ผมปฏิบัติธรรมมานานเหมือนมันไม่ก้าวหน้าเลย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย data44, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขออนุโมทนาในความตั้งใจครับ

    ขออนุญาตเสนอแนะนะครับ ขอเป็นมาจากหลักปฏิบัติของข้าพเจ้าเองนะครับ

    เนื่องด้วยที่เรายังมีชีวิตอยู่ในความสับสนวุ่นวายในโลก ยังเป็นผู้ยึดติดในโลกอยู่ ต่อให้นั่งสมาธิทุกวันก็ยังสงบยาก เพราะค่ำมาเรานั่งสมาธิล้างความขุ่นมัวที่สะสมมาตลอดวัน มันหายไปจางไป แต่พอเช้าขึ้นมาเราก็ต้องเจอต้องมาสะสมมันใหม่อีก แล้วจะทำอย่างไรกันเล่าหนอ
    ถ้าเป็นพระที่หลีกออกจากโลกมาอยู่ในที่สงบแล้ว ท่านให้อยู่กับองค์ภาวนาตลอด เป็นพระทำได้ง่ายเพราะหลีกออกจากความวุ่นวายของโลก แต่เราที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในความวุ่นวายของโลกเล่า มีแต่การเจริญสติเท่านั้นที่ทำได้ง่ายทึ่สุด ให้เรารู้ตัวอยู่ตลอดว่าเราทำอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ เพื่ออะไร มีสติรู้สิ่งที่เข้ามากระทบคืออะไร ส่งผลอย่างไร มีสติรู้ที่จิตเราส่งออกนอกเพราะอะไร เพื่ออะไร เกิดผลอย่างไร ไม่ว่าจะกินข้าว ทำงาน พูดคุย ดูหนัง เล่นโทรศัพท์ ฯลฯ นี่คือกิจที่ต้องทำอยู่ตลอด สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ยังไม่ต้องคิดปล่อยวางหรอก แค่มีสติให้รู้ตลอดในสภาวะต่างๆ มันรู้ความจริงชัดๆแล้วมันเบื่อเดี๋ยวมันวางเอง

    ส่วนเรื่องการปฏิบัติสมาธินั้น ข้าพเจ้าใช้กรรมฐานกองที่ข้าพเจ้าทำแล้วรู้สึกดีที่สุด ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเคยฝึกกรรมฐานกองใดมา สุดท้ายก็จะมีอยู่ในใจเพียงหนึ่งเดียว ที่มักจะหวนมาทำเองโดยไม่ได้เกิดความอยากเป็นตัวนำ

    การปฏิบัติ เราเคยปฏิบัติเวลาใดควรจะเป็นเวลานั้นโดยตลอดเพื่อให้เป็นความคุ้นชินของจิต เหมือนเวลาเราตื่นนอนนั้นแหละ ไม่ว่าตอนนั้นเราจะทุกข์ใจอยู่ หิวข้าวอยู่ ง่วงนอนมากๆอยู่ เหนื่อยอยู่ ไม่ว่าจะลำบากขนาดไหนเราก็ต้องปฏิบัติอย่าไปตามใจจิตให้อยู่แต่ในความสบาย และควรนั่งอย่างน้อยให้ได้สักสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อยต่อครั้งของการปฏิบัติสมาธิ

    ที่สำคัญ ควรกำหนดอย่างค่อยๆ ช้าๆ และปราณีต ที่สุด อย่าไปเร็วอย่าไปทำตามความเคยชิน. และเมื่อจิตหลุดจากฐาน และเรามีสติรู้ตัวขึ้นมาว่าหลุดไปคิดหลุดไปมโนภาพ อย่ารีบดึงกลับมาที่ฐาน ให้รู้อยู่ว่าหลุดแล้วค่อยๆดึงจิตกลับมาที่ฐานอย่างช้าๆ เมื่อไหร่ที่สติเริ่มดี เราก็จะเห็นได้ชัดขึ้นว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้มันอยู่ที่ไหน จิตไปหาเพราะอะไร ฯลฯ

