เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    119642114_1710006745842524_6834672184233835822_n.jpg
    ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี

    สงครามโลก


    ท่านสาธุชนพุทธบริษัท วันนี้ก็ยังเป็น วันที่ 8 ตุลาคม 2533 ตามเดิม แต่ว่าพูดเป็นตอนที่ 2 ตอนนี้ขอพูดถึงตอนที่ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้น

    ท่านทั้งหลายคิดออกหรือยังว่าสงครามโลกเกิดขึ้น และมันก็ไม่ได้เกิดกับประเทศไทยโดยตรง มันเกิดภายนอกประเทศนอกเขตของไทย

    เป็นอันว่าลูกปืนก็ไม่มาถึงประเทศไทย เครื่องบินก็ไม่มาถึงประเทศไทย

    แต่ต้องระวังจรวด เรื่องจรวดนี่ต้องระวังกันหน่อย เพราะจรวดมันมาจากใต้น้ำได้ มันยิงทางไกลได้ ถ้ามันจะเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นขนาดย่อมๆ ตามจุดต่างๆเป็นจุดเล็กๆ อาจจะโผล่จุดนี้บ้างจุดนั้นบ้าง เป็นการทำให้รวน กำลังของทหารรวน แล้วจะตั้งกลุ่มขึ้นบางจุด เป็นกลุ่มใหญ่หน่อย ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ

    ก็รวมความว่า สงครามโลกไม่มีเรื่องหนักใจในเรื่องการตายของเรา

    เรื่องรังสีของวิทยาศาสตร์ รังสีต่างๆ ไม่ต้องวิตกกังวล ขอยืนยันว่า บุคคลที่นับถือพระพุทธเจ้าจะไม่ตายเพราะรังสีต่างๆ ตามที่บอกมาแล้ว

    ทีนี้ความร่ำรวยอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง

    ประการแรก ขอบอกว่าเรื่อง น้ำมัน จะเป็นเหตุให้รวย

    เพราะว่าทุกประเทศต้องใช้น้ำมัน และอีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริงๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าสงครามโลกโดยตรง แต่ว่าทหารของประเทศบางประเทศจะต้องยกเข้ามาตั้งในจุดใดจุดหนึ่งของประเทศไทย เวลานั้นเราก็ขายน้ำมันให้เขา เราก็รวย

    ถ้ามีกองทหารอื่นเข้ามา มันจะดีหรือไม่ดี นี่ก็เป็นเรื่องของการเมือง แต่มีความจำเป็นเกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับ ถ้ามีการยอมรับ รายได้ต่างๆของประชาชนก็เกิดขึ้น

    ทีนี้รัศมีสงคราม ในเมื่อมันไม่ถึงประเทศไทย เราก็ไม่มีความลำบาก บรรดาท่านที่ทำนาทั้งหลาย ท่านที่มีนา อย่าเพิ่งขายนาในราคาแพงมากนัก คือขายก็ขายเถอะ แต่อย่าขายให้มันหมด ก็มีคนหลายคนมาบอกว่า มีที่ 20 ไร่บ้าง 30 ไร่บ้าง 50 ไร่บ้าง 100 ไร่บ้าง อยากจะขาย ขายได้ไร่ละเป็นล้าน นี่ก็เห็นใจเหมือนกัน ความจริงเงินนับล้านเป็นของหายาก ก็เห็นใจ เขาอาจจะตั้งตัวอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ถ้าไม่ลืมตัว

    แต่ว่าบางท่านที่ไม่มีโอกาสจะขายนาของท่านได้ นาของท่านอยู่ไกลที่เจริญ อยู่ไกลแม่น้ำ ไกลถนน ถ้าเขาจะซื้อ ก็ซื้อราคาถูก ท่านก็ไม่อยากจะขาย ท่านจะขายราคาแพง ในที่สุดท่านก็ไม่มีโอกาสจะขาย ในเมื่อเวลานี้ไม่มีโอกาสจะขาย ท่านอาจจะเสียดายว่าที่นาของเราไม่ได้ขาย เราไม่รวย

    แต่ทว่าถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริงๆ ท่านจะดีใจเพราะนาท่านไม่ได้ขาย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะข้าวของท่านที่ออกมาราคามันแพงมันจะขายได้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะแพงกันหมด ดูสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกสิ่งทุกอย่างมันหายาก ยิ่งเขายิ่งรบกัน โอกาสที่เขาจะทำมันก็มีน้อย เขาต้องใช้เวลารบกันมากขึ้น ทีนี้เราก็ขายได้ดี

    มาส่วนด้านของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมก็มีมาก แต่ว่าอุตสาหกรรมก็ต้องระวังโรงงาน โรงงานต่างๆต้องระวังระเบิดภาคพื้นดิน ไม่ใช่ระเบิดจากอากาศ ระเบิดภาคพื้นดินจะอาละวาด ถ้าจะถามว่า หาทางป้องกันอย่างไร นี่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร หรือท่านเจ้าของโรงงาน

    ทางด้านพุทธศาสนาก็มี บอกไม่ได้ จะบอกได้อย่างไรว่า เรานับถือพระพุทธเจ้าเท่ากันหรือเปล่า ถ้านับถือเท่ากันก็เอาของที่ท่านให้ไว้ ท่านให้ไว้นั่นก็คือ ความดี ของดีถ้ามีไว้ ในรัศมีนั้นจะไม่มีอันตรายจากภัยระเบิด และภัยโจมตีต่างๆจะไม่เกิดขึ้น

    เหมือนกับสมัยมี ผ.ก.ค. ในที่ต่างๆเคยถูกโจมตี และเจ้าของสถานที่นั้น เจ้าหน้าที่ในที่นั้นเกิดมีความเคารพพระพุทธเจ้าขึ้นมา มีของอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงไว้เป็นเขต ในเขตนั้นปรากฏว่า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยถูกโจมตี หรือข้าศึกยิงเข้ามา ก็ไม่เข้าสถานที่ตรงหน้าไม่เข้าฐาน เป็นอันว่าทหารในเขตนั้นก็ปลอดภัย

    ข้อนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า ถ้าเรานับถือพระพุทธศาสนาจริงและยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าจริง สิ่งใดที่ท่านให้ไว้ สิ่งนั้นเราเคารพด้วยความจริงใจ แล้วทุกท่านจะปลอดภัยจากสงครามโลกครั้งที่ 3

    ทีนี้ถ้าโรงงานต่างๆมีความเคารพพระพุทธเจ้าด้วยความจริงใจจริงๆ โรงงานนั้นๆจะพ้นอันตรายจากระเบิด และการทำอันตรายต่างๆจากสรรพาวุธจะไม่เกิดขึ้นกับโรงงานนั้น โรงงานนั้นในเมื่อผลิตของได้ก็จะขายดี รวย

    เขารบกัน เขาไม่มีเวลาทำ เรามีเวลาทำ เพราะเราไม่ต้องรบ เขาต้องสูญต้องเสียเงินเพื่อการรบ การรบต้องใช้เงินมาก เราไม่ต้องสูญเสียเงินเพราะการรบ เราก็ขายของของเรา ในเมื่อของมันขาด ราคาก็แพง ในเมื่อขายของได้ราคาแพงมาก รัฐบาลก็ได้ภาษีอากรมากขึ้น ประเทศก็รวย คนในประเทศก็รวย

    นี่พูดถึงความร่ำรวยที่ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันตามจุดต่างๆที่บริษัทเขาเจาะไว้ เขาบอกว่า มันไม่พอใช้ มันก็จะปรากฏขึ้น เพราะเราไม่มีโอกาสซื้อน้ำมันต่างประเทศ ถ้าน้ำมันต่างประเทศจะซื้อได้ยากราคาแพง อันนี้เขาจะดึงขึ้นมาใช้ ราคาเหมือนราคาต่างประเทศ อย่างนี้อุตสาหกรรมของเราก็จะรวยไม่ได้

    ถ้าบังเอิญคนไทยอย่างที่ฝาง ใช้หัวเจาะลึกๆ หัวเจาะยาวๆ เจาะลงไปลึกๆ แต่ตามหลักนักวิชาการเขามีอยู่ อาตมาก็ไม่ได้ค้านตามนั้นนะ ลองเจาะดูตามที่ ดร.สรรพศาสตร์ ท่านพูด

    ดร.สรรพศาสตร์ท่านบอกว่า ที่ใดก็ตาม เจาะลงไป มันจะมีน้ำมัน แต่ว่าผิวดินมันจะลึก จะตื้นกว่ากันนั่นอีกอย่างหนึ่งต่างหาก เท่าที่เขาเจาะเวลานี้ ยังไม่ถึงขุมน้ำมันจริงๆ มันไปถึงต่อมเล็กๆ บนหลังถังของน้ำมัน ยังไม่ถึงขุมน้ำมันแท้

    ถ้าใช้หัวเจาะประมาณ 6 กิโลเมตร อย่างอังกฤษเจาะอย่างนี้ไม่ต้องใช้กี่บ่อแล้วเพียงแค่ 10 บ่อ ดึงกันวันไม่รู้จักเท่าไร เท่าไรก็ไม่รู้จักหมด เราใช้ประมาณ 30 เท่า หรือ 300 เท่าของเวลานี้สัก 1,000 ปี มันก็ไม่หมด เพราะมันเป็นทะเลใหญ่ ดร.สรรพศาสตร์ ท่านพูดอย่างนี้นะ

    ถ้าบังเอิญคนไทยของเราดึงขึ้นมาได้เอง เราก็กดราคาน้ำมันให้ต่ำลงไป อย่างแพงที่สุดก็เท่าราคาน้ำมันในปัจจุบัน รักษาราคาน้ำมันไว้ ต่างประเทศเขาต้องซื้อแพง เราถูก อุตสาหกรรมของเราก็มีราคาถูกขายก็ได้กำไร กำไรก็จะมีมาก กำไรจากอุตสาหกรรมด้วย กำไรจากเกษตรกรรมด้วย กำไรจากน้ำมันด้วย และก็จะมีกำไรมากมาย ประเทศไทยก็จะเป็นมหาเศรษฐี

    (จาก หนังสืออ่านเล่น เล่ม 18 หน้า 65-69)

    เตรียมกายเตรียมใจ

    ทีนี้ต่อไป มันก็มีเวลาเหลือ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็มาคุยกันว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิด จะว่าอย่างไร ก็ต้องตอบว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิดก็เป็นของดี

    แต่ว่าท่านดร.สรรพศาสตร์นี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านบอกเขาไม่เรียกสงครามโลก เขาเรียกสงครามใหญ่ มันเป็นสงครามใหญ่ ไม่ใช่สงครามโลก ก็เป็นอันว่า ถึงแม้จะเป็นสงครามโลกก็ตาม สงครามใหญ่ก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นจริง เราก็เอาบทเรียนจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มาใช้กัน

    1. ผ้าในสมัยนั้น หาคนนุ่งผ้าดีได้ยาก ส่วนมากก็จะมีคนนุ่งผ้าขาดๆ เพราะเวลานั้นโรงงานทำผ้าของเรายังมีน้อย แต่เวลานี้โรงงานทำผ้าของเรามีมาก แต่ก็ไม่แน่นอนนัก บางทีระเบิดเพลิงจะเกิดจากภาคพื้นดินก็ได้ ถ้าระเบิดเพลิงจากภาคพื้นดินเกิดกับโรงงาน โรงงานทำผ้าของเราก็จะสลายตัว ผ้าก็จะน้อย

    อันดับแรก เตรียมผ้าไว้ก่อน
    อันดับที่สอง เตรียมพื้นดินไว้ ถ้ามีอยู่บ้าง ไม่มากไม่มาย ก็อย่าเพิ่งรีบขายเกินไป

    ถ้าได้กำไรมากๆเป็นล้านๆ ก็ไม่ว่าอะไร ขายเถอะ แล้วเก็บเงินไว้ให้ดี อย่าใช้ให้มันหมดตัว จงคิดว่า ถ้ามันหมดตัวแล้ว เราไม่มีทางจะหาที่ดินมาขายได้ใหม่

    ประการที่ 2 ก็เตรียมเนื้อ เตรียมกายเตรียมใจ เตรียมใจไว้นึกถึงความจริงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า โลกเต็มไปด้วยความทุกข์ โลกไม่มีความสุข โลกเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นอนิจจัง มันก็เป็นความทุกข์ ในที่สุดก็เป็นอนัตตาตายหมด

    ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไร ความจริงเป็นอย่างนั้น ถ้าเรายอมรับก็ไม่เป็นไร ถ้าจิตยังไม่ยอมรับ มันก็มีความดิ้นรน มันก็มีความเร่าร้อน ถึงจะดิ้นรน จะเร่าร้อนขนาดไหนก็ตาม เราก็จะหนีไม่พ้น ในเมื่อหนีไม่พ้นเราก็ต้องทนสู้ ทนสู้กับภาวะของสงคราม

    ทีนี้เราจะสู้กับใคร เราก็สู้กับตัวเราเอง นั่นคือ ต้องใช้น้อย กินน้อย นอนมากๆ และตื่นไวๆ ใช้กำลังร่างกายทำการงานให้ดี ไอ้พูดอย่างนี้ก็พูดเรื่อยเฉื่อยไป

    เป็นอันว่า ตามคำพยากรณ์ของ ดร.สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า ประเทศไทยจะเป็นมหาเศรษฐี แล้วคนไทยทุกคนจะเป็นมหาเศรษฐีไหม ก็ต้องขอตอบว่า คนไทยทุกคนไม่เป็นมหาเศรษฐีทุกคน แต่ว่าก็มีคนจำนวนมากก็จะเป็นลูกศิษย์ของมหาเศรษฐี คือ เป็นคนงานของมหาเศรษฐี เราก็จะเป็นเศรษฐีเล็กในครอบครัวเล็กๆได้เหมือนกัน

    สมมุติว่า ครอบครัวใดยังไม่เคยมีเงินล้าน ครอบครัวเล็กๆประเภทนั้นจะมีเงินล้านใช้ ประเภทครอบครัวที่มีเงินแสนใช้ต้องถือว่าเป็นครอบครัวที่ยากจนมาก ถ้าบ้านไหนมีเงินล้านใช้ ถือว่าเป็นบ้านที่พอมี พอกินพอใช้ พอหาได้เลี้ยงตัวรอด ที่มีเงินเหลือเป็นแสน ก็ถือว่าเลี้ยงตัวรอดเหมือนกัน ที่ได้มาอย่างนี้เพราะว่า เรามีกำไรจากสงคราม แต่เราไม่อยากให้เกิดสงคราม

    (จาก หนังสืออ่านเล่น เล่ม 18 หน้า 69-70)


    ศาสนาพุทธจะรุ่งเรือง

    ทีนี้มาพูดอีกทีหนึ่ง ที่ ดามุส ท่านบอกว่า ศาสนาคริสต์จะสลายตัว แต่ศาสนาอิสลามท่านไม่ได้บอกว่า จะสลายตัวหรือเปล่า

    แต่ว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสบอกว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้น หลังกึ่งพุทธกาลแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่า ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน

    ตอนนี้ ด้านศาสนาของเขาก็จะมีการหย่อนตัวลงไป เพราะความทุกข์ความเศร้าโศกเสียใจ ความเสียหายเกิดขึ้น ตายไปฝ่ายละครึ่ง

    นี่ไม่ใช่เล็กน้อยนะบรรดาท่านพุทธบริษัท การเชื่อพระเจ้าจะน้อยลง หรืออาจจะสลายตัวอย่างท่านดามุสบอกก็ได้

    ทีนี้มาพูดถึงพุทธศาสนาบ้าง ทางพุทธศาสนา ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ ทางพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองขึ้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ จะมีความอุดมสมบูรณ์ได้ เพราะคนเห็นทุกข์ ในเมื่อคนเห็นทุกข์ ก็ยอมรับนับถือศีลธรรมมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งนักบวชฝ่ายปฏิบัติ สำหรับฝ่ายปริยัตินั่นก็อีกฝ่ายหนึ่งต่างหาก คือท่านเรียนแต่ท่านยังไม่ได้ทำ เรียนรู้ จะถือว่าไม่ดีไม่ได้ ท่านก็ดี ท่านมีความรู้ ความรู้ในด้านปริยัติก็จะเจริญขึ้น ความสามารถในด้านปฏิบัติก็จะเจริญขึ้น

    ในช่วงนั้นอาจจะมี พระที่ได้อภิญญา หรือว่านักปฏิบัติที่เป็นฆราวาสที่ได้อภิญญาเกิดขึ้น
    ถ้ามีนักอภิญญาเกิดขึ้นนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท อันตรายต่างๆจะเกิดขึ้นได้น้อยเต็มที เพราะอาศัยอภิญญาช่วย และนอกจากนั้นความเจริญรุ่งเรืองทางด้านจิตใจของเรา ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก เพราะเราไม่เสียหายมาก เรามีความสุข

