@...นิยามชีวิตสำหรับคุณคือ ?...@

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 5 พฤศจิกายน 2011.

  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็นนะครับ :cool:
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อยากบอกว่าตอนนี้ชีวิตง่วงนอนค่ะ^^
     
  3. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตอิสระ

    ชีวิต ที่ขาดอิสระเป็นชีวิตที่แสนจะอาภัพ
    วิธีการใดที่เราจะสามารถ กระทำให้ชิวิตนี้ เป็นอิสระภาพ
    หลุดพ้นไปจากภาระเครื่องพันผูกทางโลกได้ อย่างถาวร
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นนามธรรม...ถือว่า เราได้
    มีชีวิตที่เป็น อิสระ ไม่ต้องขึ้นตรงกับกิเลส (เครื่องเศร้าหมองใจ)ใดๆ
    ถึงแม้ว่า เหตุปัจจัยทางรูปธรรม จะนำพาเราดำเนินผ่านไปในแต่ละวัน
    นั้นมันก็เป็นแค่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น..."จงลดความสำคัญภายนอกลง
    แล้วเปิดประตูใจ ให้ชีวิตเป็นอิสระเสรี"

    เราก็จะพบว่าการตกเป็นทาสของความทุกข์นั้น มันไม่มีคุณค่าอะไรเลย
    สำหรับทุกสรรพชีวิตที่เกิดมา......

    แล้วเราจะอยู่ในห้องขังต่อไปทำไม?
    เพื่ออะไรกัน?
     
  4. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ชีวิตคือ หน้าที่ ที่ต้องปฎิบัติ
    เลือกทางที่ตนเองต้องการ
    ตามอัตภาพของตนเองเท่าที่จะกระทำได้
    ให้ดีที่สุด...ตราบเท่าที่มีลมหายใจ
     
  5. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตคือความเปลี่ยนแปลง

    จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น จากวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่ เข้าสู่วัยกลางคน เข้าสู่วัยชรา
    คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธความเปลี่ยนแปลง อันมีอยู่จริงตามนี้...

    ใช่แต่เพียงรูปธรรมเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึง
    ความเปลี่ยนแปลงทางด้านนามธรรมด้วย
    วาสนาบางประการก็มีติดตัวมาแต่เดิม จนกลายเป็นบุคคลิก และอุปนิสัยประจำตัว
    ในบางคนอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสังคม ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายประการ...

    แต่สิ่งที่ทุกคนมีติดตัวมาแต่เดิม นั้นคืออำนาจของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ฯลฯ หากชีวิตคือ"ความเปลี่ยนแปลง"...

    เราจะพึงพอใจให้สิ่งเหล่านี้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น กระนั้นหรือ!

    เหตุใดเราไม่ผันตนเองเข้าสู่หลักธรรม เพื่อนำตนออกจากทุกข์เล่า!!
     
  6. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ดิฉันผันตัวเองนานแหล่ะ ตอนนี้เลยสุขตลอดดดดดดดด...โมทนาจร๊าา..(ตะก่อนทุกข์แทบสิ้นชีวิต เมื่อสิ่งที่ได้มา ต้องเสียไป หุหุ..)
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไ่ม่มีนิยามค่ะ

    เคยเห็นเต่าแบกตำรามั้ย ลำัพังตัวเองก็หนักกระดองพออยู่แล้ว
    ยังขนเอาตำรามาแบกไว้ที่หลังอีก แล้วเมื่อไหร่จะถึงเส้นชัยซะทีล่ะ
     
  8. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตในตำรา

    วิถีชีวิตบางคนถูกลิขิตไว้ในตำรา ผูกดวงชะตาไว้กับความเชื่อ ไม่ว่าตนจะดำเนินเดินไปในทิศทางใด ล้วนมีสถิติทำนายจดบันทึกไว้แล้วทั้งสิ้น!...

    ตำราพรหมชาติ เป็นหนึ่งในตำราชีวิต ที่มีผู้สนใจเป็นจำนวนมากเพื่อคลายความสงสัยเกี่ยวกับตนเองและผู้มีส่วนร่วม ใช้เป็นคู่มือของหมอดูได้เป็นอย่างดี

    ศาสตร์ในการทำนายต่างๆ จึงถูกเก็บบันทึกไว้ เพื่อถ่ายทอดแก่อนุชนรุ่นหลัง

    ทันทีที่เราเปิดอ่าน...
    เราก็จะพบตนเองและเหล่าสรรพชีวิตจำนวนมาก โลดแล่อยู่ในหน้าหนังสือนั้น!

