ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ใจเย็นครับคุณ Numtrn (อ่านว่า ตูมตาม ป่ะ??)
คุณอัญญาสิทธิ์เขาทำหน้าที่ดีแล้วครับ สิ่งที่จะเกิดหรือไม่ เราอย่าไปเรียกมันมา ถ้ามันมาจริง คุณลำบากแน่

"เรามักจะคิดว่าเราพอจะรับมือกับปัญหาได้ แต่ปัญหามักจะมาใหญ่กว่าสิ่งที่เราคาดไว้เสมอ" ไม่งั้นจะเรียกปัญหาหรือ? ถ้าอุปสรรคกระจอกๆ จะต้องเตรียมการไปทำไม?

 

ท่านสมาชิกครับ

ข้อมูลที่มีนั้น...ขอให้เอามาพิจารณาทั้งสองด้าน

ทั้งด้านที่เห็นด้วย...และด้านที่ไม่เห็นด้วย

ทั้งนี้เพื่อให้การสนทนากัน...เป็นไปโดยเหตุและผล...และมีมิตรไมตรีต่อกัน...ครับ

ขอให้ท่านสมาชิกมีเมตตาต่อกัน...และให้อภัยกันและกัน...นะครับ


.

 

วิกฤต! เขื่อนอุบลรัตน์เหลือน้ำต่ำสุดรอบ 10 ปี แล้งต่อ-เสี่ยงหยุดผลิตไฟฟ้า​

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>สถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น แล้งหนักในรอบ 10 ปี ทั้งที่ปีที่ผ่านมา ระดับน้ำล้นเขื่อนจนทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคอีสาน</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สถานการณ์น้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ขอนแก่นแล้งหนักในรอบ 10 ปี เหลือปริมาณน้ำในเขื่อนแค่ 12 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น ชี้หากระดับต่ำกว่า 175 ม.รทก.ต้องหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า เร่งเจรจาลดปริมาณระบายน้ำลงท้ายเขื่อน ทั้งรอฝนตกเหนือเขื่อนช่วยเพิ่มระดับน้ำ ขณะที่เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิวิกฤตหนักไม่ต่างกัน เสี่ยงไม่พอผลิตน้ำประปาป้อนชาว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

สถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของภาคอีสานมีระดับน้ำกักเก็บต่ำสุดในรอบ 10 ปี ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2555 ระดับน้ำอยู่ที่ระดับ 175.08 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) คิดเป็นปริมาณน้ำ 593.92 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 24.43 ของปริมาณน้ำกักเก็บสูงสุดที่ 182.0 ม.รทก.หรือ 2,431.30 ล้านลูกบาศก์เมตร

นายทรงยศ เจิดนภาพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำกักเก็บที่ 594 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 24 ของความจุอ่าง โดยจะมีปริมาณน้ำที่สามารถใช้ได้เพียง 12 ล้าน ลบ.ม.เท้านั้น ถือเป็นปริมาณที่ต่ำมาก สถานการณ์ถือว่าวิกฤตหนักในรอบ 10 ปี เนื่องจากมีน้ำไหลเข้าอ่างรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ถึงวันละ 2 ล้าน ลบ.ม.

หากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ยังลดลงจนต่ำกว่าระดับ 175 ม.รทก. จะต้องหยุดเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำทันที ซึ่งจะต้องซื้อไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณที่ขาดหายจากการผลิตของเขื่อนอุบลรัตน์



อ่านต่อ : Local - Manager Online - วิกฤต! เขื่อนอุบลรัตน์เหลือน้ำต่ำสุดรอบ 10 ปี แล้งต่อ-เสี่ยงหยุดผลิตไฟฟ้า

 

หลวงปู่สดไปเกี่ยวอะไรกะกลุ่มฮิตเลอร์ สำนักนี้เพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว ไปหากินกะ สตีป จอปส์ ไม่พอ ตาพอน ไม่อยากยุ่ง วางเฉยมาตลอด แต่แอบอ้างวิชชาของหลวงปู่กันถึงขั้นนี้ รับไม่ไหว เลิกกันเสียเถอะ

 

ที่ว่าคุณลุงรับไม่ไหวน่ะ
แล้วถึงธรรมกายหรือยังลุง?

จะมาเวลานั่งแข่งกันก็ได้นะครับ
จะได้ไปพร้อมๆกัน
ผมเลี้ยงข้าว 10 มื้อ ฟรีๆ OK ไหม ?

 

ขอให้นักปฏิบัติเร่ง เพียรปฏิบัติกันนะ คาดว่าใกล้ถึงกาลยกยอพุทธศาสนาแล้ว !!!​

ตอนนี้เริ่มส่อเค้าว่า ใกล้ถึงกาลของยุคยกยอศาสนาเข้ามาเต็มทีแล้ว ภพภูมิ และศีลธรรมต่างๆ เขาเริ่มย้ายเขตที่อาศัย โดยเฉพาะศีลธรรมของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในเขตกรุงเทพมหานคร ท่านเร่งรีบย้ายกันมาก ผู้ที่มาทำหน้าที่ก็ต้องเหนื่อยหน่อย อาจจะเป็นด้วยเหตุที่ พวกภายในตัวใหญ่ๆกระมัง ที่เทวดาในเขต กทม. ย้ายหนีกันจ้าละหวั่น ขนาดตึกสูงๆใน กทม. นี่สูงไม่ถึงเข่าเขาเลย และไม่รู้ว่าบริวารเขาจะมีมากมายขนาดไหน ที่สำคัญก็คือไม่มีระบบไหนต้านเขาได้ ยกเว้นพระศรีฯ แต่ผู้เดียว คงจะเป็นพวกที่เคยรบแพ้พระศรีฯมาแต่กาลอดีต หากเทวดารักษา กทม. ย้ายออกไป กทม. ก็คงจะถึงกาลวิบัติ ในไม่ช้า​

