ทหารพระองค์ดำรายงานตัวหน่อยครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย visut_p, 28 สิงหาคม 2008.

  1. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    งชาติไทยไกวกวัดสะบัดพลิ้ว
    แลริ้วริ้วสลับงามเป็นสามสี
    ผ้าผืนน้อยบางเบาเพียงเท่านี้
    แต่เป็นที่รวมชีวิตและจิตใจ

    ชนรุ่นเยาว์ยืนเรียบระเบียบแถว
    ดวงตาแน่วนิ่งตรงธงไสว
    [FONT=Times New Roman, serif][FONT=Helvetica, sans-serif]"[/FONT][/FONT]ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Helvetica, sans-serif]" [/FONT]
    [/FONT]ฟังคราวใดเลือดซ่านพล่านทั้งทรวง

    ผืนแผ่นดินถิ่นนี้ที่พำนัก
    เราแสนรักและแสนจะแหนหวง
    แผ่นดินไทยไทยต้องครองทั้งปวง
    ชีพไม่ล่วงใครอย่าล้ำมาย่ำยี

    เธอร้องเพลงชาติไทยมั่นใจเหลือ
    พลีชีพเพื่อชาติที่รักทรงศักดิ์ศรี
    เพลงกระหึ่มก้องฟ้าก้องธาตรี
    แม้ไพรีได้ฟังยังถอนใจ

    แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไทยร้าวใจเหลือ
    คือเลือดเนื้อเป็นหนอนคอยบ่อนไส้
    บ้างหากินบนน้ำตาประชาไทย
    บ้างฝักใฝ่ลัทธิชั่วน่ากลัวเกรง

    ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง
    แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
    ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง
    จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Helvetica, sans-serif]![/FONT]
    [/FONT]


    [MUSIC]http://www.oknation.net/blog/home/video_data/396/396/video/182/182.mp3[/MUSIC]


    ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
    เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน
    อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
    ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี
    ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
    เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
    เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2010
  2. krongkamons

    krongkamons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +2,571
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 20 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 15 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>krongkamons, JINKLE, คือคนบาป, พลศิล </TD></TR></TBODY></TABLE>สวัสดีค่า ทุกๆท่าน


    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 18 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 14 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>krongkamons, pjannoom@hotmail.com, คือคนบาป
    เก็บสถิติให้น้อง พอดี ปิ๊งชื่อ .... คุณ...คือคนบาป....^^


    <TABLE id=post3064583 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>12-03-2010, 04:25 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#760 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Red Leaf<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3064583", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2006
    ข้อความ: 42
    Groans: 1
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 7,203
    ได้รับอนุโมทนา 5,347 ครั้ง ใน 775 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]







    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3064583 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->หวัดดีจ้า..น้องกรอง

    เห็นอะไรสุดท้ายก็คงต้องวางอะนะ รักษาใจเราไว้ให้มั่นคงไม่เป็นฝักเป็นฝ่ายนั่นล่ะ ใจของเราจะมีกำลังมากที่สุด ในการแผ่กุศลความดีของเราให้แก่บ้านเมือง พระพุทธศาสนา และในหลวงของเรา

    อีกสักครู่พี่คงกลับบ้านแล้วล่ะ แม้ว่าออฟฟิศจะไม่อยู่ในจุดล่อแหลม แต่ก็ไม่รู้เส้นทางกลับบ้านจะเป็นอย่างไร เลยต้องขอเพลย์เซฟไว้ก่อน

    หวัดดีนะจ๊ะ<!-- google_ad_section_end -->





    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    หวัดดีค่าพี่ใบไม้ ช่วงวันหยุดพิเศษอย่างนี้ ได้ออกไปทำบุญนอกสถานที่บ้างไหมคะ?
    สาธุ ค่ะ ธรรมะพี่ใบไม้ ชื่นใจดีค่ะ
    เตือนสติได้ดียิ่ง .....



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 15 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>krongkamons, AKE444, ขุนเวช, จิตอบอุ่น, พอชูเดช </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เก็บไปเรื่อย ๆๆๆ ไม่มีอะไรทำ
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 23 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>krongkamons, AKE444, ขุนเวช, จิตอบอุ่น, พอชูเดช </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2010
  3. krongkamons

    krongkamons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +2,571
    อยากอ่านที่ท่าน Aunyasit ลงให้อ่านอีกเยอะๆค่ะ

    อนุโมทนา ด้วยคน ค่ะ :boo:
    บรรพบุรุษของพวกเราเสียสละ มามากเลยนะคะ
    ทหาร ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสิน และ พระองค์ดำ นี่ยังเหลือ
    ตกค้างไม่ได้ ไปเกิดอีกเยอะเลยเหรอคะ ?
    งั้นต้องพยายามอุทิศบุญกุศลหลังจากที่ภาวนาให้ทุกๆครั้ง
    ด้วยเหมือนกันค่ะ
    ....
    แล้วมาเล่าให้อ่านอีกนะคะ :boo::boo:
     
  4. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    [​IMG]

    บทสนทนาจอมปราชญ์
    เมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ถามหลวงตามหาบัวฯ เรื่องพุทธภูมิ


    เป็นบทความที่พิมพ์ในนิตยาสารน่านฟ้า
    ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนธันวาคม 2550 หน้า 18

    เนื่องในวโรกาสมหามิ่งมงคลของชาวไทยทั้งชาติ นิตยสารน่านฟ้าขออาราธนาบทสนทนาที่เหนือคำบรรยาย ที่เล่าโดย พระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในสมัยที่ท่านเป็นพระอุปัฏฐากองค์หลวงตา ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ในขณะนั้น...

