ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คลินตันชี้“อิหร่าน”เพิ่มแรงหนุนซีเรีย ส่วน“รัสเซีย”ยังทุ่มทั้งเงิน-อาวุธช่วยอัสซาด

    [​IMG]
    ฮิลลารี คลินตัน กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ณ สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กรุงวอชิงตัน วานนี้(31 ม.ค.56)

    เอเอฟพี - อิหร่านให้การสนับสนุนต่อรัฐบาลซีเรียมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่รัสเซียก็ยังส่งทั้งเงินทองและอาวุธเพื่อรักษาฐานอำนาจของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (31 ม.ค.56)

    ระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ คลินตันชี้ว่า “รัฐบาลอิหร่านแสดงออกชัดเจนมานานแล้วว่า การปกป้องฐานอำนาจของอัสซาดคือสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ซึ่งเราเชื่อว่าอิหร่านน่าจะส่งบุคลากรเข้าไปในซีเรีย มิใช่เพียงเพื่อช่วย อัสซาด เท่านั้น แต่เพื่อสนับสนุนและให้คำแนะนำแก่กองกำลังความมั่นคงซีเรีย”

    “อิหร่านมีส่วนพัวพันในปัญหาซีเรียตั้งแต่ต้น และเชื่อว่าทุกวันนี้พวกเขาก็ให้การสนับสนุนซีเรียมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากังวล”

    แม้สหรัฐฯ จะพยายามโน้มน้าวให้รัสเซียร่วมหาทางยุติวิกฤตการณ์ทางการเมืองซึ่งยืดเยื้อมานานถึง 22 เดือน และคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 60,000 คน แต่มอสโกก็ยังคงเลือกหนุนหลัง อัสซาด อยู่

    “รัสเซียมิได้อยู่นิ่งเฉย แต่กลับมีบทบาทหลายด้านในการช่วยเหลืออัสซาด... ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือความพยายามปกป้องรัฐบาลซีเรียในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และมอสโกยังสนับสนุนอัสซาดด้วยวิธีการอื่นๆอีก” คลินตันเผย

    “เรามีเหตุอันสมควรที่จะเชื่อว่ารัสเซียยังส่งทั้งเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือรัฐบาลอัสซาด”

    “คำทำนายสิ่งเลวร้ายที่สุดซึ่งอาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะภายในซีเรียเองหรือแผ่ขยายข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม ล้วนแต่มีความเป็นไปได้ในขณะนี้”

    รัฐมนตรีหญิงวัย 65 ปี กล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ เป็นกังวลที่อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เข้าไปมีบทบาทในสงครามซีเรียมากยิ่งขึ้น แต่ยังพอมีหวังที่จะเห็นรัสเซียเปลี่ยนจุดยืน

    “เมื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พวกเขาคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า สถานการณ์กำลังเข้าขั้นเลวร้าย และเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของทุกๆ ฝ่าย รวมถึงรัสเซียเองด้วย” คลินตันเผย

    คลินตันยังแสดงความมั่นใจว่า จอห์น เคร์รี ซึ่งจะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ “จะสานต่อสิ่งที่ดิฉันทำค้างไว้ และทำทุกวิถีทางที่เราจะทำได้... เพื่อนำไปสู่การผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองในซีเรีย”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2556 09:30 น.

    ที่มา Around the World - Manager Online - คลินตันชี้ “อิหร่าน” เพิ่มแรงหนุนซีเรีย ส่วน “รัสเซีย” ยังทุ่มทั้งเงิน-อาวุธช่วยอัสซาด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สหรัฐจะเริ่มติดอาวุธให้ฝ่ายต่อต้านซีเรีย

    [​IMG]

    วอชิงตัน 14 มิ.ย. - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ จะเริ่มติดอาวุธให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียเป็นครั้งแรก หลังจากสงวนท่าทีตลอดมา ขณะที่สงครามกลางเมืองในซีเรียยืดเยื้อมากว่า 2 ปี แต่คาดว่าคงไม่สามารถทำให้รัฐบาลซีเรียและพันธมิตรเพลี่ยงพล้ำในเร็ว ๆ นี้

    ประธานาธิบดีโอบามาตัดสินใจส่งอาวุธให้นักรบฝ่ายต่อต้านหลังจากทำเนียบขาวประกาศว่า มีหลักฐานพิสูจน์ว่ารัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย ใช้อาวุธเคมีปราบปรามฝ่ายต่อต้าน เป็นการล้ำเส้นที่โอบามาเคยขีดไว้ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐเคยระบุว่า หากจะติดอาวุธให้ฝ่ายต่อต้านก็จะจำกัดเฉพาะอาวุธและเครื่องกระสุนขนาดเล็ก มากกว่าอาวุธต่อต้านอากาศยานที่จะมีผลต่อการรบอย่างฉับพลัน ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า อาจมีอาวุธต่อต้านรถถัง และจะมีสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) เป็นผู้ประสานงานการจัดส่งอาวุธ

    ส.ว.บ็อบ คอร์กเกอร์ ในคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์วุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ประธานาธิบดีแสดงความเป็นผู้นำด้วยการเร่งจัดส่งอาวุธและฝึกรบให้แก่ฝ่ายต่อต้านโดยเร็ว แต่นายเดวิด โซลิมินี รองประธานสถาบันโครงการความมั่นคงแห่งชาติทรูแมน มองว่า ประธานาธิบดีตัดสินใจถูกต้องแล้วที่รอบคอบเรื่องการใช้ทางเลือกทางทหาร เพราะซีเรียไม่ใช่สถานที่ที่สหรัฐควรเข้าไปตามลำพัง

    สำนักข่าวไทย TNA News | 14 มิ.ย. 2556 14:30 |

    ที่มา สหรัฐจะเริ่มติดอาวุธให้ฝ่ายต่อต้านซีเรีย | MCOT.net | MCOT.net

    รัสเซียเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีของผู้นำซีเรียถูกแต่งขึ้น

    [​IMG]

    มอสโก 14 มิ.ย. - สมาชิกระดับสูงในรัฐสภารัสเซียกล่าวว่า ข้อมูลที่ระบุว่ากองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ใช้อาวุธเคมีโจมตีฝ่ายต่อต้าน ไม่เป็นความจริง ชี้สหรัฐจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการเข้าแทรกแซงสงครามครั้งนี้

    นายอเล็กซี ปุชคอฟ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีของผู้นำซีเรียถูกสร้างขึ้น เช่นเดียวกับข้อมูลเท็จเกี่ยวกับอาวุธทำลายล้างสูงของนายซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำอิรัก พร้อมระบุว่านายโอบามากำลังดำเนินรอยตามนายจอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ

    ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐออกมาประกาศว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา อนุมัติให้ส่งอาวุธให้แก่กลุ่มกบฏซีเรียเป็นครั้งแรก หลังจากทำเนียบขาวระบุสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีกองกำลังฝ่ายต่อต้านจริง

    สำนักข่าวไทย TNA News | 14 มิ.ย. 2556 14:50 |

    ที่มา รัสเซียเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีของผู้นำซีเรียถูกแต่งขึ้น | MCOT.net | MCOT.net

    อังกฤษเห็นด้วยกับสหรัฐ รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี

    [​IMG]

    ลอนดอน 14 มิ.ย. - ทางการอังกฤษแถลงแสดงความเห็นด้วยกับสหรัฐที่ประเมินว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีและขอให้นานาประเทศใช้มาตรการตอบโต้ที่แข็งกร้าวขึ้น

    นายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษจะหารืออย่างเร่งด่วนกับสหรัฐ ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ รวมทั้งในที่ประชุมสุดยอดจี-8 สัปดาห์หน้า ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ จะพยายามหาข้อสรุปทางการเมืองจากความขัดแย้งในซีเรียระหว่างเข้าร่วมการประชุมจี-8 ที่ไอร์แลนด์เหนือวันจันทร์และอังคารนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรแน่นแฟ้นกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย อยู่ในคณะผู้นำโลกที่มีกำหนดเข้าร่วมประชุมด้วย

    สำนักข่าวไทย TNA News | 14 มิ.ย. 2556 18:47 |

    ที่มา อังกฤษเห็นด้วยกับสหรัฐ รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี | MCOT.net | MCOT.net
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หนังดีที่น่าดู !!!

