ท่านที่สวดพระคาถามหาจักรพรรดิ์ เป็นวัตร เชิงแบ่งบันความรู้ประสบการณ์ครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย prom20, 3 กรกฎาคม 2012.

  1. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    อนุโมทนาครับ
    และขอบคุณครับ
    จริงๆผมไม่ได้น้อยใจหรอกครับ อิอิ
    ผมก็พูดไปอย่างน้ันแหละ
    ทำความดีไม่ต้องคิดอะไรมาก ครับ
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ...ใช้ได้กับทุกๆสิ่งในโลก ..รวมถึงกระทู้นี้ด้วย
    รวมถึงผม และท่านทั้งหลายด้วยครับ
    ไม่ได้เกาะวัตถุ หรือปัจจัยภายนอก
    ขอเกาะบุญ นี่เเหละครับ (บุญเป็นที่พึ่งได้จริง)อย่างที่หลวงปู่ดู่เคยกล่าวครับ
    ...ปล. เเต่พอเห็นข้อความของพี่sambe43 เเล้วในลูกกะตามีน้ำนิดๆครับ
    ชื่นใจครับ ขอบคุณ เเละอนุโมทนาครับ
     
  2. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ตน เป็นที่พึ่งของใครไม่ได้หรอก
    ใคร ก็เป็นที่พึ่งของตนไม่ได้
    ตน เป็นที่พึ่งของตนนั่นแหละดี
    พระ ท่านบอกมาอย่างนี้ ว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน
     
  3. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    เหรียญยันต์ดวง หลวงปู่ดู่วัดสะแก
    “ดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง”


    ตอนบ่ายวันหนึ่ง ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ.2525 ซึ่งยังคงอยู่ในฤดูหนาวเพราะพวกเราบางคนยังใส่เสื้อหนาวอยู่เลย ตอนเรานั่งรวมกันอยู่สิบกว่าคน บางคนก็อยู่ในห้องของหลวงปู่ กำลังนั่งสมาธิ มีชายสูงอายุท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง มาหาหลวงปู่ พอจะเดินผ่านเราไปชายผู้นั้นก้มหลังเล็กน้อยด้วยความสุภาพ พอถึงหลวงปู่เขาก็กราบหลวงปู่สามครั้ง หลวงปู่มองดูเขาด้วยความเมตตาและท่านก้พูดขึ้นว่า แกมาจากไหนล่ะ กระผมมาจากบางกอกครับ หลวงปู่ยิ้มรับ และส่งถ้วยน้ำชาให้กับชายผู้นั้นเขาท่าทางเกรงใจหลวงปู่ทำท่าเหมือนจะไม่กล้ารับ หลวงปู่จึงพูดขึ้นว่า มีน้ำมนต์ พอได้ยินว่าน้ำมนต์ เขารับน้ำมนต์จากหลวงปู่ และกินจนหมดถ้วย กินเสร็จเขาก็ไหว้ท่านเป็นการขอบคุณ หลวงปู่ครับกระผมเคยได้ยินคนเขาพูดกันว่าหลวงปู่ดู่ วัดสะแก เก่งเป็นหนึ่งไม่เป็นสองลองใครในแผ่นดิน วันนี้โอกาสดี กระผมว่างจึงมากราบขอพรจากหลวงปู่ครับ หลวงปู่ท่านยิ้มด้วยแววตาอันเมตตาท่านบอกว่า แกอย่าไปเชื่อเขามากนัก เขาก็พูดกับหลวงปู่ว่า ท่านต้องมีดีคนทั่วไปถึงได้กล่าวขานไปกันทั่ว พวกเราเห็นหลวงปู่มีแขกมาจากบางกอกเราทั้งหมดจึงออกมาคุยกันข้างนอกซึ่งไม่ ไกลจาหลวงปู่มากนัก ชายผู้นั้นถามข้อธรรมะจากหลวงปู่หลายข้อ นานเป็นชั่วโมง ถ้าธรรมะข้อไหนเขาไม่เข้าใจ ท่านจะอธิบายจนเขาเข้าใจ ชายคนนั้นคุยกับหลวงปู่อยู่เป็นชั่วโมงสักพักเขาก็เดินมาที่เรานั่งกันอยู่ และกล่าวทักทายพวกเราด้วยวาจาอันสุภาพ เราคุยกับชายผู้นั้นอยู่นานพอสมควร มีศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งพูดขึ้นว่า ขอโทษครับพี่อยู่บางกอกทำงานอะไรครับ ชายผู้นั้นยิ้มและตอบว่า กระผมเป็นโหรอยู่ในวังครับ เราจึงปรึกษากันว่านาน ๆ จะมีโหรมากราบหลวงปู่ที โหรผู้นั้นอยู่ในวังความสามารถต้องไม่ธรรมดาแน่ เราลองนำดวงของหลวงปู่ให้เขาตรวจดูเห็นจะดี และเราก็นำดวงของหลวงปู่ให้ชายผู้นั้นตรวจดูแต่เขามองดูดวงของหลวงปู่อยู่ นานแล้วพูดว่า กระผมเรียนจากครูบาอาจารย์มาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นดวงแบบนี้เลย กระผมมิกล้าทำนายหรอกครับ หลังจากท่านโหรลาหลวงปู่ แล้วเขาก็มาลาพวกเราว่า กระผมขอลาก่อนนะครับ ศิษย์ทั้งหมดจึงปรึกษากันว่า แม้แต่โหรยังไม่กล้าทำนายดวงของหลวงปู่เลย พวกเราสมควรสร้างพระยันต์ดวงของหลวงปู่เห็นจะดีเป็นแน่ ปรึกษากันอยู่สักพักก็ตกลงกันวาควรจะสร้างเหรียญด้านหน้าเป็นรูปองค์หลวงปู่ ด้านหลังเป็นดวงของท่าน ดังนั้นพวกเราทั้งหมด จึงไปกราบขออนุญาตหลวงปู่ โดยบอกท่าน พวกผมอยากจะสร้างพระเหรียญดวงหลวงปู่ เอาไว้ให้คนที่นับถือศรัทธาองค์หลวงปู่ไว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคล ท่านยิ้มด้วยแววตาอันเมตตาแล้วบอกว่า ข้าขออนุโมทนาบุญกับพวกแกด้วย ที่มีจิตเป็นกุศลเป็นบุญ และท่านได้มอบแผ่นจารยันต์ที่ท่านได้จารไว้ด้วยตัวของท่านเองและชนวน ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ อีกมากมายเพื่อให้พวกเรานำไปสร้างเหรียญดวงในเรื่องของเงินทุนสร้างเหรียญ เราได้ช่วยกันร่วมสร้างบางคนก็บริจาค 500 บาท บางคนก็ 1,000 – 2,000 บาท แล้วแต่กำลังของแต่ละคน มีศิษย์คนหนึ่งบอกว่าที่เหลือทั้งหมดผมจะเป็นคนออกเอง ถ้าจำไม่ผิดศิษย์ผู้นั้นจะเป็นเจ้าของโรงงานอะไรสักอย่าง ที่อยู่ทางเลยบางนาไปไม่ไกลนักตั้งแต่วันนั้นผ่านไปได้ประมาณสองเดือนเห็นจะ ได้ ศิษย์คณะนั้นก็ได้นำเหรียญดวงที่สร้างเสร็จมาให้ท่านเมตตาปลุกเสก วันนั้นท่านอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พอเห็นเหรียญท่านก็บอกว่าสวย เหรียญนี้ท่านชอบมาก และท่านก็ปลุกเสก แต่วันนั้นท่านปลุกเสกนานเป็นพิเศษ พอปลุกเสกเสร็จ ท่านก็คืนเหรียญทั้งหมดให้กับศิษย์คณะนั้น แต่ลูกศิษย์กราบเรียนท่านว่า พวกกระผมขอเหรียญที่เป็นเนื้อพิเศษคืนอย่างเดียวครับ ส่วนเหรียญเนื้อทองแดงทั้งหมด ขอถวายหลวงปู่ ท่านจึงอนุโมทนากับลูกศิษย์คณะนั้น วันนั้นหลวงปู่แจกเหรียญดวงให้กับศิษย์ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นพอลูกศิษย์ลา ท่านกลับกันไปหมด ท่านก็เรียกลุงแกละและป้าอิ้งให้เข้ามาใกล้ ๆ ท่าน แล้วพูดว่า ข้าจะมีงานบุญให้แกสองคน ท่านเข้าไปในห้องของท่านสักพักใหญ่พอท่านออกมา หลวงปู่ก้มอบผงให้กับคนทั้งสอง และบอกว่าให้นำเหรียญดวงไปกดพิมพ์และทำเป็นพระผงดวงมาให้ท่าน โดยท่านได้กำหนดวันเวลา ที่จะนำพระผงดวงมาให้ท่าน