    “...เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคือ เมื่อปี พ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปนิมนต์หลวงตาไปในงานในวัง ปกติหลวงตาท่านไม่ค่อยไปไหน แต่ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปนิมนต์ ท่านไปนิมนต์ด้วยพระองค์เอง เรายังจำได้.. วันนั้นเป็นวันที่ 7 มกราคม 2531 เป็นปีเฉลิมราชรัชมังคลาภิเษกที่ทรงครองราชย์มากกว่ากษัตริย์ใดในประวัติศาสตร์ไทย ท่านนิมนต์หลวงตาเข้าวัง มาเป็นขบวนใหญ่ หลวงตาท่านจะอยู่ที่กุฏิ ท่านให้เราควบคุมดูแลญาติโยม ดูแลพวกทหารที่มา พระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาตอน 6 โมงเย็น

    เมื่อขบวนพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จมาถึง เรายืนตรงนี้ ผู้ว่าฯ สายสิทธิ์ยืนตรงนี้ หมออวย แล้วใครต่อใครยืนเป็นแถวรอรับเสด็จ แล้วท่านก็ขึ้นไปข้างบนซึ่งหลวงตารอท่านอยู่แล้ว ส่วนเราก็อยู่ตรงบันได ส่วนหลวงตาอยู่ข้างบน ที่ขึ้นไปก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ตามเสด็จครบหมดเลย พระราชินี พระบรมฯ พระเทพฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ หมดทั้งครอบครัวเพื่อจะนิมนต์หลวงตาไปงานพิธีในวัง

    พอพระองค์ท่านกราบหลวงตาเสร็จ ท่านก็ถวายคำถามแรก (พระเจ้าอยู่หัวฯ เรียกหลวงตาว่า “หลวงปู่”) “หลวงปู่... สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร” โอ้... พระเจ้าอยู่หัวฯ ถามปัญหาหลวงตาขนาดนี้

    หลวงตาตอบว่า... “พุทธภูมิ ก็เหมือนดั่งเรานั่งรถไฟ นั่งรถไฟไปเชียงใหม่หรือนั่งรถไฟไปอุดรนั่นแหละพุทธภูมิ แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมาหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่นแหละ... สาวกภูมิ เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธภูมิก็คือการนำคนไปได้เยอะๆ ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆ ไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ 1 คน หรือ 3-4 คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิ เข้าใจไหมล่ะพ่อหลวง”

    พระเจ้าอยู่หัวฯ ตอบหลวงตาว่า “เข้าใจแล้วหลวงปู่ แล้วนิพพานเป็นอย่างไรนะ หลวงปู่”

    หลวงตาตอบ : “อ้อ พ่อหลวงเหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยุ่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี้แหละ แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาด นี่แหละพระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน”

    และเมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอบารมีหลวงตาช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (คือสมเด็จย่า) ตอนนั้นสมเด็จย่าทรงประชวรอยู่ หลวงตาท่านก็ตอบปฏิเสธเลยว่า... “พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ ขอเองได้” ท่านว่างั้นนะ... “พ่อหลวงก็สามารถจัดการได้เอง” ท่านบอกไปเลยนะว่า... ให้พระเจ้าอยู่หัวฯ ขอเอง จัดการเอง อาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก

    พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้กราบลาว่า “เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้ว ท่านหลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม”

    หลวงตาท่านได้เทศน์สั้นๆ ว่า “การเป็นพุทธภูมิ สร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ 5 คือ ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป ตกเย็นสอนนักบวช สมณะชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะเล็งญาณดูรีบไปโปรดก่อน พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ 5 อย่างนี้ แต่... ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน... เอาล่ะๆ... อาตมาจะให้พร”

    พอฟังมาถึงตรงนี้นะ เรายังจำได้แม่น เพราะพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านถามเรื่องพุทธภูมิ เสร็จแล้วพอท่านจะลากลับ หลวงตาท่านสรุปให้เสร็จสรรพเลย... ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของไทยทำงานปรารถนาความเป็นอะไร... ทำงานกันจนไม่มีเวลาพักผ่อน... เอาล่ะๆ...อาตมาจะให้พร

    เมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านเสด็จลงมา ท่านก็ตรัสว่า อยากให้ท่านอาจารย์อยู่กับหลวงตาไปนานๆ... เราก็ได้ตอบท่านว่า เจริญพร... มหาบพิตร อาตมาก็อยากจะอยู่ แต่ถ้าถึงเวลาที่อาตมาจะต้องเอาตัวเองให้รอด อาตมาก็ขอเอาตัวเองให้รอดก่อน เพราะทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล ถึงเวลาไปก็ต้องไปเหมือนกัน แล้วพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็บอกขอทำบุญกับหลวงตา 200,000 ถวายอาจารย์ 20,000 แล้วท่านก็ถามว่าพระที่อยู่ในวัดนี้กี่รูป เราก็ตอบท่านทั้งหมด 29 รูปรวมหลวงตานั่นแหละ... ท่านจึงถวายให้รูปละ 2,000 “แล้วปัจจัยจะให้ไว้กับใคร” ท่านถาม... ท่านหยิบออกมาให้เลยนะ ท่านผู้ว่าฯ ยังรับมือสั่น พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่เพียงมากราบหลวงตา ท่านมาที่วัด ท่านยังมาทำบุญกับพระด้วยปัจจัยที่เตรียมพร้อมจากพระหัตถ์ของท่านเอง จากนั้นพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เสด็จออกไปเยี่ยมประชาชนแล้วก็ขึ้นรถไป

    นั่นแหละเราได้ฟังมา เรื่องของพุทธภูมิ เรื่องของพระโพธิสัตว์ สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร เสร็จแล้วพอตอนจบขอพร หลวงตาท่านก็สรุปและให้พร จึงบอกได้ว่าเป็นบทสนทนาของจอมปราชญ์...

    [​IMG]

    ..........................

