรื่องของการประพฤติ ปฏิบัติก็ต้องเทียบเคียง....ตามแนวทางเดินของ สายพระอริยะเจ้า
    ( สังโยชน์ ๑๐ และบารมีทั้งหลาย เพื่อจิต ใจ ที่ใส บริสุทธิ์ หยุดอบายภูมิเอาไว้)
    เพราะการ ละ ฟาดฟัน ประหัต ประหารกิเลส เป็นเรื่องใหญ่..ขันธ์ ๕ ก็ต้องพิจารณาบ่อยๆ
    (เช่นเรื่องผมยาวเป็นต้น........ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นกรรมฐานที่ต้องพิจารณาเนืองๆ)
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    บางที...ไปเจอกลุ่มปฏิบัติธรรมที่เป็นผู้หญิง ทั้งในแนวของสาวกภูมิ พุทธภูมิหรือที่สุดแห่งธรรม
    ก็ปลงสังเวชตัวเองเหมือนกัน....รอยแผลที่ยังฝังลึกหรือยังปิดไม่สนิท มันคอยส่งผล บ่งบอก
    ถึงบุญ บารมีที่ได้บำเพ็ญมาและความหลงมัวเมาในโลกใบนี้ ทำให้ละอายแก่ใจ...อยู่เหมือนกัน
    ก็ได้แต่อนุโมทนา มุทิตาจิตกับเขาเหล่านั้น เร่งบำเพ็ญเพียร สร้างบุญ บารมีต่อไป


    ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง
    ที่อยู่ยังทำดีพออยู่ได้
    ตายม้วยทางไปถ้อยแถลงไข
    กรรมหอบไปดีชั่วไซร้ลิขิตพา
     
  5. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ อ่านดูรู้สึกว่าคุณครุกแชงมุ่งมั่น หนักแน่น ความปราถนาของเธอแรงกล้าดีครับ (คนที่ปราถนาพุทธภูมิก็ต้องปราถนาอย่างแรงกล้า)เช่นกันครับ[​IMG]
     
  6. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    (kiss)
     
  7. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ถ้าน้องเค้าอยากเป็นคงต้องค่อยๆสอนน้องเค้าครับ

    อันดับแรก คือ สอนให้อนุโมทนาครับ เริ่มจากคนที่มาโพสต์ในกระทุ้นี้ทั้งหมดก่อนเลยดีมั้ยครับ รู้สึกว่าน้องเค้าไม่กดอนุโมทนาให้เลย เหอๆ แล้วอย่างนี้จะตามบารมีของพุทธภูมิไหวมั้ยน้อ

    หรือจะเรียกว่าไงดี นางแก้วบารมีต้นดีมั้ยครับ

    ปล.ทำการบ้านเสร็จ รบกวนแจ้งด้วยครับ จะมาสอนการเป็นนางแก้วขั้นต่อไปครับ (ฟังมาเยอะเหมือนกัน)


    บารมีจัดเป็น 3 ชั้น คือ
    1. บารมีต้น
    2. อุปบารมี
    3. ปรมัตถบารมี
    • บารมีต้นในขั้นเต็ม ท่านผู้นี้จะเก่งเฉพาะทาน กับ ศีล แต่การรักษาศีลของบารมีขั้นต้นจะไม่ถึงศีล 8 และจะยังไม่พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน กำลังใจไม่พอ อาจจะไม่ว่างพอหรือเวลาไม่มี
    • อุปบารมี เป็นบารมีขั้นกลาง พร้อมที่ทรงฌานโลกีย์ ท่านพวกนี้จะพอใจการเจริญพระกรรมฐาน และทรงฌาน แต่ยังไม่ถึงขั้นวิปัสสนา ยังไม่พร้อมที่จะไปและไม่พร้อมที่จะยินดีเรื่องพระนิพพาน พร้อมอยู่แค่ฌานสมาบัติ
    • ปรมัตถบารมี ในอันดับแรกอาจจะยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องนิพพาน พอสัมผัสวิปัสสนาญาณขั้นเล็กน้อย อาศัยบารมีเก่า ก็มีความต้องการพระนิพพาน จะไปได้หรือไม่ได้ในชาตินี้นั้นไม่สำคัญ เพราะการหวังนิพพานจริง ๆ ต้องหวังกันหลายชาติจนกว่าบารมีที่เป็นปรมัตถบารมีจะสมบูรณ์แบบ
     