    อีกหลายวันต่อมา ป้าอิ้งพร้อมทั้งลุงแกละก็นำพระผงดวงมาให้หลวงปู่ ท่านหยิบพระผงดวงดูอย่างพอใจและบอกว่าดีมากหลวงปู่บอกว่า แกทั้งสองคนคอยอนุโมทนากับข้าด้วยนะ ท่านก็เริ่มทำการปลุกเสก ป้าอิ้งบอกว่า เคยเห็นหลวงปู่ท่านปลุกเสกพระมาก็มากจนนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยเห็นหลวงปู่ ปลุกเสกนานขนาดนี้เลย แกก็จัดว่าเป็นผู้ที่นั่งสมาธิได้นานคนหนึ่งแต่ยังต้องขยับตัวหลายครั้ง พอหลวงปู่ท่านลืมตาขึ้นท่านก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ลุงแกละเห็นท่านอารมณ์ดีจึงถามท่านว่า ทำไมวันนี้หลวงปู่เสกนานจริงครับ หลวงปู่ท่านตอบว่า วันนี้ เป็นวันดี วันเสาร์ห้า ขึ้นห้าค่ำ เดือนห้า ข้าเสกเต็มที่ ข้าอัญเชิญบุญบารมีขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งแสนโกฏจักรวาลมารวม เป็น พลังเหนือพลัง และอันเชิญดวงขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ทั้งแสนโกฏจักรวาลมารวมเป็นดวง เดียวกัน เป็นดวงเหนือดวง พระผงดวงนี้ รวมทั้งเหรียญดวงนี้จะมีพุทธานุภาพมากผู้ใดนำไปบูชา ถึงเขาผู้นั้นจะดวงตก แต่พุทธานุภาพ โดยไม่มีประมาณของดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง ก็จะคุ้มครองให้รอดปลอดภัย จากสิ่งอัปมงคล ผี ปีศาจ คุณไสยมนต์ดำ ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นให้หนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย เหรีญและพระผงนี้เป็นเหรียญทำน้ำมนต์ของข้า แม้ผู้ใดถูกผี ปีศาจเข้าสิง ให้นำพระมาทำน้ำมนต์ ดื่มกัน ก็จะหายจากคุณไสย ภูติผี ปีศาจ และสิ่งอัปมงคลทั้งปวง แม้แต่คนที่ดวงดีนำไปบูชา ก็จะเกิดโชคดี เป็นมงคล มีเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่ต่อคนทั้งหลาย รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหมดทั้งมวล หลวงปู่ท่านบอกต่ออีก ผงที่ข้าให้แกกับยายอิ้งไปทำเป็นพระผงดวงนั้นคือผงมหาจักรพรรดิ วิธีทำผงมหาจักรพรรดินั้นต้องเขียนยันต์มหาจักรพรรดิเขียนไปเสกไป พอเสร็จเป็นผงก็นำมาเสกอีกครั้ง ทำเป็นพระแล้วก็เสกอีกครั้ง ผงมหาจักรพรรดินั้นเวลาเสกต้องรวมพลังบุญบารมีทั้งหมดตั้งแต่อดีต จนถึงอนาคต อธิษฐานจิตด้วยญาณบารมีขั้นสูง พระที่สร้างด้วยผงมหาจักรพรรดิของข้าจะมีพุทธานุภาพโดยไม่มีประมาณ ท่านพูดจบก็หยิบพระผงดวงให้ลุงแกละและป้าอิ้งคนละหนึ่งองค์แล้วท่านพูดว่า ตาแกละและยายอิ้งก็ไม่มีลูกเมื่อแกสองคนแก่ หลังจากข้าตายไปแล้ว จะมีผู้ที่มีบุญมาคอยเลี้ยงดูแกสองคนไปจนตาย ป้าอิ้งเล่าให้ฟังว่าเมื่อแกได้ยินดังนั้นแกและลุงแกละก็ก้มลงกราบหลวงปู่ เพราะว่าวาจาของหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์ ป้าอิ้งบอกอีกว่าแกบอกกับหลวงปู่ว่าเมื่อตอนที่หลวงปู่ส่งพระดวงให้นี้ เกิดแสงสว่างไปทั่ว แกเลยตั้งจิตตามไปดูและอยากรู้ว่าแสงสว่างนั้นไปถึงไหน แต่ก็ไม่สมารถตามไปดูได้เพราะแสงสว่างนั้นไปไกล โดยประมาณไม่ได้ว่าไปสุดที่ใด หลวงปู่ยิ้มแล้วตอบว่า นั้นแหละคือ พลังเหนือพลัง

    ในบรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ใคร ๆ ก็รู้ว่ายายอิ้งเป็นหนึ่งในจำนวนศิษย์ที่มีสมาธิละเอียดและแก่กล้าคนหนึ่ง เหมือนกัน ลูกศิษย์ที่ปฏิบัติถึงขึ้นแล้วล้วนรู้ดีว่าป้าอิ้งจิตของแกดีสามาหรถกำหนดไป ดูได้ทั้งนรกและสวรรคื เคยมีคนไม่น้อยที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป บ้างก็เป็นพ่อแม่พึ่น้องตลอดไปถึงลูกหลาน ญาติที่ยังมีชีวิตบางคนก็เป็นห่วงญาติของตนที่ตายป จะไปดีหรือไปร้ายเพียงใด คนที่รู้จักหลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก จะรู้ว่าท่านเป็นพระกัมมัฏฐาน คนที่เป็นห่วงญาติที่ว่ตายไปแล้วมักเดินทางไปขอความเมตตาจากหลวงปู่อยู่เสมอ ถ้ามีใครเรียนถามท่านว่าญาติของตนที่ตายไปแล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลวงปู่ท่านก็จะหันไปทางป้าอิ้ง และบอกว่า ว่ายังไงยายอิ้ง ป้าอิ้งก็จะกำหนดจิตดูให้เป็นที่รู้กันดีว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่เก่งแบบป้าอิ้งบางคนยังเรียกว่าเก่งกว่าป้าอิ้งยังมีอีกมากมายจนนับไม่ ถ้วน ผู้เขียนต้องขอโทษได้เล่าข้ามไปตอนหนึ่ง ป้าอิ้งบอกว่าหลวงปู่ท่านได้อธิบายถึงคำว่ามหาจักรพรรดิให้ฟังว่า เจ้าแผ่นดินทุกแผ่นดินถึงจะเป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง แต่ก็จะเป็นได้เพียงจักรพรรดิ แต่มหาจักรพรรดิ จะเป็นใหญ่อยู่เหนือจักรพรรดิทั้งหมด ผงมหาจักรพรรดิถือว่าได้เป็นผงที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มิฉะนั้นท่านจึงใช้ผงมหาจักรพรรดิมาสร้างเป็นพระเพราะรักและเป็นห่วงลูก ศิษย์และคนทั่วไปที่ศรัทธาในองค์ท่าน หลวงปู่บอกว่า ข้ากลัวสู้เขาไม่ได้พระผงที่ข้าสร้างจึงต้องใช้ผงมหาจักรพรรดิข้าเสกและอธิษฐานจิตให้พระที่ข้าสร้างนั้นไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน

    ป้าอิ้งยังบอกต่ออีกว่าหลวงปู่บอกว่าเหรียญและพระผงดวงนี้อีกหน่อยจะมีค่ามาก คนที่มีบุญวาสนาเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองหลวงปู่ท่านบอกให้ป้าอิ้งจำไว้ว่าวิธีใช้เหรียญดวงและพระผงดวง เหรียญดวง ให้ตั้ง นะโมสามจบ แล้วภาวนาว่า “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” พระผงดวง ตั้งนะโมสามจบ ภาวนาบทมหาจักรพรรดิ “นโมพุทธายะ พระพุทธะไตรรัตนญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะสุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีธานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ”

    ถ้าจะให้ได้ผลเต็มที่ต้องภาวไตรสรณคมณ์ และบทมหาจักรพรรดิตามกำลังวันทุกวัน เหรีญและพระผงดวงนี้จึงจะเกิดพุทธานุภาพโดยไม่มีประมาณ ที่เรียกว่า ดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง

    เหรียญและพระผงดวงนี้เป็นพระที่หลวงปู่ท่านรักมาก ท่านเก็บไว้ในห้องของท่านและปลุกเสกเป็นเวลานานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 ถึงปี 2533 รวมทั้งหมด 8 พรรษา

    หลังจากที่หลวงปู่มรณภาพไปแล้ว วาจาศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็เป็นจริงดังที่ท่านได้กล่าเอาไว้ว่า จะมีผู้มีบุญซึ่งเคยร่วมบุญกับหลวงปู่มา ได้รับเลี้ยงดูแลลุงแกละและป้าอิ้งจนแกทั้งสองตายไป ระยะเวลาเลี้ยงดูคนทั้งสอง คือ ป้าอิ้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 จนถึง พ.ศ. 2540 ส่วนลุงแกละตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 จนถึงพ.ศ. 2547

    ที่มา: หนังสือนะโภคทรัพย์ พ.ศ.2548
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1-2.jpg
      1-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.3 KB
      เปิดดู:
      125
    • 2-1.jpg
      2-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23 KB
      เปิดดู:
      63
  4. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    หลวงปู่ดู่กล่าวถึงการเปิดโลกของพระพุทธเจ้า

    ความเป็นมาของปางเปิดโลก



    การเปิดโลกนั้นมีในพุทธประวัติถึงตอนที่พระพุทธเจ้ากลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในระหว่างนั้นเวลาได้ครบพรรษาคือสามเดือนพอดี ซึ่งก็คือช่วงออกพรรษานั้นเอง ท่านได้เสด็จกลับจากสวรรค์ ในระหว่างนั้นทั้งเทพพรหมยมยักษ์เทวดาทั้งหลาย พระอินทร์พร้อมท้าวจตุโลกบาลก็เสด็จตามมาส่ง โดยเนรมิตบันไดทองบันไดแก้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดสามโลกให้หมู่ชนทั้งหลายได้เห็นพร้อมกัน มนุษย์และสัตว์บนโลกสามารถเห็นเหล่าเทวดาทวยเทพทั้งหลายว่ามีรัศมีความงดงามเพียงใด รัศมีนั้นก็ไม่อาจเทียบรัศมีแห่งพระพุทธเจ้าได้ อีกทั้งเมืองบาดาลนาคพิภพทั้งหลายก็พากันขึ้นมาอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย มนุษย์ก็สามารถเห็นนาคพิภพเช่นกันว่ามีความวิจิตรสวยงามเช่นไร

    หลวงพ่อดู่แห่งวัดสะแกอยุธยา เคยกล่าวถึงการเปิดโลกของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อดู่ท่านว่า "วันนั้นขนาดมดดำมดแดงที่ได้เห็นแสงฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เกิดจิตปรารถนาพุทธภูมิอยากเป็นพระพุทธเจ้ากับเขาบ้างอย่างนับไม่ถ้วน"

    พระพุทธรูปปางเปิดโลกนี้ จึงสร้างเป็นพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับยืนอยู่เหนือดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองขนาบลงข้างพระวรกายเหมือนปางประทับยืน แต่แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกหันออกไป ข้างหน้าเป็นกิริยาทรงเปิดโลก

    การสวดครั้งหนึ่งเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน รวมถึงกำลังของ
    พระมหาโพธิสัตว์เจ้า มารวมอารธนาเข้าที่กายและใจ
    และรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน และอนาคต

    การ สวดครั้งหนึ่งมีอานิสงส์แผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาตุ สามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพสัตว์ตลอดจนเทวดาประจำตัวเรา ญาติมิตร เพื่อนฝูง ครอบครัว เจ้ากรรมนายเวร และหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไป...ไฟนรกจะดับชั่วขณะ

    บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัว รวมถึงการอารธนาบารมีครูบาอาจารย์
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อัญเชิญเข้าตัวเพื่อป้องกันภัยและสร้างมหาโชคมหาลาภ

    อานิสงส์แก่ผู้สวดมีทั้ง มหาบุญ มหาลาภ เนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลี
    รวมถึงบทนี้มีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐาน
    หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมาคลุมและคุมการปฎิบัติของเรา
    คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์ (ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)
    หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจ ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

    กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้
    จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล
    "


    เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ให้พากันปฏิบัติ "
    " โลกต้องไม่ให้ช้ำ ธรรมต้องไม่ให้เสีย อย่าปฏิบัติตนสุดโต่ง
    ต้องปฏิบัติธรรมสมกับฐานะและสภาพของแต่ละบุคคล "
     
  5. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    วิญญาณมีจริง

    ผีตายโหงอยากมีเมียมนุษย์

    โดย มนต์ พันลาย

    จากหนังสือ “วิญญาณอาถรรพณ์”


    เรื่องที่จะนำมาพรรณนาดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องของวิญญาณที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้เรื่องนี้จะมิใช่ประสบการณ์ขณะท่านเดินธุดงค์ แต่ก็เป็นเรื่องวิญญาณของบุคคลผู้หนึ่งซึ่งตายไปแล้ว ทว่ายังวนเวียนคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างโลกมนุษย์ และโลกวิญญาณด้วยอำนาจแห่งโมหะ คือ ยังหลงอยู่ในกิเลสตัณหา ไม่รู้ว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว

    กล่าวคือ มีครอบครัวหนึ่งอยู่ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครอบครัวนี้อยู่กันมาด้วยความปกติสุข กระทั่งวันหนึ่งลูกสาวคนหนึ่งไปธุระนอกบ้าน พอกลับมาถึงบ้านก็ล้มฟุบลงไปเหมือนคนหมดสติกระทันหัน พ่อแม่ญาติพี่น้องพากันตระหนกตกใจ รีบเข้าไปปฐมพยาบาลเป็นโกลาหล

    ครั้นลูกสาวฟื้นคืนสติ กลับมีลักษณะท่าทางผิดแปลกไปจากเดิมดุจคนละคน แววตาขุ่นขวางน่ากลัว เวลาเอ่ยปากพูดออกมา น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นแหบห้าว ประหนึ่งเป็นเสียงผู้ชาย รวมทั้งถ้อยคำวาจาดุจเป็นผู้อื่นพูด มีการเรียกเอา อาหารสด อาหารคาว มากินอย่างมูมมาม คล้ายกับอดอยาก หิวโหยมาช้านาน