    จากคำบอกเล่าของท่านอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร
    เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัวฯ (วัดเสือ จ.กาญจนบุรี)
    http://larndham.net/index.php?showtopic=32818&st=0
     
  5. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    OO ในหลวงทรงเล่าว่า..“ ฉันขึ้น-ลงสะเมิงอยู่หลายปี จนได้รับเชื้อไมโครพลาสม่า ซึ่งในที่สุดทำให้ฉันเป็นโรคหัวใจเต้นไม่ปกติ จนเกือบต้องเสียชีวิต”OO



    ในปี 2518 นั้นพื้นที่อำเภอสะเมิงยังเป็นชนบทที่ยากลำบากทั้งเส้นทางคมนาคม ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน แค่มีกินแต่ไม่มีเงินใช้จ่าย

    [​IMG]

    [​IMG]


    พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ชาวบ้านอาศัยพื้นที่หุบเขาซึ่งมีไม่มากนักปลูกข้าวในฤดูฝนและหลังนาก็ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่สำคัญคือ กระเทียม ยาสูบพันธ์เวอร์จิเนีย และพืชผักอื่นๆ การหาของป่า เช่นน้ำมันสน เปลือกก่อเปลือกไก๋

    [​IMG]



    ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนเมือง เป็นชาวไทลื้อ บนยอดภูเขาก็เป็นชาวไทยภูเขาเผ่า ม้ง ปะกากะญอ ลีซอ อะข่า โดยเฉพาะ ม้ง สมัยนั้นยังปลูกฝิ่นกันเต็มภูเขา ทั้งที่ดอยแม่สาใหม่ ต.ยั้งเมิน ต.บ่อแก้ว กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวดูดอกฝิ่นกันของพวกเรา สมัยนั้นกิจการท่องเที่ยวยังน้อยมากๆ มีแต่คนเมือง ยังไม่มี Jungle tour ต่อมาการปลูกฝิ่นก็ถูกปราบปรามหนักจนเลิกกันไปในที่สุดที่หาดูไม่ได้แล้วเพราะผิดกฎหมาย

    [​IMG]

    เนื่องจากสะเมิงอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่และพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศก่อนและหลังที่ในหลวงเสด็จเพื่อพระราชทานปริญญาแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในทุกปลายปีช่วงฤดูหนาว นั้น พระองค์ท่านก็จะเสด็จเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ชนบทป่าเขาทุกปี สะเมิงก็เป็นพื้นที่เป้าหมาย ผู้บันทึกต้องเข้าร่วมรับเสด็จพร้อมกับทางอำเภอและประชาชนชาวสะเมิงทุกปี

    เนื่องจากสะเมิงเป็นพื้นที่ที่มีความหนาวเย็น และไม่ไกลจากตัวจังหวัด จึงเหมาะแก่การทำโครงการหลวงที่เน้นการทดลองนำพืชเมืองหนาวมาเพาะขยาย หรือแม้แต่ข้าวไร่ ที่พระองค์ท่านมีพระราชดำริให้จัดทำขึ้น เมื่อประสบความสำเร็จก็จะได้นำไปแนะนำชาวบ้านปลูกทดแทนฝิ่น และหารายได้ให้แก่ครอบครัวต่อไป

    [​IMG]

    การที่พระองค์ท่านทุ่มเทพระวรกายดังกล่าว จึงก่อให้เกิด ปัญหากับสุขภาพพระองค์ท่านขึ้นโดยไม่คาดคิดเลย ผู้บันทึกได้รับ Forward mail เรื่องนี้มานานแล้ว เพิ่งจะตัดสินนำมาขยายเพราะไปหยิบเรื่องสะเมิงมาเขียน เลยขอเอาเรื่องของพระองค์ท่าน มาเผยแพร่อีกครั้งหนึ่งครับ ผู้ส่ง mail ใช้ชื่อเรื่องว่า “สาเหตุโรคพระหทัยของในหลวง” โดยสรุปดังนี้


    ในหลวงทรงมีพระอาการประชวรเรื้อรังในส่วนของพระหทัยเต้นผิดปกติหากจำกันได้ ในหลวงเคยต้องทรงรับการผ่าตัดใหญ่มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2538 ครั้งนั้นพสกนิกรทั้งแผ่นดินแทบไม่เป็นอันทำอะไร ใครๆก็รู้ว่าโรคหัวใจไม่ใช่โรคล้อกันเล่นๆได้ ทั้งสมัยนั้นการผ่าตัดหัวใจก็เสี่ยงพอดู แต่ทุกอย่างก็เป็นไปโดยเรียบร้อย แต่ทราบกันหรือไม่ว่าสาเหตุของโรคพระหทัยเต้นผิดปกตินี้มาจากอะไร?


    [​IMG]



    ราวปี 2530 ในหลวงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนที่อำเภอสะเมิงจังหวัดเชียงใหม่ ทรงพบว่าชาวบ้านจำนวนมากเป็นโรคคอพอก ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทูลว่ามีการเอาเกลือเสริมไอโอดีนมาแจกประจำ แต่ชาวบ้านไม่ยอมใช้เพราะไม่รู้จักก็กลัวจะเป็นอันตราย ในหลวงจึงรับสั่งให้นำเกลือเสริมไอโอดีนมาแจกประชาชนด้วยพระหัตถ์ ชาวบ้านได้รับเกลือพระราชทานจึงยอมเชื่อว่าเกลือชนิดนี้กินได้ จนแพร่หลายต่อๆมาปัจจุบันไม่มีคนป่วยโรคคอพอกที่สะเมิงแล้ว


    [​IMG]


    นอกจากนี้ยังทรงเสด็จขึ้น-ลงสะเมิงอีกหลายครั้ง เพื่อติดตามแก้ปัญหาเรื่องน้ำและถนนจนชาวบ้านทำกินกันได้เป็นปกติสุข มีรายได้เลี้ยงชีพได้พอเพียง หากกลับเป็นพระองค์เองที่ทรงพระประชวร!ในหลวงทรงได้รับเชื้อไมโครพลาสม่าจากการเสด็จไปที่สะเมิงนี้เองอันเป็นสาเหตุของโรคพระหทัยเต้นผิดปกติเรื้อรังมาถึงปัจจุบัน แม้คณะแพทย์จะพยายามเท่าใดก็ไม่อาจถวายการรักษาให้หายขาดได้ทำได้เพียงถวายพระโอสถประคองพระอาการมาตลอด จนกระทั่งต้องทรงรับการผ่าตัดใหญ่เมื่อปี 2538 ดังเล่ามาแล้ว

    ในหลวงเคยมีพระราชกระแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...

