ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    อาจารย์ยอด : บวชเสียผ้าเหลือง [กรรม]

    อาจารย์ยอด
    95,961 views Dec 2, 2021
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ลำดับการให้ผลของกรรมมี ๔ อย่างคือ

    ๑. ครุกกรรม ๒. อาสันนกรรม ๓. อาจิณณกรรม ๔. กตัตตากรรม

    ๑. ครุกกรรม คือกรรมหนักมาก สามารถให้ผลแก่บุคคลผู้เป็นเจ้าของกรรมในช่าติที่ ๒ คือชาติหน้า กรรมอื่นๆไม่สามารถกางกั้นการให้ผลของครุกกรรมนี้ได้

    ครุกกรรมแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือครุกกรรมฝ่ายอกุศล และฝ่ายกุศล

    ครุกกรรมฝ่ายอกุศลได้แก่ ฝ่ายชั่ว ฝ่ายบาป ย่อมทำให้ปฏิสนธิในทุคติภูมิในชาติต่อไปอย่างแน่นอน คือไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ได้แก่สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เดียรัจฉาน ภูมิใดภูมิหนึ่ง

    ครุกกรรมฝ่ายกุศลได้แก่ ฝ่ายดี ฝ่ายบุญ ย่อมให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิในชาติต่อไปได้อย่างแน่นอน ก้อนกรวดและก้อนเหล็กเมื่อโยนลงในน้ำ ย่อมเที่ยงแท้ต่อการจมลงใต้น้ำฉันใด ครุกกรรมย่อมเที่ยงแท้ต่อการส่งผลให้ปฏิสนธิในภพชาติที่ ๒คือชาติหน้าได้ฉันนั้น

    ๒. อาสันนกรรม คือการกระทำสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ไม่ดีในเวลาที่ใกล้จะตาย หรือการระลึกถึงสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ในเวลาที่ใกล้จะตาย

    อาสันนกรรมแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือฝ่ายอกุศล และฝ่ายกุศล

    อาสันนกรรมฝ่ายอกุศล คือการกระทำที่ไม่ดี หรือระลึกถึงความชั่วความไม่ดีในเวลาใกล้ตาย

    อาสันนกรรมฝ่ายกุศล คือการกระทำที่ดี หรือระลึกถึงความดีที่เคยทำไว้ในเวลาใกล้ตาย

    ๓. อาจิณณกรรม (พหุลกรรม) คือการกระทำสิ่งที่ดีและไม่ดีอยู่เสมอๆเป็นอาจิณ สั่งสมสิ่งที่ดีและไม่ดีไว้ในสันดานของตนมากๆ หรือแม้แต่ทำกุศลหรืออกุศลไว้เพียงครั้งเดียว แต่ระลึกถึงบ่อยๆเสมอๆ ที่เป็นกุศลก็สร้างความโสมนัสยินดีให้เกิดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึง ที่เป็นอกุศลก็สร้างความเดือดร้อนใจให้เกิดขึ้น อาจิณณกรรมนี้จัดว่าเป็นกรรมที่มีกำลัง เพราะทำซ้ำบ่อยๆ ระลึกถึงบ่อยๆ ย่อมสามารถแซงคิวกรรมอื่นที่อ่อนกำลังกว่าตน แล้วอาจิณณกรรมนี้ก็ทำหน้าที่ส่งผลปฏิสนธิได้

    ๔.กตัตตากรรม คือกรรมที่สักว่ากระทำไว้ หมายเอากุศลกรรมและอกุศลกรรม ที่สัตว์บุคคลได้กระทำมาแล้วในชาติก่อนๆอย่างหนึ่ง (หมายถึงเศษกรรมที่หลงเหลือจากภพอื่นๆ) และหมายเอากุศลกรรมและอกุศลกรรม ที่สัตว์บุคคลพากันกระทำในชาตินี้ ที่ไม่เข้าถึงความเป็น ครุกกรรม อาสันนกรรม และอาจิณณกรรม เป็นกรรมที่กระทำโดยธรรมดา ผู้กระทำไม่มีเจตนาที่หนักแน่น อีกทั้งสิ่งที่กระทำก็มิใช่เนื้อหาสำคัญที่จะทำ