    เพียงแค่เราปิดมัน! แล้วเปิดใจเดินตามทางพระบรมศาสดาฯ

    เราก็จะพึงค้นพบด้วยตนเองว่า ชีวิตนอกตำรานั้นมีอยู่จริง!...

    เราพร้อมเดินทางออกจากตำราชีวิตแล้วหรือยัง ?
     
  9. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตดั่งสายน้ำไหล

    สายน้ำไม่มีวันไหลย้อนกลับ
    เพราะว่ามันไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
    เปรียบชีวิตของเรานั้นหาได้ย้อนวันเวลาคืนกลับได้

    เมื่อเป็นดังนี่เราจะมั่วปล่อยตัวปล่อยใจ ให้สายน้ำแห่งชีวิตเหือดแห้งหมดไปโดยไร้ค่าอย่างนั้นหรือ?

    เมื่อฝนห่าใหญ่ตกลงมาอีกครั้งสายน้ำ ก็ทำหน้าที่ไหลไปสู่ที่ต่ำ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้!

    ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกคราแล้ว ตราบใดที่เรายังไหลไปตามกระแสกรรม!
     
  10. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตคือการแสวงหา

    ไขว่ขว้าได้มาครอบครอง

    สมปองแท้หามีไม่

    ทุกชีวิตลวงล้วนปล่าวดาย

    สุดท้ายไม่พ้นกรรมเวร

    แสวงหาเลี้ยงปากท้อง

    สนองสิ่งเร้าตัณหา

    ยึดติดแก่งแย่งมายา

    นำพาอวิชาวนเวียน

    เรียนรู้จักเอาฉกฉวย

    รูปสวยรวยทรัพย์สรรคหา

    คู่ชิดเชยชื่นสมอุรา

    ชราแก่แล้วลืมเลือน

    ยังหวังสักวันสดสวย

    หนุ่มรวยสวยหล่อคมสัน

    ปรารถนาสินทรัพย์พลวัน

    จิตพลันสับสนวุ่นวาย

    คิดผิดซึมเศร้าเหงาหงอย

    บุญน้อยจริงเรานี้หนา

    อธิษฐานชาติใหม่กลับมา

    แสวงหาอีกคราคงดี

    แต่แล้วชาติภพตาลปัด

    อุบัติเปลี่ยนภพเดรัชฉาน

    สั่งสมโมหามานาน

    จึงผลาญคุณงามความดี

    นานแท้เวียนพ้นอมนุษย์

    ยากสุดหลุดพ้นสงสาร

    อบายต่ำกรรมเศร้าทำงาน

    แบกหามวิบากทรามไพรี

    ดูเถิดเพื่อนผองมนุษย์

    ดีสุดพบพระศาสนา

    ปล่อยวางอย่างพระสัมมา

    แสวงหาจบสิ้นกันที!...

    "หากชีวิตคือการแสวงหา ขอธรรมพระสัมมาจงเปิดดวงปัญญาในจิตข้า
    เห็นแจ้งสัจจธรรม!!"
     
  11. bossbam10

    bossbam10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +3,601
    ชีวิตคือการต่อสู้
    เวลาว่างๆชอบนั่งรถเล่นค่ะ
    ไม่ได้ชมวิวนะคะ
    แต่จะมองดูผู้คนข้างทาง
    มองวิถีชีวิตที่หลากหลาย
    ที่ต่างก็ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
    ชอบสังเกตุผู้คน แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนะค่ะ
    อย่างเช่น
    คนขายของข้างทางที่ขมีขมันจัดวางสินค้า
    มอไซค์รับจ้างที่นอนไขว่ห้างเอามือก่ายหน้าผากรอลูกค้าตรงเพิงพัก
    คนเก็บของเก่าที่เหงื่อไหลไคลย้อย
    คนงานก่อสร้างที่นั่งอัดกันมาเหมือนปลากระป๋องเต็มท้ายกระบะ
    คนส่งน้ำแข็ง ที่ท่าทางแข็งแรงแต่หน้าตาอ่อนล้า
    พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมที่เดินเข้าโรงงานกันเป็นขบวนด้วยความลุกลี้ลุกลน
    คนหาปลาถือแหไปทอดแหตามหนองน้ำริมถนน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง
    สุนัขจรจัด ที่ขุดคุ้ยถังขยะหาอาหาร
    แขกขายโรตี ที่ฟาดโรตีด้วยความชำนาญ (ไม่เคยเห็นรอยยิ้มซักครั้ง)
    คนขับสิบล้อ ที่หน้าดำคร่ำเครียด
    เด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก ด้วยสายตาเว้าวอน
    ควาญช้างที่พาช้างออกตระเวนท่ามกลางความร้อน(สงสารช้าง)
    ผู้หญิงขายบริการที่ยืนตามข้างถนนด้วยสีหน้าเย็นชา ฯลฯ
    ทุกชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรน จนกว่าชีวิตจะหาไม่
     
  12. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    คุณตู่เสื่อความหมายได้น่าฟังทีเดียวครับ...