    พ่อแม่เห็นลูกสาวมีกิริยาอาการผันแปรไปอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังพูดกันไม่รู้ความดุจเสียสติ ก็รู้แน่ว่าคงมีวิญญาณร้ายมาเข้าสิง จึงออกไปตระเวนหาหมอผีผู้มีวิทยาอาคมขลังมาขับไล่วิญญาณที่เข้าสิงให้ออกไป เมื่อหมอผีมาถึงบ้านเริ่มทำพิธีไล่ผีด้วยกฤตยาคม ผีที่มาเข้าสิงลูกสาวก็รีบถอนถอยหนีออกไปง่าย ๆ ทำให้พ่อแม่ญาติพี่น้องโล่งอกโล่งใจ คิดว่าเหตุร้ายคงจะยุติลงเพียงเท่านี้

    ที่ไหนได้อีกไม่กี่วันต่อมา วิญญาณร้าย หรือผีตนเดิมก็มาเข้าสิงลูกสาวอีก คราวนี้ถึงกับประกาศว่า มันคือวิญญาณของชายคนหนึ่ง ซึ่งถูกยิงตายบริเวณหลังวัดใกล้ ๆ บ้าน เมื่อลูกสาวเจ้าของบ้านรายนี้เดินผ่านไป มันก็เกิดความพอใจรักใคร่ ต้องการได้ไปเป็นเมีย และตั้งใจจะเอาไปเป็นเมียให้ได้

    คราวนี้พ่อแม่ญาติพี่น้องของหญิงสาวก็ยิ่งตื่นตระหนกตกใจ เพราะถ้าผีตายโหงที่มาเข้าสิงถึงขั้นจะเอาลูกสาวตนไปเป็นเมียเช่นนี้ ก็เท่ากับวิญญาณร้ายมีเจตนาจะกระทำให้ถึงตายแน่ ๆ ผู้เป็นพ่อแม่พยายามพูดจาอ้อนวอนกับวิญญาณผีตายโหงที่สิงร่างลูกสาว ให้ละเว้นเจตนาซึ่งเป็นทุจริตคิดร้ายนี้เสีย แต่วิญญาณของผีตายโหงไม่สนใจใยดี ยังคงยืนกรานตามความประสงค์ของมันไม่เปลี่ยนแปลงพ่อแม่ของหญิงสาวก็ต้อง เที่ยวตระเวณหาหมอผี ผู้มีไสยเวทอาคมขลังมาขับไล่วิญญาณร้ายให้ออกไปจากร่างของลูกสาวทั่วทุกทิศ แต่ไม่มีผู้ใดกระทำได้สำเร็จเด็ดขาดแม้แต่รายเดียว

    หมอผีบางคนที่มีวิชาอาคมยังไม่แก่กล้า วิญญาณผีตายโหงยิ่งไม่ยำเกรงแม้แต่น้อย จะเสกคาถาสาดน้ำมนต์เข้าใส่อย่างไรมันก็วางเฉย จนฝ่ายหมอผีต้องยอมพ่ายแพ้ไปเอง ถ้าหมอผีคนใดมีพลังวิชาอาคมเข้มขลัง วิญญาณร้ายก็จะรีบถอนออกจากร่างหญิงสาว ที่มันปรารถนาจะได้เป็นเมียไปง่าย ๆ ทำทีคล้ายกับกลัวเกรงอำนาจเหลือหลาย แต่พอหายไปสักพัก มันก็จะย้อนกลับมาสิงใหม่ ที่น่าประหลาดก็คือ แม้หญิงสาวจะมีพระเครื่องรางของขลัง ด้ายสายสิญจน์ลงอาคม ติดตัวเต็มคอเต็มแขน เพื่อคุ้มครองป้องกันอย่างไร วิญญาณผีร้ายก็ยังมาเข้าสิงจนได้

    น่าเวทนาหญิงสาวเคราะห์ร้ายรายนี้ ที่วิญญาณผีตายโหงจับจ้องหมายปองชนิดไม่ยอมเลิกรา ทำให้เธอแทบจะเสียสติด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาเข้าสิงอีกเมื่อไหร่ เวลาที่ถูกผีสิงหญิงสาวจะมีอาการเหมือนคนหมดสติ ไม่รู้สึกตัวว่าได้กระทำอะไรลงไปบ้าง ตราบกระทั่ววิญญาณผีตายโหงออกไปเมื่อใด เมื่อนั้นสติสัมปชัญญะจึงจะกลับคืนมาเป็นปกติเหมือนเดิม

    เป็นเวลานานถึง ๓ ปีเต็ม ๆ ที่หญิงสาวถูกวิญญาณผีร้ายเข้าสิงไม่ขาดระยะ สภาพของเธอผู้นี้ไม่ผิดกับคนตกเป็นทาสของผีตายโหง ซึ่งจะมารังควานเป็นพัก ๆ ชนิดไม่มีทางหลบหนีไปไหน เพราะไม่ว่าจะแอบซ่อนอยู่ที่ใด วิญญาณร้ายก็จะติดตามไปเข้าสิงจนได้ กระทั่งหญิงสาวหวาดผวาไม่ไม่เป็นอันกินอันนอน ร่างกายผ่ายผอมทรุดลงอย่างน่าใจหาย และภาวะน่าพรั่นพรึงดังกล่าว ได้กดดันบีบคั้นครอบครัวนี้ให้เผชิญกับความทุกข์ทรมานใจอย่างสาหัส

    ผู้เป็นพ่อโกรธแค้นวิญญาณผีตายโหง ที่ตามรังควานลูกสาวไม่ยอมเลิก ถึงกับระเบิดโทสะออกมา ขู่ว่าจะยิงผีร้ายให้แหลกกระจายคามือ แทนที่วิญญาณซึ่งมาเข้าสิงลูกสาวจะหวาดหวั่นพรั่นพรึง มันกลับเยาะเย้ยท้าทายให้ยิงได้เลย เพราะถ้ายิงมันก็เท่ากับยิงลูกสาวตัวเอง จะกล้าทำล่ะหรือ

    การที่วิญญาณผีตายโหงมาเข้าสิงหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลายาวนานเช่นนี้ โดยไม่มีอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ มาขัดขวางมันได้ อาจจะเป็นเพราะวิบากที่เธอผู้นี้ กับวิญญาณของชายผู้ถูกยิงตายมีกรรมพัวพันต่อกัน และถึงวาระจะต้องชดใช้ จึงไม่สามารถสกัดกั้นหรือหยุดยั้งทุกกรณี และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือให้ผ่อนคลายหลุดพ้นจากวิบากนี้ ก็เชื่อแน่ได้ว่าหญิงสาวคงต้องถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน

    หรือเหตุที่เกิดนี้ อาจเนื่องจากวิญญาณผีตายโหงเพราะถูกผู้อื่นยิงตาย สิ้นชีวิตเพราะกรรมมาตัดรอนก่อนถึงอายุขัย วิญญาณจึงกลายเป็นผีเร่ร่อนไม่รู้จะไปทางไหน ประกอบกับจิตยังหลงมัวเมาอยู่ในกามตัณหา มีความอยากในกิเลสราคะรุนแรง จนไม่อาจแยกผิดชอบชั่วดีได้ ไม่รู้ว่าตนกับหญิงสาวอยู่กันคนละภพภูมิ มีอัตภาพที่แตกต่างกัน ครั้นมีความปรารถนาในหญิงสาวที่ตนพึงพอใจ จึงกระทำทุกวิถีทางจะครอบครองเป็นของตน แม้กระทั่งพยายามเบียดเบียนจะเอาชีวิตหญิงสาวให้ได้ แต่วาสนากรรมดีของหญิงสาวผู้นี้ยังมีอยู่ วิญญาณผีตายโหงจึงทำลายล้างชีวิตเธอไม่ได้ และคล้ายดั่งเป็นวาระที่หญิงสาวจะหลุดพ้นจากเงื้อมเงาของวิญญาณร้าย ได้มีคนรู้จักกับพ่อของหญิงสาวมาบอกว่า ควรไปของความเมตตาจาก หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก เถิด เพราะท่านเป็นพระเถระที่มีจิตตานุภาพสูงมาก อาจจะช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ทรมาน ที่ยำยีบีฑาลูกสาวจากวิญญาณร้ายได้ ผู้เป็นพ่อจึงตกลงใจเดินทางไปวัดสะแกทันที