  8. golf208

    golf208 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +5,454
    โมทนาสาธุครับ ขอให้ความตั้งใจสำเร็จดั่งปราถนา
    ตัวผมขอขัดเกลาตัวเองให้ดีขึ้นก่อน บัดนี้ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมาก็รู้สึกอะไรมิทราบดลจิตให้สนใจศึกษาเกี่ยวกับพุทธภูมิ จนบัดนี้เริ่มเข้าใจแต่ยังไม่ค่อยมากเท่าใด แต่เหมือนมีอะไรดึงให้อ่านเรื่องนางแก้วซึ่งเมื่อตอนแรกๆยังไม่เคยรู้จัก ตอนนี้ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นพุทธภูมิแน่นอน จุดมุ่งหมายคือช่วยผู้อื่นให้พบความสุข ความสุขของผู้อื่นคือความสุขของเรา ต่อให้เกิดอีกนานนับกี่อสงไขยก็ขอตั้งใจไม่ไหวหวั่น ยิ่งเกิดนานก็ยิ่งสร้างความสุขต่อผู้อื่นได้มากขึ้นเท่านั้น แล้วเราจะต้องนำพามนุษย์ สัตว์ และดวงจิตต่างๆที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดให้หลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานให้ได้
    ต่อให้ลำบากขนาดใดก็ไม่หวั่น อุปสรรคไม่ใช่มีไว้ให้หวั่นแล้วถอย แต่อุปสรรคมีไว้เพื่อศึกษาทำความเข้าใจแล้วสู่ต่อไปเพื่อความสำเร็จ
    หลังจากตั้งใจเช่นนี้ก็ดูเหมือนจิตของผมจะเปลี่ยนไป เป็นนิ่งสงบกว่าเดิม จากที่เคยไร้สาระอะไรไปบ้างบนเว็บพลังจิตก็ตาม
    ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจว่าเคยตั้งใจเป็นพุทธภูมิแต่กาลก่อน แต่ว่าอยู่ในช่วงใดแล้วยังมิทราบ ส่วนเรื่องนางแก้วนั้นตอนนี้ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ต้องเร่งสร้างความดีทั้งความรู้และวิชชาทั้งหลาย

    ผมไม่ได้หายไปไหน กำลังพัฒนาตัวเองทั้งทางโลกและทางธรรม และก็ยังเข้ามาดูในเว็บพลังจิตเรื่อยๆ
    ----------------------------------------------------------------
    เพิ่มเติม
    ตอนที่ผมเห็นพี่คมและพี่หมวดอรรถ ผมรู้สึกคุ้นหน้ามากนะ ยังไงช่วยแนะนำผมด้วยแล้วกันครับ ยินดีน้อมรับคำแนะนำทุกประการครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2008
  9. Thai_narak_et

    Thai_narak_et Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +79
    5555555++
    สนใจกันใหญ่

    ไม่สนใจได้ยังไงครับ
    เรื่องแบบนี้ บ้างคนคู่ทุกข์คู่ยากช่วยกันทำบุญ
    หาเกือบครึ่งชีวิตยังหาไม่ได้

    อย่าว่าแต่ คู่ชีวิตที่ช่วยกันทำบุญเลย
    แค่หาคนที่รู้จักแล้ว สนใจธรรมะเหมือนกันยังหายากเลย...
    (ไม่รวมทางเว็บ)

    ไหนครูบาอาจารย์บอกว่าถึงเวลามันมาเองหว่าาาา....
    แต่คู่จองเวรจองกรรมกัน ทำไมมันเจ้อเร็วจริงหว่าา - -*
    นิก็นานแล้วววววว ....
    (T.T)
     
  10. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    เหอ ๆ ๆ สงสัยพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าจะมากกว่านางแก้วผู้ปรารถนาเป็นคู่บารมี ดูตามสถานการณ์ แต่ผมจะมีนางแก้วหรือไม่มีผมก็จะไปให้ถึงจุดหมายที่ผมตั้งไว้เช่นเดิมไม่มีอะไรมาเปลี่ยนผมได้หรอก เหอ ๆๆ สาธุ ๆๆ
     
  11. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    ให้เข้าใจว่า นั่นมันเป็นความตั้งใจที่จะมุงไป แต่ธรรมดาก็ต้องมีนางแก้วถ้าไม่มีมันก็คงไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่เจอต่อไปอาจจะเจอก็ได้ไ ม่ต้องไปกังวลหรอกครับ เราบำเพ็ญไปพอเหตุปัจจัยสมควร นางแก้วเขาเห็นความดีของเราเขาเกิดศรัทธา มีจิตเลื่อมใส มีใจน้อมมาแล้วเกิดรักเราเกิดอยากร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมบำเพ็ญไปกับเรา มีจิตใจยอมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้เรา เขาก็จะเป็นคู่บารมีของเราเอง แต่ก็คงอาศัยเหตุอื่นๆ มาแต่ก่อนเช่นกัน
     
  12. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

    ให้อธิษฐานแบบนี้นะ ถ้าใครเป็นคู่แท้ของเราก็ให้อยู่กับเรา
    ถ้าเขาไม่ใช่คู่แท้ของเรา ขอให้เขาจงไปจากเรา

    พระมหาสัตว์กับนางแก้วคู่บารมี ตอนบารมีเริ่มต้น ที่เข้าใจคือ ต่างฝ่ายต่างอธิษฐานเดี่ยว ๆ
    ลุยเดี่ยวมาก่อน แล้วต่างฝ่ายต่างก็บ่มบารมี ทำกุศล จนแก่กล้าขึ้นเรื่อย ๆ บ่มบารมีของ
    แต่ละฝ่ายให้เต็มที่ก่อน แล้วธรรมะจะจัดสรร ให้เจอกันเอง เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะไร้คู่บารมี
    ของตัว เพราะเป็นพุทธประเพณี รูปแบบ สิ่งสมมุติของโลกธาตุใบนี้ครับ เมื่อมาเจอกัน
    ตามแรงกรรม แรงคำอธิษฐาน กรรมจัดวาง แล้วค่อยตัดสินใจขอร่วมทางโพธิญาณจนสุด
    สาย จนกลายเป็นคณะใหญ่


