น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
    เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    ถ้าท่านเข้าใจความหมายของพุทธพจน์นี้อย่างถูกต้อง
    ท่านคงเข้าใจได้

    ใจเย็นๆอย่ามีอคติ ไม่ทำให้เกิดสมาธิ
    สมาธิจะเกิดได้ ต้องอาศัยการประกอบ
    เพราะความประกอบ จึงเกิดปัญญา
    เมื่อไม่ประกอบ ทั้งสมาธิ และปัญญา ก็เกิดขึ้นไม่ได้

    ตกลงท่านยังไม่ได้ตอบข้อข้องใจอะไรเลย
    เพียงแต่พยายามหาที่จับผิด จะได้พริ้วออกไปได้หรือคะ ^_^

    ***นี่ก็หมายถึงว่า เมื่อร่างกายตาย แต่จิตจะไม่ดับหายไป ยังคงสามารถตั้งอยู่ได้(หรือแม้ไปเกิดใหม่ได้)โดยไม่ต้องมีร่างกายก็ได้ใช่หรือไม่?**

    ท่านกำลังจะบอกว่า ไม่มีชาติหน้า งั้นหรือ
    เมื่อร่างกายตาย จิตจะจุติปฏิสนธิไปตามกรรมที่กระทำไว้ ( กิเลส กรรม วิบาก )

    ปล.หยุดเป็นก็เย็นได้ หยุดไม่เป็นก็เย็นไม่ได้ ^_^
     
  2. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    (ตกลงท่านยังไม่ได้ตอบข้อข้องใจอะไรเลย
    เพียงแต่พยายามหาที่จับผิด จะได้พริ้วออกไปได้หรือคะ ^_^)


    ***ขอให้คุณโยมใจเย็นๆ อาตมาตอบแน่ แต่ขอให้ตอบคำถามนี้มาก่อนว่า**

    ***คุณโยมยอมรับหรือไม่ว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ จะต้องอาศัยเหตุและปัจจัยมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่ทั้งสิ้น"***

    ***และกรุณาอธิบายอีกนิดว่าเพราะอะไร?ด้วย***

    ***ที่อาตมาต้องการทราบจุดนี้ก็เพราะนี่คือต้นตอของปัญหาทั้งปวงที่คุณโยมสงสัย***

    ***ถ้าเราเข้าใจจุดนี้อย่างแจ่มแจ้ง เราก็จะเข้าใจปัญหาปลายแถวทั้งหลายด้วยตนเอง***

    ***ถ้าให้อาตมาไปตอบปัญหาปลายแถวของคุณโยม ก็ไม่มีวันจบสิ้น***

    ***เพราะดูว่าคุณโยมคงศึกษา(หรือฟังมา)อย่างมากเลยทีเดียว***

    ***ก็เชื่อว่าคุณโยมคงไม่กลัวว่า ถ้าตอบในแง่มุมใดลงไปแล้ว จะถูกอาตมาจับผิดได้***

    ***หรือคุณโยมมองเห็นจุดผิดของคุณโยมเอง แล้วกลัวอาตมาชี้ให้เห็น ซึ่งก็จะทำให้เสียหน้า เลยพาลไม่กล้าตอบ เอาแต่บ่ายเบี่ยงให้อาตมาตอบแต่ปัญหาปลายแถว เพื่อว่าคุณโยมจะได้พาลงไปสู่ความวกวน จนอาตมาหลงทาง***

    ***ช่วนกรูณาตอบคำถามนี้ก่อน แล้วอาตมาจะอธิบายรายละเอียดที่ลึกซึ้งและกว้างขวางของ กฎอิทัปปัจจยตา ซึ่งเป็นกฎสูงสุดของธรรมชาตินี้ให้ฟัง***

    ***และอาจจะมีคำถามเพิ่มเติมอีกไม่กี่ข้อด้วย เพราะมันจำเป็น***

    ***เมืออาตมาอธิบายจบแล้ว ก็จะให้โอกาสคุณโยมตั้งคำถามขึ้นใหม่ อาตมายินดีตอบ แต่ต้องตั้งให้ชดเจน ไม่ใช่ถามลอยๆ***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
    เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี


    ***ขอทำความเข้าใจอีกนิดว่า คำว่า "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี" นั้น หมายถึงว่า เพราะมีเหตุและปัจจัย มาปรุงแต่งจึงทำเกิดมีสิ่งใหม่ขึ้นมา**