    วันที่ผู้เป็นพ่อหญิงสาวซึ่งถูกวิญญาณผีตายโหงเข้าสิงไปถึง วัดสะแก หลวงปู่ดู่กำลังพูดคุยอยู่กับศิษย์คนหนึ่งของท่าน พ่อหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายจึงเข้าไปกราบนมัสการท่าน หลวงปู่ก็ทักทายปราศรัยถามไปว่าอยู่ที่ไหน มีเรื่องอะไรถึงได้มาที่นี่ ชายผู้แบกทุกข์เรื่องของลูกสาวก็เล่าเนื้อความถวาย ที่มีวิญญาณผีตายโหงตามรังควานลูกสาวให้ท่านฟังโดยละเอียด ลงท้ายด้วยการขอความเมตตาจากท่านช่วยกรุณาเปลื้องทุกข์ให้ด้วยเถิด

    หลวงปู่ดู่นั่งรับฟังเงียบ ๆ เมื่อทราบจุดประสงค์ของผู้เป็นพ่อหญิงสาวที่ถูกผีสิง ท่านก็หันไปบอกลูกศิษย์ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่า “แกช่วยเขาที เอาบุญ” ศิษย์ผู้นี้เป็นผู้ปฏิบัติธรรม กระทำความเพียรทางจิตอยู่กับหลวงปู่มานานพอสมควร จนเป็นที่ไว้วางใจของหลวงปู่ ก็ประนมมือรับคำ พ่อหญิงสาวรีบนมัสการเรียนถามหลวงปู่ว่า จะให้นำตัวลูกสาวมาที่วัดนี้หรือไม่

    หลวงปู่ตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่ต้อง”

    จากนั้น หลวงปู่และศิษย์ของท่าน ก็นั่งหลับตาเจริญสมาธิสงบจิตพร้อม ๆ กัน ณ ที่ตรงนั้น มิได้เคลื่อนย้ายไปไหน หรือให้จัดเครื่องสักการะบัดพลีมาประกอบพิธีอย่างใดเลย แม้แต่ดอกไม้ธูปเทียนก็ไม่มีแม้แต่สิ่งเดียว พ่อของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายแอบคิดลังเลสงสัยว่า หลวงปู่ดู่จะช่วยลูกสาวให้พ้นจากอำนาจผีร้ายได้อย่างไร เพราะไม่เห็นมีพิธีกรรมอันเข้มขลัง ดังเช่นที่เคยเห็นพวกหมอผีมิวิชาอาคมกระทำกันมา

    เวลาผ่านไปไม่ถึงอึดใจเสียด้วยซ้ำ หลวงปู่ดู่ก็พูดขึ้นเพื่อบอกกับศิษย์ของท่านว่า “เรียกผีมารับบุญหลวงปู่ทวด รับบุญข้า ให้โมทนาซะ จะได้ไปดี เป็นผีก็ไปเอาเมียผี ไม่ใช่เอาเมียคน รับบุญไปจะได้เมียนางฟ้าเยอะแยะ ดูด้วยว่าผีรับแล้วหรือยัง”

    ศิษย์ของท่านนั่งลงสงบนิ่งอยู่ในสมาธิ คงจะติดต่อกับหลวงปู่ดู่โดยจิต จากนั้นหลวงปู่ก็กล่าวขึ้นอีก “รับแล้วใช่ไหม.....ไปเกิดซะ.....เอาละหมดเรื่อง”

    พ่อของหญิงสาวที่ถูกวิญญาณผีตายโหงเข้าสิงเป็นพัก ๆ นานถึง ๓ ปี แม้จะเคารพหลวงปู่ดู่เพียงไร ก็ยังไม่วายลังเลสงสัยว่า บารมีธรรมของหลวงปู่จะช่วยลูกสาวให้พ้นจากอำนาจผีร้ายได้อย่างไร เพราะไม่เห็นท่านประกอบพิธีที่ชวนให้เกิดความขลังอย่างใดเลย อีกทั้งลูกสาวก็อยู่ไกลถึงอำเภอนครหลวง ซึ่งท่านไม่รู้ว่าบ้านเรือนตั้งอยู่ที่ไหน กิริยาอาการที่วิญญาณผีตายโหงเข้าสิงลูกสาวเป็นอย่างไร และท่านไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า เป็นลูกสาวคนไหนของตนถูกผีสิง เมื่อเป็นเช่นนี้ ผีตายโหงมันจะหวาดกลัวหวั่นระย่อหลวงปู่ดู่ถึงกับยอมผละหนีไปจากลูกสาวง่าย ๆ ล่ะหรือ

    เมื่อหลวงปู่ดู่และศิษย์ถอนจิตจากสมาธิ ผ่อนคลายอิริยาบถแล้ว ศิษย์ของท่านก็บอกกับชายคนนั้นว่า “ตอนนี้เขาไปเกิดแล้ว ผีเป็นเหตุ ลุงกลับบ้านไปลองดู ถ้าลูกสาวไม่เป็นอะไร แสดงว่าหาย”

    ผู้เป็นพ่อของหญิงสาวเคราะห์ร้าย ก้มกราบหลวงปู่ดู่ด้วยความปีติยินดี แล้วนมัสการกราบลากลับไปบ้านตนที่อำเภอนครหลวง เวลาผ่านไปเกือบเดือน ชายคนเดิมก็เดินทางมาที่วัดสะแกอีก เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่ดู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วรายงานให้หลวงปู่ทราบว่า

    “ลูกสาวหายดีแล้วครับ ตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอาการผีสิงอีกเลย เพราะหลวงปู่เมตตาไว้ครับ”

    บารมีธรรมของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เรื่องวิญญาณผีตายโหงเข้าสิงหญิงสาวอยู่อำเภอนครหลวงที่นำมาเสนอไว้ ณ ที่นี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงจิตตานุภาพเป็นอัศจรรย์ของผู้บำเพ็ญธรรมระดับสูง และบ่งชี้ให้รับรู้อีกประการหนึ่งนั่นคือ วิญญาณของผู้ที่ตายไปในลักษณะไม่ปกติ ตายเพราะมีกรรมมาตัดรอนก่อนถึงอายุขัยวันตายของตน ย่อมไปผุดเกิดในภพภูมิอื่นต่อไปไม่ได้ จึงต้องวนเวียนทุกข์ทรมานอยู่ในมิติของวิญญาณที่คาบเกี่ยวกับโลกมนุษย์ อีกทั้งยังมืดมัวด้วยกิเลสตัณหา หลงอยู่ในโมหะ อวิชชา ไม่ยอมรับรู้ตามความเป็นจริงว่า ตนเองตายไปแล้ว มีอัตภาพผิดแผกแตกต่างจากมนุษย์ ไม่อาจสามารถสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับมนุษย์ได้ทุกกรณี เหตุนี้ เมื่อมีกิเลสกามฟูขึ้นมากับหญิงสาวที่ตนหมายปอง จึงได้ตามรังควาน สร้างทุกข์ให้แก่ผู้อื่นนานถึง ๓ ปี

    หากมิใช่บารมีธรรมของหลวงปู่ดู่ ที่แผ่เมตตาให้วิญญาณของผีตายโหง วิญญาณนี้คงจะไม่พ้นจากสภาวะที่จมอยู่ในห้วงกิเลสซึ่งรัดรึงเอาไว้ ส่วนที่จะไปผุดเกิดในภพภูมิใดต่อไป ก็คงเป็นไปตามยถากรรมของตน
     
