ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

..สรุปยอดผู้เดินทางไปร่วมบุญ..

รายนามผู้สำรองที่นั่ง รถคันแรก ๑๑ ที่นั่ง ดังนี้ค่ะ

๑.คุณ kao oat ๒ ที่

๒.ครอบครัวโรจนฤทธิกร ๓ ที่

๓.น้อง Onarmol ๑ ที่

๔.คุณ Half wave ๒ ที่

๕.คุณ phuya ๑ ที่ค่ะ

รวมทั้งหมด ๙ ที่ค่ะ

ท่านใดสนใจยังมีสำรองอีก ๒ ที่เท่านั้นค่ะ

_______________________________

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..ขอเชิญร่วมบุญถวายเครื่องสักการะพระศรีฯ -ถวายภัตตาหารและโรงทาน..

จากดำริจากท่านจิตโตในการเดินทางไปสักการะพระศรีอารียเมตไตรย วัดไลย์ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ตามรอยครูบาอาจารย์

ตามประวัติของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ตามคำบอกเล่าของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยานเถระ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ตอนหนึ่งว่า

หลวงปู่ปานพาหลวงพ่อท่านไปเสี่ยงทายการบำเพ็ญพระสัมมาสัมโพธิญาณ โดยการยกพระศรีฯ เพื่อเสี่ยงทายที่วัดไลย์ จ.ลพบุรี ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก
___________________

ในวันนั้นนอกจากเราจะเตรียมดอกไม้ธูปเทียนแพ เพื่อไปสักการะพระศรีฯ แล้ว

พวกเราได้เตรียมขนมจีน -น้ำยาไปร่วมบุญโรงทาน ๒๐ กก. และอาหารคาว(กับข้าว) ๓ อย่าง มี ผัดกระเพราเป็ด ผัดวุ้นเส้น และแกงเขียวหวานปลากราย พร้อมทั้งผลไม้อีก ๓ -๔ อย่าง เพื่อร่วมบุญถวายภัตตาหาร และโรงทาน

ขอเชิญร่วมบุญได้ที่...

พุทธารา โรจนฤทธิกร เพื่อโครงการฝึกมโนฯ
เลขที่ 080-250584-0
ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ ( กรุงเทพ – กรีฑา )

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยคะ

Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญในความดีด้วยนะค่ะ คุณเอ๋ ta2498 ....
พี่เอ๋-จันทรกาล อิอิ (เอ๋ เจอ เอ๋ ) ขอเล่าด้วยคนนะค่ะ สำหรับพี่... ท่านเป็นแรงบันดาลใจ ให้พี่เลิกทานเนื้อสัตว์ใหญ่เลยค่ะ

เมื่อ 10 ปีที่แล้วค่ะ พอดีเพื่อนที่ทำงานเป็นสาวหมวยนะค่ะ เอาหนังสือประวัติเจ้าแม่กวนอิมมาทีทำงาน พี่ขอยื้มเพื่อนมาอ่าน และ ได้อ่านเรื่องราวถึงการสร้างบารมีของท่าน หลายเรื่อง และพบเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องการให้คุณของสัตว์ใหญ่นะค่ะ อ่านแล้วอินมากค่ะ ทำให้คิดถึง สัตว์ใหญ่ที่บ้านนอก ที่เราใช้งานเป็นประจำ และให้คุณกับชาวนามานานแสนนาน......

และตอนนั้นเป็นช่วงเทศกาลกินเจ เลยบอกเพื่อนเราอยากกินเจด้วยจัง แต่แถ๋วนี้อาหารเจ หากยาก ทำมาเผื่อเราด้วยนะ อิอิ ตอนนั้นกินได้ 3 วันค่ะ..... และตั้งใจว่าเราจะไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่อีกต่อไป...... ตราบจนถึง ณ ปัจจุบัน พี่ก็ไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่เลยค่ะ ................