จากศึกภายใน แสดงออกมาภายนอก เป็นเรื่องการขัดแย้งในทุกสถาบัน ทุกระบบ โดยเฉพาะความขัดแย้งในเรื่องคณะสงฆ์ในพุทธศาสนา เราเข้าใจว่าถึงกาลที่ "ระบบศีลธรรม" เขาจะแยกผู้มีศีลธรรมกับผู้ไม่มีศีลธรรม ออกจากกัน จากนั้นระบบเขาก็จะล้างคนไม่ดีออกไป เพื่อยกยอศาสนากันต่อไป ก็เป็นธรรมดาที่ทุกกึ่งกลางศาสนาในศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะมีการยกยอศาสนากันครั้งหนึ่ง

สำหรับผู้ที่เชื่อในความดี เชื่อในศีลธรรม ก็ให้เร่งความเพียรกัน และคงจะได้อยู่ทำบารมีต่อไป คนที่ไม่เชื่อเขาก็ต้องเป็นไปตามกรรมแหละ ถึงตอนนั้นก็จะได้รู้ว่าใครดีจริง ใครดีไม่จริง ไม่ต้องมาสงสัยกันว่า สำนักดี สำนักนี้ไม่ดี เพราะคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรมจะไม่มีเหลือ ใครมีอภิญญา สมาบัติระดับไหนก็จะได้แสดงกันเต็มที่​

ครูบาอาจารย์ พระมหาโพธิ ท่านบอกไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในประเทศไทยและในโลก และเราก็สังเกตว่าเหตุการณ์นั้นๆก็เกิดขึ้นมาตามลำดับ ท่านว่า พระมหาโพธิ ผู้รับหน้าที่จากพระพุทธเจ้า ว่าไว้อย่างไร ก็จะเป็นอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และท่านจะทำหน้าที่ "ปรุงศาสนา" ในวาระต่างๆ คือเป็นผู้ดูแลศาสนาทั้งหมื่นโลกธาตุ นั่นเอง​

พระที่ท่านปฏิบัติเข้มข้น และมีหน้าที่มาทำ ท่านก็เห็นสอดคล้องกันกับเรื่องนี้ และที่เราปฏิบัติอยู่ ศีลธรรมเขาก็สงเคราะห์ให้รู้และเข้าใจ ในทำนองเดียวกัน เราก็คอยตรวจสอบการรู้เห็นกับพระผู้ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา และเทวดาที่ทำหน้าที่ในระบบศีลธรรมเขาก็จะมาบอกด้วยเช่นกัน และหากสิ่งนั้นสำคัญมากๆ เขาก็จะมาย้ำเตือนบ่อย ส่วนใหญ่ผู้ที่รู้เห็นเรื่องแบบนี้จะเป็นผู้ที่มีหน้าที่มาทำในระบบศาสนา และส่วนมากจะปรารถนาไปเป็น อัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม ในกาลอนาคต ส่วนท่านที่ไม่มีหน้าที่ก็จะไม่สามารถไปหยั่งรู้รายละเอียดเหล่านี้ได้ เนื่องจากระบบศีลธรรมเขาจะปิดไว้​

สำหรับผู้ปฏิบัติ ที่สามารถเป็นที่พึ่งของภพภูมิ นาค ครุฑ เทวดา ได้แล้ว ภพภูมินั้นๆ เขาก็จะเปิดให้รู้เห็นเหตุการณ์ ในวาระต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ได้ถูกต้อง ที่จริงหน้าที่ก็คือการสงเคราะห์ญาติๆนั่นแหละ ส่วนใหญ่จะทำกันลับๆเพราะต้องปิดบังมารและกรรมวิบากของตนเองที่คอยขัดขวางด้วย สำหรับปู่บุญเหลือ นั้นท่านก็ปรารถนาพุทธภูมิ แต่บังเอิญว่า ในชาตินี้ด้วยกรรมบางอย่างของท่าน ท่านไปต้องบารมีพระมหาโพธิ อันดับหนึ่งเข้า ระบบศีลธรรมเขาก็เลยตัดบารมี ให้ทำแค่นั้น​

คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ มีคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรมจำนวนมาก ท่านบอกว่าเมื่อถึงเวลาระบบเขาจะกวาดลงนรกหมด ครับ​

แค่คิดอกุศลนี่ก็บันทึกลงบัญชีพญายมแล้วล่ะ หากพูดและทำด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึง ไปได้แค่อบายภูมิสี่ เท่านั้น แต่ใครก็ตามที่ทำความดี ได้รับการบันทึกในบัญชีบุญ(บัญชีทองคำ) ของพ่อพระอินทร์ ละโลกนี้ไปแล้ว อย่างน้อยก็ได้ไปสวรรค์แน่นอน เรื่องเวลานั้น ท่านไม่ได้บอกวัน เวลาไว้ แต่บอกแนวทางจากเหตุการณ์ ว่า เมื่อเกิดสิ่งหนึ่ง ก็จะมีเหตุการณ์อื่นๆตามมาเป็นลำดับ สำหรับเราเองเชื่อมั่นแน่นอนว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก และเท่าที่รู้เห็นการเคลื่อนไหวของระบบภพภูมิ เข้าใจว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อระบบเขาพร้อม​