    ชีวิตคือการต่อสู้ เมื่อต่อสู้ย่อมมีแพ้มีชนะ
    แต่จะมีสักกี่คนเป็นผู้ประสพความสำเร็จได้รับชัยชนะ ได้รับรางวัลความบริบูรณ์ทางด้านวัตถุธรรม...

    หากเปรียบชัยชนะข้างต้น กับชัยชนะในความหมายของพระศาสนาแล้ว มันเป็นเพียงชัยชนะที่ว่างเปล่า! เพราะทุกสรรพชีวิตล้วนบ่ายหน้าไปสู่ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ไม่มีแม้ใครสักคนเดียวที่จะนำชัยชนะอันมหาชนทั้งหลายต่างต่อสู้ดิ้นรน ไปสู่ปรโลกได้เลย...

    ถึงรู้อย่างนี้ แต่ทำไมนะ หมู่ชนเป็นอันมากจึงหลงใหลไชชอนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะอันว่างเปล่านั้น...

    "ชัยชนะใดไม่กลับแพ้ได้อีก ชัยชนะนั้นแลประเสริฐ" ภาษิตสั้นๆบทนี้ คงชี้ให้เห็นแสงสว่างบทเส้นทางดำเนินชีวิตตามแบบอย่างอริชนผู้ไปแล้วด้วยดี กู่ร้องขับขานตลอดระยะเวลาสองพันห้าร้อยกว่าปีล่วงมาแล้วว่า ให้ท่านทั้งหลาย"จงมาดูเถิด...จงรับไปปฎิบัตเถิด...เป็นสิ่งที่ปฎิบัตได้แลให้ผลได้ไม่จำกัดกาล"...

    ชะรอยรางวัลแห่งชัยชนะนั้น คงต้องเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดอย่างแน่นอน สมดังที่เจ้าชายสิตทัตถะมหาบรมโพธิสัตว์เจ้า ทรงสละปราสาททั้งสามฤดู สละความสุขทางโลกีย์รมย์ ออกแสวงหาวิโมขธรรม จึงได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสวยวิมุติสุขเป็นอมตธรรม มิมีเสื่อมสลายกลายกลับเป็นอื่นได้อีกเลย...

    รางวัลแห่งชัยชนะนี้เอง เป็นผลจากการต่อสู้ กับกิเลสอันเป็นข้าศึกในใจตน ที่พระองค์ท่านทรงชนะแล้ว อย่างขาวสะอาด...

    เพียงแต่เรากล้าที่จะต่อสู้ขยับเท้าก้าวเดินไป ตามรอยบาทพระศาสดา ถึงแม้จุดหมายจะยังอีกยาวไกล ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าสักวันหนึ่ง...

    "เราจักเป็นผู้ชนะ"
     
  13. bossbam10

    bossbam10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +3,601
    ส๊าธุ.....ท่านหน่อเจ้าขา... อิอิ
    ขอบคุณกับข้อคิดดีๆของท่านค่ะ
    ภาษาธรรมะเรียกว่าอะไรน๊า...
    น่าจะ...ธรรมทาน...ช่ายป่าว

    เวลาอ่านภาษาธรรมะเค้าต้องอ่าน 2 รอบขึ้นไปถึงจะเข้าใจความหมาย
    ภาษาธรรมะเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจ(สำหรับเค้า)
    แต่ก็พยายามจะเข้าใจและเข้าถึงค่ะ

    catt1
     
  14. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ครับ คุณธานินทร์
    ทำให้นึกถึง(ธรรมคีตะ) ธรรมะเสียง ตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า
    "เหล็กที่ผ่านความร้อน เป็นเหล็กที่แข็งแกร่ง...ชีวิตที่ผ่านอุปสรรคก็เป็นชีวิตที่เข้มแข็งเช่นกัน"

    ร่วมแสดงความคิดเห็นได้เรื่อยๆนะครับ! :cool:
     