ขอผลบุญอันบริสุทธิ์ที่เข้าพเจ้าได้ทำมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบัน และที่จะทำต่อไปในภายภาคหน้า จนกว่าเท้าจะเข้าพระนิพาน ขอถวายบุญนี้แด่พระแม่กวนอิม พร้อมบริวาร ขอท่านจงโปรดโมทนาบุญนี้ด้วยเถอะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผลบุญนี้มีผลกับเข้าเจ้าเพียงใด ขอให้เพื่อนสาวหมวย และกัลยาณมิตรทุกท่านได้รับผลบุญนี้ เช่นเดียวกับเข้าพเจ้าด้วยเถอะ สาธุ สาธุ สาธุ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
จันทรกาล

 

ไม่อนุมัติค่ะ. อิอิ เหตุผลเพราะความริษยาส่วนตัว แงๆๆ อยากไปด้วยอ้ะ

 

ร่วมทำบุญโรงทาน 100 บาท โอนแล้ว 24 ธ.ค. 56

ถวายเป็นพุทธบูชา และอนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้องจันทรกาลด้วยค่ะ ความจริงพระแม่กวนอิม ก็เป็นพระองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรค่ะ

หากไปสวรรค์ชั้นดุสิต ไปถามหาพระแม่กวนอิมคงไม่พบ แต่จะพบพระองค์ในกายมหาบุรุษ สง่างามมากค่ะ

แต่การแต่งกายไม่ค่อยเหมือนเทวดาที่เราเห็นทั่วไป คือมีชฏาแหลม จะทรงเครื่องคล้ายกษัตริย์อินเดียโบราณมากกว่า เวลาเข้าประชุมทรงอยู่ในกลุ่มของพระมหาโพธิสัตว์ฝ่ายมหายานค่ะ

ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

..โอนปัจจัยร่วมบุญศูนย์เยาวชน เชียงใหม่ และบุญโคมไฟค่ะ..



___________________________________



___________________________________



___________________________________

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยคะ

Numsai

 

..พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์...

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ ขอนำเก็บตกเรื่องการทำบุญผ้าห่มต้านภัยหนาวกันนะคะ วันที่ ๒๑ ธค.๕๖ เดิมทีไม่ได้ plan ที่จะไป เหตุก็คือ อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากไปทำบุญบ้านสบายใจ

ดิฉันและกัลยาณมิตร ได้เตรียมผลไม้ เพื่อร่วมถวายเป็นภัตตาหาร ๕ อย่าง จำนวนมากพอสมควร ช่วงเช้าให้ฟังธรรมจากท่านจิตโตตามปกติ (หาโหลดฟังได้จากเว็บธรรมะบ้านสบายใจ)

วันนั้นท่านจิตโตได้นิมนต์พระภิกษุมาฉันภัตตาหารเพลหลายรูป (น่าจะเกิน ๙ รูป) เป็นบุญที่พวกเราไม่ทราบมาก่อน

ดิฉันได้นำปัจจัยจากบัญชีเพื่อโครงการฝึกมโนมยิทธิ จำนวน ๔๐๐๐ บาท เพื่อร่วมบุญในครั้งนี้ ๗๐๐ บาท ส่วนอีก ๓๐๐ บาท นำไปถวายผ้าห่มสไบ และร่วมบุญอื่น ๆ ที่วัดท่าซุง และเป็นค่าพาหนะ ๓๐๐๐ บาท



********************

​

ช่วงบ่ายเด็ก ๆ ได้พากันไปให้อาหารปลาที่วังมัจฉา ดิฉันจึงขอตัวไปนั่งสมาธิที่บริเวณต้นโพธิ์ หลังวิหารพระองค์ที่ ๑๐ -๑๑

เมื่อไปถึงก็มีลมพัดเย็น รู้สึกใจสบาย และมีความสุข จึงได้ตั้งจิตไปกราบสมเด็จองค์ปัจจุบันที่พระนิพพาน

ขณะที่ตั้งจิตน้อมกราบสมเด็จองค์ปัจจุบัน พระพุทธองค์แย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย จึงคิดว่า..