หากฝ่ายพญานาคที่เริ่มซ้อนภพภูมิขึ้นมา กับฝ่ายพญาครุฑ ที่เล็งๆกันอยู่ ฉะกันเมื่อไหร่ โลกก็จะปั่นป่วน อากาศก็จะแปรปรวนวิปริต เป็นต้น นี่ยังไม่รวมถึงฝ่ายพวกยักษ์ที่เข้ามาผสมโรงอีกด้วย เมื่อแปลสภาพออกมาเป็นเหตุการณ์ภายนอก ก็จะทำให้โลกสะเทือน วุ่นวาย มีการทำลายล้างกันด้วยระบบ ดิน น้ำ ไฟ ลม สงคราม/อุบัติเหตุ และโรคระบาด (หมายถึงเทวดาสำคัญ 6 องค์ในแต่ละด้าน) เขาเริ่มทำงานล้างระบบจากภายใน ออกมาสู่ภายนอก​

ที่เรากังวลที่สุดก็คือ กลัวว่านิวเคลียร์จะลงและน้ำจะท่วมใหญ่ เพราะเคยได้ฟังครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้และก็เคยรู้เห็น จากการปฏิบัติของตัวเองมาด้วยส่วนหนึ่ง ก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้เรามีเวลาทำหน้าที่ในส่วนที่ปรารถนามาทำให้ลุล่วงไปเสียก่อน​

 

แค่สงเคราะห์ญาติๆของแต่ละคนได้ นี่ก็ถือว่าบุญโขแล้ว ลองมองไปรอบๆสิว่า แต่ละท่านน่ะสามารถสงเคราะห์ญาติของตัวเองได้มากน้อยขนาดไหน แล้วไหนจะกรรมวิบากของตัวเองอีก ไม่ง่ายเลย นี่ไม่นับถึงญาติที่อยู่ต่างภพภูมิที่เราไม่รู้และสื่อสารกันไม่ได้อีกมหาศาล เราเองก็ต้องทำใจเหมือนกัน หากญาติๆคนใดที่ไม่ค่อยสนใจในบุญกุศล ก็ต้องปล่อยเขาไป ถือว่ากรรมวิบากเขายังมีมาก ก็ต้องปล่อยเขาไปตามกรรม ภพชาติใดที่เราปฏิบัติถึงคุณความดี ก็ค่อยสงเคราะห์เขา

เรื่องชะตากรรมของโลกนั้น ขึ้นอยู่กับว่าพระมหาโพธิสัตว์ ท่านจะเมตตาค้ำจุนได้มากขนาดไหน ก่อนหน้านี้ท่านค้ำจุนมามากแล้ว แต่เมื่อเหล่ามนุษย์ทำบาปเวรกันมากขึ้นและไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันมากขึ้น ก็ป่วยการที่จะค้ำจุนอีกต่อไป เพราะไม่สามารถโปรดสัตว์ เหล่านั้นได้ ที่จริงพระโพธิสัตว์ที่ลงมา "ทำหน้าทีค้ำจุนพุทธศาสนา" นั้นมีเพียงสามองค์ ส่วนองค์อื่นๆท่านก็ลงมาทำบารมีเพิ่มเติมเท่านั้น ท่านไม่มีหน้าที่โดยตรง แต่พ่อพระอินทร์ท่านก็คอยสงเคราะห์ในการทำบารมีอยู่ตลอด

ที่จริงมีสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกัน อย่างเช่น กทม. นี่ ถึงกาลเวลาที่พระแก้วมรกต ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ท่านจะต้องย้ายที่อยู่ เนื่องจากเมื่อท่านสถิตอยู่ในเมืองใดครบ 200 ปี ท่านก็จะย้ายที่ เมื่อพระแก้วมรกตย้ายที่อยู่ บรรดาพระอื่นๆก็ต้องย้ายตามเป็นธรรมดา เทวดาทุกฝ่ายเขาก็ย้ายตามพระไปด้วย และเมื่อพระศักดิ์สิทธิ์และเทวดาเขาย้ายไป ฝ่ายยักษ์หรือมาร ทุกรูปแบบก็เข้ามาครอบงำคนในบ้านเมืองนั้น ซึ่งคนที่เขาเข้าครอบงำเชื้อจิตวิญญาณเดิมก็อาจจะเป็นลูกหลานของยักษ์มารเหล่านั้นเอง บรรดายักษ์หรือมารพวกนี้เป็น คนละพวกกับยักษ์ฝ่ายท้าวเวสสุวรรณซึ่งท่านเป็นฝ่ายรักษาพระศาสนา

ปัจจุบันนี้ มารเข้าครอบงำ เหล่าบรรดานักการเมือง นักปกครอง หมดแล้ว คนดีมีศีลธรรมเขาก็หนี แม้แต่เทวดาเขาก็ยังหนีเลย หากบ้านเมืองใดเมื่อเทวดาเขาไม่ดูแลรักษาแล้วเจ้าจะรู้สึก

สำหรับพวกยักษ์นั้น นอกจากที่มียักษ์ฝ่ายตรงข้ามกับพระพุทธเจ้าแล้ว ก็มียักษ์นอกศาสนาคือ อิสลามกับคริสต์ ในอดีตอิสลามนั้นทำลายพุทธศาสนามากที่สุด จึงเกิดความวิบัติมากที่สุด อย่างที่แปลออกมาภายนอกให้เราเห็นว่าปัจจุบันยักษ์คริสต์ตียักษ์อิสลามกันอยู่ทั่วโลก และพุทธศาสนาก็โดนไปด้วยส่วนหนึ่ง ที่เราเห็นกันนั้นภายนอกแต่ภายในนั้นมีอีกต่างหาก

