ประสบการณ์ลี้ลับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Kingkong1, 5 พฤศจิกายน 2012.

  1. CHAN99

    CHAN99 CHAN

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +329
    มาคอยตอนต่อไปครับ มาเจอหลวงพ่อชาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ?
     
  2. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    โห...คุณโรบิน มาลำดับสวยจริง ๆ เลขหน้า 141 เลขหลัง 3333 นั่งจ้องเลยรึเปล่านี่

    เอาองค์ไหนก็เลือกมาเลยนะครับ อย่าลืมส่งที่อยู่หลังไมล์นะครับ ส่งพร้อมกับคุณพรหมณีเลยพรุ่งนี้
     
  3. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    อ่านแล้วตื่นเต้นเร้าใจดีจังค่ะ เคยไปกราบหลวงปู่ขาวที่วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่เทสก์ เทสรังสียามที่ท่านละสังขารไปแล้ว ยามที่เล่าทำให้นึกถึงบรรยากาศตอนนั้น ในอดีตได้แต่อาศัยหนังสือโลกทิพย์ทึ่ลงเรื่องราวในการปฎิบัติของหลวงปู่ก็ได้อ่านเรียนและปฏิบัติตามจนเกิดศรัทธา เสียดายไม่ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อพุธเพราะท่านมรณภาพเสียก่อน และที่อยากไปกราบอีกองค์ก็คือหลวงปู่ชาค่ะ

    ว่าแล้วก็มาปูเสื่อรอท่าตามอ่านเรื่องราวของหลวงปู่ชาค่ะ
     
  4. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ผมก็ฝึกของผมมาอย่างนี้แหละ

    วัดหนองป่าพงสมัยนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้นะครับ ไม่รู้ทุกวันนี้มีรึเปล่า มีเนื้อที่ 100 ไร่ เป็นป่าทึบ แต่ก็ไม่เท่าสวนโมกข์ มีกูฏิไม้ยกพื้นสูงตั้งอยู่ห่าง ๆ กัน มีพระหมายสิบองค์ พระฝรั่งก็หลายองค์ กุฏิหลวงพ่อชาอยู่ด้านหน้า เป็นกุฏิหลังใหญ่กว่าเขา ยกพื้นสูง ด้านล่างลาดซีเมนต์เป็นที่นั่งรับแขกของท่าน

    ผมไปกราบขออยู่ด้วยท่านก็รับนะครับ ไม่มากเรื่องหรอก แต่ถ้าอยู่ไป ๆ ก็อาจจะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนเรื่องบริขารต่าง ๆ เพราะท่านเคร่งครัดวินัยเช่นเดียวกัน ทุกอย่างที่ติดตัวเราไปล้วนเป็นนิสสัคคียปาจิตตี ต้องสละทิ้ง แล้วท่านก็จะหาให้ใหม่หมด เพียงแต่ไม่ต้องทำพิธีอุปสมบทใหม่เท่านั้น

    ทุกวัน เมื่อถึงเวลาบ่าย 3 โมง พระทุกรูปต้องออกมาทำงานช่วยกัน คือกวาดลานวัด ตักน้ำ หาบน้ำ ต่างคนต่างทำ ไม่พูดไม่คุยกัน ทุกองค์ตั้งหน้าอยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน ก็ดูเหมือนคนเคร่งเครียด เคร่งขรึม แต่เราอยู่ใหม่นี่จะเก้ง ๆ ก้าง ๆ เพราะเรายังไม่รู้ว่าอุปกรต่าง ๆ อยู่ไหน เช่นไม้กวาด ที่ตักขยะ ถังตักน้ำ ถังใส่น้ำ ต้องใช้สายตาการสังเกตให้เป็นประโยชน์ ไม่มีใครองค์ไหนมาตั้งใจดูว่าเราสงสัยอะไร จะถามอะไร เราตั้งท่าจะถามก็ต้องหุบปากโดยพลัน ก็ค่อยสำรวจดูไป จะมายิ้มให้ใครนี่ไม่มีใครยิ้มด้วยนะครับ พระทุกองค์เหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก ความรู้สึกของเราจะหนาวเหน็บทีเดียว กลางวันนี่พอทำเนานะ เพราะส่ายตาหาไม่นานเราก็พบว่าอะไรอยู่ตรงไหน แต่เช้ามืดนี่สิ ตี 3 ระฆังดังขึ้น พระทุกองค์ต้องลุกขึ้นนั่งภาวนา จะสวดมนต์หรือเปล่าลืมไปแล้ว รู้ว่าพอตี ๕ ทุกองค์ต้องช่วยกันกวาดเช็ดถูศาลา ไม้กวาดอยู่ตรงไหน ไม้ถูอยู่ตรงไหน มันมืดนะครับ ท่านก็ทำงานไปมืด ๆ อย่างนั้น จะถามไถ่ใครเขาก็ไม่มารอให้เราถามหรอก ทุกองค์ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตนเองไป มันเหมือนกับว่าทุกองค์นี่โกรธกัน ไม่มองหน้ากัน ไม่พูดหากัน เราไปอยู่ใหม่ก็เหมือนเป็นแขก ความจริงมันต้องมีรุ่นพี่หรือเจ้าถิ่นคอยไถ่ถาม คอยแนะนำ หรือคอยสังเกตผู้มาใหม่ที่ยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่จึงถูกต้อง

