ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

รักแท้ เกิดขึ้นเมื่อ "ยอมรับสิ่งที่ไม่อยากจะรับ"


เคยไหม ที่เรา "เลือก" ใครสักคนเป็นคู่เพราะด้านดี
เราเห็นด้านดี สิ่งดีๆ ที่เขาทำกับเรา เราเลยเลือกเขา

แต่นั่นคือ "ความฉลาดเลือก" มันไม่ใช่ความรักแท้เลย
เมื่อยังมี "ความฉลาดเลือก" อยู่ ความรักแท้จะไม่เกิด

และเมื่อเราโง่พอที่จะเลือกสิ่งที่ไม่ควรจะเลือกเลย
หรือความฉลาดเลือกของเรามันดับสนิทสูญสิ้นไป

นั่นแหละ ความรักแท้จึงจะเกิดขึ้นแก่เรา ณ บัดนั้น
เรายอมโง่พอที่จะยอมรับสิ่งที่ไม่ดีของเขาได้ในที่สุด

เราไม่ได้อยากเลือกสิ่งที่ไม่ดีของเขาเหล่านั้นเลย
แต่เพราะ "เรารักเขา" เราจึงยอมรับด้านไม่ดีนั้นได้

และความรักแท้ก็เกิดขึ้นเมื่อเรายอมรับด้านไม่ดีของเขา
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราไม่เคยเห็น เราเลือกแต่ด้านดีมาก่อน

ปราศจากจุดด้อยเสียแล้ว เราจะไม่มีทางรู้เลยว่า ใครรักเราจริง!

 

หลวงปู่ หลวงพ่อ หลายรูป ถูกหลอกว่า "สำเร็จอรหันต์"
แท้แล้วพวกท่านเป็นแค่ปัจเจกยานที่ใกล้จะตรัสรู้เองเป็นพระปัจเจกฯ
แต่ถูก "ภาคมืด" หลอกไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ตรัสรู้ก่อนเวลา จะได้ไม่เกิดภัยพิบัติ


สังเกตุได้ว่าพวกท่านเหล่านี้ จะไม่รู้ว่า "สายธรรมแท้ของพระพุทธเจ้า" คือ
อะไร? การต่อสายธรรมเป็นทอดๆ สืบทอดกันไปไม่ขาดสายคืออะไร?
เพราะอะไร? เพราะท่านเป็นปัจเจกฯ ย่อมไม่สนใจสายธรรม
ย่อมสนใจแต่ว่า "ตัวเองจะตรัสรู้เองได้อย่างไร?"


การต่อสายธรรมแท้ของพระพุทธเจ้าจึงไม่ปรากฏมีในท่านเหล่านั้นเลย

 

จุดด้อยของคนดีๆ
ส่วนใหญ่คือจุดเดือดมันอยู่ตื้นเกินไป
คนดีจึงเหมือนกลายเป็นคนเลว

 

ไม่มีสิ่งใด เพอเพค ต่อสิ่งใด
มีแต่การยอมรับ ในสิ่งที่สิ่งอื่นเป็น เรียก เมตตาหรือรักแท้

 

แต่ผมไม่ได้เข้าใจแบบคุณนะ
นั่นเพราะ สายธรรมของพระพุทธเจ้า ต่อให้ มาอยู่ต่อหน้า แต่ถ้าปัญญาญาณของตนเองไม่พอ ก็ไม่สามารถ เข้าใจหรือ พัฒนาต่อไปได้....นั่นเพราะ พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยทิ้งใคร พระพุทธเจ้าท่านอยู่ทุกที่ เหมือน..พระนิพพานมีอยู่ทุกที่ นั่นแหล่ะ...แต่ ปัญญาบารมี(ความพร้อมยังไม่พร้อม)ไม่พอเพียง ก็ไปต่อที่ไหนไม่ได้ นั่นเอง....

 

นายทุนชาติ พรรคนายทุน คืออะไร?