    [​IMG]

    “Superman” คือ Superhero ที่เรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ได้โอกาสกลับมาโลดแล่นบนจอหนังอีกครั้ง หลังแป๊กไปหลายภาค ภายใต้ชื่อ “Man of Steel” ซึ่งแค่ชื่อหนังที่เป็นครั้งแรกที่ไม่มีคำว่า Superman ในชื่อ ก็บ่งบอกถึงความแตกต่างจากฉบับก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือการตีความ Superman แบบใหม่ ปรับเปลี่ยนจากวีรบุรุษรุ่นคุณปู่ผู้มีจุดเด่นที่กางเกงในสีแดง มาเป็นบุรุษเหล็กที่ทั้งเท่และสมจริง หนังได้ “Zack Snyder” จาก Watchmen และ 300 มาเป็นผู้กำกับ และได้ “Christopher Nolan” จาก The Dark Knight Trilogy มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง แค่ 2 ชื่อนี้ก็รับประกันถึงความน่าสนใจและแตกต่างของ Superman ver. นี้แล้ว

    สำหรับผู้ที่มารับบทบุรุษเหล็กหรือชื่อปกติ Clark Kent/ Kal-El ภาคนี้ตกเป็นของ Henry Cavill ร่วมด้วยนักแสดงคุณภาพอีกมากมายไม่ว่าจะ Amy Adams ในบท Lois Lane, Michael Shannon ในบทนายพล Zod ตัวร้ายของเรื่อง, Kevin Costner และ Diane Lane ในบท Jonathan และ Martha Kent พ่อแม่บุญธรรมของ Clark, Russell Crowe ในบท Jor-El พ่อของ Clark ฯลฯ การเลือกใช้นักแสดงเหล่านี้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งยืนยันว่า Man of Steel จะมีสัดส่วน Drama มากกว่า Superman ภาคอื่นๆ แน่นอน ซึ่งก็จริงตามนั้น แม้อาจไม่มากเท่าที่คาด และยังมีติดๆ ขัดๆ ในบางส่วนบ้าง แต่ก็เป็น Superman ที่มีประเด็นให้ขบคิดมากทีเดียว ไม่รวมถึงฉาก Action ที่เรียกได้ว่า “ยิ่งกว่าจัดเต็ม”

    วีรบุรุษในอุดมคติ

    ในบรรดา Superhero ของอเมริกาทั้งหมด Superman น่าจะเป็นตัวละครที่สร้างเป็นหนังได้ยากที่สุด ไม่เฉพาะเพราะความเว่อร์ของพลัง รวมไปถึงชุด กกน. แดง ที่อาจดูดีในการ์ตูน (มั้ง) แต่ดูตลกเป็นอย่างมากเมื่อมันสวมใส่ด้วยคนจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ยากเท่าที่ว่า Superman ได้กลายเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ตัวการ์ตูนตัวหนึ่ง แต่เป็นวีรบุรุษแห่งความดีงาม เป็นฮีโร่คนแรกที่คนจะนึกถึงเมื่อเกิดเหตุร้าย เป็นคนที่เราจะรู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่อมีเขาอยู่ข้าง ซึ่งความรู้สึกแบบนี้จะไม่เกิดกับ Batman ซึ่งยังมีด้านมืดบางอย่างอยู่ หรือแม้แต่ฮีโร่ของฝั่ง Marvel ส่วนใหญ่ก็มีที่มาจากคนธรรมดา และไม่ได้เก่งกาจไว้ใจได้จนถึงขีดสุด จึงยังไม่ให้ภาพอุดมคติเท่า Superman

    เพื่อคงความเป็นอุดมคตินั้นไว้ ที่ผ่านมา Superman จึงถูกพูดถึงแค่ในมิติความดีและความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น จนกลายเป็นภาพจำของคนทั่วไป แต่ปัญหาคือหากจะคงลักษณะ Superman แบบนี้ไว้ มันจะไปได้ไกลแค่ไหนในวงการหนัง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป Superman ฉบับโรแมนติกแบบ Christopher Reeve อาจไม่เหมาะกับยุคนี้อีกต่อไป เพราะคนคาดหวังความสมจริงจากหนัง Superhero มากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นโจทย์ยากอีกว่าจะเติมมิติไหนเข้าไปให้ Superman ที่จะทำให้วีรบุรุษยุคดั้งเดิมผู้นี้สามารถเดินในยุคปัจจุบันได้อย่างเต็มภาคภูมิ ขณะที่ยังคงรักษาภาพอุดมคติเอาไว้ได้

    ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณไตรภาค The Dark Knight ที่พิสูจน์ว่า หนัง Superhero แบบ Dark ก็สามารถไปได้ดี เช่นเดียวกับฝั่ง Marvel ที่ต่างก็เน้นความสมจริงและมิติตัวละครมากขึ้น Man of Steel จึงมาพร้อม “ความกล้า” ที่จะเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่าง เริ่มตั้งแต่ชุดใหม่ไร้ กกน. แดง ที่เปลี่ยนจากความตลกกลายเป็นความเท่ขึ้นในบันดล การสร้างความหมายและมุมมองใหม่ๆ ให้กับสิ่งต่างๆ ในเรื่อง และที่สำคัญคือการเติม “มิติความเป็นมนุษย์” ให้กับ Superman มากขึ้น แต่ไม่ต้องห่วง Man of Steel ยังห่างไกลคำว่า Dark ในแบบไตรภาค The Dark Knight หนังค่อนข้างจะสว่างด้วยซ้ำ แต่เป็นความสว่างที่สมจริงยิ่งขึ้น Superman ยังเป็นคนดี อบอุ่น แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีมุมรัก โลภ โกรธ หลง แบบคนทั่วไปได้

    แน่นอนการเติมมิติหลายด้านเข้าไป ได้เข้าไปลดทอนความเป็นอุดมคติบางส่วนลง จนแฟนเก่าๆ อาจไม่ชอบได้ แต่สิ่งที่ลดก็ไม่ได้มากจนทำลายภาพลักษณ์อุดมคติที่มีมาทั้งหมด เราเห็นความพยายามของผู้สร้างที่จะสร้างสมดุลไม่ให้ Man of Steel ดูเพ้อฝันขาดมิติแบบสมัยก่อนเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องระวังไม่ให้ Dark มากเกินไปด้วย รวมทั้งยังต้องคงความสมจริงไว้ด้วย โจทย์แบบนี้ถือว่ายากพอควร ซึ่งผลที่ได้อาจไม่ถึงกับกลมกล่อม หลายคนอาจมองว่าไม่สุด หรือไม่ก็ไม่ชอบไปเลยโดยเฉพาะจากกลุ่มที่ชื่นชอบ Superman แบบเก่า หรือกลุ่มที่ต้องการเห็น Superman แบบ Dark ไปเลย แต่สำหรับผมถือว่าน่าพอใจเลยทีเดียว

    ทำไมต้องความหวัง?

    เดิมสัญลักษณ์ “S” บนหน้าอก Superman ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่า “อักษรย่อ Superman” แต่ตอนหลังได้เพิ่มความหมายเข้าไปเป็นสัญลักษณ์ตระกูล El สำหรับใน Man of Steel ได้เพิ่มความหมายใหม่ให้ S เข้าไปอีก ด้วยการให้เป็นสัญลักษณ์แทน “ความหวัง” ซึ่งก็ไม่ใช่แค่การใส่มาเท่ๆ แต่ประเด็นเรื่อง “ความหวัง” คือสิ่งที่ Man of Steel สอดแทรกอยู่ทั้งเรื่อง และเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ Kent กลายเป็น Superman อย่างเต็มภาคภูมิ

    ความหวัง (Hope) หมายถึง “ความเชื่อว่าเป็นไปได้ สามารถเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต” สำหรับ Joe-El บุตรชายของเขานอกจากจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลที่ถือเอา “ความหวัง” เป็นตราประจำตระกูลแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมความหวังของ Joe-el ทั้งหมด ไม่ว่าจะในแง่การรักษาชีวิตลูกให้รอด หรือการรักษาเผ่าพันธุ์ชาวคริปตอนให้ยังคงอยู่ ขณะเดียวกันการที่ Joe-el พยายามพร่ำบอกเรื่องความหวัง ก็เพราะสิ่งนี้เป็นตัวแบกแยกอุดมการณ์ของเขาและนายพล Zod ออกจากกัน

    การที่คนเราจะมีความหวังได้ นั่นก็แปลว่าคนๆ นั้นต้องมี “เจตจำนงเสรี” (Free Will) เสียก่อน เพราะหากชีวิตถูกกำหนดว่าต้องเป็นอย่างไร ก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องความหวัง เพราะคุณได้หมดหวังที่จะมีชีวิตแบบอื่นไปแล้ว เราได้เห็นว่าในโลกคริปตอน ประชากรถือกำเนิดจากเทคโนโลยีชีวภาพที่มีการลงรหัสมาตั้งแต่การปฏิสนธิว่าคนไหนจะเติบโตเป็นนักรบ เป็นคนงาน เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นผู้ปกครอง ฯลฯ สภาพแบ่งแยกกลุ่มอย่างชัดเจน แม้อาจทำให้บ้านเมืองดำเนินอย่างเป็นระเบียบ แต่ก็กีดกันสิทธิเลือกใช้ชีวิตแบบตัวเอง นี่คือสิ่งที่ Zod ยึดถือ

    ในขณะที่ Jor-El แตกต่างออกไป เขาเชื่อว่าแต่ละคนควรมีสิทธิที่จะเลือกของตัวเอง การถือกำเนิดของ Kal-El ที่เป็นการเกิดโดยธรรมชาติครั้งแรกในรอบหลายพันปีของคริปตอน ในแง่หนึ่งจึงเป็นการปฏิเสธหลักการเดิมที่คริปตอนยึดถือ และยิ่งขับเน้นภาพ “ความหวัง” ให้กับ Kal-El มากยิ่งขึ้น
    อย่างไรก็ตาม ความหวังก็มีความเสี่ยง เพราะเมื่อปราศจากการกำหนด ชีวิตก็สามารถหันเหไปได้ในหลายทิศทาง ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการตัดสินใจของเขาที่อาจไม่ไร้สติได้ จุดนี้เองที่ทำให้ “ครอบครัว” และ “การเลี้ยงดู” เข้ามามีบทบาทสำคัญ

    เราจะเติบโตเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?

