ปิดรับบริจาค ปฎิทินธรรมทัศนาจรชาวคณะบึงลับแล ตลอดปี ๒๕๕๓ หน้า ๑ คคห.ที่ ๑ /บันทึกกิจกรรมบุญ

แจ้งความคืบหน้าของทริปธรรมทัศนาจร (๒)

... เรียนสมาชิกร่วมเดินทางทุกท่านทราบ ขออนุญาตแจ้งความคืบหน้าเรื่อง ทริปธรรมทัศนาจร (๒) สักการะรอยพระพุทธบาทพลวง (คิชฌกูฏ) , ร่วมบูรณะรอยพระพุทธบาทคลองนารายณ์ (วาระ ๓) , สักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชัง , รอยพระุพุทธบาทอ่างศิลา ,รอยพระพุทธบาทเขาบางทราย จ.จันทบุรี - จ.ชลบุรี วันที่ ๒๗-๒๘ ก.พ. ๕๓ (๒ วัน ๑ คืน) ให้ทุกท่านทราบโดยพร้อมเพรียงกัน ดังนี้


๑. การเดินทาง/ที่นั่ง
รถตู้ปรับอากาศ TOYOTA COMMUTER ๑๓ ที่นั่ง จำนวน ๒ คัน ดังรายละเอียดของที่นั่งและรถ ดังนี้

​

๒. วัน, เวลา/สถานที่ขึ้นรถ
วันเสาร์ที่ ๒๗ ก.พ.๕๓
๐๕.๓๐ น. พร้อมกัน ณ จุดนัดพบ ปั้มน้ำมัน ปตท. สนามเป้า
๐๕.๔๐ น. ตรวจสอบรายชื่อ ขนสัมภาระเก็บ
๐๖.๐๐ น. ล้อหมุน

๓. ที่พัก
- พักค้างคืนบนเขาคิชฌกูฎ

๔. การแต่งกาย
วันเสาร์ (กลางวัน) - เสื้อบึงลับแล หรือเสื้อสีส้ม กางเกงขาสั้น สำหรับผู้ชาย หรือขาสามส่วนสำหรับผู้หญิง ที่คล่องตัวสำหรับการทำงาน

วันเสาร์ (กลางคืน) - เสื้อทีมเฉพาะกิจ กางเกงตามอัธยาศัย
วันอาทิตย์ - ตามอัธยาศัย

๕. อาหารและน้ำดื่ม
ตามอัธยาศัย

๖. ยา
ได้จัดเตรียมยาแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้เมารถไว้เบื้องต้น แต่สมาชิกท่านใดที่มีโรคประจำตัว ขอให้จัดเตรียมยาของท่านไปโดยเฉพาะ

๗. การเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ
- รอยพระพุทธบาทคลองนารายณ์
เป็นการทำงานค่อนข้างลุย เนื่องจากเป็นการร่วมกันทาสีโขดหินรอยพระพุทธบาทเป็นพุทธบูชา และติดตั้งป้ายคำสวด เสร็จแล้วถึงเดินทางต่อไปขึ้นเขาคิชฌกูำฎ ถ้าทุกท่านสามัคคีร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันทำงานให้เสร็จทันตามกำหนด ก็จะมีเวลาเดินทางในสถานที่ต่อไปได้เร็วขึ้น

- รอยพระพุทธบาทพลวง (คิชฌกูฎ)
ได้ติดต่อประสานงานรถที่วัดไว้เรียบร้อยแล้ว ขอให้ทุกท่านรักษาเวลาในการทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนการขึ้นเขา สัมภาระทุกชิ้นให้ทิ้งไว้ที่รถตู้ด้านล่าง ให้นำขึ้นไปเฉพาะถุงนอน ของใช้ส่วนตัวและเงินที่จะใช้ในการทำบุญ ซื้ออาหาร, น้ำดื่มรับประทานเท่านั้น

การเดินทางช่วงที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือช่วงสุดท้าย ระยะทางเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูำฎ ๑.๓ กิโลเมตร เนื่องจากปริมาณคนมากและหนาแน่น ขอให้ทุกท่านพึงเดินเกาะกลุ่ม รักษาเวลาการเดินและตรวจสอบกันเองอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่พลัดหลงจากกัน ให้ขึ้นไปรอ ณ จุดนัดพบ (จุดรับเครื่องนอน) ทางด้านบน

- เจ้าพ่อเขาใหญ่ , รอยพระพุทธบาทสีชัง เกาะสีชัง
สถานที่นี้ ต้องนั่งเรือโดยสารไปที่เกาะสีชัง เรือจะออกจากท่าเกาะลอยทุก ๑ ชม. ในการเดินชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเกาะ จะให้เป็นไปตามอัธยาศัย แต่ขอให้ทุกท่านพึงรักษาเวลา ณ จุดนัดพบอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าไม่รักษาเวลาตามที่กำหนด อาจจะทำให้ท่านพลาดเรือโดยสารในเที่ยวนั้น ๆ และท่านจะต้องเสียเวลารอเรือในเที่ยวต่อไปอีก ๑ ชม. ซึ่งถ้าเกิดกรณีเช่นนี้ ทางคณะจะไม่รอทั้งสิ้น ขอให้ท่านหาวิธีเดินทางตามไปเองในภายหลัง

- รอยพระุพุทธบาทอ่างศิลา
เป็นรอยพระพุทธบาทบนโขดหินที่สาม ใกล้ตำหนักแดงริมทะเล ชาวคณะร่วมกันสวดมนต์และปิดทองเป็นพุทธบูชา

- รอยพระพุทธบาทบางทราย
ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาบางทราย ในเขตวัดเขาบางทราย ชาวคณะร่วมกันสวดมนต์และปิดทองเป็นพุทธบูชา

๘. สิ่งของที่ต้องจัดเตรียม
- ถุงนอน (จำเป็น) แม้ทางบนเขาจะมีเครื่องนอนให้ แต่เนื่องจากปริมาณคนที่มากในช่วงเทศกาล ขอให้จัดเตรียมไปส่วนตัวจะเพิ่มความคล่องตัวได้มากกว่า
- ไฟฉาย
- ร่ม
- แว่นกันแดด
- หมวก
- ผ้าโพกผม
- รองเท้่าที่สวมใส่กระชับ สำหรับการเดินขึ้นเขา
- ผ้าคาดปิดปาก ,จมูก สำหรับท่านที่มีอาการแพ้ฝุ่น
ฯลฯ