    ฉันขึ้น-ลงสะเมิงอยู่หลายปีจนได้รับเชื้อไมโครพลาสม่า ซึ่งในที่สุดทำให้ฉันเป็นโรคหัวใจเต้นไม่ปกติจนเกือบต้องเสียชีวิต

    เป็นถ้อยรับสั่งที่แสนจะเรียบง่าย ราวกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดาเสียเหลือเกิน!
    อ่านแล้ว...อย่าแค่ผ่านเลยไปช่วยกันจดกันจำเอาไว้มีเพื่อนบอกเพื่อน มีครอบครัวขยายต่อให้ทราบทั่วกันอีกหน่อยมีลูกมีหลาน อย่าลืมเล่าให้พวกเขาฟังด้วยว่า...

    "การรักผู้อื่นยิ่งกว่าชีวิตของตนเองนั้น...ยิ่งใหญ่อย่างไรและเพียงไหน"

    ----------------------------
    ผู้บันทึกไม่มีคำกล่าวใดๆ นอกจากสำนึกในพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านต่อประชาชนที่ยากไร้ในชนบทของประเทศเรา .. เมื่อผู้บันทึกมีโอกาสในการเจริญตามรอยพระบาท ก็ทำด้วยความสำนึกเป็นที่สุด...


    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยนำออกมาพูดถึงกัน เพราะอะไรคงเข้าใจครับ แต่ในความสำนึกของคนทำงาน จึงคิดว่าควรเอามาเผยแพร่ให้รับทราบกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มีนาคม 2010
  6. krongkamons

    krongkamons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +2,571
    เยี่ยม GOOD

    (y)(y)(y)(y)(y)(y)(y)(y)(y)
    ต้องอย่างนี้สิ ท่านน้องอ้นฯ ....คนรุ่นใหม่ต้องคิดดีทำดี....
    ต่อสังคม....ให้สมกับที่เป็นมือขวาพี่....
    อ้นอยากจะโพสท์อะไร ก็โพสท์ได้เลยตามใจชอบ
    พี่ไม่ว่าอะไรหรอก :VO (ทำเหมือนเป็น จขกท เสียเอง)
    คลายเคลียดด้วย ได้ กัลยาณมิตรใหม่ที่ดี ได้ความรู้
    แถมได้บุญอีกต่างหาก นะ วันหลังจะได้พาออกงานได้
    แต่ตอนนี้ยังสอบไม่ผ่าน อิอิอิ...(เพราะพี่เองก็ยังขั้นอนุบาล
    อยู่ เหมือนกัน)
     
  7. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    [​IMG]


    จาก การที่ได้หาโอกาสศึกษาและมีวาสนาได้กราบไหว้ใกล้ชิด พระอัจฉริยเถราจารย์ผู้ทรงคุณธรรมเบื้องสูงจำนวนมาก ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ได้รับการบอกกล่าวถึงเรื่องอันพิเศษๆเป็นอันมาก ที่นอกเหนือจากสามัญมนุษย์ทั่วไป ซึ่งไร้ซึ่งญาณปรีชาจะพึงทราบชัด ให้ถูกถ้วนตามความเป็นจริงได้เป็นอันเอนกปริยาย ดังที่ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะ และความรู้รอบตัวต่างๆเป็นธรรมวิทยาทานมาโดยลำดับ ความย่อมเป็นที่แจ้งใจอยู่โดยทั่วไปแล้วนั้น

    บัดนี้ เป็นกาลอันสมควรแล้ว ที่จะได้นำเอาเรื่องราวที่บรรดาพระอริยคณาจารย์ทั้งหลาย ที่ได้เคยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแสดง เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดีแด่พระมหาธรรมราชา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแห่งประชาชาติไทยพระองค์นั้น และเพื่อยังความเป็นสวัสดิมงคลอันยิ่ง ให้บังเกิดขึ้นแก่แผ่นดินและมหาชนทั้งหลายสืบไปตราบชั่วจิรัฏฐิติกาล...



    [​IMG]


    "ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์น๊ะ..!!!!"

    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร

    สำหรับปฐมเหตุที่ทำให้ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯกล่าวความเช่นนี้ ก็เกิดมาจากการที่ท่านได้กล่าวเตือนญาติโยมบางรายที่ไปนมัสการว่า

    "การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง

    นั้นไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ..!!?!"


    [​IMG]
     
  8. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    "พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น
    แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย.."

    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่


    [​IMG]

    ครั้งหนึ่ง มีผู้พูดถึง"ผู้ยิ่งใหญ่"ระดับประเทศบางท่านให้หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี พระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวันนครราชสีมากล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองว่า
    "เป็นหนึ่งในสิบแห่งอนาคตพุทธวงศ์เบื้องหน้า"
    ฟังสังเกตว่า ดูหลวงพ่ออุตตมะท่าน"เฉย"มากๆ ก่อนที่จะปรารภออกมาอย่างราบเรียบที่สุด เหมือนมิได้ไยดีใดๆว่า


    "เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากเหมือนกับในหลวงหรอก..!!!!!"


    [​IMG]


    ในหลวงสนทนาเรื่อง"พุทธภูมิ"กับหลวงตามหาบัว

    "...เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคือ เมื่อปี พ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปนิมนต์หลวง ตาไปในงานในวัง ปกติหลวงตาท่านไม่ค่อยไปไหน แต่ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปนิมนต์ ท่านไปนิมนต์ด้วยพระองค์เอง เรายังจำได้..

