เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. benz123456

    benz123456 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +788
    ผมติดตามกระทู้นี้ตลอด ครับคุณทิพย์ ไม่มีความเคลื่อนไหว ผมก็เข้ามาติดตามตลอดว่าจะมีอะไรเพิ่มเติมในกระทู้ไหม ถึงแม่จะไม่ได้ค่อยแสดงความคิดเห็นอะไร.....แต่ก็เข้ามาติดตามโดยตลอด เกือบทุกๆวันครับผม
     
  2. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ผมยังไม่ต่ออายุสมาชิกนะครับ ขอคุยกับพี่นิ่มตอนบ่าย3นี้ก่อน
    พี่นิ่มจะมาที่เซ็นทรัลบางนา

    ...........................

    [​IMG]

    คุณแม่ท่านนี้มีความรู้ทางโหราศาสตร์อยู่บ้าง เพราะเรียนคลาสเดียวกันกับผม
    และในคลาสที่ผ่านมาก็เพิ่งจะสอนเรื่ององค์เกณฑ์ ซึ่งสำนักนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวางฤกษ์
    ไม่เพียงแต่เรื่องขององค์เกณฑ์เท่านั้น เรื่องนวางค์ก็ให้ความสำคัญไว้มาก

    ผมเองเรียนจากตำรา ขาดครูเป็นที่ปรึกษา นานๆทีจะขอความเมตตาจากท่านหลวงพ่ออภิสิทธิ์ วัดยานนาวาบ้างตามโอกาส
    เรื่องนวางค์เอย เรื่ององค์เกณฑ์เอย มิเคยได้หยิบใช้ หรือแม้เคยอ่านผ่านตาก็ยังเคยอ่านของครูที่ไม่แตะต้องทั้งองค์เกณฑ์และทั้งนวางค์เลยก็มี

    คุณแม่เป็นห่วงลูกชาย ว่าในพื้นดวงมีดาวพินทุบาทว์อยู่ถึง3ดวง
    เลยขอให้ผมช่วยพิจารณา... คุณแม่ไม่รู้ว่าตัวผมเองนั้นก็มีพินทุบาทว์และภินทุบาทว์กับเค้าด้วยเหมือนกัน
    และไม่ได้มีแค่ดวงเดียว แต่ดวงที่ทำให้ผมลำบากใจมากที่สุดคือ จันทร์ล่าราหู

    ในคลาสเรียกจันทร์ล่าราหูว่า ๒เป็นสิบเอ็ดกับ๘ คือโยคหน้า เป็นพินทุบาทว์
    แต่ไม่บอกว่าแล้วมันเป็นอย่างไร ซึ่งในคลาสก็ไม่มีใครถามด้วย คงจะไปถามกันข้างนอก

    จันทร์ล่าราหู คือทำให้เจ้าชะตาเป็นคนใจอ่อน ใครมาขอความช่วยเหลือก็ต้องหยิบยื่นให้
    จนตัวเองต้องเดือดร้อนลำบาก....วิธีแก้มีไหม?

    มีครับ แค่ให้เจ้าชะตาวางอุเบกขา แค่นั้นจบ...แต่ทำได้ไหม ถ้าทำได้ก็เปลี่ยนชะตาชีวิตได้
    เหมือนพระเถระผู้พ้นโลก... แต่ตอนนี้ ผมโดนพิษของจันทร์ล่าราหูเข้าแล้ว กลับมาบ้านไม่ทันได้เอนหลังเลย...

    กลับมาดูที่ดวงนี้ว่ามีดาวดีดาวร้ายอย่างไรบ้าง


    ผมไม่เก่งเรื่ององค์เกณฑ์(จริงๆก็ไม่เก่งเอาซะทุกเรื่อง)

    ขึ้นดวงแล้วก็มองหาจุดตำหนิ
    พินทุบาทว์
    ระวิภุมมะทั้ง โสรา
    ปัญจะแก่ลัคนา พุธเก้า
    จันทร์กับชีวา เป็นแปด
    ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้า ว่าร้อนนิรันด์

    ภินทุบาทว์

    เสาร์เพ่งเล็งลัคนาแล้ว อสุรา
    ภุมเมนทร์อัษฎา ว่าไว้
    จันทร์เป็นสิบเอ็ดแก่รา- หูเล่า
    อาภัพอัปภาคย์ให้ ให้แท้ประเทินเหิน


    บุตรคนนี้มีดาวอังคารเป็นแปด กับลัคนา ตกภพมรณะ เป็นภินทุบาทว์ พุธเป็นเก้าและเสาร์เป็นห้า กับลัคนา เป็นพินทุบาทว์ คุณแม่เลยเป็นกังวล

    มองหาจุดตำหนิเจอแล้ว ก็มามองความเข้มแข็งบ้าง
    ปัศวะทศเกณฑ์ ลัคนาอยู่ราศีเมษ เป็นราศีปัศวะ มีดาว๕ ได้ตำแหน่งนิจ แต่ฟื้น เพราะเป็นองค์เกณฑ์ ในภพที่10 อีกทั้งดาว๓ ตนุลัคน์ ได้ตำแหน่งเกษตรในภพมรณะ มีดาว๗ เป็นเกณฑ์10 จึงได้ตำแหน่งองค์เกณฑ์โดยสมบูรณ์
    องค์เกณฑ์สมบูรณ์นี้ ท่านอาจารย์P ไม่ได้สอน แต่ผมเคยเรียนถามแล้ว ท่านยอมรับว่าเป็นการดูให้ละเอียดขึ้น
    เมื่อคนเป็นแม่ กังวลเรื่องพินธุบาทว์ ผมก็จะเอาเรื่องนี้มาคุยละกัน

    1. เริ่มจากเจ้าชะตาก่อนเลย ดาวอังคารตนุลัคน์ได้ตำแหน่งเกษตร ในภพมรณะ เจ้าชะตาจะเป็นคนมีความมั่นคง กระตือรือร้น มั่นใจตัวเอง และพินทุบาทว์ที่ได้รับ จะทำให้เจ้าชะตาต้องไปเป็นผู้มีความมั่นคงต่างถิ่นต่างบ้าน... เรื่องนี้คนเป็นแม่ รับได้ไหม?

    ... รับได้ค่ะ..คุณทิพย์

    2. ดาว๗ เจ้าเรือนการงาน เป็นพินทุบาทว์ จะทำให้เจ้าชะตามีหน้าที่การงานหรือเรื่องยุ่งยากในชีวิต เสาร์ตัวนี้ มีความหมายว่า เชื่องช้า ยาวนาน เมื่อให้ผลเสีย ก็จะให้ผลต่อเนื่อง ยาวนาน แต่...๗ ตัวนี้ อยู่ในตำแหน่งที่เป็นประ คือชั่วคราว ไม่มั่นคง ซึ่งก็คือ แม้ให้ผลยาวนาน ต่อเนื่อง แต่ก็ให้ผลแบบผลุบๆโผล่ๆ เดี๋ยวส่งผล เดี๋ยวไม่ส่งผล หรืออาจทำให้เจ้าชะตา เลื่อนตำแหน่งช้ากว่าคนอื่น เรื่องแบบนี้ คนเป็นแม่ รับได้ไหมครับ

    ...รับได้นะคะ..คือเห็นบุคลิกภาพ ลูกตั้งแต่ตอนนี้ว่าเค้าน่าจะ ทำงานที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้อง กับคนอื่น..

    3. ดาว๔ เจ้าเรือนสหัชชะ-อริ เป็นพินทุบาทว์ พุธ เป็นเจ้าเรือน สหัชชะ เกี่ยวข้องกับเพื่อน หรือคนที่สนิทเหมือนญาติ และเป็นเจ้าเรือนอริ แปลว่า จะมีความสามารถในการสมาคมน้อยกว่าคนอื่น อาจจะพูดไม่เก่ง ปรับตัวช้า ไม่ค่อยอยากเข้าสังคม อะไรประมาณนี้ คนเป็นแม่ พอจะรับได้ไหมครับ

    ถาม ..รับได้ค่ะ


    คุณแม่ตอบว่ารับได้ทั้ง3เรื่อง ถ้ายอมรับได้แล้วก็ไม่ใช่ปัญหา...น่าจะจบ
    แต่คนถามไม่ใช่เจ้าของดวงชะตา คนถามเป็นผู้ที่จะอนุเคราะห์อุปถัมภ์เจ้าชะตาไปเท่าที่ลมหายใจและแรงกายยังคงเหลือ เราตอบแค่นี้อาจจะทำให้ต้องมาเป็นกังวลใจกันอีก ต่อให้อีกหน่อยละกัน

    4. ดาว๕เป็นศรีจากภพศุภะ-วินาสน์ ลอยอยู่ในเรือนกัมมะ หน้าที่การงานจะได้รับการส่งเสริมสนับสนุน ทั้งต่อหน้า(ศุภะ)และลับหลัง(วินาสน์) อีกทั้งดาว๕ยังกุมกับดาว๖อุตสาหะที่มาจากภพการเงินและปัตนิ แปลว่ากิจการงานจะได้รับความช่วยเหลือให้ราบรื่น สะดวกสบาย ทั้งการเงิน และผู้ร่วมงาน และคู่ครองหุ้นส่วน อีกทั้งดาว๕ ยังกุมกับดาว๘มูละ ที่มาจากภพลาภะ แปลว่า กิจการงานจะสร้างความมั่นคงและความสำเร็จ โดยเจ้าชะตาสามารถใช้ความรู้ความสามารถของตน สร้างขึ้นมาได้เอง
    คนเป็นแม่ พอจะรู้สึกดีไหมครับ?

    5. ดาวเสาร์ ที่เป็นพินทุบาทว์ มาจากราศีมังกร ซึ่งตอนนี้ ดาว๕เป็นศรีได้ตำแหน่งองค์เกณฑ์ (ความเป็นประของดาว๕ก็ฟื้นคืนสภาพ) ทำลายความร้ายกาจของ๗ไปซะเท่าไหร่ดี.... เอาราคาองค์เกณฑ์ตั้ง(อาจารย์P ให้ราคาองค์เกณฑ์ไว้ 125%) ลบด้วย๗ที่เป็นประ(50%) จะเหลือความดีความร้ายเท่าไร?
    ดาวพุธ ที่เป็นพินทุบาทว์ อยู่ในราศีธนู เจ้าของบ้านคือ ๕ ที่เป็นทั้งศรีและองค์เกณฑ์ ดาวพุธเป็นประ ลองเอาไปลบดูครับ เหลือความดีความร้ายเท่าไหร่

    เราเป็นแม่ ให้กำเนิดบุตรแล้ว สิ่งที่เป็นกังวลคือการเติบโตของบุตร เราจะคาดหวังเกินวัยของเด็กไปจนถึงชีวิตหลังแต่งงาน เรื่องนี้เป็นธรรมดา
    โดยส่วนมากจะละเลยปัจจุบัน ว่าปัจจุบันแล้ว เด็กต้องการอะไร เราเคยเป็นเด็ก เราต้องจำให้ได้ เด็กต้องการความสุข และความสนุกสนานตามวัย
    เราฝึกเค้าได้ ถ้าเค้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีคนรักและล้วนแต่เป็นแบบอย่างแห่งความรัก เค้าจะมีชีวิตที่อบอุ่น แต่เราต้องไม่ลืมที่จะสร้างความมั่นใจให้เค้าด้วย โดยการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
    เราจะเป็นแบบอย่างของความมั่นใจ และสอนให้เค้ากล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูก เราจะไม่ประมาท และไม่กังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เราสงสัยได้ แต่เราจะไม่วิตก เรากระตือรือร้นได้ แต่เราจะไม่เลินเล่อ
    เราจะเติบโตไปพร้อมกับเขา และยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง เพราะมันมาจากการตัดสินใจของเขา เราเตือนเขาไม่ได้ไปทั้งชีวิต หากเขาไม่เคยได้รับบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิต วันใดวันหนึ่งเขาพบความผิดพลาดในบั้นปลาย ชีวิตของเขาอาจหักโค่นเพราะไม่เคยพานพบปัญหาระดับนี้มาก่อน
    เราเรียนโหราศาสตร์ไว้ช่วยเหลือผู้อื่น เริ่มจากตัวเราก่อนครับ เราจะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเราเอง แล้วไปสร้างความมั่นใจให้กับคนอื่น
    มีเวลาก็พาลูกไปไหว้พระ เรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์ เรียนรู้สังคมที่อยู่กับความสงบ อย่าแค่พาไปเอาเงินใส่ตู้บริจาค จะไม่ได้อะไร
    วันนี้หัวไม่ค่อยดี ผมเขียนได้เท่านี้ หวังว่าน่าจะพอสบายใจบ้างนะครับ

    อ้อ ลืม มีแถม เรื่องที่7
    ดาว๗ เป็นสิบแก่ตนุลัคน์ ถือเป็นองค์เกณฑ์ องค์เกณฑ์ก็จะทำลายความร้ายกาจของเสาร์ไปได้...ไม่ว่าเป็นนิจ เป็นปรระ หรือกาลี ก็โดนสยบหมด... ตำราเค้าว่างั้น ผมไม่ได้ว่านะครับ ถ้าเชื่อเรื่ององค์เกณฑ์ ก็ประมาณนี้ครับ... (จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยเล่นองค์เกณฑ์เลยด้วย)

    ผมได้รับคำขอบคุณมามากมาย อะไรที่เป็นความสุขแล้วผมหยิบยื่นให้ได้ ก็ไม่มีเหตุให้ต้องหวง
    และหากใครได้รับไปแล้ว ขอให้มองโลกนี้ให้สดใสขึ้น และแบ่งปันความสุขให้กันและกัน เพราะมันเป็นหน้าที่ หน้าที่ของความเป็นมนุษย์

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  3. dacha7979

    dacha7979 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +703
    สวัสดีครับพี่ทิพย์ ขอสนับสนุนให้เปิดกะทู้ต้อไปครับพี่
     
  4. วิชาญ

    วิชาญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    446
    ค่าพลัง:
    +1,354
    สวัสดีครับ
    สนับสนุนให้เปิดกระทู้ต่อครับพี่ ถ้าปิดกระทู้ไปเดี๋ยวแอดมินเก็บเข้ากรุครับพี่ การจะหาข้อมูลก็จะยิ่งลำบากครับ (ปรกติก็หาไม่ค่อยเป็น คุณหมอมดดำน้อยค้นหาเก่งมากครับ)
     
  5. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    กระทู้หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง โดนปิดไปผมก็ร้าวใจไปทีนึงแล้ว ข้อมูลสำคัญอยู่ที่กระทู้นั้นเยอะมาก มียอดกดอ่านกว่า2แสนในเวลาสั้นๆ ข้อมูลของหลวงปู่ฯที่เป็นสาระสำคัญทั้งหมดเกลี้ยงเลย....

    ผมต่ออายุให้แล้ว ก็โปรดใช้พื้นที่นี้ให้เกิดประโยชน์นะครับ
     
  6. พิมาน

    พิมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,953

    เย้ๆๆๆ คราวนี้ยกสองมือชูสองจั๊กกระแร้เลย อิอิ
     
  7. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    มีปัญหากะสามีเก่าเกี่ยวกับเรื่องที่เค้านอกใจมานาน แต่เหมือนมีกรรมต่อกัน เพราะดันมีลูกด้วยกัน 1 คน ช่วงนึงทะเลาะกันหนักมากก็ไม่ได้ไปที่บ้านเค้าระยะนึง อยู่มาคืนนึงเราก็ฝัน....