    ผมอยู่ได้ 3 วัน เครียดนะครับ วางตัวไม่ถูก ทำอะไรไม่ถูก อยู่ไม่เป็นเอาทีเดียว วันที่ ๔ จึงไปกราบหลวงพ่อชา เล่าเรื่องให้ท่านฟัง ท่านว่า “ผมก็ฝึกของผมมาอย่างนี้แหละ” สั้น ๆ ครับ ผมจึงกราบลาไปหาวัดที่ถูกกิเลสกับตัวเองเอาเบื้องหน้า
     
  5. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    ส่งที่อยู่ไปตาม PM แล้วครับขอโทษที่ไม่ได้ส่งทางอีเมล

    เพราะต้องการยืนยันตัวเองเพราะชื่ออีเมลผมคนละชื่อ user
     
  6. kawpunt

    kawpunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +3,086
    มาคอยติดตามอ่านอีกครับ
     
  7. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
  8. CHAN99

    CHAN99 CHAN

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +329
    ขอบคุณครับ ขอเป็นหลวงพ่อเงินกรุนครสวรรค์แล้วกันครับ
    พระสมเด็จมีครบทุกวัดแล้ว
     
  9. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ได้เลยครับ พรุ่งนี้ส่งให้นะครับ
     
  10. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    โง่ อวดฉลาด พลาดไปแล้ว

    ผมมีนิสัยดื้อเป็นสันดาน ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่าย ๆ วินัยแต่ละข้อนี่ผมต้องนำมาคิดค้นหาเหตุผลก่อนว่าทำไมต้องยังงั้น ต้องยังนี้ อย่างข้อปาราชิก ๔ พระรูปใดต้องเข้าแล้วไม่สามารถเดินทางไปนิพพานได้ แม้กระทั่งทำฌานให้เกิดขึ้นยังทำไม่ได้ ต้องสึกเป็นฆราวาสจึงพอจะดำเนินไปถึงพระอนาคามี แต่ไม่สามารถทำพระอรหันต์ให้แจ้งได้ ผมอ่านแล้วไม่เชื่อนะ ท่านว่าพระสุทินเป็นปฐมปาราชิกข้อเสพเมถุน ท่านยกเว้น แต่พระสุทินทำผิดแล้วเกิดวิปฏิสารร้อนใจจึงไม่สามารถบรรลุธรรมได้ เห็นมั้ย มันอยู่ที่ใจคิด ใจนึก ใจยึด ไม่ได้เกี่ยวกับข้อวินัยบัญญัติเลย เพราะคนเรายึดมั่นในอดีต จึงทำร้ายจิตใจตนเองตลอดกาล หากคนใดไม่เอาอดีตมาเกี่ยวกับปัจจุบัน ไม่กังวลถึงอนาคต เขาย่อมดำเนินถึงพระนิพพานได้แน่นอน เช่นองคุลีมาลย์ เช่นนายโจรเพชรฆาตเคราแดง เป็นต้น

    อย่างเรื่องกินข้าวนี่นะ กินข้าวเช้ายังกินได้ ข้าวกลางวันไม่เกินเที่ยงยังกินได้ แต่พอเกินเที่ยงแล้วมันจะอะไรกันนักหนา มันผิดยังกะถือปืนไปยิงคน สังคมรังเกียจนินทาว่าร้ายแทบไม่ได้ผุดได้เกิด