    อีกอย่างหนึ่ง การจะปฏิบัติกรรมฐานให้เกิดผลเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ใจเรานั้น การเป็นคนโลกๆธรรมดาๆทั่วไปนั้นทำไม่ได้ เราจะต้องเป็นคนที่เหนือโลกเหนือธรรมดา เพราะเรากำลังจะฆ่ากิเลสที่มันอยู่เหนือคนโลกๆธรรมดาๆทั่วไป

    ปล.เรื่องศีลที่คุณ มังคละมุนี ลงไว้ก็ควรพิจารณาให้ละเอียดด้วยนะครับ

    สุดท้ายมันอยู่ที่ความตั้งใจและเอาจริงของเราเอง

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2014
  2. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    เรียนมาก-เรียนน้อย VS ได้ประโยชน์-ไม่ได้ประโยชน์

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๖ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓
    ธาตุกถา-ปุคคลบัญญัติปกรณ์
    จตุกกนิทเทส
    [บุคคล ๔ จำพวก]

    [๑๓๙]
    บุคคลผู้มีสุตะน้อย และไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ เป็นไฉน
    สุตะคือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
    ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มีน้อย
    บุคคลนั้น ไม่รู้อรรถ ไม่รู้ธรรมแห่งสุตะอันน้อยนั้น ไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้มีสุตะน้อย ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะนั้น

    บุคคลผู้มีสุตะน้อย แต่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ เป็นไฉน
    สุตะคือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
    ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มีน้อย
    บุคคลนั้น รู้อรรถ รู้ธรรม ของสุตะน้อยนั้น เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้มีสุตะน้อย แต่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ

    บุคคลผู้มีสุตะมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ เป็นไฉน
    สุตะ คือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
    ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มาก
    บุคคลนั้น ไม่รู้อรรถ ไม่รู้ธรรมของสุตะมากนั้น ไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้มีสุตะมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ

    บุคคลผู้มีสุตะมาก และได้ประโยชน์เพราะสุตะ เป็นไฉน
    สุตะคือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
    ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มาก
    บุคคลนั้น รู้อรรถ รู้ธรรม ของสุตะอันมากนั้น เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้มีสุตะมาก และได้ประโยชน์เพราะสุตะ

    _______________________________________________________

    การเรียนน้อย แถมยังไม่ฉลาดในธรรม จัดว่าแย่ที่สุด
    การเรียนมาก ก็ไม่แน่ว่าจะได้ประโยชน์ หากว่ายังทำไม่ถูกวิธี
    การเรียนน้อย ถ้าหากทำถูกวิธี ย่อมได้ประโยชน์มากกว่า
    การเรียนมาก แล้วฉลาดในธรรมแถมยังทำถูกวิธีด้วย จัดว่าดีที่สุด

    พุทธะ ท่านจึงสรรเสริญ ผู้ปฏิบัติสมควรแก่ธรรม (พุทธภาษิต)
    เพราะเป็นผู้ทำถูกวิธี ที่เหมาะสมกับภูมิธรรมของตน

    ผมมีความเห็นว่า
    ผู้ปฏิบัติธรรม ควรจะเรียนรู้ว่า ตนเองอยู่ในพิกัดใด ในการเรียนธรรม-การปฏิบัติธรรม?
    พร้อมทั้งตรวจสอบว่า ธรรมที่ไปเป็นไปในตนเองนั้น ถูกต้องตามแนวทางสัมมาทิฏิหรือไม่
    ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร?