    กตัตตากรรม คือกรรมที่นอกเหนือไปจากครุกกรรม อาสันนกรรม อาจิณณกรรม ซึ่งบุคคลทำไปด้วยอำนาจความไม่รู้ตัวหรือเผลอ ย่อมจะมีวิบาก(ผลกรรม)เกิดขึ้น เหมือนไม้แห้งถูกคนขว้างไป ย่อมลอยเปะปะไปตกที่ใดที่หนึ่งได้ฉันใด กตัตตากรรมก็ฉันนั้น ถ้ากรรม ๓ อย่างนั้นไม่มี กตัตตากรรมก็ให้วิบากในภพหน้า ภพใดภพหนึ่ง ถ้าครุกกรรมมี ครุกกรรมย่อมให้ผลปฏิสนธิก่อน ถ้าครุกกรรมไม่มี อาสันนกรรมก็จะให้ผล ถ้าอาสันนกรรมไม่มี อาจิณณกรรมก็จะให้ผล ถ้าอาจิณณกรรมไม่มีอีก กตัตตากรรมจึงจะให้ผลปฏิสนธิ

    (ที่มา พระไตรปิฎก)
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ไม่มีอะไรเหนือกรรม เพลงธรรมะ ชุด ฝากไว้เป็นคติแก่โลก ขับร้องโดยศิลปิน ฝน ธนสุนทร

    อารมณ์ดี สุขสงบ
    14 views Dec 5, 2021
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ประวัติพญามาร
    มารที่มาผจญพระพุทธเจ้าในคราวออกผนวช และก่อนตรัสรู้ ซึ่งมีนามว่า พญามารวสวัตตีมาร เป็นเทวปุตตมาร ดังมีประวัติความเป็นมาดังนี้ (นักปราชญ์บางท่านตั้งข้อสังเกตว่า มารที่มาผจญพระพุทธเจ้า 2 ครั้งนี้ น่าจะหมายถึงกิเลสมาร)


    จักขอกล่าวถึงบรมโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง ซึ่งขณะนี้ประทับอยู่ ณ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตสวัตตีภาคหมู่มาร พระบรมโพธิสัตว์พระองค์นั้น ก็คือพญาเจ้าฟ้าแห่งหมู่มารนั่นเอง สังเขปประวัติการสั่งสมพระบารมี
    เพื่อพระปรมาภิกเษกสัมโพธิญาณของท่านพญาเจ้าฟ้าหมู่มารนั้น ปรากฏมีในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ดังต่อไปนี้
    พญาวสวัตตีมาราธิราช ซึ่งบัดนี้เป็นประธานาธิบดียิ่งใหญ่ในภาคหมู่มาร แห่งปรนิมมิตวสวัตตีสรรค์นี้ (สวรรค์ชั้นสูงสุดคือชั้นที่ 6) เป็นพระโพธิสัตว์ได้ทรงก่อสร้างพระบารมีเช่นทานศีลเป็นอาทิมามากต่อมาก แต่กองพระบารมีอันหนึ่ง ซึ่งปรากฏยอดเยี่ยมกว่าพระบารมีทั้งหลายเรียกว่าปรมัตถบารมีควรที่จะยังพุทธสมบัติให้สำเร็จ ก็คือพระบารมีที่สร้างแต่ครั้งอดีตกาลนับเป็นอสงไขย (กล่าวคือใน) สมัยที่สมเด็จพระพุทธกัสสปะทศพลญาณบรมโลกุตมาจารย์ทรงอุบัติขึ้นในโลก พญามาราธิราชผู้นี้เกิดเป็นมนุษย์ มีนามว่า โพธิอำมาตย์ ดำรงตำแหน่งอรรคมหาเสนาบดีของพระเจ้ากิงกิสสะมหาราช เป็นที่โปรดปรานไว้วางพระราชหฤทัยหนักหนา