ขอให้ทุกท่าน พึงรักษากาย รักษาใจ ให้พร้อมก่อนวันเดินทาง และพึงรักษาเวลาอย่างเคร่งครัดในทุก ๆ สถานที่ มิฉะนั้น ท่านอาจจะมีสิทธิ์ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยลำพังอย่างแน่นอน

กราบอนุโมทนากับกัลยาณมิตรทุกท่านเป็นอย่างสูง สำหรับอานิสงส์ผลบุญที่ได้ร่วมสร้าง ร่วมทำ ร่วมโมทนาในครั้งนี้ ขอให้อานิสงส์ผลบุญนี้เป็นพลังสำคัญให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญทั้งในทางโลกและทางธรรม จนกว่าตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ....

​

 

ด้วยความยินดีค่ะคุณพี่ ดีแล้ว ชอบแล้ว ด้วยทุกประการ เหตุผลเพราะนาน ๆ คุณพี่จะได้กลับมาเมืองไทยสักครั้ง เมื่อมีโอกาสแล้วก็เดินทางทำบุญตามที่ใจปรารถนาได้เลยค่ะ หญิงโมทนาบุญกับคุณพี่ทุกประการ

 

แจ้งลงชื่อเรื่องทริปประจำเดือนมีนาคม

..... เนื่องจากขณะนี้มีสมาชิกแจ้งความประสงค์ร่วมเดินทางในทริปประจำเดือนมีนาคมมาหลายท่านโดยที่ยังไม่ได้ตั้งกระทู้ ดังนั้นหญิงขอแจ้งรายชื่อผู้แจ้งความประสงค์ร่วมเดินทางในแต่ละทริปมาก่อน เพื่อที่จะได้ทราบจำนวนผู้่ร่วมเดินทางที่แน่นอนและเตรียมการในเบื้องต้นได้ถูก

รอยพระพุทธบาทนัมทานที (เกาะแก้วพิศดาร)



หลวงปู่สุภา
​

๑. วันศุกร์ที่ ๑๒ - วันอาทิตย์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓
ทริปธรรมทัศนาจร (๓) ล่องใต้กราบหลวงปู่สุภา หลวงพ่อแช่ม พระอริยสงฆ์เมืองใต้ , สักการะรอยพระพุทธบาทนัมทานที รอยพระพุทธบาทที่ ๕ (เกาะแก้วพิศดาร) ,รอยพระพุทธบาทภาคใต้ จ.พังงา - จ.ภูเก็ต (๓ วัน ๒ คืน)

- ค่าใช้จ่าย ท่านละ ๒,๐๐๐ บาท
- เดินทาง โดยรถตู้ปรับอากาศ TOYOTA COMMUTER VIP ๑๐ ที่นั่ง
- รายชื่อสมาชิกผู้แจ้งความประสงค์ร่วมเดินทาง
๑. คุณ ญ.ผู้หญิง
๒. คุณพิชญ์
๓. คุณวรุณบุตร
๔. คุณบัวเหรียญ
๕. คุณกาแฟ (ตุ๊ก)
๖. คุณกาแฟ (อุ๊)
๗. คุณเจ้าจุก
๘. คุณนพรัตน์ (พ่อ)
๙. คุณนพรัตน์ (แม่)
๑๐. คุณนพรัตน์ (ลูก)
๑๑. คุณแป้ง
๑๒. คุณพรพิมล
๑๓. คุณธัญญา ๙๙

ยันต์เกราะเพชร
​

๒. - วันเสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓
ทริปเล็กกับบุญใหญ่ (๑) งานเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (๑ วัน ๑ คืน)

เนื่องจากปีนี้ตรงกับวันเสาร์ห้า เดือนห้า ชาวคณะเลยจัดทริปเป็นกรณีพิเศษคือ อยู่ร่วมพิธีทั้งสองรอบ คือ รอบเช้า และรอบบ่าย

- ค่าใช้จ่าย ท่านละ ๔๕๐ บาท
- เดินทาง โดยรถตู้ปรับอากาศ TOYOTA COMMUTER (๑๓ ที่นั่ง)

- รายชื่อสมาชิกผู้แจ้งความประสงค์ร่วมเดินทาง
๑. คุณ ญ.ผู้หญิง
๒. คุณวรุณบุตร
๓. คุณกาแฟ (ตุ๊ก)
๔. คุณกาแฟ (อุ๊)
๕. คุณลักษณาวลัย
๖. คุณลักษณาวลัย (ญาติ)
๗. คุณน้องไอช์
๘. คุณเจ้าจุก
๙. คุณ cabin
๑๐. คุณ chimy
๑๑. คุณดาราพร
๑๒. คุณธัญญา ๙๙
๑๓. คุณดวงหทัย
๑๔.-๑๗. คุณเสาวนิตย์
๑๘.-๒๐. คุณอัง
๒๑. คุณเม้ง
๒๒. คุณกาลกตา
๒๓. คุณ prisonbreak



ขอให้ทุกท่านตรวจสอบรายชื่อ และกัลยาณมิตรท่านใดที่มีความประสงค์ต้องการร่วมเดินทางกับชาวคณะ ขอให้ลงชื่อหรือโทรแจ้งหญิงได้ที่เบอร์โทรศัพท์ ๐๘๑-๗๓๕๙๒๖๑ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ

 

บันทึกการเดินทาง กับความประทับใจในทริปธรรม (๒) ทริปคิชฌกูฎ-คลองนารายณ์

.... กลับมาแล้วด้วยความอิ่มกาย อิ่มใจ อิ่มบุญเกินร้อย มีความประทับใจมากมายเหลือเกินกับทริปธรรมทริปนี้ ตั้งแต่วันที่ก่อนเดินทางที่หญิงประสบอุบัติเหตุโดนรถยนต์ชนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ก.พ. ก่อนหน้าวันเดินทางไม่ถึง ๒ วัน ต่อเนื่องด้วยบททดสอบกำลังใจอย่างหนักหน่วงในช่วงเย็นของวันศุกร์ :'( แต่เมื่อได้วางกำลังใจและขออำนาจคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ทุกอย่างก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี

เช้าวันเสาร์ เวลา ๐๕.๐๐ น. คุณลุงสุนทร ผู้เป็นโชเฟอร์ในคันลับแล ๑ ได้ขับรถมารับหญิงที่บ้านพร้อมกับสัมภาระที่จะต้องใช้ในทริปนี้มากมาย ก่อนที่จะแวะไปรับน้องตุ๊กและน้องอุ๊ตามเส้นทางผ่าน ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปยังจุดนัดพบ คือ ปั๊มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า ที่คันลับแล ๒ และสมาชิกอีก ๒๒ ท่านไปรออยู่

ทริปนี้มีสมาชิกเก่าที่เคยร่วมทริปกันมาหลายครั้งแล้วจำนวน ๑๗ คน เป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งร่วมทริปกันครั้งแรกจำนวน ๘ คน เมื่อมาถึงหญิงได้เปลี่ยนแปลงที่นั่งใหม่ เพราะทราบดีว่าคันลับแล ๑ จะต้องเป็นคันที่ไม่มีการนอนพักระหว่างเดินทาง เนื่องจากเหล่าสมาชิกทั้งหลายปฎิบัติตัวเหมือนคนที่ไม่เคยพบเจอพูดคุยกันมาเป็นปี (ping-loveโดยให้สมาชิกใหม่และเก่าบางท่านที่ต้องการพักผ่อนระหว่างการเดินทางไปนั่งในคันลับแล ๒

ล้อหมุนตามกำหนดการทุกประการ ออกเดินทางโดยใช้เส้นทางทางด่วนและต่อเนื่องด้วยเส้นทางสายมอเตอร์เวย์ ไปพักรับประทานอาหารเช้ากันที่จุดพักรถปั๊มน้ำมันบางจากก่อนที่จะล้อหมุนกันไปยังจุดหมายปลายทางแรก คือ รอยพระพุทธบาทคลองนารายณ์ และไม่ลืมที่จะแวะซื้อเสบียงสำหรับมื้อกลางวันของพวกเราทุกคน

​

เมื่อถึงปากทางเข้า สายตาแรกที่มองเห็นคือหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพร้อมรถคู่ใจ พร้อมหมูสะเต๊ะถุงใหญ่ ซึ่งจะเป็นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก น้องเด็กน้อยด้อยธรรม แห่งเว็บวัดท่าขนุนนั้นเอง หญิงรีบแจ้งน้องว่า ให้ขับรถตามพวกพี่ไป

ก่อนวันเดินทาง หญิงได้โทรประสานงานกับพี่ ๆ อบต.แล้วเรื่องที่คณะจะเข้ามาทำงานที่รอยพระพุทธบาทคลองนารายณ์ ซึ่งได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากชาวบ้าน ม.คลองนารายณ์ด้วยดี ชาวคณะนำรถเข้าไปจอดพักที่บ้านของคุณแม่พี่วิรัตน์ (เจ้าหน้าที่ อบต.) คุณแม่ได้ให้การต้อนรับไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่น้องไผ่ (คนนำทาง) จะเดินนำชาวคณะไปยังรอยพระพุทธบาทคลองนารายณ์

เอาแล้ว หญิงซึ่งขณะนี้ได้ฉายาว่า "เดี้ยง" ได้ออกเดินขโยกเขยกตามพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ในคณะไป โดยมีน้อง ๆ หลายคนช่วยหิ้วปีก ท่ามกลางอาการตาเป็นไฟของเหล่าสาว ๆ ทั้งหลาย ๕๕๕

เมื่อถึงช่วงรอยต่อระหว่างการลุยลำธารเพื่อไปสู่เส้นทางโขดหินรอยพระพุทธบาท น้องเต็นท์ซึ่งเป็นหนึ่งหนุ่มในคณะ อาสาเป็นม้าให้หญิงได้ขี่หลังพาข้ามลำธารไปอย่างสบาย

เมื่อถึงโขดหินรอยพระพุทธบาท ทุกคนร่วมกันทำความสะอาดอย่างไม่มีการเกี่ยงงอน แบ่งหน้าที่กันทำอย่างสนุกสนาน ตั้งอกตั้งใจโดยมีหญิงส่งกำลังใจให้ตลอด เพราะโดนสั่งให้นั่งเฉย ๆ ฮิ ฮิ ฮิ

สภาพน้ำในคลองแห้งไปมาก ทำให้สามารถทำความสะอาดและร่วมกันปิดทองเป็นพุทธบูชาสำหรับรอยพระุพุทธบาทที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างสบาย

ได้เวลาพักเที่ยง ทุกคนล้อมวงกันทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แบ่งปันกันทานอย่างสนุกสนาน ไม่มีการเกี่ยงว่าเป็นคนเก่า คนใหม่ ทุกคนล้วนอยู่ในความคิดและจุดมุ่งหมายเดียวกัน เป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกัน

หลังเวลาพัก หญิงบอกสมาชิกหลายท่านว่า สามารถเดินทวนต้นน้ำขึ้นไปได้เพื่อไปยังน้ำตกคลองนารายณ์ ซึ่งสถานที่นั้นเคยเป็นที่สรงน้ำของรัชกาลที่ ๕ เมื่อ ๑๑๑ ปีที่ผ่านมาแล้ว และพระองค์ท่านได้สร้างเจดีย์เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงพระนางสุนันทากุมารีรัตน์ไว้ ณ ที่นั่นด้วย

หลายคนเลือกที่จะเดินตามกันไป เหลือหญิงและเพื่อน ๆ อีก ๔ ท่านช่วยกันจัดแต่งพุ่มผ้าป่า สำหรับนำขึ้นไปกราบถวายหลวงพ่อเขียนที่เขาคิชฌกูฎในค่ำคืนนี้

