ประสบการณ์มโนมยิทธิ กรรม และเรื่องยุ่งๆของผม

​

อนุโมทนากับน้องกฤษณ์และน้องเฟมนะครับ ถามแฟนพี่แล้วนะครับ แฟนพี่บอกว่ายืนยันตามที่น้องกฤษณ์เห็นครับ ไหนๆน้องกฤษณ์ก็กล่าวถึงวัดท่าซุงแล้ว ก็จะกล่าวยืนยันตามที่น้องกฤษณ์บอกนะครับ คือที่วัดท่าซุงนั้น ถ้าในบรรดาลูกหลานของหลวงพ่อทุกคนจะทราบดีว่าที่วัดหลวงพ่อนั้นมีเทพ เทวดา นางฟ้าดูแลเยอะแยะเต็มไปหมด และท่านก็สอนดวงวิญญาณ สัมภเวสีที่พอจะสงเคราะห์ได้ในการปฏิบัติธรรมะ เพื่อเลื่อนภพภูมิไปเป็นเทวดา นางฟ้า

ฉะนั้นที่น้องกฤษณ์เห็นนั้น ที่วัดไม่ได้มีแค่การสอนธรรมะสำหรับมนุษย์เท่านั้น แม้แต่ภพภูมิในโลกทิพย์ เทพท่านก็สอนธรรมะให้กับดวงวิญญาณที่พอจะสอนได้ด้วย เพราะการที่เทพท่านสงเคราะห์ธรรมะทาน ท่านก็ได้บุญ และท่านก็ปฏิบัติเพื่อเลื่อนไปชั้นที่สูงกว่า

แต่ถ้าท่านใดที่คิดว่ากระทู้นี้บ๊องส์ๆ บวมๆ เชื่อถือไม่ได้ โม้รึเปล่า อันนั้นต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเท่านั้นครับ หรืออีกทีก็ต้องไปตอบคำถามท่านปู่พระยายมเอง ตอนท่านถามคำถามในขณะที่กำลังตัดสินโทษที่สำนักพระยายมท่าน แบบอันหลังนี่ตัวใครตัวมันละก๊าบ เพราะถ้าถึงเวลานั้นผมก็คงจะลาออกจากการเป็นมนุษย์เหมือนกัน

​

 

แมกซ์ มุลเลอร์(Friedrich Max Muller) นักปรัชญาชาวเยอรมันชื่อดังในคริสต์ศตวรรษที่่ 19 มีความเชี่ยวชาญเรื่องศาสนาเปรียบเทียบ ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ศาสนา :"ประมวลศีลธรรมของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จักมา"

​

 

คาร์ล กุสตาฟ จุง(Carl Gustav Jung) นักจิตวิทยาชาวสวิสที่มีชื่อเสียงเทียบเท่าซิกมุนด์ ฟรอยด์ :"ข้าพเจ้าเชื่อว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา ปรัชญาของพระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่เหนือลัทธิอื่นใดอย่างห่างไกล"

​

 

อัลดัส ฮักซลีย์ (Aldous Huxley) นักเขียนนวนิยาย นักวิจารณ์ชาวอังกฤษ กล่าวว่า :“ในบรรดาศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกทั้งหมด พุทธศาสนาเป็นเพียงศาสนาเดียวเท่านั้นที่ดำเนินไปโดยปราศจากการเบียดเบียนทางศาสนา การตรวจสอบ การควบคุม และการซักถาม สอบสวน ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ หรือลูกขุนเพื่อจะเอาผิดหรือควบคุมผู้ไม่นับถือศาสนา"

​

 

อนุโมทนาครับพี่เฟม เอาจริงๆผมก็ยังไม่คล่องตัวอะไรมากมายหรอกครับ ถ้าเสียงดังผมก็ทำสมาธิไม่ได้พอทำสมาธิให้บังเกิดไม่ได้ ก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นอ่ะครับ ฮ่าๆ ผมเองก็ยังมีความเลวอยู่มาก ยังไม่ได้ถึงขั้นหลวงพ่อทำได้หรอกครับ หลวงพ่อท่านมีความคล่องตัวมาก แค่ล้มตัวลงนอนจับอานาปานุสติเพียงเท่านั้นท่านก็เห็นเลย ดังเช่น ในเทปบันทึกความจำพิเศษ ที่ท่านล้มตัวลงนอนแล้วท่านได้พูดคุยกับท่านสหัมบดีพรหม เป็นต้น