    เมื่อแก้ไขข้อปฏิบัติได้ถูกต้องเรียบร้อยดี จึงเอาสภาวะธรรม ที่ตนมีอยู่นั้น
    เป็นพื้นฐานในการศึกษา ทั้งปริยัติและปฏิบัติ
    เมื่อฐานที่ตนเรียนรู้อยู่ แน่นหนามั่นคงแน่นอน การเลื่อนขั้นในทางธรรม จะเกิดขึ้นเอง ทีละขั้นๆ
    พอถึงขั้นใหม่ ก็ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม ที่ตนมีอยู่อีก

    ข้อสำคัญ คือ อย่าปฏิบัติธรรมให้ เกินพิกัด เกินกำลัง ของตนเอง

    สรุปว่า
    เมื่อปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม ความสามารถทางธรรม จะพัฒนาเพิ่มขึ้นจากพื้นฐานที่ตนมีอยู่
    ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม!


    เอวัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2021
  3. lista

    lista เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +683
    ปฏิบัติ จนกว่าเราจะหมดลมหายใจครับ ไม่มีคำว่า ไม่สำเร็จ ถ้าเรามีเป้าหมาย มันต้องถึง จะช้าจะเร็ว ขอให้เราทำตามกำลังสุดความสามารถก้อไม่เสียเวลาไปอีกชาตินุง นึกถึง พระพุทธองค์ กว่าจะ บรรลุ ผ่านอาไรมามากมาย กี่ภพกี่ ชาติ เทียบกับเรา คงเศษเสียว ทุลี เป็นกำลังใจให้ ครับ ถึงเมื่อไหร่จะบรมสุขตลอดกาล ครับ สาธุ
     
  4. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    บทส่งท้าย

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
    ทีฆนิกาย มหาวรรค


    [๑๒๙] สมัยนั้น ไม้สาละทั้งคู่ เผล็ดดอกสะพรั่งนอกฤดูกาล ดอกไม้
    เหล่านั้นร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชา แม้ดอก
    มณฑารพอันเป็นของทิพย์ก็ตกลงมาจากอากาศ ดอกมณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่น
    โปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชา แม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของ
    ทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ จุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยัง
    พระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชา ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อ
    บูชาพระตถาคต แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศ เพื่อบูชาพระตถาคต ฯ

    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์
    ไม้สาละทั้งคู่ เผล็ดดอกบานสะพรั่งนอกฤดูกาล ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของ
    ตถาคตเพื่อบูชา แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ ดอก
    มณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา แม้จุณแห่ง
    จันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ จุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่น
    โปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็ประโคมอยู่ใน
    อากาศ เพื่อบูชาตถาคต แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศเพื่อบูชาตถาคต

    ดูกรอานนท์ ตถาคตจะชื่อว่าอันบริษัทสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม
    ด้วยเครื่องสักการะประมาณเท่านี้หามิได้ ผู้ใดแล จะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
    หรืออุบาสิกาก็ตาม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตาม
    ธรรมอยู่ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าสักการะ เคารพ นับถือ บูชาตถาคตด้วยการบูชาอย่างยอด
    เพราะเหตุนั้นแหละอานนท์ พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่ ดังนี้ ฯ

    ______________________________________________________

    ในค่ำคืนของการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
    ได้มีดอกไม้ทิพย์ร่วงหล่นโปรยลงสู่พระสรีระ แล้ว มีเสียงดนตรีทิพย์จากสวรรค์มาบรรเลง
    เพื่อบูชา องค์พระพุทธศาสดา

    พระศาสดาไม่ทรงสรรเสริญการบูชาด้วย ดอกไม้ หรือ ดนตรีเหล่านี้
    แต่ได้สรรเสริญว่า การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ว่าเป็นการบูชาอย่างยอด

    พระสูตรที่ยกมาเป็น บางส่วนของ มหาปรินิพพานสูตร
    เป็นพระสูตรที่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงธรรม
    ในช่วงเวลาก่อนปรินิพพานไม่นานนัก

    หนึ่งในคำสั่งสอนที่สำคัญ ในช่วงท้ายๆก่อนปรินิพพาน คือ


    “ พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่ ดังนี้ ”