หลายคนคงเห็นปัญหาของประเทศบางอย่างผ่านข่าวต่างๆ กันมาบ้างแล้วเช่น ปัญหาสัปทานเหมืองแร่, การระเบิดภูเขา, การทำธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่ผิดกฏหมาย ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ทำไมพวกเขาก็ยังอยู่ได้? นี่ละครับ "นายทุนชาติและพรรคนายทุน" มันคืออะไร? คือ อย่างนี้ครับ นายทุนเหล่านี้ เอาเงินไปให้พรรคการเมือง หนุนให้พรรคการเมืองได้ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล และกับการที่รัฐบาลจะต้องออกนโยบายหรืออนุมัติโครงการต่างๆ ที่พวกเขาต้องการ พรรคการเมืองเหล่านี้ ค้าขายแลกเปลี่ยนกับนายทุน โดยไม่สนใจว่าชาติบ้านเมืองจะได้รับผลกระทบอย่างไร? จะเสียหายอย่างไรบ้าง เรียกว่านายทุนที่เอาชาติไปเป็นสินค้า หรือเรียกสั้นๆ ว่า "นายทุนชาติ" ขายชาติ ค้าเอาประโยชน์จากชาติบ้านเมือง ตราบใดที่ระบบพรรคการเมืองยังคงมีช่องโหว่ให้เล่น คือ พรรคการเมืองของเอกชน ที่ต้องระดมทุนเข้ามาใช้ในกิจการของพรรค เช่น การหาเสียง มันก็จะมีช่องให้นายทุนเหล่านี้ เข้ามาใช้เงินซื้อพรรคให้พรรคเหล่านี้เป็นนอมินี เป็นตัวแทนของตนเอง (สส. ก็จะไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนอีกต่อไป) เพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ต่างๆ สมใจปรารถนาได้ ประเทศก็ล่มจมครับ

นายทุนชาติและพรรคนายทุนจึงเป็นตัวทำลายประเทศชาติได้อย่างดีที่สุด และมันคือกลไกลสำคัญของ "ระบบทุนนิยม" ซึ่งคาล มาร์ก เองก็ได้เตือนไว้ บอกไว้หมดแล้ว ชายเองก็พยายามแก้ไขจุดเสียของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยครับ ซึ่งชายก็เห็นพ้องกับคาล มาร์ก ว่าจุดเสียของประชาธิปไตยอยู่ที่ "ระบบทุนนิยม" คือ ระบบที่สร้างมาเพื่อรองรับคนชั้นกลาง, นายทุนให้เข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากประเทศแทนชนชั้นศักดินา (ชนชั้นสูงแต่เดิม) ได้ ผลคือ ไม่ต่างจากเดิมครับ ประเทศก็แค่เปลี่ยนกลุ่มคนมีอำนาจมารุมกินโต๊ะไปแค่นั้น ต่างกันก็คือ คนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มใหญ่ขึ้น ไม่ใช่ยอดพีรามิดของสังคม แต่เป็นชนชั้นกลาง ทำให้เกิดการสร้างทำอะไรมากมาย หลายคนเรียกว่า "การพัฒนา" เศรษฐกิจก็หมุนไป แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นจริงๆ เพราะการเติบโตของมัน ต้องสังเวยไปด้วยการทำลายประเทศ ทำลายทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ผ่านกลไกลสำคัญคือ "เงินสนับสนุนพรรคการเมือง" ดังนั้น ตัวเล่นสำคัญคือ นายทุนชาติ และพรรคนายทุน จึงประสานกันเช่นนี้ เพืื่อล้างผลาญประเทศชาติให้พินาศไป ธรรมชาติถูกทำลายเพื่อสังเวยให้เกิดเป็น "ความเจริญ" ทว่า นี่จะเรียกว่าความเจริญที่แท้จริงไม่ได้เลย หากมันยังอยู่บนการทำลายโลก จนเกิด "ภาวะโลกร้อน" เช่นนี้

ดังนั้น ชายจึงแนะนำให้ "ปฏิรูปพรรคการเมือง" ให้เป็นพรรคการเมืองของรัฐครับ!

 

ส่วนคนเลว จะซ่อน "จุดเดือด" เอาไว้ให้ลึกที่สุด ใช่มั้ย?