เอาเป็นว่าโลกธาตุนี้ขึ้นอยู่กับการปรุงโลก ของพระมหาโพธิสัตว์ ผู้รองรับพระบารมีของพระพุทธเจ้า ว่าท่านจะให้เป็นอย่างไร จะให้เกิดหรือไม่เกิดอะไร เพราะเป็นสิทธิ์ที่ได้รับมอบจากพระพุทธเจ้า ให้ดูแลรักษาพุทธศาสนาและปรุงโลก เพื่อไปสู่กาลศาสนาของพระมหาโพธิสัตว์องค์นั้นๆต่อไป ลองคิดดูว่า แม้แต่พระมหาโพธิสัตว์ อันดับหนึ่งท่านยังโปรดคนในยุคนี้ได้น้อยแล้ว อย่างเราๆนี่จะเอาบารมีที่ไหนไปโปรดเขาล่ะ และ "คุณของพระพุทธเจ้า" ทุกๆพระองค์อย่างหนึ่งที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้กันคือ การตั้งแผ่นฟ้า แผ่นดิน หรือตั้งโลก โดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ และจะมีเทวดาต่างๆทำหน้าที่ ในแต่ละด้าน

ศาสตร์ศิลป์ต่างๆที่มีอยู่ในหนังสือของหลวงพระราชกวี (อ่ำ) นั้นเราเชื่อว่ามีอยู่จริง ระบบเทวะที่เขาทำหน้าที่ก็มีอยู่ตามในหนังสือนั้นแหละ เมื่อปฏิบัติไปถึงก็ได้เจอ และศาสตร์ศิลป์ที่เราปฏิบัติมาตั้งแต่ต้นภัทรกัปป์จวบจนปัจจุบันนี้ เป็นศาสตร์ศิลป์ในระบบของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ อย่างเช่น การบวงสรวง เซ่นไหว้ ฯลฯ ก็อยู่ในนี้แหละ มีเหตุแล้วก็จะมีผล เหตุดีก็นำไปสู่ผลที่ดี เหตุไม่ดีก็จะนำไปสู่ผลที่ไม่ดี นักปฏิบัติเตรียมตัวกันให้ดีเด้อ เทวดาฝ่ายต่างๆ รวมทั้งศีลธรรมที่รักษาแผ่นดินไทยด้านต่างๆ เขาก็คงเริ่มทำงานกันแล้ว โดยเฉพาะศีลธรรมในกรุงเทพ นี่เขาถอดหนีคนชั่วกันจะหมดแล้ว ฝ่ายที่ทำหน้าที่ใส่กรรมเขาคงจะต้องทำงานในไม่ช้านี้

จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 19/2/2547

ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88.3906/page-14

หมายเหตุ

"คนไกล" เป็นนามแฝงของคุณอัญญาสิทธิ์ครับ ผมถึงได้ย้ำเตือนเพื่อนๆสมาชิกอยู่บ่อยๆ ว่าอย่าไปปรามาสผุ้ทรงศีลทรงธรรมท่านนี้ เพราะท่านมาทำหน้าที่ยกยอพระพุทธศาสนา และช่วยเหลือคนดีให้รอดพ้นจากภัยพิบัติอย่างแท้จริง และบทความข้างบนของคุณอัญญาสิทธิ์นี้ โพสต์เอาไว้เมื่อ 8 ปีที่แล้วในเว็บไซต์คนเมืองบัวครับ

 

แข่งขันประลองวิชาดีครับ
เลี้ยงข้าวอีก 10 มื้อ ยิ่งดีใหญ่
กระชับความสัมพันธ์ดี
ดีครับ...ผมชอบ

 

ติ๊กต็อก ๆๆๆๆๆ เวลาเดินไปข้างหน้าตลอด จะเอาอะไรกันนักกันหนาครับ ชีวิตนี้ไม่มีใครอยู่เกิน 120 ปี ครับ

 

ผมไม่มีดีขนาดนั้นหรอกครับ แค่ทำเรื่อย เมื่อใจรู้สึกอยากทำ ผมอยากให้กับคนที่ปฏิบัติธรรมอยู่แล้วครับ เพราะว่ากำลังบุญมัน OK เลย

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>พบ “อะมีบากินสมอง” ในน้ำประปา เป็นสาเหตุคร่าชีวิต 2 ชาวอเมริกัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯพบสัตว์เซลล์เดียวจำพวกอะมีบาในระบบจ่ายน้ำประปา โดยอะมีบาที่พบ เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกัดกินสมองของผู้ได้รับเชื้อ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชนอย่างน้อย 2 รายในมลรัฐลุยเซียนา

รายงานข่าวระบุว่า หลังการเสียชีวิตของชายวัย 28 ปี และสตรีวัย 51 ปี จากต่างพื้นที่ในมลรัฐลุยเซียนาที่ติดเชื้อจากสัตว์เซลล์เดียวจำพวกอะมีบาจากระบบน้ำประปาภายในบ้านของตัวเอง จนสมองถูกทำลายเมื่อปีที่แล้ว ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี) รวมถึงสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ)ได้ออกคำเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง รวมถึงให้คำนึงถึงความสะอาดและปฏิบัติตามคำแนะนำที่เหมาะสม โดยเฉพาะหากมีการใช้น้ำประปาเพื่อการชำระล้างใดๆในบริเวณโพรงจมูก เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่า ส่วนดังกล่าวของร่างกาย เป็นต้นตอสำคัญของการติดเชื้อที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายดังกล่าว

ข้อมูลของทางการสหรัฐฯระบุว่า สัตว์เซลล์เดียวที่เป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในมลรัฐลุยเซียนานั้น เป็นตัวอะมีบาชนิด “เอ็น. ฟาวเลรี” ซึ่งพบได้ทั่วไปในทะเลสาบน้ำจืดหรือแม่น้ำที่อบอุ่นตามธรรมชาติ แต่ยังไม่เคยมีการพบในระบบน้ำประปามาก่อน
โดยหากอะมีบาชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรง และนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1962 เป็นต้นมา พบว่ามีผู้รอดชีวิตเพียงแค่ 1 รายเท่านั้น หลังจากเกิดการติดเชื้อมรณะดังกล่าว