เวลาเกือบบ่าย ๒ หญิงโทรหาพี่พรหม ซึ่งได้แจ้งว่าจะตามมาสมทบกับชาวคณะ ได้ความว่า ธ กำลังเดินทางมาใกล้ถึงแล้ว แต่มาทราบภายหลังว่า ธ หลงทางเสียหลายรอบทั้งทางถนน และทางในสวน ๕๕๕ สมกับสโลแกนของชาวคณะบึงลับแลเสียจริง ๆ "ไม่ปืน... ก็มุด ไม่หลง.... ก็เลย .....ต้องบึงลับแล"

ในที่สุดเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. ตรง ชาวคณะก็ทำงานทุกอย่างได้เสร็จสมบูรณ์ ทุกคนร่วมกันสวดบูชา ก่อนที่จะช่วยกันเก็บขยะ เก็บของ เดินทางกลับมายังรถ เพื่อเดินทางไปยังเขาคิชฌกูฎอันเป็นเป้าหมายต่อไป

กฤศหลงทางระหว่างเดินในสวน ชาวคณะพบเจอพี่พรหมตรงจุดที่ต้องข้ามคลอง บอกแล้ว ว่าต้องหลง ต้องหลง ไปกับคณะนี้ต้องหลง ถ้าไม่หลงไม่ใช่ของแท้

ชาวคณะมาพักเหนื่อยกันที่บ้านคุณแม่ มอบพระบรมสารีริกธาตุให้กับคุณแม่และพี่ ๆ อบต. คุณแม่บอกว่า "มากันใหม่นะลูก มาเดือนพฤษภาคมนะลูก หน้าผลไม้ จะได้มากินผลไม้กัน" ว้าว!!!! หนูไม่ลืมแน่ค่ะคุณแม่ขา เรื่ิองกินนี่พวกหนูก็ถนัดและคล่องไม่แพ้การทำงาน ฮิ ฮิ อิ

ชาวคณะพักรอพี่พรหม จนเดินทางมาถึง ที่รอไม่ใช่อะไร รอขนมนั้นเอง แถมพี่พรหมยังฝากเงินร่วมทำบุญในทุกบุญอีก อานิสงส์แรงมากจนพี่พรหมผมเกือบหมดหัวแล้ว (เกี่ยวกันไหมนี่) (smile) ฮิ ฮิ ฮิ

 

บันทึกการเดินทาง กับความประทับใจในทริปธรรม (๒) ตอนคิชฌกูฎ

... ๑๖.๐๐ น. ชาวคณะล้อหมุนมาถึงยังวัดกระทิง ลงรถได้หญิงรีบไปแจ้งยังคุณโชค ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องการจัดคิวรถ พี่โชคแจ้งว่า ได้จัดเตรียมรถไว้ให้แล้วจำนวน ๒ คัน เวลาขึ้นตั้งแต่ ๑๗.๓๐ - ๑๘.๐๐ น. ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณพี่โชคและโชเฟอร์ทั้ง ๒ คันไว้ ณ ที่นี้ด้วย

หญิงให้เวลาทุกคนทำธุระส่วนตัว ทั้งอาบน้ำ และทานข้าวให้เรียบร้อย เวลา ๑๗.๓๐ น. ให้ทุกคนมาเจอกันหน้าจุดขึ้นรถขึ้นเขา สัมภาระที่นำไปเฉพาะถุงนอนและพุ่มผ้าป่า ทุกคนรับคำและแยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย

ได้เวลานัดหมาย คนพร้อม รถพร้อม ได้เวลาล้อหมุนขึ้นเขา เวลา ๑๗.๔๔ น. ระหว่างทางรถมาก คนมาก แต่เนื่องจากชาวคณะได้มาใช้บริการรถของวัดกระทิง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอรถและถ่ายรถ ณ จุดพักรถที่ ๒ ใช้เวลาเดินทางถึงจุดที่สอง ก่อนที่จะเดินเท้าต่อไปอีกเป็นระยะทาง ๑,๓๐๐ กม. ในเวลา ๑๘.๓๐ น. ถือว่าเร็วมาก

ถึงจุดสุดท้ายก่อนการเดินเท้า ชาวคณะได้ร่วมกันกราบขอพรพระสีวลี ก่อนที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบตรงกันว่า ให้ทุกคนเดินตามอัธยาศัย เมื่อขึ้นไปถึงแล้วในเวลา ๑๙.๓๐ น. ให้ทุกคนรออยู่ ณ จุดนัดพบหน้าศาลากองอำนวยการ เพื่อที่จะได้กราบหลวงพ่อเขียนและถวายผ้าป่าร่วมกัน

ก่อนจะเดินเท้าขึ้นเขา เดิมทีหญิงตั้งใจว่าจะใช้บริการเสลี่ยงของทางวัด แต่ด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยมที่รู้ว่า "ทำได้" จึงตัดสินใจที่จะเดินเท้าขึ้นไปสู่ยอดเขาด้วยตัวเอง ได้เห็นน้ำจิตน้ำใจของเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในคณะเอาตอนนี้เอง ทั้ง ๆ ที่ร่วมทริปด้วยกันมาก็หลายครั้ง ในทริปนี้ หญิงรู้ตัวดีว่า หญิงกำลังเป็นตัวถ่วง และเป็นภาระให้กับทุก ๆ คน ได้บอกกับทุกคนไปว่า ไม่ต้องห่วงหญิง ให้เดินกันขึ้นไปแล้วไปเจอกันข้างบน แต่ทั้งน้องและเพื่อนในคณะไม่ยอมทอดทิ้ง ทุกคนช่วยกันเป็นหลักให้หญิง ทั้งกฤศ จิ๋ม น้องจิม น้องเอ หนึ่ง โดยมีน้องกอล์ฟและน้องเต็นท์ ช่วยกันแบกพุ่มผ้าป่านำหน้าไปก่อน พี่อรวรณกับพี่อรทัย ออกเิดินอย่างกระฉับกระเฉง ตามด้วยบรรดาสาว ๆ อีกหลายคน