    ในความเข้าใจส่วนตัว อาจเป็นเพียงบางส่วน ช่วงบารมีเริ่มต้นของแต่ละฝ่าย ต่างก็อยู่ห่าง
    กัน ไม่รู้จักกัน ต่างฝ่ายต่างตั้งความปรารถนา สัตยาธิษฐาน แล้วลุยบ่มบารมีเดี่ยวกันมา
    ก่อน จนกล้าแข็งไล่ตามกันมาติด ๆ จะสะดวกกว่า เพราะ ถ้าช่วงบารมีเริ่มต้น กรรมผูกยังไม่แน่น
    แล้วอธิษฐานผูกกัน มันจะลำบากในการบำเพ็ญบารมี มีโอกาสจะเสีย ตกหล่น
    ระหว่างทาง หากอีกฝ่ายแหกโค้งถอนคำอธิษฐาน จะกระทบอีกฝ่าย ดีที่สุดปลอดภัยที่สุด
    คือ ต่างฝ่ายต่างบำเพ็ญ แล้วกรรมจะนำพาให้มาเจอกัน จะเป็นใครก็ได้ ไม่ตั้งยึดมั่นถือมั่นนัก


    คำว่าคู่บารมีระหว่าง พระมหาสัตว์ กับ นางแก้วคู่กาย มันไม่จำเป็นต้องครองคู่กัน ทุกภพทุกชาตินะ ครับ
    เพราะมันไม่ใช่รัก ที่ เอาราคะ ความชอบ ความใคร่ เป็นตัวนำ มองแบบนี้
    มันหยาบไป คำว่าคู่บารมีเป็นความรักที่อยู่บนหิ้งบูชา เพราะ เขาเอาธรรม เอาความเสียสละ นำหน้า
    บางชาติพบกันแต่บางอย่างไม่เอื้ออำนวยให้ครองคู่กัน แต่ก็ยังสนับสนุน
    ช่วยเหลือกัน แม้อยู่กันต่างภพต่างภูมิก็ตาม จำไว้ว่าทั้งคู่เกิดมา เจอกรรม เจอโลกธรรม
    ไม่ต่างกับคนอื่น ย่อมมีการพลัดพราก เสียใจ ไม่สมหวัง เป็นธรรมดา และ มันอาจ
    หนักกว่าชาวบ้านด้วย เลย ต้องเอาธรรมนำหน้า เอาความเสียสละนำหน้า มันจะไปได้ตลอด
    เส้นทาง


    ถ้าถึงขั้นบารมีตัดปลาย พระมหาสัตว์ ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง
    คู่บารมี( ไม่เฉพาะนางแก้วนะ ) คณะบารมี กลุ่มบารมี สายบารมี จะขอใช้คำว่า เที่ยงแท้
    กรรมผูกกันเข้มข้น แงะกันไม่ออกแล้ว จน สุดสายโพธิมรรค ใน บั้นปลาย ได้ร่วมงาน
    ตั้งพระศาสนา พุทธเกษตรโปรดสัตว์ ในฐานะใด ก็ตามแต่คำอธิษฐาน ตามสมมุติที่ตั้งใจทำกันมา
    ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้า พระสาวก นางแก้ว ลูกพระโพธิสัตว์ เอกัตทัคคะ...........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 เมษายน 2008
  13. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    เหอ ๆๆ 555+ มาแรงแซงทางโคง ใจถึงมากๆ เหอ ๆๆ
     
  14. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ก็นั่ง "อ้วน" กลับมาด้วยกัน ทำเป็นจำไม่ได้ ที่ไปวัดท่าซุงอะ เจ้ากอล์ฟ
     
  15. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ก็น่าคิดนะครับ เพราะนางแก้วมักจะต้องช้ำใจเพราะถูกยกให้เป็นทานอยู่เรื่อยๆครับ บททดสอบกำลังใจของนางแก้วครับ

    แต่อย่าลืมนะครับว่า ชาติที่พระโพธิสัตว์เป็นพระราชาหรือพระมหาจักรพรรดิ์ก็จะมีภรรยาเป็นพันครับ ทุกคนก็อธิษฐานตามมาทั้งนะครับ

    บางครั้งพระโพธิสัตว์ทีตามมา "ลาพุทธภูมิ" นางแก้วก็เคว้งและต้องหาพุทธภูมิคนอื่นที่เคยอธิษฐานตามมา เพราะแต่ละคนจะมีคู่หลายลำดับครับ ก็ต้องเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ

    มาถึงเหตุผลที่นางแก้วต้อง "โมทนา" บ่อยๆ เพราะการโมทนานั้นจะได้บุญส่วนหนึ่งและเป็นการเสริมกำลังใจของนางแก้วให้เข้าใจถึงเหตุผลที่พระโพธิสัตว์ท่านต้องเร่งสร้างบารมีเพื่อโปรดสรรพสัตว์

    นางแก้วอาจจะไม่มีโอกาสออกไปทำบุญหรือสร้างบุญเท่าไหร่ เพราะต้องเป็นทัพหลังให้พระโพธิสัตว์ กล่าวคือ ต้องดูแลบ้าน ดูแลลูก บิดามารดาของตนเองและพระโพธิสัตว์ รวมทั้งพระโพธิสัตว์เอง