ด้านโจนาธอน โยเดอร์ ผู้เชี่ยวชาญของซีดีซีออกมายอมรับว่า การพบผู้เสียชีวิต 2 รายที่ติดเชื้อจากน้ำประปาในมลรัฐลุยเซียนา ถือเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยมีรายงานการพบการติดเชื้อในลักษณะที่คล้ายคลึงกันที่ออสเตรเลียและปากีสถานมาก่อนก็ตาม อย่างไรก็ดี โยเดอร์ ยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อะมีบามหาภัยชนิดดังกล่าวหลุดรอดเข้าไปในระบบท่อจ่ายน้ำประปาของมลรัฐลุยเซียนาได้อย่างไร


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มลรัฐลุยเซียนา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา : Around the World - Manager Online - พบ “อะมีบากินสมอง” ในน้ำประปา เป็นสาเหตุคร่าชีวิต 2 ชาวอเมริกัน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

น้ำดื่มเป็นถังใหญ่ที่ใช้ดื่มอยู่คงไม่เป็นไรนะครับ

 

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นก่อนโอบาม่าจะหมดอำนาจ !!!​

​

พระเจ้าเตือนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2011-2012​

พระเจ้าเตือนตั้งแต่ ปี คศ.2011-2012 ที่จะมาถึงนี้ จะมีเหตุการณ์มากมายที่มนุษย์ ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น จะปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัวที่สุด เมื่อเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นผ่านไปแล้ว จะมีมนุษย์มากมาย ไม่เห็นโลกนี้อีกต่อไป เพราะงานทุกอย่างสำเร็จก่อน คนผิวดำจะหมดวาระ เขาจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จ ในขณะที่เขาอยู่ในตำแหน่ง เหตุการณ์ทุกอย่างจะสำเร็จตามการพัฒนาประเทศและอื่นๆ ฉะนั้นจงให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ร้ายข้างหน้านี้ ด้วยความซื่อสัตย์ยุติธรรมต่อพระคำของพระเจ้าทุกอย่าง​

ระหว่างปี ค.ศ.2010-2012 จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?​

- ภูเก็ตและตามแถบของทะเลต่างๆ จะเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรง
- แผ่นดินไหวจะทวีความรุนแรงและมากกว่าทุกปี
- การกันดารอาหารจะเกิดไปทั่วโลก
- น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว น้ำจะหนุนไปทั่วโลก
- โรคระบาด ไข้หวัดใหญ่2009 นี้จะติดไปทั่วโลก ทุกๆประเทศ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ทุกซอย
- เกิดภัยพิบัติทางทะเลและทางบก เกิดไฟไหม้ พายุหมุนและพายุลูกเห็บที่น่ากลัว มีพายุรุนแรง น้ำท่วม ลมสลาตัน คลื่นยักษ์
- ประชาชาติต่อประชาชาติจะต่อสู้รบกัน อาณาจักรต่ออาณาจักรจะต่อสู้รบกัน
- ความรักเยือกเย็นลง ความอธรรมแผ่กว้างออกไป
- จะมีพระเยซูเทียมเท็จ
- มนุษย์จะโดนฝังไมโครชิพ
- การบังคับกฎหมายวันอาทิตย์สากลทุกประเทศทั่วโลก​

posted on 12 Dec 2010 10:27 by love7sda​

ที่มา http://love7sda.exteen.com/page-4​

 

ภัยธรรมชาติ-ความอดอยาก-สงครามนิวเคลียร์ !!!

​

Survival สมาชิก

"...หลังจากโลกเกิดอภิมหาภัยธรรมชาติแล้ว จะเกิดสงครามโลกตามมาอีก เป็นจริงตามนั้นครับ และจะเป็นสงครามนิวเคลียร์ จากการแย่งชิงทรัพยากรของประเทศต่างๆ ก็เสียหายหนักกันทั้งสองฝ่าย ส่วนพวกเรานั้นก็คงจะเป็นตาอยู่กันครับ..."

ผมติดตามอ่านข้อมูลคุณอัญญาสิทธ์มาปีกว่าแล้ว ขอรบกวนสอบถามดังนี้ครับ
๑. ตามคำตอบของคุณอัญญาสิทธิ์ด้านบน ผมยังมองภาพไม่ออก ผมคิดว่าเมื่อเกิดอภิมหาภัยธรรมชาติแล้ว ทุกประเทศจะย่ำแย่ คนจะล้มตายกันมาก และคนจะหันมาช่วยเหลือกัน ไม่มีกะจิตกะใจที่จะรบราฆ่าฟันกัน หรือว่าภัยพิบัติที่เกิดยังไม่หนักพอ ยังเหลือคนบาปอีกมาก และคนส่วนนี้ก็จะรบพุ่งฆ่าฟันแย่งชิงทรัพยากรกันต่อไป
๒. ในเขตพื้นที่จังนครพนม บริเวณริมฝั่งโขง เป็นเขตของนาคใช่หรือไม่ เพราะผมรุ้สึกประมาณนั้น
๓. ผมมีความคิดส่วนตัว คือผมจะเตรียมตัวเท่าที่เตรียมได้ ทำได้ และใช้เวลาที่เหลือปฏิบัติภาวนา เพราะผมมองว่านอกจากการเตรียมพร้อมในทางโลกแล้ว ทาน ศีล ภาวนา ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
๔. ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่าน ที่เตรียมพื้นที่รองรับผู้คน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ และเสียสละเวลาตอบคำถามอันเป็นประโยชน์แก่สาธุชน

อนุโมทนาสาธุครับ...