    วันนั้นเป็นวันที่ 7 มกราคม 2531 เป็นปีเฉลิมราชรัชมังคลาภิเษกที่ทรงครองราชย์มากกว่ากษัตริย์ใด ในประวัติ ศาสตร์ไทย ท่านนิมนต์หลวงตาเข้าวัง มาเป็นขบวนใหญ่ หลวงตาท่านจะอยู่ที่กุฏิ ท่านให้เราควบคุมดูแลญาติโยม ดูแลพวกทหารที่มา พระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาตอน 6 โมงเย็น

    เมื่อขบวนพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จมาถึง เรายืนตรงนี้ ผู้ว่าฯ สายสิทธิ์ยืนตรงนี้ หมออวย แล้วใครต่อใครยืนเป็นแถวรอรับเสด็จ แล้วท่านก็ขึ้นไปข้างบนซึ่งหลวงตารอท่านอยู่แล้ว ส่วนเราก็อยู่ตรงบันได ส่วนหลวงตาอยู่ข้างบน ที่ขึ้นไปก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ตามเสด็จครบหมดเลย พระราชินี พระบรมฯ พระเทพฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ หมดทั้งครอบครัวเพื่อจะนิมนต์หลวงตาไปงานพิธีในวัง

    พอพระองค์ท่านกราบหลวงตาเสร็จ ท่านก็ถวายคำถามแรก ( พระเจ้าอยู่หัวเรียกหลวงตาว่า "หลวงปู่" )
    "หลวงปู่... สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร" โอ้... พระเจ้าอยู่หัวถามปัญหาหลวงตาขนาดนี้

    หลวงตาตอบว่า...
    "พุทธ ภูมิ ก็เหมือน ดั่งเรานั่งรถไฟ นั่งรถไฟไปเชียงใหม่หรือนั่งรถไฟไปอุดรนั่นแหละพุทธภูมิ แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมาหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่นแหละ...สาวกภูมิ เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธภูมิก็คือการ นำคนไปได้เยอะ ๆ ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆ ไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ 1 คน หรือ 3-4 คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิ เข้าใจไหมล่ะพ่อหลวง"

    พระเจ้าอยูหัวฯ ตอบหลวงตาว่า
    "เข้าใจแล้วหลวงปู่แล้วนิพพานเป็นอย่างไรนะ หลวงปู่"

    หลวงตาตอบ : "อ้อ พ่อหลวงเหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยุ่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี้แหละ แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาด นี่แหละพระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน"

    และ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอบารมีหลวงตาช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (คือสมเด็จย่า) ตอนนั้นสมเด็จย่าทรงประชวรอยู่ หลวงตาท่านก็ตอบปฏิเสธเลยว่า... "พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ ขอเองได้" ท่านว่างั้นนะ... "พ่อหลวงก็สามารถจัดการได้เอง" ท่านบอกไปเลยนะว่า... ให้พระเจ้าอยู่หัวขอเอง จัดการเอง จัดการเองอาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก

    พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้กราบลาว่า "เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้ว ท่านหลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม"

    หลวงตาท่านได้เทศน์สั้น ๆ ว่า


    "การ เป็นพุทธภูมิ สร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้า แล้ว พระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ 5 คือ ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป ตกเย็นสอนนักบวช สมณะชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะเล็งญาณดูรีบไปโปรดก่อน พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ 5 อย่างนี้ แต่... ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน..เอาล่ะ ๆ ... อาตมาจะให้พร"

    พอฟังมาถึงตรงนี้นะ เรายังจำได้แม่น เพราะพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านถามเรื่องพุทธภูมิ เสร็จแล้วพอท่านจะลากลับ หลวงตาท่านสรุปให้เสร็จสรรพเลย... ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของไทยทำงานปรารถนาความเป็นอะไร... ทำงานกันจนไม่มีเวลาพักผ่อน... เอาล่ะ ๆ ...อาตมาจะให้พร

    เมื่อพระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จลงมา ท่านก็ตรัสว่า อยากให้ท่านอาจารย์อยู่กับหลวงตาไปนาน ๆ ...เราก็ได้ตอบท่านว่า เจริญ พร...มหาบพิตร อาตมาก็อยากจะอยู่ แต่ถ้าถึงเวลาที่อาตมาจะต้องเอา ตัวเองให้รอด อาตมาก็ขอเอาตัวเองให้รอดก่อน เพราะทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล ถึงเวลาไปก็ต้องไปเหมือนกัน แล้วพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็บอกขอทำบุญกับหลวงตา 200,000 ถวายอาจารย์ 20,000 แล้วท่านก็ถามว่าพระที่อยู่ในวัดนี้กี่รูป เราก็ตอบท่านทั้งหมด 29 รูปรวมหลวงตานั่นแหละ... ท่านจึงถวายให้รูปล่ะ 2,000 "แล้วปัจจัยจะให้ไว้กับใคร" ท่าน ถาม...ท่านหยิบออกมาให้เลยนะ ท่านผู้ว่าฯ ยังรับมือสั่น พระเจ้าอยู่หัวไม่เพียงมากราบหลวงตา ท่านมาที่วัดท่านยังมาทำบุญกับพระด้วยปัจจัยที่เตรียมพร้อมจากพระหัตถ์ของ ท่านเอง จากนั้นพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เสด็จออกไปเยี่ยมประชาชนแล้วก็ขึ้นรถไป

    นั่นแหละเราได้ฟังมา เรื่องของพุทธภูมิ เรื่องของพระโพธิสัตว์ สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร เสร็จแล้วพอตอนจบขอพร หลวงตาท่านก็สรุปและให้พร จึงบอกได้ว่าเป็นบทสนทนาของจอมปราชญ์...

    ที่มานิตยสาร น่านฟ้า ปีที่1 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนธันวาคม 2550 หน้า18


    [​IMG]

    เมื่อต้นปีพ.ศ. 2498 คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมได้ปรารภกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า
    "มีใครเป็นห่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์น้อย(ในหลวง)บ้าง..??"

