บรรยากาศงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ครั้งที่ 11 (9-10/12/49)

ในงานที่น่าสนใจมากจุดหนึ่ง คือ บูธ ของ อาจารย์หม่อม อัคนี นวรัตน
ผมเข้าไปฟังท่านบรรยาย เรื่อง การพิเคราะห์โรคด้วยจิต
ท่านบอกว่า ท่านไปต่างประเทศ แต่ละครั้ง จะซื้อหนังสือเกี่ยวเรื่องของธรรมชาติ และพลังจิต ครั้งหนึ่ง ไม่ต่ำกว่า สองร้อยเล่ม และเดือนพ.ค. ปีหน้าท่านจะไปอเมริกา จะหาซื้อมาอีก 100 เล่ม

ดังนั้นความรู้จากตำราที่ท่านมี และนำมาทดลองปฏิบัติ มากมายหลายวิธี
จึงเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ พลังแห่งธรรมชาติ ที่สัมผัสได้ และนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างยิ่งยวด

ผมได้ซื้อขนนก ตาข่ายนำโชค(ต้องตั้งชื่อให้เขา แขวนไว้ในรถ เวลาหาที่จอดไม่ได้ ก็ให้บอกกล่าว คนขายบอกว่า ได้ผลมาแล้ว ได้รับความสะดวก
ปลอดภัยดีมาก โดยคนที่ซื้อไปมาเล่าให้ฟัง) แล้วก็ยังได้ เพนดูลั่ม
ตุ้มเสี่ยงทาย ทำจากคริสตัล หนังสือแจก และขาย อีกหลายเล่ม โดยที่เราไม่ต้องวิ่งหาซื้อถึงต่างประเทศ อาจารย์หม่อม แปลให้เสร็จ น่าเก็บไว้ศึกษา
และนำมาใช้ปฏิบัติได้ ผมยังซื้อ DVD มาอีก 1 แผ่น เรื่องการพิเคราะห็โรค
ด้วยจิต สรรค์สร้างพลัง สรรค์พลังกล้าแกร่ง

ใครจะไปวันนี้วันสุดท้าย อย่าลืมแวะหาของทรงพลัง ได้ที่บูธ ของอาจารย์หม่อมนะครับ ปีนี้ท่านทำออกมาหลายชนิด มากกว่าทุกปี เมื่อวานก็หมดไปหลายรายการแล้ว

 

เพิ่งไปครั้งแรก(วันเสาร์)ครับ ยังไม่รู้จักใครเลย แต่งานน่าสนใจมาก ชอบครับ เดินทั่วงานเลย พี่ sithiphong ผมเห็นมีสมเด็จที่เป็นคล้ายๆลูกประคำด้วย อันนั้นปลอมด้วยหรือเปล่าครับ
แล้วเห็นมีโต๊ะหนึ่งหันหน้าเข้าหาตึก มีพระสมเด็จวังหน้าถามดูบอกว่าให้ทำบุญ 500 นั้นของหลวงปู่เทพโลกอุดรเสกหรือเปล่าครับ

 

มีเรื่องขอบอกท่านสมาชิกที่จะไปชมงานวิทยาศาสตร์ทางจิตฯ
ผู้ที่มาออกบูธ โดยเฉพาะบูธ กลางสนาม
ขอให้ระวัง มีคนแต่งตัวประหลาดๆ เพื่อให้ดูขลัง น่าศรัทธา
พวกนี้เขาจะเปิดทำนายทายทัก ดูดวงชะตา
ผมลองสุ่ม ไปดูอยู่บูธ นึง
เป็นผู้หญิงน่ารักมาก แต่งตัวเหมือนคนอินเดีย เกล้าผมสูง
ชื่อเหมือนญี่ปุ่น เขาบอกว่ามีเด็กตามผมอยู่
ถามผมว่า เคยให้ใครทำแท้งมาก่อนไหม
ผมว่าไม่มี เขาพยายามจะให้มี
ผมก็เลยบอกเป็นกุมารทองมั้ง
สักพักเขาทำเป็นตรวจ แล้วพยักหน้า บอกใช่กุมาร ไม่เป็นไร
แล้วเขาบอกอีกว่า สามเดือนนี้ผมไม่ค่อยดี ต้องสวดนพพระเคราะห์
ถ้าให้เขาสวดอย่าเสียดายสตางค์ พันกว่าบาท
ผมบอกยังไม่ต้องสวด(เพราะเชื่อว่าเคราะห์ใครเคราะห์มัน ไม่มีใครทำแทนกันได้) ส่วนที่ทักถูกบ้าง ก็เล็กน้อยธรรมดา ขณิกสมาธิ เท่านั้น
จ่ายค่าครูไป สองร้อย