    ***ไม่ใช่ว่าจะมีสิ่งๆเดียวก็ทำให้เกิดสิ่งใหม่อีกสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้***

    ***คืออย่างน้อยต้องมีถึง ๒ เหตุ มาปรุงแต่งร่วมกัน จึงจะเกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาได้**

    ***อย่างเช่น ต้องมีน้ำ มีเกลือ มาผสมกัน จึงจะเกิดเป็นน้ำเกลือขึ้นมาได้ **

    ***ถ้ามีแค่น้ำ หรือ เกลือ ก็จะเกิดน้ำเกลือขึ้นมาไม่ได้***

    ***หรือต้องมี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุ ไฟ และธาตุลม มาปรุงแต่ง จึงเกิดร่างกายขึ้นมาได้***

    ***อันนี้พิจารณาจากความจริงที่ปรากฏ ไม่ใช่ว่าตามตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว***

    ***ถ้าเชื่อว่า ตายแล้วเกิด ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ส่วนที่เชื่อว่า ตายแล้วสูญ ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิอีก***

    ***ส่วนอาตมาสอนว่า "มันสูญมาตั้งแต่ยังไม่ตาย" จึงไม่จัดว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิใดๆ เอาไว้อาตมาจะอธิบายเรื่องนี้อีกที***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  4. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ท่านพูดผิด พูดใหม่ได้นะคะ ที่ผ่านมาตั้งแต่เราเข้ามาแสดง คคห ทั้งหมด
    เราไขข้องใจให้ท่าน พร้อมทั้งอ้างอิงพระสูตร ชี้แจงแสดงเหตุผล มีที่มาที่ไป

    เราถามท่านแค่ ๓ คำถามเท่านั้นใน คคห 1151
    ท่านบวชมาเพื่ออะไร?
    บวชมาแล้วได้อะไรจากพระพุทธศาสนาบ้าง?
    ท่านเชื่อว่า บาปบุญคุณโทษมีจริงหรือไม่?

    นอกเหนือจากนั้น เราแจกแจงแสดงเหตุผลที่ท่านขัดข้องใจให้รู้

    ท่านมองเห็นจุดผิดของท่านเองที่เราชี้ให้เห็น ซึ่งทำให้เสียหน้า
    เลยพาลไม่กล้าตอบ เอาแต่บ่ายเบี่ยงถามปัญหาเรา
    เพื่อว่าท่านจะได้พาลงไปสู่ความวกวน คิดว่าจะทำให้เราหลงทาง

    คิดผิดคิดใหม่นะท่าน

    ประเด็นที่ตอบท่านมาทั้งหมด เป็นหัวใจพุทธศาสนาทั้งนั้น
    ท่านเองกระมังที่สนใจแต่ปัญหาปลายแถว แค่ระดับศีลธรรม-จริยธรรมเท่านั้น

    แต่เข้าไม่ถึงหัวใจพระพุทธศาสนาเลยแม้กระผีกเดียว
    ไม่รู้บวชมาเพื่ออะไร? ^_^
     
  5. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ***คุณโยมยอมรับหรือไม่ว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ จะต้องอาศัยเหตุและปัจจัยมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่ทั้งสิ้น"***
    ***ช่วนกรูณาตอบคำถามนี้ก่อน แล้วอาตมาจะอธิบายรายละเอียดที่ลึกซึ้งและกว้างขวางของ กฎอิทัปปัจจยตา ซึ่งเป็นกฎสูงสุดของธรรมชาตินี้ให้ฟัง***
    ***และอาจจะมีคำถามเพิ่มเติมอีกไม่กี่ข้อด้วย เพราะมันจำเป็น***
    ***เมืออาตมาอธิบายจบแล้ว ก็จะให้โอกาสคุณโยมตั้งคำถามขึ้นใหม่ อาตมายินดีตอบ แต่ต้องตั้งให้ชดเจน ไม่ใช่ถามลอยๆ***

    ความจริงเราตอบไว้แล้วใน คคห 1180
    เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
    เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    ถ้าท่านเข้าใจความหมายของพุทธพจน์นี้อย่างถูกต้อง
    ท่านคงเข้าใจได้

    แต่ดูท่านคงกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ
    สงสารแต่เด็กๆที่เรียนหลักสูตรที่ท่านทำขึ้น ต้องได้รับรู้แบบผิดๆ