    เอวัง.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2021
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    อารมณ์ชั่ววูบ พอได้ถ่าย ได้ระบายออกมา มันก็ดีขึ้น เบาขึ้น เป็นธรรมดา ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น
    มีสติ ตามรู้สึกตัวให้ทันบ่อย ๆ ก็พอ กินก็กินให้เป็น อย่ากินของแสลง มันจะป่วย พลอยเป็นไข้หนัก รักษายาก
     
  6. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ศีล 5 นี่ก็ยากมากแล้วครับ
    คุณปฏิบัติได้ เรียกว่า ตั้งมั่นในธรรมแล้ว
    ส่วนอาการ สงสัย มันก็ปรากฏมาเป็นธรรมดา เดี๋ยวมันไป มันมาอีก

    ยุง เวลามันมาบินข้างหู เราก็รำคาญ ชอบจริงกับบินข้างหู
    อันที่จริง ยุงมันก็บินอยู่ทั่วๆไป แต่เราเอาหูไปฟัง เอาใจไปผูก มันก็รำคาญ

    ลองพิจารณาดูครับ
     
  7. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    คนบอกเองไม่ต้องการฤทธิ์ ตอนนี้คนก็เจริญวิปัสสนาอยู่ ลองอ่านลุงหวีดบัวเผื่อน
    ท่านเก่งมากๆครับ เจริญวิปัสโกในเวลาอันสั้นก็ทันก่อนตายถึงนิพพานครับไม่ต้องเอาฤทธิ์เลย
     
  8. ellb

    ellb สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +22
    อันนี้ผมขอแนะนำนะครับ จะได้ผลอย่างไรนั้้นท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเอง เอาไปใช้ดูนะคับเผื่อจะได้ผล
    1. สังเกตตัวเองก่อนในอารมณ์ปกติ ความโกธร ความหลง หรือกิเลส ตัวอื่น ๆ เบาบางไหม ถ้ามีน้อย ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ท่านได้
    2. เช่น เวลาที่คุณโกธร คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังโกธร ถ้ารู้ตัวก็นั่นหละ สิ่งที่คุณได้จากสิ่งที่คุณทำ
    ถ้าได้แบบนี้ไม่ต้องน้อยใจ หรือท้อแท้ครับ มาถูกทางแน่นอน
    ..........แต่ก่อนเราต้องถามตัวเราก่อนว่าจุดหมายที่เรากำลังทำอยู่นี้เพื่อ อะไร ผมตอบแทนเลยว่า หวังเพื่อพระนิพพาน ถ้าคุณไม่ใช่ผมขอแนะนำให้เปลี่ยนกำลังใจเถอะ ถ้าไม่ปราถนาพุทธภูมิ ก่อนเริ่มเจริญกรรมฐานหรือ สมาธิผมแนะนำให้ ตั้งความตายเป็นอารมณ์หรือมรณานุสสติ ไม่สนใจในร่างกาย และไม่หวังผลในอนาคต หรือจับเอาอารมณ์จากเจริญกรรมฐานหรือสมาธิจากอดีตเพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิ..ยังไม่พ้นวิสัยของนิวรณ์.. แล้วเจริญกรรมฐานกองที่ถนัด อย่ากังวล มันจะลงรวมหรือไม่ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของมันเรามีหน้า ที่ เอาสติกำหนดรู้ตามอารมณ์ไปเรื่อยๆ สมมุติถ้ามันคิดไปเรื่องต่างๆก็ปล่อยให้มันคิดไป เอาสติกำหนดรู้ว่ามันคิด บางคนถ้าอนาปานุสสติบางคนคำบริกรรมก็มีส่วนเช่นเดี่ยวกัน ผมยกตังอย่างเช่นผมเอง เช่น ภาวนา พุทโธ สติมันจะจับไม่ค่อยทันรู้ตัวอีกที่มาอยู่ที่ปลายทางเสียแล้ว แต่ถ้าเป็น นะมะพะธะ จะอยู่ระดับอุปจารสมาธินานหน่อยแล้วมันจะไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงปล่ายทางเหมือนกัน ท่านไม้ต้องท้อแท้หร๊อก ทำไปเรื่อยๆ อย่าไปสนใจน้อยใจในวาสนา ในเมื่อที่สุดของร่างกายเราคือ มีความตายเป็นที่ไปเป็นที่สุดท้าย ถ้าไม่ก้าวหน้า แต่ต้องการในในสิ่งที่ท่านต้องการในขณะนี้ก็ต้องใช้กรรมฐานกองอื่นดูบ้าง เผื่อในอดีตเคยทำมาก่อน แต่ไม่ต้องน้อยใจ ถ้าไม่ดีจริง คุณ ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนาหร่อก แต่มันยังไม่ถึงเวลาของมันก็ได้ ผมไม่ได้อะไรเลยตั้ง 9 ปี แต่ผมก็ยังทำมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ และจำทะจนกว่าจะตายไปจากร่างกายอันนี้ หรือไม่ก็ลองวิปัสสนากรรมฐานเลย เอาระดับอุปจารสมาธิก็ได้ เผื่อมันจะชอบทางด้านปัญญา ถ้าปฎิบัติแล้วได้ผลอย่างไรถ้าจะถามก็ถามได้ ถ้าแนะได้จะแนะให้ ........ฝากไว้ให้ตั้งกำลังใจจริงๆ แล้วสิ่งที่คุณกำลังตามหามันจะมาหาคุณเอง.....
     