"เราน่าจะอาราธนาพระพุทธองค์ไปเทศน์โปรดเทวดาที่อยู่ต้นโพธิ์อีกครั้ง ไม่ได้อาราธนาพระพุทธองค์นานแล้ว "

จึงตั้งจิตอาราธนาพระพุทธองค์เสด็จองค์มาโปรดเทวดาที่อยู่บริเวณวัดท่าซุง ปรากฏว่า แสงสว่างไสวไม่มีประมาณ มองไม่เห็นเทวดาที่เคยอยู่บริเวณนั้น คิดว่า เกิดอะไรขึ้นหนอ

เห็นสมเด็จองค์ปัจจุบันแย้มพระโอษฐ์ ยืนประทับอยู่กลางอากาศ ตรัสว่า...

"เธอ..จงกราบพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ซิ..พระองค์แรกคือพระตัณหังกรพุทธเจ้า.."



เมื่อสิ้นพระสุรเสียง เห็นพระพุทธเจ้าในกายเนื้อ(ไม่ใช่กายพระวิสุทธิเทพ) ยืนเรียงแถว ทรงจีวรสีต่างกัน แต่ทรงย่อพระวรกายเสมอกัน สมเด็จพระตัณหังกรพุทธเจ้าตรัสว่า..

"เราขอโมทนาสาธุการกับพวกเธอด้วยนะ นอกจากอานิสงส์ของบุญที่พวกเธอได้รับตามการสร้างบุญแล้ว

อานิสงส์เพิ่มเติม การรับได้รับความสุขความเจริญ เมื่อเดือดร้อนจะมีผู้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือทันที เอาแค่นี้ก่อนนะ เพื่อน ๆ ของเธอมากันแล้ว วันหลังไปหาฉันที่พระนิพพาน.."

เมื่อสิ้นพระสุรเสียงจึงได้กราบลาพระพุทธองค์ จากนั้นถอนออกจากสมาธิ เมื่อลืมตาก็พบว่า ทุกคนมารอกันอยู่อย่างเงียบ ๆ นานแล้ว

มีเรื่องเล่าเพียงเท่านี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอสำรองไปรับส่งบุญด้วย ๑ นั่งครับ ^^

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ เพื่อนฝากจองเพิ่มอีก ๑ ที่ค่ะ ครบจำนวนแล้วค่ะ สำหรับคันแรกค่ะ

Numsai

 

..ขอร่วมทำบุญถวายปัจจัย สำหรับเครื่องสักการะพระศรีฯ ภัตตาหาร และโรงทาน..

ร่วมถวายปัจจัยจำนวน 800 บาท และจำนวน 200 บาทค่าเดินทาง สิริรวม 1000 บาท
/\ ขอกราบอนุโมทนาบุญสาธุการร่วมกับทุกๆท่านด้วยครับ /\

 

วันนี้เวลา 11.05 น. ร่วมบุญถวายปัจจัยและ โรงทาน จำนวน 200 บาทค่ะ

 

วันนี้มีคำถามมาถามค่ะพี่น้ำใส
ถ้าวันพระเรามีความตั้งใจกินมังสวิรัติ แต่ที่ทำงานมียำไข่ต้ม ในส่วนเครืองยำก็ต้องมีพริก
มะนาว น้ำตาล น้ำปลา ส่วนของน้ำปลา ถ้าอยู่บ้านคงหลีกไม่กิน แต่อยู่ที่ทำงานต้องกิน
แล้วยังนี้ถือว่าผิดมากไหมค่ะ การกินมังวันนี้จะมีผลไหมค่ะ รบกวนช่วยบอกชี้แนะด้วยค่ะ
มีความตั้งใจกินจริงแต่ติดที่ว่าไม่ได้ทำกับข้าวมากินเอง:'(
หนูดี

 

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญในการตั้งใจถือมังสวิรัติค่ะ จากที่ได้กราบเรียนถามหลวงปู่เกษรี ท่านตอบว่า..

"ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก เจตนาในการถือมังสวิรัติ เพื่อเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ เป็นการเจริญเมตตาบารมี

หากเราไม่สะดวกในการละทั้งหมด ก็ถือว่า ทำเท่าที่เราทำได้ รักษากำลังใจไว้ไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน ไม่ให้คิดสงสัย หรือคิดไปต่าง ๆ นานา จะทำให้การเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์นั้น ไม่มีผล เนื่องจากความกังวลใจ

ดังนั้น หากเราตั้งใจถือ ก็ให้ว่าเราขอเว้นจากการฆ่า และเว้นจากการสนับสนุนให้ฆ่า แล้วทำใจให้สบาย ภาวนาให้จิตมั่นคงในการทำดี อย่างนี้จะได้บุญมากกว่า

สุดท้ายเจตนาในการถือมังสวิรัติ เพื่ออะไร รักษาใจให้บริสุทธิ์เอาไว้เป็นดีที่สุด

ขออนุโมทนา..."

*****************

ท่านตอบมาเพียงเท่านี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

..หลักปฏิบัติในสายหลวงปู่เกษรี และท่านผู้เจริญอิทธิบาท ๔ ..

​

วันนี้วันพระ ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ทำความดีค่ะ จากคำถามของน้องหนูดีนั้น ขออนุญาต share ประสบการณ์การรับประทานเนื้อสัตว์ในสายหลวงปู่เกษรี และคณะค่ะ

ในช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา หลวงปู่ท่านให้งดเนื้อสัตว์เป็นระยะ ๆ เป็นเวลา ๑๐ วันบ้าง ๑ เดือนบ้าง แล้วแต่โอกาส แต่การเว้นจากการทานเนื้อสัตว์ของเหล่าพระฤาษี ก็ต่างจากการรับประทานเจทั่วไป คือ

๑.งดเนื้อสัตว์ทั้งปวง รวมทั้งไข่ และนมสด

๒. ไม่ได้ห้ามเรื่องทานผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม ขึ้นฉ่าย ต้นหอมเป็นต้น เนื่องจากผักเหล่านั้น บางครั้งใช้เป็นยา

๓.อาหารที่รับประทาน จะรับประทานสด ยกเว้นข้าว แต่จะทานด้วยถั่ว งาคั่วตำ แบบคนโบราณ

๔.การปรุงอาหารไม่เน้นการปรุงแต่งมาก เช่น การนำไปผัด ไปอบ หรือผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ทำให้หมดคุณค่าทางอาหาร

๕. เหตุที่ไม่ทานนมสด และไข่ เพราะจะมีผลต่อสุขภาพภายใน ทำให้ธาตุแปรปรวน การบำเพ็ญสมณธรรมทำได้ยาก

๖. เว้นจากผัก หรือผลไม้หมักทั้งปวง เพราะจัดอยู่ในประเภทเมรัย

๗. การเว้นจากเนื้อสัตว์ ต้องควบคู่กับการทรงฌาณ ต้องทำอยู่ตลอดเวลา

๘. การนอนหลับพักผ่อน เน้นการหลับในฌาณ ไม่มีการเคลื่อนจิตไปไหน หรือท่องเที่ยวไปที่ใด เพราะนั่นไม่ใช่การพักผ่อนอย่างแท้จริง เมื่อคลายสมาธิ ร่างกายจะสดชื่นแจ่มใส ไม่แก่ง่าย

ทั้งหมดนี้ แม้ทำเพียงวันเดียวก็ขึ้นชื่อว่า ได้สร้างบารมีครบทั้ง ๑๐ ทัศน์ในวันเดียว
____________________________________

การปฏิบัติจะปฏิบัติคู่กับการรักษาอุโบสศีล (รักษาศีล ๘ วันพระ) ยิ่งทำให้มีผลมากค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยคะ

Numsai

 

..เหตุแห่งการโมทนาสาธุการ..

__________________________________________

​

ก่อนอื่น ขออนุโมทนาบุญกับน้องตาลอีกครั้งค่ะ พี่มีความสงสัยว่า เหตุใด พระพุทธเจ้าถึง ๒๘ พระองค์ทรงโมทนาบุญนี้ ได้ไปกราบทูลถามสมเด็จองค์ปัจจุบัน พระองค์ได้พาไปยังวิมานของสมเด็จพระพุทธตัณหังกรพุทธเจ้า ทรงตรัสดังนี้...