    ดังนั้นนางแก้วต้องวางกำลังใจให้ถูกครับ ถ้านางแก้วโมทนาบุญเยอะๆบารมีก็เพิ่ม ก็มีโอกาสตามพระโพธิสัตว์ได้ครับ และเมื่อพระโพธิสัตว์เจอนางแก้วที่ชอบโมทนาบุญก็จะชื่นชมในจิตใจที่ดีงามของนางแก้วครับ

    บุญเป็นตัวดึงดูดซึ่งกันและกันครับ

    ก็ลองดูนะครับ แนะนำไปง่ายๆ ถ้านางแก้วคนไหนมองข้ามก็ช่วยไม่ได้ครับ เพราะขนาดพระโพธิสัตว์บางองค์ยังต้องโทรศัพท์ไปบอกให้นางแก้วโมทนาเลยครับ แล้วนางแก้วที่เห็นพระโพธิสัตว์ทั้งหลายทำความดีแล้วไม่ยอมโมทนา ก็จะเสียโอกาสไปครับ

    ปล.คนมาอ่านนี่มี (ว่าที่) พระโพธิสัตว์หลายองค์นะครับ ผมนับเฉพาะองค์ทีได้รับพุทธทำนายนะครับ (ส่วนคนที่ยัง ก็เร่งสร้างบารมีต่อไป)
     
  16. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    <TABLE class=tborder id=post124029 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_124029 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>คำอธิษฐานบุญบารมี



    </PRE>








    </PRE>




    ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อ –นามสกุล.............)



    ซึ่งมีเห็น จำ คิด รู้ กาย วาจา ใจ มั่นคงในพระบวรพุทธศาสนา

    มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก

    ได้สั่งสมบุญบารมีดีแล้วในพระบวรพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อ สะอาด บริสุทธิ์ สมบูรณ์ บริบูรณ์ ความเจริญมั่นคง ความสำเร็จใน อาณาจักร พุทธจักร ธาตุธรรม มรรค – ผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิ



    ข้าพระพุทธเจ้าน้อมบุญบารมีทั้งหลายเหล่านี้ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) คุณครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ คุณมารดาบิดา ญาติพี่น้อง ผู้มีพระคุณทั้งหลาย ตลอดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ราชวงศ์จักรี ผู้รักษาประเทศชาติ ศาสนา วิชชาธรรมกาย อาณาจักร พุทธจักร ธาตุธรรม มรรค – ผล นิพพาน มนุษย์ อมนุษย์ รวมทั้งตัวของข้าพเจ้าเองด้วย





    ด้วยบุญบารมีดังกล่าวแล้วนี้ ปรารถนาจิตให้ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลายได้เกิดในฤกษ์สร้างบารมี บารมี 30 ทัศเป็นเลิศ

    ได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจจธรรมทั้ง 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ปัจจัยสี่ สมบูรณ์ บริบูรณ์ ได้ซึ่ง มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ



    สำเร็จกิจในอาณาจักร พุทธจักร พระพุทธศานา วิชชาธรรมกาย มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว



    ขึ้นชื่อว่าความอดอยาก ยากจน เป็นหนี้สิน จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลาย ได้ประสบแต่สรรพสวัสดิพิพัฒน์มงคลด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ แลธนสารสมบัติ พ้นจากวิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์ ภัยพิบัติ ภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ กิเลส อวิชชา เครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย พ้นจากกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา



    ไม่เกิดในอบายภูมิทั้ง 4 โลกันตร์นรก อรูปพรหม 4

    ให้ได้เป็นธาตุเป็น ธรรมเป็น แผนผังเป็น กายเป็น นิพพานเป็น สะอาด บริสุทธิ์ สมบูรณ์ และอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสนะ



    ไม่เบียดเบียนท่านผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตัวของข้าพเจ้าเอง ด้วยกาย วาจา ใจ ละชั่วด้วย กาย วาจา ใจ ทำดีด้วยกาย วาจา ใจ ทำใจให้ใส สะอาด บริสุทธิ์



    ไม่มีท่านผู้หนึ่งผู้ใด สิ่งหนึ่งสิ่งใด รวมทั้งตัวของข้าพเจ้าเอง มาทำลายล้าง แย่งอำนาจ สิทธิ ในการสั่งสมบารมีจวบจนสำเร็จกิจแห่งปรารถนาญาณ ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว



    ข้าพเจ้าทรงไว้ซึ่งอำนาจสิทธิความสำเร็จกิจแห่งศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียวในตำแหน่ง.............(พระสัพพัญญูพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสพ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธบิดา พุทธมารดา...............)



    นิพฺพาน ปจฺจโย โหตุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></P>
     
  17. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    [​IMG]<!-- / message --><!-- sig -->

    ____________________________________________________________
     
  18. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    อารมณ์ทั้ง7 กามคุณทั้ง 6




    สิ่งที่ทำให้เซียวเหล่งนึ่งมีบุคลิคที่ เรียบเฉยดูไร้อารมณ์ สืบเนื่องมาจาก อาจารย์ของนางให้นางได้ฝึกฝนวิชา เน้นหักห้ามอารมณ์ทั้งเจ็ดและกามคุณทั้งหก การฝึกฝนแบบนี้ตั้งแต่เล็ก นอกจากจะส่งผลให้นางเป็นคนมีสมาธิ มีจิตใจที่สงบ ยังทำให้มีใบหน้าที่เยาว์วัยกว่าคนทั่วไป ความสำเร็จในการสงบใจแบบนี้ แม้แต่ลิ้มเฉียวเอ็งผู้เป็นอาจารย์ยังมิอาจเทียบเปรียบติด ซึ่งอารมณ์ทั้งเจ็ด ประกอบไปด้วย ยินดี เดือดดาร โศกเศร้า สุกสันต์ ความรัก ความชัง และความปรารถนา ส่วนกามคุณทั้งหกคือการรับรู้ทาง จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กายา และใจ ก่อเกิดเป็นความต้องการต่อ รูป รส กลิน เสียง สัมผัส และทางมโนสำนึกขึ้น