    ในเมื่อเขาเลิกรบกัน เขาก็ขาดเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารการบริโภค เขาก็ขาด เราก็ขาย เครื่องมือเครื่องใช้เขาขาด โรงงานประเทศไทยของเราเวลานี้มีมาก เราก็ขาย

    รวมความว่า ทุกอย่างมันก็จะมีแต่ความก้าวหน้า จะมีความร่ำรวย

    ดูตัวอย่างประเทศเยอรมันกับประเทศญี่ปุ่น เมื่อหลังสงครามโลก ถูกบังคับห้ามไม่ให้มีทหาร พอ 2 ประเทศนี้ไม่มีทหารขึ้นมา ไม่ต้องเสียเงินค่างบประมาณทหาร เพราะว่างบประมาณทหารต้องเสียมาก เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ต้องเตรียม เตรียมไว้บางทีไม่ได้ใช้ ล้าสมัยต้องซื้อใหม่ ของเก่าก็เก็บไว้ หรือว่าขายไป ทีนี้ในเมื่อไม่ต้องเตรียมการรบ ไม่ต้องเตรียมทหาร งบประมาณก็เหลือใช้ ประเทศก็มีความร่ำรวย ประเทศไทยเราก็ฉันนั้น

    ในสมัยเมื่อเขารบกัน เราก็พยายามประวิงทุกอย่าง อย่าให้มีการรบ ถ้ามันมีความจำเป็นจริงๆก็จำกัดสถานที่รบ นั่นหมายความว่า สงครามใหญ่ไม่มีใครเข้ามาในประเทศไทย พวกเขาตีกันทางโน้น เขาไม่ตีมาทางนี้ เขาอาจจะตีไปทางยุโรป ตีไปทางอเมริกา เขาไม่ตีมาถึงประเทศไทย แต่ว่าประเทศไทยก็ต้องมีส่วนร่วม ส่วนร่วมในความทุกข์ที่จะเกิดจากสงคราม ทีนี้ในเมื่อเขาไม่ตีเข้ามาถึง เราก็มีความอุดมสมบูรณ์

    แต่ทั้งนี้ขอทิ้งท้ายไว้นิดว่า ตีเล็ก มีนะ ตีใหญ่น่ะไม่มี

    มีแต่ ตีเล็ก ก่อกวน สงครามก่อกวนจะมีเป็นของธรรมดา

    ทั้งนี้ก็ต้องเชื่อความสามารถของรัฐบาลและทหารตำรวจ เราสามารถจะควบคุมความสงบสุขไว้ได้ เหตุต่างๆจะเกิดขึ้น จะไม่พ้นวิสัยของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจจะสามารถปราบปรามได้

    ถ้าถามว่าเขาใช้รัศมีอาวุธเคมี ใช้รังสีต่างๆ ก็ขอตอบว่าเป็นเรื่องเล็กๆ พุทธศาสนาป้องกันได้แน่

    อันนี้ขอยืนยันจะเป็นนิวตรอน นิวเคลียร์ นิวอะไรก็ถามเถอะ ขอยืนยันว่า พุทธศาสนาป้องกันได้แน่

    แต่ว่าทั้งนี้ท่านทั้งหลายต้องไปหาจากพระที่เป็นนักปฏิบัติทางด้านจิตใจ ที่ท่านเข้าถึงฌานโลกีย์ทรงตัว และก็ทรงความเป็นอภิญญา ถ้าถามว่าเวลานี้จะหาที่ไหน ก็ต้องขอตอบว่าเวลานี้อย่าเพิ่งหา อาจจะมีอยู่ที่ไหนบ้างก็ได้ แต่ไม่มีใครเขาบอกกัน

    ถ้าถึงเวลานั้นจะปรากฏตนเอง ท่านจะแสดงออกมา ให้เห็นถึงความปลอดภัยว่า ท่านสามารถจะป้องกันได้ ถ้าท่านองค์ไหนจะเป็นพระก็ดี จะเป็นฆราวาสก็ดี ไม่ได้หมายความว่าพระเสมอไป ฆราวาสที่มีความสามารถก็มีมากก็สามารถจะป้องกันได้ สามารถจะทำได้ ก็พึ่งท่านนั้น ท่านต้องให้เป็นที่พึ่งแน่นอน ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าหากว่าเราทั้งหลายตายกันหมด ท่านก็ตายเหมือนกัน ท่านอดตาย เพราะว่าท่านต้องอาศัยพวกเรากิน พวกเราหากินหาใช้เหลือ เราก็ให้ท่าน

    อย่างสมมุติว่า ถ้าพระบิณฑบาต เราก็ถวายพระ ถ้าชาวบ้านอด ชาวบ้านตายหมด พระก็ตาย เพราะไม่มีใครจะให้ ข้อนี้ฉันใดเวลานั้นก็ตาม ท่านที่ทรงอภิญญา จะเป็นพระก็ตาม จะเป็นฆราวาสก็ตาม ไม่มีใครปกปิดความสามารถ สามารถจะป้องกันรังสีต่างๆได้และป้องกันสรรพาวุธได้ตามกำลัง

    แต่บุคคลที่ต้องตายไปบ้าง นั่นก็หมายถึงว่า บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัย บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัยนี่ เราป้องกันไม่ได้ มันมีความจำเป็น คนประเภทนี้ จะรบก็ตาย ไม่รบก็ตาย นอนเฉยๆก็ตาย กินข้าวอยู่ก็ตาย นอนหลับก็ตาย คุยกันก็ตายเพราะถึงอายุขัย เวลานั้นมันต้องตาย

    ก็รวมความว่า ประเทศไทยไม่ต้องหนักใจ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน ยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้าไว้ ความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ก็มี 4 อย่าง คือ สังคหวัตถุ 4 คือ

    1. ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันเข้าไว้ สร้างความรักเข้าไว้ อย่าสร้างศัตรู การให้ทานเป็นการทำลายล้างศัตรูไม่ให้เกิดศัตรูขึ้นมา เพราะเราบุคคลผู้รับ ย่อมรักในบุคคลผู้ให้

    ประการที่ 2 ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุขจากคำพูดของท่าน เขาก็จะรักเรา ในเมื่อเขารักเรา เราก็มีความสุข

    ประการที่ 3 ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน ถ้าเขาเกินวิสัยเราช่วย เขาก็จะเกิดความรัก

    ประการที่ 4 เราไม่ถือตัวไม่ถือตน การไม่ถือตัวไม่ถือตน จัดเป็นปัจจัยให้เกิดความรัก
    อันนี้เป็นความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้เป็นอันดับแรก รักษากฎ 4 ประการนี้ได้ บรรดาท่านทั้งหลาย เราจะมีแต่คนรัก เราจะไม่มีคนเกลียด

    ทีนี้ถ้าจะถามว่า ในเมื่อเขาประกาศสงครามกัน เขาไม่รู้จักกัน เขายิงจรวดมา จะทำอย่างไร มันก็เป็นของไม่ยาก เขาจะยิงมาหรือไม่ยิงมา เราก็ภาวนา พุทโธ ไว้ จิตใจยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าโดยตรง สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทำไว้ ท่านให้ไว้เรานับถือด้วยความจริงใจสิ่งนั้น ท่านทั้งหลาย จะป้องกันอันตรายท่านได้อย่างแน่นอน

    และประการต่อไปอีก 4 อย่าง ก็คือ พรหมวิหาร 4

    1. เมตตา ความรัก สร้างความรัก ทำจิตให้เกิดความรักทั้งคน และสัตว์ทั้งโลก ถือว่าเราเป็นมิตรกัน
    ประการที่ 2 มีความสงสาร คอยเกื้อกูลกันไว้เสมอ อย่าเห็นแก่ตัว
    ประการที่ 3 ยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดี ไม่อิจฉาริษยาใคร
    ประการที่ 4 เมื่อบุคคลนั้นถึงอายุขัย ต้องตายเพราะอาวุธต้องตายตามกาลเวลา เราก็วางเฉย

    ในเมื่อมีความดีอีก 4 ประการอย่างนี้แล้ว บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคนจะปลอดภัย อย่าลืม สังคหวัตถุ 4 เป็นความดีเล็กน้อย ความดีขั้นต้น พรหมวิหาร 4 เป็นความดีสูงสูด คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใครได้ดีพลอยยินดีด้วย อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่สามารถจะยับยั้งได้ก็ทำใจวางเฉยไม่ดิ้นรน ยอมรับตามความเป็นจริง

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง เวลาเหลือประมาณ 5 นาที ก็คุยกันไปคุยกันมา ย้อนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกสักนิดหนึ่งว่า ทำไมถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น จะชี้ตัวอย่างให้เห็นสักอย่างหนึ่ง เพราะสมัยนั้นผู้พูดอยู่ในกรุงเทพฯ คืนใดถ้ามีปกติเครื่องบินไม่มาทิ้งระเบิด เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนเช้าไปบิณฑบาต เวลานั้นคนหนีระเบิดมาบ้านนอกกันมาก มาต่างจังหวัดกันมาก คนใส่บาตรมีน้อย พอกินแค่เช้า เพลไม่พอกิน แต่ว่าบังเอิญคืนไหนถ้ามีเครื่องบินมาโจมตีทิ้งระเบิด เวลาเช้าไปบิณฑบาต ปรากฏว่ามีคนใส่บาตรมากเป็นพิเศษ ไปไม่ทันถึงครึ่งทางก็เต็มบาตร

    ยามปกติไปจนสุดทางแล้วก็เดินทางกลับยังไม่ถึงครึ่งบาตร แต่คืนไหนมีเครื่องบินมาโจมตี รุ่งเช้ามีคนทำบุญกันมาก

    จะเห็นว่า คนที่มีความรู้สึกว่า ชีวิตของเราใกล้ความตาย ไม่มีความประมาท คือเขาจะถือว่า เป็นการฉลองชีวิตที่เกิดใหม่จากการโจมตีของข้าศึก ข้าศึกทิ้งระเบิดก็ทิ้ง ยิงกราดด้วยปืนกลก็ยิง แต่เขาก็ปลอดภัย จึงทำบุญกันใหญ่

    ข้อนี้ฉันใดบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ในเมื่อสงครามใหญ่มันเกิดขึ้น เป็นสงครามที่น่ากลัว อาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือว่าเป็นอาวุธดีแล้วนะ ล้าสมัยไปแล้ว เครื่องบินสมัยนั้น เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุด เวลานี้เขาเลิกใช้แล้ว เครื่องบินสมัยใหม่ เขาดีกว่าสมัยนั้นมาก อาวุธที่ใช้ใหม่ดีกว่าอาวุธสมัยนั้นมาก

    ทีนี้ถ้าการสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกัน เวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดจากดาวเทียม เราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้นเพราะกลัวตาย

    สำหรับอีกด้านหนึ่ง ท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิต ก็จะเร่งรัดตัวเอง ให้ทำสมาธิให้ดีขึ้น โดยหวังอย่างเดียวว่า ถ้าตายแล้วไม่ขอเกิดใหม่ อย่างเลวที่สุด ตายจากความเป็นคน ไปสวรรค์ก็เอา หรือถ้าดีกว่านั้น ไปเป็นพรหมก็ดี ถ้าดีกว่านั้น ไปนิพพานได้ก็ดี ท่านจะเร่งรัดตัวเอง การเร่งรัดตัวเองประเภทนี้ กำลังใจก็จะมีสมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิด ก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่างๆที่ได้จากสมาธิ และวิปัสสนาญาณ เอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายให้มีความสุขปลอดภัย

    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มองดูเวลาก็เหลือเวลานาทีเศษๆ ในตอนนี้ก็ขอสรุปว่า ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท อย่าลืมองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่า เราจะบูชาพระทุกวัน นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนหลับ ตื่นใหม่ๆนึกถึงพระพุทธเจ้า บูชาพระ บูชาพระถ้าว่าอย่างอื่นไม่ได้ก็ว่า นะโม ตัสสะฯ 3 หน ด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง แล้วว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ธัมมัง สรณัง คัจฉามิข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แค่นี้ก่อนหลับ และตื่นใหม่ๆทุกวัน

    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายทุกท่านจะปลอดภัย และจะมีความร่ำรวย

    เวลานี้ก็หมดเวลาแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟัง และผู้อ่านทุกท่าน สวัสดี

    (จาก หนังสืออ่านเล่น เล่ม 18 หน้า 71-77)

    DSC04183.. (4).jpg Pzzr8Qcu9zqv8mzRvg-ysq9louURihrg0gULWJFkUn4V1bKnmYpy2swXJ1LRp2__.jpg
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    418592221_786341660192240_1065859576776126357_n.jpg

    ยักษ์นอกศาสนาคือประเทศใด


    (มีนักเรียนนายร้อย จ.ป.ร. ถามหลวงพ่อเรื่องถ้าสงครามโลกเกิดขึ้น)


    "ยักษ์นอกศาสนาคือประเทศใด ครับ"

    หลวงพ่อตอบว่า "ถ้ายักษ์หินนอกพระพุทธศาสนาจะลุกขึ้นมาอาละวาดอันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ว่าถ้าเราจะคิดกันไปอย่างภาษาสามัญชนนะ อาจจะเป็น ประเทศจีน ก็ได้"

    เพราะว่าประเทศจีนแต่ก่อนเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่เป็นประเทศที่มีอำนาจ ใช่ไหม

    แต่เวลานี้ประเทศจีนก็กลับมาเป็นประเทศมหาอำนาจ นี่เราเดาๆกันนะ แล้วแกลุกขึ้นมาจริงๆ แกก็อาละวาดจริงๆด้วย นี่ก็เดา

    จะถูกต้องตามพระพุทธทำนายหรือไม่ อันนี้อาตมาไม่รับรองนะ



    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 261 เดือนธันวาคม 2545 หน้า 66)



    ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นประเทศไทยจะเป็นเจ้าโลก
    (จากสนทนาที่ศาลานวราช ปี 2527)


    ถ้าเขาเกิดสงครามใหญ่เมื่อไหร่เราจะเป็นเจ้าโลก มันตายกันหมดเหลือแต่ประเทศเรา

    ประเทศเล็กมันไม่อยากมาแตะ ไอ้ประเทศขี้หมานี่ไม่ต้องไปรบกับมัน ยึดเมื่อไหร่ก็ได้มันเลยไม่รบกับเรา ถ้าเกิดสงครามใหญ่จริงๆ มันจะเกิดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ถามท่านตั้งแต่ปี 18

    ถามว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 มันจะเกิดไหม แล้วจะเกิดเมื่อไหร่

    ท่านบอกฉันจะไม่พูดเรื่องสงครามโลก ท่านบอกสงครามใหญ่อาจจะมี แต่สงครามโลกฉันไม่พูด แสดงว่ามันไม่มี

    ก็ถามว่าถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไง

    ท่านก็บอกว่าฉันก็บอกไว้แล้ว ตั้งสองพันปีเศษว่าถ้าเรื่องมันเกิดขึ้น "ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาจะตายไปฝ่ายละครึ่ง แต่ประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกันแต่ไม่ร้ายแรงนัก"

    แต่ของเรามันกระจิ๋วหลิว โอ้ยยึดเมื่อไหร่ก็ได้เลยไม่ยึดเลย ยักษ์ต่อยักษ์สู้กัน

    อันนี้เสือกับราชสีห์กัดกัน ไอ้หมาจิ้งจอกเลยคาบเนื้อไปกินเสร็จ ใช่ไหม นี่เป็นเรื่องของเขานะ


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 261 เดือนธันวาคม 2545 หน้า 66-67)



    สนทนาเรื่องสงครามโลก
    (คัดจากสนทนาที่ตึกรับแขก 30 ก.ค. 33)


    ...ก็หาไม่ได้ น้ำมันปลาก็หาไม่ได้ ต้องใช้น้ำมันหมู จุดตะเกียง ไอ้น้ำมันหมูก็ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้ตะเกียงกระจุกไง น้ำมันมะพร้าวก็ใช้ได้ แต่หลวงพ่อใช้น้ำมันหมู เพราะอะไรรู้ไหมใช้ในครัวได้ด้วย ใช่ไหม

    ตามคำทำนายเขาว่าจะชนะค่ะ เอ้ย!แขกแพ้ ..ใช่! คำทำนายเขาว่าจะบุกไปถึงยุโรป

    นิวเคลียร์อาจจะไปลงนิวยอร์ค 1 ลูก

    ไปๆ มาๆ แขกแพ้นะ ใช่แขกแพ้ ใช่! บุกไปไกล แต่เอะ! เรานี่ที่พระพุทธเจ้าพยากรณ์
    ก็น่าจะคิดเหมือนกันนะ เมื่อครั้งที่ 3 เนี่ย "หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลใช่ไหม จะล้มตายกันฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกสงคราม แต่ประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกันแต่ไม่ร้ายแรงนัก"