เพราะฉะนั้น ใครที่ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น แล้วขี้กลัวกับคำทำนายทายทัก
ผมว่าอยู่ห่างๆ ดีกว่า หรือถ้าอยากดูจริงๆ
ก็ไปที่ห้องนักพยากรณ์ ของชมรมโลกทิพย์ดีกว่า (อ.ทิพย์ ก็อยู่ด้วย)
จะดูปลอดภัยกว่า

ก็อย่างที่คุณ ขอพระธรรม กล่าวไว้ มีทั้งไสยขาว ไสยดำ ให้ระวัง
อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปนะครับ ถ้าอย่างไรก็ป้องกัน ครอบเกราะเพชร
ไว้ก่อน หรือ มีวัตถุมงคลหลวงพ่อฤาษี ฯลฯ พกติดไปด้วยก็ดี

ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีครับ

 

น่าจะเป็นสมเด็จม้วนครับ สมเด็จม้วนของจริงๆก็มีครับ ของปลอมก็มีครับ ผมไม่แนะนำให้บูชามา

ส่วนเรื่องเหรียญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร เคยนำไปตรวจสอบพลังอิทธิคุณแล้ว ปรากฎว่าไม่มีอะไรเลยครับ เรื่องนี้ก็ควรระวังให้มากครับ

พระวังหน้าหรือวังหลวง ของกรุวัดพระแก้วนั้น ผมเองลองไปคุยกับหลายๆร้านแล้ว ผมยังเชื่อว่ายังไม่มีผู้ที่รู้ว่าพระพิมพ์ไหนของวังหน้า พระพิมพ์ไหนของวังหลวง มีหลายๆแห่งยังบอกกันปนเปไประหว่าพระวังหน้า(ที่สร้างก่อนปี 2428 )และพระวังหลวง(พระที่สร้างในปี 2451) ครับ


.

 

ก็ให้ระวังกันให้มากนะครับ ปัจจุบัน มี คนไม่ดี ชอบหลอก
ให้คนเชื่อ แล้ว หวัง เงิน เป็นผลตอบแทน เวลาเราจะเชื่อใคร
ศัทธาใคร เราก็ควร หาเหตุและผล มาเป็นเครืองตัดสิน น่าจะดีที่สุดนะครับ



สวัสดีปีใหม่

 

ทองคำย่อมเป็นทองคำอยู่วันยังค่ำ

เรื่องพระพิมพ์ที่บอกกันว่าเป็นของวังหน้าและหลวงปู่เทพโลกอุดรนั้น ส่วนหนึ่งก็มีของจริง แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นของปลอม และอีกส่วนหนึ่งเป็นการยัดเวลาและสถานที่

การเช่าพระพิมพ์ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรนั้น ที่ดีที่สุด เมื่อเช่าไปแล้วควรมีผู้ที่สามารถตรวจสอบพลังอิทธิคุณขององค์พระเป็น จะได้ทราบได้ว่าแท้หรือไม่แท้

.

 

งานวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ เป็นงานที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี
ในช่วงเดือนธันวาคม
ผู้ที่มาออกบูธ ก็มีร้อยแปด อยู่ปะปน กันไปหมด
การที่จะคัดกรองผู้มาออกบูธ คงทำได้ยาก
เพราะผู้จัด ก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ยิ่งมีผู้มาออกบูธ มากเท่าไร ก็จะช่วยค่าใช้จ่ายได้มากเท่านั้น

แต่มันก็เป็นดาบสองคม ผู้หวังผลประโยชน์ก็ย่อมมี
อยู่รวมกับผู้ให้ประโยชน์
ผมดูอยู่ทุกปี ปีนี้ได้สุ่ม 1 ตัวอย่าง ก็เจอแจ๊คพ็อต พอดี
ตามที่เล่าให้ฟังข้างต้น

