ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อย่าสวนกลับเอามัน...
    อธิบายความจริงย้อนมา คนพูดผิดจะได้สำนึก
    คนอ่านที่มีความรู้เท่าแมวก็จะได้รู้เพิ่มอีกด้านหนึ่ง
    และจะรักผู้ให้ความจริง
    และรักสามัคคีคิดปกป้องชาติด้วยกัน
    ประวัติศาสตร์ฝ่ายใดเขียนฝ่ายนั้นจะให้ฝ่ายตรงข้าม
    เป็นตัวร้ายเสมอ
    อธิบายมาเลยไม่โทษเพราะเจตนาดี
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ถ้าหากมีความัคคีอยู่แล้ว ก็คงไม่มีเหตุที่จะกล่าวถึงเหตุแห่ง
    ความร้าวฉาน
    เเต่เนื่องจากมันมีผลจึงเอากรณีที่น่าจะต้นเหตุมา
    สำแดงแบบคิดต่าง เนื่องจากมันร้าวอยู่โดย
    ไม่รู้สาเหตุอยู่ก่อน ถ้าไม่ใช่คนอ่านก็ต้อง
    ไปหาความกระจ่างกันเองนะ
     
  3. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ไม่ทราบว่าประวัติศาสตร์แบบนี้ ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาหรือเปล่านะครับ
    หรือว่าเป็นแต่เพียงนิยายที่แต่งไว้หลอกผู้ฟังเล่นๆ
     
  4. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    คนที่จะทำให้เกิดความแตกแยก และมีผู้เกลียดสถาบันเพิ่มก็คือตัวคุณ
    ยังจะมาทำแถไปเรื่องอื่นอีก...
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ตรรกะอะไร
    คนที่รักคณะราษฎร
    อยู่แล้วจึงจะต้องไปเกลียดกษัตริย์
    คณะราษฎรทรยศกษัตริย์อภัยโทษ
    ให้แถมยอมยกอำนาจให้แบบชิวชิว
    น่าจะพากันยกย่องในความเมตตาของ
    กษัตริย์...แต่Yost บอกจะพากันเกลียด
    มันยังงัย อธิบายด้วย
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ยิ่งกว่ากระทรวงหลายเท่า
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    แค่ที่ทำขนาดนั้นก็สุดยอดแห่งความดื้อแล้ว
    จะมาเอาสมบัติพัสถานอัก แล้วจะแบ่งกันยังไงยุ่งตาย
    ตั้ง 3 ฝ่าย ตำรวจ ทหาร พลเรือน
     
  8. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ไหนล่ะ กระทู้สุดท้ายในหลุมดำ ??
    ถามให้ระบุมาให้ชัดเจนว่า สุดท้ายในชีวิตนี้หรือสุดท้ายในอะไรก็ไม่ยอมตอบมาให้ชัดเจน
    สุดท้ายก็กลายเป็นพวกไร้สัจจะ เชื่อถืออะไรไม่ได้ ???
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ต้องเอาไว้ใช้กับของแท้
    ของเทียมต้องเจอสัจจะเทียม
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ไม่มีอะไร
    เป็นราษฎรอาวุโส ก่อนหน้านี้เป็นคุณครูสอนภาษา
    ร.ร.มัธยมของรัฐ ....แค่สนใจว่าทำไมคนไทยช่วยกัน
    พัฒนาประเทศแล้วก้าวหลัง ขณะประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้า
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ไม่มีอะไร
    เป็นราษฎรอาวุโส ก่อนหน้านี้เป็นคุณครูสอนภาษา
    ร.ร.มัธยมของรัฐ ....แค่สนใจว่าทำไมคนไทยช่วยกัน
    พัฒนาประเทศแล้วก้าวหลัง
    ขณะประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้า
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เราจะไม่ทนรักษาสัจจะ
    แก่ผู้ที่มอบอสัจจะให้แก่เรา