  15. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตคือการรอคอย

    คนงานรอเงินจากนายจ้าง

    ทำงานรอเงินเดือนออก

    นักเรียนรอให้จบการศึกษา

    ความลับรอถูกเปิดเผย

    ปัญหารอวิธีแก้ไข

    อุปสรรค์รอผู้เข้มแข็ง

    ฟ้ารอฝน

    ข้าวรอเคียว

    นักโทษรอการปลดปล่อย

    เจ็บป่วยรอรักษา

    ชรารอมรณะ

    คู่หมั้นรอแต่ง

    หิวรออาหาร

    เดินทางรอให้ถึงจุดหมาย

    บารมีรอเต็มบริบูรณ์

    สัจจธรรมรอการพิสูจน์

    โพธิสัตว์รอตรัสรู้

    ฯลฯ

    สารพัดการรอคอย สาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้สรรพชีวิตหมุนวนเวียนอยู่ในโลกแห่งมายา อย่างไม่รู้จักจบสิ้นก็คือ"สัญญา"ความจำได้หมายรู้ แต่ทำไมนะคนเราบางคน ถึงยอมสยบอยู่กับคำมั่นสัญญาอันเลื่อนลอยรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่เที่ยงเป็นทุกข์
    ถึงแม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านมานานสักเท่าไรเขาก็ยังคงยืนยันว่า...

    "ฉันยังรอเธอ"

    หากชีวิตคือการรอคอย ข้าพเจ้ารอเวลาที่จะตัดสัญญาจอมปลอมทั้งหลายเหล่านั้นให้หมดสิ้นไป ด้วยปหารกิจอันยอดเยี่ยม...คงมีสักวันหนึ่ง!
     
  16. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตมายากล

    ดิ้นรนวุ่นเสมอ.....เดี๋ยวมีฉันเดี๋ยวมีเธอ

    หลงพร่ำเพ้อในมายา

    บ้างว่าสำคัญผิด.....ยึดติดในสังขาร

    อัตตาล้วนตัวการ.....สร้างวิมานโลกโลกีย์

    เปรียบมายากลบ้า.....สรรคหาแต่งแต้มสี

    ซ่อนเร้นกลวิธี.....ยินดีเปรมปรีดา

    น้ำตาหัวเราะตอบ.....ย้อนยอกหยอกสนาน

    ดึงชนให้หลงตาม.....รูปงามนามระบือ

    ชีวิตที่จมปลัก.....ยากนักหักสังสาร

    กายแก่ชะแลงมาร.....ยังมิวางมายาเลย

    ใครผู้สำคัญถูก.....เดินสู้มรรคาผลาญ

    กิเลสพลันอันตรธาน.....เบิกบานสำราญใจ

    ด้วยเห็นมายาผูก.....เรียนถูกกรรมสลาย

    ภาวนาจิตผ่อนคลาย.....วางกายว่างราคิน

    ชีวิตเยี่ยงกลผี.....กลไพรีพาสุขสันต์

    เบื้องหลังทุกข์อนัน.....อัดอั้นเพลิงมลทิน

    ร้อยเล่ห์เพทุบาต.....ร้ายกาฉอย่างมหันต์

    ร้อยรัดความสัมพันธ์.....ผูกพันธ์ด้วยเงินตรา

    ราคาสมมุติหลอก.....กลิ้งกรอกบอกเลขหวย

    หวังคุณสำคัญรวย.....รูปสวยซวยโรคา

    รู้ธรรมชำระจิต.....อบายปิดพ้นสงสาร

    แต่นั้นท่านจักชินะมาร.....มายาอำลาเอย!
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิต คือ ธาตุสี่ ขันธ์ห้า
    มีเกิด.... มีแก่..... มีเจ็บ..... มีตาย....
    ดิ้นรนกันไปตั้งแต่เกิด..........จนตาย
    ไม่มีความเที่ยงแท้ แปรเปลี่ยนตลอดเวลา
    ไม่มีแก่นสารใดๆ ให้ยึดถือได้ว่า....มันคือเรา
    เพราะชีวิตคือธรรมชาติ เกิดจากธรรมชาติ และคืนสู่ธรรมชาติ
    ธรรมชาติแม้ไม่มีการปรุงแต่ง ย่อมเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง

    ไปอ่านเจอมาค่ะ ก็เลยเอามาแบ่งปัน
    ที่มา : http://www.buddhapoem.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=168153&Ntype=6