    ยังไงเราว่างๆจะมาอรรถาธิบายให้ท่านฟัง
    ไม่ต้องกลัวเราหนีหรอกนะคะ
    เพราะที่ผ่านมาเราตอบไขข้องใจให้ท่านมาก็มากอยู่
    ยังไม่เห็นท่านตอบไขข้อข้องใจอะไรเลย มีแต่พริ้วออกไป
    แล้วคอยถามแต่ปัญหา ( เหมือนเด็กๆเลยอะ )

    เอ้อ เดี๋ยวนี้โลกมันกลับตาละปัดแล้วนะเนี่ย
    ฆราวาสสอนปฏิบัติธรรม พระภิกษุสอนจริยธรรม
    ฆราวาสปฏิบัติธรรม(สัมมาสมาธิ) พระภิกษุไม่ปฏิบัติธรรม(สัมมาสมาธิ)

    ^_^
     
  6. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ท่านตอบได้แค่นี้จริงๆหรอ เด็กมัธยมแถวบ้านยังตอบได้ดีกว่านี้เลยอะ
    สงสัยไม่ได้เรียนหลักสูตรที่ท่านทำขึ้นแน่เลย
    โชคดีเป็นของเด็กที่ไม่ได้เรียนหลักสูตรของท่านจริงๆ

    เด็กเค้ายังฝากบอกมาว่า
    ธรรมชาติของน้ำเดิม บริสุทธิ์ ไม่มีอะไรมาเจือปน
    พอมีเกลือเข้าไปประสม น้ำนั้นก็เลยเค็ม
    เพราะเกลือที่ประสมเข้าไปนั่นเอง ก็เลยเป็นน้ำเกลือ
    เมื่อแยกเกลือออกไปจากน้ำเกลือนั้น
    น้ำก็จะกลับสู่สภาพเดิม ที่บริสุทธิ์ได้

    ถ้าหยดสีแดงใส่ลงไปในน้ำ ก็จะกลายเป็นน้ำแดง
    แต่ถ้าแยกสีแดงออกจากน้ำแดงนั้น
    น้ำก็จะกลับสู่สภาพเดิม ที่บริสุทธิ์ได้ ฯลฯ

    เหมือนจิต เดิมประภัสสรผ่องใส แต่มีอุปกิเลสเป็นแขกจร
    ถ้าปราศจากอุปกิเลส จิตก็กลับคินสู่สภาพประภัสสรผ่องใสได้

    จึงต้องปฏิบัติสัมมาสมาธิตามหลักอริยมรรค ๘
    เพื่อขจัดกิเลสออกไปจากจิต จิตจะได้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว

    ^_^อย่าลืมเอาไปเพิ่มในหลักสูตรนะคะ

    อ้อ เด็กเค้าฝากมาถามด้วยค่ะว่า
    มีน้ำโดยปราศจากลูกคลื่นได้มั๊ย
    มีลูกคลื่นโดยปราศจากน้ำได้มั๊ย
    ยังไงก็อธิบายให้เข้าหลักเหตุผลหน่อยนะคะ เด็กเค้ารอคำตอบอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2008
  7. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    มั่วแล้วท่าน

    ถ้าเชื่อว่า ตายแล้วเกิดเป็นแบบเดิมๆ
    เช่น เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ก็จะเกิดเป็นมนุษย์ตลอดไป เป็นต้น
    หรือพวกพรหมที่คิดว่าตัวเองเที่ยง ไม่ตาย
    เป็นมิจฉาทิฏฐิฝ่ายสัสสตทิฏฐิ

    ถ้าเชื่อว่า ตายแล้วสูญ เกิดหนเดียว ตายหนเดียว
    เป็นมิจฉาทิฏฐิฝ่ายอุจเฉททิฏฐิ

    ถ้าเชื่อว่า ตายแล้วเกิดใหม่ ตามกรรมที่ตนทำไว้
    เป็นสัมมาทิฏฐิ

    ^_^
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    จะสอนอะไรก็อิงพุทธพจน์หน่อยนะท่าน

    (อ้างอิงมหาจัตตารีสกสูตร)

    สัมมาทิฐิเป็นไฉน สัมมาทิฐิแบ่งเป็น ๒ อย่าง คือ

    สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์
    คือ ความเห็นดังนี้ว่า
    ๑.ทานที่ให้แล้ว มีผล
    ๒.ยัญที่บูชาแล้ว มีผล
    ๓.สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล
    ๔.ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้วมีอยู่
    ๕.โลกนี้มี
    ๖.โลกหน้ามี
    ๗.มารดามี
    ๘.บิดามี
    ๙.สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี
    ๑๐.สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
    เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่