    บทของ Man of Steel อาจไม่ถึงขั้นเยี่ยมยอด แต่มันก็ยังห่างชั้นจากคำว่าย่ำแย่ เพราะอย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่ Man of Steel ให้กับเราก็คือการชี้ให้เห็นความสำคัญของ “ครอบครัว” Kal-El อาจมีพลังเหนือมนุษย์มาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ใช่ Superman ตั้งแต่เกิด เมื่อชีวิตไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในยีน การเลี้ยงดูจึงเข้ามามีส่วนสำคัญ และการเติบโตในฐานะ Clark Kent มีส่วนสำคัญในการเติบโตเป็น Superman ที่เป็นวีรบุรุษ ไม่ใช่วายร้าย

    ตลอดทั้งเรื่อง เราจะได้เห็นภาพการเติบโตของ Clark ภายใต้การเลี้ยงดูของ Jonathan และ Martha Kent หลายคนอาจมองว่าเป็นช่วงที่น่าเบื่อ แต่ช่วงนี้เองที่ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของครอบครัว Clark ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป เขาไม่ใช่คนดีแท้ตั้งแต่เกิด แต่มีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งอาจเปลี่ยนหายนะได้เพราะพลังที่เขามีอยู่ สิ่งที่ Jonathan และ Martha พร่ำสอนคือการควบคุมตัวเองให้แสดงออกมาในทางที่ถูกที่ควร รวมถึงการเลือกที่จะยังปิดปังตัวจริงของ Clark เพราะนอกจากจะกังวลว่าโลกยังไม่พร้อมแล้ว พวกเขายังกลัวว่า Clark จะยังไม่พร้อมด้วย พวกเขารอให้ Clark เติบโตจนมีวุฒิภาวะเพียงพอ และสามารถตัดสินใจได้ด้วยสติของตัวเองว่าควรจะเลือกเส้นทางใดให้ชีวิต

    ส่วนตัวประทับใจแง่มุมครอบครัวที่ใส่มาในเรื่องนี้พอควร โดยเฉพาะการแสดงของของ Kevin Costner และ Diane Lane ที่ไม่เยอะแต่ให้มาก ทำให้เราเข้าถึงว่าความรักที่พวกเขามีต่อ Clark มากมายเพียงไร และความรักนี่เอง ที่ทำให้ Clark ส่งต่อความรักไปยังเพื่อนมนุษย์โลกด้วย นี่อาจเป็นประเด็นสำคัญที่ Man of Steel ต้องการบอกกับเรา “ไม่มีใครยิ่งใหญ่แต่กำเนิด แต่สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู และการตัดสินใจของเขาเองที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่” ลองนึกภาพหากผู้ที่มาพบ Kal-El ไม่ใช่ครอบครัว Kent โลกอาจจะพังทลายไปก่อนที่ Zod จะมาก็ได้

    ที่มา [Review + Analysis ขนาดยาว] Man of Steel – It’s not an ‘S.’ On my world it means ‘HOPE’ - Pantip
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข่าวสารล่าสุด..จากจิตจักรวาล !!!

    [​IMG]

    นับแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ.2013 นี้เป็นต้นไป…..

    เจ้าจักต้องรู้ว่า ทุกอณูของตารางพื้นที่บนดาวเคราะห์โลก ซึ่งเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีนี้ จะเกิดการสั่นสะเทือนครั้งสำคัญขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ตามแผนปฏิบัติการชำระโลกของบิดาแห่งเจ้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เหล่ามวลมนุษย์และโลก ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ในอันที่จะดำรงอยู่ร่วมกันในฐานะเพื่อนร่วมงานของกันและกัน สำหรับดาวโลกยุคพลังงานใหม่ ภายหลังปฏิบัติการปิดยุคพลังงานเก่าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว......

    ปฏิบัติการสั่นสะเทือนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการให้เกิดแรงสั่นสะเทือนแผ่นเปลือกโลกภายใต้ฝ่าเท้าของพวกเจ้า ที่กำลังเกิดขึ้นถี่ๆ ในระดับที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และกระจายทั่วทุกภาคพื้นทวีปอยู่ในระยะนี้และในช่วงเวลาที่ผ่านๆมาหรอก กรณีแผ่นดินสะเทือนเลื่อนไหวอะไรเหล่านี้ บิดาแห่งเจ้ารู้ดีว่าพวกเจ้าทั้งหลายต่างก็ได้เรียนรู้ ต่างก็ได้เผชิญกันมาทั้งทางตรงทางอ้อมเสียจนเริ่มจะคุ้นชินกันอยู่แล้ว ในวันข้างหน้าแม้มันอาจเกิดเหตุร้ายรุนแรงให้เสียหายอย่างมากมายเท่าทวีกว่าที่ผ่านมา แต่พวกเจ้าส่วนใหญ่ก็น่าจะยังตั้งรับเหตุการณ์อันแรงร้ายประเภทนี้กันได้อย่างไม่ยากเย็น

    ข่าวสารปฏิบัติการชำระโลก ที่บิดาแห่งเจ้าจะนำมาบอกกล่าวเล่าเผยให้ล่วงรู้ไว้ในห้องเรียนอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นข่าวสารชิ้นพิเศษ...ล่าสุด...ล่าสุด...เกี่ยวกับปฏิบัติการสำคัญที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วตราบจนบัดนี้ และมันยังจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปอีกยาวโข ซึ่งมนุษย์โลกส่วนใหญ่นั้นยังไม่รู้ และมีไม่น้อยเลยที่ไม่รู้ว่าตนจักต้องรู้อีกด้วย

    นี่จะเป็นทั้ง “คำเตือน” และ “ข่าวสาร” ชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ที่พวกเจ้าจะเฉยเมยด้านชามิได้ หากจะสร้างความพร้อมให้กับเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์และแก่นแท้ในตนเอง สู่การเป็นมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ที่จะสามารถข้ามผ่านและฟันฝ่า สถานการณ์เลวร้ายสุดๆของบรรดาหายนภัยทุกรูปแบบที่โลกของเจ้ายังมิเคยเผชิญกันมาก่อน ในช่วงเวลา 56 วัน 8 ราตรีอันมืดมิด ชนิดที่มืดสนิทอย่างไม่เคยมืดมาก่อน มันมืดเสียจนแม้กระทั่งเส้นลายมือของเจ้าเองก็มิอาจเห็นกันเลยทีเดียว

    ปฏิบัติการที่กำลังเกิดขึ้นก็คือ ภารกิจในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขดีเอ็นเอ (DNA) ภายในเซลอวัยวะร่างกายของเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของพวกเจ้าทุกคน ไม่ว่าชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ไปจนกระทั่งผู้ที่อยู่ในวัยชรา ทั้งนี้ไม่ว่าเขากำลังมีสุขภาพดีหรือที่กำลังพักผ่อนนอนป่วยอยู่บนเตียง ไม่ว่าเขากำลังประพฤติดีหรือประพฤติชั่ว หรือว่ากำลังทำตัวโง่เง่างมงายไปวันๆ และไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะล่วงรู้ข่าวสารสำคัญชิ้นนี้กันแล้วหรือว่ายังไม่รู้กันอยู่ก็ตาม ทุกรูปธรรมล้วนจะได้รับแรงสั่นสะเทือนด้านบวกจากปฏิบัติการทางเท็คนิกในครั้งนี้โดยถ้วนหน้ากัน

    ปฏิบัติการทางเท็คนิกสำหรับภารกิจการชำระโลกนี้ ช่างเท็คนิกทั้งหลายจะใช้วิธีส่งคลื่นพลังงานความรักมาจากการระเบิดบนพื้นผิวของพระสุริยะ ที่พี่ๆน้องๆชาวโลกของเธอเฝ้าสนใจติดตามดูกันอยู่นั่นล่ะ บิดาแห่งเจ้าเพียงอนุญาตให้พวกเขาสร้างจุดดำบนดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้นจากปกติที่มีอยู่แล้ว 6 จุดกระจายทั่ว ให้เพิ่มเป็น 7-8-9 จุดไปเรื่อยๆ โดยเน้นสร้างจุดดำที่ขั้วเหนือและขั้วใต้ของดวงอาทิตย์เป็นสำคัญ คลื่นพลังงานที่ผลิตสร้างจากจุดดำบริเวณที่ค่อนไปทางขั้วเหนือจะถูกขับเคลื่อนตรงมายังซีกโลกตอนใต้ ขณะที่คลื่นพลังงานที่ผลิตสร้างจากจุดดำทางขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ ก็จะถูกขับเคลื่อนตรงมายังซีกโลกตอนบนหรือตอนเหนือ

    พวกเขาสร้างจุดดำบนดวงอาทิตย์ได้ โดยใช้เท็คโนโลยีขั้นสูงยิงเส้นแสงจากระยะไกลตรงไปยังพิกัดตำแหน่งบนดวงอาทิตย์ตามที่กำหนดไว้ จนยังผลให้ก๊าซเหลวมากกว่าหนึ่งอย่างภายในดวงอาทิตย์ตรงจุดนั้นเกิดปฏิกิริยา Nuclear Fusion แล้วระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจากภายใน จึงก่อให้เกิดการหมุนวนของก๊าซคล้ายดั่งพายุหมุน พุ่งขึ้นมาจากด้านในสู่บริเวณชั้นนอกของดวงอาทิตย์ เมื่อพวกเจ้าส่องกล้องมองไกลๆจะเห็นคล้ายจุดดำเล็กๆ จนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจุดดับกันตลอดมา แท้จริงแล้วที่เห็นเป็นสีดำเพราะตรงจุดนั้นคือบริเวณที่เป็นศูนย์กลางของการหมุนของตำแหน่งที่ถูกทำให้ระเบิดนั่นเอง ที่พวกเจ้ามองเห็นเป็นสีดำก็เพราะเป็นบริเวณที่อยู่ลึกลงไปในดวงอาทิตย์ต่างหากล่ะ