    [​IMG]



    เมื่อครั้งที่ก๊วยพู่ไปที่สุสานโบราณและซัดเข็มพิษใส่เซียวเหล่งนึ่ง โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลี้มกโช้ว ความผิดพลาดของก๊วยพู่คราครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เพราะ พิษของฝ่ามือเบ็ญพิษที่อยู่ในตัวเซียวเหล่งนึ่ง กำลังใหลออกมาตามลมปราณ แต่พอถูกเข็มพิษซัดใส่ พิษย้อนกลับ กระจายไปสู้จุดสำคัญทั้วร่าง เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้มีใบไม้วิเศษโอสถทิพย์ ก็มิอาจรักษาชีวิตนางไว้ได้อีกแล้ว
    ก่อนนี้เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่งต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางความเป็นตายอย่างลำบากยากเย็น จนคิดค้นวิธีรักษาเซียวเหล่งนึ่งและจัดการกับลี้มกโช้วได้ ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี สุดท้ายทุกสิ่งสลายเป็นอากาศธาตุ เอี้ยก้วยที่เคยแข้มแข็งแกร่งกร้าว ยามนี้ไม่อาจสะกดอดกลั้นสืบไป พลันคุกเข่าลง ฟุบร่างบนโลงหิน เปร่งเสียงร่ำไห้ออกมา เมื่อครั้งที่ก๊วยพู่ตัดแขนเอี้ยก้วยไป เขายังพอให้อภัยได้แต่ครั้งนี้ทำร้ายเซียวเหล่งนึ่งถึงชีวิต แม้จะรู้ว่านางไม่ตั้งใจแต่ก็อดแค้นเคืองไม่ได้ แต่เซียวเหล่งนึ่งกลับบอกว่า
    "ก้วยยี้ พวกเรามีชะตาเช่นนี้ อย่าได้ตัดพ้อตำหนิผู้อื่น ท่านมิต้องคับแค้นใจไปแล้ว"
    เล่ม 3 หน้า 496



    หากมองโดยผิวเผินแล้วเซียวเหล่งนึ่งอาจดูเป็นคนที่เย็นชา ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่ถ้าได้สังเกตุพฤติกรรมตลอดทั้งเรื่อง จะเห็นได้ว่า เซียวเหล่งนึ่งนั้นนอกจากมีวรยุทธที่สูงส่ง มีรูปร่างหน้าตาหมดจดงดงามปานเทพธิดาแล้ว จิตใจของนางนั้นก็งดงามสูงส่งไม่แพ้กัน <!--เอี้ยก้วยเข็มแข้งแกร่งกร้าวทั้งสองต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางความเป็นตายอย่างลำบากยากเย็น สุดท้ายทุกสิ่งสลายเป็นอากาศธาตุ ไม่อาจสะกดอดกลั้นสืบไป พลันคุกเข่าลง ฟุบร่างบนโลงหิน เปร่งเสียงร่ำไห้ออกมาแต่ก็รู้อยู่ว่านางไม่ได้ตั้งใจประคองเซียวเหล่งนึ่งออกมาก้วยยี้หรือว่าท่านไม่ไปช่วยเหลือนาง?เอี้ยก้วยกล่าวอย่างแค้นเคืองว่า นางทำร้ายพวกเราถึงเพียงนี้ ข้าพเจ้าไม่ฆ่านางวกับมือ ถิอว่ามีคำว่ากล่าวต่อนางแล้วเซัยวเหล่งนึ่งทอดถอนใจกล่าวว่าพวกเราประสบเคราะห์กรรม นับเป็นชะตา ให้ผู้อื่นสุขสำราญ มิใช่ประเสริฐยิ่งหรอกหรือ?เอี้นยก้วยแม่ปากจะกล่าวแค้งเคืองกล่าวด้วยความขมขื่นว่าตกลงพวกเรามีชะตาอาภัพ ผู้อื่นมีโชคชะตาดีมิใช่เพียงเซียวเหล่งนึ่งเท่านั้น เอี้ยก้วยเองก็เป็นคนหนึ่้งมีมากไปด้วยน้ำใจมองโดยผิวเผินแล้วหากดูแต่ภายนอกแต่ถ้าได้สังเกตุตลอดเรื่องจะเห้นได้ว่าจิตใจงดงามอย่างยิ่งพฤติกรรมนอกจากมีวรยุทธสูงส่ง มีรูปร่างหน้าตาหมดจดงดงามปานเทพธิดแล้ว จิตใจของนางนั้นก็งดงามไม่แพ้กัน
    ระดับวรยุทธของเอี้ยก้วยนั้นก้าวสู่ชั้นแนวหน้าตั้งแต่สำเร็จวิชากระบี่หนักของต๊กโกวคิ้วป้าย สิ่งที่ยืนยันถึงพลังฝีมือของเอี้ยก้วย นอกจากตอนที่สู้กับกิมลุ้นที่สำนักชวนจินก่าแล้ว ฝีมือของเอี้ยก้วยได้แสดงออกอย่างชัดเจนอีกครั้งเมือประทะกับ ฮิ้วโชยยิ้ม (หลวงจีนชื้ออึง)
    ครานั้น ฮิ้วโชยยิ้มเกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายอิดเต็งไต้ซื้อ ทางด้านอิดเต็งไต้ซือความจริงพลังยุทธไม่ได้เป็นรอง ออกจะเหนือกว่าอยู่ขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ แต่ท่านไม่ยอมตอบโตกลับ จึงถูกฮิ้วโชยยิ้มซัดฝ่ามือใส่อย่างต่อเนื่อง เอี้ยก้วยทดดูไม่ไหว จึงยื่นมือเข้าขัดขวาง และเกิดการต่อสู้กันขึ้น ถ้าว่ากันตามเนื้อเรื่องฉากนี้อาจไม่มีส่วนสำคัญกับเนื้อเรื่องมากนัก ดูเหมือนกับว่าท่านกิมย้งตั้งใจใส่ฉากต่อสู้นี้มา เพื่อแสดงให้ผู้อ่านได้ทราบถึงระดับฝีมือของเอี้ยก้วยว่ามีระดับใกล้เคียวกับยอดคนในอดีตมาก โดยได้อธิบายไว้ตามนี้
    เพลงกระบี่ชุดนี้เป็นไม้ตายของต๊กโกวคิ้วป้าย มาตรแม้นผ่านกาลเวลานานปี ไม่ได้รับการถ่ายทอดจากผู้อาวุโสท่านนี้โดยตรง แต่เอี้ยก้วยฝึกท่ากระบี่กลางกระแสน้ำป่า รับประทานดีงูเพิ่มพลัง ได้รับการช่วยเหลือจากอินทรีวิเศษ เพลงกระบี่ที่เอี้ยก้วยฝึกปรือ มีส่วนคล้ายคลึงกับกระบี่อสูร ซึ่งครั้งกระโน้นพิชิตโดยไร้ผู้ต่อต้านยิ่ง
    เล่ม 3 หน้า 531​