    ฝันว่าได้ยินเสียงและเสียงนี้แหละคือหมาที่อยู่ในบ้านเค้า หมาตัวนี้เพิ่งออกลูก ชื่อไอ้แดง ไอ้แดงพูดว่า .... "มึงรู้ไหมว่าผัวมึงอ่ะเอากูกะลูกกูไปทิ้ง มันพรากลูกไปจากกู กูแค้นมัน มึงจำไว้นะว่ากูจะพรากลูกกับมึงออกจากมัน"

    เราตกใจตื่น ฝันแบบเหมือนจริงมาก เลยโทรหาแม่เค้า ถามว่าแม่มีใครเอาหมาไปทิ้งไหม แม่บอกว่า "มี..มันเอาไอ้แดงกับลูกไปปล่อยที่อื่น..." เราตกใจมากเลยอ่ะ เพราะที่ฝันมันเป็นเรื่องที่เกิดจริง แต่ยังเลิกกันไม่ได้ เพราะมีสินบนร่วมกัน เค้ามีเรื่องคดีความแล้วให้เราบนให้ ที่บนคือเค้าต้องบวช 7 วัน เชื่อไหมคะกว่าจะบวชได้ เค้ากับเราหน้าแทบไม่มองกัน แต่พอเค้าได้บวช สึกมาสักพัก ปัญหาเดิม ๆ เข้ามาอีก จนถึงวันที่ตัดสินใจเลิกเด็ดขาด เราคิดว่าคงหมดกรรมต่อกันแล้ว มันเลยต้องเดินคนละทางคะ "

    .............

    เจ้าชะตาเป็นหญิง อายุ37ปี
    ดาวพฤหัสฯเสวยอายุ และแทรก มาตั้งแต่12สิงหา 2554 คือหลังวันเกิดมา2ปีแล้ว ให้ผลมาตั้งแต่ตอนนั้น
    เป็นช่วงที่ต้องใช้สมองและสติปัญญาอย่างมาก
    อายุ37 ดาว๕เป็นศรี ๕เดิมอยู่เรือนการเงิน และเป็นเจ้าเรือนศุภะ,วินาสน์ ปีนั้นจรในเรือนสหัชชะ จึงมีรายได้หลายทาง เป็นส่วนดี

    ส่วนเสีย ดูกาลี คือ๒ จันทร์เดิมอยู่เรือนราหู ราหูจึงนำความเป็นกาลีมาด้วย
    ปีนั้นกาลีจรทับปัตนิ ราหูทับราหู ทับมฤตยู ทับเกต
    กาลีในเรือนไหน เรือนนั้นก็ยุ่งวุ่นวาย ยิ่งเป็นราหูด้วย ทับนานและให้ผลตามดาวบาปเคราะห์
    ผสมกับดาวมฤตยูที่เสริมแรงขึ้นไปอีก ก็หนักหนา
    ราหูในเรือนศุกร์ ก็เป็นเรื่องชู้สาว และมีดาวเกตส่งผลให้เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วย้อนกลับมาเกิดอีก
    ดาวเสาร์ในเรือนดาวศุกร์ก็ขมขื่น และขมกันมานานแล้ว.....เรือนพันธุก็เป็นเรือนกาลี ครอบครัวเลยมีปัญหาเช่นกัน

    สุดท้ายศรีในเรือนสหัชชะร่วมอังคารจรคู่สมพล จึงทำให้เจ้าชะตาเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า คือเลิกกับสามี

    “หากแผ่นดินสิ้นชายให้พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า”
     
  8. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ผมนึกขอบคุณท่านพิมานอยู่หลายส่วน ที่แนะนำให้รู้จักสายวิชาของสมเด็จฯ

    ผมตามหามานานแล้ว ว่าการใช้ทักษาคู่ธาตุนี้ยังมีการใช้อยู่จริง และไม่เพียงแค่นั้น แต่สายวิชานี้เล่นกันถึงรากแห่งการเกิดขึ้นของภาคพยากรณ์เลย ขอคารวะ 3จอก

    มีหนุมานยัง?
     
  9. พิมาน

    พิมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,953
    อิอิ...มีด้วยฤ หนุมานเนื้อนวะ
    ความจริง ตัวท่านสายน้ำเก็บตัวมานาน
    ไม่นึกว่าเค้าจะคิดสอนในปีนี้
    ทำเอาผม อึ้ง ไปเหมือนกันนิ
     
  10. totto99

    totto99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    3,081
    ค่าพลัง:
    +58,875
    ขอบคุณครับ ที่ยังรักษา บ้านหลังนี้เอาไว้
    ถ้าไม่มี บ้านหลังนี้กับเจ้าของบ้าน(สำคัญที่สุดๆๆๆๆ) คงเหงาเหมือนกัน 555

    ที่เข้าเวปนี้ ก็ เพราะบ้านหลังนี้แหละ ถึงจะเก่า
    คับแคบ(เพราะคนติดตามเยอะมาก) ก็อยู่สบาย 555
     
  11. พิมาน

    พิมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,953
    นิยายโหร
    บทที่สาม ตอนใบสั่ง
    เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมต้องพาแขกไปเที่ยวพัทยา
    แขกกรุ๊ปนี้ พักที่โรงแรม อิมพีเรียล สุขุมวิท 22
    ผมจึงให้คนขับรถขึ้นทางด่วนที่ ท่าเรือ
    ขณะที่รถของเรากำลังจะผ่านสี่แยกไฟแดง
    ไฟได้เปลี่ยนเป็นเหลืองและแดง รถเก๋งสองคันหน้า
    ได้ขับฝ่าไฟแดงไป รถของเราจึงขับฝ่าตามไป
    ได้มีตำรวจจราจร ออกมาโบกรถของเรา
    แต่ปล่อยรถเก๋งสองคันแรกที่ฝ่าไฟแดงไป
    ขอโทษครับ คุณขับรถฝ่าไฟแดง ขอดูใบขับขี่หน่อยครับ
    ตำรวจจราจรนายนั้น กล่าวแก่คนขับรถของผม
    ผมจึงพูดออกไปว่า แล้วรถเก๋งสองคันหน้าผม
    ก็ขับฝ่าไฟแดงเหมือนกัน ทำไมคุณตำรวจถึงไม่เรียกจอดด้วยหละครับ
    นายตำรวจนายนั้น มองหน้าผม แล้วพูดว่า
    ผมไม่เห็นมีรถใครเลย มีแต่รถคุณนี่แหละ ที่ขับฝ่าไฟแดง
    ผมเลยเถียงออกไปยึดยาว แต่สุดท้ายก็ให้ใบขับขี่ไป
    พร้อมกับเอาใบสั่งมา เพราะแขกรออยู่ในรถ
    เมื่อวาน คุยกับไอ้วิทย์ เพื่อนที่เป็น ไก๊ด์ใหญ่
    มันบอกให้ผมไปหา ไอ้ชัย เดี๋ยวนี้เลย ไอ้ชัย มันเป็นสารวัตรที่ สน. ท่าเรือ แล้ว
    วันนี้ผมจึงไปที่ สน. ท่าเรือ เพื่อให้ ไอ้ชัย ช่วยเรื่องใบสั่งหน่อย
    ผมเดินเข้าห้องสารวัตรไป ไอ้ชัยเงยหน้าขึ้นมามองผม
    ไอ้หนา นี่หว่า มายังไงว่ะนี่ เสียงร้องอย่างดีใจ
    เดินมาวะ ผมตอบแบบ กวนๆ ไป
    ผมจึงบอกเรื่องที่มาหามันไป
    เองนี่ โดนห้ากาเลยนะนี่ มันบอกหลังจากดูใบสั่งแล้ว
    ห้ากา อย่างไง ผมถามกลับไปอย่าง งงๆ
    ห้ากา คือให้ปรับเต็ม ตามกฏหมาย ใบนี้โดนหลายนะนี่
    เองคงไปกวน ลูกน้องข้านะซิ มันบอก
    เออ..ก็มีบ้าง ผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มันฟังไป
    เออ..เองมาก็ดีแล้ว ช่วยดูดวงรุ่นพี่คนนี้ให้หน่อยซิ
    ดวงนี้ เป็นชาย เกิดวันที่ 5 ธค 2479 เวลา 8.00 น. ที่กรุงเทพฯ
    เหตุเกิดวันที่ 17 ตค 2538
    พอมันถามจบ ผมยกข้อมือดูนาฬิกา เห็นเป็นเวลา 10.06 น.
    จึงผูกดวงนรสิงห์ในใจแล้ว จึงทายไปว่า งานนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตว่ะ
    ไอ้ชัย มันร้องเอ้ย เองยังไม่ได้ผูกดวงเลย ทายได้ไงว่ะ
    เดี๋ยวนี้เค้าใช้จับยามทายกันแล้วว่ะ ว่าแต่ทายถูกหรือเปล่าว่ะ
    เออ..เองทายถูก ว่าแต่พอบอกได้ไม๊ว่ะ ว่าเรื่องอะไร
    น่าจะเป็นเรื่อง เงินทองผลประโยชน์กับลูกน้องว่ะ
    ว่าแต่เรื่องจริงเป็นอย่างไงว่ะดวงนี้นะ
    เป็นรุ่นพี่ข้าเองว่ะ ยศนายพลแล้ว ทะเลาะกับลูกน้องเรื่องเงินสินบนยาเสพติด
    เค้าจะตั้งกรรมการสอบลูกน้อง เรื่องฉ้อโกงเงินสินบนยาเสพติด
    เลยโดนลูกน้อง ยิงเสียชีวิตในโรงพัก ตอนกำลังเปิดประตูรถจะกลับบ้านนะ
    เรามาลองดูดวงยามนรสิงห์แบบนภดลกันนะครับ รูปดวงเป็นดังนี้ครับ
    3...4...5...6...7...1...2
    3...4...5...6...7...1...2
    6...7...1...2...3...4...5
    12..15..11..14..17..6..9
    1...4...6...3...5...7...2
    2...4...6...3...5...7...1
    ขับเจ็ดตัวขึ้นฟ้า จะได้ดวงดังนี้ครับ
    ลัคนา เมถุน
    ดาว 4 เมถุน
    ดาว 2 กรกฏ
    ดาว 5 กันย์
    ดาว 6 ตุลย์
    ดาว 7 มังกร
    ดาว 3 มีน
    ดาว 1 เมษ
    ดาว 8 พฤษภ
    ดาว 3 อัตตะ+ตนุ+พยายะ ฐาน 17 กำลังดาว 4
    ก็แปลว่า ตัวเราจะพบเรื่อง เดือดร้อน เสียหาย ตาย ตามความหมายของ พยายะ
    ดาว 3 ตั้งอยู่บนฐานดาว 4
    ดาว 3 กะดาว 4 เป็นคู่ทะเลาะวิวาท
    ดาว 4 เป็น หินะ+กดุมภะ+ทาสี ฐาน 6
    ก็แปลว่า ตัวเราจะเดือดร้อน เสียหาย ตายด้วยเรื่องทะเลาะกันในเรื่อง
    เงินทอง กับคนชั้นต่ำกว่า ทาสี คือ คนที่มีฐานะต่ำกว่าตัวเรา
    ดาว 4 ตั้งอยู่บนฐาน 6
    จึงนำดาว 6 มาอ่านขยายใจความ
    ดาว 6 เป็น ปิตา+พันธุ+มรณะ ฐาน 12
    ก็แปลว่า ตัวเราอาจถูกฆ่าตาย ในบ้าน ที่ทำงาน ในรถยนตร์
    ตามความหมายของ พันธุ+มรณะ ข้อเท็จจริงคือ

    เจ้าชะตา ถูกลอบยิงในโรงพัก ขณะกำลังเปิดประตูรถเพื่อที่จะกลับบ้าน
    ที่ผมกล้าทายว่า ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต มีเหตุผลดังนี้ครับ
    ดาว 3 ตรงกับ อัตตะ+ตนุ ตรงกับ พยายะ
    ดาว 3 ตั้งอยู่บนฐาน ดาว 4 กาลี เนื่องจากวันที่ถามเป็นวันเสาร์
    ดาว 4 เป็น หินะ และดาว 4 ตั้งบนฐานดาว 6 มรณะอีกด้วยครับ
    อีกอย่างทราบมาก่อนแล้วว่า เจ้าชะตาเป็น ตำรวจ
    ลองดูดาว 3 ในดวงนภดลซิ ว่าบอกเรื่องอะไรไว้บ้าง
    ดาว 3 เป็นเจ้าเรือน อริลาภะ ไปสถิตในภพกัมมะ
    ก็บ่งบอก ว่าตัวเองมีปัญหาในเรื่องผลประโยชน์ในเรื่องกิจการงาน
    ในเรือนดาว 3 มีดาว 1 สหัชชะสถิตอยู่ ก็แปลขยายเนื้อเรื่องไปอีกว่า
    ตัวเองจะมีปัญหาในเรื่องผลประโยชน์ในเรื่องกิจการงาน
    กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งก็ตรงกับที่อ่านได้ในเลขเจ็ดตัว
    จบตอน
     