    สายธารพลังงานความรักจากดวงอาทิตย์ ซึ่งระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมๆกันหลายจุดนั้นมีเป้าหมายสำคัญ คือกระทำต่อดาวเคราะห์โลก โดยมันจะอยู่ในรูปของ คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก (Electromagnetic Energies) ที่พวกเจ้าอาจเรียกว่า ลำแสงแห่งจักรวาล (Cosmic Rays) ก็ได้ พวกเจ้าจักต้องรู้ว่า เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ชายหญิงของพวกเจ้านี้ ที่สามารถแสดงพลังอำนาจต่างๆผ่านพลังชีวิตของตนได้นั้น นอกจากอำนาจแห่งรักในแก่นแท้ของเจ้าเองกับอำนาจแม่เหล็กโลกที่เข้มข้นทางด้านบวกแล้ว “ลำแสงแห่งจักรวาล” ที่ถูกขับเคลื่อนออกมาจากจุดดำรายรอบพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ทั้ง 6 จุด

    ก็เป็นแหล่งพลังงานอันสำคัญ ที่จะทำหน้าที่คอยป้อนรหัสคำสั่งลับเพื่อกำกับการทำงานของ ดีเอ็นเอ (DNA) ภายในเซลอวัยวะร่างกายทุกๆเซลให้มันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีสมรรถภาพ โดยให้มันสามารถใช้งานได้ยาวนานไม่มีวันตาย และลำแสงแห่งจักรวาลที่ว่านี้ก็ยังคอยทำหน้าที่โปรยหว่านองค์ความรู้ใหม่ในทุกด้านมาให้เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของพวกเจ้าเสมอมาในเวลาเดียวกันอีกด้วย โดยหลักการทางด้านเท็คนิกข้อหนึ่งซึ่งพวกเจ้าควรจะรู้ไว้ก็คือ กระบวนการที่ว่านี้มันจะสามารถสั่นสะเทือนอย่างมีประสิทธิภาพในระดับที่พวกเจ้าแต่ละคนจะเข้าถึง ลำแสงแห่งจักรวาลดังว่านี้ได้นั้น เงื่อนไขสำคัญมีอยู่ 3 ประการ คือ

    1).เจ้าจะต้องสามารถเข้าถึง การสั่นสะเทือนจิตสำนึก (Consciousness) ในตนเองทางด้านบวก เพื่อการมีอารมณ์ดี คิดดี พูดดี และทำดีได้ตลอดเวลาในยามตื่น

    2).ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกจะต้องสมดุลและคงที่ ไม่เบี่ยงเบน ซึ่งในยุคพลังงานเก่าที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 14 เกาส์ ถ้าหลังชำระโลกเสร็จแล้วในยุคพลังงานใหม่นั้นมันจะเปลี่ยนค่าเป็น 20-22 เกาส์

    3).พวกเจ้าจะต้องเข้าถึง พลังอำนาจทางวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ของตนเองได้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ความรักบริสุทธิ์” หรือ “รักเพื่อรัก” แล้วสั่นสะเทือนขับเคลื่อนมันออกมามอบให้แก่ดาวเคราะห์โลกอย่างเพียงพอ ถ้ามนุษย์โลกเสรีนี้ สามารถสั่นสะเทือนตนเองให้บรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการเหล่านี้ได้ ดาวเคราะห์ดวงนี้ก็จะไม่สูญเสียความสมดุลไปในทางต่ำรุนแรงขึ้นจนยากจะแก้ไขเยียวยาได้ ถ้ามนุษย์โลกเสรีนี้ สามารถสั่นสะเทือนตนเองให้บรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการเหล่านี้ได้ พวกเจ้าจะไม่แก่ง่ายตายไวเหมือนเช่นทุกวันนี้ และพวกเจ้าก็จะมีความเฉลียวฉลาดมากกว่าทุกวันนี้อีกด้วย

    บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย....เมื่อพวกเจ้าบกพร่องล้มเหลวในการปฏิบัติทั้งสามประการดังว่านั้น พลังอำนาจทางจิตวิญญาณที่จะนำพาตนเองผ่านด่านนภาลัยออกไปเพื่อคืนกลับบ้านเกิดเมืองนอนทางจิตวิญญาณของเจ้าเองก็อ่อนแอตกต่ำลงจนยากจะแก้ไขใดๆได้อีกเช่นกัน

    ดังนั้น ปฏิบัติการชำระโลกอันหมายรวมถึง จิตตปัญญาหรือจิตสำนึก กายหยาบหรือเครื่องยนต์แห่งกรรม และจิตวิญญาณแก่นแท้ในพวกเธอแต่ละคน ย่อมจักต้องถูกชำระไปพร้อมกัน ด้วยการแก้ไขความเสื่อมและเพิ่มสมรรถนะในการใช้งาน ให้เหมาะสมต่อการเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลกเสรีนี้ให้ได้โดยเร็ว ปฏิบัติการทางเท็คนิกเพื่อการนี้ก็คือ

    1).ยกระดับความเข้มข้นของ “ลำแสงแห่งจักรวาล” ที่ส่งมายังระบบโลกให้สูงขึ้นถึงระดับ 7 แล้วกำหนดให้ดาวเคราะห์โลกมีสมการทางพลังงานสามมิติเป็น 6-6-6 ซึ่งจะยังผลให้มีพลังอำนาจมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า การใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของพวกเจ้าจะมีสมรรถนะสูงกว่าในอดีตที่ผ่านมาหลายเท่า ทั้งพลังอำนาจทางกาย พลังอำนาจทางปัญญา และพลังอำนาจทางจิตวิญญาณ ซึ่งบิดาสามารถทำได้ด้วยการกำหนดสร้างจุดดำบนดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้น แล้วส่งคลื่นพลังงานที่เข้มข้นกว่าเข้ามาในระบบดังกล่าวแล้ว

    2).โปรยหว่านรหัสคำสั่งใหม่เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอ ของเซลอวัยวะร่างกายของพวกเจ้า ทั้งการสร้างดีเอ็นเอชุดใหม่แทนของเก่าที่เสื่อมไป และกระตุ้นที่มีอยู่เดิมให้ตื่นจากความหลับไหลขึ้นมาทำหน้าที่ของตนกันเสียที ด้วยพลังงานใหม่ที่เข้มข้นจากดวงอาทิตย์ที่ว่านี้นั่นเอง

    การเปลี่ยนแปลงในข้อนี้มันจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆในลักษณะของวิวัฒนาการ โดยในระบบเซล ดีเอ็นเอที่รับรู้แรงกระตุ้นจากจักรวาล ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยการสร้างเส้นใยดีเอ็นเอเส้นเล็กๆที่เป็นขดเกลียวขึ้นมาใหม่ ในขณะเดียวกันกับที่รหัสความเข้มของ “ลำแสงแห่งจักรวาล” ที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคที่ผ่านมา ก็จะถูกแปลรหัสเป็นคำสั่งใหม่ให้เส้นใยดีเอ็นเอเหล่านี้ก่อร่างสร้างรูปด้วยการผูกมัดตนเองเข้าด้วยกัน ซึ่งข้อมูลคำสั่งที่ถูกโปรยหว่านอย่างพรั่งพรูลงมาพร้อมๆกับเส้นแสงเหล่านี้มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และจะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะบรรลุผลโดยสมบูรณ์ ขณะนี้ข้อมูลทั้งหลายกำลังถูกดึงดูดเหนี่ยวรั้งเข้าสู่ระบบเซลภายในร่างกายของเจ้าอยู่แล้ว

    นอกจากจะเกิดผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงดังว่านั้นแล้ว เมื่อปฏิบัติการชำระโลกสิ้นสุด หลังผ่าน 56 วัน 8 ราตรีอันน่าพรั่นพรึงไปได้แล้ว ภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมของผู้ที่ถูกคัดไว้ทั้งหลาย ยังจะมีวิวัฒนาการใหม่ของระบบเส้นใยประสาทสมองเกิดขึ้น ในอันที่จะช่วยให้การลำเลียงข้อมูลที่ถูกโปรยลงมาจากฟ้าผ่านไปยังจิตสำนึกได้มากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น จะยังผลให้เซลสมองที่ใช้งานได้เฉลี่ยเพียง 20% ของที่มีอยู่ ในขณะที่ยังมีเพื่อนร่วมงานที่หลับใหลอยู่อีก 80% นั้นจะถูกปลุกให้ลุกตื่นขึ้นมาทำหน้าที่กับเขาบ้าง หลังจากแน่นิ่งไม่ไหวติงมาหลายภพชาติแล้ว