    นี่ต้องคิดเชียวนะ เพราะว่าศาสนามันเป็นสงครามศาสนา เรื่องนี้ต้องคิด

    เมื่อคืน... หา! ที่วัดจะเป็นยังไง? ที่วัดก็ไม่มีอะไรจะกินนะชิ (หัวเราะ) จะทอด
    แหปลาก็เหลือไม่กี่ตัว แต่ในกรุงเทพฯคงไม่เป็นไรหรอกมั๊ง ไม่เป็นไรหรอก คือเราไม่
    ใช่ตัวสงครามกับเขา เมื่อก่อนสงครามมาอยู่บ้านเรา ญี่ปุ่นเขามาที่นี่

    แต่นี้เขาเกิดตะวันออกกลาง มันก็มีเพียงแต่ว่า ประเทศไทยอาจจะเป็นฐานทัพของใครคนใดคนหนึ่ง แต่อเมริกานี่เขาต้องเอาแน่ ถ้ามันจะยิงมาก็แค่ "อู่ตะเภา" นะ! แค่นั้นนะ "อู่ตะเภา อุดรฯ"

    ตานี้มีปัญหา ถ้าเราเป็นฐานทัพของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็จะก่อวินาศกรรม อัน
    นี้เขาต้องทำแน่

    เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม อิสลามบ้านเราก็มีเยอะนะ....โยมมีอะไรคุยไหมล่ะ...ทาย
    ถูกมาก แม้แต่แผ่นดินถล่มเขาก็ยังทายถูก ไอ้สงครามโลกนี่ เคยถามพระพุทธเจ้าท่านมา เมื่ออเมริกาถอยไปนะ จะเรียกสงครามโลกยังไม่แน่ ควรจะเรียกสงครามใหญ่

    สงครามโลกมันต้องหมายถึง ทุกประเทศเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใช่ไหม นี่ถ้าสงครามใหญ่ประเทศทุกประเทศยังร่วมกันไม่หมด

    ท่านบอกสงครามใหญ่จะเกิดตะวันออกกลาง ท่านบอกตรงเลย ถ้าเกิดที่นั่นเราก็น่าหนักใจอย่างเดียวคือ น้ำมัน น้ำมันดึงขึ้นมาใช้พอไม่พอ ใช่ไหม! ซื้อเขาคงจะซื้อยาก
    เข้าไปซื้อยังไงเขารบกันนะ ก็จะได้จากอินโดนีเซีย บรูไน มาเลเซีย ก็เห็นจะพอ

    ตะนี้ ทางอินโดนีเชียนี่อเมริกาก็อาจจะดูดไปบ้างละมั๊ง น้ำมันอยู่ใกล้นะ

    (เขามุสลิมนะค่ะ)

    เออ! มุสลิมเหมือนกันเหอะ เออ! นั่นชิ ทั้งแถวเราปักก์ใต้ ต้องคิด...ใช่แต่ว่า! ที่มีขึ้นมามันมีมาจากเงินของลิเบีย ลิเบียเขาส่งเงินมานานแล้ว แบ่งแยกดินแดนนี่นะ เอ้าโยมมีอะไรคุยไหมล่ะ

    แต่มันอาจจะมีบ้าง แถบตะวันออกกลางหลวงพ่อก็ไม่ใช่ไม่เชื่อ พระพุทธเจ้าพูดไม่เคย
    มีอะไรผิดใช่ไหม...ว่าไงจ๊ะ!

    เติมน้ำมันโซล่า เขาขายเป็นน้ำมันก๊าซ เขาซื้อน้ำมันมะพร้าวมา หลวงพ่อไปซื้อน้ำมันหมูมา ก็แบ่งมาใส่ตะเกียงเสียที่เหลือก็ผัดอะไรกินได้ ใช่ไหม (หัวเราะ)

    นี่วัดเราก็กว้างถ้าต้องเก็บของกันอย่างดี..ขโมย! ก็ต้องคิด ประเทศไทยเราก็ต้องทะเลาะกับอิสลาม อิสลามมันฮือแน่! ตานี้ในเมื่ออิสลามมันก่อตัวขึ้น อเมริกาต้องมา เขาถือว่าถ้าเราเสียไป อเมริกามันก็แย่ ใช่ไหม อู่ข้าวอู่น้ำนี่ ใช่ไหม เขาทิ้งไม่ได้

    ประการที่ 2 อย่างน้อยอาหารประเทศไทยเราพอเลี้ยงอาหารเขา เขาซื้อ แต่ให้มัน
    มีที่ซื้อใช่ไหม ตอนน้ำมันแพงไม่ทอดน้ำมันนะซิ เอ้าก็ไม่แน่ เอ! สงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าวเกวียนละ 40 บาท เวลานั้นมัน 2 เยน เท่ากับ 1 บาท ญี่ปุ่นเลยให้ขึ้นราคาข้าวเป็น 80 บาท ฮะ! ไม่ต้องแลก แลกบาทต่อบาทไปเลย

    ทีนี้ของเราก็ดีอย่างไอ้โรงงานมันมีมาก เวลานั้นไม่มีอะไรเลยนะ ไม่ต้องเพิ่งต่างประเทศเขามาก ยาก็หาไม่ได้ ยาก็หายาก

    ไอ้จิตใจคนก็เป็นอย่างนี้ล่ะนะ! แต่พอยิงๆเข้าก็ชักไม่หนี มันมาก็ดูก่อนทิ้งตรง
    หัวเราไหม ถ้าทิ้งลงหัวเราก็หลบ ถ้าทิ้งไม่ตรงเราก็ไม่หลบ ใหม่ๆนี่ชิ ใหม่ๆ ออกกัน
    วิ่งชนกันนะ

    เช้าถามท่านบอก มันจะเกิดเฉพาะภาพโน้น ภาพนี้ยังไม่เกิด (หัวเราะ) ไม่ใช่ไฟ
    บรรลัยกันต์แท้ มันบาปเก่าๆ เขารบกัน มันต้องตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรากัน

    ไม่พอ 20 ล้านล่ะมั๊ง นั่นซิ เห็นจะร้อยล้านละโว้ย ฝ่ายละครึ่ง ไอ้หนังสือมันบอกว่า
    นิวยอร์กจะราบคาบ ใช่ไหม ลองนิวยอร์กราบคาบนั่นไม่ใช่น้อยนะ!

    ถ้านิวเคลียร์มันจะมีแต่ถนนว่าง ของเรามันหลบได้ เราไม่ต้องหลบ แต่นิวเคลียร์ไม่มา

    ก็มีปัญหารัสเซียจะเข้ากับใครหรือเปล่าแต่ว่าถ้าแขกตีหนักเข้า รัสเชียก็ต้องเอานะ ไม่เอาก็ไม่ไหว มันคนละศาสนากันแล้วนี่! อีตอนนี้ว่าไม่เข้าด้วย สำคัญมือขวาว่าไม่เข้ามือซ้ายแหย่ ส่งของนะ เอ้า อาวุธ! เวลานี้รัสเซียไม่มีสตางค์นะ จน ซื้ออาวุธก็ขายวะ แต่ว่าไม่ได้ยกทหารมาร่วมด้วยก็หมดเรื่องนะ

    อาจจะรวยอีกประเทศ คือประเทศจีน

    ไฟฟ้าวัดเราอาจจะไม่มีน้ำมัน ต้องซื้อน้ำมันหมูมาจุดตะเกียงกระจุก

    ถ้าเกิดก็คงไม่นาน

    แต่ไอ้นั่นพยากรณ์นาน เอาจริงๆน่าจะไม่นาน อาวุธมันร้ายแรง นี่ต่างอิรักมันฮึ่มๆ อยู่แล้วนะมันคงยิงใหญ่ ทีแรกนะ ยิงให้หนักตั้งตัวไม่ติดใช่ไหม ตัดกำลังส่วนล่างเสียก่อน

    ก็อย่างที่หลวงพ่อว่า ระวังอิสราเอล

    ใช่ๆ ระวังอิสราเอล ไอ้เสือนั่นแหละ แต่ความจริงถ้าเกิดร่วมกันแบบนี้ ไอ้อิสราเอลมันก็มีพวกมากนี่ ใช่ไหม ไม่ใช่แต่มันคนเดียว ไอ้เรื่องเทคนิคต่างๆเป็นของผม กำลังส่วนใหญ่ของท่าน นั่นแนะ ไม่ใช่มันคนเดียว ก็เก่งขึ้น ใช่ๆ เอาแน่

    อิสราเอลมันเอาแน่

    ใช่ๆ เอาแน่ ไอ้นี่พร้อม เมื่อเร็วๆนี้เขาลองจรวดที่อเมริกาส่งให้ ทดลองครั้งแรก จรวดนี่สามารถวิ่งชนจรวดได้นี่! ถ้ามีจรวดมาวิ่งชนจรวดได้

    จรวดพิฆาตจรวด

    ใช่ๆ ถ้าไม่เจอะจรวดก็ไปพิฆาตคนนะชิ ถ้ามีจรวดมาก็เข้าพิฆาตจรวด

    เดี๊ยวนี้อิสราเอลมันเก่ง ทีมงานมันดี ระวังไปล่อเป้า

    เออ! ไอ้นี่นะสิ สำคัญมาก คือว่ามันยิงเป้าเวลาเกิดความร้อน ไอ้พวกนี้จะวิ่งหาความร้อน ใช่ๆ ก็ยิงไปเฉียดๆ พ้นบ้านโน้น พ้นๆไป ก็ไปลงทางโน้น ก็ไปลงแถวนั้น ไปเถอะไอ้เบนๆจรวดนี่ของอเมริกามันมีนะ จรวดมันยิงมามันทำให้เบนเปลี่ยนทิศทาง.....

    ดามุสใช้อาโปกสิณลูก ไม่ก้อยนะ ได้ฌานโลกีย์และได้ฌาณขนาดนี้ อนาคตังสญาณ นี่ 400 ปี นี่ไม่ใช่เบานะ แต่ว่าถ้ากำลังของฌาณจริงๆ มันมากกว่านี้นะ

    แต่ว่าอีตอนที่เขาบอกว่าไฟบรรลัยกัลป์จะเกิดใช่ไหม เมื่อเช้าถามท่าน พระพุทธเจ้า
    ท่านบอก เกิดเฉพาะภาพโน้น ภาพนี้ยังไม่เกิดหรอก (หัวเราะ) ไม่ใช่ไฟบรรลัยกัลป์แท้
    ศาสนาพุทธต้องอยู่ครบ 5,000 ปี ถ้า 5,000 ปี ถ้ายังไม่เลิก ไฟบรรลัยกัลป์ยังไม่มา
    พ.ศ. นี่ถึง พ.ศ.นี่ แกเก่งนี่แกเล่นเอา พ.ศ. คร่อมไว้ (หัวเราะ)

    เมื่อคืนนี้ไปดูที่เขาสรุปนะ กาลเวลาไอ้ข้างในอ่านไม่ไหว เวลาไม่มีจะอ่าน สรุปกาลเวลา พ.ศ. เท่าไหร่จะมีอะไรเกิดขึ้น พ.ศ.เท่าไหร่มีอะไรเกิดขึ้นนี่แกบอกเริ่มต้น พ.ศ. นี่ถึง พ.ศ.นี่ ก็มาคิดว่าไอ้หมอนี่เก่าแฮะ ผิดไม่ได้ หลายปี (จบ)


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 261 เดือนธันวาคม 2545 หน้า 67-70)



     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    messageImage_1704812019077.jpg
    สงครามโลก

    ผู้ถาม : เคยอ่านพบในหนังสือฉบับหนึ่งเขาบอกว่า "สงครามโลกครั้งที่ 3" จะเกิดในปี 2527 มันจะเป็นความจริงไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ไอ้ที่เขาบอกว่าจะเกิดสงคราม มันก็อาจจะมีเหมือนกัน แต่ว่าสงครามจะเป็นแบบก่อนหรือแบบใหม่ เวลานี้ก็มีสงครามเต็มโลก ไม่เห็นมีที่ไหนสงบเลย เวลานี้สงครามโฮ้งมากกว่าสงครามชก ใช่ไหม มีรบกันบ้างแต่ส่วนน้อย เวลานี้สงครามเสียงสงครามน้ำลาย แล้วต่อไปมันอาจจะเป็นสงครามอาวุธ

    ผู้ถาม : แล้วประเทศไทยจะเป็นยังไงคะ ?

    หลวงพ่อ : ประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศไทย

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ : เคยถามพระท่าน ถามว่าสงครามโลกจะมีไหม? ท่านตอบว่า ฉันไม่ได้บอกแกนี่จะมี "สงครามโลก" ฉันพูด แต่จะมี "สงครามใหญ่"

    คำว่า "สงครามใหญ่" กับ "สงครามโลก" นี่มันไม่เหมือนกัน

    "สงครามใหญ่" หมายความว่าเกิดขึ้นทุกจุด มันเกิดทั่วๆไป

    "สงครามโลก" มันแบ่งซีกมาช่วยกัน จึงจะเป็นสงครามโลก

    และก็ถามว่า ถ้าภาวะอย่างนั้นมันเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร


    ท่านก็ให้ดูภาพ โรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทย มันรบกันเท่าไรเรารวยใหญ่

    ท่านไม่ได้ยืนยันว่าจะเกิด แต่ถ้ามันจะเกิดมันจะมีภาพอย่างนี้


    เครื่องบินในอากาศขาวพรืดหมด แต่ว่าไม่ใช่เครื่องบินฝ่ายข้าศึกมาขาวพรีดนะ เป็นเครื่องบินสัมพันธมิตรช่วย คือประเทศเรามีฝ่ายช่วยเหลือ

    แต่อย่าลืมว่าถ้างานน้ำมันนี่มันเกิดขึ้นจริงๆ เราไม่ใช่เป็นคนขุด คนต่างชาติเขาขุด แล้วก็แบ่งเปอร์เซ็นต์กัน ทีนี้เมื่อประโยชน์ของเขาอยู่ในประเทศไทย เขาก็ต้องป้องกัน


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 210 เดือนกันยายน 2541 หน้า 93-94)
     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    54360.jpg

    เจ้ากรรม กับ นายเวร ไม่เหมือนกัน


    โยมขวัญ : เจ้ากรรมนายเวรนะเจ้าคะ มีตัวตนไหมเจ้าคะ สามารถจะกำหนดเราอย่างนั้นอย่างนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ

    ท่านเจ้าคุณฯ : ยกทรง ด็อกเตอร์ ตอบบ้าง

    ยกทรง : เจ้ากรรมนายเวรมีตัวมีตนไหม จะกำหนดโทษเราได้หรือไม่

    โยมขวัญ : หรือว่าจะต้อง...อย่างเดียว

    ดร. ปริญญา : ไม่ใช่ๆ เจ้ากรรมนายเวรมีจริง เจ้ากรรมกับนายเวรไม่เหมือนกัน

    ยกทรง : แยกศัพท์กันนะ เจ้ากรรมเป็นยังไง นายเวรเป็นยังไง ตามที่หลวงพ่อเคยแนะนำ

    ดร.ปริญญา : คนที่เกิดมาในพระพุทธศาสนาจะต้องเชื่อเรื่องกรรมเสียก่อน ความเชื่อในพุทธศาสนา 4 อย่าง

    1. เชื่อเรื่องกรรม
    2 เชื่อเรื่องกฎของกรรม
    3. เชื่อว่าทำกรรมอันใดต้องรับผลแห่งกรรมอันนั้น
    4. แล้วก็เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

    เพราะฉะนั้นเรื่องกรรมมีจริง ทำอะไรต้องได้ผลอย่างนั้น ไปทำอะไรใครเขาไว้คนนั้น เขาก็เป็นเจ้ากรรมของเรา

    ส่วนนายเวรนั้นจอง เจ้ากรรมนี้ไม่ได้จอง

    แต่นายเวรนี้จอง ชาตินี้มึงฆ่ากู ชาติหน้ากูจะฆ่ามึงอย่างนี้ไม่ตกนรก แต่ว่าจะจองเวรกัน

    แต่ถ้าเจ้ากรรมนี่ตบยุงเพี้ยะ นั่นกรรมเกิดละ

    ท่านเจ้าคุณฯ : จดละ จด (ลงบัญชี)

