ทํายังไงดีครับ เมื่อ เราหลงอยู่ใน สมาธิจนโงหัวไม่ขึ้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เฝ้าดู, 3 พฤษภาคม 2011.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าหลงสมาธิ หรือติดสมาธิครับ ต้องเรียกว่าไม่ได้สมาธิมากกว่า เพราะท่านที่ได้สมาธิ หากเข้าอัปปนาสมาธิได้ชำนาญ หรือเกินกว่านั้น จะรู้ระดับสมาธิ สภาวะจิต ในช่วงต่าง ๆ ดี และรู้อย่างเข้าใจด้วย ว่าสมาธิระดับไหนใช้ทำอะไร สภาวะจิตไหนใช้เพื่ออะไร

    อย่างเช่น

    - อุปจารสมาธิควรค่าแก่การงานวิปัสสนา ก็ใช้สมาธินั้นละนิวรณ์ พิจารณารูปนามได้
    - ขนิกสมาธิ เหมาะสำหรับทำงานหาเลี้ยงชืพ หรือใช้ในการอ่าน ฟัง จับใจความสำัคัญ

    สำหรับผมติดสมาธิไม่กลัวครับ กลัวไม่ได้สมาธิมากกว่า เพราะสมาธิไม่ได้ ก็ไม่ได้ปัญญา

    ในกรณีเจ้าของกระทู้ ผมมองว่า คุณยังไม่ได้สมาธิ จิตคุณย่อมไม่มีกำลัง ที่จะพิจารณาอะไรได้ ต้องทำสมาธิให้มากขึ้นครับ หากจิตมีกำลัง ย่อมเห็นความเคลื่อนไหว เห็นสภาวะธรรมได้เอง เพราะมันเป็นธรรมชาติ

    บางทีเราไปรีบร้อนมากไป ยิ่งกับวิปัสสนาด้วยแล้ว หากกำลังไม่ดี ไปพยายามมัน ก็เจอแต่ของปลอม เจอแต่ความปรุงแต่งของเราเอง แถมไม่รู้ตัวเสียอีก

    เจริญธรรมครับ
     
  2. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ส่วนเรื่องทิฐิที่มิจฉา และสัมมา ตอบแบบเข้าใจง่ายก็ มิจฉา คือ ทิฐิที่ดำเนินไปตามกิเลสตัณหา และสัมมา คือ ทิฐิดำเนินไปเพื่อลดละเลิกถอดถอนกิเลสตัณหา
     
  3. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    ไหนๆก็มาเเล้วขอรบกวนอีกหนึ่งข้อ
    ความพอดีของสมาธิ อยู่ตรงไหน เเล้วยังไงถึงจะเรียกว่าพอดี ยังไงถึงจะเรียกว่าเหมาะสมกับตนเอง

    ความพอดีของอารมณ์สุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน เหมือนเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงนั่นแหละ คนจนก็พอเพียงได้ คนรวยก็พอเพียงได้ ใครๆก็พอเพียงได้ทุกคน สมาธิก็เช่นกัน เดินจิตถึงที่ไหนรู้สึกว่าอิ่มแล้ว ก็ถอยลงมา บางคนเดินเล่นไปถึงที่สุดได้แค่ปฐมฌานแล้วก็ออกมา บางคนเล่นถึงอรูปก็เก่งสมตัว แต่สุดท้ายก็ต้องให้อิ่มก่อนแล้วค่อยออกมา เหมือนอิ่มข้าวนั่นแหละ บางคนกินมาก บางคนกินน้อย เอาแค่พออิ่ม คนเราอิ่มไม่เหมือนกัน แล้วมาพิจารณาต่อที่อุปจาร

    เเล้วที่เรากําลังเกินๆกันอยู่นี่ เราเกินไปเพื่ออะไร ก็ในเมื่อธรรมชั้นสูงก็ยังใช้ สมาธิ ในระดับล่างๆก็ยังเห็นสามารถ พิจารณา กันจนสําเร็จไปกันเยอะเเล้ว หรือว่าต้องเกินไว้ก่อน ดีกว่าขาดเจ้าค่ะ

    กำลังที่เกินไปนั้น เป็นผลดีต่อการระงับนิวรณ์ทั้ง 5 ไม่เคยได้ยินเหรอ เกินดีกว่าขาด แต่สมาธิน่ะ ไม่มีเกินหรอก เพราะกำลังของสมาธิมีประโยชน์ทั้งนั้น ง่ายๆเลยคือระงับนิวรณ์ได้ระดับหนึ่ง เมื่อมาพิจารณาต่อแล้วจะง่าย ความเข้าใจในธรรมจะเร็วกว่า เพราะกำลังของสมาธิช่วยนั่นไง