24-08-2012, 04:31 AM

Aunyasit สมาชิก

คุณ Survival :-

1. ในยามที่ทรัพยากรมีน้อยนั้น มนุษย์บางส่วนก็จะแสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวเพื่อความอยู่รอดมากขึ้นครับ และมนุษย์พวกนึงก็จะถูกกวาดล้างด้วยภัยสงคราม เพราะกรรมเขากำหนดมาอย่างนั้น บางพวกก็จะถูกกวาดล้างด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ และโรคระบาด ตามวาระกรรมของที่แต่ละบุคคลสร้างมาครับ

2. ในเขตพื้นที่จังนครพนมและหลายๆจังหวัด บริเวณริมฝั่งโขง เป็นเขตของพญานาคครับ

3. ถูกต้องแล้วครับ ที่จริงเราควรเตรียมเสบียงภายในจากการทำทาน ศีล ภาวนามาก่อน แล้วจึงมาเตรียมการภายนอกในเรื่องของปัจจัยสี่ภายหลังครับ หากปราศจากบุญบารมีดังกล่าวแล้ว การเตรียมปัจจัยสี่ภายนอกก็ไม่ได้มีความหมายอะไร สิ่งที่ปรากฏออกมาให้เห็นภายนอก ทั้งพระพุทธรูป และองค์ประกอบอื่นๆของพุทธสถานฯ ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการปฏิบัติภายในมาก่อน ทั้งผลจากการสั่งสมในอดีตและการกระทำในปัจจุบัน ครับ

24-08-2012, 06:30 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/กระทู้...ิ์-ขอเชิญเข้ามาสอบถามได้ที่นี่.344425/page-15

 

น่ากลัวจังคะสิ่งที่ทำได้คือ ทาน ศีล ภาวนาคะตอนนี้

 