    การเปลี่ยนแปลงนี้มันกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เครื่องยนต์แห่งกรรมของเจ้าเองกำลังรับรู้แรงสั่นสะเทือนของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ในขณะที่กลไกอายตนะทั้งหลายมิอาจรู้เพราะมันล้วนถูกปกปิดมิติไว้ แต่พวกเจ้าอาจสามารถสังเกตจากบานประตูมิติที่แง้มออก ด้วยปัญญาญาณชาญฉลาดกันก็พอได้บ้าง โดยสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นผ่านมายา 6 ประการ ต่อไปนี้ คือ

    (1).วันดีคืนดีตัวเจ้าเองหรือคนใกล้ตัวบางคน เกิดอาการท้องเสียขึ้นมาดื้อๆโดยไม่ทราบสาเหตุ

    (2).วันดีคืนดีตัวเจ้าเองหรือคนใกล้ตัวบางคน เกิดอาการบ้านหมุน คลื่นไส้ คล้ายจะอาเจียน เมื่อเวลาผ่านไปอาการดังกล่าวจะดีขึ้นจนหายไปจนบางคนตกใจและแปลกใจว่าตัวเองป่วยเป็นอะไรก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยเกิดอาการเช่นนี้มาก่อน

    (3).วันดีคืนดีตัวเจ้าเองหรือคนใกล้ตัวบางคน เกิดอาการนอนไม่หลับ หัวใจสั่นหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม

    (4).วันดีคืนดีตัวเจ้าเองหรือคนใกล้ตัวบางคน เกิดอาการเหมือนคนขี้ลืมขึ้นมาดื้อๆ นึกคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาเฉยๆทั้งๆที่ปกติแล้วความจำดีและฉลาด

    (5).เวลาถ่ายรูปย้อนแสงอาทิตย์ จะเห็นแสงสีชมพูซึ่งเป็นสีแห่งรักปรากฏอยู่ในภาพนั้นด้วย มิใช่แสงสว่างจ้าเหมือนปกติทั่วไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะใช้กล้องราคาถูกหรือแพงก็ปรากฏเหมือนกัน

    (6).รูปที่ถ่ายย้อนแสง ที่เคยเห็นแสงสีชมพูปรากฏอยู่แต่เดิมนั้น มันจะเปลี่ยนสีเป็นชมพูม่วง และค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อยๆ ในราวๆปลายเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป โดยมายาสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อยๆบ่งชี้ว่าพลังงานที่ถูกส่งเข้ามายังระบบโลก ได้ยกระดับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเพื่อให้ถึงระดับ 7 ให้ได้ในเร็ววัน แน่นอนว่าจุดดำหรือจุดดับบนดวงอาทิตย์ย่อมต้องเพิ่มจำนวนเข้าหา 11 จุดดังได้เคยกล่าวไว้นานแล้วมิช้านาน

    เจ้าจงทำตัวเองให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่นี้ ด้วยการปฏิบัติสามเหลี่ยมกับบิดาแห่งเจ้าเอาไว้ตลอดเวลา (Enlightenment) ในขณะเดินทาง ขณะใช้ชีวิตประจำวัน และในยามว่าง เพื่อนำเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของเจ้าติดต่อกับบิดาผ่านทางบุตรเอกแห่งบิดา โดยต่อสายดิน (Ground ) ไว้กับโลก และสั่นสะเทือนตนเองเพื่อเข้าให้ถึงความรักกับการครองมหาสติตลอดวัน ผลดีจะบังเกิดแก่เจ้าและคนใกล้ตัว จงอย่าปฏิเสธพลังอำนาจใหม่ของตนเองอันจะบังเกิดผลจากปฏิบัติการนี้

    ผู้ใดเป็นคนดีประพฤติดี คลื่นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจากนอกระบบโลกนี้ จะเข้าคู่เข้าขากันได้เพราะพลังงานที่เกิดขึ้นภายในตนเองจากการสั่นสะเทือนจิตตปัญญาจะเป็นชนิดเดียวกัน คนๆนั้นก็จะเป็นคนดียิ่งขึ้น ผู้ใดเป็นคนพาลสันดานไม่ดี และมีนิสัยเจ้าอารมณ์อ่อนไหวไปในทางก้าวร้าวเศร้าสลดง่ายๆ จิตไม่หนักแน่น คลื่นพลังงานแห่งการเปลี่ยนแปลงจากนอกระบบโลกนี้ จะเข้าคู่เข้าขากันกับพลังงานลบที่ได้จากการสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านลบในชีวิตประจำวันนั้นไม่ได้ เพราะเป็นคนละชนิดกัน มันจะต่อต้านกันจนส่งผลด้านลบที่รุนแรงมากขึ้น คือ คนๆนั้นจะแสดงพฤติกรรมในทางพาลสันดานไม่ดีมากขึ้น เจ้าอารมณ์มากขึ้น อ่อนไหวง่ายมากขึ้น เป็นต้น

    แน่นอนว่า...ใครๆก็ปรารถนาจะนิพพานกันทั้งนั้น เมื่อได้ทราบข่าวสารสำคัญชิ้นนี้แล้ว ทุกคนจึงน่าจะรู้ว่า...ตนเองจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะแจ้งกระจ่างในนิพพานได้ทันเวลา ตนเองจะต้องเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตที่ยังจำเจซ้ำซาก มากด้วยกิเลสตัณหาอุปาทานกันอย่างไร...จึงจะก้าวหน้าบนเส้นทางสายนิพพานนี้ได้ บิดาแห่งเจ้าจักเฝ้าดูพวกเจ้าอยู่ทุกวันเวลาว่า การต่อสู้ของพวกเจ้าสู่การรู้แจ้งนั้น ท่าทีกับลีลาแต่ละคนนั้นเป็นฉันใด......

    ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาล ในระบบจิตสู่จิต (Vertical Telepathy)
    โดย: ป.วิสุทธิปัญญา
    14-05-2013

    ANSWER: J Noht AE

    1.การมองเห็นคลื่นพลังงานด้วยอายตนะที่เป็นตาเนื้อ หรือการได้ยินได้ฟังสรรพเสียงในมิติที่สูงกว่าด้วยอายตนะที่เป็นหู หรือสภาวะจิตที่ล่วงรู้บางสิ่งเบื้องหน้าและรู้ล่วงหน้าได้โดยมิได้ผ่านการฝึกฝนใดๆมาก่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะถ้าเธอรู้ความจริงที่เราจะกล่าวเฉลยให้รู้ดังต่อไปนี้

    2.ปกติแล้วกลไกประสาทสัมผัสภายนอกที่จัดเป็นอายตนะทั้งห้านั้น มันจะทำงานร่วมกันกับจิตหยาบที่เป็นอายตนะภายในเองด้วย โดยจิตหยาบซึ่งมีที่ตั้งตรงต่อมไพเนียลในกระโหลกศีรษะของเธอนั้น จะเป็นจุดศูนย์รวมของผัสสะสัมผัสของอายตนะภายนอกทั้งห้า เพื่อทำหน้าที่ "รับรู้" ว่าตาเห็นอะไร หูได้ยินอะไร จมูกได้กลิ่นอะไร ลิ้นรับรสอะไรอยู่ และกายสัมผัสกับร้อนเย็นเช่นไร เป็นต้น โดยที่กลไกอายตนะทั้งห้านั้นมันบอกตัวมันเองไม่ได้ว่าที่สัมผัสรู้ดูเห็นอยู่นั่นอะไรเป็นอะไร

    3.พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของพวกเธอคือองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งรวมทั้งเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ชายหญิงด้วย ทรงกำหนดให้อายตนะทั้งห้าสามารถสัมผัสรู้ดูเห็นแต่สรรพสิ่งในมิติโลกทางกายภาพได้เท่านั้น เพื่อให้ลูกๆได้เรียนรู้โลกของพระบิดาตามที่ขันอาสามา แล้วปิดมิติการรับรู้สรรพสิ่งในมิติสูงกว่า คือ มิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้คือจิตวิญญาณเอาไว้ให้ เพราะจิตวิญญาณของพวกเธอก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์รู้ทุกสิ่งอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อีกให้สับสนเสียเวลา วิชาโลกมากกว่าที่พวกเธอเมื่อเป็นมนุษย์แล้วควรใส่ใจใฝ่รู้

    4.ดังนั้น พระบิดาจึงทรงปิดมิติของตาที่สามของเธอและมนุษย์ทุกคนเอาไว้ ด้วยอำนาจแม่เหล็กโลกที่เข้มข้น (14 เกาส์) อำนาจแม่เหล็กโลกระดับนี้จะยังผลให้ต่่อมไพเนียลสั่นสะเทือนเต็มพลังของตนมากกว่าที่ทรงกำหนดคุณสมบัติเอาไว้ให้ไม่ได้ เมื่อไม่ได้ จิตหยาบที่อยู่ตรงตาที่สามหรือไพเนียลนี้ก็มิอาจรับรู้ได้ว่า ตาเห็นคลื่นพลังงานอยู่ เห็นผีอยู่ ได้ยินผีคุยกันอยู่....มันล้วนแต่อยู่ในมิติทางพลังงานที่เหนือกว่ามิติทางกายภาพทั้งสิ้น คนปกติทั่วไปจะเป็นเช่นที่เรากล่าวมานี้ทั้งนั้น

    5.เธออาจมีคำถามว่า...แล้วใยเธอจึงมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นได้ล่ะ? คำตอบคือ ทุกวันนี้มิใช่เธอคนเดียวหรอกนะที่เป็นพิเศษกว่าคนอื่นในลักษณะนี้.....