    แต่เรื่องเงินทองนี่นะ พระภิกษุสามเณรใช้เวลาไหน รับเอาเป็นของตนเองเวลาไหน มันก็ผิดทั้งนั้น และเป็นต้นเหตุของความผิดทั้งปวงด้วย แต่สังคมกลับไม่ถือ กลับสนับสนุนให้พระใช้เงินทอง ถวายเงินทองให้พระใช้ จนที่สุดก็กลายเป็นวางเหยื่อล่อให้โจรเข้ามาหากินในพระศาสนา นี่คิดกันบ้างมั้ย

    ผมถือว่าการปฏิบัติธรรมกรรมฐานนี่มันอยู่ที่ใจ มันไม่ได้อยู่ที่พิธีรีตอง ถ้าใจเราอยู่กับกรรมฐานปัจจุบันอารมณ์ ศีล สมาธิ ปัญญา มันอยู่ที่นั่นแหละ ศีลก็เป็นมรรคศีลคือศีลในองค์มรรค สมาธิก็เป็นสมาธิในองค์มรรค การเห็นอารมณ์และความคิดปรุงแต่งตลอดเวลานั้นก็เป็นธรรม คือเห็นธรรมอยู่ตลอดเวลา มันไม่ได้เกี่ยวว่าเราจะต้องมีจีวรแบบไหน มีบาตรแบบไหน มีสังฆาฏิแบบไหน และเข้าโบสถ์มาแบบไหน โบสถ์ธรรมยุติ หรือมหานิกาย หรือมหายาน ห่มผ้าจีวรแบบไหน สีอะไร มันไม่เกี่ยว มันอยู่ที่เดินถูกมรรคหรือไม่ และเอาจริงเอาจังหรือไม่ บารมีเดิมมันเกื้อหนุนหรือไม่ นี่สำคัญยิ่ง คำว่าบารมีก็คือประสบการณ์ที่เคยทำมา เคยฝึกมามากน้อยแค่ไหน ขันติบารมี ความอดทนมันมีมากน้อยแค่ไหน วิริยะบารมี ความพากเพียรมันมีมากน้อยแต่ไหน ถ้า 2 อย่างนี้มีมาก บำเพ็ญมามาก มันก็สามารถเดินได้ตลอดรอดฝั่ง ลำพังศรัทธาบารมีมีมากก็ได้เพียงบำเพ็ญเอาอุปนิสัยไว้ในภายหน้า ปรารถนาเอานิพพานในพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปโน้น ส่วนมากอธิษฐานอย่างนั้น

    ผมจึงเห็นว่าการที่ผมจะมาทนทรมานอยู่กับศาสนพิธีแบบนี้มันไปไม่ตลอด มันทุกข์ทรมาน มันไม่มีประโยชน์อะไร มันเป็นความงี่เง่า ดักดาน ไร้เหตุผล โลกนี้เขาไปเหยียบดวงจันทร์กันแล้ว ยังมางมงายอยู่กับพิธีรีตองไม่เข้าเรื่อง นี่เป็นความคิดของเด็กหนุ่มทุกคนที่คิดว่าตนเองฉลาด มีเหตุผลกว่าคนเฒ่าคนแก่ โดยเฉพาะความคิดของพวกวัยรุ่นคนหนุ่มในยุคของผมนั้นถือว่ารุนแรงมาก มันรุนแรงจนทำให้พวกหนุ่มสาวหนีเข้าป่า จับปืนขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลทหาร

    นั่นแหละคือเหตุผลหลักที่ผมเดินออกจากวัดหนองป่าพง และไม่ยินยอมไปอยู่ปฏิบัติในวัดธรรมยุติวัดใดวัดหนึ่ง ซึ่งผมก็เคารพปฏิปทาของครูบาอาจารย์เหล่านั้น ถ้าผมไม่ดื้อ ผมก็แค่สึกหาลาเพศแล้วบวชใหม่ในคณะธรรมยุติ ทุกอย่างจบ ครูบาอาจารย์บอกให้ทำอะไรผมก็ตั้งใจทำตาม ไม่ต้องไปคิดอะไรให้รกสมอง ท่านชี้ให้เข้ารูก็ต้องเข้า ชี้ให้ดำน้ำก็ต้องดำ มันจึงจะไปได้ มันต้องละทิฏฐิมานะเสียก่อน แต่เพราะผมโง่ไง ผมอวดฉลาดไง ผมจึงเดินสะดุดเท้าตัวเองล้ม
     
