บทความให้กำลังใจ(เปิดใจรับความจริง)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 8 พฤษภาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,487
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,042
    (ต่อ)
    เธอดีใจมาก เข้าไปในเมืองทันทีเพื่อขอเมล็ดผักกาด บ้านไหน ๆ ก็มีเมล็ดผักกาด แต่เมื่อถามว่ามีคนตายในบ้านไหม ก็ปรากฏว่ามีคนตายทุกบ้าน คนสมัยก่อนเขาตายที่บ้าน ไม่ได้ตายที่โรงพยาบาล หลังจากที่ถามบ้านแล้วบ้านเล่า สุดท้ายเธอก็เห็นความจริงว่าความพลัดพรากสูญเสียเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นกับทุกครอบครัว ทุกคนล้วนสูญเสียคนรักทั้งนั้น เธอก็เลยทำใจยอมรับได้ว่าลูกตายแล้ว จึงเอาลูกไปเผาที่ป่าช้า แล้วกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า คราวนี้พระองค์แสดงธรรมสั้นๆ ว่า “มฤตยูย่อมพาเอาคนผู้มัวเมาในลูกและสัตว์เลี้ยง ผู้มีใจข้องอยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่ย่อมพัดพาเอาชาวบ้านที่หลับใหลไป ฉะนั้น” นางกีสาโคตมีได้พิจารณาตาม ปัญญาเกิดก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน

    การเห็นความจริงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักปฏิบัติธรรม ถ้าหากทำแต่ความดีแต่ไม่เปิดใจเห็นความจริงก็ยังต้องถูกความพลัดพราก ความเจ็บป่วย รวมทั้งความตายคุกคาม เล่นงานบีบคั้น ไม่ใช่แค่กายเท่านั้น แต่ยังบีบคั้นจิตใจด้วย เมื่อยอมรับความจริง เห็นความจริงแล้ว แม้เจอความพลัดพรากสูญเสีย ใจก็สงบได้

    มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อนางมัลลิกา เป็นภรรยาของพันธุลเสนาบดี พันธุละเป็นโอรสของเจ้ามัลละแห่งแคว้นมัลละ แต่มีความน้อยเนื้อต่ำใจในหมู่พระญาติ จึงอยู่กับพระเจ้าปเสนทิโกศลซึ่งเป็นเพื่อนที่เคยไปเรียนที่สำนักตักศิลาด้วยกัน มีความสามารถทางการทหารมาก เมื่อมาอยู่กับพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้เป็นเสนาบดีคู่ใจ แต่ตอนหลังพระเจ้าปเสนทิโกศลเกิดความระแวงเพราะหูเบาเชื่อคำยุยงของคนใกล้ชิด ว่าพันธุละจะยึดอำนาจ ก็เลยหลอกไปฆ่า โดยสั่งให้ไปปราบโจรที่ชายแดนแล้วหาคนซุ่มโจมตี ซึ่งก็สำเร็จ พันธุละกับลูกชาย ๓๒ คนถูกฆ่าตายไม่เหลือสักคน

    ข่าวนี้มาถึงนางมัลลิกาในเช้าวันที่กำลังเลี้ยงพระ มีพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะเป็นประธาน เมื่อนางเปิดอ่านจดหมายและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็ไม่ได้มีสีหน้าผิดปกติ ยังคงทำงานต่อคือถวายอาหารเลี้ยงพระ ในช่วงนั้นเองคนใช้ของนางเกิดทำถาดใส่เนยใสตกแตกต่อหน้า พระสารีบุตรจึงพูดปลอบใจนางว่า ของที่แตกได้ก็แตกไปแล้วอย่าเสียใจไปเลย นางมัลลิกาจึงกล่าวกับพระสารีบุตรว่า เมื่อกี้มีคนส่งข่าวมาให้ดิฉันว่า สามีและลูกชายทั้ง ๓๒ คนถูกฆ่าตาย ดิฉันยังไม่เสียใจเลย เมื่อถาดเนยใสตกแตก ดิฉันจะเสียใจทำไมเจ้าคะ

    นางมัลลิกาเป็นผู้ที่มีธรรมะ นางเห็นว่าความตายเป็นธรรมดาของทุกชีวิต ความพลัดพรากจากคนรักเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น เมื่อเหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นกับตนก็ยอมรับได้ นางมัลลิกาไม่ใช่นักบวช แต่มีความเข้าใจในธรรมะอย่างมาก เมื่อเห็นความจริงในเรื่องอนิจจังของชีวิต ก็สามารถรักษาใจเป็นปกติได้ยามเกิดความพลัดพรากสูญเสีย

    ดังนั้นการฝึกใจให้เห็นความจริงเป็นการปฏิบัติธรรมที่สำคัญ ช่วยให้เราสามารถอยู่ในโลกที่ผันผวนแปรปรวนได้โดยที่ใจไม่ทุกข์ เมื่อเราได้เห็นความจริงในเรื่องไตรลักษณ์แล้ว ก็ทำให้เรามีท่าทีและวางใจเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา ใจก็เป็นปกติได้ ไม่ต้องรู้ความจริงถึงขั้นเป็นพระอริยเจ้าก็ได้ แม้เป็นปุถุชน แต่ถ้าเปิดใจยอมรับความจริงเหล่านี้อยู่เสมอ ก็สามารถที่จะอยู่กับความทุกข์ ความพลัดพรากสูญเสียได้โดยใจไม่ทุกข์
    :- https://visalo.org/article/5000s07_2.html

     

แชร์หน้านี้

Loading...