ขึ้นไปได้สักพักไม่ถึง ๑๐๐ เมตร น้องเออาสาเป็นม้าให้หญิงขี่ น้องเอาหญิงขึ้นหลัง เดินแบกขึ้นเขา ท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ที่มองมาทั้งบรรดาคนที่กำลังเดินขึ้นเขา และคนที่เดินสวนทางลง

ทราบมาเบื้องหลังว่า เป็นที่ชื่นชมของคนมากมาย เพื่อน ๆ ในคณะที่เดินตามหลังมาเล่าให้ฟังว่า หลายคนชื่นชมมาก เพราะเขานึกว่า น้องเอเป็นคู่รักพาหญิงขึ้นเขา ว้าวววววววววววววววววว แสดงว่าหญิงหน้าอ่อนนะนี่ จนคนนึกว่าเป็นคู่รัก แทนที่จะเป็นพี่สาวกับน้องชาย (รีบสวมรอยเรื่องหน้าอ่อนซะเลย) ๕๕๕

ประคับประครอง หยุด ๆ พัก ๆ โดยมีน้องจิม น้องเอเป็นผู้ช่วยตลอดเส้นทาง ในที่สุดก็เดินทางขึ้นมาถึงยอดเขา พักรอจนทุกคนพร้อม นาทีสำคัญก็มาถึง

บริเวณหน้าศาลาที่ท่านพ่อเขียนนั่งรับลูกศิษย์ คนมากมายที่มาจากทั่วทุกสารทิศต่างนั่งกับเต็มพื้นศาลา โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางวัดเอาเชือกมากั้นเป็นสัดส่วนสำหรับคนที่นั่งภายในศาลา และคนที่รอจะเข้าไปกราบเป็นคิวต่อไปไม่ให้ปะปนกัน ชาวคณะอยู่ในกลุ่มคนที่รอเป็นคิวต่อไป

เมื่อได้เวลา เจ้าหน้าที่ได้มาแจ้งว่า ได้เวลาที่ท่านพ่อเขียนจะต้องลงไปลานรอยพระพุทธบาทแล้ว ถ้าไม่ทันต้องรอจนกว่าท่านพ่อจะทำพิธีทางลานฯ เสร็จ ทุกอย่างแล้วแต่ความเมตตาของท่านพ่อ ชาวคณะได้แต่มองหน้ากัน พร้อมกันกันโดยไม่ได้นัดหมาย พี่หน่องกับน้องกอล์ฟ ร่วมกันอุ้มพุ่มผ้าป่าในมือไว้แน่น ชาวคณะทุกคนต่างตั้งจิตอธิษฐานขอภายในใจ

จวบจนกลุ่มคนมากมายในชุดแรกผ่านพ้นไป ปาฎิหารย์ก็บังเกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ประกาศมาว่า ให้คณะผ้าป่าเข้าไปกราบก่อน คนอื่นยังไม่ต้องเข้า พวกเราหันมามองหน้ากัน ปิติเกิดขึ้นในใจอย่างสูง

ต่างรีบเข้าไปกราบท่าน ท่านได้เมตตาถามว่า มากันจากไหน ได้กราบเรียนว่ามาจากกรุงเทพ ฯ และเจ้าหน้าทีไ่ด้ประกาศชื่อว่า คณะบึงลับแล นำผ้าป่ามาถวาย ท่านพ่อเขียนได้เมตตาปลุกเสกกระเป๋าของชาวคณะทุกคน พร้อมทั้งถามว่ามากันทั้งหมดกี่คน หญิงได้กราบเรียนตอบไปว่า มาทั้งหมด ๒๕ คนเจ้าค่ะ แต่พอตอบเสร็จก็นึกในใจว่า จริง ๆ มา ๒๗ คนนี่น่าเพราะคนรถอีก ๒ ท่านก็ได้เมตตาให้เจ้าหน้าที่จัดวัตถุมงคลมาให้ ก่อนกราบลาท่านพ่อเขียนยังได้พรมน้ำมนต์ให้กับชาวคณะอย่างเต็มที จนเปียกโชกไปตาม ๆ กัน

หมดจากชาวคณะ ซึ่งถือว่าเป็นคณะสุดท้ายที่ได้กราบท่านในช่วงหัวค่ำ ท่านก็เดินลงมายังลานพระพุทธบาทและนำร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น ก่อนที่ชาวคณะจะไปรับเครื่องนอนโดยมีเจ้าหน้าที่นำทางไปให้

มีเรื่องขำขันเกิดขึ้นอีกเช่นกัน เนื่องจากคณะที่ไปเป็นคณะใหญ่ มีสมาชิกถึง ๒๕ คน และสถานที่บนเขามีความคับแคบเนื่องจากคนที่ขึ้นไปกราบไหว้มีเยอะ เจ้าหน้าทีไ่ม่สามารถหาสถานที่ ๆ มีความกว้างเพียงพอที่จะนอนรวมกันได้ จนสุดท้ายชาวคณะตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนกันบนลาน ฮ. แต่ทางเจ้าหน้าที่แ่จ้งว่า หมอกลงจัดมากจะทำให้เครื่องนอนเปียก หญิงจึงแจ้งว่า เป็นสถานที่ใดก็ได้ แต่ขอให้เพียงพอสำหรับรองรับคน ในที่สุด ก็สรุปว่าเป็นบริเวณโต๊ะทานอาหารของพระภิกษุ ซึ่งเจ้าหน้าที่เครื่องนอนแจ้งว่า จะต้องขอพื้นที่คืนในเวลา ๐๓.๐๐ น. ซึ่งชาวคณะทุกคนก็รับทราบและยืนยันตรงกันว่าพร้อมที่จะคืน

๒๒.๐๐ น. จัดที่นอนเสร็จ ทุกคนแยกย้ายกันตามอัธยาศัย บางส่วนไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทพลวง บางส่วนเลือกที่จะนอนเอาแรงก่อนที่จะตื่นไปกราบตอนใกล้รุ่ง บางส่วนเลือกที่จะเดินไปถึงธงแดง แต่หญิงเลือกที่จะนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนที่จะไปกราบรอยพระพุทธบาทในตอนเช้ามีด