    เมื่อทุกคนกล่าวรับว่าเป็นห่วง เนื่องจากมีข่าวที่น่าเป็นกังวลมาให้ได้ยินอยู่ คุณแม่บุญเรือนก็ว่าต่อไปอีกหน่อยว่า
    "ถ้าเป็นห่วง ก็ขอให้แม่อธิษฐานช่วยพระองค์ท่านซิ" (ตามอริยประเพณี พระอริยะจะทำการสิ่งใดโดยปราศจากเหตุหรือไม่มีผู้อาราธนามิได้)

    เมื่อศิษย์ทุกคนกล่าวคำขอให้คุณแม่ใช้อิทธิฤทธิ์ช่วยในหลวงให้ทรงพระเจริญและแคล้วคล
    ดจากสรรพภยันตรายทั้งปวงแล้ว คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมจึงได้กำหนดที่จะไปเข้า"นิโรธสมาบัติ" คุ้มครองถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บ้านนาซา(เป็นเคล็ดให้เรื่องร้าย"สร่างซา"ลงไป) ของนางสาววาย(เป็นเคล็ดให้เรื่องราวที่ไม่ดีมีอันต้อง"วาย"หายสูญ ไป) วิทยานุกรณ์ (น้องสาวพระมหารัชชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์) ที่ปากน้ำประแสร์ จ.ระยองเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยช่วงนั้น คุณแม่บุญเรือนได้สั่งห้ามมิให้ศิษย์คนใดเข้ามารบกวนท่านในช่วงเวลานั้นเป็น อันเด็ดข
    ด..!!!!

    ที่มา,หนังสืออนุสรณ์ อดีตเจ้าอาวาส วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง พ.ศ. 2551


    [​IMG]


    "มีแต่คนที่ไม่ฉลาดเท่านั้น ที่จะไม่รู้ว่า ในหลวงพระองค์นี้ดีอย่างไร.???"

    พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร

    [​IMG]

    เมื่อหลายสิบปีก่อน ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ถูกลอบปลงพระชนม์ ถึงเสด็จสวรรคต หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก พระนครศรีอยุธยา เคยเล่าว่าท่านเกิดความสลดสังเวชมาก ว่าคนไทยหลายคน ยังขาดกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อพระเจ้าอยู่หัว ท่านคิดอยู่เสมอว่า จะให้คนไทยมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร..???


    [​IMG]

    สำหรับองค์ของหลวงปู่ดู่เองนั้น ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้กาลเวลาล่วงเลยไป หลายสิบปี กิจวัตรอันหนึ่งที่ท่านทำอยู่มิได้ขาด คือ การสวดมนต์ถวายพระพรแด่ในหลวงทุกวันตลอดมา ขอให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญคนไทยตลอดไป

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา เคยบอกกับผมเมื่อสมัยที่บวชอยู่กับท่านว่า...

    "วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก"

    หลวงพ่อมองหน้าผมแล้วย้ำว่า...

    "ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ"

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ที่มา : pandanegative blog






     
  9. krongkamons

    krongkamons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +2,571
    ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่หนูยังจำได้เลย ค่ะ สมัย เด็ก ที่อยู่ อ.แม่สะเรียง
    จ.แม่ฮ่องสอน .....
    ตอนนั้น ชาวเขาที่นั่นทำนา แบบขั้นบันไดมานานแล้ว ...
    แต่ทาง นักวิชาการสมัยนั้น คงจะไม่รู้ก็ได้ทำเรื่องออก ทีวี
    เสียใหญ่โต ว่าได้ไปดูงานที่ต่างประเทศ แถบๆ เอเชีย
    ว่ามีการทำนา แบบ ขั้นบันได ...
    แล้วจะนำ หลักการทำนาขั้นบันได จากต่างประเทศ นำมา
    ใช้กับประเทศไทยเรา .....
    แต่ทาง ผู้ใหญ่ ของ จังหวัด
    ก็ได้ ... เล่าให้กันฟัง ... ว่า จริงๆแล้ว ทางชาวเขาได้หัด
    ทำนาแบบขั้นบันได เพราะ ว่ามี พ่อหลวง มาสอน ตั้งแต่นั้นมา
    จึงได้ ... ทำนาแบบขั้นบันได .... จนถึงทุกวันนี้...:boo:
    ....
    พระองค์ท่านทรงมีพระปรีชาสามารถ กว้างไกลมากเลย
    ค่ะ:boo:
    ....
    แล้วยังจำกันได้ไหม? คะสำหรับผู้ที่เคยอยู่บนดอย
    พวกเรามักจะได้รับแจก สมุด ดินสอ สีน้ำตาล กันเป็นประจำ
    แล้วพอหน้าหนาว ก็จะได้รับแจก ผ้าห่ม สีเทา ๆ หนา ๆ
    แต่ อุ่นมาก ทุกครัวเรือนสมัยนั้นจะต้องมีผ้าห่ม แบบนี้กันทุกครัวเรือน
    ....
    กำลังนั่งนึกถึงความหลัง สมัยนั้น ชาวเขา หรือ ชาวเหนือเราส่วน
    ใหญ่ สมัยนั้นจะเป็นโรคคอพอก กันเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2010
  10. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    ผมนำเรื่องของในหลวงท่านมาลง

    เพื่อให้คนที่กำลังมีดวงตามืดบอดให้รู้ตัวทัน

    ว่าอย่าทำร้ายพระองค์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

    ไม่ว่า ด้วย กาย วาจา ใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    [​IMG]

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา เคยบอกว่า...

    "วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก"

    หลวงพ่อมองหน้าแล้วย้ำว่า...