    <O:p</O:pสัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค คือ
    ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจย สัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ
    องค์แห่งมรรคของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้
    พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
    ฯลฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
    พึงสำคัญที่จะติเตียน คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะนี้

    การกล่าวก่อนและการกล่าวตามกัน ๑๐ ประการ อันชอบด้วยเหตุ
    ของสมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น ย่อมถึงฐานะน่าตำหนิในปัจจุบันเทียว

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้พวกอัสสะและพวกภัญญะ ชาวอุกกลชนบท
    ซึ่งเป็นอเหตุกวาทะ อกิริยวาทะ นัตถิกวาทะ
    ก็ยังสำคัญที่จะไม่ติเตียน ไม่คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะ
    นั่นเพราะเหตุไร
    เพราะกลัวถูกนินทา ถูกว่าร้าย และถูกก่อความ ฯ

    ^_^
     
  9. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ;aa38
    ;aa38ตามมาฟันธงด้วยคนค่ะ 555
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อนุโมทนาคุณธรรมะสวนังด้วยครับ

    "มันสูญมาตั้งแต่ยังไม่ตาย"
    ถ้ามันสูญมาก่อน มันก็ไม่ต้องตาย
    เมื่อไม่ตาย ก็ไม่ต้องเกิด
    กิเลส กรรม วิบาก ก็ไม่มี

    เข้าใจมั๊ยครับท่าน อะไรที่ไม่ตาย อะไรที่ไม่เกิด
    อะไรที่พ้นจากกิเลส กรรม วิบาก

    ตอบไม่ได้ ก็ไม่ต้องตอบนะครับ(ท่านเตชะ)
     
  11. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ***คุณโยมยอมรับหรือไม่ว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ จะต้องอาศัยเหตุและปัจจัยมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่ทั้งสิ้น"***

    ***และกรุณาอธิบายอีกนิดว่าเพราะอะไร?ด้วย***

    ---------------------------------------------

    (ถ้าเชื่อว่า ตายแล้วเกิดเป็นแบบเดิมๆ
    เช่น เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ก็จะเกิดเป็นมนุษย์ตลอดไป เป็นต้น
    หรือพวกพรหมที่คิดว่าตัวเองเที่ยง ไม่ตาย
    เป็นมิจฉาทิฏฐิฝ่ายสัสสตทิฏฐิ

    ถ้าเชื่อว่า ตายแล้วสูญ เกิดหนเดียว ตายหนเดียว
    เป็นมิจฉาทิฏฐิฝ่ายอุจเฉททิฏฐิ

    ถ้าเชื่อว่า ตายแล้วเกิดใหม่ ตามกรรมที่ตนทำไว้
    เป็นสัมมาทิฏฐิ)


    ***นี่ลอกตำรามาชัดๆ หรือพูดตามครูอาจารย์**

    ***ถ้าลงว่ามีการเกิดได้ใหม่ ก็เป็นมิจฉาทิฎฐิหมด ไม่มีข้อยกเว้น***

    ***แต่คนที่ไม่เข้าใจก็หาทางเลี่ยงบาลีโดยบอกว่าบางคนก็เกิด บางคนก็ไม่เกิด หรือไม่ใช่เกิดอย่างเดิมตลอดไปแต่เปลี่ยนแปลงเรื่อย**

    ***นี่ก็เป็นการบัญญัตกันขึ้นมาเองชัดๆ และก็เชื่อกันอย่างนี้ทั่วบ้านทั่วเมือง***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  12. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    (สัมมาทิฐิเป็นไฉน สัมมาทิฐิแบ่งเป็น ๒ อย่าง คือ

    สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์
    คือ ความเห็นดังนี้ว่า
    ๑.ทานที่ให้แล้ว มีผล
    ๒.ยัญที่บูชาแล้ว มีผล
    ๓.สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล
    ๔.ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้วมีอยู่
    ๕.โลกนี้มี
    ๖.โลกหน้ามี
    ๗.มารดามี
    ๘.บิดามี
    ๙.สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี
    ๑๐.สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
    เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่

    <O:p</O:pสัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค คือ
    ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจย สัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ
    องค์แห่งมรรคของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้
    พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
    ฯลฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
    พึงสำคัญที่จะติเตียน คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะนี้