    สัจจะควรมีแก่ผู้มีสัจจะ เราถือแค่นี้ มากกว่าไม่ไหว
    เพราะเราแค่คนธรรมดาสามัญ
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ไม่ต้องรับเงินสิ
    ถ้ารับเงินจะแยกดีแยกชั่วไม่ได้
    ฝ่ายทรยศจะเป็นฝ่ายดีฝ่ายถูก
    ถ้ามาแสดงความเห็น
    โดยรับจ้างมา
    และจะใช้ลีลาพริ้วกว่านี้
    เพื่อให้คล้อยตามว่าการทรยศ การอกตัญญู

    ต่อกลษัตริย์เมื่อปี 2475 นั้น
    ถ้าทำโดยสุภาพแล้วจะถือเป็นสิ่งถูกต้อง
    ตามความเห็นของ Yostro
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ก่อนบรรลุธรรมให้ตรวจดู "พละห้า" ก่อน


    พละห้าได้แก่ ศรัทธา, วิริยะ, สติ, สมาธิ, ปัญญา ทั้งห้าประการนี้ต้อง "สมังคี" กันจึงจะบรรลุธรรมได้ หลายคนมีความรู้มาก มากจนคิดไปว่าตนได้บรรลุธรรมแล้ว บางคนก็มีความฉลาดมาก มากจนคิดว่าตนได้ปัญญาแล้ว ฯลฯ ทว่า แท้จริงแล้วอาจไม่ใช่ ดังนั้น การตรวจสอบพละห้า จึงเป็นการตรวจเช็คความพร้อมในการบรรลุธรรมของเรา และสามารถจะดูได้ว่าคนๆ นั้นบรรลุธรรมจริงหรือไม่? เพราะผู้ที่จะบรรลุธรรมได้จะต้องมี "พละห้าที่สมบูรณ์" ก่อน เช่น มีศรัทธาอันสมบูรณ์ หมายถึงอย่างไร? หมายความว่าคนๆ นั้น จะต้องมีศรัทธาที่แท้จริง ศรัทธาอันเป็นสัจธรรมความจริงแท้ เป็นธรรมะ ธรรมชาติที่เกิดในตน มีในตนแล้วหรือยัง? หากเกิดแล้ว เขาย่อมมีศรัทธาอันเป็นอิสระ ไม่ถูกผูกมัดกับสิ่งใด เพราะศรัทธาที่แท้จริงไม่ใช่ความจงรักภักดีของทาสที่มีต่อเจ้านาย เช่นนั้นไม่ใช่ความศรัทธา และไม่ใช่ความงมงายที่ม่ีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดจึงไม่มีลักษณะที่ถูกผูกมัดเช่นนั้น ศรัทธานั้นจะต้องเหมือนเสาเอกที่แม่นมั่น แน่วแน่มั่นคงอยู่ภายในตัวเรา เป็นเหมือนประภาคารที่ส่องไปยังเป้าหมายที่ถูกต้อง กล่าวคือ เมื่อมีผู้ใด กล่าวธรรมแท้ เราย่อมมีจิตน้อมตามเขาไป ย่อมไม่มีอาการต่อต้าน ขัดขืน หรือตั้งตนเป็นปรปักษ์ หลายคนมีอาการตั้งตนเป็นปรปักษ์ โดยให้เหตุผลว่าธรรมนั้นผิดเพี้ยน อาการแบบนี้ไม่ใช่ความศรัทธา แต่เป็นความอาฆาตที่ซ่อนลึก ฝังในจิตในใจมาแต่ชาติปางก่อน แล้วจึงอ้างเหตุผลให้ดูดี