    โยม : เจ้ากรรมนายเวรอุทิศด้วยใจมีความสุข เมื่อไหร่เขาถึงจะเลิกจองเวรเรา

    ดร.ปริญญา : ไม่เลิกหรอกนะ ถ้านายเวรไม่อโหสิกรรม ไม่เลิก

    ท่านเจ้าคุณฯ : คนที่แม้จะเข้านิพพานแล้วก็ไม่หมดเวรหมดกรรมกัน

    โยม : ...เมื่อไหร่คะ

    ดร.ปริญญา : ก็คุยกับเขาได้ไง เราคุยกับเขาได้

    โยม : แล้วการคุยต้องคุยอย่างไรคะ

    ดร.ปริญญา : ที่บอกเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เราอุทิศส่วนกุศลและขออโหสิกรรมนี่เพราะเหตุนี้

    โยม : แล้วที่ว่าคุยคือคุยอย่างไรคะอาจารย์

    ดร.ปริญญา : ก็...ถ้าเราคุยได้ก็เรียกเขามาคุย ถ้าเราคุยไม่ได้ก็ให้หลวงพี่ช่วยเรียกให้ (หัวเราะ)

    ท่านเจ้าคุณฯ : มีเพื่อนฉันอยู่องค์หนึ่ง ไม่ได้โฆษณานะ คือท่านก็ทำงานเกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ คือว่ารักษาพวกผู้ป่วยโรคโน้นโรคนี้ โรคเอดส์บ้างอะไรบ้าง คือเสียสละเหมือนกัน คือพี่น้องก็อย่าไปเข้าหาท่านนะ เดี๋ยวจะติดท่านน่ะ อย่างนั้นอย่างนี้ พี่น้องพ่อแม่อะไรก็ไม่สนับสนุนอย่างนี้ กลัวจะติดเอดส์

    ท่านบอก เฮ้อ พระพุทธเจ้าบอกให้เชื่อกฎของกรรมไง มึงไม่เชื่อกูก็เชื่อ พี่น้องไม่เชื่อกูก็เชื่อ ต้องทำ ทำก็มีการให้น้ำเกลือ ฉีดยา คือ พระเดชะ อยู่ที่อยู่ที่สุพรรณบุรีหรือยังไงนี่ อยู่วัดขุยโพธิ์

    ทีนี้ก็มีเกิดคนมาหาท่าน สะง่องสะแง่งมา อะไรอย่างนี้ คุยกันในกุฏิ เราก็บอก เฮ้ยเป็นอย่างไรวะ รักษาอย่างไรให้หาย มันถึงรักษาคนหาย

    ไม่รักษาอะไรหรอก หลวงปู่โต ท่านคุมอยู่ พอคุยกับหลวงปู่โต ท่านบอก เฮ้ย แกจะรักษามันหรือเปล่า หลวงปู่ ช่วยมันด้วยเถอะครับ ช่วยมันด้วย ไอ้คนนี้มันมาหาผมอะไรอย่างนี้

    ท่านก็ยิ้มๆ หลวงปู่โตท่านก็ แกเอาแน่หรือ เอาครับ ผมจะเป็นอะไรก็ช่างครับ ผมยอมครับ ขอให้ไอ้นี่มันหาย ท่านเดชะติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวร คือมันไม่ยอมยังไงล่ะ คือมันไม่ยอม ทำมันมามากมันไม่ยอม

    จนหลวงปู่โตมาต้องเทศน์ (โปรด) การจองเวรกันนี่มันไม่มีความสุขหรอก มีความสุขไหม เทศน์โปรดจนมันยอม แต่ก่อนจะยอมมันบอก ต้องบวชพระให้มัน 3 องค์ บวชพระให้ 3 องค์ หมายความว่า ไอ้คนป่วยมีลูก 2 คนที่พามาหามมานี่ต้องบวชพระ

    ทีนี้ก็ตกลง บอกเอายาอะไรให้กินล่ะ ก็เอายาอะไรต่ออะไรให้มันกิน ฉันก็ต้มยาหม้อ จริงๆกินน้ำเปล่าก็หาย มันยอมแล้ว เจ้ากรรมนายเวรมันยอมแล้วนี่ แต่เอายาให้มันกินซะหน่อย

    กลับไปก็ไอ้ 2 คนบวช ไอ้คนป่วยนี่มันจะบวชเหมือนกัน เมียบอก พี่ยังไม่แข็งแรงจะบวชทำไมเล่า ก็หายไป เงียบไปเลย

    อยู่ทางนี้พวก (ท่านเดชะ) ก็ป่วยสิเป็นปีแล้ว ป่วยหมอบอกว่าจะผ่าตัดไขสันหลังแบบมันไปไม่ไหวแล้ว เส้นประสาทอะไรมันทับตรงไหน หมอป่วยแล้ว

    หมอป่วยแล้วคนก็มาเยี่ยม คนมาเยี่ยมก็ถาม เฮ้ย ไอ้คนที่กูรักษาไปมันเป็นไง มันหายหรือเปล่าวะ หลวงพ่อ หายแล้ว แล้วมันบวชให้กูหรือเปล่าวะ ที่มันตกลงไว้

    ไอ้ลูกมันบวช แต่คนป่วยมันไม่บวช เมียมันไม่ให้บวช ท่านก็บอกว่า เนี่ย ถ้ามึงจะหายมึงจะตายก็มาหากู รับปากกูว่าจะบวช หายแล้วมึงก็ไม่บวชให้กูเนี่ย ไม่บวชนี่กูก็จะตายอยู่เนี่ย กูจะต้องเข้าโรงพยาบาลจะผ่าตัด หมอเขาว่าอะไรไม่รู้ทับเส้นประสาท



    ****เรื่องนี้ตรงกับสุภาษิตว่า ช่วยเขาเอ็นเราขาดเลย ตอนนี้คงเลิกรักษาแล้วกระมัง****



    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณสนทนาที่บ้านสายลมฯ" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 492 เดือนมีนาคม 2565 หน้า 29-30)
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    IMG_20180211_074732.jpg

    พระราหู




    ท่านเจ้าคุณฯ : ต่อมาก็ที่ไหนๆ เขาก็ราหูเข้า พระเสาร์แทรก อะไรต่ออะไรนี่เกิด เขาหลอกกันไปซะหลายแล้ว หลวงพ่อก็ไม่อยากให้โดนหลอก อันที่จริงหลวงพ่อท่านก็ศึกษามาก่อนเหมือนกัน พวกรายการสะเดาะเคราะห์ราหูเข้าพระเสาร์แทรกอะไรอย่างนี้ ท่านเองไปถามพระราหูเองเลย


    ดร.ปริญญา : แล้วพระราหูท่านว่าอย่างไรบ้างครับ


    ท่านเจ้าคุณฯ : พระราหูท่านบอกว่าท่านไม่ได้เป็นเจ้ากรรมนายเวร ท่านไม่ได้แกล้งคนหรอก เขาตั้งท่านขึ้นมาองค์นี้เป็นราหู ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ไปแกล้งคนด้วย


    ดร.ปริญญา : พระราหูเป็นบริวารเป็นอินทกะของพระอินทร์หรือไงครับ หรืออยู่กับท่านท้าวมหาราชหรืออย่างไรครับ


    ท่านเจ้าคุณฯ : นี่จำไม่ได้ ทีนี้เกิดทำพิธีกรรมจริงๆ ท่านบอกว่าท่านจะช่วย ไหว้ท่านอะไรนี่นะ ไหว้ท่าน (มีของ) อะไรต่ออะไร ก็ต้องทำพิธีกรรมอย่างที่เขาว่าลงหนังสือพิมพ์นี่เหมือนกัน แต่พระราหูเท่าไหร่ไม่รู้นะแต่ต้องมีธงดำนี่


    ดร.ปริญญา : พระราหู 12 ธง ครับ


    ท่านเจ้าคุณฯ : ของดำ ธงดำ ส่วนมากจะธงดำ (มี) ดอกไม้ อะไรอย่างนี้น่ะ


    ยกทรง : ดอกไม้ ต้องดำหมดใช่ไหม


    ท่านเจ้าคุณฯ : ดำ


    ท่านเจ้าคุณฯ : คือทำหมายความว่าราหูเข้า ราหูไม่ได้เข้าทุกคน เข้าไม่ตลอด เข้าเสวยอายุเท่านั้นเท่านี้กี่ปีๆ เขาก็ทำกัน ทำพิธีกรรม พระก็ทำโยมก็ทำ ทำกันไปลอยแม่น้ำพระก็กลัวราหูมาเหมือนกัน


    ดร.ปริญญา : ตอนนั้นดูเหมือนจะทำทุกองค์เลยมั้งครับ ปักธงกัน 108


    ท่านเจ้าคุณฯ : ทำทุกองค์ ทำกันเต็มบ้านเต็มเมือง เราจะเป็นหมอดูให้ได้เลยโยม (เกิด) วันอะไร นั่นแน่ เขาก็ต้องถามพระใช่ไหม ไปถามหลวงพ่อไม่ทันนี่ จะตกราหู (หรือ) ตกอะไร นับกันใหญ่

    แต่ใครจะทำไม่เหมือนหลวงพ่อหรอก เพราะหลวงพ่อถ้าทำเสร็จนี่ท่านบอกเลยนี่ ไอ้คนชื่อเป็นอย่างนั้น ชื่ออักษรอย่างนั้น จะมีอะไรเกิดขึ้น พอทำอักษรอะไรเกิดจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ให้ระวังตัว



    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณสนทนาที่บ้านสายลมฯ" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 493 เดือนเมษายน 2565 หน้า 17-18)


     
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    IMG_20171124_115409.jpg

    ทรัพยากรมีค่ามากในประเทศไทย



    ผู้ถาม : น้ำมันในประเทศไทยมีเยอะจริงๆ หรือคะ ?

    หลวงพ่อ : มันไม่เฉพาะน้ำมันอย่างเดียวนะ ทรัพยากรที่มีค่ามากที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นมหาเศรษฐีของโลกมันมีอยู่เยอะโดยเฉพาะ "แร่ยูเรเนียม" ของเรามีหลายจุด

    และจะมีแร่สำคัญที่มีรังสีร้ายแรง ใช้ได้ทั้งทางทำลายและทางสันติภาพมากมาย ที่เราเรียกกันว่า "แร่ใส"

    แต่แร่นี้ถ้าจะค้นได้ก็ต้องหลังจากค้นหาน้ำมันได้ก่อน เพราะว่าทางนี้ยังไม่มีใครสนใจการใช้แร่นี้ และวิธีที่จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ ก็ใช้กรรมวิธีคล้ายคลึงกันกับ แร่ยูเรเนียม แต่ว่าวิธีต่างกันเล็กน้อย


    แร่นี้มีมูลค่ามาก จะเป็นทรัพยากรของประเทศ

    ส่วนทรัพยากรที่เป็น "ทองคำ" ทรัพยากรส่วนนี้มีกระจายอยู่ทั่วประทศ ส่วนที่คนโบราณ
    รวบรวมเป็นแท่งไว้แล้วก็มี และจะหาจุดให้ใหม่ตามแผนที่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเวลา


    สรุปแล้วทรัพยากรส่วน "น้ำมัน" ก็ดี ทรัพยากรส่วนที่เป็น "ทองคำ" ก็ดี ทรัพยากรส่วนที่เป็น "แร่ใส" ก็ดี ทั้งสามนี้ "น้ำมัน" เป็นตัวชูโรง และเป็นทรัพยากรที่หาได้ก่อน ทั้งนี้เพราะว่าคนต้องการน้ำมันก่อน ทรัพยากรที่จะปรากฎขึ้นทีหลัง คือ "ทองคำ"

    ทองคำ นี้มีจุดตั้งแต่เหนือถึงใต้ แต่ก็เป็นส่วนที่มีความลึกมาก คนที่สนใจมีน้อยเพราะนึกว่าทองคำไม่มี แต่เมื่อได้น้ำมันแล้วก็ไม่เป็นไร ทรัพยากรส่วนที่เป็นทองคำต้องใช้แรงงานสูง เพราะว่าบางจุดเดินเข้าไปอยู่ใต้ภูเขาเสียมาก ส่วนที่อยู่บนพื้นราบก็อยู่ไม่สู้ไกลจากภูเขา ถ้าจะบุกเบิกตามวิธีการที่เราใช้กันในสมัยปัจจุบัน คือใช้น้ำฉีดหรือขุดด้วยเรือ ก็รู้สึกว่าจะได้ผลไม่มากนัก

    ทองคำ บางส่วนก็ปนอยู่กับแหล่งวูลแฟรมแต่อยู่ลึกกว่า ถ้าอาศัยการค้นคว้าด้วย "ดาวเทียม" ก็รู้สึกว่ามีจุดที่จะแสดงให้เห็นได้ง่าย เวลานี้ฝรั่งมีความรู้ในการค้นคว้าด้านนี้ใกล้ความจริงมาก

    สำหรับ "แร่ใส" เท่าที่เห็นเวลานี้ก็มีความลึกสักหน่อย ต่อไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร แร่นี้จะมีความอ้วนขึ้นหนาตัวขึ้น อีกอย่างหนึ่งจะพูดว่าเป็นเพราะการดูดน้ำมันมากๆ หรือจะพูดว่าแผ่นดินยุบลงไป หรือจะพูดว่าแร่ลอยขึ้นมาก็ไม่ถูก ส่วนที่ถูกควรจะพูดว่าแร่เลื่อนขึ้นมา เนื่องจากการเคลื่อนไหวของแผ่นดิน ในระยะ 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า ผิวของแร่จะอยู่บนพื้นดิน จะได้มาในเวลาควบคู่กับทองคำ

    ตอนนั้นเมื่อทองคำปรากฎ แร่ใสปรากฏ คนเลวน้อยลงแล้ว คนเลวภายในก็น้อยลง คนไทยที่เขาว่าเป็นไทยแต่พูดไทยไม่ชัดมีเกลื่อนกลาดอยู่ในประเทศไทย ก็หมดกำลังที่ปรารถนาจะยึดประเทศไทยเป็นของเขา ก็จะมีใจเป็นไทยขึ้น คือหวังว่าการเข้าเป็นหุ้นส่วนจะดีกว่าคิดประทุษร้าย

    ในตอนนั้นไทยจะเป็นอิสระเต็มที่ แต่ที่ทรัพยากรทั้งหลายกำลังจะปรากฏขึ้นก็เพราะอาศัยบุญญาธิการของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันมีมากพอสมควร เพียงพอที่จะเป็นผู้วางรากฐานให้ปรากฏพบแหล่งน้ำมันขึ้นในประเทศเป็นอันดับแรก


    สำหรับในกาลต่อไปก็อาศัยพื้นฐานความดีของพระองค์และข้าราชการบางส่วนที่มีความดี ก็จะเป็นเหตุให้ได้น้ำมันขึ้นมาใช้สอย และได้แร่ธาตุบางอย่างที่มีคุณค่าสูงมาบ้างตามสมควร พระราชาองค์นี้จะเป็นที่พึ่งของคนไทยต่อไป ความราบเรียบสงบเงียบจากอันธพาล จากคนที่ขายชาติจะค่อยๆมีขึ้นทีละน้อย จิตใจของคนจะเป็นไทยขึ้นมาทีละหน่อยๆ

    ในเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรมและข้าราชบริพารรู้จักความเป็นไทย ไทยเก่าๆจะเข้าสิงใจไทยปัจจุบันให้ทำการให้ประเทศไทยเพื่อไทย การคิดล้มล้างชาติไม่มีผลสำหรับคนทั้งหลายที่คิด พวกเขาจะต้องสลายตัวไปตามกาลสมัย พระพุทธศาสนาก็จะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะมีพระอริยเจ้ามากคล้ายกับสมัยที่พระพุทธองค์ยังทรงมีชีวิตอยู่


    เมื่อ 4 ปีที่แล้วมา เคยพบกับคนๆหนึ่งเขาถามว่า "หลวงพ่อ แร่ยูเรเนียมในประเทศไทยเรา
    มีไหม ?"

    ตอบท่านว่า มี แล้วท่านก็บอกว่า "มีพระองค์หนึ่งบอกว่าที่ ลำปาง มี มันจริงไหม ?"

    ก็บอกกับท่านว่า ที่ลำปางก็มี ที่ไหนก็มี ใกล้กว่าลำปางก็มี

    ท่านก็บอกว่า "เอาที่ ลำปาง ก็แล้วกันที่พระองค์นั้นบอกน่ะ มีไหม ?"

    จึงบอกว่า ที่พระองค์นั้นพูดน่ะ มันมีอยู่ 3 จุด แต่ว่า 3 จุดมันมีน้อยหน่อยหนึ่ง และจุดที่ 3 มันมีมาก 2 จุดที่ว่ามีน้อยน่ะ ไมใช่น้อยนะ มันเยอะ แต่ว่าน้อยกว่าเขาถ้าใช้เข็มวัดเข็มมันจะสั่นมากเพราะอยู่ตื้น ไอ้จุดที่มีมากกว่าเขาน่ะอยู่ลึกเข็มมันจึงสั่นน้อย พอรุ่งขึ้นท่านก็ขึ้นเครื่องบินไป ก็ลองเอาเข็มไปจับก็เป็นความจริง

    กลับมาท่านก็บอกว่า "ใช่ครับ!