๐๒.๓๐ น. หลายคนเริ่มทะยอยตื่น ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ เก็บที่นอน เวลา ๐๓.๐๐ น. เจ้าหน้าทีเ่ครื่องนอนเดินเข้ามาที่ชาวคณะ เมื่อเห็นว่าคณะตื่นนอนและจัดเก็บเครื่องนอนเรียบร้อยแล้ว ต่างพากันยิ้มและขอบคุณด้วยความพอใจ

หญิงให้เวลาทุกคน สำหรับการไหว้สักการะรอยพระพุทธบาทและแจ้งให้ทุกคนทะยอยเดินลงจากเขา กำหนดเวลาให้เจอกัน ณ จุดที่ ๒ ที่ต้องรอขึ้นรถในเวลา ๐๕.๐๐ น. แรกเริ่มเดิมที ชาวคณะตั้งใจจะร่วมสวดมนต์ทำวัตรเช้า แต่จากสายตาที่มองเห็นปริมาณคนที่ทะยอยเดินขึ้นเขาซึ่งมากผิดปกติ เนื่องจากเป็นวันพระใหญ่ ก็ทำให้ทราบดีว่า ยิ่งสายการเดินลงจากเขาจะยิ่งลำบากขึ้น

ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดพลาดเลย ช่วงที่ทะยอยลงจากเขา น้องเอกับน้องเต็นท์ สลับกันเป็นม้าให้หญิงขี่หลัง พาเดินลงจากเขา ช่วงทางเดินลง ฝั่งคนขึ้นคนแน่นหนา เบียดเสียดกันไปมา แต่ยังไม่ถึงขนาดล้นมาทางช่องทางคนเดินลง ถือว่ายังลงได้สบาย

ลงมาถึงลานจุดขึ้นรถ เจ้าหน้าที่วัดกระทิงแจ้งว่า ขณะนี้ทางด้านล่างบริเวณวัดพลวง รถติดมาก ยาวไปจนถึงสี่แยกวัดกระทิง รถทางวัดกระทิงไม่สามารถขึ้นมารับชาวคณะได้ ต้องรอประมาณ ๑ ชม. หญิงรีบแจ้งให้ทุกคนทราบ ทุกคนนั่งรอ ระหว่างที่รอ มีแต่รถที่พาคนทะยอยขึ้นมาส่งเป็นชุด ๆ ละ ๗ - ๑๐ คันไม่ขาดระยะ คันละ ๑๐-๑๒ คน ขึ้นมาจนนับกันไม่ถ้วน มีแต่คนขึ้น ขึ้น และขึ้น ไม่ค่อยมีคนลง

เวลา ๐๖.๐๐ น. เจ้าหน้าที่วัดกระทิงแจ้งหญิงว่า รถยังติดมาก ติดหนัก ขึ้นมารับไม่ได้ให้รอต่อไป อาจจะ ๑ - ๒ ชม. เอาแล้ว หลายคนเริ่มเหนื่อยกับการรอ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้าจะให้เร็วต้องไปรถของวัดพลวงแล้วไปต่อรถกันเอง ระหว่างนั้น สายตาของทุกคนเห็นฝูงคนที่เดินออกมาจากช่องทางเดินเท้าไม่ขาดสาย แต่ทุกคนยังนึกภาพของฝูงคนด้านล่างไม่ออก คิดแต่ว่า รถนำคนขึ้นมาเยอะเหลือเกิน และคนที่เดินเท้าขึ้นมาเองก็เยอะพอกัน

ในที่สุดเวลา ๐๗.๐๐ น. เจ้าหน้าที่วัดกระทิงแจ้งว่า รถติดสนิท ไม่ขยับ รถไม่สามารถฝ่าขึ้นมาได้ อาจจะต้องรอถึงเที่ยง หรือ..... คราวนี้หญิงไม่รออะไรอีกแล้ว ชวนจิ๋มให้ช่วยพยุงไปที่คิวซื้อตั๋วรถของวัดพลวง สอบถามเรื่องคิว พอทราบว่า ถ้าคนเราเยอะและพร้อมเต็มคันก็สามารถขึ้นได้ทันทีไม่ต้องรอคิว เอาซิ ได้โอกาส เพราะคนเราพร้อมแล้ว ถือว่า นั่งได้ ๒ คันสบาย ๆ รีบเดินมาบอกทุกคนว่า ตัดสินใจไปรถวัดพลวงแล้วไปต่อรถด้านล่างอีกครั้ง ก่อนที่จะหารถจากวัดพลวงจ้างไปส่งที่วัดกระทิง ซึ่งต้องใช้เวลาในการต่อรถถึง ๓ ต่อ โอเคกันไหม ทุกคนเห็นดีด้วย บัดนั้น ก็ได้เวลาการซื้อตั๋ว และติดต่อรถลงมายังจุดจอดรถที่ ๑ ทันใด

ช่วงที่ทุกคนนั่งรถลงมาจากจุดจอดรถที่ ๒ ลงมายังจุดจอดรถที่ ๑ ทุกคนนึกถึงสภาพของรถที่ติด และคนทีเ่ยอะไม่ออก แต่ตลอดเส้นทางที่ลงมา เรามองเห็นบรรดาผู้คนทั้งเด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย คนแก่ เดินขึ้นเขากันมาเป็นกลุ่ม ๆ มากมายนับไม่ถ้วน ลงมาได้สักครู่ รถก็ติด รถติดอยู่บนเขา ต้องค่อย ๆ ทะยอยขับตามกันลงมา

เมื่อลงมาถึงจุดต่อรถที่ ๑ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่ทุกคนจะต้องเปลี่ยนรถเพื่อลงไปยังลานจอดรถวัดพลวง สายตาที่มองเห็น คนนับร้อย นับพัน แน่นขนัดเต็มลานจอดรถ ต่างคนต่างเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อรอขึ้นรถที่จะนำไปยังจุดที่ ๒ คำนวณด้วยสายตาไม่ต่ำกว่าพันคน ชาวคณะรีบซื้อตั๋วต่อคิว หญิงถามเจ้าหน้าที่ว่ามีรถไปถึงวัดกระทิงหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตั๋วแจ้งว่า มีบริเวณสันเขื่อน หญิงรีบแจ้งทุกคนให้ทราบตรงกันว่า ให้ทุกคนลงแล้วไปรอกันตรงสันเขื่อน หลังจากนั้นเราค่อยติดต่อหารถให้ไปส่งที่วัดกระทิงต่อไป

