ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ตำรวจอินเดียเผยคนร้ายวางระเบิดพระพุทธรูป​

​

ตำรวจอินเดียเผยคนร้าย วางระเบิดไว้ที่พระพุทธรูปภายในวัดพุทธคยาด้วย โชคดีที่เก็บกู้ได้ทัน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองปัฏนา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ว่า นายจันทาน กุชาวาฮา เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับอาวุโสของเมืองปัฏนา เปิดเผยความคืบหน้าของเหตุลอบวางระเบิด 10 จุด ภายในบริเวณวัดพุทธคยา ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ยังผลให้มีพระสงฆ์ 2 รูปได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ตำรวจสามารถเก็บกู้ระเบิดได้อีก 3 จุด โดยหนึ่งในจุดนั้น คือ พระพุทธรูปหินแกะสลักขนาดใหญ่ สูง 24 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี 2524 โดยมีชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ออกทุนสร้าง แต่ระเบิดไม่ทำงานเพราะเจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ทันการ

รายงานข่าวระบุว่า ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ แต่ตำรวจในกรุงนิวเดลีของอินเดีย เผยว่า ได้รับแจ้งข้อมูลข่าวกรองว่า กลุ่มติดอาวุธเคร่งศาสนาอาจวางแผนโจมตีศาสนสถานที่สำคัญของชาวพุทธแห่งนี้ เพื่อเป็นการแก้แค้นที่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นกับชาวโรฮิงญาในประเทศพม่า อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 1 คน นำตัวมาสอบสวนหาความคืบหน้าจากเหตุระเบิดครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2556 เวลา 19:59 น.

คลื่นร้อนถล่มญี่ปุ่นสังเวยแล้ว 3 ป่วยกว่า 2,500 คน​

​

คลื่นความร้อนถล่มญี่ปุ่นทั่วประเทศ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คน และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วมากกว่า 2,500 คน ส่วนใหญ่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ว่า อุณหภูมิที่ร้อนจัด และแสงแดดที่แผดจ้า คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นไปแล้ว 3 ศพ และทำให้ผู้คนล้มป่วยต้องถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลมากกว่า 2,500 คนทั่วประเทศในหนึ่งสัปดาห์ โดยอุณหภูมิพุ่งกระฉูด ถึง 39.1 องศาเซลเซียส ในเมืองยามานาชิ ภาคกลางของประเทศในวันนี้ ขณะที่ ในอีกหลายพื้นที่อุณหภูมิก็พุ่งสูงทำสถิติ 35 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า

มีผู้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทั้งสิ้น 2,594 คนในสัปดาห์แรกของเดือน ก.ค. เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความร้อน และในจำนวนนี้ มี 3 คนเสียชีวิตแล้ว โดยร้อยละ 42 ของผู้ถูกนำส่งโรงพยาบาล อายุ 65 ปี หรือแก่กว่า อย่างไรก็ตาม ก็มีเด็กถูกส่งโรงพยาบาลด้วย หลังจากมีการจัดกิจกรรมกลางแจ้งในโรงเรียน

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2556 เวลา 18:00 น.

สลด! กลุ่มหัวรุนแรงไนจีเรีย ฆ่าหมู่เด็กนักเรียนตอบโต้รัฐบาล​

​

กลุ่มหัวรุนแรงโบโก ฮาราม หันมาใช้วิธีการสังหารหมู่นักเรียน เพื่อตอบโต้การกวาดล้างของกองทัพฝ่ายรัฐบาล ล่าสุดบุกสังหารหมู่นักเรียนในโรงเรียนเสียชีวิตไปถึง 42 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลากอส ประเทศไนจีเรีย เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ว่า กลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนา ก่อเหตุฆ่าหมู่นักเรียนหลายสิบคนในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ซึ่งถือเป็นการเปิดรูปแบบใหม่ในการก่อความรุนแรงแม้ว่ากองทัพไนจีเรียปฏิบัติการกวาดล้างอย่างหนักในช่วงเกือบ 2 เดือนมานี้ โดยการโจมตีล่าสุดเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มมือปืนบุกโจมตีโรงเรียนประจำชั้นประถม ในหมู่บ้านมามูโด ซึ่งพวกเขาได้ปิดล้อมนักเรียนและเจ้าหน้าที่ในหอพัก ก่อนที่จะขว้างระเบิดและกราดยิงอย่างป่าเถื่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 42 ศพ เกือบทั้งหมดเป็นนักเรียน