    เเล้วเรื่องของ ลําดับเทียบเคียงที่เราเรียกว่า ฌาณ เนี้ยยยยยย ถ้าถึงสี่เเล้วเขาจะใช้ พิจารรณาเรื่องอะไรได้บ้างค่ะ น้องล่ะ งง จริงๆ

    อารมณ์ในณานสี่นะ พิจารณาอะไรไม่ได้แล้ว เพราะอารมณ์มีเพียงเอกัคคตา เหมือนท่อนไม้ นิ่ง เฉย แต่ถ้าจะพิจารณาก็ต้องถอนกำลังสมาธิมาที่อุปจาร แล้วพิจารณาซะที่นี่เลย จึงจะใช้ได้

    อย่าถามสวนกลับมาเสียก่อนล่ะ ว่า ไปมาเเล้วยัง ถ้าไปมาเเล้วมันจะมีคําตอบ เอง

    ไม่ถามก็ไม่รู้ ไม่ปฏิบัติก็ยิ่งไม่รู้

    ถ้าคําตอบมันอยู่ตรงนั้นจริงๆ มันไปเเอบอยู่ตรงไหนค่ะ ไปหลบซ่อนอยู่ วรรค ไหนใน ฌาณสี่ ใครรู้ช้วยบอกที
    เพราะเท่าที่สังเกตุดู ในฌาณสี่ที่ว่ามันไม่มีอะไรให้ จับ มาพิจารณาได้เลยซักกระเบียด
    เห็นเขาว่า สมาธิใช้สร้างปัญญา เเล้ว ต้องสมาธิระดับไหนล่ะจึงจะเกิดซึ่งปัญญา เห็นวิ่งหากันเเต่ ฌาณ สุงๆ เเล้วจะสูงไปทําอะไรเมื่อสูงเเล้ว ทําอะไรก็ไม่ได้เลย

    กำลังสมาธิเมื่อถอยลงมาสู่อุปจารแล้วพิจารณาให้เกิดปัญญา ไม่ใช่ไปพิจารณาที่ฌานสี่ ที่เขามีกันแบบสูงๆน่ะ มีไว้โปรดสัตว์โลกและช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นในยามคับขัน ของแถมระหว่างการเดินทางของจิตก็มีเยอะแยะ หูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติ อ่านใจคน ต่างๆนานา เหล่านี้เป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่า นรกมี บาดาลมี สวรรค์มี พรหมโลกมี นิพพานมี จะได้ไม่คิดชั่ว ทำชั่ว

    พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ที่สุดของสมาธิเช่นกัน พระสาวกจึงพากันทำตามไงเล่า แต่เขาทำตามแบบผู้มีปัญญา ไม่ใช่ทำตามแบบท่องจำ ผลที่ได้คือ เสวยสุขที่นิพพาน

    เเล้วเเบบนี้ไม่ให้เรียกว่า นิ่งโง้ เเล้วจะให้เรียก ว่าเช่นไรกันล่ะเจ้าค๊าาาาาา


    อย่าเรียกว่าโง่เลย เรียกว่ารู้น้อยดีกว่า แต่ถ้าปฏิบัติแบบโง่ๆแล้วจะไปเร็วกว่าปฏิบัติแบบฉลาดๆนะ เพราะฉลาดแล้วมันไม่ยอมรับฟังคนอื่น มันคิดว่าตัวเก่งแล้ว อย่ามาสอนฉัน ก็เลยไม่ได้ของดีไปสอนใจตัวเอง ทำแบบคนโง่ๆน่ะ ไปนิพพานหลายต่อหลายองค์แล้วเหมือนกัน


    เจริญธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2011
  4. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    สรุปว่า


    สรุปว่าในฌาณสี่ นี่ เราไม่สามารถนํามาพิจารณาอะไรที่เป็น รูปธรรมได้เลยถูกไหมเจ้าค่ะ
    ได้เเต่ นามธรรม เท่านั้นหรือเช่นไรเจ้าค่ะ
     