  12. พิมาน

    พิมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,953
    อิอิ...เห็นแก่เครื่องเซ่น หนุมานเนื้อนวะ เลยเอามาลงอีกบทนิ
    นิยายโหร
    บทที่ห้า ตอน หลวงพ่อ
    วันนี้ผมไม่มีงานทัวร์ อีกเช่นเคย จึงขับรถไปแปดริ้ว
    กะจะไปกราบ หลวงพ่อสมชาย เสียหน่อย
    แต่ดันตื่นสายซะนี่ กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
    ก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว ถึงวัดเอาเกือบบ่ายโมงแน่ะ
    จึงรีบเดินไปกุฏิหลวงพ่อ โชคดีที่วันนี้ท่านอยู่
    ไม่มีกิจนิมนต์ไปไหน ผมก้มลงกราบท่าน
    เจริญพรเถอะ โยมหนา หายหน้าไปนานเลยนะ
    ขอรับ หลวงพ่อ พอดีช่วงนี้งานทัวร์ค่อยข้างเยอะนะครับ
    วิชาโหราศาสตร์ของโยมหนา ฝึกไปถึงไหนแล้วหละ
    ช่วงนี้ ได้วิชา ดวงยาม มาจากเพื่อนที่ ระนอง นะครับ
    บ๊ะ ดีเลย งั้นลองทาย อาตมาหน่อยซิ ว่าเดือนที่แล้วเกิดเรื่องอะไรกับอาตมา
    พอหลวงพ่อถามจบ ผมยกข้อมือดูนาฬิกาอีกเช่นเคย
    เห็นเป็นเวลา 13.04 น. จึงผูกดวงยาม สิงห์นภดลขึ้นในใจ
    ได้รูปดวงยาม ดังต่อไปนี้ครับ
    1..2..3..4..5..6..7
    3..4..5..6..7..1..2
    4..5..6..7..1..2..3
    1..4..6..3..5..7..2
    ลัคนา มีน
    ดาว 2 มีน
    ดาว 7 เมษ
    ดาว 5 8 พฤษภ
    ดาว 3 เมถุน
    ดาว 4 กันย์
    ดาว 1 ธนู
    ดาว 6 มังกร
    ขณะผมจะเอ่ยปากออกคำทำนาย หลวงพ่อท่านทักว่า
    เดี๋ยวๆ โยมหนา เขียนรูปดวงยามให้อาตมาดูด้วยซิ
    อาตมาจะได้ดูไปด้วย ว่าอ่านดวงยามกันยังไง
    หลวงพ่อท่านเรียนทางเลขเจ็ดตัวมา ทางสายของ หมอทอง คิ้วน้อย
    ผมจึงเขียนรูปดวงในกระดาษให้ท่านไปแผ่นหนึ่ง
    บ๊ะ ดวงยามเจ็ดตัวแต่มีดวงจักรราศีมาด้วย
    แต่เอ...ตำแน่งดาว มันแปลกๆนะ โยมหนา
    คงไม่ใช่ตำแหน่งดาว ตามปฏิทินโหร หละมัง
    ขอรับ ไม่ใช่ตำแหน่งดาวของสุริยยาตร์ครับ
    แต่เป็น ดวงนภดลของอาจารย์เชียร ขอรับ
    อ้อ...ของอาจารย์เชียร ที่ว่าเป็นการขับเจ็ดตัว
    เป็นดวงจักรราศีนะหรือ อื่ม..เข้าทีดีเชียว
    อ้าว..ลองอ่านให้อาตมาฟังหน่อยซิ โยมหนา
    ดาว 3 เป็น ธนัง+ตนุ+ทาษา ฐานราหู
    เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเงินทอง น่าจะขึ้นโรงขึ้นศาล ด้วยขอรับ
    ราหู เป็น เรื่องเกี่ยวข้องกับ อบายมุข สิ่งผิดกฏหมาย คดีความ
    เป็น ธนัง ก็เกี่ยวกับ เงินๆทองๆ หรือทรัพย์สิน ขอรับ
    บ๊ะ..เข้าท่าแฮะ ไหนลองอ่านต่อซิ โยมหนา
    ดาว 3 ในดวงจักราศี เป็น กดุมภะ ก็บ่งบอกว่า เป็นเรื่อง เงินทอง อย่างแน่นอน
    ดาว 3 ไปสถิตในเรือนพันธุ เป็นคู่ทะเลาะวิวาทกับดาว 4 เจ้าเรือนพันธุ
    เหตุคงเกิดใน กุฏิ เพราะพันธุ แปลว่า บ้านที่อยู่อาศัย
    บ๊ะ..ยังกับตาเห็นแน่ะ แล้วยังไงต่อ โยมหนา
    ในเรือนดาว 3 มีดาว 7 คู่ศัตรูสถิตอยู่
    ดาว 7 เป็นลาภะ ก็เรื่อง ลาภผลเงินทอง
    ดาว 3 กะดาว 7 ให้ผลในทาง อุบัติเหตุ ความรุนแรง ใช้กำลัง
    หลวงพ่อถูกปล้น หรือครับ ผมกล่าวออกไป หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้
    เออ..ใช่ เดือนที่แล้ว พวกโจรบุกขึ้นมาปล้นอาตมาบนกุฏิ
    อาตมาขัดขืนต่อสู้ พวกโจรจึงแทงอาตมาด้วยเหล็กขูดช๊าร์ฟ
    แต่ไม่เข้า อีกคนจึงยิงอาตมาด้วยปืน แต่ก็ยิงไม่ออก
    มันจึงหยิบกระโถนตีหัวอาตมาจนสลบไป
    ว่าแต่ ดวงยามนี้ ถ้าอาตมาใช้หลักของหมอทองอ่านจะได้ไม๊ โยมหนา
    ได้ครับ หลวงพ่อ ลองอ่านดูซิครับ
    งั้นอาตมาอ่านที่ดาว 3 ตนุนะ
    ดาว 3 ตนุอยู่ในตำแหน่งที่ 1 จึงเอา 1 มาบวกกับ 3 ได้ 4
    เอา 4 มาคูณกับ 3 ได้ 12
    เอา 12 มาหารด้วย 7 ได้เศษ 5
    เอา 5 มาอ่าน ดาว 5 เป็น มาตา+สหัชชะ+ศุภะ ฐานสิบเอ็ดราชาโชค
    ก็แปลว่า โชคช่วย เรื่องปล้น มีคนมาช่วยซิ บ๊ะ..เข้าท่าแฮะ
    ตอนที่ถูกปล้น พระลูกวัดได้ยินเสียงโครมครามจากกุฏิอาตมา
    จึงชวนกันมาดู พวกโจรจึงได้หนีไปก่อน โดยที่ไม่ได้เอาอะไรไปเลย
    ดวงยามนี่ดีแฮะ โยมหนา พอจะบอกวิธีตั้งดวงยามแก่อาตมาได้ไม๊
    ผมตอบว่า ได้ครับ แล้วอธิบาย การตั้งดวงยามและการอ่านให้หลวงพ่อไป
    คุยกันอยู่หลายชั่วโมง ผมก็ลากลับ ก่อนกลับท่านมอบตะกรุดให้ผมมาดอกหนึ่ง
    หลวงพ่อท่านเกิดวันที่ 9 สค 2488 เวลา 18.35 น. ที่แปดริ้ว
    วันที่ถูกโจรบุกปล้น คือวันที่ 8 มีค 2539 ตอนกลางคืน
    จบตอน
     
  13. ไชย

    ไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +1,013
    เปิดต่อเถอะครับพี่ ผมว่าเรื่องราวดีๆมีอีกเยอะที่พี่ยังไม่เอาออกมาเผยแพร่
     
  14. ครึ่งชีวิต

    ครึ่งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,178
    ค่าพลัง:
    +15,103
    credit จาก Facebook (สำหรับท่านที่ไม่เล่น)
    นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

    ◎อภินิหารดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช◎
    ชาวเมืองตากรู้จักศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกันดีทุกคน เพราะสร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนพระบารมีพระผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทยเป็นครั้งที่ 2 เป็นที่สักการบูชาของชาวเมืองตากและใกล้เคียงพระบรมรูปหล่อประทับนั่งสวมพระมาลาเส้าสะเทิน วางพระแสงดาบปราบศึกไว้บนพระเพลา พระพักตร์เปี่ยมไปด้วยพระบารมีเงยขึ้นเล็กน้อย
    ไพฑูรย์หนีคุกหากผ่านเมืองตากจะแวะไปนมัสการ เพราะเป็นชาวเมืองตากโดยกำเนิด เป็นเด็กวัดดอนแก้วที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมีพระอาจารย์ที่ทรงให้ความเคารพมาแต่ยังเป็นพระยาตากผู้สร้างประคำให้ติดตัวมาจนถึงวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพจึงถอดออกจากพระศอให้เณรน้อยที่เป็นอุปัฏฐาก
    ก่อนปีพุทธศักราช 2500 อันเป็นปีที่ไพฑูรย์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษพ้นจากเรือนจำบางขวาง ไพฑูรย์ได้รับจดหมายจากน้องชายชื่อชิดชัย ข้อความในจดหมายทำให้ไพฑูรย์รู้สึกสะเทือนใจ
    เรียนพี่เปียที่นับถือ
    ผมต้องกราบขออภัยพี่เปีย หลานบังอรที่พี่นำมาฝากให้ผมเลี้ยงถูกจับตัวไป ผมเผอเรอไม่คิดว่าจะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น หลังจากหลานหายไปประมาณ 3 วัน ก็มีจดหมายมาถึงผม แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับผม มันเกี่ยวกับพี่เปียโดยตรง จดหมายระบุว่าอย่างนี้
    บอกไอ้ไพฑูรย์ที่มันอยู่ในคุกด้วยว่า ให้เอามีดหมอ รอยเท้า เหรียญหลวงพ่อเดิมที่มันเก็บไว้ พร้อมกับเงินอีก 1500บาท เพื่อแลกกับลูกสาวของมัน ให้มันลองคิดดูว่ามันฆ่าคนมากี่คน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นพ่อของกู นี่คือการแก้เเค้นที่กูจะทำกับมึง กูอยากดูน้ำหน้ามันว่าเมื่อไม่มีของขลังเเล้วมึงจะทนลูกปืนของกูได้อีกหรือไม่
    ผมจะทำอย่างไรดีพี่เปีย พี่ช่วยแนะนำผมหน่อย ผมงงไปหมดแล้ว
    จาก
    ชิดชัย พันธุ์เชื้องาม
    ท่านผู้อ่านที่เคารพ ไพฑูรย์บอกว่า มีดหมอ รอยเท้า เหรียญ ยอมสละได้ แต่เงิน 1500บาทนี่จนใจ นักโทษอย่างเขาจะไปหาที่ไหนได้ มันสุดปัญญา อีกประการ การแหกคุกออกไปช่วยลูกสาว จะทำให้ประวัติการเป็นนักโทษชั้นดีของไพฑูรย์เสียหาย หมดสิทธิ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ คราวนี้อาจถูกยิงตาย พลันไพฑูรย์ก็ระลึกถึงดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ศาลสถิตพระบรมรูปที่ จ.ตาก จึงตอบจดหมายน้องชายไปว่า
    ชิดชัยน้องรักของพี่
    มีดหมอ รอยเท้า เหรียญ ของหลวงพ่อเดิม พี่ยอมสละได้ แต่เงิน1500บาทนั้นพี่หมดปัญญาหาให้ได้ เจ้าก็เป็นสารวัตร กำนัน มีพวกพ้องอยู่ ระดมกันมาช่วยได้ เจ้าจงไปที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่เมืองตาก ให้ทำดังนี้
    จัดเครื่องบูชา ประกอบด้วยดอกไม้ ธูปเทียน ข้าวตอกดอกไม้ เเป้งกระเเจะหอม ดอกไม้ 7 สี ใส่ขันเงินไปด้วย
    ให้หาเด็กผู้ชายที่เป็นลูกหลานของเจ้าคนหนึ่งไปด้วยให้แต่งชุดขาวไปและไปบูชาตอนเวลาประมาณ 21.00น. เป็นต้นไม้ อย่าให้เลยเที่ยงคืนออกไป
    เมื่อได้ของครบแล้ว ให้พากันไปที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ไปบวงสรวงอัญเชิญดวงพระวิญญาณ ขอบารมีมาผ่านร่างลูกหลานของเจ้า กราบทูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทราบ
    เมื่อดวงพระวิญญาณผ่านร่างลูกหลานเจ้า ก็ให้การบทูลเลยอย่ายืดเยื้อจะทรงลงมาเพียงแวบเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงตามไปช่วยเหลือหลานบังอรต่อไป
    จาก
    ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม
    ไพฑูรย์ได้เเต่สวดมนต์ภาวนาให้ลูกสาวพ้นมือมาร ให้ดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชช่วยคุ้มครองอีกพลังหนึ่ง อีกสิบวันต่อมาก็ได้รับจดหมายจากชิดชัยน้องชาย เล่ารายละเอียดว่า
    หลังจากได้รับจดหมายจากพี่แล้ว ผมได้ดำเนินการตามที่สั่ง หลังจากถวายเครื่องสักการบูชาแล้ว ก็ให้หลานชายที่ใส่ชุดขาวนั่งพับเพียบรอเวลา หนึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงกำนันบุญบ่นด้วยเสียงอันดังว่า
    ''กลับดีกว่า ยุงกัดตัวลายหมดเเล้ว ท่านคงไม่โปรดช่วยเหลือพวกเราเเน่''
    สิ้นเสียงของกำนันบุญ ร่างของหลานชายในชุดขาวก็ผงะหงายหลังแล้วเด้งขึ้นนั่งเอง เสียงที่เปล่งออกมาที่ไม่ได้อ้าดังได้ยินถนัดว่า
    ''มึงคิดว่าเชิญกูปุ๊บ กูก็จะต้องมาปุ๊บกระนั้นหรือ พวกมึงก็เหมือนคนมาเฝ้ากู เมื่อตอนกูมีสังขารหรือแม้ไม่มีสังขารกูก็ยังมีราชกิจของกูอยู่ ใครมาขอให้กูช่วยกูก็มาช่วย แต่จะให้ได้อย่างใจมึงเป็นไปไม่ได้ มีอะไรว่ามา กูไม่มีเวลามาก''
    ชิดชัยกราบทูลเรื่องทั้งหมด ร่างของหลานชายก็พูดโดยไม่ขยับปากอีก ว่า
    ''อยู่ที่เขาถ้ำโน่น มันมีแค่สองคนเท่านั้น เอ็งจะแก้ไขอย่างไรก็สุดแล้วแต่''
    ร่างของหลานชายหงายหลังอีกครั้ง คราวนี้ไม่เด้งลุกขึ้นต้องไปช่วยกันประคองให้ลุกขึ้น เด็กทำหน้าเหรอเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพากันกลับ
    รุ่งขึ้นชิดชัยก็ระดมบรรดากำนันผู้ใหญ่บ้านที่เป็นพวกพ้อง อาวุธพร้อม ให้สารวัตรกำนันปลอมตัวเป็นชาวบ้านไปทำทีเป็นไปเก็บขี้ค้างคาวในเขาถ้ำได้พบกับชายแปลกหน้าสองคน แต่ไม่เห็นเด็ก จึงกลับมาแจ้งให้รู้ข่าว
    ชิดชัยวางแผนทั้งหมด โดยพวกคนร้ายไม่ได้ไหวตัวว่ามีถ้ำที่ติดกันสามารถทะลุเข้าไปได้ คนท้องถิ่นเท่านั้นที่รู้ กำหนดการเข้าไปช่วยตัวประกันเวลาประมาณ 02.00น. โดยเคลื่อนกำลังส่วนหนึ่งคอยเฝ้าหน้าเขาถ้ำ ส่วนกำลังส่วนใหญ่เข้าไปทางช่องทางลับ ไม่มีการใช้ไฟฉายคลำทางกันเข้าไปพอถึงทางเข้าอีกถ้ำหนึ่ง ก็เห็นคนสองคนก่อไฟผิงกันหนาว แต่ไม่เห็นเด็ก
    ชิดชัยนำหน้าบุกเข้าไป ชายสองคนไหวตัวเอาน้ำสาดใส่กองไฟจนดับ เสียงปืนดังระงม กำลังส่วนหนึ่งฉายไฟไปยังจุดที่คนร้ายหลบซ่อนตัว เพียงห้านาทีเศษ ๆ เสียงปืนก็เงียบ คนร้ายสองคนถูกยิงพรุน ในมือสองคนมีปืนพาราเบลลัม มีห่วง ที่ด้ามมีผ้าแพรสีแดงผูกไว้
    ศพทั้งสองถูกนำไปโยนลงเหวเพื่อทำลายหลักฐาน เชื่อแน่ว่าบังอรจะต้องถูกซ่อนไว้ในถ้ำแน่พอพระอาทิตย์ขึ้น การค้นหาก็เริ่มขึ้น ที่สุดก็ไปพบบังอรถูกมัดมือมัดปากซ่อนอยู่ในหลืบถ้ำด้านในท่าทางอิดโรยจึงนำตัวออกมา ทุกอย่างเป็นความลับ ตำรวจและนายอำเภอไม่มีโอกาสรู้เรื่อง เป็นการจัดการของบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้านและสารวัตรกำนันกลุ่มของชิดชัย
    ไพฑูรย์ได้ทราบข่าวก็โล่งใจ เขียนจดหมายมาบอกให้เพื่อนที่คุ้นเคยกับพวกคณะอั้งอี่เก่าออกสืบให้ว่าใครเป็นคนลงมือคราวนี้ เพื่อนเขียนจดหมายมาบอกว่า มีคนที่เคยอยู่กับคณะอั้งยี่ กิม เล้งหายไปสองคนชื่อบู๊ กับ กิม เป็นลูกชายแฝดของบู๊เต็ก ที่ไพฑูรย์แทงด้วยมีดหมอหลวงพ่อเดิมตาย สมัยเมื่อเป็นอั้งยี่เยาราช
    สองคนที่เคยลอบยิงไพฑูรย์มาแล้วสองหน แต่หนแรกยิงไม่ออก หนที่สองยิงไม่เข้า สืบจนรู้ว่าไพฑูรย์มีของดีสามอย่าง จึงขึ้นไปจับลูกสาวเพื่อเรียกค่าไถ่ เป็นมีดหมอ ผ้ารอยเท้า และเหรียญหลวงพ่อเดิม โดยคิดว่าเมื่อไพฑูรย์หมดเครื่องรางคุ้มครอง เมื่อออกจากคุกมาก็จะฆ่าได้โดยง่าย แต่กลับกลายเป็นศพอยู่ก้นเหว
    ท่านผู้อ่านที่เคารพ ไพฑูรย์บอกว่าการฆ่าคนคือการก่อเวร คนที่เป็นลูกหลานก็จะเกิดความเคียดเเค้น ตามอาฆาตพยาบาทไม่สิ้นสุด แม้เมื่อออกจากคุกมาแล้วไพฑูรย์มาบวชเป็นพระก็ยังมีลูกชายของคนที่ไพฑูรย์เคยฆ่ามาลอบยิงทั้งผ้าเหลืองแต่ปืนไม่ลั่น ไพฑูรย์จำได้แม่น แต่บอกตำรวจที่มาทำคดีว่าจำไม่ได้ ตอนหลังมือปืนก็สำนึกบาปมาถวายสังฆทานขออโหสิกรรม ไพฑูรย์ก็บอกว่าอโหสิกรรมให้ตั้งเเต่เมื่อบอกตำรวจไปว่าจำหน้ามือปืนไม่ได้เเล้ว
    การให้อภัยทานเป็นทานอันสูงสุดกว่าทานใด เป็นชุ่มฉ่ำ ดื่มด่ำเยือกเย็น เวรปฏิเวรัง การไม่ก่อเวรตอบผู้ที่ก่อเวรให้เป็นมหากุศล ดับเวรได้ทั้งในโลกนี้ และตัดวิบากที่จะตามล้างตามผลาญข้ามภพชาติไม่มีที่สิ้นสุด ชีวิตของไพฑูรย์ฆ่าคนไว้มาก เวรจึงติดตามมา ต้องติดคุกติดตะราง ออกมาจากคุกเเล้วก็ยังถูกจองล้างจองผลาญ ก็เพราะก่อเวรไว้มากนั่นเอง
    # นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
    ตอนนี้ลูกสาวของอาจารย์ไพฑูรย์ยังมีชีวิตอยู่ครับอายุก็ราวๆ70ปีครับเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าสิ่งศักสิทธิ์คาถาอาคมนั้นมีจริงขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีจิตเเกร่งกล้าพอที่จะทำให้อำนาจบารมีนั้นเกิดขึ้นครับสาธุ
    ตอนนี้ขอมอบพระคาถาบูชาองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    ◎คาถาบูชาดวงพระวิญญาณโดยตรง◎
    โอม สิโนมหาราชาเทวะ
    ◎คาถาภาวนาเวลาต่อสู้◎
    ชะยุตุภะวัง สัพพะศัตรู วินาสสะตุ
    ขอขอบคุณ Facebook นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
     