ชาวไนจีเรียเคยชิ้นกับการก่อความรุนแรงของกลุ่มหัวรุนแรงโบโก ฮาราม และการตอบโต้อย่างหนักหน่วงของฝ่ายรัฐบาล แต่การสังหารหมู่เด็กนักเรียนในโรงเรียน ได้สร้างความโกรธแค้นในหมู่ประชาชนเป็นวงกว้าง โฆษกของประธานาธิบดีกู๊ดลัค โจนาธาน กล่าวว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว จะต้องลงนรกอย่างแน่นอน

สำหรับเหตุผลที่กลุ่มหัวรุนแรงโจมตีเป้าหมายนักเรียนนั้น ยังไม่ชัดเจน แม้ว่าผู้สังเกตการณ์บางคน กล่าวว่า เป็นไปได้ว่า เป็นการเรียกร้องความสนใจด้วยการยุทธศาสตร์ที่สร้างความตื่นตระหนก

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2556 เวลา 23:52 น.

ที่มา www.dailynews.co.th

 

พระสยามเทวาธิราช !!!​

​

ถาม : แล้วท้าวมหาราช กับพระสยามฯ ...ครับ ?
ตอบ : ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ก็บอกแล้วว่าท่านสงเคราะห์ให้เป็นส่วนรวม ท่านบอกว่าจะหนักไปทางป้องกัน

เรื่องของพระสยามเทวาธิราช ท่านต้องดูแลทั่วประเทศจริง ๆ พระสยามเทวาธิราชขอให้ทุกคนรู้ไว้ ไม่ได้มีองค์เดียว แต่มีเป็นพันองค์ ทุกองค์ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน คือดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศนี้ ส่วนใหญ่ท่านก็คือบุรพมหากษัตริย์ แล้วก็เชื้อพระวงศ์ที่สร้างคุณความดีให้กับประเทศชาติเอาไว้ เมื่อถึงเวลาตายแล้วไปเป็นพรหมบ้าง เป็นเทวดาบ้าง ก็ยังต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป

เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าบอกว่าพระสยามเทวาธิราชองค์ไหน อาตมาชี้ไม่ถูกเหมือนกัน...มีเยอะ กระทั่งอย่างเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ท่านก็รับทำหน้าที่นี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วท่านเป็นหนึ่งในท้าวจตุมหาราช

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3292

 

พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา !!!​

​

วันนี้ผมขออนุญาตเขียนเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา หรือพิธีถือน้ำ อันหมายถึงการดื่มน้ำที่เสกแล้วเพื่อสาบานตนว่า จะซื่อสัตย์ไม่คดโกง และจงรักภักดี ไม่จำเพาะแต่กับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น แต่ยังต้องจงรักภักดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง อันเป็นแผ่นดินแม่แดนกำเนิดของตนอีกด้วย สำหรับเรื่องความซื่อสัตย์นี้ คนสมัยโบราณถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับข้าราชการไทยทุกผู้ทุกคน และผู้ที่ปฏิบัติงานถวายการรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประเทศชาติบ้านเมืองครับ

แต่สำหรับเรื่องนี้ คนในสมัยปัจจุบัน อาจรู้สึกว่าห่างหายไกลตัว ไม่มีความสำคัญ และจำเป็นยิ่งกับเด็กวัยรุ่นทุกวันนี้ ยิ่งอาจไม่เคยผ่านตากับพระราชพิธีและความเชื่อในเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย

หลังจากที่ผมลงมือขีดเขียน แจกแจงเรื่องราวของพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา พร้อมอธิบายจนละเอียดเสร็จสรรพแล้ว พบว่าเรื่องนี้มีความยาวมาก จนไม่สามารถนำลงให้จบได้ในครั้งนี้ เเละครั้งหน้า จำเป็นต้องแบ่งย่อยซอยสั้น ให้เหมาะสมกับเนื้อที่ จึงขอแบ่งเรื่องนี้ออกเป็น 3 ตอน และจะทยอยนำลงต่อสัปดาห์กันไปเรื่อยๆ รวม 3 สัปดาห์

หากท่านใดที่มีจิตสนใจในเรื่องราวเหล่านี้ ก็สามารถติดตามอ่านกันไปได้นะครับ ส่วนท่านที่ขี้เกียจติดตาม ก็รออ่านรวดเดียวในไทยรัฐออนไลน์นี้ เมื่อจบบริบูรณ์แล้วก็ได้ครับ หรือหากคิดว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ คร่ำครึ พ้นสมัย หรือว่าจะสิ้นเมตตาสิ้นรักผมไปเเล้ว ก็ขอให้ผ่านเลยไปเสียครับ แล้วนั่งนับต่อไป จนสัปดาห์ที่สี่ ต่อจากนี้ ผมจะเปลี่ยนเรื่องราวเป็นแบบสนุกสนาน มาสลับสับเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง

สำหรับครั้งนี้ต้องขอให้เป็นวิชาการสักหน่อย เพื่อบันทึกทิ้งไว้ ก่อนที่คนไทยจะลืมความสำคัญของความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู รวมทั้งสิ่งสำคัญที่สุดในสังคมไทย คือระบบอาวุโสครับ

คนไทยโบราณ มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องน้ำอย่างมาก ว่าน้ำสามารถซึมซาบแทรกตัวเข้าไปในทุกอนูของร่างกายของคนเราได้อย่างดียิ่งเหนือวัตถุอื่นใด ดังนั้นในการกระทำพิธีกรรม เพื่ออาศัยความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในอดีตจึงนิยมกระทำผ่านน้ำเป็นหลัก เช่น การอาบ หรือประพรมน้ำพระพุทธมนต์ หรือเทพมนต์ การรดน้ำสังข์ การแช่น้ำว่าน รวมไปถึงการดื่มน้ำสาบาน หรือที่เรียกกันว่า การดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า การถือน้ำ หรือพระราชพิธีถือน้ำ

สำหรับชื่อที่ใช้เรียกขานพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยานี้ มีการเรียกชื่อที่แตกต่างออกไปอีกมากมายหลายชื่อตามยุคสมัย คือ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจา พระราชพิธีศรีสัจจา พระราชพิธีศรีสัจจปานกาล แต่ไม่ว่าจะเรียกด้วยชื่อใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีความหมายเดียวกัน คือ พระราชพิธีอันเป็นมงคลแห่งความซื่อสัตย์ที่ใช้น้ำเป็นเครื่องกำหนด

อนึ่ง คำว่า "ศรีสัจจปานกาล" นั้น มีที่มาจากคำว่า
"ศรี" คือ ดีงาม มงคล

"สัจจะ" คือ ความซื่อตรงไม่กลับเป็นอย่างอื่น

"ปานะ" คือ เครื่องดื่ม , น้ำสำหรับดื่ม

"กาละ" คือ เวลา , กาลเวลา

เมื่อรวมคำกันแล้ว จะมีความหมายว่า "เวลามงคลแห่งการดื่มน้ำแสดงความซื่อตรง"

พระราชพิธีนี้น่าจะเกิดขึ้นในสมัยอยุธยา บางตำราก็ว่ามีมาแต่ครั้งพระเจ้าอู่ทอง ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยา แต่อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าเป็นพระราชพิธีเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับการปกครองประเทศ ตามแบบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่นับถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมุติเทพ ตามคติเทวราชา ปรากฏหลักฐานอยู่ในกฎมณเฑียรบาล กฎหมายตราสามดวง เรียกว่า "ถวายบังคมถือน้ำพระพัท" จัดให้มีขึ้นด้วย

วัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมขวัญและกำลังใจของทหารให้เเน่นแฟ้น และถือเป็นกุศโลบายทางจิตวิทยาของการปกครองทางทหารที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะขั้นตอนของพิธีกรรมที่ดำเนินไปนั้น ล้วนมุ่งที่จะทำให้เกิดความเกรงกลัวต่อความผิดบาป และความน่าสะพรึงกลัวในโทษทัณฑ์และคำสาปแช่ง ที่กระทำผิดต่อคำสัตย์สาบาน ทำให้สามารถควบคุมจิตใจ และความประพฤติของข้าราชการทั้งปวง ให้ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และจงรักภักดีต่อประเทศชาติ และองค์พระมหากษัตริย์ ได้อย่างเหนียวแน่น

นอกจากนั้นแล้วในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังถือเป็นพระราชพิธีใหญ่แห่งพระนคร เป็นเสมือนพระราชพิธีแห่งการระงับทุกข์เข็ญของบ้านเมือง ที่จำเป็นต้องจัดให้มีเป็นพระราชประเพณีประจำทุกปีไม่ขาด ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะบ้านเมืองอย่างไรก็ตาม

ในอดีตที่ผ่านมา กำหนดให้จัดการตั้งพระราชพิธีเป็นประจำ ปีละ 2 ครั้ง คือในช่วงพิธีตรุษ (ไทย) ราวเดือน 5 ขึ้น 3 ค่ำ และช่วงพิธีสารท (ไทย) ราวเดือน 10 แรม 13 ค่ำ ขั้นตอนสำคัญของพระราชพิธีนี้ อันอาจถือเป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้ คือขั้นตอนของการปลุกเสกและแทงน้ำด้วยพระแสงราชศาสตรา พร้อมอ่านประกาศแช่งน้ำโคลงห้า หรือที่เรียกว่าโคลงแช่งน้ำ หรือลิลิตโองการแช่งน้ำ เนื้อหาคือคำสาปแช่ง ที่เรียบเรียงแต่งร้อยเป็นบทประพันธ์ และถือว่าเป็นกวีนิพนธ์อันศักดิ์สิทธิ์ สำคัญยิ่งอีกด้วย

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ถือว่า พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยานี้เป็นพิธีของพราหมณ์ล้วนๆ และจะประกอบพระราชพิธีนี้ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ ต่อมาจึงย้ายไปจัดที่วิหารวัดพระมงคลบพิตรแทน เมื่อถือน้ำเสร็จแล้วกำหนดให้นำข้าวตอก ดอกไม้ และเทียน ไปกราบถวาย บังคมพระบรมรูปของสมเด็จพระเชษฐบิดร พระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง แล้วจึงจะไปกราบบูชาพระรัตนตรัย เป็นแล้วเสร็จ

ครั้นถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงเปลี่ยนแปลงพระราชพิธีใหม่ โดยให้ข้าราชการที่เข้าพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ต้องไปกราบนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรพระเเก้วมรกต พระสารีริกธาตุเจดีย์ และพระรัตนตรัย ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามก่อน จากนั้นจึงพากันไปเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในพระบรมมหาราชวังต่อไป

ครั้นมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มพิธีพุทธเข้าไปควบคู่กับพิธีพราหมณ์ และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในช่วงขั้นตอนของพระราชพิธี เพื่อให้กระชับและสะดวกต่อผู้ปฏิบัติมากขึ้น เช่น งดการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ที่มาเจริญพระพุทธมนต์ กับทั้งยังได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมพระราชพิธีนี้ สามารถรับประทานอาหารเช้ามาก่อนเข้าพิธีได้ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หรือเป็นลม

นอกจากนั้นยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมเอาทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า (คือฝ่ายที่เป็นชาย) และข้าราชการฝ่ายหน้า (ชาย) มาเข้าเฝ้าฯ พร้อมกันหน้าพระที่นั่ง ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา เฉพาะต่อเบื้องหน้าองค์พระแก้วมรกต และที่สำคัญที่สุด คือทรงริเริ่มให้องค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งในขณะนั้นคือพระองค์เอง ได้ร่วมดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยากับพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการด้วยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยพระองค์ทรงดื่มนำเป็นปฐม อันเป็นผลให้พระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อๆมา จนปัจจุบันทรงถือปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาทสืบมา

บทความโดยคุณ เผ่าทอง ทองเจือ

(อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ)

ที่มา http://www.photoontour.com/Misc_HTM...w.photoontour.com/Misc_HTML/news/page/164.htm

 

มุมมองจากเครื่องบินหมายเลข 7 สร้างมุมมองทางเลือกได้อีกมากมายในแง่ดี สำหรับพวกเขาที่อยู่นอกเหนือจากโลกนี้ไป.
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=HjcPOZ_z3Ts]Disney's Planes Takes Flight - YouTube[/ame]

 

แสนรู้จริงๆเลยท่าน รู้ไปหมดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องโดเมนโดนฉก
ทำไมองค์อิทร์ของท่านไม่ยอมบอกล่วงหน้าก็ไม่รู้

ว่าแต่องค์อินทร์ของท่านนี่คงไม่ใช่เพื่อนของท่านที่ชื่ออินเหมือนอย่างเณรคำน่ะ:boo::boo::boo::boo:

 

อึม.. เคยเห็นแต่ทางฝรั่งเขาใช้เครื่องบิน เขียนตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ บนท้องฟ้า แต่นี่เป็นนก สุดยอดกว่าเยอะเลย สมแล้วครับกับคำเรียกขาน ผู้วิเศษ

เสียดายถ้ามีภาพถ่ายมานำเสนอ คงจะฮือฮาไปทั่วโลกเลยนะ เออ ลืมถามว่า เป็นนกอะไรครับ คงไม่ใช่ ANGRY BIRD นะ

ส่วนข้างล่าง เป็นฝูงนกสาริกา ที่พยายามจะใบ้หวย ...




>

 

ดิฉันว่าไม่ใช่คุณลุงKตัวจริงค่ะ

 

ใครแปลงกายเป็นคุณลุงเค เนียนมากจนท่านพี่เกษมยังดูไม่ออกเพราะไปกดอนุโมทนาให้เลยอ่ะ

 

อันนี้คงตัวจริงคับ k_97
อันนี้คงตัวปลอม k__97 น่าจะเเพิ่งสมัครไอดีใหม่

 

เขาอาจเป็นลุงK ตัวจริงก็ได้ครับ อาจจะลืมกุญแจเข้าบ้านเลยสมัครใหม่จะใช้ชื่อเก่าก็ไม่ได้เพราะระบบจะเตือนว่ามีผู้ใช้แล้ว ส่วนเรื่องลืมกุญแจแล้วทำไมไม่ให้ระบบส่งไปที่อีเมล์ตอนสมัคร อันนี้เป็นไปได้ 2 ทางคือ
1.อีเมล์นั้นอาจไม่ได้ใช้นานแล้วและลืมกุญแจเหมือนกันเพราะเป็นอีเมล์สมัครขึ้นมาเฉพาะภาระกิจลับ
2.แจ้งลืมกุญแจทางระบบแล้วแต่รอเท่าไหร่ระบบก็ไม่ส่งอีเมล์แจ้งอะไรกลับไปซักที แจ้งระบบกี่ครั้งๆก็เหมือนเดิม เลยต้องสมัครใหม่ขอรับ

 

คุณboonma05เป็นคนละเอียดละช่างสังเกตุดีครับ
มี2UserName จริง
Username:k_97
http://palungjit.org/search.php?searchid=3055758
Username:k__97
http://palungjit.org/search.php?searchid=3055768

 

ง่ายๆครับดูวันสมัครเอาก็ได้ลุง K ล่าสุดเพิ่งสมัครหลังเวปใช้ .org เองครับและชื่อตรงขีดก็ยาวกว่า ส่วนตัวจริงตัวปลอมก็แล้วแต่คิดล่ะครับ หรืออาจจะเป็นอย่างผมบอกก็ได้