  9. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ก็เส้นทางการปฏิบัติธรรมก็เป็นอย่างงี้แหละครับ จะให้สำเร็จทันทีทันใดย่อมเป็นไปโดยยาก เราก็ต้องตั้งสติและมีความเพียร หมั่นศึกษาหมั่นปฏิบัติ การปฏิบัติของเราจะเป็นครูอาจารย์แก่ตัวเราเอง แสดงว่าคุณเป็นคนมีศรัทธา จงเชื่อมั่นและขยันหมั่นเพียร ตั้งสติพิจรณาอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ความสำเร็จนั้นอยู่ที่สติในปัจจุบัน เมื่อได้ตัวเจ้าของจะรู้เอง
     
  10. forkee

    forkee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมเคยทำได้ถึงฌาณ 4 นะครับ แต่ปัจจุบันเสื่อมหมดแล้วครับเพราะผมต้องเดินในเส้นทางชาวบ้านธรรมดาด้วยความจำเป็นแต่ตั้งใจว่าถ้าลูกโตแล้ว ,ไม่มีภาระทางโลกและภรรยาเสียชีวิตก่อนผม ผมก็จะออกบวชครับ เข้าเรื่องนะครับขอถามในฐานะมี่ผมเคยเจอปัญหามาเหมือนกัน
    1.คุณรักษาศีลถึง ๘ ข้อหรือเปล่าครับ ประเด็นอยู่ที่ข้อ ๓ ครับ ในศีล ๕ บอกว่าห้ามผิดลูกเมียคนอื่นแต่การทำสมาธิไม่เหมือนกันครับ การทำสมาธิต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเพศเลยนะครับ เพราะไม่งั้นคุณไม่มีทางเข้าฌาณ ๑ ได้ครับจะวนอยู่อย่างมากแค่อุปปาจาร ตอนผมฝึกผมเสียเวลาไปเปล่าๆเกือบ ๓ เดือนนะครับเพราะจับจุดไม่ถูก พอจับถูกใช้เวลาแค่วันเดียวก็ได้ฌาณ ๔ แล้วครับ
    2.รักษาศีลครับ อันนี้สำคัญมาก
    3.นิวรณ์ทั้ง ๕ ข้อกำจัดหมดหรือยังครับ ต้องกำจัดให้หมดนะครับ