"...เหตุที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้โมทนาบุญนี้ เพราะในสมัยที่พระพุทธองค์ เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ล้วนแล้วแต่เคยมอบผ้าห่มกันหนาวให้แก่ผู้ยากไร้ทั้งสิ้น

ในบางพระองค์ ถึงกับต้องลงมือทอผ้าด้วยตนเอง พระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ รวมทั้งสมเด็จองค์ปัจจุบัน จึงได้โมทนาบุญกับพวกเธอทั้งหลาย ได้เดินตามรอยพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย บุญนี้จึงเป็นบุญใหญ่เห็นผลเร็ว

เพราะการตัดสินใจโดยไม่ลังเล สามารถรวมบุญอธิษฐานจะเป็นอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา

อีกทั้งการใช้ปัญญาที่สามารถต่อบุญให้กับผู้อื่นโดยมองเห็นประโยชน์ของผู้ร่วมบุญนี้เป็นหลัก ได้มาสร้างบุญในพระศาสนา

โดยเฉพาะบุญโคมไฟในโบสถ์ และบุญปูพรมในโบสถ์ ด้วยต้องการเพิ่มความสะดวกสบายแก่พระภิกษุนั้นยิ่งเพิ่มอานิสงส์ให้แก่ผู้สร้าง แม้เทวดาที่มีฤทธิ์มากยังไม่สามารถจะทำได้เช่นนี้

พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้โมทนาสาธุการในปัญญาญาณที่เกิดขึ้น ดังนั้นเธอทั้งหลายจะปรารถนาสิ่งใดย่อมสำเร็จง่าย มีผู้ให้ความช่วยเหลือยามเธอทั้งหลายเดือดร้อน จากวิบากกรรมที่ตามมา

เอาละสมควรแก่เวลาแล้ว

หากใครประสงค์จะมาสนทนากับเรา(พระตัณหังกรพุทธเจ้า) ให้ตั้งจิตไปกราบสมเด็จองค์ปัจจุบันก่อน(พระสมณโคดมพุทธเจ้า) แล้วพระองค์จะพามาหาเรา

ขอโมทนาสาธุการกับพวกเธออีกครั้ง.."

_____________________________

สำหรับการแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน จากภาพที่นำมานั้น จะเห็นว่า จำนวนคนในภาพไม่มากนักเนื่องจาก แต่ละหมู่บ้านอยู่ห่างไกลกัน

ผู้แจกได้นำไปมอบให้ถึงหมู่บ้านนั้น ๆ และแจกตามบ้าน กรณีในภาพเกิดจากการรวมตัวกันมารับ โดยเหมารถมารับผ้าห่มกันเป็นหมู่ ๆ ค่ะ

ส่วนที่เข้าไปในภูพาน ทางหมู่บ้านได้ทราบว่า จะมีการแจกผ้าห่มคนชรา ได้จัดเตรียมพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อความเป็นสิริมงคล คนชราส่วนใหญ่อายุ ๘๒-๙๖ ปี บางท่านก็ตาบอดมองไม่เห็น บางท่านเดินไม่ค่อยไหว ก็อุตส่าห์ใช้ไม้เท้ายันมาร่วมงาน ได้ผูกข้อมูลแก่ผู้เป็นตัวแทนนำผ้าห่มไปแจก ปากท่านก็ให้ศีลให้พร..

"พ่อเทวด๊า แม่นางฟ่าน๊างสวรรค์ คิดฮอดคนยากคนจ๋น ใจ๋บุ๋นแท้น๊อ บ่ฮู่ซิไห่หยังเผิ่น ก็ไห่ศีลไห่พรจังวาตั๋วล่ะ ..

ขอไห่ร่ำไห่รวยมีโชคมีลาภ เป็นสุ๊ขเด้อ..."