    อิดเต็งไต้ซือยิ่งชมดูยิ่งตื่นใจ เห็นเอี้ยก้วยเป็นเด็กหนุ่มอายุยี่สิบเศษกลับสู้เสมอกับหัวหน้าพรรคมือเหล็กฮิ้วโชยยิ้ม ด้วยภูมิรู้ของท่านกลับมองไม่ออกว่าเป็นวิชาฝีมือสำนักใด พอเหลือบไปมองที่เซียวเหล่งนึ่งที่ยืนอุ้มทารกอยู่ข้างๆ ก็ครุ่นคิด หญิงนางนี้ท่าทางสูงสง่า ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดหาได้แตกตื่นลนลานไม่ แสดงว่านางก็มิใช่ชนชั้นธรรมดา เช่นกัน
    ในที่สุดเอี้ยก้วยก็สามารถชนะฮิ้วโชยยิ้มได้ ตามความตอนนี้
    ยามนี้หนึ่งกระบี่สองฝ่ามือยิ่งโรมรันยิ่งดุเดือด เอี้ยก้วยมีเปรียบในเชิงอาวุธ ส่วนหลวงจีนชื้ออึงมีแขนมากกว่าข้างหนึ่ง จึงหักกลบลบล้างกัน ทั้งสองสู้กันไม่เลิกรา หักล้างกันร้อยกว่ากระบวนท่า รู้สึกว่าพลังกระบี่ของอีกฝ่ายเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุดยั้ง หลวงจีนชื้ออึงมีอายุสูงวัย เริ่มไม่อาจต้านทานรับได้
    เล่ม 3 หน้า 532​