 

เอช จีเวลล์ (Herbert George Wells) นักเขียนนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษที่มีผลลงานอันมีชื่อเสียงรู้จักกัน ดีทั่วโลก อาทิเช่นเรื่อง The Time Machine เมื่อปี 1985 ได้กล่าวว่า:" ศาสนาพุทธได้กระทำไว้มากยิ่งกว่าอิทธิพลอื่นใดที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ ในอันที่จะก่อให้เกิดความก้าวหน้าแห่งอารยธรรมโลก "

​

 

เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดนะครับผม ในอินเดียตอนที่พราหมณ์-ฮินดูกลับมาเรืองอำนาจ ศาสนาพุทธค่อยๆเลือนหายไป ทำให้ต้องเกิดการปรับตัวจนเกิดเป็นศาสนาพุทธนิกายตันตระยาน หรือ เป็นศาสนาพุทธที่เน้นการท่องมนต์แบบพราหมณ์-ฮินดูมากขึ้น หรือในศรีลังกา ตอนที่อาณานิคมอังกฤษเข้ามา มีการเบียดเบียนพุทธศาสนิกชน มีการจับพระสึกและบังคับให้ท่านแต่งงาน และ ประกาศห้ามไม่ให้หยุดในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาครับ

อันนี้ผมก็พูดไปตามประวัติศาสตร์นะครับ แหะๆ

 

อ๋อ!ในความเข้าใจของพี่นะครับน่าจะหมายถึง ศาสนาพุทธเป็นเพียงศาสนาเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่เบียดเบียนใครหรือศาสนาใดศาสนาหนึี่งมั๊งครับ แฮะๆ ถ้าผิดพลาดเก๊าขอโทษนะ

 

ไม่เป็นไรครับพี่ ฮ่ะๆ เอาจริงๆ ในพม่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ปลุกระดมให้ชาวบ้านต่อต้านชาวมุสลิมโรฮิงญา ให้คว่ำบาตร ไม่ให้ขายของให้ ไม่ให้คบค้าสมาคมด้วย แต่เรื่องนี้น่าจะมาจากอคติทางชาติพันธุ์มากกว่าครับ มันก็เป็นแบบนี้อ่ะครับ เพราะคนพูดเป็นชาวตะวันตก เวลาคนตะวันตกจะพูดอะไรมักจะเจือปนด้วยอคติต่อคนอุษาอาคเนย์และชมพูทวีปเสมอครับ

 

อ๋อ แบบนั้นน่าจะเป็น"พะ"แบบที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้น่ะครับ แบบนั้นในความรู้สึกของพี่น่าจะลงอเวจีมหานรกแบบต่อตรงไปเป็นเพื่อนเทวทัตท่านเลย แต่ที่พะในพม่าท่านนั้น น่าจะเป็นแบบที่น้องกฤษณ์พูดไว้ เป็นอคติทางชาติพันธุ์มากกว่า แต่ที่อัลดัส ฮักซลีย์กล่าวไว้ นั้นเข้าใจว่าคงจะนำไปเปรียบเทียบกับศาสนาในโลกตะวันตกยุคกลางมากกว่านะครับ ที่เค้ามีสงครามศาสนายาวนานมาก ถ้าไม่ติดธุระอะไรเดี๋ยวไว้ตอนหัวค่ำจะมาฝอยเรื่องนี้ละกันอะคร้าบ

 

"พะ" เลยล่ะครับพี่ครับ ทุกศาสนาล้วนแล้วแต่เคยถูกเบียดเบียนมาทั้งนั้นแหละครับพี่ แต่สำหรับศาสนาพุทธอาจจะไม่ค่อยชัดเจนนัก เมื่อเทียบกับคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนทั้งในประเทศไทยและประเทศโลกมุสลิม

ปล.ไว้จะรออ่านะคร้าบบผม ^_^

 

อืม ว่าจะเล่าเรื่องสงครามศาสนาซะหน่อย ไม่รู้จะเริ่มที่อะไรดีเนอะ เอาเป็นว่าผมก็ฝอยไปเรื่อยๆละกัน ผิดบ้างถูกบ้าง พี่ๆน้องๆก็ช่วยเสริมให้ผมด้วยละกันครับ แก่แล้วก็เงี๊ยะ หลงมั่งลืมมั่งไปตามสังขาร