  6. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบัน พระธรรมทั้งหมด พระอริยะสงฆ์ทุกๆองค์ เทพพรหมทุกชั้นฟ้า พระโพธิสัตว์ทุกๆองค์ บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าเป็นที่สุดโปรดจงดูแลข้าพระพุทธเจ้า และ ท่านทั้งหลายให้มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ
     
  7. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    เรียนทุกท่าน

    วันอาทิตย์ที่ 29 ก.ค. 55 เวลา 9 โมงเช้า ขอเชิญทุกท่านร่วมหล่อพระ จ.นครปฐม โรงหล่อ ซ.ศรัณปฏิมา
    ถามทางได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 0819283844 และเวลา 6 โมงเย็น หลวงตาม้าไปมหาวิทยาลัยเอเชีย เพื่อนำสวดจักรพรรดิ์และโปรดลูกศิษย์

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้<WBR>วยนะคะ สาธุค่ะ
     
  8. Tanet Dechaphol

    Tanet Dechaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +113
    โห...พี่ครับขนลุกเลยครับผมก็มีความคิดที่จะบวชแบบไม่มีกำหนดสึกแบบพี่ทั้ง2เหมือนกันเลยครับตอนแรกกะจะไม่แสดงความคิดเห็นเพราะคิดว่าบังเอิญแต่พอเจอคนที่คิดเหมือนกัน2คนเลยอดไม่ไหวครับ..สำหรับผมแล้วกะว่าจะบวชที่วัดท่าซุงครับตอนนี้รวบรวมกำลังใจไปเรื่อยๆครับไม่รีบเพราะการบวชเป็นเหมือนดาบ2คมครับถ้าบวชแล้วปฎิบัตดี-ชอบได้ก็จะเกิดอานิสงใหญ่แต่ถ้าบวชแล้วรักษาวัตรปฎิบัตไม่ได้ก็อเวจีมหานรก...แรกเริ่มผมก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มจากรักและศรัทธาหลวงปู่วัดสะแกก่อนแล้วพอมาวันนี้ก็มีความเคารพในองค์หลวงพ่อวัดท่าซุงโดยที่ก็ยังรักและเคารพหลวงปู่ไม่เปลี่ยนนะครับคือเคารพทั้ง2พ่อแม่ครูอาจารย์นะครับคิดมานานว่าจะบวชที่วัดไหนดีที่ได้อยู่ใกล้ครูอาจารย์จนมาเจอองค์หลวงพ่อวัดท่าซุงมีเหตุครับคือได้ไปที่วัด3ครั้งแล้วภายในปีนี้ปีเดียวครั้งแรกที่ไปก็เพราะศรัทธาและศรัทธาเพิ่มมากขึ้นทุกๆครั้งที่ไปในใจก็แว๊บครับว่ากลัวจะศรัทธาองค์หลวงปู่วัดสะแกน้อยลงและพร้อมกันนี้ก็เกิดความสงสัยครับว่าทำไมหลายๆคนที่เคยได้รู้จักหรือได้เคยเห็นจากการโพสตตามกระทู้ต่างๆจะเริ่มจาก2วัดนี้เป็นส่วนมากถ้าไม่เริ่มที่วัดสะแกแล้วมาวัดท่าซุงก็เริ่มจากวัดท่าซุงแล้วก็มาที่วัดสะแกจนมาได้คำตอบจากหลวงพี่องค์หนึ่งที่วัดท่าซุงนี่แหละครับผมก็ได้ถามท่านถึงการเกี่ยวพันกันของหลวงพ่อและหลวงปู่สององค์นี้คือไปที่วัดครับแล้วสนทนาเรื่องการปฎิบัตจากท่านแล้วก็ถามเรื่องนี้ที่คาใจมานานกับท่านหลวงพี่ท่านก็บอกว่าคนที่จะมาเกี่ยวพันเคารพศรัทธาหลวงพ่อวัดท่าซุงนี้ถ้าไม่เคยเป็นลูกหลานท่านมาก็เป็นพวกที่...พระศรีอาริย์ท่านฝากไว้กับหลวงพ่อ...ให้หลวงพ่อท่านเก็บไปด้วย....เลิกงงหมดสงสัยเลยครับก็ตามที่เราเหล่าลูกศิษย์รู้กันแหละครับหลวงปู่ท่านจะมาในกาลข้างหน้างัยครับ...วันนี้ดีใจครับที่ได้เจอคนที่คิดเหมือนกัน..ขอโทษนะครับถ้านอกเรื่องหรือไม่ถูกจริตใครแต่ทั้งหมดที่เล่ามาเพื่อจะบอกว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีความเคารพและศรัทธาถวายตัวเป็นลูกหลานหลวงปู่-หลวงพ่อคนหนึ่งและจะพยายามปฏิบัตตนให้สมกับได้ชื่อว่าเป็นลูกเป็นหลานของท่าน...ถ้ามีบุญเราคงได้ทำตามที่คิดกันไว้นะครับ..พี่ทั้งสอง
     
  9. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    อนุโมทนาครับด้วยความยินดีครับ
    ขอบคุณครับที่เข้ามา มาร่วมเเชร์กันบ่อยๆนะครับ ไม่เเน่กาลข้างหน้าเราอาจได้เจอกันครับสาธุครับ
     
  10. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ครูบาบุญชุ่ม เขียนถึงหลวงปู่ดู่

    อาตมา พระบุญชุ่ม ญาณสงวโร จำพรรษาอยู่ที่พระธาตุดอนเรือง เมืองพงษ์ เขตพม่า ในพรรษาที่ ๒ อาตมาได้นิมิตเห็นหลวงปู่แก่เฒ่าองค์หนึ่ง อายุประมาณ ๘๐-๙๐ ปี มาเทศน์ให้ฟัง ตอนที่อาตมาได้เข้ากรรมปฏิบัติไม่พูด ๗ วัน ท่านเทศน์สอนเรื่องการปฏิบัติให้มีสติและให้อยู่สันโดษ มีขันติ เมตตา และความเพียร ให้ถึงความพ้นทุกข์ ให้ดับเสียสิ้นชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ให้ถึงซึ่งพระนิพพานเป็นที่สุด ท่านเทศน์เป็นภาษาบาลี และแปลเป็นภาษาไทยให้ฟังอย่างชัดเจน แล้วท่านก็เทศน์สอนเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท และเทศน์ให้ฟังอีกหลายอย่าง อาตมารู้สึกปิติและอิ่มเอิบในรสพระธรรมของท่าน อาตมาจึงนึกถึงหลวงปู่องค์นั้นเสมอว่าท่านนั้นเป็นใคร และยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ได้แต่กราบขอพรท่านตลอดทุกวัน

    ครูบาบุญชุ่ม ญาณสงฺวโร
    วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง อ.ท่าขี้เหล็ก รัฐเชียงตุง พม่า

    ต่อมาไม่นาน หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ท่านเป็นอาจารย์องค์สุดท้ายของอาตมา ที่ท่านได้ส่งตัวอาตมาไปทำความเพียรที่ภูเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล แล้วท่านก็ไปรับกลับมาบวชพระที่เชียงใหม่ และอาตมาก็มาจำพรรษาที่พม่า พอดีอาตมามาทำบุญคล้ายวันเกิดวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๓๑ อาตมาได้อาราธนานิมนต์หลวงปู่โง่นได้โปรดเมตตามารับเครื่องไทยทานในวันที่ ๔ หลวงปู่โง่นค้างคืนที่พระธาตุดอนเรือง ท่านได้เอ่ยถึงหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าเป็นพระที่มีเมตตาองค์หนึ่งในอยุธยา ได้เป็นพระอริยบุคคลองค์หนึ่ง อาตมาได้ยินก็อิ่มเอิบ ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง อยากจะไปกราบไหว้บูชาพระองค์นั้น...