    2 จุดที่หลวงพ่อบอกเข็มมันสั่นแรงจริง แต่อีกจุดหนึ่งเข็มมันสั่นเบาๆ นั่นเป็นจุดหนึ่งใน 16 จุดใหญ่ๆในประทศไทย และยังมีจุดย่อยๆกว่านั้นอีก"


    แล้วเมื่อปี 2521 มีคนเขาไปเห็นภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ฝรั่งเขาเอามาให้แกดู

    แกก็มายืนยันบอกว่า "ตามที่หลวงพ่อบอกไว้ มันมีทุกอย่างครับ เวลานี้ดาวเทียมเขาจับได้หมด ดาวเทียมเขาจับได้ละเอียด เขาบอกว่าไหลมาจาก ธิเบต แล้วมันก็ไม่ไปทาง พม่า และก็ไม่ไปทางประเทศญวน มันลงมารวมอยู่ในประเทศไทย

    สำหรับน้ำมันในประทศไทยนี้ มันมีทั้งบนบกและในทะเล"


    มีคราวหนึ่ง หลวงพ่อได้ถามลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นด็อกเตอร์ว่า

    หลวงพ่อ : ประเทศไทยมีน้ำมันเยอะไหมด็อกเตอร์?

    ด็อกเตอร์ : ผมก็ไม่ทราบครับ

    หลวงพ่อ : อ้าว! ทำไมไม่ทราบเป็นถึงด็อกเตอร์ เดี๋ยวก็เหลือด็อกตัวเดียวหรอก

    ด็อกเตอร์ : (หัวเราะ) เอาตัวท้ายต่อด้วยครับ

    หลวงพ่อ : ความจริงเวลานี้ประเทศไทยมีน้ำมันอุดมสมบูรณ์มาก ไม่เชื่อไปถามแม่ครัวชิ แม่ครัวทั้งหลายมีน้ำมันทั้งนั้นแหละ ใช่ไหม

    ด็อกเตอร์ : (ห้วเราะ)


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 242 พฤษภาคม 2544 หน้า 64-66)
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    440px-Thai_4_Buddies.jpg

    ท่านปู่ใหญ่ คือ ท้าวมหาพรหม
    คือ สหัมบดีพรหม หรือ พรหมเอราวัณ




    (มีโยมฝากคำถามมาถามยกทรง)



    ยกทรง : ผ้ายันต์มหาพรหมมีคุณภาพทางไหนบ้างเจ้าคะ ผ้ายันต์มหาพรหม คงจะเรียกไม่ผิดแล้วล่ะ


    ท่านเจ้าคุณฯ : อันที่จริงนี่เพลี้ยนี่คือ อุปสรรค ของการทำมาหากิน แต่ตัวคาถาจริงๆ ยันต์ของท่านท้าวมหาพรหม ไปดูแล้วนี่แปลว่า ป้องกันอุปสรรค


    คาถานี้ป้องกันอุปสรรคนี่ อุปสรรคคือสิ่งที่ไม่ถูกใจ ไอ้เพลี้ยนี่มันอยู่ที่นา มันเป็นเพลี้ย ที่ทำครั้งแรกๆเกี่ยวกับเพลี้ย แต่มาดูจริงๆ คือป้องกันอุปสรรคทุกอย่าง


    หากว่าอยู่ที่นาที่ไรให้ทำเป็นธงไปปักกลางที่ ใช้ สัคเค... เปิดหนังสืออ่านเอา นึกถึงเทวดาที่ปกปักรักษา ลองดู ทำด้วยความเคารพนะ


    ยกทรง : ถามว่าจะเปิดเทปได้ไหมครับ ยิ่งดีมั้ง



    ท่านเจ้าคุณฯ : นึกถึง ท้าวมหาพรหม ก็แล้วกัน ท่านเป็นเจ้าของคาถานี้นี่


    ท้าวมหาพรหม คือ สหัมบดีพรหม หรือ พรหมเอราวัณ อยู่ที่ชั้นพรหม เป็นพระอนาคามี


    ท้าวมหาพรหม หลวงพ่อเรียกท่านปู่ ปู่ใหญ่ เราเรียกกันว่า ท่านปู่ใหญ่


    โยม : ยันต์นี้ขจัดอุปสรรดด้วยใช่ไหมคะ สามารถไปไว้ที่รถได้ไหมเจ้าคะ


    ท่านเจ้าคุณฯ : เออ ดีใส่รถน่ะนะ ป้องกันอันตรายนะ


    โยม : การใช้ยันต์ในการกันเพลี้ยนี่ อธิษฐานแทนพ่อซึ่งอยู่ที่ไร่ได้ไหมคะ เราอธิษฐานแทนพ่อ


    ท่านเจ้าคุณฯ : อธิษฐานอย่างนี้ ได้ๆ แต่โยมปักที่นี่อธิษฐานไปคุมที่โน่นยังไง ไม่รู้หรอก (หัวเราะ) อธิษฐานแทนพ่อได้ แล้วไปปักให้พ่อ พ่อไม่เชื่อเดี๋ยวยันต์เหาะ (หัวเราะ)


    โยม : ปักที่ไร่ต้องปักกันอย่างไรคะ


    ท่านเจ้าคุณฯ : ก็ปักที่ไร่ก็ปักให้ถึงดินก็แล้วกัน หรือปักที่ต้นไม้ก็ได้ ไม่มีคนเห็น


    โยม : กลับไปเดี๋ยวจะไปติดรอบบ้านเลย


    ท่านเจ้าคุณฯ : เอาลองดูเอาแค่สักผืนเดียวก่อนก็ได้ ถ้ารอบบ้านเป็นหมื่นเป็นอะไรเข้าเดี๋ยวจะยุ่ง เดี๋ยวเกิดทำเป็นราวเขาจะหาว่า เอ๊ะ บ้านนี้มีงานอะไรวะติดธงราว (หัวเราะ)



    ***เมื่อได้ผ้ายันต์มาแล้ว เอาไปปักก็อย่าลืมอธิษฐานนะ การอธิษฐานก็คือการตั้งใจแล้วก็ขอพรต่อ***



    (จากคอลัมน์ "ท่านเจ้าคุณสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 482 เดือนพฤษภาคม 2564 หน้า 26-27)


    ผ้ายันต์กันเพลี้ย 3 แบบ (1).jpg
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    IMG_20200302_123757.jpg

    พระคำข้าว กับ พระหลวงปู่โต



    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า ตอนรุ่นเราพระคำข้าวยังไม่ดังเท่าไหร่ รุ่นเหลนรุ่นหลานนั่นตอนจะปลุกเสกเคยคุยกันแหละจะดัง

    ท่านบอก "นันต์ วันนี้สมเด็จท่านมาบอกว่า ของคุณนี่ตั้งแต่รัตนโกสินทร์มา มีของคุณกับคุณโต (หลวงปู่โต พรหมรังสี) นี่เท่านั้นนะที่จะทำของอย่างนี้เต็ม"

    พระคำข้าวนี่ต้องเสกทุกวันนี่ ต้องชิม เพราะอร่อยก็ตักชิมไปเรื่อย อร่อยก็ตักออก ทำอย่างนี้ทุกวันจนครบไตรมาส 3 เดือนถึงจะเอาข้าวนั้นมาบด แล้วเสกอีกครั้งหนึ่ง

    เดี๋ยวนี้ทันสมัยกว่าสมัยก่อน สมัยก่อนต้องไปตากแดดใช่ไหม สมัยนี้ฝนตกฟ้าร้องไม่ต้องกลัว ใส่ไมโครเวฟเลย มันก็แห้งง่ายไว เพราะต้องให้แห้งนี่ (ไว้นาน) เดี๋ยว
    ก็เหม็นบูดเป็นรา ต้องใส่ไมโครเวฟให้มันแห้ง แล้วก็ตาก

    สมัยหลวงปู่ปานก็มีอยู่องค์หนึ่ง พระอดอยากก็ให้บอก พระมหาลาภ แล้วหลวงพ่อท่านก็ลองของ ขอดู ก็มีจริงๆ ตอนหลังท่านจะไปเอามา แต่ไม่เห็น โจรลักไปแล้ว ขโมยลักไปเสียแล้ว ยังไปถามองค์ที่วัดบางนมโคยังอยู่หรือเปล่า บอก ขโมยลักไปเสียแล้ว

    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 470 เดือนพฤษภาคม 2563 หน้า 13)


    *************************************************************************


    ยกทรงบอกว่า ของพระคำข้าว กับ พระของหลวงปู่โต มีอานิสงส์เท่ากันไหมครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า มีผลเท่ากันเพราะว่า 1 พุทธภูมิ แล้วก็วิริยาธิกะ แล้วก็เต็มแล้ว

    ยกทรงถามว่า ความปลอดภัยจะต่างกันไหมครับ

    ยกทรงบอกว่า พระธาตุขึ้นเยอะจัง พระคำข้าวกับพระหางหมากของหลวงพ่อ รูปหล่อ รูปยืน รูปเหมือน พระธาตุขึ้นหมด

    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า เคยได้ฟังว่า ทำไมพระธาตุไปขึ้นที่นั่น ท่านบอกว่า พระพุทธเจ้ามาบอกว่า คุณ ศพของคุณไม่ได้เผา จะให้เป็นพระธาตุเหมือนที่พระเขาเผากันไม่ได้ เพราะศพของคุณไม่ได้เผานี่ ฉันจึงให้ตอนนี้ก่อน ให้รู้ว่าของคุณเป็นพระธาตุ

    อันนี้ไปฟังเทปที่ท่านเล่าไว้ พระพุทธเจ้าบอก ศพของคุณไม่เผานี่ ฉันจึงให้พระธาตุเสด็จมาก่อน เพื่อทดแทนกัน เพื่อชดเชยกัน ที่พระธาตุเสด็จไปที่นู่น (ที่ท่าลาน สระบุรี เป็นพระธาตุชานหมาก) แต่ที่วัดไม่ค่อยเสด็จ เสด็จไปที่ชาวบ้าน แต่ก็ดีอย่างถ้าเสด็จที่อยู่วัด เดี๋ยวจะหาว่าพระโปรโมทขึ้นมาเอง เดี๋ยวจะหาว่าโฆษณาชวนเชื่อ ก็จึงไปอยู่ที่ชาวบ้าน

    ยกทรงบอกว่า สำรวจดู ตามสถิติลูกศิษย์รุ่นใหม่มีพระธาตุมากกว่าลูกศิษย์รุ่นเก่า รุ่นใหม่มีพระธาตุกันเยอะ หรือรุ่นเก่าไม่ค่อยดีครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า ลูกศิษย์ใหม่กำลังใจยังอ่อนอยู่นี่ ก็เอาพระธาตุนำไว้ รุ่นเก่ากำลังใจมั่นคงแล้วไม่ต้องมาก็ได้


    ยกทรงบอกว่า เออ ไปได้นะอย่างนี้ ชื่นใจๆ


    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า พูดปลอบใจตัวเองไว้

    ยกทรงบอก ที่บ้านว่างไปส่องดูทีละองค์ๆไม่มีเลย ไอ้นั่นเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแค่เดือนเดียวมีทั้งหน้าทั้งหลังเต็มหมดเลย พระบรมสารีริกธาตุเต็มหมดเลย


    ท่านเจ้าคุณฯ เล่าว่า ก็มีอยู่คราวหนึ่ง ตอนกลางคืนนอนไม่หลับ เมื่อก่อนก็ตุนพระคำข้าวกันไว้คนละ 100 , 200 องค์ นอนไม่หลับ แล้วทำอะไรดีวะเนี่ย ก็เอาพระคำข้าวมาส่อง มีพระธาตุไหม ส่องเป็นร้อยองค์ไม่เจอสักองค์ แว่นตาก็ไม่มี


    ยกทรงบอกว่า นี่ขนาดอยู่วัดยังไม่มีมา น่าอัศจรรย์จริงๆ

    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า ก่อนที่พระธาตุจะเสด็จ พระมาบอกก่อนแล้ว ว่าจะให้ของอะไรคุณสักอย่าง แต่ไม่รู้จะให้อะไรเท่านั้นเอง หลวงพ่อก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไร พระโมคคัลลาน์ หรือไงมาบอกคุณ ขอท่านสิ ขอให้พาคนไปไหนมาไหนได้อย่างว่องไว แบบเหาะอะไรอย่างนี้ หลวงพ่อบอก ไม่ขอหรอกครับ แล้วแต่พระองค์จะเมตตาจะให้อะไร แหม ไม่โลภเหมือนเรานะพุทธภูมิ

    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า อันที่จริงพระในประเทศไทยที่เก่งๆมีเยอะนะ บางองค์ก็ไม่ลาพุทธภูมิ ส่วนมากที่มีชื่อเสียงเป็นพุทธภูมิเกือบทั้งนั้น

    อย่างวัดอนาลโยนี่ (พระอาจารย์ไพบูลย์) ก็มาจากพุทธภูมิ สร้างวัดสวยมาก สร้างเอาจริงเอาจังเลย โอ้โฮ ที่ดอยบุษราคัม ในหลวงท่านเสด็จไป มอบงานศิลปาชีพให้ทำ ท่านก็ทำทั้งนั้น ช่วยเหลือสังคมดี บริษัทอะไรไม่รู้ให้ตั้ง 70 ล้าน เนชั่นแนลหรือไง ขนาดปรับพื้นที่ตั้ง 60 ล้าน รัฐมนตรีเกษตรให้ภูเขาตั้งกี่ลูกไม่รู้ เมื่อก่อนก็ให้เช่า พอเห็นทำจริงก็ให้เลย เป็นภูเขา 2-3 ลูก ใครไปพะเยาก็ขอให้แวะวัดอนาลโย เรียกว่า ดอยบุษราคัม

    ที่วัดท่านนี่เทวดาให้สร้าง เทวดามาให้สร้างท่านก็ไม่เชื่อ ไม่ยอม ตอนแรกก็ให้มาถางป่าก่อน แน่จริงให้พาคนมาทำบุญ คนก็มาทำบุญ ที่นี่เศรษฐีไปทำทั้งนั้น พวกกรุงเทพฯ พวกคนรวยไปช่วยท่านสร้าง ตอนนี้ไปสร้างที่เขาอีกลูกหนึ่งแล้ว อดีตท่านเป็นพญาอะไร พญางำเมือง


    (จากคอลัมน์ "ท่านเจ้าคุณสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 465 เดือนธันวาคม 2562 หน้า 25-26)
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    6 in 1.jpg

    วัตถุมงคลหลังหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์




    (มีคนมาเล่าให้ท่านเจ้าคุณฟังว่า วัตถุมงคลที่วัดท่าซุง ที่ปลุกเสกหลังหลวงพ่อมีความศักดิ์สิทธิ์มาก)


    ยกทรง : เฉพาะตรงภาคอีสานน่ะ ฝนไม่ตกมาเป็นเวลาช้านาน วันนั้นตกสูงจากพื้นดินขึ้นมาสูงครึ่งแข้ง เป็นประวัติศาสตร์เลยฮะ ไปนับถือกันมากเลยวัดนั้น


    ท่านเจ้าคุณฯ : ตอนหลังนี่พาคนมาบ่อยเลย ตอนหลังก็พามาใช่ไหม


    ยกทรง : เขาคืออย่างนี้ แกรู้ว่าแกทำผิด แกตั้งสัจจะเลยตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะลุยแหลก คือจะชวนคนไปทำบุญ ตัวเองทำบุญด้วย เป็นการขอขมาลาโทษไปในที


    แกมายอมสารภาพแล้ว ของวัดท่าซุงไม่ว่าจะเป็นปลุกเสกก่อนปลุกเสกหลังนะ อานุภาพเหมือนเดิมทุกประการ


    ท่านเจ้าคุณฯ : มันไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก เราทำอะไรด้วยความเคารพก็แล้วกันก็เรื่องแปลกเหมือนกัน


    ยกทรง : เรียกว่าของหลังมรณภาพแล้ว อานุภาพก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร


    ท่านเจ้าคุณฯ : ไม่รู้ เพราะว่าเขาเล่าให้ฟังอย่างนี้นะ



    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 484 กรกฏาคม 2564 หน้า 24)


    IMG202104041640501111.jpg
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ-เมืองฉงชิ่ง.jpg


    เจ้าแม่กวนอิม


    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงยิ่ง คือว่าที่บ้านของลูกมีทุกอย่าง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพเทวะอะไรต่างๆ