ถ้าเราจะพูดถึงศาสนาใหญ่ๆในโลกนี้ ทุกท่านคงจะรู้จักกันอยู่แล้วนะครับ หลักๆก็จะมี ศาสนาคริสต์ อิสลาม พุทธ ฮินดู ยูดาห์หรือยูดายเป็นต้น แต่ถ้าเราได้ศึกษากันจริงๆแล้วละก็ ศาสนาคริสต์ อิสลาม ยูดาห์ มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน โดยมาจากพันธสัญญาหรือบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้าทรงประทานแด่โมเสสบนยอดเขาซีนาย แต่ผมจะไม่เล่ารายละเอียดละ กลัวจะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน (สามารถค้นหาดูได้จากกูเกิลนะก๊าบ)

​

ซึ่งจริงๆแล้วทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี รักเพื่อนมนุษย์ สัตว์ร่วมโลกกันอยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้มีการบิดเบือนคำสอนทางศาสนา และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม การค้า การศึกษา วิทยาการต่างๆ

​

สงครามที่เกี่ยวเนื่องมาจากศาสนาที่ชัดเจนก็คือสงครามครูเสด หรือสงครามศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง เป็นสงครามระหว่างศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม โดยดำเนินมายาวนานกินเวลาถึง 9 ครั้ง แต่หลักฐานบางแห่งก็นับรวมครั้งที่ 6 กับ 7 และ 8 กับ 9 รวมกัน ประมาณ 200 กว่าปี โดยผลัดกันแพ้บางชนะบ้าง และยังเกี่ยวพันไปถึงการล่าอาณานิคมเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรในชนชาติที่ด้อยกว่า ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือชนชาติสเปน ในนามของนักรบศักดิ์สิทธิ์ ที่ไปล่าทองคำและทำลายอารยธรรมของพวกอินคาซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศเปรูจนล่มสลายอีกด้วย

แม้แต่ศาสนาพุทธเรานั้น ถ้าเอ่ยถึงมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลกซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแล้วละก็ หลายๆท่านคงจะจำกันได้นะครับ มีความเจริญรุ่งเรืองมาถึง 800 ปี แล้วก็สูญสลายดับสิ้นลงเพราะคนต่างศาสนาที่เข้ามารุกราน สอดคล้องกับหลักแห่งความไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปจริงๆ

​

 

-๗ มิถุนายน ๒๕๕๗-​

หลังจากที่เมื่อวานไม่ได้เจริญพระกรรมฐานมโนมยิทธิ วันนี้เลยรีบจัดการธุระส่วนตัวแล้วรีบขึ้นไปไหว้พระและเจริญพระกรรมฐาน พอสมาธิทรงตัวก็เคลื่อนจิตไปที่พระจุฬามุณีเจดีย์สถาน หลังจากนั้นจึงขึ้นไปกราบพระบนวิมานของท่านและขอบารมีท่านมาที่สำนักพระยายม สำนักพระยายมที่ผมเห็นเป็นวิมานทองคำสลับแก้วมีความสวยงามมาก และ เจอท่านปู่พระยายม เอาจริงๆท่านไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย ท่านเป็นเทพบุตรรูปงาม รูปร่างสูงใหญ่ จึงกราบท่านและขอท่านให้พาชมอเวจีมหานรก และนรกขุมอื่นๆ ภาพอเวจีมหานรกที่ผมเห็นนั้น ผมเห็นแต่เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีที่หยุดหย่อน ไม่เห็นอะไรเลยครับ เห็นแต่เพียงเปลวเพลิงอย่างเดียว พอมาเจอรูปนี้เข้าก็รู้สึกอึ้งที่มันมีลักษณะคล้ายกันอย่างมาก