ความจริงพรยาวมากค่ะ บางท่านก็ทำปากขมุบขมิบให้พร บุญเหล่านี้ส่งผลมาให้แก่พวกเราให้รับความสุข พ้นความลำบากตามที่สมเด็จท่านตรัสให้พรค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๙ หนีออกจากวัง

(ต่อจากหน้า ๒๙๓ ค่ะ)​

____________________________________

ก่อนอื่นต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ลงประวัติล่าช้า เนื่องจากมีต้องประสานงานเรื่องงานบุญแจกผ้าห่มฯค่ะ ขอเชิญทุกท่านติดตามประวัติจักรและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ต่อไปค่ะ

ประวัติดวงแก้ว และธาตุกายสิทธิ์นี้ เป็นเพียงอุทาธรณ์สอนใจ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ______________________________________________

​

ฝ่ายปิณฑเสนาบดีนั้น มีความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ คิดว่า เสี้ยนหนามของตนได้หมดไปแล้ว จึงคิดหาทางชิงบัลลังก์ของพระเจ้าวาหมังคลโชติ จึงได้ปรึกษากับอัฐคชขุนพล ผู้เป็นหลานชาย แต่อัฐคชขุนพลไม่เห็นด้วย

และคิดว่า หากตนอยู่เมืองนี้ต่อไป คงจะต้องมีภัยแน่ และเกรงว่า สิ่งที่ตนทำจะถูกจับได้ ด้วยความรักเสน่หาพระนางสิริมาลา จึงได้ชักชวนกันหนีตามกัน ฝ่ายพระนางสิริมาลานั้น ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองจึงแอบหนีออกจากวังในคืนต่อมา

ฝ่ายพระเจ้าวาหมังคละโชติ ทราบว่า ขุนพลคนสนิทและพระมเหสีได้ลักลอบนอกใจพระองค์ เมื่อสายเสียแล้ว ทั้งสองได้หลบไปหนี ทำให้พระองค์มีความเคียดแค้น และเสียพระทัยมาก คิดจะให้ทหารออกติดตามพระมเหสีไป แต่ทรงคิดได้ว่า พระมิณฑิกาดาบสินีได้เตือนไว้ไม่ให้ลงโทษด้วยเกรงเหตุร้ายจะเกิดแก่บ้านเมือง จึงได้สงบระงับอารมณ์ของตน คิดหาทางแก้ไข

ทรงนำความไปปรึกษากับมัณฑกะที่ปรึกษาส่วนพระองค์แบบเงียบ ๆ มัณฑกะนั้นให้ป่าวประกาศไปว่า ว่าพระนางสิริมาลาออกบวช สละจากตำแหน่งพระมเหสีจากบัดนี้เป็นต้นไป เพื่อป้องกันทั้งสองโทษอาญาแผ่นดิน


ข่าวนี้ได้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว จนทราบถึงหูอัฐคชขุนพล จึงบอกกลอุบายแต่งตัวเป็นนักบวช พร้อมกับพระนางสิริมาลา และได้กล่าวว่า..

“ความจริงแล้ว เราต้องโทษประหาร แต่พระราชาทรงมีเมตตาเว้นโทษตายแก่เราทั้งสอง หากวันหน้าคงมีโอกาสตอบแทนพระองค์”

พระนางสิริมาลาเทวี ถึงกับร่ำไห้ ไม่คิดว่า พระสวามีจะรักตนมากเพียงนี้ ไม่มีชายใดที่จะเห็นชายคนอยู่กับหญิงที่ตนรัก แต่เมื่อรู้สึกตัวก็สายไปแล้ว พระนางจึงกล่าวแก่อัฐคชขุนพลว่า..

“ท่านขุนพล การที่พระราชาทรงเว้นโทษตายแก่เราทั้งสองนี้ เราควรประพฤติตนอยู่ในศีล ๕ นับแต่นี้ไปท่านคือสามีของเราเพียงผู้เดียว ส่วนพระราชา เราคงมีโอกาสตอบแทนในภายหน้า ”

ฝ่ายอัฐคชขุนพลนั้น ก็ได้ให้คำสัญญาจะรักเดียวใจเดียวกับนางตลอดไป บัดนี้พระนางสิริมาลาเทวี ได้พ้นจากตำแหน่งพระมเหสี นางรู้สึกได้ปลดแอกออกไป และตั้งใจว่า จะตั้งใจบำเพ็ญเพียรในศีล ๕ คู่กับอัฐคชขุนพลต่อไป