ทุกคนรับทราบตรงกัน จังหวะที่ลง รถติดตลอดเส้นทาง แต่ก็ลงมาได้ด้วยความปลอดภัย เมื่อลงมาถึง หญิงมองเห็นรถสองแถวสภาพเก่าคันหนึ่งที่เพิ่งมาส่งคนลงที่สันเขื่อน รีบไปติดต่อแจ้งจำนวนคน และสอบถามราคา คุณตาเจ้าของรถแจ้งว่าคนละ ๒๐ บาท โอเค ราคาเท่านี้ไม่มีปัญหา หญิงรีบบอกให้ทุกคนขึ้นรถ

เพียงลงจากสันเขื่อน สายตาพวกเราก็ประทะเข้ากับกลุ่มคนเต็มถนนและบริเวณลานวัด ไม่มีรถแล่นได้สักคัน มีแต่คน คน แล้วก็คน ที่ต่างนั่ง นอน รอเตรียมขึ้นรถ ไม่มีรถของวัดพลวงสักคันที่จะพาคนขึ้นเขา ทำให้เข้าใจแล้วว่า ทำไมตลอดเส้นทางร่วม ๔ กม. ของเส้นทางรถ ถึงได้มีแต่คนเดิน และเดิน

จิ๋ม และกฤศใช้ปากให้เป็นประโยชน์แทนแตร พวกเราตะโกนขอทางไปตลอด จนหลุดพ้นออกมาจากฝูงคน มองไปตามถนนที่จะเข้าสู่ประตูวัดเต็มไปด้วยรถที่จอดแช่สนิท ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ คุณตาเจ้าของรถพาคณะเลี่ยงอ้อมไปอีกทางเพื่อที่จะหนีสภาพการจราจรหน้าวัดที่ติดขัด อ้อมไปได้สักพักก็ติดสนิทอีกไม่แพ้กัน แต่ก็ยังดีที่สามารถลัดเลาะมาได้เรื่อย ๆ จนถึงวัดกระทิงในที่สุด เวลา ๐๙.๐๐ น.

มาถึงวัด หญิงให้เวลาทุกคนอาบน้ำและทานข้าวให้เรียบร้อย บอกทุกคนว่า ๑๐.๓๐ น. เจอกันที่รถ หลังจากนี้พวกเราต้องทำเวลาในการเดินทาง เพราะเราเสียเวลาลงเขามามากแล้ว จะทำให้กระทบกับเวลาที่คณะจะเดินทางไปเกาะสีชัง ทุกคนรับปาก และรักษาเวลาได้ดี

๑๐.๓๐ น. ล้อหมุนออกจากวัด เดินทางต่อไปยังจุดมุ่งหมายต่อไปคือ เกาะสีชัง

 

บันทึกการเดินทาง กับความประทับใจในทริปธรรม (๒) ตอนสีชัง

.... ขึ้นรถได้ ทุกคนยังส่งเสียงพูดคุยกันด้วยความสนุกสนาน สักพักเสียงเงียบไป หญิงหันกลับไปดู ทุกคนนั่งหลับคอพับคออ่อน ได้แอบถ่ายภาพระยะะเผาขนมาเกือบทุกคน (รอเว็บเข้าได้ง่าย ๆ แล้วค่อยลงภาพมาให้ดู)

รถแล่นทำเวลามาจนเหลือระยะทางอีก ๑๕ กม. จะถึงเกาะลอย หญิงให้ทุกคนพักเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวบริเวณปั๊ม ปตท.ให้เรียบร้อย แจ้งทุกคนว่า เรามีเวลาอีกเพียง ๓๐ นาที สำหรับการเดินทางจากตรงนี้ ไปให้ทันเรือเที่ยวเที่ยง เพราะถ้าเราพลาดไปแม้แต่เพียงนิดเดียว เราต้องเสียเวลารอเรือเที่ยวต่อไปอีก ๑ ชม.

เวลา ๑๑.๔๐ น. ชาวคณะเดินทางถึงบริเวณท่าเรือเกาะลอย ทุกคนลงจากรถได้ รีบเดินไปยังบริเวณท่าเรือ หญิงสั่งให้ทุกคนขึ้นเรือไปก่อน ตัวเองซื้อตั๋วสำหรับทุกคน ในที่สุด เมื่อทุกคนได้ขึ้นเรือและหาที่นั่งได้เรียบร้อย เรือก็ออกเดินทางจากท่าในเวลา ๑๒.๐๐ น.

๑๒.๔๐ น. เรือเทียบท่าที่เกาะ หญิงสั่งให้ทุกคนรวมตัวกัน รีบไปติดต่อเช่ารถสองแถวจำนวน ๒ คัน เพื่อพาทุกคนไปทานข้าว พี่อรวรรณกับพี่อรทัยแยกกับชาวคณะตรงนี้เพราะความหิว พี่ทั้งสองขออนุญาตทานข้าวและจะเดินทางไปที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ด้วยตัวเอง หญิงไม่รอช้า รีบสั่งรถให้พาไปส่งยังบริเวณช่องเขาขาด เพื่อร่วมกันรับประทานอาหาร หลังทานเสร็จทุกคนร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และออกเดินทางต่อไปยังศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

ชาวคณะหน้าช่องเขาขาด

​

ถึงเชิงเขาก่อนขี้นไปยังบริเวณศาล หญิงแจ้งทุกคนว่าเรามีเวลาที่นี่เพียง ๔๐ นาทีขอให้ทุกคนรักษาเวลาด้วย เพราะเดิมทีตั้งใจว่าจะกลับเรือเที่ยว ๑๖.๐๐ น. ถ้าพวกเรารักษาเวลาทัน เราจะมีเวลาไปยังพระราชวังเดิมและเขาพังต่อด้วย ทุกคนรับปาก