    <บางคนถึงขนาดคุยกับผีได้โดยไม่ได้ฝึกฝนมาก่อน เลยเปลี่ยนอาชีพไปหากินกับผีก็มีเหมือนกัน

    <บางคนได้ยินเสียงคนคุยกัน...(ผี) ก็เข้าใจว่าหูแว่ว-ประสาทหลอน เข้าใจว่าเพี้ยนจึงไปหาหมอแผนปัจจุบันจนกลายเป็นคนไข้โรคจิตประสาทไป ทั้งๆที่ไม่ได้ป่วยเลย

    <บางคนก็พาอาการแบบนี้ไปหาพ่อมดหมอผี จึงเสียผู้เสียคนไปก็มี ทั้งๆที่ไม่ได้ป่วยทางจิตประสาท

    <บางคนถึงขนาดจิตไปก้าวล่วงจิตคนอื่นได้ แอบดูกรรมของเขาได้ แอบดูความลับในจิตของเขาได้ แม่นยำเสียด้วยโดยไม่ต้องฝึกฝนไม่ต้องมีครูบาอาจารย์ให้เสียเงินเสียเวลาเลย เขาก็ตั้งตนเป็นเจ้าสำนักไปก็มี ช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ทำเป็นธุรกิจการค้าบ้างก็ยังมีให้เห็น

    6.อาการที่เกิดเป็นเห็นเองเช่นนี้ โดยมิพักต้องฝึกฝนเป็นเพราะว่า....

    <โลกเรากำลังสิ้นยุค กำลังถูกชำระ และกำลังเสียสมดุล สนามแม่เหล็กโลกที่กำกับตาที่สามไว้มิให้เข้าถึงสรรพสิ่งในมิติของจิตวิญญาณหรือด้านพลังงานอ่อนแอลงหรือเสียสมดุล ทำให้ประตูมิติคือตาที่สามแง้มออก อำนาจพิเศษของมนุษย์บางคนจึงรู้เห็นเช่นเธอที่ถามมานี้ก็เลยบังเกิดขึ้น อย่าได้แปลกใจเลยนะ....อย่างน้อยคิดเสียว่ามันทำให้เธอมั่นใจว่า พลังงานมีจริง ผีมีจริงก็แล้วกัน

    <การที่บางคนรู้บางคนไม่รู้ในอำนาจพิเศษนี้ เพราะเธอและคนที่สามารถเห็นพลังงานได้นั้น บ้างก็เคยฝึกใช้ตาที่สาม (จิตทิพย์/หูทิพย์/ตาทิพย์) มาแล้วในอดีตชาติ บ้างก็เมื่อภพชาติที่แล้วสิ้นชีวิตขณะตาที่สามยังคงเปิดอยู่หรือปิดไม่สนิทแต่ตายก่อน หรือบางรายก็บรรลุธรรมขั้นสูงในระดับหนึ่งก็ถูกผู้เป็นครูที่สูงส่งของเขาทดสอบว่าจะหลงติดยึดกับมันไหม...ถ้าไม่ยึดติดก็จะนำพาให้ก้าวหน้าสูงขึ้นต่อไป เป็นต้น

    ป.วิสุทธิปัญญา
    14-05-2013

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ล-ป-สิ...สมปราถนา-และข่าวสารพิเศษหน้า51.336485/page-51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2013
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การควบคุมอารมณ์และการจัดการอารมณ์ !!!

    [​IMG]

    ในวัน ๆ หนึ่ง เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเราจะได้เจอกับอารมณ์ ที่เข้ามาให้เรารับรู้อย่างไรบ้าง แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อสิ่งนั้นๆ เข้ามาให้เรารับรู้แล้ว เราจะมีอารมณ์และความนึกคิด ที่จะแสดงพฤติกรรมโต้ตอบออกไปอย่างไร ฉะนั้นเมื่อเราไม่สามารถล่วงรู้สถานการณ์ได้ เราก็ควรหมั่นฝึกให้มีสติ คือระลึกรู้อยู่เสมออย่าประมาทในการดำเนินชีวิต เมื่อมีอะไรเข้ามากระทบทำให้เราเกิดความคิดและอารมณ์ที่ไม่ดี ก็ควรจะใช้สติในการขบคิดพิจารณา เพื่อให้รู้เท่าทัน และไม่ต้องตกเป็นทาสของอารมณ์นั้น โดยการกำหนดอารมณ์และความรู้สึกของเราไม่ให้ส่งผลไปถึงการแสดงออกในทางที่ไม่เหมาะไม่ควร วิธีควบคุมอารมณ์ของเราอาจทำได้หลายวิธี ได้แก่

    1. ให้มีสติอยู่เสมอเพื่อควบคุมอารมณ์ที่รุนแรงให้คลายลง เช่น อารมณ์วิตกกังวล อารมณ์โกรธ อิจฉาริษยา การใช้อารมณ์ของคน หากใช้เพียงเล็กน้อยแล้วพยายามควบคุมมันให้ได้โดยใช้ “สติ” หรือหลักธรรมะเข้ามาช่วยในการเผชิญกับเหตุการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ ก็จะทำให้เหตุการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ นั้นเป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้ ในทางตรงกันข้ามหากผู้ใดใช้อารมณ์มากหรือรุนแรงเกินไป ก็อาจจะทำให้เหตุการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ ที่เผชิญอยู่กลับเลวร้ายลงไปได้เช่นกัน

    2. ใช้คำพูดแสดงความรู้สึกแทนการกระทำ (เทคนิคการแสดงออกที่เหมาะสม) เช่น โกรธเพื่อนที่ผิดนัด ไม่ควรแสดงออกโดยการตำหนิดุด่า แต่ควรใช้คำพูดแทนว่า “ฉันโกรธมากที่เธอผิดนัดเมื่อวาน” หรือ ถูกเพื่อนตำหนิบางเรื่องที่ทำให้โกรธ ก็ไม่ควรแสดงออกโดยการทะเลาะกับเพื่อน แต่ควรใช้คำพูดแทนว่า “คำพูดของเธอทำให้ฉันรู้สึกโกรธมาก และมันจะทำลายความเป็นเพื่อนของเราด้วย” เป็นต้น

    3. ให้ยืดเวลาออกไปก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป หรือพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดอารมณ์รุนแรงหรืออารมณ์เสีย บางคนอาจใช้วิธีการนับหนึ่งถึงสิบ หรือถึงร้อยในใจเพื่อยึดเวลาให้อารมณ์ที่รุนแรงลดลง จะช่วยให้การแสดงออกที่รุนแรงลดลงไปได้ หรืออาจจะใช้วิธีออกจากเหตุการณ์ตรงนั้นไปก่อน รอให้อารมณ์ลดความรุนแรงลง แล้วจึงกลับมาเผชิญเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ก็จะทำให้เรามีสติมากขึ้นในการตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ ลงไป

    4. ใช้การข่มใจ การให้อภัยและมองโลกในแง่ดี ให้คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นถ้าเราแสดงอะไรออกไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง รู้จักให้อภัยและพยายามฝึกมองสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ ในด้านดีเสมอถ้าทำได้ จะทำให้เรามีอารมณ์ที่เป็นสุขมากยิ่งขึ้น หรือถ้าข่มใจไม่อยู่จริง ๆ ก็อาจใช้วิธีระบายออก โดยการเลี่ยงไปแสดงออกกับสิ่งอื่นๆ แทนก็ได้ เช่น เขียนระบายอารมณ์ ในกระดาษ แอบร้องไห้ปลดปล่อยอารมณ์ หรือต่อยตีกระสอบทราย (อาจใช้ตุ๊กตาแทน) แต่อย่าให้กลายเป็นการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น

    5. เมื่อมีเรื่องทุกข์ใจหรือเครียด ควรปรึกษาเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ หรือผู้ใหญ่ที่เราให้ความเคารพนับถือ การที่คนเรามีความทุกข์หรือความเครียด แล้วเก็บกดไว้ในใจตนเองอยู่เสมอ เปรียบเสมือนลูกโป่งที่ถูกอัดอากาศเข้าไปเรื่อยๆ หากไม่มีการปลดปล่อยลมออกมาเสียบ้าง ไม่นานลูกโป่งก็จะแตก เช่นเดียวกันหากคนเรามีแต่ความทุกข์เก็บสะสมไว้มากเกินไป สักวันหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นโรคประสาท หรือโรคจิตต่อไปได้ จึงควรปลดปล่อยความทุกข์ที่มีอยู่ออกไปเสียบ้าง

    คนที่ควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติได้เร็ว จะช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น และจะส่งผลให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวมีความสุขไปด้วย

    เทพ สงวนกิตติพันธุ์
    นักวิชาการศึกษาศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. อุดรธานี

    ที่มา **
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2013
  6. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    16 มิ.ย. 56

    นิมิต กักติด ชิดด่าน
    ห้ามผ่าน ก่อนตรวจ ถ้วนถี่
    ประชา ต่างร้อง อึ้งมี่
    ขอที อย่าตรวจ นานเกิน