    คนที่จะบรรลุธรรมได้ จะต้องมีพละห้าที่สมบูรณ์ทุกตัวก่อน และต้องสมังคีกันด้วย หมายถึง คนๆ นั้นจะต้องมีศรัทธาที่แท้จริง, มีวิริยะที่ไม่เพียรจม, มีสติไม่หลงเตลิดไปไกล, มีสมาธิที่เป็นสัมมาสมาธิ, มีปัญญาเบิกบานแล้ว ทั้งห้าประการนี้จะต้องมีครบบริบูรณ์ก่อนบรรลุธรรม หลายคน "มีความรู้ ความเข้าใจเยอะมาก" จึงคิดว่าคือปัญญา บางคนใช้ความฉลาดซึ่งไม่ใช่ปัญญา ไปอ่านไปฟังธรรมะของผู้อื่นมา แล้วดัดแปลงใหม่ให้เหนือกว่า ให้ดูสูงส่งกว่าของเดิม จึงคิดว่าตนมีปัญญาแล้ว ธรรมะจริงๆ เขาไม่ต้องดัดแปลงอะไรนะ มันปิ๊งมาจากข้างใน ใสๆ แล้วมีสภาวะเป็นกลาง ราบเรียบ ไม่สูง ไม่ต่ำกว่าใคร เรียกว่า "ธรรมเสมอภาคด้วยธรรม" นะ คนที่มีธรรมสูงๆ นั่นยังไม่ใช่สัจธรรมแท้นะ เป็นแค่ความฉลาดที่ไปอ่าน ไปฟังธรรมของผู้อื่นมาโดยตนไม่ได้ตรัสรู้เอง แล้วดัดแปลงจนดูสูงส่งเลอเลิศกว่าใครก็เท่านั้น การตรัสรู้ที่แท้จริง มันจะไม่อิงกับธรรมะของใคร ไม่มีธรรมะของใครมาเป็นต้นแบบ หรือมาให้อ่าน ให้ฟังทั้งนั้น บางทีมันออกมาจากใจของเราแบบใสๆ แบบไม่เหมือนใครเลย แต่แก่นแท้ก็ไม่ต่างกัน ตรงนี้แหละแปลก ภายนอกใช้สมมุติบัญญัติ ความหมายดูต่างกัน ขัดแย้งกัน ทว่า แก่นแท้เดียวกันเลย คนที่บรรลุธรรมแล้ว เขาจะมีธรรมะเป็นเอกลักษณ์ทั้งนั้น เพราะไม่ได้ไปเอาของใครมา

    ผู้ที่บรรลุธรรมแล้วมีธรรมะก็เหมือนไม่มีธรรม สมมุติกล่าวไปเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 สิงหาคม 2016
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ปชต. กับความคิด, ความถูกต้อง และ "การให้ได้"


    บางครั้ง สิ่งที่เราคิดอาจดีมากและถูกต้องแล้ว แต่ในความเป็นจริง เราอาจให้สิ่งนั้นแก่ประเทศไม่ได้ เพราะกำลังความสามารถเราไม่มี หรือมีไม่มากพอ ดังนั้น เราจึงต้องแยกแยะให้ออกระหว่างความคิด, ความถูกต้อง และ "ความสามารถในการให้ได้" (afford) อนึ่ง คนเราแต่ละคนมีความสามารถในการทำให้ประเทศได้ ไม่เท่ากัน และไม่มีใครที่ดีที่สุดที่สามารถให้กับประเทศไปได้ตลอดกาล เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็จะเกิดการผูกขาด ไม่มีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง สับเวรให้คนอื่นขึ้นมาทำหน้าที่บ้างเลย เช่น ความคิดของทักษิณอาจจะดี และถูกต้องมากๆ ทว่า ถึงเป็นเช่นนั้นตามหลักการปกครองก็ไม่อาจให้เขายึดอำนาจไว้ได้ตลอดเพียงคนเดียว เพราะหากเขาผูกขาดได้แล้ว ระบอบการปกครองก็จะเสียทั้งหมด ในอีกมุมหนึ่ง ตู่อาจจะคิดแตกต่าง ดูเหมือนไม่ดี ไม่ถูกต้องในสายตาผู้อื่น ทว่า เขามีความสามารถในการให้แก่ประเทศได้เท่านั้น แล้วเขาอาสาจะมาเป็นผู้ให้แล้ว ก็เหมือนเจ้าภาพจองกฐิน เขาอาสาจองจะทำให้แล้ว เขาทำให้ได้เท่าไร พระจะไปว่าเขาได้ไหม? ก็ไม่ได้ เขาทำได้เท่าไรก็แล้วแต่เขา เราก็ต้องเป็นผู้รับไป ดังนั้น ผู้นำบางคนขึ้นมามีอำนาจแล้วอาจทำให้ประเทศถอยหลังก็ได้ เพราะความสามารถในการให้ของแต่ละคนนั้น ไม่เท่ากัน แต่โดยการปกครองแล้วเราจะให้คนดีคนเก่ง เพียงคนเดียว "ผูกขาดอำนาจไปตลอดกาล" นั้น คงผิดหลักการปกครอง