    ปล.เดี๋ยวมาเพิ่มให้อีกทีครับ วันนี้ขอนอนก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2014
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    การแก้ทุกขเวทนาต้องทนนิด ให้พิจรณากายใจเป็นอนัตตา ทีนี้เวลาธาตุขันธ์มันเสวยเวทนา ถ้าเป็นทุกขเวทนา เราต้องตั้งสติไม่ย่อท้อ อยู่ในปางสมาธิเป็นการดี
    ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนผมเพิ่งปฏิบัติเมื่อสักครู่ ถ้าเอาลึกเลยก็เรื่องของกรรมที่เรากระทำไป มันจะมาถอนออกตอนสำเร็จธรรมนี่แหละ คือต้องปล่อยวางและอดทน เมื่อปล่อยวางเราจะรู้สึกทนกับมันจนเบื่อหน่าย ตอนนี้แหละจิตมันจะคลายถิออก เราจะค่อยๆสบายขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่เกิด ทุกข์เท่านั้นที่ดับ ยังมีความสุขที่รออยู่ในวันสำเร็จ ไม่เห็นทุกข์ไม่เห็นธรรม มรรค8 ทางนี้ทางอรหันต์ ผมประเภทปัญญาวิมุติ
     
  12. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    เท่าที่ผมปฏิบัติมาเกือบๆ 1 ปี ปฏิบัติตามความสะดวกของตัวเอง สิ่งที่รับรู้ได้ คือตัวเองใจเย็นขึ้นจากอารมณ์ร้อน เวลาเจอปัญหาอะไรในการทำงานจะนิ่งก่อนแล้วค่อยๆคิดค่อยๆแก้ แล้วอื่นๆที่ติดมา คือ รับรู้ความรู้สึกคนอื่นได้ไวขึ้น ประมาณว่า มองหน้าหรือเดินผ่านจะรู้ว่าเขาคิดอะไรดีหรือไม่ดีกับเราทำนองนี้นะครับ.... เวลาปฏิบัติก็ จาก 15นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมง ถ้าสถานที่สงบก็อยู่ได้ถึง 2-3 ชั่วโมงเลย ถ้าปฏิบิติราวๆ1 ชั่วโมงขึ้นไปบ่อยๆผมว่าเจ้าของกระทู้น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างสิครับ ลองสังเกตดีๆยังไงเจ้าของกระทู้อย่าพึ่งท้อนะครับ...
     
  13. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    หากเป็นการก้าวหน้าของสมาธิ มันหาจุดจบยาก มันขึ้นอยู่กับกาย

    พึงตั้งจุด ความก้าวหน้าที่การตัดกิเลสของใจ จุดแรกเพียรเข้าถึงพระโสดาบัน เป็นการปฏิบัติที่เข้าจุดตามพระพุทธศาสนา
     
  14. Cool_time

    Cool_time สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +24
    ให้เอาสติไปจับความอยาก ความโกรธ อยากให้รู้ว่าอยาก โกรธให้รู้ว่าโกรธ แล้วดูมันไปเรื่อย ๆ ครับไม่ต้องไปนั่งสมาธิก็ได้ครับทำตอนใช้ชีวิตประจำวันนี่แหละครับ ทำให้จนรู้ัตัวว่าตอนนี้เราโกรธนะ ตอนนี้เราอยากนะ แล้วความอยากกับความโกรธระงับได้นี่ก็จะเป็นการก้าวหน้ามากแล้วครับ
     