เมื่อถึงคราวอับคราวจนของพุทธศาสนิกชนไทย

เมื่อถึงคราวอับจนสิ่งใดเป็นที่พึ่งที่อาศัย
จะขอกล่าวถึงท่านพระอาจารย์มั่น เมื่อครั้งท่านไปนั่งสมาธิที่เมืองลาว ที่นี้ก็เมื่อถึงตอนกลางคืน ท่านก็ไปนั่งอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เพราะท่านเห็นว่าเป็นที่สงัด เงียบสงัดดีไกลผู้คน ใครไม่มารบกวน ถึงแม้ว่าจะมีเสือสางนางร้าย จะเข้ามาในที่นั่น แต่ท่านก็ไม่กลัว คือสละชีวิตแล้ว เดินธุดงองค์เดียว ก็ไปบำเพ็ญอยู่ที่นั่น ทีนี้พอตอนบ่าย ประมาณสักสองโมง ท่านก็นั่งสมาธิอยู่ พอนั่งสมาธิจนจิตใจเคลิ้มๆ หรือสงบลงหน่อยหนึ่ง ก็เห็นชีปะขาวหรือพ่อขาวแก่ๆ นุ่งขาวห่มขาวเป็นผู้ชายเดินเข้ามา นิมนต์ว่า หลวงพ่อขึ้นไปอยู่เชิงเขานู้นเถอะ เพราะว่าน้ำป่าจะมา จะมีอันตรายให้โยกย้าย ขึ้นไปอยู่บนเขานู้นเถอะ แล้วหลังจากนั้น พ่อขาวชีปะขาวก็หายไป ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ท่านพระอาจารย์มั่นก็สงสัย เอ๊ะอะไรกัน มีคนมาบอก ว่าน้ำป่าจะมา ฝนจะตกใหญ่ ทีนี้ก็ลองถอยสมาธิออกมา ลืมตาออกมาดูทั่วๆ รอบๆ ฮืม! ยังเห็นเดือน ยังแจ่มแจ๋วอยู่ บนท้องฟ้าไม่มีเมฆหมอก ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง มันจะมีอะหยั๋ง ฝนที่ใหนจะมา น้ำที่ใหนจะมา มันจะมาจากทางใหน ถ้าฝนจะตกตามธรรมดา มันต้องตั้งเค้า ท้องฟ้าจะต้องมืดครึ้ม ทีนี้ท่านก็ไม่เชื่อ เพราะไม่เห็นจะมีอะไร แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ลองหยั่งดูด้วยญาณของเราเองดูก่อน อันนี้ก็คล้ายๆกับพระพุทธเจ้าของเรา ที่เทวดามาบอกอันนั้น มาบอกอันนี้ ท่านก็ไม่เชื่อ ต้องรู้ด้วยตนเอง จึงจะกระจ่างในความคิด ความเชื่อ เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ คิดจะไปโปรดท่านอารามดาบส อุทกดาบส แล้วมีเทวดามาบอกว่าท่านตายแล้ว เมื่อวานนี้เอง พระพุทธเจ้าก็ยังไม่เชื่อ ก็เลยเข้าญาณของตัวเอง แล้วเห็นว่าเป็นจริงอย่างที่เทวดามาบอก ทีนี้ส่วนท่านอาจารย์มั่น ก็เข้าญาณดูว่าจะจริงหรือจะเท็จ ท่านก็ตรวจดูว่ามันจะเป็นอย่างไร จะจริงอย่างที่เทวดามาบอกจริงหรือ ท่านก็นั่งสมาธิจิตใจเข้าที่ ก็ปรากฎนิมิตรเห็นว่า ฝนเกิดขึ้นทางเหนือแล้วก็มีน้ำใหญ่มารุนแรงมากทีเดียว แต่ท่านก็ไม่คิดว่าเป็นความจริง ท่านคิดว่ามันยังอยู่ไกล ท่านพระอาจารย์มั่นก็ยังอิดๆออดๆ เพราะฮักอยู่ในทีนั้น มีความอิ่มใจ ก็นั่งทบทวนอยู่ในที่นั้นแม้เทวดามาบอกให้รีบไป แต่สักประเดี๋ยว ท่านก็เอะใจ เสียงอะไรอู้ๆ มาเหมือนกับหูจะแตก เหมือนกับมีรถไฟ ๓-๔ ขบวนมาชุมนุมกัน และท่านก็นึกทบทวนได้ว่า อ๋อนี่น้ำป่ามาแล้วนี่ พอนึกได้อย่างนั้น ว่าเป็นจริงตามที่เทวดามาบอก ก็รีบเก็บกลดบาตร อัฐบริขาร พอเก็บกลดเสร็จจะออกเดินเท่านั้นเอง น้ำป่าก็เข้ามาถึงตัวท่าน ก็ชนปั้ง!เข้าให้ เหมือนกับรถที่มาแรงๆ แล้วก็ชนท่านกระเด็นไปเลย เมื่อท่านกระเด็นไปแล้ว ก็ขาดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่ออยู่บนก้อนผาสูงแห่งหนึ่ง ไปอยู่บนก้อนผาสูงแห่งหนึ่ง ท่านก็นึกทบทวนดูว่า เรามาอยู่บนนี่ได้อย่างไร น้ำป่ามาปะทะตัวเรา ชนกระเด็นไป แล้วเรามาอยู่บนโขดหินผาได้อย่างไร ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็เป็นอันตัดสินรู้ได้ว่า เทวดาที่มาบอกเรานั่นเอง ท่านช่วยไว้ นี่ก็คือถึงเวลาอับถึงเวลาจน พุทธบริษัทคนไทยเรา ก็หั่นไปพึ่งเอาสิ่งที่เป็นวัตถุก็ดี วิญญาณก็ดี เทพเจ้าทั้งหลายก็ดี ก็มักจะหันไปเอาสิ่งเหล่านั้น มายึดเหนี่ยว เวลาเกิดภัยพิบัติขึ้นมา สิ่งที่มาใกล้ตัวเรา หรือสิ่งที่คนอันมากหลาย กล่าวกันบ่อยๆ พูดกันหนาหูว่าปีค.ศ.๑๙๙๙เขาทำนายกันว่าจะมีภัยพิบัติ เกิดขึ้นแก่โลก ความพินาศจะบังเกิดขึ้นแก่โลกมนุษย์เรานี้ คำทำนายที่ใช้กันทั่วไป ก็เป็นภัยที่มาจากนอกโลก ภัยพิบัติจะมาในรูปแบบใหน อันนี้ก็เล่าลือกันไปในแบบต่างๆ เป็นต้นว่าเมืองกรุงจะทรุด จะจมลงในแม่น้ำ หรือเมืองชายทะเลจะจมใต้น้ำหมด เมืองไทยถึงจะไม่จมไปหมด แต่บางส่วนก็ถูกภัยคุกคาม เช่นแผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด ก็พูดต่อๆกันไป ปากคนยาวกว่าปากกา ก็กลายเป็นข่าว ทีนี้พวกที่มีความรู้ก็ผสมผสานกันไป พวกที่มีความรู้เป็นต้นว่า นักดาราศาสตร์ นักโหราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ มาจนถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ชุมนุมกัน จนถึงกับพิมพ์หนังสือออกแจกจ่าย ถึงเรื่องการเตรียมตัวที่จะป้องกันภัย หาที่คุ้มครอง ภัยอันตรายที่จะมาถึง อันนี้ก็มาพูดถึงมนุษย์ต่างดาว เขาจะมาอย่างไรก็ไม่รู้ จะมาออกในทีวี เขาก็เชิญออกทีวีทั่วๆไป ก็มาเตือนถึงเรื่องภัยต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมานี้เหมือนกัน ว่ามันจะมีจะเกิดขึ้นในระยะที่กล่าวมานั้น ทีนี้จะเป็นจริงหรือไม่แค่ใหน ก็ย้อนมากล่าวถึงท่านหลวงปู่ธรรมเทพโลกอุดร หลวงปู่ธรรมเทพโลกอุดรนี้ ก็คนไทยเกือบครึ่งเมือง นับถือว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นพระสำเร็จอภิญญา เป็นผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และผู้ที่ใกล้ชิดท่านหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็คือหลวงปู่หลุ่น ท่านอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง มีอะไรท่านก็ติดต่อกันได้ กับหลวงปู่เทพโลกอุดร และท่านก็เคยพบกัน แล้วทีนี้สิ่งที่สำคัญ คือท่านว่าปากคนยาวกว่าปากกานั่นแหละ ดังที่ว่าโลกจะแตกจะเติกอะไรกันนั่น โลกมันไม่แตกอะไรหรอก ก็หลักสำคัญมันอยู่ในตัวคนเรานี้เอง และอีกประการหนึ่งก็คือบ้านเมืองในระยะนี้เศรษฐกิจมันจะพัง เศรษฐกิจจะพังแล้วคนเราจะยากจน จะผิดจะเถียงกันคนครัวเรือนเดียวกัน ก็จะแตกแยกเหินห่าง คนที่เคยอยู่ด้วยกันมีความสุขก็จะลาจากกัน ไอ้คนที่เคยรักกันก็จะแตกแยกกัน ผัวเมียก็จะทุบตีผิดเถียงกัน ไม่สมัครสมานสามัคคีกัน แต่ท่านเตือนไว้ว่า อย่างไรก็ดี ขอให้มีศีล ยึดมั่นในศีลในภาวนา ในคุณงามความดีทั้งมวล มันไม่เป็นอะไรหรอก และท่านหลวงปู่เทพโลกอุดรสั่งมาทุกปี ให้สืบชะตา เมื่อถึงคราวอับจนขึ้นมา ก็ย่อมปลอดภัยเสมอ อย่างน้อยก็อยู่ดีมีสุข เมื่อมีข่าวขึ้นมา ท่านว่าความจริงแท้จะเป็นอย่างไร เราก็อย่าพึ่งไปเชื่อเสียทั้งหมด และก็อย่าไม่เชื่อเสียทั้งหมด แต่หลักสำคัญที่ท่านสอน ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ให้ตั้งอยู่ในคุณงามความดี ตั้งอยู่ในศีลภาวนาเป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามถึงเวลา ฉุกเฉินขึ้นมาก็ย่อมจะถึงความสวัสดีทุกเมื่อ ขอยุติเนื้อความย่อๆลงแต่เพียงเท่านี้ ท่านพระคุณเจ้าดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เทศนาไว้เมื่อ -วันพระที่ 1 ม.ค. พ.ศ. 2542 ขึ้น๑๕ค่ำ