    หลักการปกครองนั้น เขาไม่ได้ยึดความถูกต้องดีงามเป็นสิ่งสูงสุด ก็เพราะว่ามันไม่มีความถูกผิด ดีชั่วที่แท้จริงในการปกครองตั้งแต่แรก นึกออกไหม? เราจะเอาหลักความถูกผิด ดีชั่ว มาใช้ในการปกครองนั้น ไม่ได้ พูดแบบนี้ไม่ได้แปลว่าให้คุณทำผิดหรือทำเลวอะไรก็ได้นะ ไม่ใช่เลย หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าถ้าไม่ยึดความถูกผิดดีชั่วแล้วก็ทำผิด ทำเลวอะไรกับศัตรูทางการเมืองของตนเองก็ได้ นั่นไม่ใช่แล้วครับ คำว่า ไม่ยึดติดความถูกผิดดีชั่วนี้ มันไม่ได้หมายถึงให้เราไปทำผิดทำชั่ว แต่หมายถึงให้เราปลง ปล่อยวาง เพราะเข้าใจได้ว่าประชาชนนั้นมีความหลากหลาย มีทั้งคนที่ทำถูก ทำผิด ทำดี ทำชั่ว คละเคล้าปนกันไป เราจะไปฆ่าคนผิด คนไม่ดีให้หมดไปนั้น ไม่ได้ ก็เลยต้อง "ปกครอง" ให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันให้ได้ ต่างหากละ ทีนี้ ก็เป็นธรรมดาว่าบางยุคสมัยอาจมีคนดี มาเป็นตัวแทนของคนดีอีกมากมายในประเทศ แต่ในบางยุคบางสมัยอาจมีคนชั่วขึ้นมาเรืองอำนาจ เป็นตัวแทนของคนชั่ว (ยุคนั้นเราก็จะเห็น ปชช. กล้าทำชั่วได้อย่างหน้าตาเฉย) บางยุคสมัยมีคนทำแต่สิ่งที่ถูก ขึ้นมามีอำนาจ คนก็ไม่กล้าทำสิ่งผิดกันมาก บางยุคสมัยมีคนที่ทำแต่สิ่งที่ผิดๆ ขึ้นมามีอำนาจ ผู้ตามและประชาชนทั้งหลายก็ทำผิดตามผู้นำคนนั้นไป เห็นไหม? นี่ละ การเมืองการปกครอง มันเป็นแบบนี้ จะไปยึดถูกผิด ดีชั่วอะไรกับมันมากไม่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องมี "สติ" ให้มาก มีหลักแน่วแน่มั่นคง หากไม่มั่นคงแล้ว เราจะถูกพายุทางการเมืองพัดพาให้ทำผิดก็ได้ ทำชั่วก็ได้ ทำถูกก็ได้ ทำดีก็ได้ มั่วไปหมด จนไม่เป็นตัวของตัวเอง และสูญเสียธรรมชาติเดิมที่ดีงามของตนไปในที่สุด

    ความคิดต่อให้ดีแค่ไหน จึงไม่สำคัญเท่ากับ "คนๆ นั้นทำให้ชาติได้แค่ไหน" ดังนั้น คนจึงสำคัญกว่าความคิด!
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ จาก คำถาม-ตอบ "บางประการ" ในหน้าแรกของกระทู้ "ธรรมบัวบาน"
    +++ คำตอบตรงนี้ "มันทะแม่ง ๆ" ยังไง ๆ ชอบกลนะ

    +++ เอาเป็นว่าการ "รู้จากการ เปิดจักระเจ็ด" หรือแม้กระทั่ง "ร้อยรวมเชื่อมพลังจาก จักร 1-7" ก็ตาม ก็ยังมาถึงตรงนี้ไม่ได้หรอก

    +++ ถ้าคุณฝึก จักระ มาจริง ๆ ก็น่าจะรู้เรื่องของ "เจตสิก คุม/สร้าง จักระ" มาบ้างนะ แม้กระทั่ง "ตัวเจตสิก" ก็ไม่มีความสามารถที่จะ มาถึงสภาวะธรรมในบริเวณนี้ได้