  15. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    “หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ โปรดขอทานชรา”

    ในสมัยที่ หลวงพ่อสด จนทฺสโร หรือ พระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีชื่อเสียงและกิตติคุณไพศาลยิ่ง ด้วยเป็นผู้ค้นพบวิชาพระธรรมกาย และได้เผยแผ่วิชานี้ จนมีพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา พากันมาขอเรียนวิชาธรรมกายปราบมารนี้ จนแน่นขนัดบริเวณวัดทุกเมื่อเชื่อวัน

    อีกทั้งมีศิษย์ที่เป็นโยมอุปฐากวัด ทั้งที่เป็นข้าราชการระดับสูง ทั้งขุนทหาร ตำรวจ และข้าราชการศาลยุติธรรม เจ้าสัว มหาเศรษฐี ตลอดจนผู้มีหน้า มีตาในวงสังคมชั้นสูงอีกจำนวนมาก มากราบฝากตัวเป็นศิษย์วัดปากน้ำ ณ เวลานั้น จึงคราคร่ำ แน่นเนืองไปด้วยผู้คน ราวกับวัดมีงานรื่นเริงอยู่ตลอดเวลา

    วันหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำ ฉันเพลเสร็จ และบอกกรรมฐานให้กับผู้ต้องการขึ้นวิชาธรรมกายปราบมาร เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่ท่านรับแขก คือสงเคราะห์ญาติโยม เมื่อหลวงพ่อท่านนั่งอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นย่อมเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งที่เป็นโยมวัด โยมอุปฐาก แขกผู้มาเยือน ตลอดจนชาวบ้าน พากันเบียดเสียดเพื่อรอชมบารมีท่านไม่ห่างตา

    ที่เชิงบันไดขึ้นศาลาใหญ่ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำนั่งรับแขกอยู่นั้น มีชายชราผู้หนึ่งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผมเผ้ารุงรัง ใส่หมวกผ้าใบเก่าเสื้อผ้าล้วนแล้วแต่ นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าขาดๆ ปะปุรอบตัวปากแดงด้วยเลอะคราบหมาก ลักษณะท่าทาง เสื้อผ้า เหมือนขอทานไม่มีผิดเพี้ยนกำลังแหวกคน ขอทางเพื่อขึ้นไปกราบหลวงพ่อวัดปากน้ำ เมื่อชายขอทานเดินผ่านหน้าใคร หญิงชาย คนชรา รวมทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ต่างพากันรีบหลีกเป็นช่องให้ เพราะรังเกียจ และกลัวความสกปรก จะมาพาลติดตัว

    แต่แปลก ที่ชายชราขอทานผู้นี้ กลับไม่มีกลิ่นตัว เหม็นสาบ เหม็นสางเลยแม้แต่น้อย
    ใบหน้าชายชราอิ่มเอิบ ยิ้มย่องผ่องใส แววตาฉายแววประหลาดลึกซึ้ง ชายหนุ่มหลายคน ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย รีบกางมือห้ามไม่ให้ขึ้นไปบนศาลา

    “คนบ้า ไปเสียให้พ้น ๆ” บ้างก็ว่า

    “ถ้าปล่อยให้เข้าพบหลวงพ่อ แล้วเกิดคุ้มคลั่ง จะว่า อย่างไร ไม่น่าไว้ใจ”

    แต่ชายชรา กลับแสดงอาการนอบน้อมยกมือไหว้ ขอเข้าพบหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลายคนชี้ชวนกันดู พลางพูดว่า ดูซิ บารมีของหลวงพ่อวัดปากน้ำนี่ท่านดีจริง แม้แต่คนบ้าก็ยังดั้นด้นมากราบท่านเลย คนแก่หลายคนสงสาร ขอให้เจ้าหน้าที่วัด ช่วยหลีกทางให้ชายขอทานนี้ ได้พบหลวงพ่อวัดปากน้ำสมดังความตั้งใจด้วย

    สายตาของทุกคู่ บนศาลาการเปรียญ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญวันนั้น พากันจ้องมองชายขอทานคนนี้ เป็นตาเดียว มีแต่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เท่านั้นที่ยิ้มที่มุมปาก
    เมื่อชายขอทานชรา มาอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อสด วัดปากน้ำแล้วก็ก้มลงกราบงาม ๆ 3 ที พอเงยหน้าขึ้น ก็บอกกับหลวงพ่อว่า

    “ผมชื่ออิน จะมาขอเรียนวิชาธรรมกายด้วยคน”
    หลวงพ่อวัดปากน้ำ รินน้ำชาส่งให้ พร้อมกับบอกว่า

    “อินเอ๊ย จะมัวซ่อนร่างอยู่ทำไม จงทำร่างให้ปรากฏตามความจริง ให้ถูกต้องเสียเถิด คนเขาจะได้รู้ตามความเป็นจริงเสียที”

    ตาอิน อมยิ้ม สอบถามหลวงพ่อสด ถึงวิชาธรรมกาย ซึ่งท่านก็ตอบข้อสงสัยให้จนเสร็จสิ้น ถ้าใครเคยฝึกวิชาธรรมกายชั้นสูง ก็จะรู้ว่า คำถามของขอทานอิน กับคำตอบของหลวงพ่อสดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้ออรรถ ข้อธรรม ในวิปัสสนาชั้นสูงทั้งสิ้น

    แสดงให้เห็นถึงภูมิรู้ของผู้ถาม และแสดงให้เห็นภูมิธรรม ของผู้ตอบ อย่างชัดเจนที่สุดว่าต่างก็เป็น นักวิปัสสนาชั้นยอดด้วยกันทั้งคู่ บ่ายคล้อย ตาอินเสร็จสิ้นคำถาม ได้กราบลาหลวงพ่อสด กลับบ้านที่พระประแดง

    ตอนนั้นศิษย์รุ่นเก่าที่เข้าถึงธรรมกายของหลวงพ่อสด พากันยกมือไหว้ คุณตาอินกันทุกคน และถ้าจะมีใครเดินตามขอทานอิน หรือตาอิน หรือคุณตาอิน ไปเพื่อซักถามประวัติ ความสนใจในวิปัสสนา และอภิญญาจิตของตาอินแล้ว ละก็เขาก็จะได้รู้ว่า ตาอินผู้นี้ อีกไม่ช้าไม่นาน ก็จะมีคนรู้จักในนาม หลวงพ่ออิน เทวดา หรือหลวงพ่ออิน ตาทิพย์ แห่งวัดใหม่ตาอินทร์ หรือวัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกระเจ้า อ.พระปะแดง จังหวัด สมุทรปราการ ผู้ที่มรณภาพแล้ว ร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย และเป็นพระอภิญญาจารย์ ผู้มีฤทธิ์ ดุจพระอรหันต์ จี้กง นั่นเอง

    เรื่องเล่าชาวสยาม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LP SOD.jpg
      LP SOD.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.2 KB
      เปิดดู:
      633
  16. ครึ่งชีวิต

    ครึ่งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,178
    ค่าพลัง:
    +15,103
    credit จาก Facebook (สำหรับท่านที่ไม่เล่น)

    นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

    ◎แย่งคู่กันนอน◎
    ในนรกบนแดนดินถิ่นบางขวาง เป็นที่รวมของนักโทษอุกฉกรรจ์ ไม่ว่าจะเป็นสิงห์เหนือเสือใต้พยัคฆ์ร้ายภาคกลาง หรือเพชฌฆาตหมอแคนแดนอีสาน จะถูกส่งตัวมาที่นี่ เมื่อมาอยู่รวมกันแล้วก็จะสร้างอิทธิพลในหมู่พวกภาคเดียวกัน เรียกว่า ''ขาใหญ่'' ใครเป็นขาใหญ่ก็จะมีบริวารมาก ไปไหนก็มีแต่นักโทษพวกเดียวกันห้อมล้อม มีน้องหรือเมียที่เป็นชายด้วยกันโดยเสพกามกันทางเวจมรรค (ทวารหนัก) หลายคน เกิดหึงหวงเกิดการแย่งชิงจนฆ่าแกงกันตายในที่สุด
    สำหรับไพฑูรย์นั้น เขาบอกว่าไม่มีสังกัด เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร เป็นนักโทษชั้นดี อยู่ฝ่ายรักษาความสงบ คอยช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ปราบปรามพวกที่แหกกฏ เป็นเพื่อนกับนักโทษทุกภาค ใครเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือก็ช่วยไปเท่าที่จะช่วยได้ พวกขาใหญ่แต่ละภาคแม้จะไม่ชอบหน้าไพฑูรย์นักแต่ก็ไม่กล้ามาตอแย เพราะไพฑูรย์เป็นนักโทษคดีอาญาที่มีโทษสูงถึงประหารชีวิต แต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณลดโทษมาเป็นลำดับ
    เหตุร้ายที่เกิดในคุกมักจะมีเหตุมาจากสิ่งที่เรียกว่า
    ''แย่งข้าวกันกิน แย่งถิ่นกันอยู่ แย่งคู่กันนอน(น้อง)'' ฆ่าแกงกันมามากราย เสือสำนวนถูกส่งมาจากนครราชสีมา ผิวขาวเหลือง หน้าตาดี แต่มีคดีติดตัวด้วยการฆ่าสมภารขณะที่บวชเป็นพระ ถูกสึกมาดำเนินคดีต้องโทษจำคุก 20ปี พอถูกส่งเข้ามาในคุกวันแรกก็เป็นที่ถูกใจของ
    น.ช.นุ้ย หัวหน้าโจรปล้นฆ่าจากนครศรีธรรมราช ขาใหญ่นักโทษทางภาคใต้ อยู่ได้ไม่นาน น.ช.นุ้ยก็ให้ลูกน้องแอบเอาใบกระท่อมป่นปนกับกัญชาผสมกาแฟให้ น.ช.สำนวนกิน
    ยาที่ผสมกาแฟให้กินเรียกว่า ''กล่อมนิทรา'' กินเข้าไปแล้วก็จะเมาไม่ได้สติ น.ช.สำนวนดื่มกาแฟเข้าไปแล้วก็สะลืมสะลือ ถูกหามไปส่งให้ น.ช.นุ้ย ขาใหญ่ ที่สุด น.ช.นุ้ยก็เสพกามทางทวารหนัก น.ช.สำนวนหลายครั้ง เมื่อฤทธิ์ยาหมด น.ช.สำนวนก็รู้สึกตัว แต่ทุกอย่างสายไปแล้วก็เลยกลายเป็นเมีย (น้อง) ของ น.ช.นุ้ย ที่สุดก็ได้ย้ายมาอยู่รวมกันกับ น.ช.นุ้ย ทั้งคุกก็รับรู้ว่า น.ช.นุ้ยเป็นผัวของ น.ช.สำนวน
    น.ช.นุ้ยให้ลูกน้องหัดให้ น.ช.สำนวนเล่นโนราห์ แต่งหน้าทาปากแสดงในวันอาทิตย์ มีแฟนนักโทษติดกันมาก มีผู้นำบุหรี่ ใบมุก (แทนเงิน 20บาท) มาให้เป็นรางวัล นางเอกจะให้หอมแก้มหนึ่งฟอด เสียงนักโทษที่เป็นลูกน้องของ น.ช.นุ้ยก็จะตะโกนบอกว่า
    ''หอมได้แต่ห้ามเกินเลย น้องโนราห์เป็นเมียเสือนุ้ย จะตายโหงเอาง่ายๆ''
    ในจำนวนแฟนมโนราห์ก็มี น.ช.ฟัก เสือร้ายปล้นฆ่ามาจากกรุงเก่าอยู่ด้วย ประวัติร้ายเหมือนกันที่มาคอยเกาะแกะนางเอกโนราห์โดยไม่เกรงบารมี น.ช.นุ้ย เพราะเป็นขาใหญ่คุมนักโทษภาคกลางโดยจะซื้อบุหรี่มาให้ประจำ เมื่อนางเอกให้รางวัล น.ช.ฟักไม่หอมเปล่า ยังอุ้มนางเอกมานั้งตักจนเสียงลูกน้องของเสือนุ้ยตะโกนว่า
    ''ไอ้ฟัก มึงนี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย นางเอกเป็นเมียพี่นุ้ยนะ มึงมันหาเรื่องตายแล้ว''
    เมื่อโนราห์เลิกเเสดง ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันระหว่าง น.ช. ภาคกลาง กับ น.ช.ภาคใต้ เสือนุ้ยกับเสือฟักมองหน้ากันอย่างอาฆาตเเค้น แต่ที่สุดก็ไม่มีการลงมือลงไม้เพราะไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน เมื่อไปถึงห้องขัง น.ช.สำนวนก็ถาม น.ช.นุ้ยว่า ทำไมดูหน้าตาไม่สบาย น.ช.นุ้ยบอกว่าเกรงว่า น.ช.สำนวนจะไปรักเสือฟัก น.ช.สำนวนก็เลยเอาจดหมายรักของ น.ช.ฟักมาให้ น.ช.นุ้ยอ่าน และบอกว่าตนไม่ได้สนใจ และไม่เคยตอบจดหมาย น.ช.ฟักสักฉบับ
    รุ่งขึ้น น.ช.นุ้ยก็ไปพบ น.ช.ฟักที่ร้านสหกรณ์ของคุก พอเห็นหน้ากันก็เกิดศึกปะทะคารมกันทันทีทำให้นักโทษสองฝ่ายที่อยู่ตรงนั้นต่างมามุงดูกันแน่น
    ''ไอ้ฟัก มึงเขียนจดหมายถึงเมียกู แล้วเเช่งให้กูตาย เพื่อมึงจะได้ครองเมียกูต่อไป มึงต่างหากที่จะตาย ไม่ใช่กู ไอ้ฟัก''
    ''หน็อย...ไอ้นุ้ย กูเคยให้ความเกรงใจมึงว่าอยู่ที่นี่มาก่อน เรียกมึงว่าพี่ จดหมายกูก็เขียนไปด้วยอารมณ์คึกคะนอง มึงมันหมาบ้าพากระแชงนี่หว่า''
    ''มึงต้องมากราบตีนกู กูจึงจะไม่เอาเรื่อง ถือว่าเลิกเเล้วต่อกันไป''
    ''ถุย กราบตีน มึงซีน่าจะมากราบหว่างขากู มามะไอ้นุ้ย''
    ไม่ต้องรอจังหวะ น.ช.นุ้ย กับ น.ช.ฟักต่างชักมีดที่พกมาเข้าแทงกันอุตลุด แต่หนังดีทั้งคู่เนื่องด้วยรอยสักลายพร้อย ชกต่อยกอดปล้ำกันจนหอบซี่โครงบาน น.ช.ฟักซึ่งมีอายุน้อยกว่าเลยขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน เอามือบีบกระเดือก น.ช.นุ้ยจนตาเหลือกลิ้นจุกปาก
    ''ตายห่าเสียเถอะมึงไอ้นุ้ย หน็อยเก่งนัก หนังดี คราวนี้กระเดือกมึงจะเหนียวอีกไหม''
    ''ปี๊ด ๆ ๆ โพละ''
    เสียงนกหวีดจากผู้คุมเข้ามามาระงับเหตุ ตามด้วยเสียงกระบองที่ตีกบาลของ น.ช.ฟัก แล้วช่วยกันลากตัวออกมา น.ช.นุ้ยจึงรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นนำตัวทั้งคู่ไปพบ ผบ.คุก ท่าน ผบ.โกรธมาก ยกมือชี้หน้าสองนักโทษ
    ''ไอ้พวกมึงมันไม่สำนึกตัว มีโทษอาญาแล้วก็ไม่ได้คิดกลับตัวกลับใจ ทำตัวเป็นขาใหญ่เข่นฆ่ากัน คราวนี้ต้องจัดการให้รู้สำนึกเสียบ้างเเล้ว เฮ้ย...ย้าย น.ช.สำนวนไปอยู่แดน 3 ส่วนไอ้นุ้ยกับไอ้ฟักตีตรวนหนัก ให้มันทำงานหนักกลางแดด เอาตัวไป''
    ตีตรวนทำงานหนักกลางเเจ้งไม่เท่าไหร่ แต่การที่ น.ช.สำนวนถูกย้ายไปอยู่แดน 3 ซึ่งเป็นแดนเดียวกับ น.ช.ฟักคู่อาฆาต ป่นปี้หมดแน่คราวนี้ ที่สุด น.ช.ฟักก็ได้ น.ช.สำนวนเป็นน้อง (เมีย) ข่าวรู้ไปถึง น.ช.นุ้ย จึงเรียก น.ช.อิ่ม น.ช.กลด น.ช.ดำ และ น.ช.ปุ่น ที่เป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ของภาคอีสานมาว่าจ้างด้วยใบมุกคนละ 5 ใบ ให้ลวง น.ช.ฟักไปฆ่า
    วันอาทิตย์ มือเพชฌฆาตทั้งสี่หลอก น.ช.ฟักมาเล่นไฮโล เเล้วช่วยกันอุดปากอุ้มไปกดน้ำในบ่อจนตายจากนั้นหมกศพไว้ในเลน
    เมื่อพบว่า น.ช.ฟักหายตัวไปจึงได้มีการออกตามหา ไปพบเป็นศพลอยอยู่ในบ่อน้ำสำหรับรดผัก เมื่อส่งศพไปผ่าพิสูจน์ แพทย์ยืนยันว่าถูกกดน้ำจนตายมิได้จมน้ำตายธรรมดา แต่จับมือใครดมไม่ได้ ส่วน น.ช.นุ้ยเองยังไม่หนำใจ วางแผนฆ่า น.ช.สำนวน อดีตน้องรักที่ปันใจไปให้ น.ช.ฟักที่เป็นผีไปแล้ว
    คราวนี้ไม่จ้างใคร แต่จะลงมือเอง
    วันอาทิตย์เป็นวันที่นักโทษทุกแดนจะได้รับอนุญาตให้มาดูการแสดง เช่น ลิเก โนราห์ หมอลำ วันนั้น น.ช.สำนวนป่วยไม่ได้ไปแสดง นอนอยู่ในห้อง น.ช.นุ้ยติดสินบน น.ช.ผิน ผู้ถือกุญแจห้องขังให้เปิดเพื่อจะเข้าไปหา น.ช.สำนวน พอ น.ช.ผินไขกุญแจให้ น.ช.นุ้ยก็ลั่นดาลชิงกุญแจไปจาก น.ช.ผิน
    น.ช.ผินเห็นท่าไม่ดีจึงไปแจ้งให้ผู้คุมทราบ
    ผู้คุมแดนมาถึงก็ได้ยินเสียงของ น.ช.สำนวนร้องว่า
    ''ช่วยด้วย โอ๊ย ตายเเล้ว พอแล้ว''
    ''อีสัตว์ อีคนหลายใจ กูจะส่งมึงไปพบกับไอ้ฟักวันนี้แหละ''
    ผู้คุมแดนร้องตะโกนบอก น.ช.นุ้ยว่า
    ''หยุดนะไอ้นุ้ย โทษของมึงคราวนี้ถึงประหารเลยนะ เฮ้ย...มึงหยุดซะ โทษหนักจะได้เป็นเบา''
    ''อย่ามาพูดมาก กูเข้ามาในนี้ก็หมายความว่ากูพร้อมจะไปนรกเเล้ว เก่งจริงมึงอย่ายืนเห่าอยู่ข้างนอกนั่น เข้ามาจับกูเลย มาซิ''
    เสียง น.ช.สำนวนเงียบไปแล้ว ผลการตรวจพิสูจน์ศพ น.ช.สำนวนพบว่าถูกแทงที่รูทวารหนักแล้วคว้านจนกลวงโบ๋ นับรวมกับบาดแผลที่ตัวทั้งหมด 34 แผล
    เรื่องรู้ไปถึง ผบ.คุก ท่านสั้งว่าจับให้ได้ จับเป็นหรือตายก็ได้ หาไม่เเล้วจะเสียการปกครองเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปเบิกปืนไรเฟิ้ลและปืนลูกซองมาจากคลัง ล้อมแดน 3ไว้ บ้างก็เอาบันไดพาดขึ้นไปแล้วเอาปืนยิงเข้าใส่ น.ช.นุ้ยที่วิ่งหลบไปมา บางกระบอกยิงไม่ถูก บางกระบอกยิงไม่ออก ที่ยิงถูกก็ทำอะไร น.ช.นุ้ยไม่ได้ เสียงปืนดังติดกันเป็นระยะ ๆ
    ตอนนั้นไพฑูรย์ได้ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้วย ผบ.คุกเกรงว่าเรื่องจะยืดเยื้อ จึงร้องประกาศว่า
    ''ใครเข้าไปจับเสือนุ้ยได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย มีเงินค่าหัวให้ 500บาท ถ้าเป็นพนักงานจะเสนอให้ 3ขั้น''
    ไม่มีใครขันอาสาเพราะเกรงอาคมของ น.ช.นุ้ย ไพฑูรย์จึงขันอาสาเอง ผบ.คุกถามเขาว่าต้องการอาวุธชนิดใด ไพฑูรย์ตอบว่า
    ''ผมจะลองเจรจาก่อน ถ้าไม่ไหวผมขอดาบเพชฌฆาตในห้องเก็บเครื่องมือประหาร''
    ผบ.คุกอนุญาต ไพฑูรย์จึงเข้าไปเจรจากับ น.ช.นุ้ยทันที
    ''นุ้ย นี่ไพฑูรย์นะ มีอะไรจะพูดด้วยสักคำสองคำ''
    ''อาจารย์อย่ามาเกลี้ยกล่อมผมเลย ผมเลือกทางตาย ไม่มีใครกล้ามาตอแยกับผม อาจารย์ก็แน่ ผมก็หนึ่ง เข้ามาเจอกันข้างในนี้เลยอาจารย์''
    ''นุ้ย เรากับนายก็เป็นเพื่อนนักโทษด้วยกัน กินข้าวกระทะเดียวกัน อย่ามาฆ่าแกงกันเลย เอาชีวิตไว้รอพ้นโทษดีกว่า''
    ''มึงอย่ามาพูดไอ้ไพฑูรย์ มึงมันไอ้พวกจิ้งจกเปลี่ยนสี ไปเข้ากับไอ้ ผบ.คุก และผู้คุม มึงก็พูดได้ซี แต่กูมันนักโทษที่เหมือนหมาตัวหนึ่ง อย่าดีกว่า''
    เมื่อ น.ช.นุ้ยขึ้นมึงขึ้นกูกับไพฑูรย์ หมดเวลาที่จะต่อรอง ไพฑูรย์เดินกลับไปหา ผบ.คุก ท่านสั่งให้ไปเบิกดาบเพชฌฆาตมาให้ เป็นดาบสันหนา (เหมือนปังตอ) คมบางเหมือนดาบทั่วไป ไพฑูรย์รับดาบมาพนมไว้ที่อก รำลึกถึงหลวงพ่อเดิม ที่มีรอยเท้าเย็บติดกับปกคอเสื้อด้านหลัง รำลึกถึงบรรดาเพชฌฆาตที่เคยใช้ดาบประหารเล่มนี้มาก่อน พอหลับตาก็ได้ยินเสียงคนพูดที่ข้างหูว่า
    ''ดีใจจริง ได้กินเลือดอีกเเล้ว''
    เจ้าหน้าที่เรือนจำทำลายล็อคด้านล่างที่เป็นทางขึ้นไปยังเรือนขังด้านบนซึ่งเป็นประตูเดี่ยว น.ช.นุ้ยก็แน่พอสมควร เปิดประตูเตรียมเอาไว้แล้ว ไพฑูรย์พุ่งตัวเข้าไปทันที
    ไพฑูรย์เล่าว่า ''เหมือนที่คาดไว้ น.ช.นุ้ยแทงผมด้วยมีดเสือซ่อนเล็บที่มีมีดสองเล่มเสียบเข้าหากัน ดูภายนอกคล้ายเป็นมีดเล่มเดียว''
    แม้จะเอาสันดาบตีปัดข้อมือของ น.ช.นุ้ยได้ข้างหนึ่ง แต่อีกข้างหนึ่งไม่ทัน ปลายมีดจึงเสียบเข้าที่ชายโครงของไพฑูรย์ เขาเล่าว่า
    ''หากเข้าผมคงตาย เพราะเสือนุ้ยแทงเเม่นมาก กะว่ากะซวกชายโครงอ่อนเเล้วคว้านไส้ให้ไหลออกมา แต่รอยเท้าหลวงพ่อเดิมคุ้มเอาไว้จนได้ในที่สุด ปลายมีดไม่อาจทะลุหนังของผมเข้าไปได้ผมเซถลาไปตามแรง แต่ไม่ล้ม พอหันกลับมาตั้งหลักได้ มือถือดาบกราดไปมาเพื่อหาจังหวะเข้าเสือนุ้ยก็ถือมีดเสือซ่อนเล็บคอยระวังมิให้ผมรุกเข้าใกล้ได้ ผมกราดปลายดาบล่อ เสือนุ้ยเบี่ยงตัวหลบออกด้านข้าง สวนแทงผมเข้าที่ยอด อก ไม่เข้าอีกเหมือนเดิม ผมร่ายพระเวทคัดของขลังว่า''
    ''พุทธังปัจจักขามิ ธัมมังปัจจักขามิ สังฆังปัจจักขามิ''
    ''จากนั้นตวัดใบดาบเข้าฟันตัดต้นเเขนของเสือนุ้ยทันที ความคมของใบดาบและความหนักของสันดาบ ทำให้เเขนขาดตกลงไปอยู่ที่พื้น มือยังกำมีดอยู่แน่น ผมตวัดใบดาบอีกครั้งตัดคอของเสือนุ้ยขาดกระเด็นลงไปกลิ้งกับพื้น เลือดพุ่งกระฉูด ร่างของเสือนุ้ยค่อยๆล้มลง ผมยกใบดาบขึ้น ใช้ลิ้นเลียเลือดกินนิดหนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับออกมาได้ใช้ปลายดาบขีดกากบาทลงบนพื้นเพื่อป้องกันวิญญาณตายโหงตาม''
    ''ลงมาด้านล่าง มอบดาบคืนให้เจ้าหน้าที่แล้วรีบไปอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดจากนั้นเข้าไปที่ห้องพระเพื่อสวดมนต์และร่ายพระเวทป้องกันตัว ผมได้รับเงิน 500บาทตามสัญญา และได้รับการเสนอลดโทษตามสัดส่วนที่กรมราชทัณฑ์กำหนด เพราะถือว่าได้ช่วยราชการ''
    ตอนนี้ขอมอบพระคาถาที่เรียกว่า ◎ คาถากำกับธาตุ◎
    ''นะมะ นะอะ นอกอนะกะ นะอะกะอัง อุมิ อะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง อะสุนะอะ''

    **********************************************
    *ขอบคุณที่กดไลค์และติตตามครับฝากถึงเเฟนเพจใครที่มีหนังสือจอมอาชญกรหมายเลข1 เล่ม2กับ6และ7แอดมินขอรับซื้อราคาเล่มละ800ครับถ้าเป็นสำเนาให้400ครับสำหรับใครที่ต้องการอ่านเรื่องราวการผจญภัยอาจารย์ไพฑูรย์โดยละเอียดทั้งหมดและอยากจะได้ไว้สะสมแอดมินมีสำเนาไว้แบ่งกันชุดละ200ครับแต่ขาดเล่ม2 6เเละ7ถ้าแฟนเพจคนไหนมีช่วยนำมาแบ่งปันกันด้วยนะครับขอบคุณครับ
    สำหรับใครที่พลาดฉบับรวมเล่ม1เเละ2ไปอย่าเสียใจครับแอดมินจะทยอยลงในเพจให้และสำหรับใครที่ต้องการอ่านเรื่องราวโดยละเอียดแอดมินได้สั้งพิมสำเนาหนังสือชุดของอาจารย์ไพฑูรย์มีดังนี้ครับ
    ◎ชื่อเรื่อง◎
    *มีศึกอั้งยี่ มี 210หน้า ปีที่พิมพ์2521
    *มีบันทึกรักนักเลงพญายม มี 228หน้าปีที่พิมพ์ 2522
    *มีจอมอาชญากรหมายเลข 1(เล่ม1)มี190หน้าปีที่พิมพ์2520
    รับซื้อจอมอาชญากรหมายเลข 1(เล่ม2)มี211หน้า
    *มีจอมอาชญากรหมายเลข1(เล่ม3)มี163หน้าปีที่พิมพ์2520
    *มีจอมอาชญากรหมายเลข1(เล่ม4)มี161หน้าปีที่พิมพ์2520
    *มีจอมอาชญากรหมายเลข1(เล่ม5)มี160หน้าปีที่พิมพ์2521
    รับซื้อจอมอาชญากรหมายเลข1(เล่ม6)นักโทษ129ปี มี163หน้า
    รับซื้อจอมอาชญากรหมายเลข1(เล่ม7)ฟ้านักเลง มี183หน้า
    หากหนังสือสำเนาสั้งพิมเสร็จแล้วจะเเจ้งให้ทราบในโพสอีกทีครับ
    ‪#‎นักเลง‬ โบราณ ตำนานหนังเหนียว
    ขอขอบคุณ Facebook นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2015
  17. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    มีสมาชิกถามว่า พระฯรุ่นนี้ได้กระแสเกจิรุ่นใหม่รึเปล่า แล้วส่งรูปมาให้ดู

    [​IMG]

    การันตีด้วยภาพข่าว

    [​IMG]

    ผมถามพี่นิ่มว่ารู้จักองค์นี้ไหม
    พี่นิ่มรู้จัก เพราะได้นิมนต์ท่านมาเสกหมู่ที่วัดทุ่งเหียง
    แน่นอนครับว่าได้รับกระแสจิตจากท่านด้วย

    .................