  11. kawpunt

    kawpunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +3,086
    ได้ความรู้มากเลยครับ เข้ามาตามอ่าน สมัยผมบวชไม่ได้ปฏิบัติเลย ได้แค่สวดมนต์ทำวัตรเช้าและเย็น ส่วนเวลาที่เหลือไม่ได้นอนนะครับ ไปดัดเหล็กผสมปูนช่วยกันสร้างรั้วเมรุเผาศพทุกวัน ขออนุโมทนาบุญกับท่านที่ได้ปฎิบัติด้วยครับ
     
  12. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ;ปรบมือ;ปรบมือ

    เขียนได้แจ้งใจจริงๆค่ะ สมัยวัยรุ่นดิฉันก็คิดเช่นนั้น ยังไปเถียงกับหลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า ท่านก็ไม่ถือสาได้แต่หัวเราะอารมณ์ดี
     
  13. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ครับคุณพรหมณี ผมก็มีอะไรผูกพันอยู่กับวัดทุ่งลาดหญ้าพอสมควร ผมมีเพื่อนพระที่อยู่วัดเดียวกัน เป็นคนกาญจนบุรี เขาเคยเป็นสามเณรอยู่วัดทุ่งลาดหญ้า ศิษย์หลวงพ่อลำใย เมื่อมาอยู่กรุงเทพ ฯ เราอยู่วัดเดียวกัน เมื่อไปเรียนอินเดียเราก็อยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนที่รักกันมาก เขาเคยพาผมไปเยี่ยมบ้านของเขาครั้งหนึ่ง ผมกลับจำไม่ได้ว่าอยู่ตำบลอำเภออะไร

    เรื่องแปลกก็คือ เขาไปอยู่อเมริกาได้ 2-3 ปี แล้วกลับมาสึก แล้วกลับไปอยู่อเมริกา มีโยมเป็นครูอยู่โรงเรียนหลังวัดมาเยี่ยมผม เห็นว่าเพื่อนผมจะสึก พระนวกะก็จะสึก ถามว่าท่านไม่คิดจะสึกกับเขาหรือ ผมก็เลยพูดเล่น ๆ ไปว่าก็จะสึกพร้อมกับมหาสงเคราะห์นี่แหละ โยมว่าจริงหรือ ผมว่าจริงสิ โยมว่าถ้างั้นจะตัดชุดให้คนละชุด แล้วเขาก็พาไปตัดชุดที่ร้านตัดเสื้อผ้ามีชื่อแถวราชวัตร ผมก็เลยตามเลย สึกพร้อมกับเพื่อนรักเสียจริง ๆ วันที่ผมสึกมีเงินอยู่ 501 บาท ถวายพระที่ทำพิธีสึกให้ เหลือตังค์ 1 บาท ตลกจริง ๆ (ไปชักบังสกุลที่วัดไผ่ตันวันก่อนได้มา 500 ส่วนมากผมก็อยู่อย่างจน ๆ ดูหมอก็ไม่เอาตังค์ใคร เป็นพระหมอดูองค์เดียวที่ยากจน)

    เราพลัดพรากกัน คิดถึงกัน แต่ไม่รู้จะหาตัวกันได้อย่างไร พยายามป้อนชื่อในอินเตอร์เน็ตทั้งภาษาไทยและอังกฤษก็ไม่ได้ผล มีน้อยคนเหลือเกินในหมู่คนที่ผมรู้จักที่ใช้คอม ฯ และอินเตอร์เน็ตเป็น คุณพรหมณีลองไปสืบที่วัดทุ่งลาดหญ้าให้ทีสิครับ มีใครรู้จักอดีตสามเณรที่ชื่อสงเคราะห์ เมื่อสัก 40 ปีที่แล้วมั้ย