    พอดีอาตมาได้ไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่โง่น พอเสร็จก็ขออนุญาตหลวงปู่โง่นไปกราบหลวงปู่ดู่ หลวงปู่โง่นก็อนุญาต และเขียนจดหมายกำกับไปด้วย พอไปถึงวัดสะแกก็เข้าไปกราบหลวงปู่ดู่ ท่านกำลังนั่งรับแขกอยู่ที่กุฏิไม้ พอได้เห็นหลวงปู่ดู่ก็นึกขึ้นได้ เหมือนในนิมิตตอนเข้ากรรม (หลวงปู่เฒ่าองค์นั้นก็คือหลวงปู่ดู่นั่นเอง) จึงก้มกราบขอพรท่าน ท่านก็ให้พรแล้วยังถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป ๒ องค์ รูปเหมือนหลวงปู่ทวด ๑ องค์แก่อาตมา และอาตมาก็ถวายน้ำผึ้งและยา ท่านยิ้มแย้มมีเมตตาที่สุด อาตมาเอาพระบรมสารีริกธาตุ น้อมถวายหลวงปู่ดู่ ท่านพูดว่า "เราเพิ่งพูดเรื่องพระธาตุเมื่อตะกี้ บัดนี้ท่านเอาพระธาตุมาถวายเป็นนิมิตหมายมงคลยิ่ง" หลวงปู่ก็ให้พรด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบ อาตมาได้เอาพระธาตุอีกส่วนหนึ่ง และลูกประคำให้หลวงปู่ปลุกเสกอธิษฐานจิต ท่านมีลูกศิษย์หนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ ๒๖ หลวงปู่ถามลูกศิษย์ว่า "สว่างไหม เห็นชัดไหม มองไปให้ลึกๆ" ลูกศิษย์ก็ตอบว่า "เห็นแล้ว สว่างแล้ว" หลวงปู่จึงปลุกเสก หลับตาอธิษฐานพระธาตุ และลูกประคำ แล้วท่านก็บอกว่า "พระธาตุนี้ไปอยู่มาหลายแห่งแล้ว เคยอยู่ที่พระธาตุนครปฐม และพระธาตุนครพนม" หลวง ปู่ท่านสั่งให้เก็บรักษาและบูชาให้ดี อาตมาจึงกราบนมัสการลาหลวงปู่กลับวัดพระธาตุดอนเรือง อาตมาระลึกถึง บูชาพระคุณหลวงปู่อยู่มิได้ขาด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.8 KB
      เปิดดู:
      55
  11. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975

    ลองของกับหลวงปู่ดู่


    ครั้งหนึ่ง น่าจะในราวประมาณปี ๒๕๓๐ มีรถบัสเข้ามาจอดที่วัดสะแก จากนั้นก็มีคนแต่งชุดขาวจำนวนหลายคนเดินออกมา ตรงไปที่กุฎิหลวงปู่ ซึ่งขณะนั้นมีลูกศิษย์หนุ่มสาวอยู่ไม่กี่คน

    คนชุดขาวเหล่านั้น จะว่ามากราบนมัสการท่านก็หามิได้ เพราะเมื่อมาถึงที่หน้ากุฏิท่านแล้ว ก็พากันนั่งหลับตา หันไปทางหลวงปู่ ท่าทางเหมือนจะพยายามนั่งสมาธิเพ่งใส่หลวงปู่ สักครู่คนที่เป็นหัวหน้าก็มานั่งรวมอยู่ด้วย

    ลูกศิษย์หลวงปู่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็งง ๆ ไม่เข้าใจว่าพวกเขามาทำไมกัน แล้วทำไมไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งประจัญหน้ากับหลวงปู่ จากนั้นไม่นานนัก ผู้ที่ดูว่าจะเป็นหัวหน้าคณะ ก็ลุกเดินออกไปอาเจียนที่หน้าบันไดทางขึ้น จากนั้น สานุศิษย์ที่เหลือของเขาก็พากันลุกเดินไปขึ้นรถ

    ลูกศิษย์หลวงปู่ มาเข้าใจในภายหลังว่าพวกคณะรถบัสที่มานี่ เขาเที่ยวตระเวนลองของ ลองกำลังจิตครูบาอาจารย์ พอดีมาเจอของจริง ก็เลยแพ้ภัยตัวเอง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปปรามาสครูอาจารย์ที่ไหนต่ออีก แต่อย่างน้อย จากประสบการณ์ที่ได้มาพบหลวงปู่ ก็น่าจะทำให้เขาสำนึกขึ้นบ้างว่า "ของจริงยังมีอยู่"
     
  12. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    อยากได้อัฐฐิธาตุหลวงปู่ดู่

    เรื่องราวของพระรูปหนึงที่ท่านได้เล่าถึงประสบการ์ณท่าน นำมาถ่ายทอดข้อเขียนท่านให้อ่านกัน ...