    "ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ" <!--IBF.ATTACHMENT_3240-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2010
  11. krongkamons

    krongkamons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +2,571
    เพื่อน ๆ ที่อยู่บนดอยแล้วได้ลงมาเรียน ในตัวอำเภอ
    ก็ได้รับทุน เรียนฟรี ที่พัก ฟรี ชื่อ ทุน อะไรนี่ก็จำไม่ค่อยจะได้แล้ว
    แต่เป็นทุนของ ในหลวง นี่แหล่ะ ค่ะ
    และทุกวันนี้ เพื่อน ๆเหล่า นี้ก็ได้ กลายเป็น คุณหมอ พยาบาล
    ตำรวจ ฯลฯ กัน ทุกๆคน
    ....
    เมื่อก่อน ตอนที่อยู่ จังหวัด น่าน ครอบครัว ของเพื่อนๆ ที่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง
    ที่บ้าน มักจะมี อาชีพเดียว คือ ปลูกฝิ่น .....
    แต่เดี๋ยวนี้ ไม่แล้วค่ะ .....
    ส่วนใหญ่ มาทอผ้า ลายน้ำไหล โดยสมเด็จฯพระราชินีฯ
    ท่านทรง ส่งเสริมอาชีพ ทอผ้า ไหม และ ผ้า พื้นเมือง ที่
    ทำจากมือ ...
    .....
    ยังจำกันได้ไหม คะ ?
    สมัยก่อน ผ้าไหม ไทยเรา ยังไม่มีใคร ใส่ออกงานที่เป็นทางการซัก
    เท่าไร .... แต่ สมเด็จฯ พระราชินีฯ พระองค์
    ท่านได้ทรง ริเริ่ม ... การ ใส่ผ้าไหม ....
    และก็ทำให้ ผ้าไหม ของชาวบ้าน มีราคา สูง เป็นที่นิยม
    สามารถใส่ ออกงาน ที่เป็น ทางการ ได้ ไม่อาย ใคร เลย
    ตัวดิฉันเอง ก็มี เสื้อผ้า ไหม เยอะ มาก เลย
    ใส่ออกงาน เป็น ประจำ ...
    ....
    ^^
     
  12. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG][​IMG][​IMG]<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->


    ปางห้ามสมุทร ( สมุทัย ) หรือ ปางห้ามญาติ


    ขอชาวไทย อย่าก่อเหตุแห่งทุกข์ ทั้งหลายมากไปกว่านี้เลย

     
  13. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]


    เมื่อต้นปีพ.ศ. 2498 คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมได้ปรารภกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า
    "มีใครเป็นห่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์น้อย(ในหลวง)บ้าง..??"

    เมื่อทุกคนกล่าวรับว่าเป็นห่วง เนื่องจากมีข่าวที่น่าเป็นกังวลมาให้ได้ยินอยู่ คุณแม่บุญเรือนก็ว่าต่อไปอีกหน่อยว่า
    "ถ้าเป็นห่วง ก็ขอให้แม่อธิษฐานช่วยพระองค์ท่านซิ" (ตามอริยประเพณี พระอริยะจะทำการสิ่งใดโดยปราศจากเหตุหรือไม่มีผู้อาราธนามิได้)

    เมื่อศิษย์ทุกคนกล่าวคำขอให้คุณแม่ใช้อิทธิฤทธิ์ช่วยในหลวงให้ทรงพระเจริญและแคล้วคล
    ดจากสรรพภยันตรายทั้งปวงแล้ว คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมจึงได้กำหนดที่จะไปเข้า"นิโรธสมาบัติ" คุ้มครองถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บ้านนาซา(เป็นเคล็ดให้เรื่องร้าย"สร่างซา"ลงไป) ของนางสาววาย(เป็นเคล็ดให้เรื่องราวที่ไม่ดีมีอันต้อง"วาย"หายสูญ ไป) วิทยานุกรณ์ (น้องสาวพระมหารัชชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์) ที่ปากน้ำประแสร์ จ.ระยองเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยช่วงนั้น คุณแม่บุญเรือนได้สั่งห้ามมิให้ศิษย์คนใดเข้ามารบกวนท่านในช่วงเวลานั้น

    เป็น อันเด็ดขาด..!!!!

    ที่มา,หนังสืออนุสรณ์ อดีตเจ้าอาวาส วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง พ.ศ. 2551


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2010
  14. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    ครั้งหนึ่ง...

    ขณะสนทนากับลูกค้าที่มาติดต่องาน


    ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่คุ้นเคยมาก

    ก็พูดคุยซักถาม

    อ้อ..ที่แท้มีหลายชีวิต ทั้งใกล้และไกล... แม้ยามหลับ หรือยามตื่น หลายท่านก็เจตนาออกมารวมกันเป็นกองทัพที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น

    รายล้อมองค์มหาราชา แห่งประเทศสยามนี่เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2010
  15. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เมื่อไม่นานมานี้พระองค์ดำ ท่านมาหา(ทางจิต)และสั่งให้ผมไปเมืองพะโค(หงสาวดี) ไปทำพิธีบางอย่างให้พระพี่นางสุพรรณกัลยา พร้อมทั้งปลดปล่อยวิญญาณนำเอาเหล่าวิญญาณทหารและประชาชนชาวสยาม กลับประเทศไทย ผมก็รับปากท่าน จากนั้นท่านมาเตือนแล้ว 2 ครั้ง ว่ารับสัจจะท่านแล้วต้องไปทำตามสัจจะ

    ผมได้ปรึกษากับครูบาอาจารย์ของผม ทั้งหลวงปู่ทองทิพย์และหลวงปู่ทวด ท่านบอกว่าให้รอพระสงฆ์ทรงอภิญญา ที่มีบุญญฤทธิ์อีกรูปนึง เมื่อผมไปด้วยกันกับพระสงฆ์รูปนั้น จึงจะทำตามคำสั่งพระองค์ดำได้สำเร็จ ศาสตร์ที่ชาวพม่าเขาทำไว้นั้นรุนแรง ถ้าไม่มีผ้าเหลืองห่ม(ไม่ได้เป็นพระสงฆ์)ศาสตร์นั้นจะเข้าตัว