    มีคนเขาบอกว่า ลองเอาเจ้าแม่กวนอิมไปบูชาบ้างจะทำให้เจริญรุ่งเรือง แล้วลูกก็เลยซื้อมา เมื่อนำมาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะตั้งตรงไหนดี จะตั้งกับพระพุทธก็เห็นว่าเป็นผู้หญิง จะซื้อโต๊ะใหม่ สะตุ้งสตังค์ก็ไม่มี ขอให้หลวงพ่อช่วยชี้แนะวิธีตั้งสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ


    หลวงพ่อ: ไม่ต้องตั้ง ห้อยที่ได้ ใช้ห้อยคอไว้ (หัวเราะ)


    ก็หาโต๊ะเล็กๆซิ ม้าเล็กๆ ถ้าตั้งโต๊ะพระพุทธรูป ตั้งให้ต่ำกว่า ขั้นต่ำกว่าไม่เป็นไรนะ เพราะท่านกวนอิมจริงๆ เดิมทีเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้หญิง


    และต่อมานานๆเข้าใกล้จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เอาแค่ใกล้นะ บารมีเริ่มเป็นปรมัตถบารมีก็ขอลาพุทธภูมิ


    เวลานี้เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานแล้ว




    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 110 เดือน เมษายน 2533 หน้า 38)


    วัดฉิงหยวนวิหารเจ้าแม่กวนอิมกลางน้ำเมืองซูโจว.jpg วัดฉิงหยวนวิหารเจ้าแม่กวนอิมกลางน้ำเมืองซูโจว3.jpeg วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม วัดตู้เล่อ.jpg




     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    54361.jpg

    โกหกให้เจ้านาย


    ดร.ปริญญา ถามว่า มีอีกข้อหนึ่งนะครับ ถามว่า อยากจะถือศีล 5 แต่ว่านั่งอยู่หน้าห้องเจ้านายก็รับโทรศัพท์ ต้องคอยโกหกให้เจ้านายบ่อยๆ จะเป็นการผิดศีลหรือเปล่าครับ

    ยกทรงถามว่า เจ้านายสั่งไว้อย่างนั้นใช่ไหม ถ้าจะไม่เชื่อเจ้านายเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ถ้าจะเชื่อเจ้านายศีลก็จะขาด ท่านเจ้าอาวาสเจ้าขา จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ

    ท่านเจ้าคุณฯ ตอบว่า ก็เราไม่ได้โกหกเพื่อตัวเราเองนี่ โกหกให้เจ้านายนี่ ก็บอกว่าเจ้านายให้โกหกไปอย่างนี้ (หัวเราะ) ตรงนี้ไม่ยาก ตามพระวินัยเขาให้ตรงไปตรงมานะ

    หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟัง บอกว่า ยกตัวอย่าง เขายิงกันตาย พระก็อยู่ในที่เกิดเหตุนั่นแหละ เจ้าหน้าที่เขามาเขาก็สอบสวน ถามว่าเมื่อสักครู่เขายิงกันตาย คุณอยู่ตรงนี้หรือเปล่า เรายืนอยู่ตรงนี้ใช่ไหม เราก็ขยับเท้าก้าวไปสักที่หนึ่ง ให้พ้นจากตรงนั้นไปสักก้าวหนึ่ง ตอบว่า เปล่าไม่ได้อยู่ตรงนี้

    ดร.ปริญญาบอกว่า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็มีเรื่องเล่าต่อ สมัยที่คุณบัญชาท่านยังบวชอยู่ สมัยนั้นก็อยู่ที่ศาลานวราชเก่า หลวงพ่อท่านไม่ค่อยสบาย ก็ไม่อยากให้หลวงพ่อลงรับแขก ก็เผอิญมีโยมมา 2 คน ก็คุยกับหลวงพี่วิรัชว่า จะเอายังไงดี ท่านวิรัชบอกว่า เราก็ไปรับโทรศัพท์ที่ห้องข้างใน ถ้าหลวงพ่อโทรมาถาม ก็บอกว่าข้างในไม่มีใคร

    พอได้เวลาหลวงพ่อท่านก็โทรมา เฮ้ย มีใครหรือเปล่า ไม่มีครับ เสียงตวาดออกมา แล้วที่นั่งข้างนอกหัวโด่ข้างนอกใครว๊ะ

    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า นี่พ่อแม่ครูบาอาจารย์เราย่อมรู้เหนือกว่า

    ดร.ปริญญาถามว่า อย่างนี้โกหกไหมครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ ตอบว่า ตรงที่รับไม่มี พวกนี้วิชาเหนืออยู่แล้วก็รู้จักหลบ

    ต้องทำอย่างใครนะ ที่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นพระโสดาบัน ผัวเป็นนายพรานล่าสัตว์ (เมียพรานกกุตตมิ) ตัวนี้ก็ต้องทำตามนั้น มีหน้าที่ก็ทำไป ขนาดสามีบอกหยิบธนูมาชิ ภรรยาก็หยิบมา หยิบลูกดอกมาซิ ก็หยิบมา หยิบหอกมาซิ ก็หยิบมาให้ นี่เป็นพระโสดาบันนะ คือทำตามเจ้านาย คือสามีที่สั่งมา

    ยกทรงบอกว่า นั่นยิ่งหนักกว่าโกหกนะ ส่งลูกธนูไปยิงเขา ยังไม่เป็นไร



    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 472 เดือนกรกฏาคม 2563 หน้า 12-14)
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    messageImage_1704594754742.jpg
    พระคำข้าวจะราคาสองแสน



    โยม : จำได้หลวงพ่อเคยบอกว่า ถ้าหลวงพ่อตายวัดแทบจะไม่มีที่ยืน ก็เลยนึกว่าคนคงจะแน่นมาก

    หลวงพ่อบอก พระคำข้าวจะราคาสองแสนนะ อีกหน่อยจะสองแสน

    หลวงพี่จะอยู่ถึงหรือเปล่า

    ท่านเจ้าคุณฯ : สองแสนหรือ เกิดสงครามเหรอ เราก็รวยกันจังพวกตุนนี่ หลวงพ่อบอกว่าท่านมรณะ 3 ปีแล้ว

    โยม : ถ้าท่านมรณะ 3 ปีไปแล้วนี่ วัดแทบจะไม่มีที่ยืน คนแน่นไปหมด

    ท่านเจ้าคุณฯ : อ้อ คุยให้คนข้างหลังเขาฟังบ้าง เป็นหลักฐานไว้ เขาเล่าให้พวกนี้ฟัง

    หลวงพ่อท่านเล่าว่า ถ้าข้ามรณภาพไป 3 ปีวัดนี่ไม่มีที่จะยืน ตรงพอดีเลย ปีนี้น้ำท่วมหมด ไม่มีที่จะยืนไม่รู้จะยืนตรงไหน น้ำท่วมไปหมด เออ จริง 3 ปีเหรอ แหม ต้องลอยคอกันบ้าง

    โยม : หลวงพ่อบอกว่า คนจะแน่น กำแพงจะพัง

    ท่านเจ้าคุณฯ : กำแพงพังจริงๆ น้ำมันพังให้

    พระคำข้าวองค์ละสองแสน เราก็รวยกันตายละมั้ง ถ้าอย่าง นอสตราดามุส พยากรณ์ละก็ไม่มีที่ยืนแน่

    อันที่จริงก็โยมน้อยแกบอกเหมือนกัน ไอ้เรื่องที่เขาลือกันว่า ต่อไปวัดจะไม่มีที่วางเท้านี่ โอ้ มาเจอต้นตอนี่ 3 ปีนะ


    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 490 มกราคม 2565 หน้า 18-19)
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    IMG_20200319_153554.jpg

    ขายพระ



    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา คือว่าลูกมีพระสมเด็จพระระฆัง ก็จะให้เขาเช่าไปแล้วก็จะเอาเงินไว้รับประทานบ้าง แบ่งทำบุญกับวัดท่าซุงบ้าง อย่างนี้จะบาปจะมีกรรมจะมีเวรหรือเปล่าเจ้าคะ.....?

    หลวงพ่อ : ความจริงก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่นะ จะถือว่าปรามาสก็ไม่ถูก ใช่ไหม เพราะเขาให้ราคาแพง แต่ความจริงสมเด็จวัดระฆังนี่ฉันทำได้นะ ใครจะซื้อแพงๆ ฉันทำขาย (หัวเราะ)

    ผู้ถาม : หลวงพ่อมีสูตรหรือครับ....?

    หลวงพ่อ : มี เอาไหม สูตรขี้ยานะ ที่นี่เขาจะฟังกันหรือเปล่านี่ก็พูดไถลเถลือกไป

    1. มีข้าวสุก
    2. มีกล้วยน้ำว้าสุกงอมๆ
    3. มีปูนขาว
    4. ถ้าต้องการให้แตกลายงามากหรือน้อย ใช้น้ำตาลสีดำ น้ำตาลทรายแดงนั่นแหละนะ

    ต้องการให้แตกลายงามากใช้น้ำตาลทรายแดงมาก
    ต้องการแตกลายงาน้อยใช้น้ำตาลสีดำ น้อยน้ำตาลทรายแดงแหละนะแค่นี้
    แล้วก็น้ำมันตั้งอิ้ว น้ำมันตั้งอิ้วทำให้แข็ง เท่านี้แหละเรื่องกล้วยๆ

    แต่สูตรนี้เมื่อปีพ.ศ. 2500 เห็นคนขี้ยาแกทำขาย แกขายที่แผงวัดมหาธาตุ แกมีแผงตั้ง 3 แผงนะ แผงตัวแก แผงเมีย แล้วก็แผงลูกชาย

    อาทิตย์แกวางไว้ที่แผงแก 1 องค์ ขายอาทิตย์ละองค์ ใครไปถามแกแกก็บอกก็แลกกันไปแลกกันมา แกตีราคาตามคน แพงนะ

    อาทิตย์ที่ 2 วางแผงเมีย อาทิตย์ที่ 3 ไปวางแผงลูกชาย แกขายอาทิตย์ละองค์เท่านั้นแหละ แกขายได้ทุกอาทิตย์ แกก็ไม่ได้โกหกบอกว่าถ้าชอบใจก็เอาไปซิ ไม่ชอบใจก็แล้วไป

    ต่อมาไปขอเรียนสูตรแกเข้า แกเอา 500 ฉันก็เลยไม่เรียน ให้เณรย่องดู (หัวเราะ) ไม่ใช่ขโมย ให้เณรไปเจริญพระกรรมฐานเป็นพุทธานุสสติ เพราะรูปพระนั่นเป็นรูปพระพุทธเจ้านะ เณรก็กะเหลี่ยมๆไปแอบมองฝาดูจำสูตรได้ ฉันก็มาทำเป็นองค์ที่ 3

    องค์ที่หนึ่งนักเลงเล่นพระไปเขารู้เลยปลอม

    องค์ที่สองชักดูกันนานหน่อย เราไม่รู้สูตรแน่นอน ใช่ไหม

    องค์ที่สามเอาได้เลยเรียบร้อยดีแล้ว แต่ว่าพอทำเสร็จนะให้แช่น้ำหมากหรือว่าน้ำชาแก่ๆ ใช่ไหม แล้วก็มาขัด ขัดแล้วก็เอาใบกล้วยใบตองขัดอีกที แกขึ้นเป็นเงามันปู ใช่ไหม

    แล้วต่อมานักเลงพระเยอะแยะเลยไปดูกัน ฉันไม่ออกชื่อนะกลัวแกจะเสียชื่อ แกก็เอาแว่นไปส่อง ส่องไปส่องมา รุ่งขึ้นแกก็พาพวกไป 5-6 คน ไปๆมาๆแกตีราคาให้ 4,000 บาท ก็บอกนี่คุณ ถ้าฉันไม่นุ่งผ้าเหลืองนะ ฉันเอาแหงๆเลย ถามทำไม ไอ้นั่นของคุณน่ะทุบทิ้งได้ ฉันทำเองจ๊ะ หงายท้องผึ่งเลย แกยังหาว่าโกหกอีก ก็ฉันเสียดาย ถ้านุ่งกางเกงนะ อาจารย์ฉันรวยแหงๆเลย

    แต่ว่าแกขาดความสังเกตุ ถ้าพระเก่าจริงๆเนื้อจะเบาเพราะส่วนที่เป็นน้ำแห้ง ใหม่จะมีความชุ่มตัวอยู่ หนัก

    นี่ขาดความสังเกตุจุดนี้นะ เอาแว่นขยายมากเกินไป

    ก็เป็นอันว่าขายแล้วทำบุญบ้างกินบ้าง ไม่เป็นไรนะ ไม่ใช่เป็นปรามาสเพราะไม่ได้ทำเป็นการค้านี่ แต่ว่าเขามีความจำเป็น ฐานะก็ไม่สู้จะดี


    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 55 หน้า 30-31)
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    DSC09437.jpg

    เรื่อง..คุยกับพระเจ้าตากสินเรื่องการทำน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด
    (สนทนาที่ศาลานวราช วันที่ 20 ก.ค. 2522)


    ตอนนั้นไปนั่งที่ระยอง ไปนั่งๆเล่นที่ท่ามองดูน้ำมอง นึกถึงพระจ้าตากสินว่าที่นำกำลังมาจากชลบุรีเข้ากรุงเทพฯนี่น่ะ ก็มาแล้วท่านใช้กองทัพเรือ กำลังพลประมาณ 5,000 คน ก็คิดว่าไอ้เรือพายเรือแจวเรือใบกว่าจะถึงกรุงเทพๆนี่ ต้องใช้เวลาเยอะ เรื่องที่น่าหนักใจมากที่สุดก็คือน้ำ เรื่องส้วมไม่สำคัญ นั่งห้อยก็ได้นะ

    ถามกินน้ำอะไร

    ท่านบอกมันมีวิธีง่ายๆ

    ถามทำยังไง

    ท่านบอกก็ตักน้ำในทะเลมาแล้วก็ใช้ปูนขาว ปูนขาวใส่ลงไป และก็ในเมื่อมันนอนดีแล้ว ไอ้ตะกอนปูนขาวนอนก้น เกลือมันอยู่ข้างบน และก็เอาน้ำออกจากก๊อกนะ ดึงน้ำออกมา ไอ้น้ำนี่จะมีรสกร่อยน้อยๆ แล้วก็ใส่ขันฑ์ทสกรลงไป ก็ดีกว่าไม่มีน้ำกิน


    เราก็เอามั่ง ทีนี้ก็ลองทำดู เช้าก็เอาซิ ก็เอาน้ำมาใส่คูลเลอร์ พอเอาไอ้ปูนขาวใส่ไปปึกหนึ่ง พอตกตะกอนดี เกลือนี่ขึ้นมาอยู่ข้างบนเป็นฝาเลย เหมือนกับนาเกลือ "ฝาเป็นแผ่น" เป็นแผ่นเลยเหมือนนาเกลือ แต่อย่าไปถูก ไปถูกมันจะละลาย ลองเอามือไปแตะถูๆจะละลาย


    ทีนี้ทำไง ก็ไขก้อกให้เขาเอาน้ำออกมา แล้วลองจิบน้ำกร่อยนิดๆเอง มันกร่อยนิดๆ ทำไง ท่านบอกให้เอาขันฑ์ทสกร ขันฑ์ทสกรนี่ใส่นิดเดียวมันหวาน ใช่ไหม ก็กินชุ่มๆคอหวานๆ อันนี้มันทรงตัวได้


    เอ..เราก็แปลก ไปถามนักวิทยาศาสตร์ บอกมันเป็นไปไม่ได้ บอกเฮ้ย...มันเป็นไปแล้ว กูลองแล้ว


    "แสดงว่าโง่ โง่กว่าคนโบราณ" เขาบอกเป็นไปไม่ได้ บอกเป็นไปแล้วกูลองแล้ว นั่งคุยๆ เห็นท่านยืนก็ถามท่าน บอกใช้วิธีนี้ คือว่าเราไม่มีน้ำจืดเต็มที่ แต่มันกร่อยเล็กน้อย นี่คุณกินได้ถ้าอยากจะกิน ทีนี้ถ้าให้มันกินดีขึ้นทำไง ใส่ขันฑ์ทสกร เพราะหวานๆนี่ ชุ่มๆชื่นๆ ชาวบ้านสบายๆ นะ


    "วิธีนี้ดีมาก" ถามท่านแล้วถ้าไม่ลองก็ไม่แน่ใจ นี่เราลองแล้ว ลองกันเลย บอกเอาลงมือทำกันเลย


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 159 เดือนพฤษภาคม 2537 หน้า 15)
     
  15. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,599
    ขอสอบถามเรื่องมีดหมอชาตรีด้ามฤๅษีหน่อยนะครับ ว่ารุ่นนี้มีขนาดความยาวเท่ากันทุกด้ามมั้ยครับ??
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    ถูกต้อง (1).jpg
    วิธีบูชาพระมหาลาภคำข้าว


    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา ลูกขอถามนิดเดียวเกี่ยวกับพระผงคำข้าวมหาลาภ เมตตาที่หลวงพ่อให้ลูกหลานเป็นที่ระลึกนี้น่ะว่าวิธีจะบูชาจะต้องพูด จะต้องกล่าว จะต้องทำอย่างไรถึงจะมีผลสมบูรณ์แบบตามแบบฉบับของ วัดท่าซุง ทุกประการเจ้าค่ะ?