จากนั้นทั้งสองได้เดินทางเข้าป่า หาถ้ำสงบบำเพ็ญเพียร เพียงศีล ๕ ยังไม่ถึงกับประพฤติพรหมจรรย์ หลีกเร้นหนีจากผู้คน นับแต่นั้นมาก็ยังไม่มีใครพบทั้งสองอีกเลย

 

สาธุ สาธุ สาธุ ลูกขอน้อมกราบถวายบุญที่ลูกได้ทำมาดีแล้วแด่หลวงปู่เกษรีเจ้าค่ะ
ที่เมตตาสงเคราะห์ลูกให้ได้รับความรู้ความเข้าใจในการปฎิบัติมากขึ้น

หนูดี ขออนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใสเช่นกันค่ะ ที่เมตตาหนูดีเสมอมา หนูดี_/\_ขอบพระคุณมากๆค่ะ(f)

หนูดี:VO

 

พี่ขออภัยช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์ค่ะ ต้องสำรวมวาจา แบบว่าโดนดุมาค่ะ :'(

.. สรุปยอดบัญชีขณะนี้ ๔๒๑๖.๘๖ บาทค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้อง pizza4g ด้วยค่ะ

Numsai

 

ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๑๐ พระมเหสีองค์ที่ ๓

​

กล่าวถึงท่านมัณฑกะที่ปรึกษานั้นได้ทราบว่า ปิณฑเสนาบดีแอบรวบรวมไพร่พล และได้ส่งสาส์นไปขอกำลังจากกษัตริย์ต่างเมืองร่วมระดมพล เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ จึงคิดหาทางแก้ไข สถานการณ์โดยไม่ให้พระราชาทราบ ได้ปรึกษาเหล่าเสนาอำมาตย์ที่ไว้ใจได้ เตรียมการณ์เพื่อวางแผนการณ์รองรับป้องกันเมือง

ในที่นั้นมีท่านตรรกผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ด้วย ได้ทราบแผนการนี้ จึงได้บอก มีทหารชั้นผู้น้อยมารายงานว่า..

“ท่านปิณฑเสนาบดีได้กำลังจะส่งสาส์นลับไปยังกษัตริย์เมืองทวารวรนคร ซึ่งกำลังแผ่ขยายอาณาเขตว่าให้ยกทัพมาเมืองนี้ และจะเปิดประตูเมืองให้โดยยอมเป็นเมืองขึ้น เพียงแต่ขอให้ยกตนให้ขึ้นครองราชย์แทน

ตามที่ข้าพเจ้าสืบมาว่า พระเจ้าปิณฑวราช กษัตริย์เมืองนี้ มีพระธิดา ๓ พระองค์ไม่มีพระโอรส พระราชาของเรา บัดนี้ปราศจากพระมเหสี ควรรีบกราบทูลขอพระธิดา เพื่ออภิเษกสมรสกับพระราชาของเราเถิด

อีกทั้งเพื่อป้องกันเมือง พระเจ้าปิณฑวราชต้องเห็นแก่พระธิดาคงไม่ยกทัพมาตีเมืองของเราหรอก”

เมื่อตกลงได้ดังนั้น จึงกราบทูลพระเจ้าวาหมังคโชติ ทรงรับสั่งให้ส่งสาส์นและเครื่องบรรณาการณ์ไปยังเมืองทวารวรนคร เพื่อขอพระราชธิดามาอภิเษกสมรส
ขณะนั้นพระเจ้าปิณฑวราชได้รับสาส์นจากสิทธิเสนาบดี ผู้เป็นคู่เขยของปิณฑเสนาบดี

พระเจ้าปิณฑวราชนั้น คิดว่า บุคคลพวกนี้ แม้แต่บ้านเมืองที่ตนอาศัยอยู่ยังทรยศได้ หากเราเลี้ยงต่อไป ภายหลังคงต้องคิดขบถแก่เราแน่ อีกประการเราก็มีแต่พระธิดายังสู้พวกเขี้ยวลากดินพวกนี้ไม่ไหว พระองค์จึงแสร้งรับสั่งว่า จะขอพิจารณาดูก่อน