 

ดิฉันก็ยังมั่นใจว่าเป็นตัวปลอม นอกจากชื่อกับวันที่สมัครสมาชิกแล้วยังมีข้อสังเกตุอื่นอีกค่ะ

1. ปกติคุณลุงเคจะใช้ วันเดือนปีแบบนี้ค่ะ 10 ก.ค. 56 ไม่ใช่เลขไทยและเดือนเต็ม
2. เลขไทยจะใช้ตอนลงชื่อ เช่น องค์อินทร์ ๙๗
3. คำว่า ทำการแทน ต้องไม่อยู่ในวงเล็บ แต่จะอยู่ใต้ชื่อ
4. ไม่ขอบคุณเบื้องบนออกสื่อ

ดิฉันไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของคุณลุงนะคะ แรกๆไม่ได้อ่าน เพิ่งอ่านช่วงหลังๆก่อนกระทู้ปิด แต่เห็๋นแพทเทิร์นแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณลุงทำมาหลายปี ถ้าหากคุณลุงลืมรหัสผ่านแล้วสมัครใหม่รูปแบบการพิมพ์ไม่น่าจะเปลี่ยนค่ะ

 

นี่คงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ

<a href="http://pic.free.in.th/id/50928a9064f1c99daa5523ba2c854817" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/il/02k97.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://pic.free.in.th/id/4cee516dc03a063418022e55b66cb0b6" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ia/8gk97.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://pic.free.in.th/id/9d2d2a325811142040d51c0ca567845f" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iz/dk_97.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://pic.free.in.th/id/ddb5300a989d7c26346c38b7fd948524" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ii/k__97.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://pic.free.in.th/id/3fd3665b150774447e0f82fd4247598c" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ir/k97fake.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

 

สนุกมั้ยล่ะ ที่ทำอยู่นี่
ถ้าวันนึงถูกคนใส่ร้ายป้ายสี
หรือโดนบิดเบือนความจริง
ทำให้คนอื่นเข้าใจตัวเองผิด
ก็ให้นึกถึงสิ่งที่ตัวเองกระทำในวันนี้เถอะนะ

 

ตอนนี้ข่าวเณรคลำกำลังดัง อยากให้ช่วยกันออกแรงเรียกร้องให้ยึดเงินพระ

ยึดให้หมด เงินส่วนตัว มาจััดตั้งเป็นกองกลางซะ

หลังจากนั้นจะเกิดสงครามโลก เราจำได้

เร็วๆ ช่วยๆกัน รออยู่

 

ข่าวระเบิดที่พุทธคยาละครับ ไม่สนใจการก่อการร้ายจากพวกอิสลาม (มุสลิม) ที่ลอบเข้ามาป่วนสถานที่แสวงบุญของชาวพุทธบ้างหรือครับ

 

เสียสมดุล !!!​

​

ถ้าเธอจู่ๆเกิดมี”อาการ”ผิดปกติดังต่อไปนี้.....

1.ปวดมึนศีรษะ
2.วิงเวียน
3.คลื่นไส้คล้ายจะอาเจียน
4.อ่อนเพลียหัวใจสั่น
5.ท้องเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ

สาเหตุ:

เป็นเพราะกลไกทางไฟฟ้าในเซลอวัยวะร่างกายของเธอ ซึ่งเร้นอยู่ในนิวคลิโอไทด์กำลังได้รับรหัสคำสั่งใหม่ ที่ถูกส่งเข้ามาในระบบโลกทั้งวันคืน ด้วยคลื่นพลังงานแสงแห่งสุริยะจากการระเบิดบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ เพื่อการเปลี่ยนแปลง DNA พวกเธอทุกคนบนโลกนี้ ให้พร้อมต่อการเป็นมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ หลังปฏิบัติการชำระโลกสู่การเปลี่ยนยุค ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้สิ้นสุดยุติลง