  5. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    โกมีนัม

    โกมีนัม คือตัวอะไรเจ้าค่ะ กินได้รึปล่าว :(
     
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    หลงสิค่ะ

    หลงสิค่ะ รู้ว่าหลงในสมาธิ มันก็คือ หลง เหมือนหลงทางอยู่ที่ไหนสักที่ รู้ว่าหลง กําหนดรู้ด้วยใจเลยว่าหลง เปิดเเผนที่ก็เเล้ว มันก็หลง หลงก็คือหลง เมื่อหลงเเล้ว ไปหาทางออกเจอซะที่ไหน กันล่ะเจ้าค่ะ:d
     
  7. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    นี่เเหล่ะ

    ตัวนี้นี่เเหล่ะ ที่กําลังเเอบสงสัยอยู่ เเต่ ตรึก เเละ ตรอง ดูเเล้ว เราก็ว่า เเค่พออิ่มน่ะ
     
  8. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ตอบคุณนราสภา

    จากการวิเคราะห์ของผม คุณมีความสามารถในการทรงฌานแล้ว จึงสามารถรักษาอารมณ์สมาธิให้อยู่ในฌานได้เป็นเวลานาน แต่คุณนราสภาอาจจะยังไม่รู้ตัว เลยคิดว่าเป็นอาการหลงอยู่ในสมาธิ และบางทีคุณนราสภาอาจจะยังไม่มีความคล่องตัวในการเข้าออกสมาธิ หรือ ที่เรียกว่า "วสี" เลยหาทางออกไม่เจอ เปรียบเหมือนเข้าไปในห้องมืด มองไม่เห็นอะไร ก็ต้องค่อยๆคลำหาประตูทางออก แต่ถ้าเข้าไปบ่อยๆ เราก็จะจำได้ว่าประตูทางออก อยู่ตรงไหน ไม่ต้องเสียเวลานาน เหมือนตอนแรก แบบนั้นล่ะ

    สมาธิขั้นใช้งาน นั้นมีเพียง 3 ขั้นอื่นเป็นเพียงทางผ่านไม่มีความสำคัญ
    1.อุปจารสมาธิ
    2.ฌาน4
    3.ฌาน8

    หรือบางท่านก็ได้เพียง2
    ให้ฝึกเข้าออกให้คล่อง ปัญหาของคุณนราสภาก็จะหายไป
    (ส่วนวิธีฝึกก็ตั้งกระทู้ถามเอานะ เดี๋ยวท่านผู้รู้ก็จะมาตอบให้เองแหละครับ)

    เจริญพร
     
  9. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734

    พิจารณาไม่ได้แน่นอนจ๊ะ เพราะมันนิ่ง เฉยๆ ไม่คิด ไม่ปรุงแต่ง ถ้าจะพิจารณาก็ต้องถอยลงมาที่อุปจารจ๊ะ

    ไอ้ที่เดินจิตเข้าไปลึกๆน่ะ เพราะจะใช้กำลังของสมาธิช่วยในการระงับนิวรณ์ แล้วเวลาพิจารณาองค์ธรรมมันจะง่ายกว่า หยิบอะไรมาก็พิจารณาได้เร็ว ผลที่ได้ก็เป็นวิปัสสนาญาณไปเลย

    วิปัสสนาญาณน่ะ เอารูปมาพิจารณาก่อนเลย พิจารณาตามกฎไตรลักษณ์ลงไป สายวัดป่าหลายท่านพิจารณากายอย่างเดียว บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ไปเลย แต่ถ้ายังไม่ได้ทันที ก็ค่อยๆตัดไปทีละขั้น ถ้าตัดกายได้แล้ว ก็ค่อยไปตัดนาม แต่ที่เห็นๆมา ตัดกายได้ก็ตัดรูปได้ในขณะเดียวกัน เพราะมันไม่ยึดทั้งรูปและนามโดยอัตโนมัติ