    “เรือมนุษย์” แล่นไปไกลสุดกู่ ยากจะรู้ลิ่วตะบึงไปถึงไหน?
    ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมีโชคชัย เกิดมาได้เป็นมนุษย์ก็สุดดี
    อยู่ในครรภ์มารดาจะคลาเคลื่อน “ครบสิบเดือน” จะได้เกิดประเสริฐศรี
    ทรมานอยู่ในท้องร้องเข้าซี เสียงไม่มีตาก็ปิดสนิทเลย
    อยู่ในน้ำคร่ำสกปรกนัก เน่าเหม็นหนักนอนนิ่งเบื่อจริงเหวย.....
    หิวก็ดิ้นตีนทิ่มพุงยุ่งจังเลย เจ้าหนูเอ๋ย....ไม่เห็นเดือนเยือนตะวัน!!!
    กินนมแม่-สายสะดือสื่อโลหิต สร้างชีวิตขึ้นมาช่างน่าขัน
    ปฏิสนธิกาย-จิตมาติดกัน เกิดสัมพันธ์เป็น”ทารก”ยกว่า”คน”

    “พ่อ-แม่-ลูก”ผูกจิตสนิทแนบ “สามส่วน”แยบยลวิญญาณบันดาลผล
    ทั้ง”บาป-บุญ” หนุนเนื่องทุกเรื่องปน “เกิดเป็นคน” ต้นเหตุกิเลสพา
    ร้องอุแว้แม่ก็เพลียละเหี่ยจิต เสี่ยงชีวิตเพื่อลูกน้อยที่คอยหา
    ยืนระวังนั่งระไวเดินไคลคลา กลัวลูกยามีตำหนิจะพิการ.....
    เมื่อเกิดมากว่าจะโตโอ้โฮยาก แสนลำบากบอกตรงๆ น่าสงสาร
    ต้องหัดพูดดูดนมอยู่ซมซาน หัดคืบคลานนั่ง-เดินก็เกินพอ
    ต้องหัดดื่ม-หัดกินสิ้นทุกอย่าง เลียนแบบบ้างจดจำขำจริงหนอ
    หิวก็ร้องแม่ให้นมชมพะนอ กลืนลงคอก็ยังหัด....สัจธรรม

    โตอีกหน่อยคอยเฝ้าเข้าโรงเรียน หมั่นพากเพียรเรียนไว้ไม่ตกต่ำ
    ศึกษาสรรพวิชาการพื้นฐานนำ ต้องจดจำวันละนิดคิดคำนึง.......
    พ่อ-แม่สอนก่อนครูรู้ทุกอย่าง ช่วยเสริมสร้างชีวิตยังคิดถึง
    อนุบาลผ่านประถมให้กลมกลึง ต่อมาถึงมัธยมก็นมนาน
    สู่เตรียมอุดมศึกษามาวัยรุ่น ต้องหมกมุ่นการศึกษามหาศาล
    ได้เล่นบ้างแต่น้อยพลอยรำคาญ วิชาการเรียนไม่หมดตามกฎเกณฑ์
    แล้วขึ้นอุดมศึกษามหา’ลัย เปิดโลกใหม่ใหญ่กว้างหนทางเห็น
    เพื่อประกอบอาชีพรีบจำเป็น ต้องลำเค็ญกระเสือกกระสนอดทนเอา

    ต้องชิงดีชิงเด่นแม้เป็นเพื่อน แข่งขันเหมือนทศกรีฑาโมหาเขลา
    ใครอ่อนแรงไม่แข็งขันถูกบั่นเอา “ชนะเขาก็คือแพ้”เป็นแน่นอน
    ฝึกให้”โลภ—โกรธ-หลง”งงแต่เด็ก โลภแต่เล็กจนโตใหญ่น่ะใครสอน?
    เป็นวิชาหาเงินเกินอาทร เป็นขั้นตอนของโลกๆโชคอำนวย
    ต้องแยกกลุ่มหนุ่มสาวชาวอาชีพ เหมือนถูกบีบอย่างแรงให้แทงหวย
    จะเลือกเอาเบอร์ไหน?ให้ระทวย ไม่อยากม้วยต้องเลือกรักเอาสักทาง.....
    ต้องปรึกษาหารือถือพ่อ-แม่ จะเปลี่ยนแปรสารพัดยังขัดขวาง
    ชอบอะไรไม่สมอารมณ์วาง เลือกเอาอย่างหนึ่งจนได้ตามใจกัน