    +++ ส่วนที่กล่าวว่า "รับคลื่นพลังธรรมจากศากยมุนีพุทธเกษตร" นั้น จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็น "พุทธเกษตร" ใด ๆ ก็ตาม ปรากฏการณ์ของ "จิตส่งออก" จะไม่มีปรากฏเลย

    +++ ถามจริง ๆ ตรง ๆ นะว่า "เคยสัมผัสกับ พรรณรังสี ของพุทธเกษตร" แบบจริง ๆ มาบ้างแล้วหรือไม่

    +++ หากเคยสัมผัสมาจริง คุณ ย่อมจำแนกได้ว่า "พรรณรังสี ของพุทธเกษตร" นั้น แตกต่างจาก "พรรณรังสี ของผู้ที่พ้น พุทธเกษตรได้แล้ว" อย่างไร

    +++ การนำเอา "ธรรมะ อันเป็นของผู้อื่น มากล่าวเป็นตุเป็นตะ แบบว่าตนเป็นผู้ค้นพบ" นั้น วิบาก มหาศาลไร้กำหนด

    +++ แม้ว่าห้องนี้จะเป็น "ห้องหลุมดำ" ก็ตาม แต่ "กฏแห่งกรรม" นั้นไม่ได้สนใจหรอกว่า เป็นห้องอะไร ตรงนี้ คงรู้ดีอยู่แล้วนะ

    +++ สำหรับผู้ที่ ติดตามอ่าน กระทู้นี้ ก็ขอให้ "อ่านเปรียบเทียบ" กับหนังสือแปลจากต้นฉบับสันสกฤตโดย นายชะเอม แก้วคล้าย ประกอบกันไปด้วย เพื่อ "ความไม่ประมาท" นะครับ

    พระสูตรสัทธรรมปุณฑรีกะ วัดโพธิ์แมนคุณาราม (รวมทั้งประวัติการแปล) สามารถ ค้นคว้า ได้จากลิ้งค์ข้างล่างนี้ ด้วยความหวังดี นะครับ

    https://sites.google.com/site/watkaokaew6/hnangsux-saththrrm-punthrik-sutr
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ที่แมวพูดไว้น่ะมันใช่ แต่ตอนนี้มันบ่ใช่
    อนิจจัง อนัตตา
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ธรรมบัวบานเป็น "ธรรมปัจจุบัน" ได้อย่างไร?


    ภพ หมายถึง ภวแห่งการดำรงอยู่อันไม่เที่ยง ไม่ว่าจะเป็นภพสวรรค์หรือนรกก็ไม่เที่ยง สัตว์ที่จุติไปดำรงอยู่ในภพต่างๆ ก็ไม่เที่ยง ย่อมเวียนว่ายตายเกิดไปสู่ภพอื่นๆ ได้เสมอๆ เรียกว่า "สังสารวัฏ" สิ่งนี้เป็นธรรมะ ธรรมดานะ มองเป็นกลางๆ อย่าไปมองว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีอะไร หลายคนถูกใส่ประจุลบกับภพแล้วใส่ประจุบวกกับนิพพาน จริงๆ แล้วสัมมาทิฏฐิไม่ใช่อย่างนั้น จะต้องเห็นทุกธรรมเป็นกลาง

    ภูมิ หมายถึง ภวแห่งจิตวิญญาณอันไม่เที่ยง ที่พัฒนาไปสู่ขันธ์ที่ดี ก็อยู่ภูมิที่ดีเช่น จิตของมนุษย์บางคนมีภูมิเป็นพรหม แต่จิตที่เสื่อมลงก็ไปอยู่ในภูมิที่ไม่ดีเช่น จิตของมนุษย์บางคนนอนป่วย ทรมานอยู่บนเตียงคนไข้ คำว่า ภูมิ ไม่ใช่ภพ หมายถึงระดับของจิต แม้เราจะยังอยู่ในภพมนุษย์ แต่ถ้าจิตสูงถึงพรหม เราก็มีภูมิระดับพรหมได้ แต่ถ้าจิตเราเสื่อมต่ำลง ก็อาจมีภูมิสัตว์นรกทั้งๆ ที่เป็นมนุษย์อยู่ได้