ในวันต่อมามีราชทูตจากมหาปุตตมณีนครได้ส่งเครื่องบรรณาการณ์ และราชสาส์นมา เพื่อสู่ขอพระธิดา พระองค์จึงได้ให้ม้าเร็วส่งสาส์นไปยังพระเจ้าจิตราช แห่งเมืองจิรวดีปุระ ซึ่งเป็นพระสหายเรียนวิชาสำนักเดียวกันมาอย่างลับ ๆ

พระเจ้าจิตราชนั้น ทรงสั่งสาส์นรับรองในทศพิธราชธรรมของพระเจ้าวาหมังคลโชติ อีกทั้งได้เล่าเรื่องของพระราชบุตรเขยออกผนวชเพียงชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือบ้านเมือง ซึ่งพระนางปฏิมนตรา พระธิดาของพระองค์ได้ออกผนวชตามในภายหลัง ส่วนเจ้าหญิงคีตมนตรา พระนัดดาพระองค์ทรงดูแล

หลังจากที่รับพระราชสาส์นจากพระเจ้าจิตราชแล้ว พระเจ้าปิณฑวราชทรงปิติยินดี จึงปรึกษากับพระนางจินตมาตาเทวี พระมเหสีว่าจะยกเจ้าหญิงจิตติมาเทวีให้แก่พระเจ้าวาหมังคลโชติ พระนางก็ยินดียกพระธิดาให้เช่นกัน
พระเจ้าปิณฑวราชได้แสร้งทำทีโกรธมาก กลับไล่ราชทูตของมหาปุตตมณีนครกลับไป ทำให้สิทธิเสนาบดีตายใจ

แต่พระองค์ได้ส่งม้าเร็วแจ้งสาส์นตอบรับ มายังมหาปุตตมณีนครอย่างลับ ๆ จากนั้นพระองค์ได้เรียกสิทธิเสนาบดีเข้าพบ และทำทีอยากพบกับปิณฑเสนาบดี จึงได้นัดให้มาพบกัน จากนั้นพระองค์ทรงสั่งให้ทหารฆ่าทั้งสองทิ้ง เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อไป

กล่าวถึงพระเจ้าวาหมังคลโชติ หลังจากที่มีพระนางสิริมาลาเทวีจากไป พระองค์กลับรู้สึกโล่งอก และไม่กังวล ความรักที่มีต่อพระนางมิณฑิกาได้คลายลง จึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้อภิเษกสมรสอีกครั้ง จึงได้นัดหมายว่าอีก ๗ วันจะมีพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงจิตติมาเทวี

ฝ่ายเจ้าหญิงจิตติมาเทวีได้ทราบข่าวการสู่ขอของพระเจ้าวาหมังคลโชติรู้สึกตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าวาหมังคลโชติมีพระชนมายุต่างกันถึง ๑๒ ชันษา นางก็ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของพระชันษา นางดำริว่า

“เราจะทอผ้าถวายแก่พระเจ้าพระเจ้าวาหมังคลโชติ ถวายในวันอภิเษกสมรส เพื่อเป็นเกียรติแก่เมืองของเรา”

จากนั้นนางจึงเริ่มทอผ้าด้วยองค์เอง ใช้เวลา ๗ วันจึงทอสำเร็จพอดี โดยพระเจ้าวาหมังคลโชติได้เดินทางมาอภิเษกที่เมืองเมืองทวารวรนคร เฉลิมฉลองที่เมืองนี้ เป็นเวลา ๗ วัน

จากนั้นก็ได้เดินทางกลับไปฉลองอภิเษกยังเมืองมหาปุตตมณีนครอีก ๗ วัน ชาวเมืองต่างปิติยินดี ต่างลืมไปว่า มีผู้ที่เสียสละเพื่อป้องกันเหตุเภทภัยที่กำลังจะเกิดในวันข้างหน้า