    ประกอบกรรมสัมมาอาชีวะ ต้องพบปะทั้งทุกข์และสุขสันติ์
    เจอผู้คนหญิง-ชายหลายท่วงทัน เป็นสามัญสัจจังในสังคม
    พบคนดีมีจนและคนชั่ว ต่างถือตัวกันว่าดีศักดิ์ศรีสม
    ไม่ลดลาวาศอกช้ำชอกตรม ต่างนิยม”ยึดอัตตา”ว่ากันไป
    การแข่งขันแย่งชิงยิ่งหนักขึ้น ปวดหัวมึนข้องจิตคิดไฉน?
    ไม่มีสุขทุกข์ร้อนให้อ่อนใจ หลบตัวไปบรรพชาพรรษาเดียว
    ได้ลิ้มรสบทธรรมพระกรรมฐาน ผสมผสานปริยัติชัดเฉลียว
    ฉุกดี-ชั่วมองตัวตนอยู่คนเดียว จิตปราดเปรียวว่องไวไร้ทุกข์เยือน

    เป็นช่วงตอนปลอดโปร่งโล่งหัวอก ยากจะยกเปรียบได้อะไรเหมือน?
    ความเป็นจริงสิ่งค้นหาเข้ามาเยือน สะกิดเตือน”เกิดรู้เห็น”ความเป็นมา.....
    สึกแล้วออกทำงานทำการต่อ ไม่ย่นย่อช่วยชาติ-พระศาสนา
    พบคนดีสาวเจ้าเข้าวิวาห์ เป็นบิดากำเนิดลูก”โซ่ผูกพัน”
    ต้องทำมาหากินทุกถิ่นเขต ทั่วประเทศขอบข่ายย้ายขยัน
    ทุกภูมิภาคออก-เหนือ-ใต้ก็ไปกัน ครอบครัวนั้นก็ต้องแยกแตกกระเซ็น
    แยกกันอยู่ครู่คราวราวจังหวะ เรียนธรรมะจากชีวิตให้คิดเห็น
    พบชั่ว-ดีมีสุข-ทุกข์ลำเค็ญ ชีวิตเป็นเช่นนี้......มีเปลี่ยนแปลง
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พ่อ-แม่-ลูกแยกทางต่างกันอยู่ ต้องต่อสู้เพื่อตนทุกหนแห่ง
    เพื่อครอบครัวและลูกน้อยค่อยมีแรง เสาะแสวงความก้าวหน้าอุตส่าห์เดิน-.....
    จากลูกน้อง....ต้องตำราทำหน้าที่ การงานดีซื่อตรงดั่งหงส์เหิน
    ประสาซื่อตัวเราเขาก็เมิน ไต่เต้าเดินไปช้าๆตามท่าที
    สุจริตคิดชอบประกอบกิจ ไม่ทุจริตหยิ่งนักในศักดิ์ศรี
    นับถือ”ความยุติธรรม”ค้ำชีวี เคารพที่”ความถูกต้อง”ครรลองธรรม
    สอพลอใครไม่เป็นเห็นทางยาก แสนลำบากจะได้ชมสิ่งคมขำ
    คนเขานับกลับกลอกล่อหลอกนำ ต้องใช้กรรมกันให้หมดสู้อดทน

    เติบใหญ่เป็นนายคนก็วนกลับ ต้องบังคับบัญชามุ่งหาผล
    ตามหน้าที่รับผิดชอบประกอบตน ไม่จำนนต่อปัญหาสารพัน......
    มีลูกน้องมากมายจากหลายแหล่ง ยิ่งหนักแรงน้อมนำไม่ขำขัน
    ทำอะไรไม่หนักเท่าคนเรานั้น ต่างจิตกันให้ร่วมงานการปกครอง
    กิเลสคนล้นมากยากจะแก้ ต่างคนแล”เห็นแก่ตัว”ทั่วทั้งผอง
    ผลประโยชน์โฉดเขลาพอเข้าครอง มืดมัวหมองบังใจ....เห็น-ไม่รู้!!
    เกิดเป็นคนทั้งทีนี่แสนยาก ควรบั่นบากอดทนเกิดผลหรู
    ต้องศึกษาหาวิชาค้นหาครู ที่ซ่อนอยู่ในกมลของตนเอง!!