    กาลวันหนึ่งพระเจ้ากิงกิสสะมหาราช ผู้มีพระทัยเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา ได้ทรงทราบว่าสมเด็จพระกัสสปะสัพพัญญูเจ้า ทรงเข้านิโรธสมาบัติ เสวยวิมุตติสุขอยู่คำรบ ๗ วัน ณ ภายใต้ต้นไทรใหญ่ และใกล้จะออกจากนิโรธอยู่แล้ว จึงทรงพระราชดำริว่า “พระมหากรุณาธิคุณเจ้าเสด็จออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ถ้าผู้ใดได้ถวายทาน จักบังเกิดผลานิสงส์ผลบุญมหาศาลล้ำเลิศ


    บัดนี้เราจักถวายท่านแด่พระองค์” แล้วจึงทรงให้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศแก่ชาวเมืองทั้งปวงว่า“ถ้าบุคคลผู้ใด ลอบไปถวายทานแด่สมเด็จพระพุทธเจ้าก่อนเราแล้ว เราจักให้ลงอาญาแก่ผู้นั้น” แล้วตรัสสั่งให้ตั้งกองรักษาการณ์ที่ใกล้ต้นไทรใหญ่บริเวณพระวิหารไว้อย่างกวดขัน หากผู้ใดล่วงละเมิดพระราชกฤษฎีกาแล้ว ก็ให้จับตัวไปประหารชีวิตเสีย


    ท่านโพธิอำมาตย์ แม้ได้ทราบพระราชกฤษฎีกาก็ยังมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะถวายทานแด่สมเด็จพระผู้มีพระภาค มิได้อาลัยในชีวิต พอรุ่งเช้าจึงถือเครื่องไทยทานของตนกับภรรยารวมเป็น 2 ห่อ ตรงไปยังวิหาร พวกรักษาการณ์เห็นเช่นนี้ จึงถามด้วยความคารวะว่า “ข้าแต่ท่านเสนาบดี ! เหตุใดท่านจึงฝ่าฝืนพระราชกฤษฎีกาที่ทรงห้ามไว้” ท่านอำมาตย์ได้ฟังแล้วดำริว่า“ถ้าเราจักบอกแก่เจ้าพวกนี้ ด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จว่าพระเจ้าแผ่นดินรับสั่งใช้ให้อาราธนาพระพุทธเจ้าเข้าไปในวังก็จะได้อยู่ แต่ทว่าหาควรที่เราจะกล่าวคำมุสาวาทไม่
    เมื่อเราตั้งใจจะถวายทานแก่องค์พระโลกนาถเจ้า แต่กล่าวคำมุสาวาทแล้ว ทานของเราก็จักมีผลไม่ยิ่งใหญ่ ควรที่เราจะบอกตามความเป็นจริง แม้จักตายก็ตามทีเถิด เราหาอาลัยชีวิตไม่” แล้วจึงบอกไปว่า “เราจะเข้าไปถวายทานแด่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า” พวกทหารจึงจับท่านเสนาบดีมัดมือไพล่หลังนำไปถวายพระราชาเพื่อให้ทรงพิจารณาโทษ พระราชาทรงพระพิโรธเป็นอันมาก รับสั่งให้นำตัวไปตัดศีรษะประหารชีวิตเสียทันที

    สมเด็จพระชินสีห์สัพพัญญูกัสสปะพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาแก่โพธิเสนาบดี จึงเนรมิตพระพุทธนิมิตให้สถิตอยู่แทนพระองค์ในพระวิหารใหญ่ ส่วนพระองค์เสด็จปาฏิหาริย์ไปประดิษฐาน ณ สถานที่ประหารท่านเสนาบดี ไม่มีผู้ใดเห็น จะเห็นได้แต่เฉพาะเสนาบดีผู้เดียว แล้วมีพระพุทธฎีกาว่า“ดูกรโพธิเสนาบดี ! ท่านจงมีศรัทธา อย่าได้อาลัยในชีวิต อันเครื่องไทยทานของท่านมีประการใด ท่านจงกระทำจิตให้เลื่อมใสในตถาคตเถิด”