    การกล่าวก่อนและการกล่าวตามกัน ๑๐ ประการ อันชอบด้วยเหตุ
    ของสมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น ย่อมถึงฐานะน่าตำหนิในปัจจุบันเทียว

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้พวกอัสสะและพวกภัญญะ ชาวอุกกลชนบท
    ซึ่งเป็นอเหตุกวาทะ อกิริยวาทะ นัตถิกวาทะ
    ก็ยังสำคัญที่จะไม่ติเตียน ไม่คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะ
    นั่นเพราะเหตุไร
    เพราะกลัวถูกนินทา ถูกว่าร้าย และถูกก่อความ ฯ)


    ***แล้วรู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า?***


    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  13. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    อ้างอิงมหาจัตตารีสกสูตร...โดยธรรมะสวนัง

    สัมมาทิฐิเป็นไฉน สัมมาทิฐิแบ่งเป็น ๒ อย่าง คือ

    สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์
    คือ ความเห็นดังนี้ว่า
    ๑.ทานที่ให้แล้ว มีผล
    ๒.ยัญที่บูชาแล้ว มีผล
    ๓.สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล
    ๔.ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้วมีอยู่
    ๕.โลกนี้มี
    ๖.โลกหน้ามี
    ๗.มารดามี
    ๘.บิดามี
    ๙.สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี
    ๑๐.สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
    เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่

    <O:p</O:pสัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค คือ
    ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจย สัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ
    องค์แห่งมรรคของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้
    พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
    ฯลฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
    พึงสำคัญที่จะติเตียน คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะนี้

    การกล่าวก่อนและการกล่าวตามกัน ๑๐ ประการ อันชอบด้วยเหตุ
    ของสมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น ย่อมถึงฐานะน่าตำหนิในปัจจุบันเทียว

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้พวกอัสสะและพวกภัญญะ ชาวอุกกลชนบท
    ซึ่งเป็นอเหตุกวาทะ อกิริยวาทะ นัตถิกวาทะ
    ก็ยังสำคัญที่จะไม่ติเตียน ไม่คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะ
    นั่นเพราะเหตุไร
    เพราะกลัวถูกนินทา ถูกว่าร้าย และถูกก่อความ ฯ


    ท่านกำลังจะทำตัวเหนือพระบรมครูอยู่นะคะ

    แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า

    กรุณาตอบด้วย อย่าเลี่ยง
    ถ้าท่านตอบมาแล้ว เราถึงจะตอบว่า รู้ได้อย่างไรว่าเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า

    ที่ถามๆมา ท่านยังไม่ได้ตอบอะไรเลยอยู่ดีนั่นแหละ ^_^
     
  14. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ท่านกำลังกล่าวร้ายพระพุทธองค์ซึ่งเป็นพระบรมศาสดาเอกของโลกอยู่นะคะ
    ท่านบัญญัติของท่านขึ้นมาเองเหนือพระองค์หรือไง
    ตกลงท่านคิดว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร
    อ้างอิงพระสูตรเกี่ยวกับตายแล้วเกิดใหม่ตามกรรมที่ตนทำไว้

    อ้างอิง เสขปฏิปทาสูตร

    ดูกรมหานาม อริยสาวกนั้นอาศัยจตุตถฌาน มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์
    ไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่านี้อย่างเดียว

    ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง
    สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง
    ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏกัปเป็นอันมากบ้าง
    ตลอดวิวัฏฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏฏวิวัฏฏกัปเป็นอันมากบ้าง

    ว่าในภพโน้นเรามีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น
    มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์ อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น

    ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้นเราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น
    มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ
    มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น

    ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้
    เธอย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ
    ด้วยประการฉะนี้ฯลฯ

    ดูกรมหานาม อริยสาวกนั้นอาศัยจตุตถฌาน มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
    ไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่านี้อย่างเดียว
    เธอเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก
    ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์

    ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมว่า
    สัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ
    ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก
    เขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    ส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ
    ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก
    เขาย่อมเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์ ดังนี้

    เธอย่อมเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก
    ด้วยทิพยจักษ์อันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์
    ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการ ฉะนี้ ฯลฯ

    ^_^
    <O:p</O:p
     
  15. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    เท่าที่ผมพอทราบคือว่า ท่านเตชปัญโญฯ ท่านไม่เชื่อพระธรรมที่ปรากฏในพระไตรปิฏกน่ะครับทุกท่าน......ประมาณว่าพระธรรมข้อใดที่ไม่ถูกต้องในความคิดของท่านเตชปัญโญ ท่านก็จะปฏิเสธทันที สุดท้ายก็เลยกลายเป็น "ตอบตามความพอใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ" ไปด้วยประกาลฉะนี้
     