ภาพที่เห็นนี้คืออเวจีมหานรกตามคติพุทธศาสนาของญี่ปุ่นครับ​

หลังจากนั้นท่านก็ผมชมอีกหลายขุมเลยล่ะครับ โลหกุมภีนรก กะทะทองแดง และ สัตว์นรกที่ทุกข์ทรมาน เจอต้นงิ้วที่สูงตระหง่านสูงแบบมองไม่เห็นยอด เห็นสัตว์นรกปีนขึ้นไปด้วยท่าทางที่เจ็บปวดและเห็นสัตว์นรกล่วงหล่นลงมา และ ถูกบังคับให้ปีนขึ้นไปอีก หลังจากนั้นก็กลับมาที่สำนักพระยายม เพื่อขอท่านปู่ดูบัญชีบุญ-บาปของผม และได้เห็นบัญชีทองคำ ที่หลวงพ่อท่านเคยพูดถึง บัญชีทองคำคือ การบันทึกบุญอันสำเร็จจากการร่่วมสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมหรือทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสมเด็จองค์ปฐม ผมถามท่านปู่พระยายมว่า นี้เป็นบัญชีทองคำ บัญชีเล่มพิเศษใช่หรือไม่ ท่านก็ยิ้มแล้วตอบว่าใช่ จากนั้นผมจึงกราบลาท่านแล้วขึ้นไปวิมานของตนเอง หลังจากเห็นภาพสัตว์นรกที่ทนทุกข์ทรมานเหล่านั้นแล้ว ผมจึงรู้สึกว่า พระนิพพานมันสุขเพียงใด มันสุขมากเพียงใด ปราศจากความหิวกระหาย ไม่มีอาการเจ็บป่วย เจ็บปวดทางกายและใจ มันสุขแบบสงบที่หาไม่ได้ที่ไหนในโลกใบนี้เลยครับ จากนั้นผมจึงเป็นหาหลวงพ่อที่วิมานองท่าน พอท่านเจอหน้าผมท่านก็ร้องเรียกผมว่า "เป็นไงบ้างล่ะไอ้หนู" ผมกราบท่าน และบอกท่านว่าผมได้ไปสำนักพระยายมและไปนรกภูมิมา และบอกท่านว่าผมเชื่อในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพิชิตมารที่ท่านตรัสบอกทุกอย่างแล้ว ท่านก็ยิ้มและตอบกลับมาบอกว่า "มโนมยิทธิที่เอ็งได้เนี่ยเป็นตัวพิสูจน์คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงรักษาวิชชาที่เอ็งได้ให้ดีๆ" แล้วท่านก็ยิ้ม ยิ้มแบบที่ผมรู้สึกอบอุ่นถึงหัวใจ ผมจึงกราบลาท่าน และขอบารมีพระพุทธองค์ไปหาคุณป้าแม่บ้านที่วิมานของเธอบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อไปขออโหสิกรรมจากเธอ (ทั้งๆที่เคยไปขออโหสิกรรมจากเธอมาแล้วครึ่งหนึ่งก็ตาม) ภาพที่ผมเห็นนั้นตอนนี้เธอเป็นนางฟ้าแล้วและมีภาพซ้อนตอนที่เธอยังเป็นมนุษย์ ผมได้กราบท่านแล้วขออโหสิกรรมจากเธอ เธอก็ยิ้มแล้วบอกว่าเธออโหสิกรรมให้หมดแล้ว ผมจึงกราบลาเธอ แล้วขอบารมีพระไปที่พระธาตุดอยสุเทพ เจอเทวดา๒องค์เฝ้าพระธาตุอยู่ ผมจึงขออนุญาตท่านทั้ง๒เข้าไปไหว้พระธาตุข้างในตัวองค์เจดีย์ ได้เห็นพระธาตุส่องสว่างมากอยู่ด้านใน หลังจากนั้นผมจึงกลับไปที่วิมานของตน และ กลับมาที่มนุษยภูมิ

 

ดีใจที่น้องปฏิบัติมโนมยิทธิเป็นปกติ ที่พระนิพพานนั้นเป็นอย่างที่น้องกฤษณ์บรรยายไว้จริงๆ ที่นั้นมีแต่ความสุข ทุกข์สักน้อยนิดก็ไม่มี ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องหิว ไม่ต้องมีกายหยาบให้ต้องดูแล ไม่ต้องมีการเกิดอีก ที่นั้นพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ ก็ทรงดำรงอยู่ที่นั้น ผู้ที่ทรงดำรงอยู่ที่พระนิพพานเรียกว่าพระวิสุทธิเทพ น้องกฤษณ์ตั้งใจและไปที่นิพพานเป็นปกติเป็นสิ่งที่ดีแล้วครับผม ถ้าถึงเวลาของเราเมื่อไหร่ จิตจะจำสถานที่ที่เคยไป อนุโมทนาสาธุกับความดีของน้องกฤษณ์ครับ