    นับเฉพาะเวลานี้เอี้ยก้วยก็มีพลังฝีมือที่สูงส่งอยู่แล้ว ต่อมาในช่วงที่รอคอยเซียวเหล่งนึ่งสิบหกปีนั้น เอี้ยก้วยได้มุมานะฝึกซ้อม ทำให้มีพลังฝีมือรุดหน้าอย่างใหญ่หลวง โดยเอี้ยก้วยเปิดตัวหลังผ่านสิบหกปีมา ก็ได้แสดงฝีมือหลายครั้งคราให้ผู้อ่านได้ตื่นใจ แต่การแสดงพลังฝีมือต่อผู้ที่มีระดับต่ำกว่ามาก จะนับเป็นอย่างไรได้ หากจะวัดระดับฝีมือ ย่อมต้องวัดจากยอดฝีมือชั้นแนวหน้าที่เหลืออยู่ โดยกิมย้งได้มีฉากที่แสดงให้ผู้อ่านได้ทราบว่า เวลานี้เอี้ยก้วยมีพลังยุทธเทียบเท่ากับพวก ก๊วยเจ๋ง อึ้งเอี๊ยะซื้อ อิตเต็งไต้ซื้อ และ จิวแป๊ะธง แล้ว ดังฉากต่อไปนี้
    ฉากแรกคือเมื่อตนที่เอี้ยก้วยไปตามหาจิ้งจอกเก้าหาง และได้พบกับเอ็งโกว กับ อิอเต็งไต้ซื้อ เพื่อที่จะกดดันให้เอ็งโกวยอมออกมา เอี้ยก้วยได้กูร้องยาวนานใช้พลังเสียงบีบบังคับให้นางทนไม่ไหวต้องออกมาห้าม พลังที่ออกมาตามเสียงแสดงถึงกำลังภายในอันกล้าแกร่งของเอี้ยก้วย กิมย้งได้บรรยายไว้แบบนี้
    เอี้ยก้วยเปร่งเสียงกู่ร้องดังยาวนาน ดำเนินเป็นเวลาชั่วน้ำเดือด มิเพียงไม่มีวี่แววอ่อนโทรงขาดหาย ตรงกันข้าม พลังเสียงยิ่งมายิ่งกล้าแข็ง อิดเต็งไต้ซื้อรับฟังจนลอบนับถือเลื่อมใส แม้รู้สึกว่าเสียงกูของเอี้ยก้วยออกจะรุนแรงไป มิใช่พลังธรรมอันเที่ยงแท้ แต่ท่านเมื่อตอนอยู่ในวัยฉกรรจ์ ยังไม่มีพลังลมปราณสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ยามนี้อายุสูงวัยเรี่ยวแรงเสื่อมโทรม ยิ่งไม่อาจเทียบเปรียบติดได้
    อิตเต็งไต้ซือต้องครุ่นคิดขึ้น หลายแซ่เอี้ยผู้นี้มีกำลังภายในกล้าแข็งแกร่งกร้าว สุดที่ยอดฝีมือใดจะเทียบเทียมได้ ไม่ทราบเอี้ยก้วยฝึกปรือได้อย่างไร
    เล่ม 4 หน้า 236​


    ฉากที่สองคือตอนที่ประลองกับจิวแป๊ะธง เอี้ยก้วยรับอาสาจะพาจิวแป๊ะธงไปหาเอ็งโกว จึงเดินทางมาหาและได้ประลองฝีมือกัน ทำการประลองอยู่หลายกระบวนท่า ในที่สุดใช้ออกด้วยฝ่ามือกำสลดวิญญาณสลาย แต่ก็ยังคงมิอาจได้ชัย ทั้งคู่นั้นฝีมือก้ำกึ่งกันยิ่ง
    สี่กระบวนท่าพอพ้นผ่าน หนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยต่างนับถือเลื่อมใสต่อฝ่ายตรงข้าม เอี้ยก้วยครุ่นคิดขึ้น ศัตรูเข้มแข็งที่เคยเจอมานับผู้เฒ่าท่านนี้ตึงมือที่สุด คิดหมายเอาชัยไม่ง่ายดายจริงๆ หากแม้นต้องการพิสูจน์ผลแพ้ชนะ มิอาจไม่หักล้างกำลังภายในกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น หากมิใช้ปรากฎเป็นสภาพหนึ่งตกตายหนึ่งบาดเจ็บ ก็อาจตกตายตามกันไปทั้งคู่
    เล่ม 4 หน้า 258​


    จากความตอนนี้ก็พอจะบอกได้ว่าทั้งคู่มีพลังฝีมือใกล้เคียงกันมาก จิวแป๊ะธงยังเคยกล่าวชมวิชาของเอี้ยก้วยต่อหน้าอึ้งย้ง ในนตอนนั้นจิวแป๊ะธงชักชวนอึ้งย้งมาเพื่อจะให้ชมผึ้งหยกที่เขาฝึกเลี้ยงไว้ และได้พูดถึงวิชาของเอี้ยก้วย ตามความตอนนี้
    อึ้งย้งกล่าวว่า "วิชาฝีมือของเฒ่าทารก ข้าพเจ้ายอมรับนับถือตั้งแต่เล็ก หลายปีนี้บัญญัติคิดค้นวิชาพิศดารอะไรอีก" จิวแป๊ะธงสั่นศีรษะกล่าวว่า "มิใช่ มิใช่ วิชาฝีมือที่ดีที่สุดในหลายปีนี้ เป็นฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายของเด็กน้อยเอี้ยก้วย เฒ่าทารกละอายที่สู้ไม่ได้ เรื่องวิชาการต่อสู้อย่าได้เอ่ยถึงอีก" อึ้งย้งลอบประหลาดใจ ครุ่นคิดขึ้น "เอี้ยก้วยผู้นี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ทางด้านผู้เยาว์มีก๊วยเซียงน้อย ผู้สูงอายุมีเฒ่าทารก ล้วนนิยมเลื่อมใสเขา ไม่ทราบวิชาฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายนั้นเป็นแนววิชาอันใด"
    เล่ม 4 หน้า 456​