    มีหลายคณะ อยากไปร่วมทำพิธีนี้กับผม แต่ตอนนี้ผมต้องเลื่อนไปก่อนเพราะต้องรอพระสงฆ์ทรงอภิญญา ที่ท่านมีหน้าที่นี้ออกมาสาธารณก่อน ตอนนี้ท่านบำเพ็ญอยู่ในป่า แต่คาดว่าอีกไม่นาน ภายใน 2-3 ปีนี้ ท่านก็คงจะออกมาจากป่า

    ปัจจุบันนี้ทุกครั้งที่ผมทำบุญหรือภาวนา จะต้องอุทิศส่วนกุศลให้พระนางสุพรรณกัลยาทุกครั้ง บางครั้งก็ลืมแต่หลวงปู่ทวดท่านก็จะมาเตือนเสมอ ว่าให้หมั่นภาวนาและอย่าลืมอุทิศส่วนกุศลให้พระนางสุพรรณกัลยา เพราะท่านยังทุกข์ยากอยู่ แต่ก่อนก็ปฏิบัติไปรู้มาบ้างเกี่ยวกับพระนางสุพรรณกัลยา แต่ผมก็ไม่เชื่อ พอผ่านมาระยะนึงได้พบพระองค์ดำ พบหลวงปู่ทวด ท่านก็บอกว่าสิ่งที่ผมรู้มาเป็นเรื่องจริง และให้ไปทำหน้าที่

    เอาเป็นว่าพระนางสุพรรณกัลยา เจอผมทุกครั้ง ท่านก็จะร้องให้ทุกครั้ง บางครั้งก็ไปเจอญาณท่านอยู่ในรูปภาพ ที่ขายตามร้าน พอสื่อสารกันได้ก็ซื้อภาพกลับมา เมื่อพิจารณาไปลึกๆก็เลยทราบว่า ขณะที่พระนางโดนสังหารนั้นท่านใส่ชุดแบบนั้น และก็มีสีสรร ตามในรูปวาด ที่ผมซื้อมา

    ผมไปพบญาณของพระนางสุพรรณกัลยา หลายที่ เช่นที่วัดนึงที่ปาย บางครั้งก็ไปเจอญาณท่านที่อนุสาวรีย์ของพระองค์ดำ ในภาคเหนือ บางครั้งก็รู้สึกว่าท่านติดตามผมอยู่ และท่านจะดีใจมากถ้าวันไหนผมมีบรรยายธรรม ก่อนไปก็จะอาราธนาเชิญครูบาอาจารย์และก็ไม่ลืมที่จะชวนให้พระนางไปร่วมบารมีด้วย

    ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า เป็นบารมีสัมพันธ์กันมากับพระพี่นางสุพรรณกัลยา ผมก็ต้องไปทำให้เขา คนอื่นจะทำแทนเราไม่ได้ เขาไม่มีหน้าที่

    หากใครที่ระลึกถึงพระองค์ดำ ก็อย่าลืมระลึกถึงพระพี่นางสุพรรณกัลยาด้วยครับ แล้วผมจะสื่อสารบอกท่านว่า ประชาชนชาวสยามจำนวนหนึ่งยังคงระลึกถึงพระพี่นางอยู่ ก็คงจะเป็นประชาชาวสยามประเทศหรือไม่ก็ชาวอโยธยาในอดีตนั่นแหละที่หมุนเวียนกันมาเกิด
     
  16. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    คิดถึงอยู่ ดูแลรักษาตัวเองให้มากๆด้วยนะครับท่านพลซุ่มยิง

    น่าจะเข้ามาชื่อใหม่ ให้ทันสมัย อินเทรนด์หน่อย ใช้ชื่อ " พลกดระเบิด " หรือ

    " รีโมท ระเบิดสังหาร " 555

    ปล. ท่านลืมบอกเบอร์บัญชีสำหรับโอนเงินทำบุญหนังสือหรือเปล่า เบอร์ใครก็ได้

    หรือ ตอนเมษา ข้าพเจ้าลงไปกทม. ค่อยเอาไปให้ก็ได้
     
  17. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    เอ... ท่านหลุดจากสิ่งจองจำที่คนอื่นทำแล้วไม่ใช่เหรอครับ( อย่าถือสากระผมนะครับ ..ลองเล่ารายละเอียดจุดนี้เพิ่มเติมได้ไหม?? )


    ...ขอโมทนา และ สนับสนุน ให้พวกเรา ถวายพระราชกุศลแก่ทุกพระองค์และ อุทิศแก่บรรพชนที่รักษาแผ่นดินทุกรุปทุกนาม ที่เราลืมเลือน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2010
  18. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    สาธุ ....สาธุ สาธุ...
     
  19. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    ....ธรรมะ ย่อมชนะอธรรม....

    อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในคำนี้ ( เพื่อชนะอธรรมในใจตนเอง )


    แต่ ...อย่างที่ท่านพลซุ่มยิง รับคำฝากจากพระองค์มาให้กับพวกเรานั้น...แหละครับว่า

    " รักษาใจ อย่าให้จิตใจตก..."

    ...ผมเชื่อว่า ถ้าเราจิตใจตกออกจากความดีแล้ว ธรรมจะคุ้มครองเราได้อย่างไร เมื่อเราไม่ชนะ ก็อย่าไปโทษว่า ทำดีแล้วไม่ได้ดี ...

    กว่าจะชนะอธรรมที่กำลังแรงกล้า โดยเฉพาะช่วงวิบากกรรมเสวยแล้วละก็..

    ต้องใช้ความอดทน อดกลั้น และ ความเพียรในความดีสูงมาก...


    ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจ และ อย่าประมาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2010
  20. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    <TABLE class=tborder id=post3075099 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175></TD><TD class=alt1 id=td_post_3075099 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->[​IMG][​IMG][​IMG]<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...