  16. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    (๒.ยัญที่บูชาแล้ว มีผล)

    ***พุทธศาสนาสอนเรื่องการบูชสยัญด้วยหรือ? หรือสนับสนุนการบูชายัญ?***

    ***การบูชายัญเป็นของฮินดู ที่มีการฆ่าสัตว์บูชายยัญ***

    ***แล้วอย่างนี้ควรให้เชื่อว่านี่คือคำสอนที่แท้จริงของพรีพุทธเจ้าหรือ?***
    ------------------------------------------------

    ***คุณโยมยอมรับหรือไม่ว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ จะต้องอาศัยเหตุและปัจจัยมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่ทั้งสิ้น"***

    ***และกรุณาอธิบายอีกนิดว่าเพราะอะไร?ด้วย***
    ------------------------------------------------

    ***เขาว่กันว่า "คนไทยคิดไม่เป็น" จริงหรือเปล่า?***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  17. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    (ท่านกำลังกล่าวร้ายพระพุทธองค์ซึ่งเป็นพระบรมศาสดาเอกของโลกอยู่นะคะ
    ท่านบัญญัติของท่านขึ้นมาเองเหนือพระองค์หรือไง

    ตกลงท่านคิดว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร
    อ้างอิงพระสูตรเกี่ยวกับตายแล้วเกิดใหม่ตามกรรมที่ตนทำไว้)

    ***เข้าใจแล้ว ตกลงคุณโยมเชื่อจากพระสูตร ที่มีมาในพระไตรปิฎก ***

    *** ก็บอกตรงๆได้นี่ ทำไมเลี่ยงไปเรื่อย?***

    ***จึงอยากถามต่อว่า แล้วคุณโยมรู้ได้อย่างไรว่า ข้อความในพระไตรปิฎกนั่นคือคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า***

    ***พระไตรปิฎกก็เป็นแค่ตำรา ที่สามารถถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมได้ พระพุทธเจ้าท่านทรงทราบดี จึงไม่ทรงสอนให้เชื่อจากตำรา**

    ***แต่เรามันไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แล้วไปหลงเชื่อตำรา เราจึงมีพุทธศาสนาผิดเพี้ยนกันอยู่ทุกวันนี้**

    ***ผลของความผิดเพี้ยนก็แสดงอยู่ในสังคมปัจจุบัน***

    ***ถ้าเราเชื่อพระพุทธเจ้า เราต้องไม่เชื่อพระพุทธเจ้า***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  18. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    1.นับไป84000พระธรรมขันธ์
    2.มันจะสัมพันธ์กันหมดครับ ธรรมมะน่ะครับ เหมือนบวกเลข
     
  19. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    (ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
    พึงสำคัญที่จะติเตียน คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะนี้

    การกล่าวก่อนและการกล่าวตามกัน ๑๐ ประการ อันชอบด้วยเหตุ
    ของสมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น ย่อมถึงฐานะน่าตำหนิในปัจจุบันเทียว)

    --------------------------------------

    ***เป็นความฉลาดของคนที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงพระไตรปิฎก ที่เขาใส่ข้อความเหล่านี้เอาไว้ด้วย บางแห่งยังมีการขู้ว่า ถ้าใครไม่เชื่อจะตกนรก เอาไว้ด้วย ***

    ***เท่านี้เองคนโง่ก็กลัวกันหัวหดแล้ว เขาทำสำเร็จจริงๆ**

    ***การเชื่อพระพุทธเจ้า ก็คือ การไม่เชื่อพระพุทธเจ้า***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )

     
  20. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    เดี๋ยวมาตอบ(ฮา)
    ปล.รอเทพดลใจครับ

    ยัญ หมายถึง พิธีบวงสรวงของพราหม์
    บวงสรวง หมายถึง การบูชาเทวดาด้วยเครื่องสังเวยและดอกไม้ธูปเทียนเป็นต้น
    สังเวย หมายถึง บวงสรวง เซ่นสรวง
    เซ่น เอาอาหารเป็นต้นไปไหว้หรือสังเวยผีหรือเจ้า
    ปล.ในที่นี้เทวดาจะมีแต่ในศาสนาพุทธของพราหม์จะเป็นพรหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 สิงหาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...