    ต่อมาเป็นฉากที่เอี้ยก้วยไปช่วยก๊วยเซียงไว้จากนีม่อชิง เอี้ยก้วยใช้กำลังภายในซัดปิ่นของก๊วยเซียงทะลุมือไปปักที่กลางกระขม่อมของนี่ม่อชิง ปิ่นนี้เปราะบางกระแทกเบาๆก็หัก กลับซัดทะลุฝ่ามือของยอดฝีมือเข้าไปปักที่จุดสังหารได้ กำลังภายในที่เอี้ยก้วยใช้เป็นไปในแนวแกร่งกร้าวบริสุทธิ์ ก่อนนี้บุคคนเช่นนี้มีเพียงสองคนเท่านั้นคือ ก๊วยเจ๋งกับอั้งชิกกง แต่บัดนี้เอี้ยก้วยเป็นอีกคนที่ใช้พลังแนวนี้ได้เทียบเท่า
    อีกฉากที่กิมย้งพยายามบอกให้ผู้อ่านได้รู้ถึงระดับฝีมือของเอี้ยก้วย คือเมื่อตอนประลองกับ อึ้งเอี๊ยะซือ ทั้งคู่ประลองกัน โดยใช้ อี่เคอซี เซียวเซียงจื่อและคนหน้าดำอีกคน ขั้นกลาง โดยอยู่ห่างกันซัดฝ่ามือสลับไปมา เซียวเซียงจื่อกับพวกกลับคล้ายเป็นลูกหนังถูกโยนไปมา ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายใช้ถึงครึ่งหนึ่ง เพลงฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วงของอึ้งเอี๊ยะซื้อก็ตกเป็นรองแล้ว ดังนั้นอึ้งเอี๊ยะซือจึงเปลี่ยนเป็นวิชาดรรชนีศักิ์สิทธ์ จึงต่อสู้ได้คู่คี่ก้ำกึ่ง ไม่มีผู้ใดเหนือล้ำกว่าผู้ใด อึ้งเอี้ยซือได้กล่าวว่า
    พลงฝ่ามือของเล่าตี๋ชุดนี้ หากวิจารณ์ถึงความหนักหน่วงแกร่งกร้าว ทั้วแผ่นดินนี้มีแต่สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรของเขยเรา ที่สามารถทัดเทียบเปรียบได้ ส่วนเพลงฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วงของเล่าฮู กลับด้วยกว่าขั้นหนึ่ง
    เล่ม 4 หน้า 420​



























































































    [​IMG]

    ยอดวิชากระบี่คู่ของเซียวเหล่งนึ่ง
    ยอดยุทธหญิงในนิยายกิมย้งมีอยู่ไม่น้อย ในมังกรหยกภาคนี้ก็มีทั้ง อึ้งย้ง ทั้งลี้มกโช้ว ที่มีพลังฝีมือยากจะหาใครทาบติดและยังถือเป็นสาวงามที่หาได้ยากอีกด้วย เซียวเหล่งนึ่งเองก็เป็นจอมยุทธหญิงอีกคนที่นอกจากเรื่องความงามที่ไม่มีใครเทียบเปรียบติดแล้ว ในด้านวรยุทธของนางก็สูงส่งไม่แพ้หญิงใด ยิ่งถ้าเทียบกับอายุรุ่นเดียวกับนางแล้วคงจาหาหญิงใดมีวรยุทธ์สูงส่งเท่านางอีกไม่ได้
    เซียวเหล่งนึ่งอาศัยอยู่ในสุสานโบราณฝึกวิชาของลิ้มเฉียวเอ็ง ซึ่งลิ้มเฉียวเอ็งถือเป็นยอดหญิงที่มีวรยุทธใกล้เคียงกับปรมจารย์เฮ้งเต้งเอี้ยงเลยทีเดียว จากการฝึกฝนตั้งแต่เด็ก เพียงอายุสิบแปด วรยุทธของเซียวเหล่งนึ่งก็ใกล้เคียงกับ ฮักไต้ทง หนึ่งในเจ็ดนักพรตอวุโสของสำนักชวนจินก่าแล้ว และหลังจากที่ได้เอี้ยก้วยเข้าไปอยู่ด้วยในสุสานโบราณ วรยุทธของนางก็ยิ่งรุดหน้า นางได้ฝึกวิชาของชวนจินก่าเพราะเอี้ยก้วยได้เคยท่องเคล็ดวิชานี้ไว้ ตามด้วยวิชาในเคล็ดวิชาสุรางคนางค์ ภายหลังยังได้ฝึกวิชาในคัมภีร์เก้าอิม และเมื่อออกสู่ยุทธภพ ก็ได้มีโอกาสได้ใช้เพลงกระบี่สุรางคนางค์ใจพิสุธร่วมกับเอี้ยก้วยเพื่อปราบกิมลุ้น เพียงวรยุทธของนาง ณ เวลานี้ก็นับว่าสูงส่งมากมายอยู่แล้ว---><!-- / message --><!-- sig -->


    หากพานพบสตรีที่ใจงดงามสูงส่งเช่นนี้ นับว่าเป็นบุญวาสนา ควรถนอมมิตรภาพอันดีไว้ ทำวันนี้ให้ดี
    หนทางข้างหน้า .... จะสร้างทางของเค้าเอง







     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2008
  19. Thai_narak_et

    Thai_narak_et Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +79
    555555++ สุดยอดครับ มีจองไปแล้ว 1
    มีใครสนใจจะเป็นนางแก้วไหมครับ อิอิๆๆ
     
  20. Ball ^_^

    Ball ^_^ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +49
    อนุโมทนากับความตั้งใจด้วยครับ

    ผมก็คนหาคู่บุญที่จะมาร่วมสร้างบารมีอยู่เหมือนกัน ยังไม่พบสักทีหรือพบแล้วแต่จีบไม่ติดก็ไม่รู้ T-T

    ถ้าไม่มีเจอจริงๆภายในอายุ 35 ปี ไปบำเพ็ญเนกขัมมบารมีแทนดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...