    ท่านจับจุดได้เก่งนะเนี่ย มาๆ มาเดินจิตกัน

    เจริญธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2011
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ..ผมว่าใครที่เคยเข้าฌาณ 4 ได้จริงๆแล้ว(คือไม่ใช่แบบเห็นตัวเองนั่งอยู่หรือแบบจิตลอยไปนั่นไปนี่)หมายถึงสามารถควบคุมจิตให้อยู่ในร่างกายได้เลยเมื่อถึงอารมย์นั้นและรักษาอารมย์ไว้ให้ได้นานพอสมควรจนกระทั้งเห็นจุดกำเนิดของขันธ์ 5 ที่เป็นนามธรรมแล้ว..และสามารถที่จะไม่สนใจขันธ์ 5 ในตอนนั้นโดยปล่อยให้เค้าคิดไป.และสังเกตุทันตอนที่เค้าจะเข้าไปร่วมกับจิตได้แล้ว.เค้าจะแยกออกจากกันทันที.จิตจะพลิกจากสมมุติไปหาวิมุติได้.และในตอนนั้นถ้าใช้สติตาม.ขันธ์ 5ได้(ซึ่งทำได้ยาก) ในส่วนนามธรรมจะแยกออกเป็นส่วนๆได้.จะพิจารณาได้เร็วกว่ามาเดินปัญญาแบบลืมตา.แต่การพิจารณาใน ฌามสี่เป็นการรู้แบบที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ยากคือมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จะไม่รู้ว่ามันเป็นได้อย่างไรประมาณนี้..และผมเห็นแย้งนะครับการที่จิตจะพลิกจากมิจฉาไปเป็นสัมมาได้เนี่ย.มันต้องแยกนามธรรมกับรูปธรรมได้จริงๆ.ไม่งั้นจะคิดไปว่าตัวความคิดที่เกิดจากจิต.เป็นตัวสติและปัญญา..และระดับฌาณต่อให้ถึงฌาม 4 ก็ยังเป็นมิจฉาได้.ถ้าติดออกไปท่องเที่ยวเพราะว่าจิตเป็นธรรมแต่เป็นกิเลสธรรมอยู่.ยกเว้นได้แล้วจะมาเดินวิปัสสนา...ประมาณนี้นะครับ
    เป็นความคิดเฉพาะตัวนะครับ..ผิดถูกแล้วแต่จะพิจารณาครับ และขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วย
    อนุโมทนาครับ..
     
  11. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ลองไปสั่งปูผัดผงกระหรี่ สั่งแบบทั้งตัวเอา2ตัว
    จานละ 1600 บาท ดูซิครับ ว่าฌานแตกไหมครับ 5 5 5
    หรือจีบผู้หญิงแบบสวยมากและเอาแต่ใจด้วยอ่ะ
    (ประเมินไม่ออกเลยว่าค่าใช้จ่ายจะเท่าไหร่ 5 5)

    สมมติว่าฌานแตก ก็ดูซิฌานที่เราว่าแน่ ว่าเที่ยง มันก็ไม่เที่ยงจึงคลายความยึดมั่นในการเสพติดฌาน

    ถ้าฌานไม่แตกก็ท่องยุทธภพมากขึ้น เรื่องที่ยังกลัว เรื่องที่ยังหวั่นไหว
     
  12. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ขอบคุณทุกคําตอบ มากมายเจ้าค่ะ เอาไว้ได้อะไรเพิ่มเติมจากที่ พวกพี่ๆเเนะกันมาเเล้ว จะกลับมาโพสถามอีกที เดี่ยวจะไปลอง เข้าๆ ออกๆ ให้มันคล่องดูก่อน ว่า เเต่ว่า เเบบไหนหว่าถึงจะเรียกว่าคล่ิอง เดี๋ยวไปเปิดหาเฮีย กรู ก่อน
    ขอบคุณมากมายเจ้าค่ะ
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อันนี้ผมเคยสดับมา

    คำว่า คล่องหรือ วสี ในทางฌาณ ให้หมายเอาแบบว่า

    กำลังอุจาระ ปัสสวะ อยู่ ก็เข้าได้ น้อมไปได้ ไม่มีขาดวรรค ขาดตอน
     
  14. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63

    ใช้ปัญญานำสมาธิ สติระลึกรู้สภาวะธรรมที่เกิดเฉพาะหน้า
     
  15. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ขอทําการยกมือค้าน พี่หัวหน้าผี หน่อยน่ะค่ะ

    ตรงที่บอกว่า สมาธิขั้นใช้งานนั้น มี ฌาณเเปดอยู่ด้วย
    ข้อนี้ขอทําการยกมือค้าน ค่ะ ว่าเป็นไปไม่ได้ ในฌาณเเปด เป็นห้องโล่งๆ ว่างปล่าวไร้ซึ่งทุกสิ่ง
    ขอโทษค่ะด้วยความเคารพ

    ส่วนประโยชเท่าที่เห็น คงเอาไว้เเค่เวลาหลุดโค้ง หัวคะมํ่า เเล้วพักเลียเเผล คงเเค่นั้นจริงๆ หรือถ้าพี่มีเหตุอื่นที่สามารถนํามาใช้ ประโยชได้ รบกวนคุณพี่ สอนน้องทีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2011
  16. กรวุฒิ