    เหอ ๆ ตั้ง 40 ปี
     
  14. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ขอบคุณที่ตามอ่านนะครับ เรื่องการบวชการปฏิบัติมันเป็นเรื่องบารมีเก่า ถ้าไม่มีบารเก่ามันก็ทำตามประเพณีเท่านั้นแหละครับ ถ้าเราเห็นคุณค่าของการปฏิบัติแล้วเริ่มต้นเสียในชาตินี้ก็ยังไม่สายหรอกครับ

    แต่ผมว่านะ บรรดาคนที่เข้ามาในเว็บพลังจิตนี้ล้วนมีบารมีมาส่วนหนึ่งแล้ว ก็เว็บไซต์ในประเทศไทยนี้มีไม่รู้กี่หมื่นกี่แสน ไหนจำเพราะมาเข้าเว็บนี้ทุกวัน ทำไมไม่เข้าเว็บเล่นเกมส์ ทำไมไม่เข้าเว็บดูหนังฟังเพลง ทำไมไม่เข้าเว็บมวย ฟุตบอล ทำไมไม่เข้าเว็บโป๊เปลือยซึ่งมีหลากหลาย ก็เพราะมันมีอุปนิสัยโน้มเอียงมาทางศาสนานะสิครับ
     
  15. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เดินทางไปแค้มป์สน

    ก่อนที่จะเดินทางมาที่วัดหนองป่าพง พวกเราเริ่มต้นเดินทางไปทางเพชรบูรณ์ก่อน แล้วไปหล่มสัก เลี้ยวซ้ายไป ศูนย์พัฒนาศาสนาของอาจารย์พร รัตนสุวรรณ ที่แค้มป์สน (เดี๋ยวนี้ขึ้นอยู่กับอำเภอเขาค้อ)นั่นแหละทำให้ผมรู้จักที่นี่ มันเป็นสถานที่กว้างขวาง มากกว่าพันไร่ แต่เป็นที่โล่งเสื่อมโทรมมาก่อน อาจารย์พรได้พัฒนาขึ้นมาเป็นสถานที่ปฏิบัติ แล้วนิมนต์พระนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ มาปฏิบัติกรรมฐานที่นี่ก่อนที่จะจบการศึกษา ท่านอาจารย์พรเป็นอดีตพระมหาพร เปรียญธรรม ๖ ประโยค ท่านสนใจการปฏิบัติกรรมฐาน และค้นคว้าพระไตรปิฎก มีคนให้ความเคารพนับถืออย่างสูงมากมาย ท่านเห็นคุณค่าของการบำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา มากกว่าบรรดาพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์เสียอีก ท่านจึงพยายามผลักดันให้มีการปฏิบัติกรรมฐานเป็นหลักสูตรสุดท้ายก่อนที่จะรับใบประกาศนียบัตรปริญญาตรี และท่านก็รับเป็นอาจารย์สอนวิชานี้ ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นฆราวาส

    ผมเห็นเช่นนี้ว่าไม่มีสถานที่แห่งไหนเหมาะกับเราเท่าแค้มป์สน พระที่อยู่ที่แค้มป์สนคือคนชนิดเดียวกับเรา ที่นั่นไม่มีสูงไม่มีต่ำ ไม่มีดำไม่มีขาว ไม่มีความแปลกแยกและแตกแยก เราควรไปอยู่ที่นั่น