 

ไม่ทราบเหมือนกันว่าซ่อนต่อมเดือดนี้
เขาซ่อนกันได้ลึกคือไหน

รู้แต่ว่า
เพราะต่อมเดือดตื้นๆ ของคนดีที่มีกืเลส
ทำให้เกิดปรากฎการณ์ ธรรมทิ่มธรรม บ่อยครั้ง
จนชินชา...และยอมรับความชั่วแบบนี้ได้ว่า
เป็นเรื่องปกติ

 

จุดเดือด มันเป็นของคนพาล...
คนเจ้าเล่ห์ มีเล่กล ถึงซ่อนจุดเดือด
บางคนไม่มีจุดเดือด...อย่างผมนี่ มีแต่จุด เอือมระอา กับพวกโง่ๆ
ยิ่งพวกที่แสดงความคิดเห็น แบบไม่รู้ว่าอะไรคือความเป็นกลาง อย่างลุงกินกล้วยตาย เนี่ย
ผมยิ่ง เอือมระอา เพราะ แสดงแต่ความคิดเห็นที่เจือปนอัตตาของตนเอง หาความเป็นกลาง เป็นธรรม ไม่ได้เลย...หลงตัวเองไปเรื่อย..เอือม ๆๆๆๆๆ ระอา ระลุง ระป้า ระตา ระยาย จริงๆ

 

และก็แน่นอนล่ะว่าธรรมที่ทิ่มที่แทงกัน
ย่อมไม่ใช่กุศลธรรม ที่พึงใส่ใจ
เพราะเป็นธรรมที่จะพาเดินเข้าสู่ที่มืดทั้งนั้นฮะ

 

อยากพัฒนาประเทศ..พัฒนาคนก่อน
อยากปฏิรูปอะไร........ ปฏิรูปคนให้เกิดปัญญาที่ถูกต้องก่อน
ถึงสร้างอะไรมาดีแค่ไหน ถ้าคนใช้มัน ไร้ปัญญา...พังหมด

 

:'(

 

เห็นมั้ยว่า ในสติปัญญาของ ลุงกินกล้วยตาย มองเห็นแต่ทางสู่ความมืด เท่านั้น..เขาเลือกมองเห็นแต่ทางที่ไปสู่ที่มืด...เท่านั้น..นี่คือ ตัววัดปัญญา
ธรรมทิ่มแทง...คือมุมมองของคนด้อยปัญญา...คนมีปัญญาเขาเรียกธรรมขัดเกลา

เคยได้ยิน ธรรมตีหม้อ..มั้ย ลุงกล้วยตาย....ธรรมทิ่มแทงมันคงไม่ทิ่มแทงส่วนที่ดี แทงคนดีได้หรอกนะ..อิอิ..ด้อยจัง

 

ธรรมจริง ธรรมแท้ มันทิ่มแทง มันชำระ มันทำความสะอาด กิเลสตัณหา
ธรรมประโลมโลก มันพอกพูน อวิชชา

 

ผู้สมควรกล่าวธรรมปรมัตถ์ คือบุคคลประเภทใด
ผู้กล่าวธรรมปรมัตถ์ โดยไม่ประเมินตนเอง
ว่าเหมาะควรหรือไม่นั้นเป็นคนเช่นไร??

 

ธรรมตีหม้อ...ธรรมของช่างตีหม้อ...ตีหม้อจนออกมาเป็นหม้อที่ดีมีคุณภาพ เหมาะแก่การใช้งาน สวย สมบูรณ์.....เราจะตีท่าน ดุจช่างตีหม้อ...ตีหม้อ...อิอิ...ตีหม้อ

 

นี่ไง นิสัย(สันดาน)...มองหาแต่ ข้อด้อยของคนอื่น มองหาแต่ข้อตำหนิของสิ่งอื่น..เพื่ออวดว่าตนฉลาด...จนไม่เคยมีเวลามองดูตนเอง

หมาแทะกระดูกก็มีธรรม
หมาตายก็มีธรรม
หมากินอาจมก็มีธรร ม

แต่หมาบ้า มันไม่เคยเห็นตัวเอง...(นี่คือธรรมของหมาบ้า) ที่คนอื่นมองเห็นได้ทันที

 

คนที่สวมเสื้อผ้าปกปรกมอมแมม
เป็นนิจ
จะไปอาสาไป
ออกแบบเสื้อผ้าอาภรณ์ให้
ผู้อื่นดูดีมีสง่าใครจะไว้ใจหลงเชื่อ จริงมิจริงฮะ

 

ธรรมตีหม้อ
ธรรมเผาพลอย
ธรรมเจียระไนพลอย

เหล่านี้คือธรรมของคนทำความสะอาด