    กรวุฒิ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +17
    เคารพท่านพี่จริงๆ ไม่ว่า พี่นราสภา พี่เอกวีร์ พี่หัวหน้าผี พี่ธรรมภัฎ พี่ลุงมหา ผมว่าท่านพี่ทั้งหลายถึงแล้วแหละแต่ยากให้น้องๆรู้ ก็ขอบคุณครับ ผมขอถามพี่ๆนะครับคือเขาบอกว่าถ้าไม่มีอาจารย์แนะนำเป็นบ้าได้ ถ้าเป็นจริงช่วยรับผมเป็นศิษย์ด้วยนะครับ ผมตัวคนเดียวยังไม่ยากเป็นบ้า
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ถ้าไม่อยากบ้า ง่ายนิดเดียว

    ทำ "ปฏิญญาพลังจิต" ไปเลยว่า

    "จะทำนิพพานให้แจ้งในชาตินี้!!"
     
  18. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ขอสอบถามพี่หนึ่งจิตหน่อยค่ะว่าาาาาาาาาาาาาา

    ดูตรงใหนค่ะว่า สมาธิเรากําลัง เคลื่อนเข้าไปที่ วิปัสนา เเล้ว
    ตรงไหนเป็นตัว บ่งบอกค่ะว่า นี่คือสมาธิ นี่คือ วิปัสนา อาการมันจะเป็นเช่นไรค่ะ เเล้วอาการทางจิต มันจะต่างกันยังไงค่ะ รบกวนด้วยเจ้าค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  19. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่น เเล้วทุกอย่างจะดีเองครับ จขกท ขอให้โชคดีครับ
     
  20. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ขอตอบค่ะ

    เคยได้ยินมาบ่อยเรื่องปล่อยว่าง ไม่ยึดมั่น เเล้วจะดีเอง

    โดยส่วนตัวเคยปฎิบัติ มาบ้างพอสมควร เเต่หลังจากการสังเกตุเรื่องของการปล่อยวางเเล้วจะดี อันนี้ใช้ไม่ได้กับบางกรณีค่ะ

    การปล่อยวางต้องมีเหตุ ที่ทําให้เกิดทุกข์ จึงสมควรวางลง เพราะมันนํามาซึ่งความทุกข์

    เเต่การสงสัย โดย ไม่มีทุกข์ มาเป็นฐาน

    อันนี้การปล่อยวางไม่ช้วยอะไรเลยค่ะ ถึงจิตจะไม่ไปจับเอาไว้เเต่ ความสงสัยก็ยังเกิด
    เเต่เป็นการเกิดที่ ตามรู้ได้ทั้งหมด รู้ว่าจิตกําลังหาอะไร วางอยู่ตรงไหน เเต่ คําตอบนี่สิ ไม่เกิด ไม่มาให้กระจ่างเเจ้งใดๆเลยเเม้เเต่น้อย

    ถึงวางปล่อยไป เเล้วมีเรื่องอื่นเข้ามาเเทนที่

    เเต่ที่ยังไม่กระจ่าง ก็ยังเป็นเรื่องของคําตอบอยู่ดี

    ฉนั้น คําตอบ ที่ไร้ซึ่งทุกข์ ไร้ซึ่งอคติ น้องจึงเห็นว่าเป็นคําตอบที่น่าเข้าไปร่วมสังวาทด้วยเป็นยิ่งนัก เพราะการรู้ในคําตอบนี้ เมื่อตัดเอาทุกข์ออกไปได้ ส่วนที่เหลือก็มีเเค่ เสมอตัว กับ ปัญญาที่พอกพูนขึ้น

    จึงเป็นเหตุให้น้อง มิอาจตัดเอาความสงสัยตัวนี้ออกไปได้
    ยกตัวอย่างเช่น ทําไม ห้า บวก ห้า ถึงได้สิบ ถ้าตัดเอาจิตที่กังวล ร้อนรุ่มในความอยากนั้นๆออก คําตอบที่ได้ออกมาว่า สิบ นั้น

    น้องก็เห็นว่ายังไงซะก็ เกิดประโยชเป็นเเน่เเท้เจ้าค่ะ

    ฉนั้น ปล่อยว่าง เเล้วจะดีเอง ข้อนี้ใช้กันไม่ได้
    จึงขอผ่านกับวิธีปฎิบัติ ที่พี่ เมตตา โพสขึ้นมาให้

    ขอบคุณเจ้าค่ะ เเต่ไม่ขอปฎิบัติตามน่ะเจ้าค๊าาาาาา:cool::cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...