    คุณอ๊อดกำลังหาจังหวะจะถอยเหรียญรัศมี หลังจากขอบารมีหลวงปู่ศุขกับหลวงพ่อกวยที่วัดท่านก่อน ถ้าจบแล้วจะได้เอาออกมาคืนเพื่อนสมาชิกกันซะที
     
  18. ครึ่งชีวิต

    ครึ่งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,178
    ค่าพลัง:
    +15,103
    credit จาก Facebook (สำหรับท่านที่ไม่เล่น)
    นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
    ◎อาถรรพณ์แห่งปืนไขว้◎
    ปีพุทธศักราช 2500 พระบาทสมเด็จพระภูมิพลมหาราชทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวาระฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ด้วยการทางอภัยโทษให้แก่สัตว์ผู้ยากที่อยู่ในขุมนรกบนดิน
    บรรดานักโทษทั้งหลายที่ต้องขังมาเป็นเวลานาน และมีความประพฤติดี ในเรือนจำต่างๆทั่วประเทศ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทั่วหน้า ในจำนวนนั้นมีนักโทษชื่อไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณคราวนี้ด้วย ผู้เขียนได้มีโอกาสรู้จักกับอดีตนักโทษประหารผู้นี้
    หลังจากที่เขาได้รับพระราชทานอภัยโทษพ้นจากเรือนจำบางขวางมาดำเนินชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป
    ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม ได้เล่าเรื่องราวแต่หนหลังในชีวิตการเป็นนักโทษประหารสูงสุด ไม่นับรวมอีก129ปี ที่ต้องชดใช้กรรมให้ข้าพเจ้าฟัง เรื่องราวที่ท่านจะได้พบต่อไปนี้เป็นเรื่องราวจากปากของเขาผู้เขียนได้เรียบเรียงขึ้น เพื่อให้อ่านง่าย ได้สาระสำหรับผู้อ่านทุกท่าน เพื่อความบันเทิงหรือนำไปสอนลูกหลานให้ได้รำลึกว่า เส้นทางแห่งอาชญากรเป็นเรื่องเลวร้าย ไม่เคยทำให้ผู้ใดได้ดี ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือด้วยสันดานแห่งอาชญากรก็ตาม
    พุทธศักราช 2484 งานประจำปี นมัสการองค์พระปฐมเจดีย์และพระร่วงโรจนฤทธิ์ อันเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์พระปฐมเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรังคารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ มีผู้คนมาร่วมงานจากทั่วทุกสารทิศ หลายคนถือโอกาสมาแก้บนที่บนไว้ต่อองค์พระปฐมเจดีย์ หรือพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็ตามที มีการออกร้านขายส้มสูกลูกไม้ ขนมนมเนย อาหารการกิน ในจังหวัดนครปฐมอย่างเอิกเกริก
    ในจำนวนพ่อค้าแม่ค้าที่นำสินค้ามาขาย ก็มีร้านขายข้าวหลามและผลไม้ประจำถิ่นคือ ส้มโอนครชัยศรีของสิบตรีฉกาจ เด่นชาตรี อดีตพลทหารที่มีผลงานดีเด่นในการรบ จนได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นสิบตรีเพื่อเป็นบำเหน็จในความดี สิบเอกฉกาจเคยเล่าให้ข้าพเจ้า (ไพฑูรย์)ฟังว่า การรบทุกครั้งไม่มีอะไรเป็นขวัญและกำลังใจ นอกจากเหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง พระเกจิอาจารย์ชิ่อดังเเห่ง จังหวัดนครปฐม
    เหรียญของหลวงพ่อแช่มเป็นเหรียญทรงกลม ขอบมี 16 แฉก แต่ละแฉกมีอักขระอ่านว่า
    ''นะ มะ นะ อะ นอ กอ นะ กะ กอ ออ นอ อะ กะ อัง''
    เรียกว่า ''ธาตุทั้ง16'' ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อแช่มนั่งเต็มองค์อยู่บนปืนพระราม 6 สองกระบอกไขว้กัน มือขวายกขึ้นเสมอ อก แบฝ่ามือออกด้านนอกในลักษณะการห้าม กลางฝ่ามือมีอักขระตัว ''นะ'' ปรากฏอยู่ชัดเจน ใบหน้าของหลวงพ่อมีใบหูข้างเดียว ด้านหลังเป็นรูปหนุมานอ้าปากอมพลับพลาที่ประทับของพระรามกับพระลักษณ์ พร้อมอักขระ เลขยันต์ หลวงพ่อแช่มปลุกเสกเดี่ยวแจกให้กับผู้เคารพนับถือ โดยมีศิษย์ชาวกรุงเทพฯ เป็นผู้ออกทุนสร้างถวายหลวงพ่อ
    สิบเอกฉกาจเล่าว่า ''เมื่อเข้าปะทะกับทหารกองกำลังผสมฝรั่งเศสกับญวนในสมรภูมิอินโดจีนสงครามเรียกร้องดินแดนที่ถูกฝรั่งเศสยึดเอาไปด้วยความฉ้อฉลในสมัยกรณีพิพาท ร.ศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอากองทัพเรือมาปิดอ่าวไทย เเล้วข่มขู่ให้ต้องจำยอมยกดินแดนในฝั่งลาวเเละเขมรที่เคยเป็นดินเเดนในปกครองของประเทศสยามในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบรมราชาธิราชให้กับฝรั่งเศสคืนกลับมาเป็นของประเทศไทยอีกครา
    ''เมื่อบุกเข้าหากองทัพฝรั่งเศสในระยะไกล กระสุนปืนเล็กยาว กระสุนปืนกล และสะเก็ดระเบิดจากกระสุนปืนใหญ่ และปืน ค. จะวิ่งผ่านตัวไปเสียงหวีดหวิวอยู่ตลอดเวลาครั้นเข้าสู่ระยะฉกรรจ์ของกระสุนปืนใหญ่ มีบ้างที่ถูกยิงอย่างจัง เสื้อขาดเป็นรู เเรงปะทะของกระสุนปืนทำให้รู้สึกจุกหงายหลังผลึ่ง เอามือลูบคลำดูไม่มีเลือดก็เกิดกำลังใจ ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหาข้าศึกอีกครั้ง''
    ''ข้าศึกเเทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าทหารไทยตัวเล็กๆ ไม่มีเสื้อเกราะถูกยิงจนล้มหงายหลังไปต่อหน้าต่อตา แต่กลับลุกขึ้นมาได้ ผบ.ทหารฝรั่งเศสสั้งให้ถอย โดยบอกว่าให้ถอยไปตั้งแนวรับใหม่ทหารไทยเป็นทหารผี''
    เมื่อเข้าถึงระยะประชิดตัวแทงกันด้วยดาบปลายปืน ทหารฝรั่งเศสกับญวนยุ่ยเหมือนหยวกกล้วยแต่ทหารไทยเหนียวเหมือนแทงยาง กองพันทหารเสือของฝรั่งเศสที่เคยคุยนักหนาว่าไม่เคยรบแพ้ที่ใดในโลก มาพ่ายแพ้ต่อทหารไทยตัวเล็กๆ เสียธงเฉลิมพลให้ฝ่ายไทยถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ผบ.ที่มียศเป็นพันเอกตายในที่รบอีกด้วย
    สิบตรีฉกาจมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนชื่องามตา มีรูปร่างหน้าตาสะสวย ประกวดนางนพมาศและเทพีส้มโอ ได้รางวัลเงินสดและขันน้ำพานรองมาแล้ว อายุ18 ปี กำลังสาวสะพรั่ง เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งหลาย แต่สาวเจ้าหมั่นหมายกับหนุ่มชาวสวนนครชัยศรีไว้แล้วอย่างเป็นทางการ หนุ่มๆพากันมาซื้อของแน่น เกี้ยวพาราสีไปตามทำนอง สาวเจ้าก็โอภาปราศรัยเอาใจให้ซื้อสินค้า
    ในจำนวนลูกค้าที่มาเที่ยวงาน มีตำรวจหนุ่มชื่อ ร.ต.ต.สกนธ์ อยู่กองปราบปรามได้มาเที่ยวงานทุกวัน เพราะบ้านอยู่ที่ทรงคะนอง ร.ต.ต.สกนธ์พอใจสาวงามตามาก เกี้ยวพาราสีแล้วให้คนส่งจดหมายไปสารภาพรัก งานวันสุดท้าย ร.ต.ต.สกนธ์มาถามงามตาว่าได้รับจดหมายหรือไม่ สาวงามจาก็ตอบว่า
    ''ได้เเล้วจ๊ะ แต่หมวดต้องเข้าใจนะจ๊ะว่า ฉันหมั่นกับเจ้าของสวนหนุ่มชาวนครชัยศรีไว้เเล้วไม่อาจจะรับรักใครได้อีก ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่มีใจให้ฉัน''
    ร.ต.ต.สกนธ์เป็นลูกชายโทนของเศรษฐีอิ่ม ที่มีอิทธิพลแถบทรงคะนอง เมื่อไม่ได้ตามตรอกออกตามประตู ด้วยความรักหน้ามืดก็คิดสั้นว่า หากใช้อำนาจเถื่อนฉุดเอาสาวงามตามาทำเป็นเมีย การหมั้นก็จะต้องสิ้นสุดลงและสาวงามตาก็จะเป็นของตัวเองตลอดไป จึงลาราชการนำลูกน้องมาด้วยสี่คนล้วนเป็นตำรวจมือดีที่เรียกกันว่า ''อัศวินมือปราบสามยอด'' มาวางแผนการฉุดสาวงามตา แต่ติดที่ว่าสิบเอกฉกาจ ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึก มีบารมีวิชาอาคม และเป็นที่รักของชาวบ้านคอยดูแลอยู่จึงบุ่มบ่ามไม่ได้ เพราะกิตติศัพท์ด้านคงกระพันและความใจถึงของสิบเอกฉกาจดังกระฉ่อน
    วันพระ 15ค่ำ สิบตรีฉกาจออกจากบ้านไปทำบุญที่วัดตาก้องแต่เช้า ร.ต.ต.สกนธ์มาคอยดักรอคอยจนสิบตรีฉกาจไปไกลเเล้วจึงปรากฏตัวออกมา ร้องเรียกสาวเจ้าให้ออกมาจากบ้าน สาวเจ้าออกมาดู เห็นร.ต.ต.สกนธ์กับพรรคพวกก็ตกใจ แต่ทำใจดีสู้เสือ ร้องเรียกให้มานั่งกินน้ำกินท่าก่อนจะปอกส้มโอหวานให้กินแต่ ร.ต.ต.สกนธ์พยักหน้าให้ลูกน้องเข้ามาล็อคตัวสาวงามตา เอามือปิดปากไม่ให้ร้องเรียกคนช่วย อุ้มเอาไปขึ้นรถจิ๊ปที่จอดรออยู่
    จะขอตัดภาพกลับมาที่วัดตาก้อง พอสิบตรีฉกาจเข้าไปกราบหลวงพ่อที่กุฏิ หลวงพ่อแช่มก็บอกสิบตรีฉกาจว่า
    ''ไอ้กาจ มึงรีบกลับบ้านเร็ว ลูกสาวมึงกำลังมีเคราะห์หนัก แต่ไม่ต้องกลัวมึงไปทันแน่ กูทำให้น้ำมันในถังน้ำมันเป็นน้ำท่าไปแล้ว มันไปไหนไม่รอดหรอก เรื่อบุญมึงพักไว้ก่อน''
    ทาง ร.ต.ต.สกนธ์ พอลูกน้องได้ตัวสาวงามตามาขึ้นรถเเล้ว ก็สตาร์ทรถแล่นออกไปห่างจากบ้านไม่ไกลนักเครื่องก็ดับ สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด ร.ต.ต.สกนธ์ที่มีความรู้ด้านเครื่องยนต์ก็เปิดฝา
    กระโปรงรถเพื่อตรวจดูเครื่องยนต์ แต่ไม่พบความผิดปกติ ทันใดก็ได้ยินเสียงลูกน้องร้องบอกว่า
    ''นาย...พ่อนางนี่มันวิ่งหน้าตั้งมาแล้วจะทำอย่างไรดี''
    ร.ต.ต.สกนธ์สั่งให้เอาสาวงามตาซึ่งตอนนี้ถูกมัดมือมัดปากไว้เเล้วลงจากรถไปไว้ข้างทาง ด้วยเกรงว่าหากเกิดยิงกันจะถูกลูกหลง
    สิบตรีฉกาจมองเห็นรถจิ๊ปจอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านนักก็วิ่งขึ้นไปบนบ้าน หยิบปืน พาลาเบลลั่มคู่มือติดมือลงมากระชากลูกเลื่อนขึ้นลำ ระลึกถึงหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องให้คุ้มครอง วิ่งลงจากบ้านไปที่รถ ปากก็ร้องตะโกนว่า
    ''ไอ้พวกหมาลอบกัด เล่นทีเผลอตอนกูไม่อยู่บ้าน มาเล่นงานลูกสาวกู คืนลูกสาวกูมา กูจะไม่เอาเรื่องพวกมึง''
    ลูกน้องของ ร.ต.ต.สกนธ์ ยิงปืนสกัด แต่อานุภาพแห่งเหรียญหลวงพ่อแช่มวัดตาก้องก็สำแดงบารมีทำให้เเคล้วคลาด ลูกปืนไม่ถูกร่างกายของสิบตรีฉกาจแม้เเต่นัดเดียว พอได้ระยะฉกรรจ์ การดวลปืนระหว่างลูกน้องของ ร.ต.ต.สกนธ์กับสิบตรีฉกาจยังคงดำเนินต่อไป ลูกน้อง ร.ต.ต.สกนธ์สิบตำรวจเอก ถูกยิงตายคาที่สองศพ
    สิบตรีฉกาจถูกยิงเข้าที่สำคัญหลายนัด แต่กระสุนไม่ระคายผิว มีเเต่รอยจ้ำเขียวที่ตัวและรอยเสื้อขาดเป็นรูบริเวณที่กระสุนทะลวงเข้าไป ศพลูกน้องเตือนสติ ร.ต.ต.สกนธ์ว่า ศัตรูมีดีให้หนีเอาชีวิตรอด
    ประกอบกับว่าตอนนั้นมีชาวบ้านวิ่งออกมาดูกันมากขึ้น หากไม่เผ่นมีหวังถูกรุมประชาทัณฑ์ตายคาเท้า ร.ต.ต.สกนธ์กับลูกน้องที่เหลือต่างเผ่นกันป่าราบ ผู้ใหญ่บ้านมาเห็นสิบตรีฉกาจยืนถือปืนรอมอบตัว โดยมีศพของลูกน้อง ร.ต.ต.สกนธ์นอนตายอยู่สองศพ ชาวบ้านไปช่วยแก้มัดให้กับสาวงามตา เธอโผเข้ากอดพ่ออย่างดีใจ ร้องไห้ด้วยความดีใจ บอกว่าหนูเป็นหนี้ชีวิตพ่อ ชาตินี้ใช้ไม่หมด สิบตรีฉกาจบอกว่าไม่ใช่พ่อหรอกลูก หลวงพ่อแช่มท่านบอกพ่อให้มาช่วยต่างหาก
    หลังมอบตัวแล้วทางตำรวจท้องที่ได้ทำสำนวนส่งฟ้องศาลในข้อหาฆ่าคนโดยเจตนาแต่สิบเอกฉกาจได้ตั้งทนายสู้ว่าเป็นการป้องกันตัว ศาลสั้งสืบพยาน ทางจำเลยอ้างหลวงพ่อเเช่มเป็นพยาน ศาลจึงให้ออกหมายเรียกหลวงพ่อเเช่มมาเป็นพยาน อัยการนมัสการถามหลวงพ่อแช่มว่ารู้ได้อย่างไรว่าเกิดเหตุมีคนมาฉุดลูกสาวสิบตรีฉกาจ หลวงพ่อแช่มตอบว่า
    ''เพราะอาตมาศึกษาวิชาที่เรียกว่าสมถกรรมฐานได้ฌานสามารถรู้เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาปัจจุบันและอนาคต หากอัยการสงสัยก็ให้ไปเปิดพระไตรปิฏกดู หรือนมัสการถามพระเถระผู้ใหญ่ดูก็ได้ว่าจริงไหม''
    ครั้นหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องเบิกความเสร็จเเล้วก็เดินทางกลับวัด ศาลได้สืบพยานสองฝ่ายเเล้วนัดตัดสิน สิบตรีฉกาจถูกตัดสินประหารชีวิตในฐานะฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะทางผู้ตายเป็นตำรวจที่มาราชการ ส่วนที่อ้างว่าป้องกันตัวนั้นศาลเห็นว่าเกินกว่าเหตุ
    สิบตรีฉกาจถูกส่งมาไว้ที่แดนประหารเรือนจำบางขวาง ได้รู้จักกับข้าพเจ้าที่เป็นพี่เลี้ยงนักโทษข้าพเจ้าฟังเรื่องเเล้วก็เห็นใจ จึงช่วยเหลือทำเรื่องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาจากคำอุทธรณ์ที่ข้าพเจ้าช่วยทำ มีการสืบพยานเพิ่มตามคำอุทธรณ์
    ศาลอุทธรณ์จึงกลับคำตัดสินว่าจำเลยกระทำเพื่อการป้องกันตัวสมควรเเก่เหตุให้ปล่อยตัวจำเลยอัยการยื่นฏีกาศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ สิบตรีฉกาจจึงเป็นอิสระ
    พอญี่ปุ่นมาขึ้นไทยสิบตรีฉกาจก็เข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทย รบกับญี่ปุ่นแบบใต้ดินจนทำให้ประเทศไทยพ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรสงคราม และไม่ต้องเสียค่าปฏิกรณ์สงคราม
    นี่แหละครับอภินิหารเหรียญปืนไขว้ของหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้อง พระเกจิอาจารย์ชาวนครปฐมที่มีผู้คนนับถือมาก แม้มรณภาพแล้ว รูปหล่อของท่านที่วัดก็ยังมีผู้ไปปิดทองจนหนาเป็นนิ้วด้วยความศักดิ์สิทธิ์
    สำหรับตอนนี้ขอมอบ◎พระคาถาแคล้วคลาด◎
    ของหลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง
    ''อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะอัต โมอุต พุทหยุดดินปืน ธาปิต ยะพระพุทธเจ้าแผลงฤทธิ์ ผุดผัดผิดสวาหะ''
    *สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อสำเนาหนังสือชุดของ
    อาจารย์ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม ติดต่อขอเลขที่บัญชีเเละเบอร์ติดต่อในINBOXหรือto.0958949906เลยครับ1ชุดมี6เล่มราคารวม1500+EMSเป็น1700ครับ
    *รับซื้อหนังสือจอมอาชญากรหมายเลข1เล่ม2กับ6และ7เล่มจริงแบบสมบูรในราคาลเล่มละ1000บาทส่วนสำเนาให้400ครับ
    สำหรับผู้ที่สั้งซื้อแล้ววันนี้ต้องขออภัยที่ล่าช้าครับพอดีเเอดมินเเพ็คหนังสือเสร็จแล้วไปส่งทีไปรษณีไม่ทันเวลาปิดก่อนยังไงต้องขอเลื่อนเป็นพรุ้งนี้เช้านะครับ *ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามเพจครับ
    ขอขอบคุณ Facebook นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ครึ่งชีวิต