    ผมจำไม่ได้ว่าผมออกจากวัดหนองป่าพงไปท่ารถ บขส.ได้อย่างไร รู้แต่ว่าผมไม่มีเงินติดตัวแม้แต่สตางค์แดงเดียว เมื่อถึงเวลาจะปฏิบัติกรรมฐานผมก็ทิ้งวิถีพระในเมืองทิ้งหมด แล้วทำตัวเป็นพระป่าที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรนอกจากบริขารของพระ ผมยอมไปตายเอาดาบหน้า ดังนั้นเมื่อผมไปถึงท่ารถผมก็ขอขึ้นรถเขา บอกว่าจะไปหล่มสัก จะต้องขึ้นรถไปไหนก่อน เขาก็แนะให้ไปลงขอนแก่นแล้วไปต่อรถที่นั่น ผมก็ตรงไปรถเมล์สีแดงที่ไปขอนแก่น บอกว่าไม่มีตังค์จ่ายค่าโดยสาร ขออาศัยไปลงขอนแก่นได้หรือไม่ เขาอนุญาตผมก็ขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ดีนะ เที่ยวนี้ผมไม่บ้าแบกกลดอันเบ้อเริ่มเทิ่มเหมือนคราวไปธุดงค์เมืองกาญจนบุรี ผมถือร่มสีดำที่เขามักถวายพระนั่นแหละ แต่เลือกเอาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มี มันก็เท่าร่มกันฝนขนาดใหญ่ที่พวกเราใช้กันทุกวันนี้นั่นแหละ มีมุ้งกันยุงครอบกลดยัดใส่บาตรไปด้วย บาตรเล็ก ๆ ขึ้นสนิมเกรอะของผมมีทั้งมุ้งและผ้าอาบน้ำยัดอยู่ข้างใน ส่วนผ้าสังฆาฏิผมก็เอามาซ้อนกับจีวรห่มตามวินัยบัญญัติ ย่ามก็ไม่มี ถือกาน้ำอันหนึ่ง แค่นี้ผมก็เดินตัวเบา ไม่เหมือนพวกพระหาเงินที่แบกของอีรุงตุงนัง แล้วหาที่นั่งภาวนาใกล้ ๆ หมู่บ้านให้คนมาใส่บาตร แล้วทำท่านั่งหลับหูหลับตาเป่าน้ำหมากขากน้ำมนต์ดลเลขหวย ที่พวกเราชาวพุทธผู้อารีพบเห็นตามที่ทั่ว ๆ ไป

    เมื่อรถไปถึงขอนแก่นก็บ่ายแล้ว ผมก็ขอนั่งรถโดยสารผ่านชุมแพ น้ำหนาว ไปหล่มสัก ถึงที่นั่นก็ใกล้ค่ำแล้ว ผมแวะลงใกล้ ๆ วัดหนึ่งทางที่รถจะวิ่งเข้าสถานีหล่มสัก แวะเข้าวัดไปยกมือไหว้ขอพักที่หน้าวิหารสักคืน เจ้าอาวาสพยักหน้าผมก็ไปปูเสื่อกางมุ้งนอนหน้าวิหารวัดนั้นแหละ กลางคืนก็มียามสี่ขาของวัดมานอนเฝ้าด้วย เราก็เลยเป็นยามของวัดร่วมกันในคืนนั้น

    ผ่านแก่งระเบิด ผ่านสวนโมกข์ ผ่านหนองป่าพง กับการมานอนผู้เดียวหน้าวิหารวัดที่ไม่รู้จักวัดหนึ่ง เรื่องจิ๊บจ๊อยมาก ๆ
     
  16. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    catt3 อิอิ...ตั้ง 40 ปีล่วงมาแล้วคงหาไม่เจอแล้วค่ะ ที่จะปุจฉา-วิสัชนากันบ่อยก็คือหลวงพี่คมคิด ตอนหลังท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว และมรณภาพราวๆปี 2528หรือ 2529 ไม่แน่ใจค่ะ...

    ถ้าจะเล่าก็เรื่องยาวเหมือนกันค่ะไม่อยากเล่าแข่งโดยเฉพาะเรื่องลายแทงมหาสมบัติ...อิอิ
     
  17. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    555 เรื่องลายแทงมหาสมบัตินี่ผมก็รู้ไม่น้อยเหมือนกันนะ ไปสัมภาษณ์ถึงกระท่อมไม้ไผ่หน้าถ้ำเลย ก่อนนั้นท่านยันตระอาศัยอยู่ ดูท่าเขาจะขุดสมบัติตรงนั้นหรือเปล่าถึงได้หาเรื่องใส่ร้ายท่านจนต้องหนีเตลิดเปิดเปิงไปอยู่เมืองนอก เรื่องสมบัติโกโบรินี่ต้องขึ้นกระทู้เล่ากันเป็นอีกเรื่องหนึ่งทีเดียวนะ เอามะ? คุณพรหมณีตั้งเรื่อง ผมจะเล่าแซม
     
  18. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ตื่นเช้าวันต่อมาผมก็เดินบิณฑบาตตามบ้านข้างถนนนั่นแหละครับ ได้ข้าวและอาหารพอฉัน 1 มื้อผมก็เดินกลับ นั่งฉันอาหารอิ่มก็เอาเศษที่เหลือให้เพื่อนยามด้วยกันกิน จากนั้นก็ล้างบาตร เช็ด ตากจนแห้งแล้วก็เก็บใส่ถลกบาตร จัดบริขารใส่บาตรแล้ว ก็เดินทางต่อ กะว่าจะเดินข้ามเขาไปเรื่อย ๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร น่าจะใช้เวลาสัก 2 -3 วัน