จุดนี้เป็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ก็คงต้องช่วยกันพิจารณา หากมีการเรียกร้องเงินทอง
ก็อย่าเข้าไปยุ่ง ถ้าเข้าไปแล้วก็ต้องฉีกตัวออกมาโดยด่วน
ไม่ต้องไปกลัวคำขู่กล่าวอ้างว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องทุกข์เพราะเสียสตางค์โดยเปล่าประโยชน์
ทุกข์เพราะทุกข์เดิม ไม่มีทางแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวเราเอง

 

งานนี้มีอะไรดีๆหลายอย่างแต่สียดายที่ผมอาเงินไปน้อยเลยไม่ได้ถ่ายรูปออร่าแต่ผมแนะนำใครที่ไปให้ไปที่ห้องพระธาตุนะครับมีพระบรมสารีริกธาตุแจกด้วยครับผมได้มา5องค์แต่พอบรรจุที่พระอบก็เพิ่มเป็น10องค์ทันที

 

โมทนาสาธุครับ

.

 

ใช่ครับเขามีแจกพระธาตุ ที่ตึกแสดงพระธาตุ
มีมากมาย วางให้ชมรอบๆห้อง ของชมรมรักษ์พระธาตุ
ก่อนกลับก็มีแจกพระธาตุบรรจุในซองเล็กๆ 5 องค์ ด้วย
ขอโมทนากับคุณ ธรรมจักร ที่พระธาตุได้ปาฏิหาริย์เพิ่มขึ้นมา
สาธุครับ

 

พลเอกเกษม นภาสวัสดิ์ บรรยายเรื่อง พลังจักรวาลเพื่อสุขภาพ
มีการส่งพลังบำบัดโรครวม ภายในห้องประชุมด้วยครับ
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
เรื่องของพลังจักรวาล ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมาก
ผู้บรรยายเป็นประธานมูลนิธิพลังจักรวาล เป็นแห่งแรก
ที่ได้รับแต่งตั้งจาก ปรมาจารย์พลังจักาวาล ชาวเวียดนาม

ที่น่าสังเกตุ คือ ผู้บรรยาย อายุตั้ง 69 ปี แล้ว
แต่แปลก ดูยังหนุ่มมาก
มีผู้ตั้งคำถามว่า ฝึกพลังจักรวาลแล้ว
ทำให้ไม่แก่ จริงไหม

ผู้บรรยาย บอกว่า ไม่ขอรับรองนะครับ
แต่ก็ให้ดูเอาเอง เพราะผู้บรรยาย เป็นข้าราชการทหาร
เกษียรแล้ว อายุ 69 เมื่อก่อนก็ไม่เชื่อเรื่อง
พลังจักรวาล เห็นมีชาวเวียดนามเข้ามาสอนในสมัยนั้น
ประมาณปี 34 มีคนเรียนกันมาก
ทางการก็เป็นห่วง กลัวจะเป็นการแทรกซึกเข้ามาล้างสมอง

ผู้บรรยายจึงขออนุญาติผู้บังคับบัญชาไปเรียน
และเป็นสปายไปในตัว
ปรากฏว่า วิชาของเขา สามารถรักษาผู้ป่วยได้จริง
เลยศึกษาจนอาจารย์ใหญ่ ไว้วางใจ
ให้เป็นตัวแทนในประเทศไทศไทย

ได้เรียนไปจนถึงขั้น 21(ถ้าจำไม่ผิด) สูงสุด

สำหรับผู้สนใจจะเรียน ก็จะมีการสอนในระดับ 1-5
เป็นพื้นฐานก่อน โดยในระดับ 1-3 ปูพื้นฐานแล้ว
ใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน และจะเปิดจักระ ในระดับที่ 4

ท่านใดสนใจ ลองโทรไปคุยได้ที่
มูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาล ตั้งอยู่ในโครงการ
ไพลินปาร์ค ติดห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลทาวน์
เลขที่ 68/747 หมู่ 8 ถนนรัตนาธิเบศร์ ซอย 28
ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทร. 0-2969-9161 - 2

 

เสียดายจังที่ไม่มีโอกาสได้ไป ขอให้มีอีกทุกๆปีน่ะค่ะ เพื่อจะได้ไปสักครั้งอยากไปฟังบรรยายของกลุ่มเขากระลาค่ะ

 