    โพธิเสนาบดีได้สดับพระพุทธฎีกาแล้ว ก็บังเกิดความเลื่อมใสสุดหัวใจ จึงนำห่อภัตตาหารทั้งของตนกับภรรยาอัญชลีน้อมเกล้าเข้าถวายแด่องค์พระกัสสปะสัพพัญญูเจ้า โดยคารวะเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง แล้วจึงตั้งปณิธานว่า“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง! ชีวิตของข้าพระบาทก็ได้สละแล้วในครั้งนี้ ด้วยเดชะผลทานนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพระบาทได้ตรัส(รู้)เป็นพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกับพระองค์ ในอนาคตกาลโน้นเถิด”
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    (cont.)
    สมเด็จพระกัสสปะพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณายกพระหัตถ์ขึ้นลูบศีรษะท่านเสนาบดี แล้วทรงพยากรณ์ว่า “ท่านปรารถนาสิ่งใด ความปรารถนาของท่านจงพลันสำเร็จเถิด…..ดูกรท่านเสนาบดี ! ท่านจงตั้งมั่นไว้ในใจด้วยดีเถิด ในอนาคตเบื้องหน้าโน้น ท่านจักได้อุบัติเกิดเป็พระพุทธเจ้า ได้ตรัส(รู้)แก่พระปรมาภิกเษกสัมโพธิญาณพระองค์หนึ่ง” เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารช้านานนักหนา มาในชาตินี้บังเกิดเป็นเจ้าแห่งหมู่มาร(มีอายุเก้าร้อยยี่สิบเอ็ดโกฏิหกล้านปี) ในชั้นปรนิมมิตวสวัตตีด้วยอำนาจบุญนำกรรมแต่ง (แต่)เพราะยังอยู่ในห้วงแห่งกิเลสเหตุยังเป็นปุถุชน จึงเกิดความเห็นสับสนวิปริต มีจิตคิดแข่งดีใคร่ทดลองบารมีสมเด็จพระบรมศาสดาสมณโคดมของเรา เฝ้าตามประจญด้วยประการต่างๆ แต่มิได้ล่วงเกินทำบาปหนักประการใด สุดท้ายภายหลังมีความเศร้าเสียใจอย่างหนัก ถึงกับออกปากเอ่ยความปรารถนาพุทธภูมิซ้ำอีกครั้งหนึ่ง.


    (จากหนังสือโลกทีปนี รจนาโดยท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดดอน และเจ้าคณะเขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร)
    :- https://phatcharinpae.wordpress.com/tag/ประวัติพญามาร/
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    คัดลอกจากเรื่องเล่าของ ยรรยง สินธุ์งาม


    ในสวรรค์ชั้นปรนิมิตวสวัตดี เป็นสวรรค์ชั้นที่ 6 ชั้นสูงสุด ปรนิมมิตวสวัตดี แปลว่า เทวดาผู้เป็นอิสระ เป็นผู้ควบคุมการเนรมิตรของผู้อื่น หรือจะเนรมิตร เองก็ได้ สวรรค์ชั้นนี้ ประเสริฐสุขกว่าทุกชั้น ที่สำคัญสวรรค์ชั้นนี้ มีผู้เป็นใหญ่ 2 องค์ คือ ท้าวปรนิมิตวสวัตตีเทวราช เป็นใหญ่ฝ่ายเทพยดา และพระยามาราธิราช เป็นใหญ่ฝ่ายมาร เป็นสวรรค์ชั้นเดียวที่ เป็นที่อยู่ ของเทวบุตร และ เทวมาร และพระยามารที่จะกล่าวถึง ก็คือ เทพบดี ฝ่ายเทวมาร คือ พระยามาราธิราช นี่แหละ ที่บรรดาผู้ที่จะกระทำความดีใดๆ ก็มักจะกล่าวอ้าง เมื่อตนทำอะไรแล้ว ไม่สำเร็จ ว่า เป็นเพราะ มาร มาผจญ ผู้ที่จะทำสมาธิ ก็กล่าวอ้าง ให้ระวัง “มาร” เข้าแทรก
    คำพูดที่กล่าวมาในทำนองนี้ ฟังแล้ว ดูจะไม่สมเหตุสมผล จึงได้ค้น เรื่อง พระยามาร บางทีก็เขียนเป็น พญามาร ซึ่งมีข้อมูลเบื้องต้น ดังจะเสนอต่อไปนี้