    จิต หมายถึง ตัวรู้, ธาตุรู้ อันไม่เที่ยง จิตนั้นไม่เกิดไม่ดับตามสังขาร แต่จะเกิดดับด้วยเหตุอื่น ขณะที่สังขารดับลง (ดับขันธ์) เฉพาะขันธ์ทั้งห้าดับลงไป จิตไม่ดับ จิตไม่ตาย จิตเพียงจุติจากสังขารเรียกว่า "จุติจิต" อนึ่ง จิตกับวิญญาณประสานกันอยู่เรียกว่าจิตวิญญาณเมื่อมองด้วยตาทิพย์ก็เห็นเป็นกายทิพย์ อยู่ในสังขารขันธ์ของเรา หากจิตเสื่อมลง กายทิพย์ก็เสื่อมลง หากจิตดีขึ้น กายทิพย์ก็เจริญดีขึ้น

    ธรรมปัจจุบัน หมายถึง ธรรมะที่เห็นผล ณ ปัจจุบัน, เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน และอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ไปเอาธรรมะที่กล่าวในอดีตมาใช้นะ ธรรมะในตำราทั้งหลายเป็นอดีตหมด เราไปยึด ไปจำมาใช้กับปัจจุบันไม่ได้ เราต้องใช้ปัญญาที่แท้จริงมาแก้ปัญหาชีวิต ณ ปัจจุบัน ธรรมปัจจุบันนี้ให้ผลจริง ผู้ปฏิบัติจะได้ผลทำให้จิตเลื่อนชั้น เลื่อนภูมิให้สูงขึ้นได้ บางคนภูมิจิตเป็นสัตว์นรกก็เลื่อนระดับชั้นภูมิจิตให้เป็นเทพ เป็นพรหมได้ ชีวิตก็เจริญรุ่งเรืองขึ้น

    ธรรมบัวบานเป็นธรรมปัจจุบัน เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้จริง ณ ปัจจุบัน ดังที่กล่าวแล้วว่า บางคนภูมิจิตอยู่ระดับสัตว์นรก นอนป่วย ถูกทรมานอยู่บนเตียงคนไข้ หากปฏิบัติธรรมบัวบานได้สำเร็จ ก็สามารถเลื่อนภูมิจิตให้สูงขึ้นได้ เป็นเทพ เป็นพรหมได้ ถ้าเลื่อนชั้นได้ ชีวิตก็เปลี่ยนเลย ไม่ต้องอยู่ในสภาพเหมือนสัตว์นรกที่ถูกทรมานทุกวันอีก จะอยู่เหมือนเทพ เหมือนพรหม และเกิดผลได้จริง ณ ปัจจุบันเลย ซึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยตนเองนะ ไม่ได้มีใครมาเสกให้ คนเราทุกคน "เท่าเทียมกัน" และเราต้องพยายามช่วยตัวเอง พึ่งพาตัวเอง (อัตตาหิ อัตโนนาโถ) ธรรมนี้ให้ผลได้จริง ณ ปัจจุบัน เปลี่ยนชีวิตให้เจริญขึ้นได้จริงทั้งทางโลกทางธรรม

    ธรรมบัวบานยกระดับจิตมนุษย์ให้สูงขึ้นเป็น "มนุสสเทโว" ก็ยังได้ครับ
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เวทีการเมืองไม่มีมิตรหรือศัตรู นัก ปชต. ควรตระหนักไว้ให้ดี!