    ครึ่งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,178
    ค่าพลัง:
    +15,103
    credit จาก Facebook (สำหรับท่านที่ไม่เล่น)
    นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
    ◎เลือดเดือดแหวกแหกห่าปืนกล◎
    สงครามเอเชียบูรพาดำเนินไปอย่างดุเดือด จอมพล ป.พิบูลสงคราม จำยอมให้ญี่ปุ่นเข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยเป็นทางผ่านไปตีแหลมมลายูกับพม่าที่อังกฤษเป็นเจ้าอาณา นิคม ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายอักษะ ไทยจึงถูกฝ่ายสัมพันธมิตรมือว่าเป็นฝ่ายอักษะไปด้วย พ.ศ.2485-2486 ข้าวยากหมากเเพงชาวไทย อดอยากยากจน ผ้าไม่มีจะพันกาย น้ำตาลทรายไม่มีจะกิน ไพฑูรย์ถูกขังอยู่แดนหนึ่ง เป็นนักโทษเด็ดขาด รวมโทษจำคุกทั้งหมด 81 ปีกว่าๆ ได้ยินเสียงระเบิดก็รู้สึกห่วงครอบครัวที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร คนเขาลือกันว่า สัมพันธมิตรมาบอมบ์ทุกคืนตายกันเป็นเบือ
    ผู้คนที่อยู่นอกคุกต้องใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยกระสอบป่าน เพราะผ้าราคาเเพงมาก ข้าวสาร ถ่าน น้ำมันก๊าด น้ำตาลทรายล้วนเเพงระยับ บ้างก็อพยพหลบภัยไปต่างจังหวัดเพื่อให้พ้นภัยจากการถูกโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดทำลายและระเบิดนาปาล์มจากฝ่ายพันธมิตร
    ชีวิตคนคุกก็แร้นแค้นเช่นกัน ทางเรือนจำต้องปันส่วนอาหาร โดยให้ข้าวต้มผสมมันเทศคนละหนึ่งกระบวย อิ่มไม่อิ่มก็ให้เท่านั้นพอกันตาย เกิดอะไรขึ้นกับงบประมาณคนคุก ผบ.เรือนจำพัศดี เจ้าหน้าที่อยู่ดีกินดีทั่วหน้า ใครบังอาจร้องเรียนถูกจับได้จะถูกโบย ถ้าโบยแล้วไม่หลาบจำยังร้องเรียนอีกคราวนี้ตีด้วยกระบองดังตุ้มๆ เหมือนตีกลองเพลจนตายคามือ คนคุกจึงอยู่ในสภาพที่เรียกว่า
    ''มีปากไว้กินข้าว ไม่ใช่เอาไว้ร้องเรียน''
    มีครั้งหนึ่งนักโทษรวมตัวกันได้ประมาณ 20 คน ไม่ยอมกินข้าวต้มกับมันเทศ ผบ.คุกสั่งโบย หมดทุกคน เท่ากับจำนวนผู้ที่ประท้วง 20คน ก็ 20ที นี่ยังดีถ้ารวมหัวกันได้ 100คน คงถูกตีคนละ100ที (10 ยก ยกละ10ที) ตายคาหวายแน่ ในอาณาเขตนรกบนแดนดินนี้ น.ช.ทุกคนล้วนตายได้ง่ายๆ หากทำอะไรที่เป็นการให้ร้ายต่อ ผบ.คุกไปจนถึงพัศดี
    ดังที่กล่าวไว้เเต่ต้นว่าผ้ามันแพง ชุด น.ช.ไม่มีแจก ที่ขาดก็ปะชุนใช้กันไป ไม่มีการแจกให้ใหม่มีเเต่กางเกงลิงเท่านั้นที่ติดตัวบรรดานักโทษที่เป็นคนรวยมีเงินให้สินบน พวกนี้มีเสื้อผ้า มีอาหารดีๆกิน ส่วน น.ช.คนอื่นก็นุ่งกางเกงลิงไปทั้งคุก หน้าหนาวมาเยือน ไม่มีผ้าห่มกันหนาว ความจริงมีแต่ขบวนการเหลือบมันผันเป็นเงินไปหมด ที่แจกให้นักโทษคือผ้ากระสอบที่เย็บต่อกันเป็นผืนแล้วเอามาเย็บเป็นกระสอบ ไม่มีก้นถุง ความยาวพอดีตัวคน
    พอได้รับแจกก็เอาปลายเท้าสอดเข้าไปก่อน จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาที่หน้าอกและคอ ถ้าอยากจะให้อุ่นมากก็หดเท้าเข้ามาข้างใน นอนขดตัว มันน่าแปลกก็ตรงที่ว่าผ้ากระสอบนี่มันให้ความอุ่นพอกับผ้าห่ม พอหกโมงเช้า อากาศหนาวเสียดกระดูกก็ต้องตื่นไปทำงาน จะอู้ไม่ได้ มีทั้งหวายและกระบองตันๆให้กินจนอิ่ม
    จดหมายที่ภรรยาและแม่มีมาถึงไพฑูรย์ล้วนรำพันถึงความยากแค้นของสภาพชีวิตยามสงครามต้องอดๆ อยากๆ ตัวเองอดไม่เป็นไรแต่ลูกต้องพลอยมาอดด้วย ไพฑูรย์เล่าว่า
    เคยหนีคุกมาแล้ว 4ครั้ง แต่ละครั้งได้รับบทเรียนอย่างหนักเมื่อถูกกุมตัวกลับมาได้ โทษที่ได้รับก็คือ โบยด้วยหวายตะค้าแช่ปัสวะ มันอ่อนนอกแข็งใน 2ยก ยกละ 10ที แม้จะไม่มีเลือดแต่ก็ทำให้ผิวไหม้และปวดแสบปวดร้อนนอนหลังติดพื้นไม่ได้ต้องนอนตะเเคงข้างจองจำตรวนมือและเท้าน้ำหนักรวมกันประมาณ 20กก. เดินลากขาแกรกกรากๆ เดินเร็วก็ไม่ได้เดี๋ยวตรวนจะบาดข้อเท้าเป็นแผล
    ขังเดี่ยวในห้องพิเศษไม่มีกำหนด แล้วเเต่ ผบ.คุกจะพอใจ
    ห้ามญาติเยี่ยม
    ห้ามพูดกับ น.ช.ด้วยกัน ไม่ว่าแผนกไหน
    ไพฑูรย์ครุ่นคิดถึงการที่จะหนีออกจากคุกบางขวาง แต่ถ้าจะให้ต้องปีนกำแพง ฝ่าห่ากระสุน ปืนกล และผจญกับลวดไฟฟ้าแรงสูง โดยไม่มีแผนเป็นเรื่องของคนบ้าเท่านั้นที่จะกระทำได้ อย่างเขามันต้องใช้สมองไพฑูรย์วางแผนที่เรียกว่าย่างเท้าเข้าศาลโดยปรึกษากับ น.ช.ป๊อด ที่เรียกไพฑูรย์ว่าอาจารย์เพราะเคยช่วยชีวิตไว้จากการถูกสมุน น.ช.ช่วย ขาใหญ่ในคุกฆ่าและจัดการเจรจาจนขาใหญ่ยอมรามือ
    ''ป๊อด เรามีอะไรจะให้นายช่วยหน่อย เราจะหาเรื่องออกจากคุก เราขอให้นายทำทีเป็นโขกหมากรุกกับเรา แล้วทะเลาะกัน เราจะเอากระดานหมากรุกแพ่นกบาลนายหัวแบะ เราจะได้ถูกนำไปฟ้องศาล ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของเรา''
    ''ได้เลยอาจารย์ ผมยินดีทำหนักกว่านี้ก็ได้เพราะผมสำนึกในบุญคุณอาจารย์ไม่ลืมเลย''
    ปีพุทธศักราช 2487 ละครเวทีก็เริ่มแสดง ไพฑูรย์เล่นหมากรุกกับ น.ช.ป๊อด ทันใดก็ทะลึ่งลุกขึ้นชี้หน้า น.ช.ป๊อดด่าลั่น
    ''ไอ้เหี้...มึงเอาเรือรุกฆาตกูในตาม้า มึงมันรุ่นไหนกันไอ้ป๊อด''
    ''รุ่นไหนไม่เกี่ยว ขี้แพ้ชวนตีอย่างนี้มันกวนตี...น''
    ไพฑูรย์ยกกระดานหมากรุกแพ่นลงไปบน กบาลของน.ช.ป๊อดเต็มแรง กระดานหมากรุกหนาๆ หักออกเป็นสองซีก หัว น.ช.ป๊อดแบะเย็บ 10เข็ม หามไปเรือน พยาบาล ส่วนไพฑูรย์ถูกโบยด้วยหวาย 2ยก ถูกตีตรวนเพิ่มน้ำหนัก 30 กก. ยัดใส่คุกมืด หลังจากที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ น.ช.ป๊อด และเเพทย์รายงานว่าทำร้ายร่างกายสาหัส
    ถูกนำตัวไปส่งฟ้องศาล ไพฑูรย์เอาเงินให้คนที่ส่งข้าวใต้ถุนศาลไปหาหัวหน้าคณะเก้ายอดที่ตลาดนางเลิ้ง พี่เสงี่ยม ศิษย์หลวงพ่อหรุ่น เก้ายอด เป็นนักเลงที่ไพฑูรย์นับถือเหมือนพี่ร่วมสายเลือดให้ส่งลูกน้องมาพบที่ใต้ถุนศาลอาญา หลังจากศาลประทับรับฟ้องแล้วก็นัดให้มาศาลเพื่อฟังการสืบพยานโจทก์นัดแรก
    ไพฑูรย์บอกกับลูกน้องพี่เสงี่ยมให้ไปบอกว่าจะมาศาลอีกครั้งในวันที่ 20ก่อนหน้านั้นให้วางแผนการช่วยให้หนีและมาบอกที่บางขวางด้วย
    ก่อนหน้าวันที่ 20 พวกพ้องดาวโจรของไพฑูรย์ก็มาบอกแผนคร่าวๆว่าจะแบ่งหน้าที่กันชิงตัว โดยได้เตรียมปืนกลเอาไว้สี่กระบอกสำหรับคุ้มกัน ให้สองคนแต่งเป็นนายร้อยตำรวจคอยประกบคนไขกุญแจ ส่วนรถจะจอดรอไว้ที่ด้านหลังศาล พอออกพ้นห้องคุมตัวจะช่วยกันอุ้มไปขึ้นรถไปต่อเรืออีกที
    วันที่ 20 ไพฑูรย์ตื่นแต่ตีสี่ สวดมนต์สาธยายพระเวทแล้วเตรียมตัวออกเดินทาง พอมาถึงศาลอาญาก็ถูกนำเข้าไปควบคุมในห้องขังใต้ถุนศาล พวกที่แต่งเป็นนายร้อยตำรวจก็กรากเข้าประกบชักปืนจี้ล้วงเอากุญแจไขประตูห้องขังเอาออก เอากุญแจใส่ข้อมือเจ้าหน้าที่ ยัดเข้าไปในกรงขังส่วนที่นัดแนะไว้อีกสองคนมาช่วยกันอุ้มไพฑูรย์ที่ติดตรวนออกจากใต้ถุนศาล
    ตำรวจเห็นผิดสังเกตก็ฮือกันเข้ามา แต่พวกที่มีปืนกลก็ยิงสกัด ทุกคนได้รับคำสั่งให้ยิงเขาเพราะตำรวจเหล่านั้นทำตามหน้าที่ ตำรวจวิ่งติดตามหลังคนที่อุ้มไพฑูรย์ร้องตะโกนให้หยุด ไพฑูรย์ร้องบอกคนที่อุ้มว่า
    ''ไม่ต้องกลัว อั๊วร่ายพระเวทป้องกัน อีกอย่างอั๊วหันหน้าออกถ้าตายอั๊วก่อน ถ้าอั๊วตายลื้อก็ทิ้งศพอั๊วได้เลย แต่อั๊วไม่มีวันตายด้วยกระสุนปืนตำรวจหรอก''
    ตำรวจยิงด้วยปืนสั้นและปืนกล ลูกปืนแคล้วคลาดไปหมด ยิงจนกระสุนหมด ไพฑูรย์ถูกอุ้มมาจนถึงรถยนต์ที่จอดไว้ ป้ายทะเบียนถอดออกหมด พาตัวไปยังท่าน้ำนนทบุรีที่จอดเรือซุ่มไว้ แล่นออกไปตามที่ได้วางแผนไว้
    หนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้นพาดหัวตัวใหญ่ ''เสือไพฑูรย์แหกห้องขังใต้ถุนศาลอาญา พรรคพวกอุ้มหนีไปได้ ยิงสกัดตำรวจเจ็บระนาว''
    กลิ่นแห่งอิสรภาพมันช่างหอมหวานเสียนี่กะไร พรรคพวกร่วมขบวนการก็มาอยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้งหนึ่ง วางแผนปล้นเงียบบ้านเศรษฐีสงคราม ที่ทำมาหากินกับพวกญี่ปุ่นจนร่ำรวย ขณะที่พ่อแม่พี่น้องของพวกมันอดอยากยากจน ไพฑูรย์เล่าว่าหลังสงคราม เศรษฐีสงครามหลายคนกลายเป็นคนมีหน้าตาในสังคม บางคนยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันก็มี ปล้นเอาทรัพย์สินเเล้วก็มัดเหมือนหมู เอาป้ายเขียนว่า
    ''ไอ้พวกขายชาติทำลายพ่อแม่พี่น้องมันเอง เสียชาติเกิด''
    หลวงอดุลย์ เดชจรัส อธิบดีตำรวจ ตอนนั้นท่านเป็นเสรีไทย ใช่รหัสว่า ''พูเลา'' สั่งให้กวดขันจับกุมไพฑูรย์ให้ได้ เพราะคุกคามพวกเศรษฐีสงคราม ท่านอธิบดีตำรวจได้รับร้องเรียนก็รีบกวดขัน ทำให้ไพฑูรย์ทำงานลำบากขึ้น หลายครั้งปะทะกับตำรวจแทบเอาตัวไม่รอด จึงบอกกับบรรดาพวกพ้องว่าเราก็มีเงินทองพออยู่ได้แล้ว หยุดปล้นแล้วเเยกย้ายกันไปกบดาน ส่วนไพฑูรย์จะขึ้นเหนือ รินเหล้าใส่แก้วแล้วชนแก้วกันเพื่ออำลา วันหน้าจึงกลับมาพบกันใหม่
    ไพฑูรย์เตลิดขึ้นเหนือไปหาหัวหน้าเผ่าลีซอที่เคยต้องโทษในคุกบางขวาง ไพฑูรย์ช่วยเขียนฏีกาจนติดคุกอยู่ไม่นานก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษกลับไปเผ่าเม่ย กล่าวลาไพฑูรย์ว่า
    ''อาจารย์ไม่ตายเสียก่อนคงได้พบกัน พระคุณของอาจารย์ผมจำไม่ลืม ผมกลับไปนี่ก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเผ่าแทนพ่อ หากอาจารย์เดือดร้อนหรือหนีภัยจากการตามจับให้ไปที่เชียงใหม่ไปตามที่อยู่ที่ผมให้ไว้นี่ คนที่นั่นจะพาขึ้นดอยไปพบผมเอง''
    ไพฑูรย์เตลิดขึ้นเหนือ เป้าหมายคือไปพบเม่ย หัวหน้าเผ่าลีซอ เพื่อหลบการตามล่าของตำรวจต่อไป....
    สำหรับตอนนี้ขอมอบ◎พระคาถาทรหดสำหรับเสกน้ำมันงาทาตัว◎ เป็นคงกระพันชาตรี
    สะ สิ มิ ระ
    เสกน้ำมันงาให้ได้ 108 จบเอามาทาตัวเป็นคงกระพันชาตรี
    *สำหรับเรื่องราวของเสือไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องามแอดมินก็ได้ลงไว้พอสมควรตอนนี้ก็เหลืออยู่อีกประมาณ3-4ตอนก็จะจมเล่มของเกิดใต้ดาวโจรและเรื่องราวต่อไปเราจะพาท่านไปอยู่ฝั่งตำรวจบ้างครับจะนำเรื่องราวของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดชมาถ่ายทอดเรื่องราวการล่าเสือร้ายที่มีวิชาอาคมต่างๆรับประกันว่าอ่านสนุกไม่เเพ้กัน