    คือ”พุทธะ-ผู้รู้-และผู้ตื่น” ใช่ผู้อื่นเจาะจงให้ตรงเผง
    “ผู้เบิกบาน”ก็เหมือนเอาของเราเอง ให้รีบเร่งเร็วรุดขุดขึ้นมา......
    “จิตวิญญาณ”นั้นหรือ “คือ สติ” ให้ตรองตริเปรียบเปรยเฉลยหนา
    “เรือชีวิต”ลำน้อยลอยธารา “จิตวิญญาณ์”ก็คือ “สมอเรือ”
    เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจไม่ทำชั่ว ไม่มืดมัวเปิดหนทางสว่างเหลือ
    “เป็นความเห็นที่ถูกต้อง”เมื่อล่องเรือ ไม่คลุมเครือแต่แจ่มใสในวิญญาณ
    “คือ สัมมาทิฏฐิ”-“สติชอบ” รู้รอบคอบด้วย”ปัญญา”มหาศาล
    “คือ รู้ตัวทั่วพร้อม”กลิ่นหอมนาน “ดอกบัวบาน”ห้ากลีบแล้วรีบเดิน!!

    “ปัญญา คือ ใบจักรเรือ”เหนือทุกอย่าง จะสรรค์สร้างชีวันน่าสรรเสริญ
    ช่วยขับเคลื่อนชีวิตจิตดำเนิน ก้าวเจริญสู่เป้าหมาย”ฝั่งท้ายโน้น”!!
    ด้วย”ปัญญาญาณ”ยัง “คือ หยั่งรู้” ติดตามดูรู้เห็นดังเช่นโหร
    เมื่อตามดู”รู้แจ้ง”ทิ่มแทงโจร “ไม่รู้”โดนฆ่าตายวายชีวา......
    “เมตตา คือ ชูชีพ”เร่งรีบคิด ช่วยชีวิตคนให้พ้นวนสังสาร์
    ไม่กินเนื้อสัตว์น้อยใหญ่ไม่บีฑา เกิด”เมตตาบารมี”แต่นี้เลย
    “เกิดความคิดช่วยเหลือตนและคนอื่น” ชูชีพชื่นรื่นเริงบันเทิงเหวย
    “ได้ดวงตาเห็นธรรม”จำไว้เลย “เมตตาเผยเปิดดวงธรรม”ให้ฉ่ำเย็น

    “มรรคแปด คือ พังงา”ช่วยพากาย ที่”ถือท้ายสู่พุทธะ”แล้วจะเห็น-
    เครื่องชี้ทิศทางให้ไม่ยากเย็น ให้จิตเห็นช่องทางสว่างไป.......
    “มรรค-หนทางสูงส่งมีองค์เจ็ด” เหมือนยอดเพชรนำทางสว่างไสว
    ถึงพร้อมชอบด้วยกายา-วาจา-ใจ เห็นภายในที่ลึกลับประทับทรวง
    “สามัคคี”ที่แนะ”โซ่และเชือก” อันควรเลือกเอาไว้ใช้คุณใหญ่หลวง
    รักชื่นชมสมหวังงานทั้งปวง- จักลุล่วงเป้าหมายถึงปลายทาง.......
    จากฝั่งนี้ตั้งความหวังไปฝั่งโน้น ทะเลโพ้นสารพัดที่ขัดขวาง
    ไม่ย่นย่อท้อใจในหนทาง “ใบขึ้นกาง””เรือชีวิต”วิ่งติดลม!!

    ให้เริ่มต้นแต่วันนี้ไม่มีสาย ทั้งหญิง-ชายจักอำนวยให้สวยสม
    ขึ้น”เรือทอง”ของฉันนี้ไม่มีจม สิ้นระทมตัดทุกข์สุขอนันต์
    มีหน้าที่ทำอะไรทำไปเถิด สิ่งประเสริฐอย่าชื่นชมพรหม-สวรรค์
    ทุกท่านเคยผ่านดี-ชั่วมาทั่วกัน หลงสวรรค์หันเหเสียเวลา.......
    สวรรค์-พรหมอายุยืนพันหมื่นปี ไม่เห็นดีมีแต่สุขไร้ทุกขา
    ต่างเพลินเพลินหลงใหลในกามา- วจรพามืดล่วงดับดวงธรรม
    “ไปนิพพานกันเถิดประเสริฐสุด” ถึง”พระพุทธ-ธรรม-สงฆ์”องค์อุปถัมภ์
    “พระรัตนตรัย”ใหญ่ยิ่งสิ่งเหนือกรรม -และเหนือธรรมซาบซึ้งเป็นหนึ่งเดียว