    1. พระยามาร เป็นเทพบดี ฝ่ายเทวมาร อยู่บนสวรรค์ ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ชื่อว่า ปรนิมมิตวสวัตดี มีชื่อว่า พระสหัสพาหุ หรือ พระวสวัตตีมาร หรือ พระยามาราธิราช ที่เรียกกันทั่วไปว่า พระยามาร
    บนสวรรค์เรียกท่านว่า ท้าวมาลัย
    2. เคยห้ามเจ้าชายสิทธัตถะออกบวช


    169836.jpg


    พระยามารปรากฎกายเพื่อห้ามเจ้าชายสิทธัตถะออกบวช ภาพโดย ครูเหม เวชกร


    3. เคยส่ง ธิดาพระยามาร มาขัดขวาง พระพุทธเจ้าเมื่อครั้นอดีต


    169840.jpg


    ธิดาพญามาร มาร่ายรำ ยั่วยวน พระพุทธเจ้า ภาพโดย ครูเหม เวชกร


    4. ตัวเองได้ยกพลเต็มอัตราศึก เพื่อมาขัดขวางการบำเพ็ญเพียรของ พระพุทธเจ้า การมาครั้งนั้น เป็นศึกที่ต้องจารึก ในประวัติศาสตร์ จนได้เกิด พระปางมารวิชัย หรือ ปางสะดุ้งมาร ที่เป็นรูปพระพุทธเจ้านั่งสมาธิมี มือข้างขวา วางอยู่ที่เข่าขวา


    169842.jpg


    กองทัพพระยามาร มุ่งเข้าทำร้าย พระพุทธเจ้า ภาพโดย ครูเหม เวชกร


    ในที่สุดพระยามาร ก็ขอยอมแพ้ และได้กล่าวคำว่า “นโม” เป็นครั้งแรก ซึ่ง แปลว่า “ขอนอบน้อม” หรือ “ยอมแล้ว” พระยามาร ยอมรับการมาก่อนของพระพุทธเจ้า อย่างแท้จริง และต่อมาเมื่อได้สนทนาธรรม ยิ่งเกิดความเลื่อมใส จนได้ขออนุญาต เพื่อบำเพ็ญเพียรเป็น พระพุทธเจ้า ต่อไปในอนาคต.
    :- https://phatcharinpae.wordpress.com/tag/ประวัติพญามาร/
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ทศพิธราชธรรม
    ทศพิธราชธรรม หรือ ราชธรรม 10 คือจริยวัตร 10 ประการที่พระเจ้าแผ่นดินทรงประพฤติเป็นหลักธรรม ประจำพระองค์ หรือเป็นคุณธรรมประจำตนของผู้ปกครองบ้านเมือง ให้มีความเป็นไปโดยธรรมและยังประโยชน์สุขให้เกิดแก่ประชาชนจนเกิดความชื่นชมยินดี ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้จำเพาะเจาะจงสำหรับพระเจ้าแผ่นดินหรือผู้ปกครองแผ่นดินเท่านั้น บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้บริหารระดับสูงในทุกองค์กรก็พึงใช้หลักธรรมเหล่านี้
    คำบัญญัติ
    ทศพิธราชธรรม เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ราชธรรม 10" นี้ ปรากฏอยู่ในมหาหังสชาดก พระสูตร ขุททกนิกาย ชาดก ปรากฏพระคาถา

    ทานํ สีลํ ปริจฺจาคํ อาชฺชวํ มทฺทวํ ตปํ

    อกฺโกธํ อวิหึสญฺจ ขนฺติญฺจ อวิโรธนํ.