    ------------------------------------

    เมื่อประมาณเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๐ ที่แล้วมาอาตมามีความศรัทธาที่จะทำผอบทองคำเพื่อที่จะบรรจุอัฐฐิธาตุของหลวงปู่ดู่แต่มีปัญหาว่าจะหาอัฐฐิธาตุของหลวงปู่ได้ที่ไหนแล้วก็ไม่ทราบด้วยว่าใครมีอัฐฐิธาตุของหลวงปู่ ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรเดี่วยจะขอจากรูปเหมือนของหลวงปู่หล่อด้วยปูนซีเมนต์ขนาด๕นิ้วซึ่งได้มาจากวัดสะแกครั้งแรกที่ได้ไปกราบหลวงปู่โดยโยมเป็นผู้ถวายให้มาเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวัน อาทิตย์ ที่ ๑กรกฏาคม ๒๕๕๐ อาตมารู้สึกอยากไปวัดสะแกไปกราบหลวงปู่และตั้งใจจะไปถวายผ้าไตรจีวรและยารักษาโรคกับหลวงน้าสายหยุดอยากไปกราบท่านเพราะครั้งแรกที่ไปไม่ได้ไปกราบท่านอีกใจหนึ่งก็อยากไปขออัฐฐิธาตุหลวงปู่ที่วัด แต่ผอบทองคำที่สั่งทำก็ยังไม่เสร็จก็เลยคิดว่าจะเอาผอบ พลาสติก(ทำจากเรซิน)ไปใส่อัฐฐิธาตุหลวงปู่ก่อน จำได้ว่าออกจากว่าวัดพระราม๙ประมาณ๑๐โมงเช้าโดยมีโยมพี่ชายเป็นคนขับรถให้ มีโยมแม่ พี่สาวและน้องสาวไปด้วย ระหว่างทางได้คุยกับโยมในรถว่าได้มีศรัทธาทำผอบทองคำแต่ยังทำไม่เสร็จตั้งใจว่าจะเอาผอบทองคำไปบรรจุในเจดีย์ที่ไหนสักแห่งหนึ่งในอนาคตโดยอยากได้อัฐฐิธาตุของหลวงปู่ดู่บรรจุลงในผอบทองคำแล้วนำไปบรรจุในเจดีย์สืบต่อไป
    ก่อนถึงวัดสะแกแวะฉันภัตหารเพลที่ปั๊มน้ำมันใกล้วัดก่อนเพราะพระที่วัดท่านฉันเพลพอดี ถึงวัดสะแกประมาณ ๑๒.๑๐ นาที แวะกราบหลวงปู่ที่พิพิธภัณฑ์และถ่ายรูปกับโยมเป็นที่ระลึกแล้วจึงไปที่ศาลาที่มีพระศรีอริยเมตไตร รูปหล่อหลวงปู่ รูปหล่อหลวงปู่ทวด และเป็นที่จำหน่ายวัตถุมงคลของหลวงปู่ อาตมาเดินขึ้นไปบนศาลาเป็นคนแรกผลักประตูกระจกเข้าไปในศาลา โดยมี โยมแม่ พี่และน้อง ตามหลังเข้ามาห่างๆในศาลา อาตมากวาดสายตาดูไปรอบๆศาลา มองไปข้างหน้าเป็นรูปพระศรีอริยเมตไตร ทางซ้ายและขวาเป็นรูปหล่อหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ดู่ ทางด้านขวามือสุดเป็นที่จำหน่ายวัตถุมงคลของหลวงปู่มี พระสงฆ์๑รูปกับโยมผู้ชาย๓-๔คนคอยให้ความสะดวกกับผู้ที่ต้องการบูชาวัตถุมงคล ส่วนทางด้านซ้ายมือสุดมีญาติโยมนั่งอยู่๓-๔คนเช่นกัน แต่ในขณะที่อาตมาก้าวเดินเข้าไปในศาลาได้๓-๔ก้าว สายตาของอาตมาก็ไปเห็นโยมผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อลายดอกไม้นุ่งผ้าถุงอายุประมาณ๔๕ปี ดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายมองมาที่อาตมาแล้วยิ้มให้เหมือนกับดีใจอะไรสักอย่างพร้อมกับรีบคลานเข้ามาหาอาตมา อาตมารู้สึกว่าโยมผู้หญิงมีอะไรจะคุยด้วยเพราะอากัปกิริยาของโยมผู้หญิงที่กำลังคลานเข้ามาบอกเป็นนัยๆ
    อาตมาจึงคุกเข่าลงแล้วถามว่า โยมน้ามีอะไรกับอาตมารึเปล่า โยมกราบ๓ครั้ง แล้วพูดออกประโยคหนึ่งที่ทำให้อาตมาต้องตกตะลึงว่า จะเอาพระธาตุมาถวายเจ้าค่ะ พระธาตุๆของใครอาตมาถาม เงียบ โยมน้าไม่ตอบ แต่กับพูดออกมาอีกประโยคหนึ่งซึ่งทำให้อาตมาต้องขนลุกด้วยความปิติว่า
    พระท่านบอกว่าถ้ามีพระมาให้เอาพระธาตุถวายท่าน อาตมานิ่งไปชั่วขณะมือล้วงลงในย่ามหยิบผ้ารับประเคนออกมารับประเคนพระอัฐฐิธาตุจากโยมน้า
    อัฐฐิธาตุบรรจุอยู่ในผอบพลาสติก(เรซิน)ขนาดประมาณผลองุ่น อะไรกันนี่หลวงปู่เมตตามอบให้ทันที่ทันใดโดยยังไม่ได้เอยปากขอใครเลย ส่วนโยมน้าผู้หญิงถวายเสร็จกราบ๓ครั้งแล้วออกไปจากศาลาไม่กลับมาอีกเลย เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากไม่เกิน๑นาทีด้วยซ้ำไป ทีแรกอาตมาคิดว่าสงสัยทางวัดคงจะแจกให้บุคคลทั่วไปอาตมาจึงเดินไปดูบริเวณที่โยมน้าผู้หญิงนั่งซึ้งอยู่ใกล้ๆประตูกระจกทางซ้ายมือที่จะออกไปเป็นกุฎิหลวงปู่ ไม่เห็นมีผอบที่บรรจุพระธาตุเตรียมแจกบริเวณนั้นอยู่เลย และอีกอย่างหลวงปู่ท่านมรณภาพปี๓๓ถ้าจะแจกก็น่าจะแจกในปี๓๔เพราะพระราชทานเพลิงในปีนี้นี่ก็ปี๕๐แล้วไม่น่าจะมีการแจกในปีนี้ อีกประการหนึ่งเมื่อพระราชทานเพลิงแล้วอัฐฐิธาตุก็จะเก็บที่วัดอาจจะมีการแจกถวายพระเถรผู้ใหญ่ น่าเสียดายที่อาตมาไม่ได้ทันถามโยมน้าที่ว่า พระท่านให้มาถวาย คำว่า พระท่าน คือใคร หลวงปู่ หรือ พระเถรรูปใดรูปหนึ่งที่อยู่ในวัดก็เป็นได้ซึ่งท่านอาจทราบความประสงศ์ของอาตมาแล้วไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวท่านจึงให้โยมน้าผู้หญิงมาถวายแทนท่าน หรือประการสุดท้ายหลวงปู่อาจจะบอกพระสงฆ์ให้นำมาให้ก็เป็นได้ ท่านผู้อ่านล่ะคิดว่าอย่างไร.
    อาตมาใช้เวลาอยู่ในวัดสะแกประมาณ๔ชั่วโมงไม่พบโยมน้าผู้หญิงอีกเลยจนกระทั่งกลับเข้ากรุงเทพก็ได้เล่าเรื่องที่ได้อัฐฐิธาตุให้โยมแม่ พี่และน้องฟังขณะอยู่ในรถพร้อมหยิบผอบเรซินออกจากย่ามให้ดู น้องสาวยังบอกอาตมาว่าแปลกมากนึกว่ารู้จักกับโยมน้าเพราะเห็นคุยกัน.
    มาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาของหลวงปู่ พระกรุณาของพระท่านที่เมตตาให้ในสิ่งที่คิดว่าหาได้ยากและเป็นไปได้ยาก แต่ก็เป็นไปได้และเกิดขึ้นแล้ว
    ทำให้หวลคิดถึง เถระอมตวาจาที่ว่า ข้าจะคอยช่วย ศรัทธาข้าจริง นับถือข้าจริง ข้าอยู่ใกล้ๆแกจำไว้. ต่อให้ร้อยภาษาล้านตัวอักษรก็ไม่อาจแทนใจของอาตมาที่มีต่อหลวงปู่ดู่ได้.

    เรื่องราวทั้งหมดของอาตมาก็มีด้วยประการฉะนี้.
     
  13. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    สวัสดีครับ..ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พวกเรามีครูบาอาจารย์องค์เดียวกัน กาลข้างหน้าคงได้พบเจอกันแน่นอนครับ..เหมือนที่หลวงปู่ดู่เคยบอกไว้ว่า..ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญครับและ ขอให้ทำใจสบายๆตั้งใจสวดมนต์ปฏิบัติกรรมฐานไปเรื่อยๆครับเพราะอย่างน้อยพวกเราก็ได้เริ่มย่างเดินสู่เป้าหมายตามที่ใจหวังไว้แล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
     
  14. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    ทำไมพวกเราถึงได้รักหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงมากขนาดนี้...ดูคำอธิฐานของหลวงพ่อท่านนะครับ..ท่านห่วงใยลูกหลานของท่านมากขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้พวกเรารักท่านได้อย่างไรเล่า........................[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    กราบหลวงปู่ดู่ครับ
    -/\-
     
  16. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    เด๋วคืนนี้เดินทางไปวัดท่าขนุน บวชเนกขัมมะเสาร์อาทิตย์นี้ ขอน้อมนำบุญกุศลมาฝากทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ
     
  17. Arrowhead

    Arrowhead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +638
    วันนี้มีถ่ายทอดสดภาพและเสียงตอบปัญหาธรรมและสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ์กับหลวงตาม้าครับ...

    วัดถ้ำเมืองนะ (วัดพุทธพรหมปัญโญ) : สมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ทวด, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, หลวงตาม้า
     
  18. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    ขอขอบพระคุณมากนะครับที่บอกกล่าวให้ทราบกันครับ.....
     
  19. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    สวัสดีครับพี่นิติกูน แหม่พี่เราหายหน้าหายตาไปซะหลายวัน หุหุ
     
  20. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975


    ขออนุโมทนา กับคุณพี่ diya ด้วยครับ สาธุๆ ๆ อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...