    “เรือชีวิต-สู่โลกทิพย์พระนิพพาน” ล่องเลยผ่านพรหม-สวรรค์ไม่หันเหลียว
    อบายภูมิตัดขาดประหลาดเชียว “พริบตาเดียวก็แล่นถึงซึ่งนิพพาน”!!
    ไปนิพพานไปอย่างไร?บอกให้นิด “เรือชีวิต”จะพาไปให้ศุขศานติ์
    ให้อยู่กับ”ตัวรู้”อยู่นานๆ ประตูผ่าน”ลิ้นปี่”หว่างที่กลางทรวง-
    แหล่งสะสมบาปกรรม”พระธรรมจักร” หากรู้หลักจักสมใจผลใหญ่หลวง
    “ทุกข์-สุขเกิดที่นี่”ไม่มีลวง “ดับทั้งปวงดับที่นี่”-“ลิ้นปี่”เรา......
    “ดูลิ้นปี่ที่เดียว”ที่เกี่ยวข้อง “นี่คือมองจิตตน”หลุดพ้นเขลา
    “เมื่อเห็นจิต-เห็นพุทโธ”โอ้ตัวเรา เคยมัวเมาก็จะดับหายลับไป!!....

    “ดูลิ้นปี่-แผ่เมตตา”อุตสาหะ “เห็นพุทธะ”และทุกอย่างกระจ่างใส
    จิตเบิกบานเหมือนแก้วอันแววไว แผ่ออกไป”เมตตา”นั้นทุกวันคืน......
    จะนั่ง-ยืน-เดิน-นอนวอนตามดู รู้สึกอยู่ให้แจ่มชัดไม่ขัดขืน
    “รักษาศีลห้าขอไว้ให้ยั่งยืน” จิตสดชื่น”สมาธิมั่นเกิดปัญญา”......
    “อุปสรรค คือ ครูบา”บูชายิ่ง เป็นของจริงล้ำลึกควรศึกษา
    ศัตรูสร้างบารมีมารที่มา มีปัญญาอย่ากลัวแพ้เราแก้ทัน
    ถึงเวลาลาไปตามใจสั่ง ดวงจิตตั้งสายพุทธะอรหันต์
    ทั้งสองสายก็ล้วนดีมีเหมือนกัน ที่ต่างนั้นตามวาสนาบารมี

    “ดอกบัวบานสิบดอก”ออกกลางอก ถึงสิบหก-สิบห้าดอกบอกรังษี
    พระโพธิสัตว์ชัดเจนเห็นเด่นดี ตามบารมีอธิษฐานผ่านบำเพ็ญ
    พระพุทธเจ้าบานถึงยี่สิบสี่ดอก ทั้งใน-นอกพระพุทธเจ้าที่เราเห็น
    สามระดับถึงสัมมาพุทธาเป็น ล้ำสุดเด่นเอกอรหันต์เลิศชั้นเอยฯ
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ชีวิตหรือ คืออะไร ใครใคร่ตอบ
    คำถามชอบ คำตอบรอ ขอเหตุผล
    ชีวิตนี้ ใครลิขิต คิดชอบกล
    รอคอยคน มากปัญญา มาพาที
     
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ชีวิตคือหมู่สัตว์โลกสงสาร
    หมุนไปตามแรงกรรมนำวิถี
    มีสุขบ้างทุกข์บ้างละคนมี
    ชั่วแลดีคละเคล้าปะปนกัน

    ชีวิตนั้นหาได้ใครลิขิต
    ล้วนมีสิทธิ์ก้าวไปดังใจฝัน
    หากไม่พ้นวงล้อบ่วงผูกพันธ์
    ต้องหลับฝันยาวนานในมายา

    หากว่าใครตื่นพ้นวังวนโศก
    ชิงชังโกรธหลงใหลไร้จุดหมาย
    เห็นแก่นสารชีวิตวนวุ่นวาย
    จึงสลายฝันตื่นรู้ สู่ความจริง

    มิใช่ใครจักตื่นพ้นได้โดยง่าย
    เพราะนามกายเพลิงหลงยังสืบเชื้อ
    เพลิงราคะโทสะยังจุนเจือ
    ให้เมาเนื้อเมารักกำหนัดกาม

    ชีวิตจึง คือดวงจิตอุบัติพร้อม
    ดั่งอิเล็คตรอนวิ่งวนหาสะสาร
    ประจุบวกประจุลบเกิดพลังงาน
    ดุจสนามแม่เหล็กโลกหมุนวนเวียน

    จักทำลายพลังงานสนามกิเลส
    จำต้องปลีกวิเวกหลุดหยุดกระแส
    ดั่งชินะพระจอมปราชญ์ฉลาดแล
    หนีความแก่เจ็บตายใต้ร่มโพธิ์!!

    (เกษียณอายุราชการแล้วแล ดอกบัวอาจงดงามในพนาสณฑ์!)
     

แชร์หน้านี้

Loading...