    ผมเคยเล่ามาแล้วว่าคนภาคกลางที่พูดภาษากลางนี่เป็นคนใจบุญมาก ขอให้โกนหัวนุ่งห่มผ้าเหลืองผ้ากลัก คนไทยภาคกลางให้ความเคารพนับถือเช่นกันหมด ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นพระจริงหรือพระปลอม ดังนั้นเมื่อผมเดินมาได้ราว 10 กว่ากิโลเมตร ก็พบโยมกำลังเดินไปไร่ไปสวน โยมก็ชวนคุยซักถามว่ามาจากไหน จะไปไหน ก็บอกเขาไปตามตรง เขาถามว่าแล้วทำไมท่านไม่ขึ้นรถ ก็บอกเขาว่าเป็นพระ ไม่มีเงินค่ารถหรอกโยม ตั้งใจจะเดินข้ามเขานี่แหละ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร

    โยมว่ามันไกลนะ ขึ้นรถเถอะโยมจะจ่ายค่ารถให้ ก็บอกเขาว่าไม่รบกวนโยมหรอก โยมเก็บไว้ใช้เถอะ เงินทองนะของหายาก เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นเถอะ โยมก็ไม่ฟังเสียง บอกว่ามีติดตัวหลายตังค์อยู่หรอก แค่ค่ารถไปแค้มป์สนไม่กี่ตังค์หรอก ยืนรอรถอยู่นี่แหละ เดี๋ยวก็มาถึง ผมก็เลยฉลองศรัทธา รอจนรถมาก็ขึ้นรถไปลงหน้าศูนย์พัฒนาศาสนา จำได้ว่าค่ารถ 12 บาท

    เมื่อปีที่แล้วผ่านไปทางนั้น มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ตลอดทางมันเจริญ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าย้อนคำนึงถึงอดีตแล้วเส้นทางสายนั้นถนนแคบ เลี้ยวลดคดเคี้ยว อันตรายมาก มองลงไปเป็นหุบเหวเวิ้งว้าง เป็นไร่ข้าวโพดสุดหูสุดตา ด้านขวามือเป็นทะเลภูเขา เป็นเทือกเขาหินสูง เรียกว่าเขาแก้ว ไม่มีบ้านคนให้ดูแม้แต่หลังเดียว ทางสายนี้เป็นเส้นทางสีแดง มีผู้ก่อการร้ายดักโจมตีรถทหารตำรวจประจำ มีข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง โดยเฉพาะแถวเข็กน้อยซึ่งเป็นทางเชื่อมจากทุ่งแสลงหลวงไปหาเขาแก้ว แล้วไปหาภูร่องกล้า

    ผมลงรถที่ปากทางซึ่งมีป้ายติดอยู่ว่า “ศูนย์พัฒนาศาสนา มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย” ตรงนั้นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ คนส่วนมากมาจากพิจิตรและพิษณุโลก มาถากหญ้าถางพงแถวตีนเขาแก้ว แล้วปลูกผักสวนครัวพวกกระหล่ำดอก กระหล่ำหัวปลี ถั่วลันเตา ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน ทุกวันจะมีรถพ่อค้าคนกลางไปรับถึงไร่ ชาวบ้านปลูกผักขายก็พออยู่ได้ ไม่อัตคัดขัดสนอะไร

    เดี๋ยวนี้ตีนเขาแก้วหน้าศูนย์พัฒนาศาสนากลายเป็นโรงแรม ที่ท่องเที่ยว มีทางขึ้นไปข้างบนมากกว่าสิบกิโลเมตร เขาสร้างป่าหิมพานจำลอง มีต้นมักรีผล มีรูปปั้นสัตว์ในวรรณคดี และบางยอดเขาก็เป็นสำนักปฏิบัติ เป็นวัดที่มีเจดีย์สวยงาม มันคนละโลกกับเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว จากที่ดินที่แทบไม่มีราคา เดี๋ยวนี้ปาเข้าไปไม่รู้กี่ล้านบาทต่อไร่ เหลือเชื่อจริง ๆ