แยกย้ายกันกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่จนเสร็จ ก็ถึงจุดสุดท้าย คือ ขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทสีชัง ซึ่งต้องขึ้นบันไดไปอีกไม่น้อยกว่าร้อยขั้น แน่นอน เช่นเดิม หญิงให้ทุกคนขึ้นไปก่อน ไม่ต้องรอ แต่น้องจิม และน้องเต็นท์ไม่ยอม คอยช่วยประครองและหิ้วปีกเช่นเคย ขึ้นไปถึงด้านบนร่วมกันปิดทองและพรมน้ำอบเป็นพุทธบูชา แล้วก็ทะยอยเดินลงจากเขา ตอนลงน้องจิม น้องเต็นท์ และคุณนู่ช่วยกันประครอง

ชาวคณะ หน้ารอยพระพุทธบาทสีชัง

​

ลงมาถึงเชิงเขาเบื้องล่าง ดูเวลา ๑๕.๔๐ น. รู้ทันทีว่าถ้าจะกลับเรือเที่ยว ๑๖.๐๐ น. ทันแน่นอน แต่สถานที่ ๆ ยังไม่ได้ไปอีก ๒ สถานที่รออยู่ ตัดสินในแจ้งพี่อรวรรณ และพี่อรทัยว่า จะำพาคณะไปอีก ๒ สถานที่แล้วกลับเรือเที่ยว ๑๗.๐๐ น. พี่ทั้งสองน่ารักมาก แจ้งว่าจะนั่งรออยู่ที่ท่าเรือ ให้ทุกคนเที่ยวตามสบายไม่ต้องเป็นห่่วง

ชาวคณะออกเดินทางต่อไปยังพระราชวังเดิม หญิงให้ทุกคนลงไปกราบสักการะพระรูปรัชกาลที่ ๕ แต่ตัวเองนั่งรอที่รถ เพราะเคยมากราบหลายครั้งและรู้ว่าเวลาในการเดินของตัวเองจะเป็นข้อจำกัดเรื่องเวลา

ลีลาสาว (เหลือ) น้อย หน้าพระราชวังเดิม

​

เสร็จจากพระราชวังเดิม หญิงให้รถพาทุกคนไปยังบริเวณเขาพัง แจ้งให้ทุกคนทราบว่า ถ้าเรามีเวลามากพอ หมายถึง ถ้าเราไม่ไปเสียเวลาในช่วงเช้าตอนที่ลงจากเขาคิชฌกูฎ เราจะมีเวลาอยู่บนเกาะมากพอที่จะให้ทุกคนได้เล่นน้ำที่นี่ได้ หลายคนบอกไม่เป็นไร แต่หญิงเชื่อว่า หลายคนคงคิดไว้ในใจว่า ไว้มีโอกาสเมื่อไร คงได้มาเยือนอีก

๑๖.๔๕ น. เดินทางถึงท่าเรือ ทุกคนรีบลงเรือ หญิงซื้อตั๋วและขึ้นไปหาที่นั่ง เรือออกจากท่าเวลา ๑๗.๐๐ น. ทุกคนส่งสายตามองไปยังเกาะ แต่ละคนจะอธิษฐานอะไรไว้ในใจบ้างหญิงไม่ทราบ แต่ตัวเองได้แต่ส่งจิตว่า ลูกหายดีเมื่อไร จะกลับมาอีกครั้ง......

 

บันทึกการเดินทาง กับความประทับใจในทริปธรรม (๒) ตอนเขาสามมุก

.... เรือเทียบท่าเอาเวลา ๑๗.๔๐ น. ดูเวลาแล้วเริ่มหนักใจนิดหน่อย เพราะทราบดีว่ารอยพระพุทธบาทอ่างศิลา ต้องอาศัยผ่านประตูของสถานที่ราชการ คือ ตำหนักแดง และรอยพระพุทธบาทบางทราย ต้องไปให้ถึงก่อนการปิดประตูมณฑป

รถพาชาวคณะเลี้ยวเข้าไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บริเวณเขาสามมุกก่อนที่จะเดินทางต่อไปรอยพระพุทธบาทอ่างศิลา ท้องฟ้ามืดสนิท รู้แล้วว่าเข้าไปไม่ได้แน่เพราะประตูปิด เหลือแต่รอยพระพุทธบาทบางทรายที่จะต้องไปให้ทันในเวลา ๑๙.๐๐ น. แต่สุดท้ายเมื่อคำนวณเวลาแล้วก็คิดว่าไปไม่ทันแน่นอน เพราะเราใช้เวลาอยู่ที่คิชฌกูฎและสีชังมาก ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพฯ รีบโทรแจ้งคนขับลับแล ๒ ให้ทราบว่า มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ และไปเจอกันที่จุดนัด คือ ปั้มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า

กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น. โดยสวัสดิภาพ ส่งทุกคนลง ณ จุดนัดเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลากลับถึงบ้านพร้อมด้วยกำลังกาย กำัลังใจเต็มร้อยในเวลา ๒๑.๐๐ น. เป็นอันว่าปิดทริปคิชฌกูฎ คลองนารายณ์ อย่างสมบูรณ์

ขออนุโมทนากับกัลยาณมิตรทุกท่านในทริปนี้ รวมถึงอีกหลายท่านที่ไม่ได้ไปแต่ส่งใจร่วมมาโดยตลอด ขอให้อานิสงส์ผลบุญที่ชาวคณะบึงลับแลได้กระทำมาเป็นพลังสำคัญให้ทุกท่านประสบแด่ความสุข ความเจริญทั้งในทางโลกและทางธรรม จนกว่าตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ สาธุ

แล้วพบกันใหม่กับทริปธรรมทัศนาจร (๓) ล่องใต้กราบหลวงปู่สุภา สักการะรอยพระพุทธบาทนัมทานที จ.ภูเก็ต ในวันที่ ๑๒-๑๔ มี.ค.นี้ ก่อนที่จะปิดท้ายทริปบุญด้วยงานเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน ในวันเสาร์ที่ ๒๐ มี.ค. เป็นการเดินทางทริปธรรมของชาวคณะประจำเดือน มี.ค. ต่อไป