 

ผมก็ได้แต่หวังว่าจิตจะจดจำสถานที่แห่งนั้นได้ครับ แต่ตราบใดที่ยังมีความเลวอยู่ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะจดจำสถานที่นั้นได้ไหมตอนใกล้จะถึงวาระ

 

​

 

-๙ มิถุนายน ๒๕๕๗-​

วันนี้เจริญพระกรรมฐานตามปรกติครับ พอสมาธิทรงตัวดี ภาพพระชัดเจนแจ่มใส ก็ขึ้นไปกราบพระบนพระจุฬามุณีย์เจดีย์สถาน เจอะท่านท้าวเวสวุรรณยืนยิ้มอยู่ข้างหลังพอดี เลยกราบท่านและขอให้ท่านปกป้องคุ้มครองตามปกติวิสัย จากนั้นผมจึงขอบารมีพระและบารมีของท่านท้าวผู้เป็นใหญ่ให้ท่านลองเรียกบุคคลซึ่งเคยมีความเกี่ยวข้องกับผมในฐานะเจ้ากรรมนายเวร ในหลายๆชาติ แต่บัดนี้ท่านทั้งหลายได้อโหสิกรรมให้ผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และท่านทั้งหลายได้กลายเป็นเทวดาและพรหมกันหมดแล้ว และผมก็ได้เจอท่านผู้ที่ผมเคยทำกรรมหนักไว้กับท่าน คือ การทำให้ท่านสูญเสียดวงตา ท่านอโหสิกรรมให้ผมแล้ว และ ผมก็ได้ซื้อตุ๊กตาตัวเล็กๆให้ท่านได้สถิตอยู่ วันนี้ผมได้เจอท่านที่พระจุฬามุณีย์ ท่านใส่ชุดสีแดงตามสีเสื้อผ้าของตุ๊กตาตัวนั้น รูปร่างหล่อเหลาและสูงใหญ่ รัศมีกายสว่างไสว ผมจึงได้กราบท่านและบอกท่านว่าผมได้ร่วมถวายดวงเนตรพระพุทธเจ้าให้กับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ (ก่อนหน้านี้ผมได้ร่วมบุญถวายดวงตาให้กับพญานาคที่บนราวบันไดให้กับวัดแห่งหนึ่งไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน) ท่านก็ยิ้มและอนุโมทนา จากนั้นผมจึงขอบารมีพระและท่านกุเวรเพื่อขึ้นไปกราบสมเด็จองค์ปัจจุบันบนวิมานของท่านบนพระนิพพาน และ ทูลขอข้อธรรมมะจากพระองค์ องค์สมเด็จพระมหามุนีท่านก็ทรงยิ้มและตรัสตอบเช่นเดิม คือ การตัดกาย อย่าไปสนใจกายของคนอื่นให้มาก และพยายามละกายของตนเองให้ได้มากที่สุด(ซึ่งผมก็พยายามจะระลึกถึงและทำตามอยู่ครับ)หลังจากนั้นผมจึงขอบารมีพระไปที่วิมานของตัวเอง พิ่งจะเห็นว่ามีสระบัวแก้วสวยสดงดงามด้วย ตั้งใจไว้ว่าจะเอาไปถวายพระที่เทวสภาในวันพระนี้ และก็ได้นั่งเล่นนอนเล่นบนวิมานของตัวเอง แล้วจึงกลับลงมา

 

อนุโมทนาสาธุครับ อ่านแล้วอยากจะไปอยู่บ้านใหม่เต็มทนแล้วครับ

 

"หลักธรรมบทนี้ผมได้ข้อคิดมากครับ เอาไว้สอนใจตัวเอง เมื่อวานมีเหตุให้จิตใจว้าวุ่น ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้ว เราไม่สามารถแก้ไขความคิดและกรรมของใครได้ แก้ที่ตัวเองดีกว่า สงบที่ตัวเอง"