ไปถ่ายออร่ามาเหมือนกัน โดยใช้วิธีตั้งใจไปลองของเลยล่ะ แขวนวัดระฆังเพดานโบสถ์รุ่นเซียนเมิน 1 องค์ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ 1 องค์ สมเด็จสร้างในสมัย ร.4 สีบรอนซ์ทอง 1 องค์ สมเด็จพุทธประวัติ วัดพระแก้ว 1 องค์ ถ่ายเสร็จเสียดายไม่มีเครื่องแสกน เพราะจะเหมือนคุณสิทธิพงษ์เลย เพียงแต่กลับด้านกัน โดยด้านบนจะเป็นสีม่วงอมชมพูระเรื่อ ตรงกลางเป็นสีขาว ส่วนระดับหน้าอก ไหล่ ออกเป็นสีทองเหลืองอร่ามชัดเจน ไม่มีสีเขียว หรือฟ้าปนเลย ถ่ายร้านเดียวกับคุณสิทธิพงษ์ ทันทีที่นั่งคำถามแรกคุณนั่งสมาธิกำหนดอะไร เราไม่ตอบ ถามสวนไปว่า รู้ได้ไงว่าผมนั่งสมาธิ อ.สถิตย์ธรรมบอกว่า รังสีมันฟ้อง แถมบอกวันนี้ใส่อะไรมา รังสีหลวงปู่ทวด กับสมเด็จโตคุ้มครองอยู่เขียนมาในคำแปลให้เสร็จเป็นหลักฐาน โดยที่เราไม่ถามอะไร มาอีกซุ้ม เป็นซุ้มจับพลังพระเครื่อง เอาว่ะ ลองดูของชอบซะด้วย มีหนุ่มคนนึงกับครอบครัวนึง นั่งตรวจอยู่แล้ว พอกลุ่มครอบครัวลุกขึ้น ถึงคราวถ่ายพลัง และตรวจพลัง ของเจ้าหนุ่มนั่น ตรวจไปตรวจมา เจ้าหนุ่มควักเหรียญพระอาจารย์สายอิสานที่กลัดติดเสื้อมาอย่างดี บอกชื่อท่านทุกคนต้องร้องอ๋อมาตรวจ อาจารย์ตรวจแล้วก็เฉยๆ บอกว่าพลังน้อย เจ้าหนุ่มนั่นก็เถียงบอกว่า นี่ครูอาจารย์สายวิปัสสนาเชียวน่ะ คนตรวจก็ชักมีอารมณ์ เรานั่งฟังอยู่ข้างๆ เลยบอกว่า อาจารย์ผมรีบไปมีธุระขอตรวจก่อนได้มั๊ย ถอดสร้อยเลยโดยไม่รอช้า พอคนตรวจรับพระใส่มือ บอกว่า อย่างนี้ซิถึง ถามไปว่าถึงใคร แกบอกเดี๋ยวลองกำหนดดูอีกทีก็บอกว่าถึงแน่นอน รับประกัน แล้วก็หันไปบอกเจ้าหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ยังไม่ยอมลุกไปไหนว่า ถ้ามีพลังเหมือนองค์นี้ล่ะก็ใช้ได้ ของคุณก็ผู้เสกมีพลังแค่นี้จะให้ผมทำยังไง เรากลัวเจ้าหนุ่มใจเสียเลยลุกขึ้น แล้วก็บอกแกว่า ขอโทษพระผมองค์ล่ะ 200 บาท ข้างวัดมหาธาตุนี่เอง อาจารย์คนตรวจบอกว่า อย่าประมาทน๊ะคุณ องค์ล่ะ 10 บาทน่ะ ตรวจมาเยอะแล้ว ของจริงเยอะแยะไปคุณก็รู้แก่ใจดี บอกตามตรงเดินดูหลายบู๊ธเหมือนกัน บางบู๊ธสุดโต่งโลกันต์เลยก็มี บางบู๊ธยังกะขายหินเหล็กไฟ เฮ้อ..ก็เลยสรุปไม่ได้ว่าชัวร์หรือมั่วนิ่ม เอาแบบเห็นด้วยแสงแล้วเปรียบเทียบดีกว่าง่ายดี งานนี้จึงไม่ขอออกความเห็นใดๆ รวมถึงการจับพลังข้างต้นด้วยครับ

 