    เคอิสรา
     
  7. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    โพสก์นิมิตเพ้อเจ้อได้ทุกวันๆ อาจคิดว่านิมิตตัวเองมันวิเศษสุดยอดเกินมนุษย์ทั่วๆไป แต่ดูแล้วได้ประโยชน์แก่ส่วนรวมน้อยมากในการโพสก์แต่ละครั้ง เป็นบทเป็นกลอนราวกับลิเก ข้อมูลคุณเกษมยังดีกว่ามากครับบางข้อนี่..เห็นข้อมูลเตรียมการณ์ดีๆ มีเหตุมีผลเลย
     
  8. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    นี่เป็นตัวอย่างของคนหลงนิมิตครับ

    นอกจากจะทำให้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าจนไม่สามารถเข้าถึงสภาวะธรรมได้แล้ว
    ยังทำให้สำคัญตนเองผิด คิดว่าตนเป็นผู้วิเศษ เป็นผู้รู้ เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า แล้วแสดงออกโดยการทำนายทายทัก ต่างๆ นาๆ


    ที่เราออกมาโพสต์ปรามอยู่เนืองๆ ก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด เพียงแต่อยากให้ได้คิด แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ ก็เลยต้องสุดแท้แต่กรรม

    สำหรับคุณเกษมต้องขอชื่นชมในการสละเวลานำข้อความต่างๆ มาแปะให้ได้อ่านกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีประโยชน์ แต่การแสดงออกในทางส่งเสริมและสนับสนุนผู้วิเศษนั้น เราเห็นว่ามันไม่ได้เป็นผลดีต่อทั้งผู้วิเศษและคุณเกษมเลย..แต่นั่นมันก็เป็นสิทธิของท่าน เราไม่อยากไปละเมิดมากนัก
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ในความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า ทั้งคุณหนุมาน ผู้นำสาร คุณเคอิสรา(k_97) และสมาชิกท่านอื่นๆ ที่เข้ามาแบ่งปันข้อมูลในสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้มา ก็ด้วยเจตนาดีต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เราจึงไม่ควรไปมองแต่ในแง่ร้ายเพียงอย่างเดียว การที่เรารับรู้ข้อมูลหลายๆด้าน ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวของเราเอง ที่จะได้มีข้อมูลมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยไม่หลงไปในข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว

    ทั้งคุณหนุมาน ผู้นำสาร และคุณเคอิสรา ก็เป็นผู้ที่เสียสละเวลาอุทิศแรงกายแรงใจ ช่วยเหลืองานแจ้งข่าวเตือนภัย มากับตัวผมตั้งแต่เริ่มแรกที่ตั้งห้องภัยพิบัติและการเตรียมการแห่งนี้ ผมจึงรู้ถึงความจริงใจของท่านทั้งสองนี้เป็นอย่างดี ข้อมูลของคุณหนุมาน ผู้นำสาร และคุณเคอิสราที่ได้แจ้งเืตือนภัย มาให้ทราบตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ตัวผมได้ประจักษ์แล้วว่าปรากฎเป็นจริงเป็นส่วนมาก มีเพียงส่วนน้อยที่ยังต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

    เช่นเมื่อเริ่มแรกตั้งห้องภัยพิบัติและการเตรียมการแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ๆ คุณเคอิสราก็ได้แจ้งเตือนให้ผมได้ทราบเอาไว้แล้วเมื่อหลายปีก่อนว่า จะต้องพบเจอกับคนที่จะมาเป็นอุปสรรคขัดขวางงานแจ้งข่าวเตือนภัยนี้อย่างมาก แต่ในที่สุดก็จะเอาชนะอุปสรรคขัดขวางเหล่านี้ไปได้ ในตอนนั้นผมก็ฟังผ่านๆไป ยังไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก เพราะมีสมาชิกบางท่านเข้ามา ด่าทอ เสียดสี ประชดประชัน เพียงไม่กี่คนตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ แต่มาปีนี้เองที่ผมต้องกลับไปทบทวนในสิ่งที่คุณเคอิสราได้บอกเอาไว้แล้วว่า จะมีคนมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งก็เป็นจริงตามที่คุณเคอิสราได้บอกเอาไว้แล้วจริงๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2013
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** รักษาสัจจะ รักษาตนเอง ****

    ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
    ไม่เห็นผู้อื่นผิด
    ไม่เห็นว่าตัวเราเองดีแล้ว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2013
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** พระพุทธเจ้า ****

    เป็นผู้มีสัจจะ เป็นผู้ทำได้
    เป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ น่านับถือ
    เป็นเยี่ยงอย่างการกระทำ ให้แก่สัตว์โ
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2013
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปี 2556 นี้ ให้ระวังเรื่องแผ่นดินไหว และภัยจากท้องทะเลเป็นพิเศษ !!!

    [​IMG]

    หมอนิด ได้ทำนายเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศไทยว่า ในปี 2556 จะเกิดภัยทางทะเลหรือสึนามิ และปี 2557 จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และน้ำท่วมครั้งใหญ่อีกครั้ง รวมทั้งจะเกิดดินฟ้าอากาศอาเพทไปทั่วโลกและในประเทศไทย หลังเดือนตุลาคมปี 2557 อุณหภูมิจะสุดขั้ว ทั้งร้อนจัด หนาวจัด และพายุฝนตกหนัก

    เรื่องภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ หมอนิดบอกว่า ปี 2556 นี้ ให้ระวังเรื่องแผ่นดินไหวและภัยจากท้องทะเลเป็นพิเศษ ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม โดยเฉพาะทางภาคใต้ ให้ระวังพายุที่จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประชาชน อุบัติเหตุใหญ่ ๆ ในปีนี้ก็จะมีอุบัติเหตุทางเครื่องบิน ทางรถไฟ และทางเรือ รวมทั้งปีนี้จะเกิดไฟไหม้บ่อย

    ส่วนเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพมหานครนั้น หมอนิด ย้ำว่า ไม่ต้องห่วง เพราะในปี 2556 จะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร แต่ต้องระวังปี 2557 ที่จะมีภัยธรรมชาติจากน้ำที่น่ากลัวมาอีกครั้ง ซึ่งจะรุนแรงกว่าอุทกภัยใหญ่ในปี 2554 เสียอีก ต้องระวังเขื่อนทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกจะมีปัญหา ทำให้กรุงเทพมหานครจมใต้บาดาล ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม และเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่

    ที่มา หมอนิด ดวงเมือง 2556 ทาย พ.ย.เปลี่ยนรัฐมีปฏิวัติปชช. | คลิปข่าว ข่าวเด่น ข่าวบันเทิง News TLCTHAI
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สถิติการเกิดแผ่นดินไหวที่รู้สึกได้ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2550-2554 !!!

    [​IMG]

    -19 มิ.ย. 2550 บริเวณอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    -23 มิ.ย.2550 ที่ประเทศพม่า ขนาด 5.5 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และอาคารสูงในกรุงเทพฯ
    -12 ก.ย. 2550 บริเวณตอนใต้ของสุมาตรา ขนาด 8.4 ริคเตอร์ รู้สึกได้บนอาคารสูงในกรุงเทพฯ
    -13 ก.ย. 2550 บริเวณตอนใต้ของสุมาตรา ขนาด 7.1 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้บนอาคารสูงบางแห่งในกรุงเทพฯ
    -16 ต.ค. 2550 บริเวณตอนเหนือของลาว ขนาด 5.0 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ จ.เชียงราย
    -2 พ.ย. 2550 ที่พรมแดนพม่า-ลาว-จีน ขนาด 5.7 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ จ.เชียงราย
    -28 ธ.ค. 2550 ที่ตอนเหนือของสุมาตรา ขนาด 5.7 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้บนอาคารสูง จ.ภูเก็ต จ.พังงา
    -20 ก.พ.2551 เกิดที่ตอนเหนือของสุมาตรา ขนาด 7.5 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้บนอาคารสูงในกรุงเทพฯและจ.ภูเก็ต อาจเกิดสึนามิขนาดเล็กบริเวณใกล้ศูนย์กลาง
    -22 เม.ย. 2551 ที่อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขนาด 3.9 ริคเตอร์
    -12 พ.ค.2551 บริเวณมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ขนาด7.8 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นไหวบนตึกสูงในกรุงเทพฯหลายแห่ง และประเทศจีนมีผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 คน
    -1 ก.ค.2551 ที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 3.8 ริคเตอร์
    -21 ส.ค.2551 บริเวณพรมแดนพม่า-จีน ขนาด 5.7 ริคเตอร์ รู้สึกได้บริเวณตึกสูงในกรุงเทพฯหลายแห่ง
    -22 ก.ย. 2551 ที่ชายฝั่งตอนใต้ของพม่า ขนาด 5.2 ริคเตอร์ รู้สึกได้บริเวณตึกสูงในกรุงเทพฯหลายแห่ง
    -23 ธ.ค. 2551 ที่อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ขนาด 4.1 ริคเตอร์
    -30 ก.ย. 2552 บริเวณตอนกลางเกาะสุมาตรา ขนาด 7.9 ริคเตอร์ รู้สึกได้บริเวณตึกสูงในกรุงเทพฯ ประเทศอินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1000 คน
    -20 มี.ค. 2553 ที่ประเทศพม่า ห่างจากพรมแดนไทย อ.แม่สาย ประมาณ 80 กิโลเมตร ขนาด 5.0 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ จ.เชียงราย
    -5 เม.ย. 2553 อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ขนาด 3.5 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นไหวบริเวณ อ.เมือง จ.เชียงราย
    -9 พ.ค.2553 บริเวณชายฝั่งตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ขนาด 7.3 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นไหวได้บนอาคารสูงบางแห่งในจ.ภูเก็ต จ.พังงา จ.สุราษฎร์ธานี จ.สงขลา และกรุงเทพฯ
    -6 ก.ค.2553 ที่ประเทศพม่า ห่างจากอ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 6 กิโลเมตร ขนาด 4.5 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นไหวได้ทั่วไปบริเวณ อ.แม่สาย อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.เชียงแสน และ อ.เมือง จ.เชียงราย
    -23 ก.พ. 2554 ทีป่ระเทศลาว ห่างจากอ.เมือง จ.น่าน ประมาณ 100 กิโลเมตร ขนาด 5.3 ริคเตอร์ รู้สึกสั่นไหวได้หลายจังหวัด เช่น เลย น่าน แพร่ อุดรธานี หนองคายและหนองบัวลำภู