    * และสำหรับผู้ที่ต้องการสำเนาหนังสือชุดของอาจารย์ไพฑูรย์ไว้ศึกษาเรื่องราวและประวัติของท่านโดยละเอียดและตอนต่างๆที่ไม่มีในเกิดใต้ดาวโจรตอนนี้หนังสือยังเหลือครับโดยหนังสือชุดมี 6เล่มได้แก่ ศึกอั้งยี่,บันทึกรักนักเลงพญายม,จอมอาชญากรหมายเลข1เล่ม1,3,4และ5 ในราคาชุดละ1500บาทหากต้องการส่งEMSเพิ่ม200ครับ
    สำหรับเล่มที่เหลือหากเเฟนเพจคนไหนมีหนังสือ
    จอมอาชญากรหมายเลข1 เล่ม2เล่ม6และ7ทางเพจเรารับซื้อหนังสือจริงแบบสมบูรณ์ในราคาเล่มละ1000บาทหากเป็นสำเนาให้400ครับติดต่อขอซื้อหนังสือและขายหนังสือได้ที่INBOXเพจหรือto.0958949906 (เบส) ขอบพระคุณที่ติดตามและให้กำลังใจมาโดยตลอดครับ
    ขอขอบคุณ Facebook นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ร.๖ จ้างรัฐบาลให้เลิกมอมเมาประชาชน

    ในสมัยก่อน การพนันที่มอมเมาประชาชนอย่างหนึ่งก็คือ “หวย ก. ข.” ซึ่งมีกำเนิดในประเทศจีนราว พ.ศ.๒๓๖๔ ปลายสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และ แพร่มาถึงเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ ๓ แสดงว่ามาเร็วมาก

    สาเหตุที่ ร.๓ ทรงให้เปิดเล่นหวยขึ้น ก็เพราะว่าใน พ.ศ.๒๓๗๕ เกิดภาวะแห้งแล้ง ถึงกับต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศมากิน เงินหายไปจากท้องตลาดหมด จีนหง ผู้มีตำแหน่ง พระศรีไชยบาน นายอากรสุรา จึงกราบทูลว่า ราษฎรเก็บเงินฝังดินไว้มากไม่เอาออกมาใช้ แบบนี้ที่เมืองจีนใช้วิธีเปิดบ่อนหวย จึงมีเงินไหลกลับเข้ามาในตลาด ด้วยเหตุนี้จึงโปรดให้เจ้าสัวหงออกหวยเมื่อเดือนยี่ ปีมะแม พ.ศ.๒๓๗๘

    เจ้าสัวหงออกหวยวันละครั้งในตอนเช้า ต่อมาพระศรีวิโรจน์ (ดิศ) เห็นว่า เจ้ามือหวยกำไรดี จึงขอตั้งโรงหวยขึ้นอีกโรง ออกในเวลาค่ำ เรียกกันว่า โรงเช้าและโรงค่ำ แต่ทำได้ไม่นานก็ถูกเจ้าสัวหงยึดไปออกทั้ง ๒ โรง แล้วเปลี่ยนเวลาออกเป็น หวยเช้าออกประมาณ ๐๒.๐๐ น.ของวันใหม่ ต่อจากนั้นอีกราว ๒ ชั่วโมงก็ออกหวยค่ำต่อเลย และ ยังมีวิธีล่อให้ลูกค้าที่แทงถูกหวยเช้า เอาเงินที่ได้ทั้งหมดแทงหวยค่ำต่อ ซึ่งจะจ่ายให้อย่างงาม เช่น แทงหวยเช้า ๑ สลึง ถูกได้ ๗.๕๐ บาท เอาไปแทงหวยค่ำต่อ ถ้าถูกอีกก็จะได้ถึง ๒๑๕ บาท ลูกค้าที่กล้าได้กล้าเสียจึงชอบวิธีนี้

    ผู้ที่จะเป็นเจ้ามือหวยจะต้องประมูลกับหลวง ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๓ ต้องส่งเงินอากรให้หลวงปีละ ๒๐,๐๐๐ บาท ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นายอากรหวยมีบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนบานเบิกบุรีรัตน์” คนทั่วไปจึงเรียกกันว่า “ขุนบาน” แม้แต่เลิกบรรดาศักดิ์นี้ไปแล้ว คนก็ยังเรียกเจ้ามือหวยว่า “ขุนบาน” จนคำนี้มีความหมายถึงเจ้ามือหวย

    ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีผู้ขอตั้งโรงหวยที่เมืองเพชรบุรีอีก ๑ โรง แต่เล่นอยู่ไม่นาน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับสร้างวังที่เขาวัง ทรงสังเกตเห็นราษฎรยากจนลงมาก จึงโปรดให้เลิกโรงหวยที่เพชรบุรี รวมไปถึงที่อยุธยาด้วยอีกโรง ไม่ให้มีการเล่นหวยในหัวเมืองอีก ให้ตั้งได้เฉพาะที่กรุงเทพฯเท่านั้น

    การออกหวยสมัยนั้นทำต่อหน้าประชาชนเหมือนการออกล็อตเตอรี่ในวันนี้ สถานที่ออกหวยก็คือโรงหวย โดยยกพื้นขึ้นเป็นเวที มีลานซีเมนต์อยู่ด้านหน้า จุคนได้เป็นพัน แต่มีลูกกรงเหล็กโปร่งกั้นไม่ให้คนดูเข้าไปยุ่มย่ามกับคนของขุนบานที่ทำงานอยู่บนเวที

    ก่อนจะถึงเวลาออกหวย คนของขุนบานไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ คนจากสาขาต่างๆจะมาชุมนุมก้มหน้าก้มตาทำบัญชีกัน เมื่อถึงเวลาออกหวย ขุนบานจะให้นำแผ่นป้ายที่มีผ้าแดงคลุมมิดชิดมาแขวนไว้กลางโรง และปล่อยให้ตื่นเต้นระทึกใจกันซักพัก จึงค่อยๆดึงผ้าแดงแลบออกให้เห็นตัวอักษรใหญ่ ทันทีก็มีเสียงเฮลั่นของคนดู จากนั้นหน่วยกระจายข่าวของขุนบานก็จะกระจายออกไปตามทิศต่างๆ ปากก็ร้องตะโกนตัวหวยที่ออกไปด้วย ไม่ห่วงว่าดึกดื่นคนเขาจะหลับจะนอนกัน เพราะคนที่นอนอยู่หลายคนก็นอนรอฟังว่าหวยจะออกตัวอะไร

    หวยจะออกตัวอะไรนั้นขึ้นอยู่กับขุนบานคนเดียว ว่าจะเลือกเอาตัวอะไรมาขึ้นป้าย ฉะนั้นผู้คนจึงคอยติดตามดูว่าขุนบานจิตใจจดจ่ออยู่กับอะไรในตอนนั้น เพื่อจะได้เอามาแปลเป็นตัวหวย บ้างก็เซ้าซี้ให้ขุนบานช่วยบอกใบ้ให้ ขุนบานจึงหาทางออกโดยจ้างคนมาเขียนคำใบ้หวยไว้หน้าโรง คนที่รับจ้างเขียนใบ้หวย มักจะเขียนเป็นบทเป็นกลอน เช่น

    “หมู่ไม้เขียวชอุ่มพุ่มพฤกษา สกุณาโผผินบินว่อน ผู้เก็งถูกใจเราอย่านิ่งนอน เลือกอักษรให้เหมาะจะเคราะห์ดี”

    นักเลงหวยก็จะเอาไปตีความไปต่างๆนานา ที่ตีว่า “สกุณา” ก็ต้องเป็น “นก” จึงแทง น.เทียนสิน แต่ถ้าหวยดันผ่าไปออก ร.กิมเง็ก คนแทงก็จะร้องว่า

    “ปัทโธ่ ดันนึกว่าเป็นนกได้ ที่แท้เป็นแร้งนี่เอง”

    ส่วนคนที่แทง บ.ใบไม้ เพราะเขียวชอุ่ม แต่ผ่าไปออก ป.กังสือ ก็จะร้องว่า

    “ปัทโธ่ เขียวชอุ่มนึกว่าเป็นใบไม้ ที่แท้เป็นป่านี่เอง”

    แท้ที่จริงแล้ว คนใบ้หวยกับขุนบานไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกันเลย คนเขียนใบ้หวยก็เขียนส่งเดชไปวันๆ เพื่อค่าจ้าง ส่วนขุนบานก็เลือกตัวที่คนแทงน้อยที่สุดมาออก ขุนบานจึงรวยเละลูกเดียวไม่มีทางเจ๊ง คนหาเช้ากินค่ำก็ได้แต่อาบเหงื่อต่างน้ำหาเงินมาประเคนขุนบานด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึงความลุ่มหลงมัวเมาของราษฎรต่อหวยกอขอ แม้รัฐบาลจะได้รับเงินอากรจากการผูกขาดเป็นจำนวนมาก แต่เงินส่วนใหญ่ก็ไปสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้แก่ขุนบานและพวกพ้อง ความยากจนตกอยู่กับประชาชนทั่วไป แต่ครั้นจะเลิกในทันที ตอนนั้นรัฐบาลมีรายได้จากหวยมาใช้ในงบประมาณแผ่นดินถึงปีละ ๓,๘๔๙,๖๐๐ บาท ครั้นจะขึ้นภาษีสินค้าขาออกขาเข้ามาทดแทน ก็ทำไม่ได้ เพราะถูกต่างชาติทำสัญญาผูกมัดไว้ว่า จะเก็บภาษีไม่เกินร้อยละ ๓ ครั้นจะเพิ่มภาษีภายในประเทศ ก็จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ราษฎร จึงทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทดแทนอากรหวยเสียเอง แต่เมื่อทรงสำรวจพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แล้ว ก็ปรากฏว่ายังมีภาระมากมาย ต้องใช้ในการจัดตั้งกองเสือป่าและลูกเสือ ทั้งยังมีรายจ่ายที่ตกค้างมาแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ คราวเสด็จประพาสยุโรป และการก่อสร้างที่ยังค้างอยู่คือ พระที่นั่งอนันตสมาคม กับพระที่นั่งบ้านปืน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ ต้องใช้เงินส่วนพระองค์ร่วม ๑๐ ล้านบาท จึงไม่อาจชักไปทดแทนอาการหวยได้ ต้องระงับความคิดเลิกหวยไประยะหนึ่ง

    เวลาแห่งการรอคอยล่วงเลยมาจนถึงปี ๒๔๕๘ หลังจากเสวยราชย์มา ๖ ปีเศษ การเงินส่วนพระองค์ค่อยกระเตื้องขึ้น พระองค์มิได้ทรงลืมอาณาประชาราษฎร์ที่กำลังจมปลักอยู่ในห้วงการพนัน จึงทรงตัดสินพระราชหฤทัยเด็ดขาดที่จะสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เข้าช่วยรัฐบาลที่ต้องขาดรายได้จากการเลิกหวย จึงทรงประกาศ “พระราชบัญญัติการพนัน” ในที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๕๘ ให้เลิกหวย ก.ข.ในมณฑลกรุงเทพฯ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเล่นการพนันออกหวย หรือการพนันโดยใช้ทำนองเดียวกันกับการออกหวย ให้ลงโทษผู้นั้นดังต่อไปนี้ คือ

    ให้ปรับเจ้ามือหรือเจ้าสำนักคนหนึ่งคราวละ ๔,๐๐๐ บาท เป็นพินัยหลวงทุกคราวที่ออกหวย ถ้าไม่มีเงินค่าปรับให้จำคุก ๖ เดือน

    ให้ปรับผู้แทงคนหนึ่งคราวละ ๒,๐๐๐ บาท เป็นพินัยหลวงทุกคราวที่แทง ถ้าไม่มีค่าปรับให้จำคุก ๓ เดือน

    ให้ปรับผู้สมรู้เป็นใจไม่ฟ้องร้องคนหนึ่งคราวละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นพินัยหลวง ถ้าไม่มีค่าปรับจำคุก ๑ เดือน

    ด้วยพระราชบัญญัตินี้ หวย ก.ข.ที่มอมเมา หลอกลวงประชาชน สร้างความมั่งคั่งให้ขุนบาน ก็สุดสิ้นลงในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๘ ประชาชนชาวไทยผู้ลุ่มหลงก็พ้นจากความเป็นทาสของการพนันที่ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยไม่รู้ตัว โดยรัฐบาลก็ไม่ขาดรายได้ ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ชดเชยให้งบประมาณแผ่นดิน ทดแทนอากรจากหวย

    ASTV ผู้จัดการ...
    ............
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...