    นัก ปชต. หลายท่านยังไม่อาจพัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็นนักการเมืองได้ พวกเขาเป็นได้แค่ "นักคิด" และ "คนมีอุดมการณ์" ดังที่เราเห็นพวกเขาชอบคิด และขัดแย้งกันเพราะความคิดที่แตกต่างกันนั้น นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังพัฒนาตัวเองไปได้ไม่ถึงนักการเมือง สิ่งสำคัญอันเป็นหัวใจของนักการเมืองก็คือ เราจะต้องไม่มองใครเป็นมิตรแท้หรือศัตรูถาวร เพราะมันไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในเวทีนี้ บางคนอาจเป็นศัตรูของเรา และเป็นศัตรูของศัตรูของเราด้วย นี่ก็นับว่าเป็นมิตรกันได้ แต่เราต้องเข้าใจว่ามิตรแบบนี้ ไม่ใช่มิตรที่เรามีอยู่ในชีวิตจริงของเราจะเอามาปนกันไม่ได้ นี่ไม่ใช่การใส่หน้ากากเข้าหากัน แต่มันคือ ธรรมชาติของการเป็นนักการเมือง ทว่า นัก ปชต. หลายคนไม่เข้าใจ พวกเขามองโลกนี้มีมิตรและศัตรูแท้จริง พวกเขามองคนในวงเสวนาเดียวกันว่าเป็นมิตร และมองรัฐบาลว่าเป็นศัตรู พวกเขาก่อการเคลื่อนไหวเพื่อเล่นงานรัฐบาล เอาละ ที่ชายกล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าชายมาหลอกให้คุณเป็นมิตรกับรัฐบาลหรือใคร แต่ชายกำลังกล่าวถึง การเป็นนักการเมืองที่แท้จริง นักรัฐศาสตร์ทั้งหลาย ที่ไหนเขาก็สอนกันมาแบบนี้ ยกเว้นว่าคุณถูกหลอกใช้ คุณจึงไม่ได้รับความรู้ทางรัฐศาสตร์ที่ถูกต้อง คุณแค่ได้รับความรู้ที่ขาดๆ หายๆ แล้วก็ถูกเสี้ยมเขาให้อารมณ์ลุกโชนให้ไปชนกับรัฐบาล ไปตายสังเวยอุดมการณ์ของคุณ!

    หากคุณต้องการเป็น Activist ที่เคลื่อนไหว ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองให้ได้จริงๆ คุณควรจะเป็นนักการเมืองหรือมองอย่างนักการเมืองให้ได้ อย่างแรก อย่าให้ใครเอาค่ายกล บ่วงกล หรือวังวนของการมองโลกอย่าง "มิตร-ศัตรู" มาครอบงำหรือบงการความคิดของคุณ คุณต้องมีอิสระเสรี ปลดปล่อยตัวเองออกจากการเป็นทาสของบ่วงความคิดนั้นๆ ให้ได้ก่อน หากตัวเรายังปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ จากบ่วงความคิดแบบ "มิตร-ศัตรู" ยังไม่ได้ เราจะไปเรียกร้องหา ปชต. จากใคร? เมื่อเราเองยังไม่มีอิสระภาพในตัวเองเลย เราจะไปสร้าง ปชต. ให้ใครได้? หากคุณยังเยาว์ ยังเขลา ยังทึ่ง คุณจึงมาหาความหมายอะไรกันของพวกคุณ คุณก็จะเป็นได้แค่ "ตัวหมาก" ที่ถูกหลอกไปตาย ไปสังเวยกับอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง ชายเล่นการเมืองโดยไม่ได้มีตำแหน่งอะไร นี่ชายก็ทำเหมือนกัน การเคลื่อนไหวของชายไม่ได้ลอกแบบตามใคร ชายไม่ได้เห็นว่าจะต้องลุกฮือออกไปสู้หรืออดอาหารอย่างใครๆ เขา ชายใช้สิ่งที่ชายถนัดคือ "การสื่อสาร" ชายก็ทำงานอย่างต่อเนื่องและทำอย่าง smart แบบฝรั่ง ชายบอกสิ่งเหล่านี้ ก็เพื่อหวังว่าคุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการเมือง ที่กำลังสร้างความเกลียดชัง, ความร้าวฉาน, ความแตกแยก ให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้

    นักปกครองที่แท้จริงจะไม่มองใครเป็นศัตรู แต่จงเรียนรู้ที่จะใช้คนให้ได้ทุกคน!
     
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    "จิต"เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
    จิตที่มองเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง
    จะค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งนั้น
    การเจริญมรณานุสติทุกวัน
    เป็นเคร่องมือช่วยในการตัดสินใจในชีวิต...
     

แชร์หน้านี้

Loading...