  15. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    อย่าไปอยากรู้อยากเห็นอะไรเพราะการที่เราอยากรู้อยากเห็น เป็นเหมือนการจดจ่อ ทำให้เราข่มจิตตัวเองว่าต้องเห็นอย่างนั้นอย่างนี้นะ มันเหมือนบังคับจิตให้เกิดมโนภาพตามที่คิด ซึ่งมันทำให้เราไม่สงบนะครับ รับรู้แค่ว่าหลับตาผ่อนลมหายใจไปเรื่อยๆอยู่กับลมหายใจ พอเริ่มสัก 1 ชั่วโมงไป กายเราจะเริ่มหนักหน่วงๆแล้วก็ ผ่อนคลายแล้วเบาขึ้นจนสามารถอยู่ได้เป็น 2 ชั่วโมงยังสบายเลย ผมเคยนั่งตั้งแต่ บ่ายโมงจนถึง 4 โมงเย็น สบายๆเลย ลืมตาขึ้นมา เหมือนเราตื่นนอนถ้าถามว่าเห็นไรในจิตมัยตอบได้เลยว่าผมไม่เห็นอะไร แต่รู้แค่ว่ามันสบายตัวไปหมดเหมือนเรานอนอิ่มๆนั้นละ ลองใหม่ครับเจา้ของกระทู้ สู้ๆ...
     
  16. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    รู้ไหมครับ ผมเข้ามาอ่านกระทู้ อ่านการตอบกระทู้ของทุกท่าน อ่านแล้วคิด คิดแล้วอ่าน ไม่รู้เป็นไรแต่ผมน้ำตาไหลครับ ตื้นตันขึ้นมาไม่รู้เป็นไรครับ ขอบคุณทุกท่านนะครับ

    ผมเลือกอ้างอิงจากกระทู้นี้เพราะพิจารณาดูแล้วว่าจะเกิดจากสาเหตุนี้รึเปล่า เพราะผมคิดว่าผมรักษาศีล 5 ครบนะครับและนานแล้วจน เป็นปกติของชีวิต ผมมั่นใจว่าข้อ3 นี่ผ่าน แต่สิ่งที่ไม่ผ่านน่าจะเป็นเรื่อง กามราคะ เพราะมันยังเป็นคนธรรมดาครับ ยังมีคิดครับ และบางทีก็คิดมากด้วย แต่ไม่ได้ไปผิดลูกเมียใครนะครับ แสดงว่าต้องงดไปเลยใช่ไหมครับหมายถึงงดยุ่งเกี่ยวทุกทางที่เกี่ยวกับกาม ไม่ยุ่งเลยใช่ไหมถึงจะได้ ผมจะพยายามลองวิธีนี้ดูครับ ขอบคุณครับ แล้วจะแจ้งข่าว
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แล้วความคาดหวังของคุณคืออะไร? อย่างไรจึงเรียกว่าก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมหนอ
     
  18. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    ความเห็นส่วนตัวนะครับ
    ไม่มีหรอกที่ไม่ได้อะไรเลย จริงๆน่าจะได้อะไรหลายๆอย่าง เพียงแต่คุณอยากให้เหมือนคนอื่นเขา ด้วยคิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เหมือนที่คนอื่นเขาบอกเขาเล่ากัน ลองทำให้ถึงที่สุดทำจริงๆรึยังครับ คนเราถ้าไม่มีกรรมหนักมากจริงๆมันก็มีได้กันบ้าง แต่ละคนได้มากได้น้อยไม่เท่ากันครับ ไม่ต้องเสียกำลังใจครับ คุณควรจะดีใจมากกว่านะผมว่า ลองมองดูคนอื่นๆรอบๆตัวคุณครับ แล้วลองทบทวนดู
     
  19. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ผมว่ามันน่าจะเป็นคนที่ใจเย็นลงบ้าง สบายใจไม่เครียดไม่วุ่นวายกับเรื่องที่เข้ามากระทบจิตใจ ผ่านมาแล้วก้ผ่านไป ถึงจะมีบ้างก็บางครั้ง ทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ขอให้มีสบายใจบ้าง เวลาสงบบ้าง เข้าสมาธิได้บ้าง ประมาณนี้ครับ
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เล่าให้ฟังได้ไหมคะ ว่าการปฏิบัติของคุณที่ทำอยู่ทุกวันนี้คุณทำอย่างไรบ้าง จะได้แนะนำได้ถูกทางต่อไปค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...