    -และล่าสุด เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.54) เวลา 20.55 น. สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว แจ้งว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ตรวจพบแผ่นดินไหวที่บริเวณชายแดนประเทศพม่า ขนาด 6.7 ริกเตอร์ ห่างจากทางทิศเหนือ ของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประมาณ 56 กิโลเมตร ทั้งนี้แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นรับรู้ได้หลายจังหวัดทางภาคเหนือ ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเช่นกัน โดยเฉพาะอาคารสูง

    ส่งผลให้พนักงานที่ยังทำงานอยู่ แตกตื่นวิ่งหนีออกจากอาคาร เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ จะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกือบ 800 กม. เนื่อง จากกรุงเทพฯ อยู่ในบริเวณที่เป็นดินอ่อนเป็นพิเศษ ซึ่งมีอยู่บริเวณเดียวในประเทศไทย คือ แอ่งกรุงเทพ ซึ่งจริงๆแล้วคลุมหลายจังหวัด บริเวณดังกล่าวสามารถขยายความรุนแรงของแผ่นดินไหวได้ กล่าวคือ ถึงแม้จะเกิดแผ่นดินไหวบริเวณอื่น แต่อาจจะส่งผลมาถึงบริเวณที่มีดินอ่อนได้ นั่นเอง

    * สถิติการเกิดแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่
    สถิติข้อมูลแผ่นดินไหว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2013
  14. boonma05

    boonma05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +516
    ขออนุญาตค่ะท่านพี่เกษม

    ดิฉันอยากทราบว่า ท่านพี่เกษมได้ทบทวนมั้ยคะ ว่าสิ่งไหนคือความฝันธรรมดา สิ่งไหนคือนิมิต

    นิมิตอะไรจะให้มาพร่ำเพรื่อทุกวันจนตนเองก็ยังไม่แน่ใจต้องหาข่าวจากสายอื่นมาประกอบ แล้วกลับเชื่อสายอื่นมากกว่านิมิตสัญญาณเท้าแช่น้ำของตนเองถึงขนาดยกเลิกการอพยพครั้งนั้นไป เรื่องสำคัญเช่นนี้ทำไมจึงไม่เชื่อนิมิตจากหน่วยเหนือหล่ะคะ ท่านพี่เกษมได้ทบทวนเรื่องนี้มั้ยคะ

    แล้วท่านพี่เกษมได้ทบทวนถึงสาเหตุที่มีคนมาต่อต้านกันเยอะมั้ยคะ

    ต้องกราบขออภัยด้วยค่ะที่นำเรื่องเก่ามาเอ่ยอ้างอีกครั้ง
     
  15. Nostadamous

    Nostadamous เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +162
    เจ้าลัทธิในห้องนี้ ต่างก็ปิดตัวเองไปกันหมดแล้ว เหลือแต่ลุงนักฝันอยู่คนเดียว
    ที่ยังฝันอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน ฝันมายาวนาน 5 ปี แต่ไม่เคยถูกซักครั้ง
    จนกระทู้้เก่าโดนโหวตให้ปิดกระทู้แบบท่วมท้น

    แต่ลุงก็ยังอุตส่า มาฝันต่อในกระทู้นี้อย่างต่อเนื่อง
    นอนฝันเป็นตุเป็นตะ แต่งกลอนยังกะนักแต่งนิยาย

    ลุงเค้าคงคิดว่าตัวเองมีญาณวิเศษ เหนือมนุษย์ทั่วไป
    แต่แปลกที่ว่า เลื่อนมาตลอด ทีแรกก็บอกว่า......

    ปลายปี 55 ให้ออกจาก กทม. พอมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ลุงก็ว่าเลื่อนไปปี 56 เพราะน้ำจะมาก
    พอปี 56 ทำท่าว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลุงก็บอกเลื่อนไปปี 57 อีกแล้ว

    การโพสต์ของลุงคนนั้น ผมก็ยังมองไม่ออกเลยว่า มันมีประโยชน์กับคนอ่านตรงไหน
    เหตุการณ์เลื่อนมาทุกปี แถๆไถๆไปเรื่อย ผมล่ะเพลียจริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2013
  16. Thaveechai

    Thaveechai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +112
    ตกลงปี 56 น้ำไม่ท่วมแล้วเลื่อนไปเป็นปี 57ที่น้ำจะท่วม พอปี 57 ก็บอกไม่ท่วมแล้วเป็นปี 61 คอยดูเดะ
    ย้อนไปดูคำทำนายหมอนิดเลยทายไม่เคยถูกเลย มั่ววะ
     
  17. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุมีปัจจัย ทำไมไม่ลองพิจารณาที่ตนเองก่อนว่าเหตุใดถึงมีผู้มาโต้แย้งหรือที่คุณเกษมเรียกว่า"ขัดขวาง"กันมาก...เหตุที่เกิดมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำทำนายของใครเลย แต่มันอยู่ที่กรรมหรือการกระทำของตนต่างหาก
     
  18. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    จริงๆ แล้วคนที่แสดงตนเป็นผู้วิเศษหรือผู้ทำนายทายทักเขารู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าการกระทำของเขาที่แสดงออกไปนั้น "คนส่วนมากจะไม่ค่อยยอมรับ" ฉะนั้นเมื่อเขาไปแสดงออกที่ใดและยิ่งแสดงออกมากเท่าใด ที่นั่นก็จะวุ่นวายและมีคนออกมาโต้แย้งมากเท่านั้น

    เขารู้อยู่แก่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว และไม่แปลกที่จะทำนายว่าคุณเกษมจะมีคนออกมาโต้แย้ง(ขัดขวาง) มาก โดยเฉพาะในปีนี้ ...เห็นมั้ยล่ะทุกสิ่งที่เกิดขึ้น"ล้วนมีเหตุมีปัจจัย" ไม่ใช่เพราะคำพูดหรือคำทำนายของใครเลยแม้แต่น้อย
     
  19. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    17 มิ.ย. 56 เหรียญสองด้าน

    13 มี.ค. 51 แมลง พายุ ล้มลุก นักแสดง
    ความหมาย จะต้องเจอปัญหามากมาย รุนแรง ผู้คนจะไม่เชื่อ

    เหรียญมีสองด้าน เพียงแต่จะมองด้านไหน? มองด้านหัว มองด้านก้อยหรือจะมองทั้งสองด้าน

    ในเรื่องเดียวกัน เช่นเตือนเรื่องฟืนไฟ ผู้อ่านที่มองด้านหนึ่งอ่านแล้วไปตรวจสอบดูก็พบว่า เครื่องไฟฉุกเฉินที่เสียบไว้ปลั๊กเสียบกำลังละลาย ก็โพสท์มาลงว่าเป็นความจริง อีกรายเสียบหม้อต้มน้ำไว้แล้วลืม ก็กลับขึ้นไปดูก็พบว่าน้ำแห้ง ได้โพสท์ขอบคุณมา ทั้งสองรายแก้ไขทันถ้าไม่ทันก็ต้องเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือประโยชน์ของการติดตามอ่าน

    อีกด้านเมื่อไม่เกิดก็บอกไม่มี ไม่เกิด ก็ถูกของท่าน

    เหรียญมีสองด้านผู้มีปัญญาต้องมองทั้งสองด้าน

    เรื่องปิดกระทู้ เขาตั้งให้แล้วเชิญให้มาเล่นเพราะเขาเห็นประโยชน์
    เรื่องปิด ก็ขอให้ปิดเองไม่มีใครสั่งปิด เพราะเห็นการทะเลาะวิวาทกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนกับฝ่ายต่อต้าน ต้องการให้สงบเพราะคนเราแตกแยกมากพอแล้ว

    เรื่องเข้ามาเล่นในกระทู้นี้ เล่นมานานหกปีแล้วไม่ต้องแอบ

    อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เอาไปใช้ อะไรที่เห็นว่าไร้สาระก็กองเอาไว้ตรงนี้

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2013
  20. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873


    ขั้นเทพเลยครับ อย่างน้อยก็มีผู้ได้ประโยชน์ 2ท่านที่รับสื่อจากนิมิตคุณK ที่มากล่าวอ้างขอบคุณ การเตือนครั้งนั้นคงช่วยให้เขามีสามัญสำนึกพื้นฐานเบื้องต้นถึงความปลอดภัยกับการใช้ไฟฟ้าครับ สุดยอดครับเทพจริงๆ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...