    ชมสวนป่าหิมพานจำลองบนเขาแก้ว
    https://picasaweb.google.com/106370667332771987848/upjHsI#5668572446435086386
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2012
  19. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    :z16วันนี้เข้าไปดูรูปเห็นมักลีผลคิดว่าของจริง เลยชวนเพื่อนมาดู เพื่อนบอกว่าถ้าของจริงป่านนี้สรยุทธแจ้นไปทำข่าวแล้ว ขนาดต้นกล้วยงอกเป็นพญานาคยังลง นสพ.หน้าหนึ่งได้เลย ถ้ามักลีผลมีจริงป่านนี้ดังไปทั่วโลกแล้วcatt3
     
  20. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เมื่อปี 2553 ก่อนเข้าพรรษา ไปเที่ยวทางวังน้ำเขียว แวะดูร้านขายต้นไม้ข้างทาง อีตาเจ้าของร้านขายต้นไม้ถามว่า "เคยเห็นมักลีผลมั้ย ?" ผมว่าไม่เคยเห็น ที่เคยล้วนเป็นของปลอม แกว่าของจริงมีนะ หลานชายของผมไปทำงานที่ชายแดนพม่า ได้เข้าไปในป่าดงดิบของพม่า ไปพบต้นมักลีผลจึงถ่ายรูปเอามาให้ดู อยากเห็นมั้ย ผมก็อยากสิ เขาก็ชวนเข้าไปในบ้าน เอารูปมาให้ดู ทั้งนั่งยัน นอนยัน ยืนยัน ว่าของจริงของแม้แน่นอน ผมถามหาเจ้าหนุ่มคนนั้น เขาว่าเดี๋ยวจะติดต่อให้ ผมว่าถ้ามีจริงนะ จะให้ไปหามาให้ จะให้ตัวละ 5000 บาท มีเท่าไรก็เอามาให้เลย อีตาคนนั้นตาลุกวาว บอกว่าผมจะรีบติดต่อหลานชายให้นะครับ

    ผมกลับบ้านก็ค้นหาในอินเตอร์เน็ต ก็พบที่มา ไอ้หนุ่มคนนั้นมันขึ้นไปเที่ยวสวนป่าหิมพานจำลองที่เขาแก้ว แล้วถ่ายรูปไปหลอกพวกญาติ ๆ ว่าไปถ่ายมาจากป่าดงดิบในพม่า

    หึหึ... อีกกี่เรื่องที่คนไทยเราหลอกกันแล้วคนถูกหลอกยังไม่รู้สึกตัวว่าโดนหลอก แต่ผู้ที่หลอกได้เนียนที่สุดคือคนเอาผ้าสีเหลืองสีกลักมาห่มไง ใช้ต้นทุนทางสังคมสูงมาหลอก คนก็เชื่อสนิทใจ ใครจะไปคิดว่าคนห่มผ้าสีก็คือคนเหมือนกัน มีกิเลสตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ เหมือนกัน และอาจจะมากกว่าคนนุ่งผ้าลายด้วยซ้ำ

    เพื่อนผมทำนิตยสารเรื่องพระ เคยพาผมไปหาครูบาเจ้าที่เมืองกาญจน์ ผมไปเห็นก็เตือนว่า ระวังนะโว้ย ไปโฆษณาให้เขาดัง อีกหน่อยก็เป็นเรื่องฉาวโฉ่ลงหนังสือพิมพ์ อายเขาตาย เมื่อวานผมเพิ่งพบข่าวในอินเตอร์เน็ตนี่แหละ พระคุณเจ้าองค์นั้นโดนจับสึกไปแล้วในเรื่องปล้ำสีกา

    ครั้งก่อนก็ที พาผมไปวัดภาวนาพุทโธ ผมก็เตือนแบบเดียวกันว่าไปเขียนให้เขาดัง อีกหน่อยก็ฉาวโฉ่ คุณจะเสียหน้านะ ไม่นานเท่าไรก็เกิดข่าวโด่งดังอยู่ตั้งนาน จนที่สุดพระคุณเจ้าดีที่หนึ่งก็อยู่ในคุกจนถึงทุกวันนี้

    มีอีกเยอะ ไม่อยากพูดถึง เพราะดังมาก คนเคารพนับถือกันมาก ก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรมเถอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...