 

หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดสังฆทาน จ.นนทบุรี ได้ละขันธ์ เมื่อ คืนวันที่ 24 สิงหาคม 2555
เวลา 21.39 น.ที่ศูนย์ปฎิบัติ กตปุญโญ ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ มีนามเดิมว่า สนอง โพธิ์สุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๗
ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๕ (๔ ฯ ๕) ปีวอก ณ ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี โยมบิดาชื่อ นายเอม โพธิ์สุวรรณ
(ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีฉายาว่า อริยวํโส) โยมมารดาชื่อ นางแม้น โพธิ์สุวรรณ (ต่อมาได้ถือศีลออกบวชเป็นแม่ชี)
มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๖​

พึ่งทราบข่าวเพื่อนโทรมาบอกยังไม่เชื่อเลยต้องเข้าเว็บของวัดดูข่าวถึงเจอ ข่าวก็ไม่เห็นออก ใครมีข่าวและภาพมาแชร์กันหน่อยน่ะค่ะ



​

 

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 25 สิงหาคม 2555

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง พายุโซนร้อน “เทมบิง” (TEMBIN) ได้เคลื่อนตัวบริเวณไต้หวันและทะเลจีนใต้ตอนบน ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเลย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ และลพบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร


ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง
อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

เตือนคาร์บอมบ์ใช้"วีออสสีแดง"ลงมือ!เป้าหมายย่านเศรษฐกิจหาดใหญ่


หน่วยข่าวด้านความมั่นคง ได้แจ้งเตือนหน่วยกำลังในพื้นที่ให้สกัดจับรถยนต์เก๋ง สีแดง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส

ซึ่งคนร้ายได้ดัดแปลงภายในรถโดยการซุกระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 50-80 กิโลกรัม เป้าหมายเพื่อเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งว่า รถคันดังกล่าวได้มีดัดแปลงสภาพมาจากพื้นที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ซึ่งขณะนี้ทราบว่ารถคันดังกล่าวนำไปซุกไว้ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่แล้ว


สำหรับมาตรการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่นั้น

ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นพื้นที่กว้างคงต้องฝากให้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแล โดยเฉพาะประชาชนต้องช่วยสอดส่องดูแลด้วย หากพบเห็นสิ่งใดผิดปกติต้องช่วยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบจะได้ช่วยกันระงับเหตุได้ทัน

 

นิมิตเตือนภัยคนกรุงเทพฯ และผู้อยู่ตามชายทะเลอ่าวไทย !!!



​

k_97 สมาชิก

25 ส.ค. 55 ภาพน้ำเริ่มมา

นิมิตเช้านี้ได้ภาพมาสี่ภาพด้วยกัน

ภาพแรก เห็นรถยนต์วิ่งอยู่บนท้องถนนระดับน้ำครึ่งประตูรถ พื้นที่ต่ำลงไป รถวิ่งอยู่ใต้บาดาลความลึกไม่ต่ำกว่า 2.00 เมตรขึ้นไป

ภาพที่สอง เป็นภาพภายในบ้านในอดีตอยู่ฝั่ง ธ...บุรี วงเวียนใหญ่ หลังบ้านน้ำท่วมประมาณ 0.80 เมตร

ภาพที่สาม ไฟฟ้าภายในบ้านดับหมด สักพักผมจึงค่อยๆไล่เปิดทีละดวง

ภาพที่สี่ ร้านในอดีตเป็นร้านขายของชำ เห็นเด็กมาซื้อยากันยุงชนิดม้วนกันหลายคน ตัวผมเองมีไม้ขีดไฟอยู่หนึ่งกัก

ภาพเหล่านี้สื่อให้ทราบถึงระดับน้ำของพื้นที่ว่า มีความสูงต่างระดับกันแล้วแต่ความสูงของพื้นที่นั้นๆ เมื่อน้ำมาระยะแรกจะไม่มีไฟฟ้าใช้(ไม่ทราบว่าจะนานแค่ไหน?) ต่อมาถึงใช้ได้ น้ำจะขังนานเพราะต้องมียากันยุงซื้อเก็บไว้ใช้

สรุปแล้วเที่ยวนี้ น้ำมามากพื้นที่ๆอยู่ทางออกทะเล ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ

มหาประชาบดี๙๗

ที่มา http://palungjit.org/threads/แจ้งเตือน-โดย-k-97-a.324655/page-70