ไม่ทราบว่า ออร่าที่ถ่ายได้ ( โดยที่ไม่ใส่พระเครื่อง )
จะเหมือนเดิมทุกวันไหม หรือเปลี่ยนเป็นตามอารมณ์ของผู้ที่ถูกถ่าย หรือปัจจัยอะไรบ้าง
ถ้าคงที่....คงไม่มีคำถามเพิ่ม
แต่ถ้าไม่คงที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ การถ่ายแต่ละครั้งจะเกิดประโยชน์อะไรบ้าง
คือว่าอยากรู้ว่า จะได้ประโยชน์อะไรจากการถ่าย
เพราะถ่ายที่แพง ไม่ค่อยมีตังอะ

 

รู้สึกว่าปีนี้จะมีการจัดทำการบรรยายเป็นวีซีดีนะ

 

ครับ..แต่รู้สึกจะมีคนเห็นufoช่วงเย็นในงานวันแรก(อันนี้ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใดเพราะแอบได้ยินมาครับ)
แล้วก็มีพี่ทีมเขากะลาคนนึง(จำชื่อไม่ได้)ที่ขึ้นไปร่วมบรรยายกับ อ.สุดใจบอกว่าufo ได้บินมาหาแถวที่พักงามวงศ์วานด้วยเหมือนกัน

 

ได้มีโอกาศฟังการบรรยาย และ ได้พูดคุยกับ อ.สุดใจ รอบนอกครับ
อ.ได้บอกว่าก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอกแต่ว่าทางเขา(มนุษย์ต่างดาว)ได้สั่งให้มาออกบู๊ท ได้ร่วมกับ ดร.เทพพนม เพื่อเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ การบรรยาย อ.สุดใจ ก็จะพูดเกี่ยวกับความเป็นมาของทางกลุ่มเขากะลาว่าอย่างไร และก็พูถึงเรื่องการติดต่อ อ.ได้บอกว่า การทำสมาธิจะใช้เวลานานเป็นสิบปีอย่าง จ.ส.อ.เชิด เขา(มนุษย์ต่างดาว)ก็เลยติดตั้งอุปกรณ์พิเศษให้ซึ่งจะสามารถติดต่อกับเขาได้ง่ายกว่าการนั่งสมาธิ อุปกรณ์จะมีลักษณะเป็นพลังงาน ไม่เหมือนทางฝรั่งที่ถูกติดตั้งเป็นวัตถุเหมือนชิ๊ปเล็กๆ เพราะว่าฝรั่งเขาต้องเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ซึ่งไม่มีในโลกถึงจะเชื่อ ต้องจับต้องได้ แล้วก็พูดถึงเกี่ยวกับกลุ่มผู้ที่ฝึกที่เขากะลา 60 คน ที่ได้รับติดตั้งอุปกรณ์พิเศษแล้ว แต่ละคนจะได้รับอุปกรณ์พิเศษแตกต่างกันเพราะว่าต้องทำหน้าที่แตกต่างกันไป เช่นบางคนก็สามารถมองทะลุกำแพงได้ บางคนอาจจะอ่านจิตใจคนได้ อ.เล่าเหตุการณ์แปลกๆของบางท่านให้ฟังว่า เขายืนรอแท็กซี่ แล้วรถก็จอดรับ พอแท็กซี่ขับไปได้ซักพัก ก็หันมาข้างหลังเห็นท่านนี้นั่งอยู่ ก็ถามว่าคุณขึ้นรถผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทั้งที่แท็กซี่เป็นคนจอดรับเอง อะไรประมาณนี้ ฯลฯ ไม่ใช่เฉพาะแค่ 60 คนนี้คนนอกก็มีด้วยเหมือนกัน มีพี่ที่มาร่วมบรรยายและช่วยที่งานก็มี อ.บอกว่าคนที่จะทำหน้าที่ช่วยเหลือ เผยแพร่ ทั่วโลกมี 5000 คนที่จะต้องร่วมกันทำงานนี้ อ.สุดใจบอกว่าความสามารถพิเศษนี้ไม่ใช่ มีอภิญญาหรือพลังพิเศษใดๆ แต่เป็นอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวเท่านั้นเอง เป็นวิทยาศาสตร์ บางคนอาจจะถูกแอบติดตั้งโดยไม่รู้ตัว ให้สังเกตุว่าคนพวกนี้มักจะต้องมีอะไรหรือทำอะไรที่เกี่ยวข้อง
ยกตัวอย่างเช่น นักสร้างหนังบางคนที่ชอบสร้างแต่เรื่องมนุษย์ต่างดาว ufo
หรือคนที่สนใจหรือมีอะไรสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว ufo มากเป็นพิเศษ ต่างคนก็ต่างเรื่องต่างหน้าที่กันไป ทุกอย่างเขาโปรแกรมมาหมดแล้วว่าใครต้องทำอะไรต้องเป็นอะไรยังไงๆ
อ.สุดใจได้บอกว่าภัยพิบัติร้ายแรงที่กำลังจะเกิดใกล้ๆนี้ เขาจะมาช่วย แต่จะช่วยเฉพาะคนดี คนที่ทำความดีจะรอด แต่อ.ไม่ได้บอกว่าวันไหนเพราะว่าเขาไม่ได้บอก แต่ตอนนี้เขาต้องการเผยแพร่ปูทางให้ได้มากที่สุดก่อน เพื่อเตรียมพร้อมการเปิดตัวการมาของเขาอย่างเป็นทางการ
ได้คุยกับ อ.สุดใจ เห็น อ.บอกว่าจะทำเป็นวีซีดีการบรรยายในครั้งนี้แจก ละเอียดกว่าที่ผมเล่าเยอะเลย ยังงัยต้องรอติดตามอีกที