    ขุ.ชา.28/240/86
    • ทาน (ทานํ) คือ การให้
    • ศีล (สีลํ) คือ ความประพฤติที่ดีงาม ทั้ง กาย วาจา และใจ
    • บริจาค (ปริจาคํ) คือ การเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อความสุขส่วนรวม
    • ความซื่อตรง (อาชฺชวํ) คือ การสุจริตต่อหน้าที่การงานของตน ต่อมิตรสหาย ต่อองค์กรหรือหลักการของตน
    • ความอ่อนโยน (มทฺทวํ) คือ การมีอัธยาศัยอ่อนโยน
    • ความเพียร (ตปํ) คือ ความเพียรพยายามในการทำความสุขเพื่อส่วนรวม
    • ความไม่โกรธ (อกฺโกธํ) คือ การไม่แสดงอาการโกรธ
    • ความไม่เบียดเบียน (อวิหิงสา) คือ การดำเนินชีวิตไปตามทางสายกลาง การผลิต การบริโภคที่สมดุลโดยไม่เน้นประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันแย่งชิงจนเป็นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นและทำลายสิ่งแวดล้อม
    • ความอดทน (ขนฺติ) คือการรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนาหรือไม่พึงปรารถนาก็ตาม มีความมั่นคงหนักแน่นไม่หวั่นไหว
    • ความเที่ยงธรรม (อวิโรธนํ) คือ ความหนักแน่น ถือความถูกต้อง เที่ยงธรรมเป็นหลัก
    ประวัติ

    ในอดีตมีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงเป็นตัวอย่างของคุณธรรมสิบประการของผู้ปกครองคือพระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ. 239-พ.ศ. 311) ซึ่งปกครองอินเดียมา 41 ปี ในช่วงต้นของรัชกาลทรงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ชนะการต่อสู้หลายครั้งและยังคงขยายอาณาจักรอินเดียในช่วงแปดปีแรกของการครองราชย์ของพระองค์ หลังจากการสู้รบอย่างนองเลือด ครั้งหนึ่งกษัตริย์ได้ทรงเล็งเห็นชัยชนะของกองทัพของพระองค์และได้ทรงเห็นการสังหารรอบ ๆ พระองค์อย่างมีชื่อเสียงแล้วทรงตรัสออกมาว่า "ข้าฯได้ทำอะไรไปแล้ว?" ต่อจากนั้นเขาเลื่อมใสพระพุทธศาสนา เป็นที่รู้จักในนาม 'ธรรมาโศก' หรือ "อโศกผู้ถือธรรมะ" พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการโปรดสัตว์ มีการสร้างโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยเพื่อให้ผู้คนและสัตว์ และสร้างระบบชลประทานเพื่อการค้าและการเกษตร พระราชายังสละการใช้ความรุนแรงยุติการสู้รบทางทหารกับเพื่อนบ้านของพระองค์แทนที่จะส่งพระภิกษุและแม่ชีไปต่างประเทศเพื่อเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับภูมิปัญญาและความเมตตา อันที่จริงพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชที่เป็นพระภิกษุและภิกษุณีพาพระพุทธศาสนาไปยังศรีลังกาซึ่งยังคงเป็นความเชื่อที่โดดเด่นมาจนถึงทุกวันนี้ นี่ไม่ได้เป็นการบอกว่าพระองค์ทรงส่งเสริมพระพุทธศาสนาด้วยพระราชทรัพย์ของศาสนาอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในขณะที่พระองค์ยังทรงสนับสนุนความอดทนและความเข้าใจระหว่างลัทธิต่าง ๆ และกลุ่มชาติพันธุ์ พระอโศกมหาราชนั้นเป็นที่จดจำของบรรดาพุทธศาสนิกชนและผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเหมือนเป็นตัวอย่างของผู้ปกครองที่มีความเห็นอกเห็นใจและความยุติธรรมผู้ซึ่งอาศัยอยู่ตามคุณธรรมของผู้ปกครองทั้งสิบประการ
    :- https://th.wikipedia.org/wiki/ทศพิธราชธรรม
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    คนชาติหมา

    Ethereum CEO
    8,322 views Jan 14, 2022

     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    สมภารตกนรก

    หลวงตา
    3,343 views Jan 21, 2022
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    อาจารย์ยอด : สองเกลอสองกรรม [กรรม]

    อาจารย์ยอด
    44,298 views Feb 21, 2022
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,997
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043

แชร์หน้านี้

Loading...