    หลวงพ่อ : อันนี้ต้องยกครู


    ผู้ถาม : แพงหรือเปล่าก็ไม่รู้


    หลวงพ่อ : ไม่แพงหรอก สักสิบล้านก็พอ ก็อยากโง่ พูดอะไรตามชอบใจก็แล้วกัน


    บูชาพระ นึกว่าตั้งแต่พระคือพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหมด พรหม เทวดาทั้งหมด ท่านช่วยกันทำ นึกถึงท่านบอกท่าน อธิษฐานเอา


    ผู้ถาม : ดูเหมือนว่า วันหนึ่งจะอธิษฐานได้อย่างเดียวหรือไงครับ?


    หลวงพ่อ : ก็เอากันเต็มที่ แหม..วันนี้ขอขายดี อย่าเสือกมาขายของชั่วซิ เอาอย่างเดียว ขายของก็ไม่ต้องไปนั่งบรรยายว่า ยกทรงข้างซ้าย ยกทรงข้างขวา (หัวเราะ) ยกไปเลย ไม่ต้องยกซ้ายยกขวา


    ผู้ถาม : ไม่ต้องอธิบายนะ ไอ้ผมก็เวรกรรมอะไรไม่ทราบ พวกวัดมหาธาตุหัวเราะคิ๊กๆ ผมนี่หรือสอนวิปัสสนาผ่ามาขายยกทรง


    หลวงพ่อ : ไอ้นี่ล่ะของจริง มันเป็น "อนิจจัง" เดิมทีเดียวไม่ต้องยก นานๆเข้าต้องยก (หัวเราะ) ถ้าไม่ยกมันก็เป็นทุกข์ใช่ไหม ในที่สุดก็เจ๊งไปตามๆกัน ตายก็เป็น "อนัตตา" มันเป็นทุกอย่าง ไตรลักษณ์ก็ต้องเป็นการเจริญวิปัสสนาญาณนี่ ให้จับทุกอย่างเป็นวิปัสสนาญาณนี่


    ก็สมัยเมื่อไปธุดงค์นอนโคนต้นไม้ ใบไม้หล่นมา มีพระท่านโผล่ขึ้นมาเป็นพระสงฆ์นะ


    ท่านถามว่าเห็นใบไม้เป็นอะไร ก็ใบไม้เป็นใบไม้ครับ บอกนี่ชาติหน้าจะเกิดเป็นหมายังเกิดไม่ได้ แหม..คนจะเป็นเทวดาเกิดเป็นหมาได้ไง ท่านหมายถึงสัตว์นรก


    ถามเพราะอะไรครับ ต้องดูเป็นวิปัสสนาญาณ ถามทำไมไม่ถามเมื่อกี้ ถามว่าใบไม้เป็นอะไร ก็ต้องตอบว่าเป็นใบไม้ เป็น "สัจธรรม" ใช่ไหม ก็เข้าใจว่าท่านล้อเล่นเราก็ทราบ อยู่ๆโผล่ขึ้นมาได้ไง พระ ใช่ไหม เห็นพระสงฆ์ทรงตัวผิวพรรณดี


    ก็เลยอธิบายว่าต้องคิดว่า ต้นไม้ทีแรกมันขึ้นจากลูกเมล็ดมันนิดเดียว ค่อยๆขึ้นมาทีละน้อยๆ นี่เป็น "อนิจจัง"


    ต่อมาก็มีกิ่งมีก้านมีสาขาทั้งหมดเป็น "อนิจจัง" ทั้งหมดมันไม่เที่ยง ถ้าเที่ยงก็ทรงตัวเล็กๆ ใช่ไหม ต่อมาก็มีใบ ไอ้ใบที่เกิดทีแรกก็เป็นใบเล็ก เป็น "อนิจจัง" เป็นใบอ่อนๆ ต่อมาก็คลี่เป็นใบอ่อนก็เป็น "อนิจจัง" มันไม่ทรงตัว แล้วต่อมาไม่ช้าก็เริ่มผุเริ่มเก่า


    ถ้าคนเราก็เกิดความทุกข์เพราะมันเหี่ยวใช่ไหม พอหล่นมาก็เป็น "อนัตตา" เรามีสภาพเช่นเดียวกัน นึกถึงเรา ท่านบอกดูทุกอย่างให้มันเป็น "วิปัสสนาญาณ"


    ก็คุยกับท่าน คุยไปคุยมาถามอยู่วัดไหนครับ "มึงไม่ต้องรู้กูอยู่ที่ไหน" ภาษาเดิมไทยแท้ ถ้าไปไทยในที่เจ๊กที่จีนเป็นอันนี้นะ ไทยเก่าเขาใช้กูใช้มึง "กูเป็นคนไทย"


    ก็สรุปแล้วว่าพระองค์นั้นไม่รู้อยู่วัดไหน คุยไปคุยมาหายไปเลย



    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 234 เดื
    อนกันยายน 2543 หน้า 57-58)
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    0001 (13).jpg
    วิธีเก็บลูกหลานหลวงพ่อ



    ขนาดไปอเมริกางานสุดท้ายยังไปตามเก็บอีก 2 คน คนหนึ่ง คณะจะไป White House ท่านยังไม่ไปเลย ท่านรู้ว่าจะต้องเก็บคนของท่าน อยู่ใต้ถุนนี่ ท่านก็เดินลงไปคนเดียว เก็บบริวารของท่านใต้ถุน ท่านรู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน เราก็ต้องแอบดูท่านไปว่าท่านเก็บยังไง

    ท่านเจ้าคุณฯ เสริมว่า ตอนไปเก็บผู้หญิงคนนี้ อยู่ที่วอชิงตันดี.ซี. คนนี้พิเศษมากธรรมดาว่าจะไป White House กัน ไปเป็นหมู่คณะ หลวงพ่อบอกว่า วันนี้ไม่ไปละ ฉันจะอยู่ที่นี่แหละ

    ท่านก็เดินไปที่โรงแรมชั้นล่าง มีร้านไทยอยู่ร้านเดียวหรือไงนี่ ขายนาฬิกา หลวงพ่อก็ไปเดินดูนาฬิกา คนนี้เกิดศรัทธายังไงไม่รู้ถวายนาฬิกามา หลวง
    พ่อก็บอกว่า เขาฝึกกรรมฐานกันที่นี่ ว่างก็ไปนะ ฝึกกันที่โรงแรมชั้นล่าง

    พอเวลาพระกรรมฐานผู้หญิงคนนี้มาไม่ทัน เขาจัดห้องไปหมดแล้วนี่ ผู้หญิงคนนี้มาไม่ทัน แกเป็นคนกล้าหาญนี่ บอกว่า หลวงพ่อเทศน์ให้ลูกฟังหน่อยสิ หลวงพ่อว่า เสียงไม่ดี เสียงมันไม่ไหวแล้วมันจะตายอยู่แล้ว

    แกก็ชี้ไปทางด็อกเตอร์ปริญญา บอกว่าคุณฟังหลวงพ่อแล้ว พูดให้ฉันฟังหน่อย คุณเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่าหลวงพ่อเทศน์ว่าอย่างไร ใจเธอเร่าร้อนน่ะ อยากจะฟังเทศน์

    สักประเดี๋ยวครูฝึกลงมา ก็เลยบอกให้กลับไปฝึกคนนี้ คนนี้ก็ไปฝึก ฝึกล่วงเวลาไป เขาเสร็จกันหมดแล้วนี่ ยังเหลือคนที่มาทีหลังนี้คนเดียว รอกันครึ่งชั่วโมง พอลงมาเรียบร้อยทุกอย่าง บอกไม่อยากลงเลยโลกนี้เป็นทุกข์


    เราได้ยินก็ปีติแล้ว วันนั้นเขากลับตั้ง 4 ทุ่มมั้ง พอตี 4 มาถึงโรงแรมอีกแล้ว ทำอาหารมาถวายทุกอย่างเลย แสดงว่าไม่ได้นอนเลย


    นี่แสดงว่าหลวงพ่อคนเดียวก็เอานะ ถ้าเทียบกับเรา เราลงทุนก็คิดแบบเป็นเงินนะ หากจะเอาวัตถุกันไม่คุ้มกับเสียเงิน เวลาคณะไปทีหลายแสนนี่ ไปโปรดคนคนเดียวที่เมืองวอชิงตัน

    ดร.ปริญญาบอกว่า ท่านรู้ของท่านคนเดียว และรู้จักตะล่อมเข้ามายังไง ดูแล้วลีลาของท่านนี่กินขาดเลย

    มีคนเคยปรารภหรือตำหนิท่านว่าหลวงพ่อไปที่นี่เสียเงินมาก จะได้เงินทำบุญมาคุ้มหรือ อย่างเช่นหลวงพ่อเสียเงินเป็นล้านแต่สอนคนได้มา 2 คน เขาก็ทำบุญมาพัน 2,000 บาทอย่างนี้ คุ้มไหม

    หลวงพ่อบอกว่า คนน่ะ เขาไปสวรรค์ได้วิมาน หลัง 100 บาทซื้อได้ไหม ล้านบาทซื้อได้ไหม จับให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิให้เป็นสัมมาทิฏฐินี่ เงินซื้อได้ไหม ท่านบอกคุ้มเกินคุ้ม ท่านมองประโยชน์ของคน ไม่มองด้วยวัตถุ


    (ก็มีพระที่วัดองค์หนึ่ง ตอนนี้สึกไปแล้ว ติงเรื่องนี้เหมือนกัน ก็พูดทำนองนี้แหละ และหลวงพ่อก็ตอบอย่างนี้แหละ ฟังจบก็ไม่มีเหตุผลโต้แย้ง หลวงพ่อพูดจริง)

    ท่านเจ้าคุณฯ พูดเสริมอีกว่า ที่ด็อกเตอร์เล่าเมื่อสักครู่นี้ ที่ว่าหลวงพ่อรับรองว่าลูกท่านจะไปนิพพานได้หมดนี่ ท่านเขียนหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง เป็นหนังสืองานศพของโยมโต๋ว เป็นสามีของโยมกิมกี

    เขียนทำนองว่า ลูกของฉันอาจจะโต๋เต๋ไปในท่ามกลางบ้าง โต๋เต๋ แปลว่า แถไปบ้าง เพราะอกุศลกรรมให้ผล แต่เมื่อบั้นปลายชีวิต ลูกของฉันไปหมด หมายความว่ากลางๆ อาจจะโต๋เต๋ไปบ้าง เขวไปโน่นเขวไปนี่ แบบนี้เพราะอกุศลกรรมให้ผล แต่เมื่อบั้นปลายชีวิตเมื่อจะตายจริงๆ ตอนนี้จิตมันจะรวม

    ถึงบอกว่า คนเราสะสมไปวันละเล็กละน้อยสมาธินั่งวันละเล็กละน้อย ได้บ้างไม่ได้บ้างมันจะสะสม เพราะสมาธิไม่สูงนี่ มันจะสะสมอยู่ในตัวเราตลอดไป อยู่ในจิตเรา โดยเราไม่รู้ตัวเลย

    เหมือนเราค่อยๆโต เรารู้ไหมล่ะว่าโตขนาดไหน มันโตวูบวาบมาที่ไหน มันจะสะสมมาทีละหน่อยๆ เมื่อบั้นปลายชีวิตจิตมันจะรวมตอนจะตาย ตรงนั้นแหละทำให้ตัวหลุดพ้นแหละ


    ฆราวาสนี่ไม่ได้บวชนี่ ตายในวันนั้นแหละ หรือว่าจิตจะบรรลุมรรคผล แต่เป็นวันตายพอดี


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 449 เดือนสิงหาคม 2561 หน้า 21-23)
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    121398184_1730203020489563_3368311128796815482_n.jpg

    ประเทศไทย จะเป็นมหาอำนาจและรวยมากเป็นมหาเศรษฐี



    ระหว่างที่คณะของหลวงพ่อนั่งเรือจากอ่าวพังงาจะไปเกาะปันหยี ถ้ำลอด และเขาพิงกัน เทวดาที่เป็นเพื่อนเก่าของหลวงพ่อมาต้อนรับ และชี้ให้หลวงพ่อดูจุดที่เจาะพื้นทะเลลงไป จะพบหินดาน เจาะหินดานทะลุจะพบน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมาปริมาณมากมายมหาศาล


    ข้าพเจ้าเคยเรียนวิชาธรณีวิทยาทราบว่า แหล่งน้ำมันดิบจะมีขนาดใหญ่มาก ถ้าน้ำมันถูกกักเก็บภายใต้ชั้นหินโค้งรูปโดม ปกติน้ำมันเบากว่าน้ำ ถูกสูบน้ำมันออก ระดับน้ำมันจะลดลงจากข้างล่างขึ้นไปหาข้างบน และจะมีน้ำไหลเข้าไปแทนที่น้ำมัน


    ถ้าดูตามภูมิศาสตร์ ทวีปอาเซียบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ มีน้ำมันดิบ

    ทิศใต้ ที่ ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซาราวัค และบรูไน
    ทิศเหนือ พบน้ำมันดิบทางตอนใต้ประเทศจีน จังหวัดเช็งลี
    ทิศตะวันออก มีน้ำมันที่ชายฝั่งประเทศเวียดนาม
    ทิศตะวันตกพบน้ำมันดิบ ที่ ประเทศพม่า

    ประเทศไทยอยู่ตรงกลาง เปรียบได้เหมือนอยู่ตรงศูนย์กลางรูปโดมมหึมา น้ำมันใต้พื้นดินประเทศไทยจะสูบออกหมดทีหลังประเทศบรูไน ซาราวัค อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม และพม่า ซึ่งอยู่ขอบรูปโดม


    หลวงพ่อเล่าว่า เทวดาท่านอธิบายว่า ขณะนี้ทั่วโลกใช้น้ำมันรวมกันเท่าใด ถ้ารุมกันมาใช้น้ำมันจากไทยเพียงแหล่งเดียวนาน 99 ปี จะหมดน้ำมันไทยไปเพียงหนึ่งในสามของจำนวนที่มีใต้แผ่นดินไทย

    ถ้าสูบน้ำมันใต้เมืองไทยออกหมดแล้วไม่มีน้ำไหลเข้าไปแทนที่ เมืองไทยจะจมหายลงไปอยู่ใต้ทะเล ต่อไปเมืองไทยจะขายน้ำมันรวยมากเป็นมหาเศรษฐี แขกซาอุที่ว่ารวยนักหนาในปัจจุบัน ต่อไปจะอายประเทศไทย แม้กระทั่งฝรั่งชาติยุโรปก็ยังต้องเกรงใจไทย ส่วนญี่ปุ่นนั้นต้องคุกเข่าให้ไทย มาขอซื้อน้ำมันไปใช้


    นอกจากน้ำมันแล้ว ไทยยังมีแร่ทองคำธรรมชาติมากมาย หลวงพ่อเล่าว่ามีแร่ทองคำอยู่ใต้ภูเขายาวเป็นหลายกิโลเมตร ต่อไปจะมีการระเบิดภูเขาทิ้งไปทั้งลูกเพื่อจะเอาแร่ทองคำ


    ถึงสมัยนั้นศีลธรรมของคนไทยดีมาก ความร่ำรวยและความเจริญจะปรากฏขึ้นถึงขีดสูงสุด นอกจากจะรวยแล้ว ไทยยังจะมีอำนาจมากเพราะเมืองไทยจะพบแร่ปรมาณู ต่อไปความลับเรื่องการทำระเบิดปรมาณูจะไม่เป็นความลับสำหรับคนไทย


    หลวงพ่อเล่าเสริมว่า ขณะนี้พบกากแร่ปรมาณูนั้นแล้ว เป็นแร่ที่หมดสภาพแล้ว สีขาวใส ผู้หญิงเอามาทำเครื่องประดับ หลวงพ่อถามข้าพเจ้าว่ารู้จักชื่อไหม แร่นี้เมื่อแตกตัวจะให้ความเย็นจัด ตรงข้ามกับแร่ยูเรเนียมซึ่งให้ความร้อนจัด แต่ก็เอามาทำระเบิด เอามาทำเป็นเครื่องมือรักษาคนไข้ได้เหมือนกัน สมัยที่ข้าพเจ้ายังเรียนวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่ไม่เคยได้ยินว่ามีแร่ลักษณะนี้ จึงกราบเรียนหลวงพ่อว่าข้าพเจ้าไม่ทราบว่าแร่นี้ชื่ออะไร