ดีเอ็นเอชุดเดิมจะถูกโปรแกรมให้เสื่อมสลาย แล้วให้สร้างชุดใหม่ขึ้นมาแทน ด้วยคลื่นพลังงานแสง ที่มีค่าความเข้มสูงกว่าอำนาจแม่เหล็กโลกในปัจจุบัน เพราะพลังงานใหม่ที่ถูกส่งเข้ามามีค่าความเข้มสูงกว่าปกตินี่เอง จึงมีผลกระทบต่อกระบวนการทางชีวภาพและกระบวนการทางไฟฟ้าเคมีภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมของพวกเธอด้วย เนื่องจากค่าขั้วต่างทางไฟฟ้าในระดับเซลเกิดการเพิ่มขึ้นทางด้านบวกอย่างเฉียบพลันทันที ขณะที่ในชีวิตประจำวันของพวกเธอนั้น ส่วนใหญ่จะยังตกอยู่ภายใต้อำนาจทางอารมณ์หยาบๆ รายวันของตนเองกันอยู่ พวกเจ้าจึงไม่รู้ว่าจิตที่ตกเป็นทาสอารมณ์หยาบๆรายวันนั้น มันจะสั่นสะเทือนเพื่อการผลิตสร้างคลื่นพลังงานด้านลบออกมาสั่งสมไว้ในอวัยวะร่างกายเป็นจำนวนมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละคน

เมื่อพวกเธอได้รับพลังงานด้านบวกที่เข้มข้นจากดวงอาทิตย์ ในรูปของพายุสุริยะแล้ว ใครที่สั่นสะเทือนจิตตนเองเป็นลบกันมากๆ ก็จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากกว่าคนที่วันๆ สั่นสะเทือนจิตตนเองเป็นลบน้อยกว่าเสมอ รายที่ได้รับผลกระทบน้อย เพราะสภาวะจิตในชีวิตประจำวันค่อนข้างดี ก็จะไม่สามารถรับรู้กระบวนการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอภายในร่างกายของตนเองที่ว่านี้ได้

ใครที่ทุกวันนี้มีอาการดังกล่าวไว้ข้างต้น ก็จงรับรู้ว่าตนเองนั้นยังสั่นสะเทือนจิตสำนึกตนเองไปในทางต่ำอยู่มาก จักต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงตนเองเสียโดยไว เพื่อการมีอายุขัยยืนยาวที่พวกเธอปรารถนา ถ้าหากเธอไม่ฟังเรา เธอจักต้องเผชิญกับสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ดังต่อไปนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

1.ความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน จนเส้นเลือดฝอยแตก นำไปสู่การเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต
2.หัวใจทำงานหนักหรือเกิดอาการสะดุด เพราะระบบไฟฟ้าในอวัยวะร่างกายขัดข้อง
3.ภูมิต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อโรคระบาดที่รุนแรงได้ง่าย เนื่องจากเชื้อโรคทุกชนิดต้องการประจุไฟฟ้าลบเป็นอาหาร
4.เกิดอาการเครียดทางจิตประสาท สติแตกง่าย โมโหร้าย โทสะรุนแรง
5.นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร

วิธีแก้ไข

1.เลิกโกรธเลิกโมโหเสียอย่างสิ้นเชิง แล้วรักษาสภาวะจิตให้สุขสงบไว้ตลอด
2.ทำสามเหลี่ยมกับพระบิดาไว้
3.ขณะเกิดอาการป่วยตามที่ระบุไว้ ก็ให้ดื่มน้ำอุ่นๆ แล้วหมุนรอบตัวเองทิศทางซ้ายหรือหมุนทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้สัก 2-3 นาที ต่อครั้ง โดยจะทำวันละกี่ครั้งก็ได้ ทำจนกว่าอาการจะดีขึ้นจนหายไปเป็นปกติ

ป.วิสุทธิปัญญา
11-06-2013

ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=511848655547631

 

แนวนี้ ชอบครับ ทำให้เช้านี้ของผม สดชื่นขึ้นมาทันทีเลย เอาอีกๆ

.

 

จริงเท็จ เท็จจริง กาลเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ แม้แต่เรื่องด้านล่างนี้





.