ถ้าข้อความไม่เข้าใจ ตกหล่น ผิดเพี้ยน ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
ขอเล่าแค่คร่าวๆก่อนครับ

 

ไม่ทราบว่า ออร่าที่ถ่ายได้ ( โดยที่ไม่ใส่พระเครื่อง )
จะเหมือนเดิมทุกวันไหม หรือเปลี่ยนเป็นตามอารมณ์ของผู้ที่ถูกถ่าย หรือปัจจัยอะไรบ้าง
การถ่ายแต่ละครั้งจะเกิดประโยชน์อะไรบ้าง
คือว่าอยากรู้ว่า จะได้ประโยชน์อะไรจากการถ่าย
เพราะถ่ายที่แพง 350-500บาท เอาเงินไปทำบุญดีกว่า

 

ออร่า ก็คือแสงสีที่เปล่งออกมารอบๆกายของมนุย์
หากร่างกายแข็งแรงดี เป็นปกติ ออร่าก็จะสดใส ไม่ขาดบิ่น
ผู้ที่ศึกษาเรื่องออร่าก็สามารถวิเคราะห์ ได้ว่า คนนั้นมีสุขภาพเป็นอย่างไร

เมื่อทำการศึกษาไป ก็จะพบพลังแสงสีออร่า ของเทวดา ที่อยุ่คอยช่วย
คุ้มครองปกป้องภัยอันตรายให้แก่เรา เราก็จะทราบได้ว่า เทวดานั้นคือใคร

และลึกซึ้งไปกว่านั้น ก็จะดูได้ถึงอดีตชาติที่เราเป็นมา และกำลังจะเป็นไป

ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้น เป็นการศึกษา วิเคราะห์ จากอุปกรณ์ ในการถ่ายภาพออร่า ผู้วิเคระห์เองหากเป็นผู้ปฏิบัติจิต แล้ว ก็สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสีของออร่า นั้นๆได้มากขึ้น

ออร่า ผู้คนเรานั้น ย่อมไม่คงที่ แปรเปลี่ยนไปตามสภาวะของร่างกายและจิตใจ

ถามว่า เกิดประโยชน์อะไร จากการถ่าย

ก็ได้แค่รู้ว่า มันเป็นอย่างนั้นเอง

เป็นการผสานระหว่างวิทยาศาสตร์(อุปกรณ์) กับพลังจิต (พลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

....................................................................................
การถ่ายภาพออร่า เป็นเทคนิคการอธิบายปรากฏการของจิตในเชิงวิทยาศาสตร์ โดยใช้หลักการของสีบำบัดจากสเปกตรัม สายรุ้งทั้งเจ็ด มีรายละเอียดมากกว่าการทำนายทายทักหรือการพยากรณ์ รวมทั้งสามารถวิเคราะห์สุขภาพร่างกาย และจิตวิญญาณได้ด้วย หากมีเวลาขอเชิญมาพิสูจน์ครับ


ผู้แสดงความคิดเห็นศูนย์พัฒนาพลังชีวิต
http://www.powerlifecenter.com/