    เรื่องไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจและร่ำรวยมากนี้ หลวงพ่อยังได้เล่าให้ฟังต่อไปอีกว่า หลวงพ่อได้รับมอบหนังสือสมุดข่อยโบราณ เขียนด้วยธงสีเหลือง กล่าวเอาไว้ว่าผู้เขียนคือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(หลวงพ่อใย) สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้พยากรณ์อนาคตของประเทศไทย ต่อจากสมัยกรุงศรีอยุธยาไว้ว่ามี 10 ยุค

    คือ 1.มหากาฬ 2. พันธุ์ยักษ์ 3. รักบัณฑิต 4. สนิทธรรม 5.จำแขนขาด 6.ราชโจร 7.นนท์ร้องทุกข์ 8.ยุคทมิฬ 9.ถิ่นตาขาว และ 10.ชาววิไล


    หลวงพ่อเคยกราบเรียนถาม สมเด็จผู้พยากรณ์ว่า ราชวงศ์จักรีมี 10 รัชกาลเท่านั้นเองหรือ


    สมเด็จท่านตอบว่า ใครบอกว่ามี 10 รัชกาล ท่านเรียกว่า 10 ยุค ไม่ใช่ 10 รัชกาล


    ความจริงยุคที่ 11 ก็ชื่อชาววิไล ยุคที่ 12 ก็ชาววิไล ยุคที่ 13 ก็ชาววิไล ฯลฯ ชื่อซ้ำกัน จึงเขียนชื่อยุคไว้ 10 ชื่อเท่านั้น ความจริงราชวงศ์จักรีจะมีสืบต่อไปอีกนาน



    (จากหนังสือ "ลูกศิษย์บันทึกเล่ม 3" หน้า 159 - 160)


    5201308.jpg


    หลวงพ่อว่าต่อไปเราจะรวยกว่าอเมริกา


    วันหนึ่งเห็นพระ 2 องค์ เบ็นหลวงพ่อปานองค์หนึ่ง อีกองค์หนึ่งไม่รู้จัก แต่ก็คล้ายๆจะรู้จัก พอเข้ามาถึงก็ถามท่านว่าหลวงพ่อเนียมใช่ไหม หลวงพ่อปานก็บอกว่าแกพูดถึงใครล่ะเมื่อตอนเย็น ตอบท่านว่าพูดถึงพระพุทธโฆษาจารย์ อยุธยา

    ท่านพุทธโฆษาจารย์ อยุธยา ท่านพยากรณ์เหตุการณ์สมัยรัตนโกสินทร์ไว้ 10
    รัชกาล เมื่อองค์พยากรณ์ท่านมาก็เลยนึกถึงเรื่องที่คุยกันมาว่า เวลานี้เราก็รู้แล้วว่าทหารของไอ้พวกศัตรูมันเข้ามาตั้ง 6 กองพันแล้วในปีนี้ มันแทรกเข้ามา ไม่ได้ซึมหรอก มันเดินโทงๆเข้ามาทีละคนสองคน ไม่ได้ถืออาวุธมาด้วย มาอย่างนักธุรกิจธรรมดา ทำเป็นชาวบ้านไปหาผักหาปลา ก็ไม่มีใครสนใจ

    วันนั้นที่เราผ่านไปทางลำปางนะ ฉันนั่งอยู่ก็มีคนย่องเข้ามาคุยบอกว่า ระหว่างทาง
    ที่ผ่านมาน่ะไอ้พวกฝ่ายตรงกันข้ามอยู่กันเต็มเลย อยู่กันเป็นหย่อมๆ เบ็นจุดๆ อยู่อย่างชาวบ้านธรรมดาอาศัยอยู่ โดยการปลูกผักปลูกหญ้า ฉันเลยกลัวจะเบ็นอย่างลาวอย่างเขมร

    ท่านก็บอกว่าไม่ถึงอย่างนั้นหรอก บารมีมัน 2 ชั้น คือ รัชกาลที่ 10 พระเจ้าลูกยาเธอเข้ามาด้วย

    พระพุทธโฆษาจารย์ อยุธยา ท่านทายถูกมา 9 รัชกาลแล้ว เหลืออีก 1 รัชกาล
    ถ้าผิดก็ซวย ท่านย้ำอีกว่าตั้งแต่รัชกาลที่ 10 ไปแล้ว ฉันไม่พยากรณ์ เพราะเหตุการณ์เป็นปกติแล้วจะรวยมาก ประเทศเราจะรวยมาก

    ฉันว่าต่อไปรวยกว่าอเมริกา จะรวยกว่าหรือไม่รวยกว่า เรานึกเสียว่าเรารวยกว่าก็สิ้นเรื่อง

    แต่ท่านบอกว่าตั้งแต่สมัยกลางรัชกาลที่ 10 ไป ประเทศเราจะสมบูรณ์บริบูรณ์มาก

    คือว่าเวลานี้มันตกถึงที่สุดแล้วนะ ไอ้คนที่ตกต้นไม้หล่นตุ้บลงมาโคนต้นมันหล่นต่อไปไม่ได้มันก็ต้องไต่ขึ้นไปใช่ไหม อีตอนไต่ขึ้นนี่คงฟัดกันแหลก

    แต่ท่านก็บอกไว้นานแล้วนะ ตั้งแต่ปี 13 ว่าพวกข้าศึกถ้าเคลื่อน ที่เข้ามาถึงสระบุรีเมื่อไรก็จบเกมกัน กวาดล้างได้หมด

    พระพุทธโฆษาจารย์องค์นี้น่ะท่าทางสง่าดีมาก อายุมาก ไม่รู้จะเปรียบกับใคร ท่าทางสง่าจริงๆ สมกับที่คิดว่าท่านเป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ แต่โดยมากแล้วพวกปฏิสัมภิทาญาณนี่เขาไม่จ๋องนี่ ไม่จ๋องมาตั้งแต่อภิญญา 6 ไปแล้ว เขาไม่มีท่าทางจ๋อง ก้มหลังไม่ลง จะเล็กก็เล็กไม่ลง


    (จากหนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม 3 หน้า 21-22)

    565402.jpg

    หลวงปู่ปานเคยบอกไว้


    ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตามหลวงพ่อใย(สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ 10 แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

    แล้วหลวงพ่อปานยังพูดต่อไปว่าไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ 10 ต่อไปจะมีไปเรื่อยๆพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย

    แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมดก็จะกลับปฏิวัติจากระบบประชาธิปไตย หรือระบบประธานาธิปดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่ากลับมามีกษัตริย์อย่างเดิม

    ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานานบรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออกว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้

    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายการเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์แต่เป็นประชาธิปไตยมีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน

    การปกครองแบบนี้มันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่ แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซีบรรดาพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็กๆอยู่ไม่กี่วัน พอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย

    เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้ว ไม่เป็นไรนานๆเปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็กผอมลงๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้นๆ

    นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคนบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันมีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ นี่เพราะเหตุการณ์อย่างนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน

    ถ้าเราจะหันหลังไปดูสมัยสุโขทัยจะเห็นว่าพระองค์ทรงปกครองประเทศชาติในระบบประชาธิปไตย แต่มีกษัตริย์เป็นประมุข

    แม้แต่สมัยรัตนโกสินทร์ก็เหมือนกัน ไปอ่านจดหมายเหตุให้ดี การบันทึกการประชุมให้ดีบรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่มีพระพระมหากษัตริย์องค์ไหนที่ใช้พระราชอำนาจเกินสมควร เว้นไว้แต่บางกาล บางวาระ อาจจะมีบ้างก็เช่นเดียวกันกับการบริหารแบบปัจจุบัน เราจะเห็นว่าบางกาลบางวาระก็ออกข้างๆเหมือนกัน อันนี้เปรียบเทียบไว้


    (จากหนังสือพระเมตตา เล่ม 1 หน้า 79-80)

     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    37958588_1051788041664401_7620481261210959872_o.jpg

    เผากระดาษเงินกระดาษทองวันตรุษจีน



    ลูกศิษย์ : กราบเรียนถามหลวงพ่อ คือที่หนูทำสังฆทาน แต่ที่นี้ผู้คนส่วนใหญ่ เขาบอกให้หนูไหว้วันตรุษจีน ให้พวกที่ปล่อยผีออกมานี่ ก็ทำไหว้กลางแจ้ง หนูก็ทำอยู่สัก 3-4 ปี เพราะตอนหลังนี่ แหม มันยุ่งเหลือเกิน หนูก็เลยมาเปลี่ยนเป็นมาทำสังฆทานให้เขา แต่ไม่ได้ทำวันตรุษจีน แต่ทำก่อนคงไม่เป็นไรนะคะ

    หลวงพ่อ : ปัทโธ่เขาไม่ปล่อยมาวันเดียวหรอกจ่ายล่วงหน้าน่ะดี อย่างเงินเดือนออกวันที่ 30 จ่ายตั้งแต่วันที่ 15 ละชอบไหม

    ลูกศิษย์ : ไม่เป็นไรนะคะ

    หลวงพ่อ : ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าอันนี้เข้าใจกันไปเอง เข้าใจกันไปเองว่าต้องวันนั้นวันนี้ปล่อยผีมา อย่างของเราพอถึงวันสาร์ทวันสาร์ทไทยปล่อยผี

    ลูกศิษย์ : แล้วเราไปนั่งทำกับข้าวนี่เขาก็ไม่ได้กิน

    หลวงพ่อ : ไม่ได้กินหรอก

    ลูกศิษย์ : เราก็ทำบุญ ทำสังฆทานให้เขาก็ได้

    หลวงพ่อ : คือว่าจะเป็นแบบ หมอทองคำ ที่ พิจิตร แกไม่มีพ่อ มีแต่เตี่ย เตี่ยตายไปแล้วก็ทำแต่กงเต็ก ทำตึก ทำร้าน มีรถ มีธนบัตร แล้วก็เตี่ยแกก็เป็นคนไหว้พระ แกเจอฉันอยู่เสมอ ไม่ถึง 10 วันหรอกเดี่ยมาอีหนู ไอ้แบ็งค์ขี้เถ้าของมึงนี่ ติดขี้เถ้าแล้วจะไปใช้อย่างไรวะ กูใช้ไม่ได้หรอก

    เราก็เลยถามท่าน แล้วจะทำอย่างไร ก็ไปเข้าฝันไว้ชัดเจนเลย ถวายสังฆทานซิลูก ถาม เดี่ยมีทุกข์เหรอ กูไม่ทุกข์หรอก ได้นี่ก็สบายมากขึ้น ที่เจ้าทำน่ะไม่เสียเปล่าหรอก

    ทีหลังแกก็มาถาม วิ่งไปถามที่วัด เราก็บอก ถวายสังฆทานที่ไหนก็ได้ สังฆทานนี่เป็นบุญแกก็ไม่ยอมจะถวายที่วัด



    ลูกศิษย์ : อย่างนี้แกก็ต้องซื้อกระดาษเงินกระดาษทองทำบุญ แล้วก็แพงด้วย



    หลวงพ่อ : แพง ไปส่งขี้เถ้าให้ผี




    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 486)


    20170311_121004.jpg


    ตรุษจีนถวายสังฆทาน


    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ตรุษจีนปีนี้ลูกเป็นคนอกตัญญูเสียแล้วเจ้าค่ะ คือตรุษจีนทุกปี ลูกจะต้องซื้อหมู เห็ด เป็ด ไก่ ไหว้ศาลเจ้าด้วย


    มาปีนี้ขออกตัญญูสักครั้งหนึ่งเปลี่ยนมาเป็นถวายสังฆทานแทน แล้วเชิญเจ้าที่ เชิญศาลเจ้าต่างๆมาโมทนา

    ไม่ทราบว่าท่านจะยินดีด้วยหรือว่าโมโหเพราะไม่ได้กินเป็ดไก่เจ้าคะ

    หลวงพ่อ : เดี๋ยวฉันขอพูดต่อจากลุงนะ (ลุงพุฒิ) ลุงท่านบอกว่าอย่างนี้ เขาเรียก มหากตัญญู

    กตัญญูอย่างใหญ่คือให้บุญไงล่ะ เทวดาทั้งหมดเขาต้องการบุญ ไอ้หมูเห็ดเป็ดไก่เขาไม่ได้กิน

    แต่ว่าที่ทำไปแล้วก็ไม่ผิดเพราะเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณ

    แต่ว่าที่ทำโดยถวายสังฆทาน ตัวเองก็มีอานิสงส์มาก น่าจะรวย และคนที่ตายไปแล้ว เทวดาหรือเจ้าเขาโมทนาเข้า ทิพยสมบัติก็ดีขึ้นสูงขึ้น ต่างคนต่างดี




    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 97 มีนาคม 2532 หน้า 10)


    Pzzr8Qcu9zqv8mzRvg-yslOt7kwFYBeC_MJ9ZZIT6RAs0SZM_yoRs-lK_g2nOV69.jpg Pzzr8Qcu9zqv8mzRvg-ysuYNFrSwR7eh0Ku6PcUmZrs-kOkOmslZSMqAcrAqwFLY.jpg
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,787
    กระทู้เรื่องเด่น:
    76
    ค่าพลัง:
    +225,484
    75966687431_n.jpg

    หลวงพ่อรู้ภาษาสัตว์



    เรื่องสุนัขของหลวงพ่อ 2 ตัว โคล่า(แก่แล้ว) สิงห์ดอก (หนุ่มกว่า) 2 ตัวนี้จะอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อที่ตึกริมน้ำ

    วันหนึ่งหลังจากที่หลวงพ่อชวนอาตมา หลวงพี่บัญชาไปตรวจงาน กลับเข้ากุฏิ เปิดประตูเจอโคล่ากำลังยืนร้องหงิงๆ เจ้าสิงห์ดอกเพิ่งเข้ามาตอนหลวงพ่อเข้ามา หลวงพ่อก็พูดกับเจ้าโคล่าว่า

    “เราเป็นพี่ เราก็ต้องเสียสละสิ สิงห์ดอกเขาเป็นน้องก็ปล่อยเขาบ้าง”

    แล้วหลวงพ่อก็หันมาบอกพวกเราว่า โคล่าฟ้องว่าสิงห์ดอกเอาเปรียบ หลวงพ่อไม่อยู่ปล่อยให้เขาเฝ้ายามตัวเดียว สิงห์ดอกไปเที่ยวเล่นข้างนอก”

    เรื่องแมว อีกครั้งหนึ่งหลังจากฉันเช้า อาตมานำเอกสารที่พระภิกษุจะไปต่างประเทศกับหลวงพ่อ เข้าไปให้ท่านเซ็นต์ มีแมวหลวงพ่อที่กุฏิริมน้ำตัวหนึ่ง เขาก็วิ่งออกไปตรงระเบียงด้านนอก แล้วปีนขึ้นมาบนหน้าต่างส่งเสียงร้อง
    หลวงพ่อนั่งอยู่บนเตียงกำลังสนทนากับอาตมาอยู่ ก็หยุดหันไปพูดกับแมวว่า

    “เออ รู้แล้วๆๆ”

    พอพูดจบแมวก็กระโดดลงมาแล้ววิ่งจากระเบียงเข้ามาในห้อง ซึ่งถ้าเป็นแมวทั่วไปก็คงวิ่งเข้ามาหา แต่นี่มีมารยาทมากมันรู้ว่าหลวงพ่อมีธุระหรือเรื่องส่วนตัว มันไม่เข้าไปกวนเสียมารยาท

    หลวงพ่อพูดว่า “แมวเขามาบอกว่า เขามารายงานตัวให้ทราบแล้วนะ เขาจะทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน”

    เรื่องนก เรื่องนี้ครูเปี๊ยกมาเล่าให้ฟัง หลวงพ่อ พระติดตามและฆราวาสติดตาม เขาพาไปดูสวนนกจูล่ง ประเทศสิงคโปร์ ปรากฏว่าหลวงพ่อเดินผ่านกรงนกไป แล้วก็เดินกลับมาอีก

    ครูเปี๊ยกก็ถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อเดินไปแล้วทำไมต้องเดินย้อนกลับมาอีก

    หลวงพ่อพูดว่า "เมื่อกี้ข้าเดินมา นกมันก็ถามว่า หลวงพ่อจะไปไหนเจ้าคะ ข้าก็ไม่สนใจ ก็เดินผ่านไป พอเดินมาหน่อยนกมันก็พูดว่า พระองค์นี้แปลก ถามก็ไม่ตอบ ข้าก็เลยเดินกลับไปให้กำลังใจเขาหน่อย"


    (จากหนังสือ "ปฐมธรรมยาน" โดย หลวงพ่อวิรัช โอภาโส หน้า 80-81)


     

แชร์หน้านี้

Loading...