ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

แล้วเสียงกระซิบที่สิงห์เริ่มหลงลืมไปแล้ว ก็เอ่ยเบาๆขึ้นที่ข้างหู เสียงหวีดหวิว
"พ่อเจ้า ภัยจักมาถึงตน ธนูไฟจะลงมาปานห่าฝน"

สิงห์สะดุ้ง และกดเข่าลงไปที่ข้างต้นคอม้า ไม่กระชากบังเหียน ม้ายังควบไปอีก คอม้าก้มต่ำลงอย่างรวดเร็ว ขบวนม้าด้านหน้าไม่หยุด แต่แปรขบวนอย่างรวดเร็ว ม้าของทหารองครักษ์ ควบขึ้นไปเป็นวงรอบ ม้าของเจ้าหอหน้า และพระอนุชา การควบม้าไม่ได้ลดความเร็ว เพียงแต่แปรขบวนเท่านั้น มีม้าสองตัว ควบชะลอลง พร้อมขึ้นลำธนูรอ สิงห์ให้อัศจรรย์ใจกับการแปรขบวนม้า แล้วเสียงคนผิวปาก วิ้ด ก็ดังแหวกอากาศขึ้นมา ตามด้วยลูกธนูไฟ ที่ร่วงลงมาราวกับห่าฝน

 

ธนูไฟเห็นชัดในยามค่ำคืน แต่ที่เห็นชัดกว่า คือแสงดาบน้ำพี้ขาววาววับราวกับแสงจันทร์ งดงาม และมีแสงนวล ดาบที่ตวัด ตัดลูกธนู ขาดกระเด็นเป็นสองท่อน ที่ทำให้ติดตาต้องใจสิงห์ที่สุด คือ กระบวนม้า ที่ควบเหมือนสลับตำแหน่งหมุนวน จนตอนนี้สิงห์ไม่รู้แล้วว่าเจ้าหอหน้า และพระอนุชาอยู่ที่ใด แล้วสิงห์ก็เห็นการแปรกระบวนของม้า เหมือนเป็นแถวคู่ แล้วแหวกไปซ้ายขวา (สกุณาแหวกรัง) ตลบกลับไป เพื่อหาพลธนู ที่ลอบสังหาร

 

เสียงดาบแหวกอากาศ พลธนูบางคนร่วงหล่นจากต้นไม้ ด้านบน ทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
เสียงม้าควบลงมาจากเนินด้านข้างพร้อมเสียงโห่ร้อง เหล่าผู้ลอบสังหารโพกผ้าเหลือแต่ลูกตาวาววับในความมืด

การตะลุมบอนจึงเกิดขึ้น

 

พวกสิงห์ตามมาท้ายขบวน พวกมันมีมากกว่าเกือบเท่าตัว ส่วนหนึ่งเมื่อเห็นพวกสิงห์ก็แปรขบวนเตรียมเข้าโจมตี
สิงห์นั้นในเวลาเพียงควบม้าตาม ก็คิดเห็นกลยุทธ์ที่พวกลอบสังหารทำแผน ก็ทราบได้ทันทีว่าไม่ใช่พม่า ไม่ใช่โจร
แต่คือพวกกบฏที่ลอบสังหารเจ้าหอหน้า เป็นกลยุทธ์กองโจร ของทหาร

ในใจก็ให้คลั่งแค้น กับไอ้พวกเนรคุณ ทรยศแผ่นดิน

ความโหดเหี้ยมเป็นพื้นเดิมในจิต ความโกรธราวกับไฟสุมใจ ดวงตาวาบวับ
สิงห์กระชากผ้าโพกหน้าออก ทองกับเข้มก็เข้าใจทันที รีบสะบัดผ้าโพกหน้าออก เพื่อลงไปตะลุมบอน
ให้รู้ว่าใครเป็นใคร พระอนุชาหันมาเห็นในสายตา มือที่ว่างก็กระชากผ้าออกทันที แล้วศตรูก็ต้องหลบซ่อน ทหารทุกคนของเจ้าหอหน้า สะบัดผ้าออกทันที

 

ม้าที่กรำศึกมานาน ก็เหมือนทหาร ยอดขุนพล ที่สู้ร่ม แม้จะถล่มด้วยไฟ
ยกมาด้วยไพร่พลที่มากกว่า ก็มิได้ทำให้คิดจะถอยหรือตื่นตระหนก กับเป็นแรง
กระตุ้นให้ใจฮึดสู้ และยิ่งมีจอมทัพอันเกรียงไกร มีเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายในทัพ แม้ตัวตายกูก็จะไม่ถอยแม้เพียงก้าวเดียว

สิงห์เห็นเจ้าหอหน้า เปิดหน้าออก เหล่ากบฏ ต่างพุ่งเป้าไปที่พระองค์ทันที

 

ดาบห้าเล่ม กบฏห้าคน รุมพระองค์ดำ สิงห์ตกใจ พวกองครักษ์อื่น ต่างก็โดนรุม

เสียงพระอนุชาตะโกนว่า เจ้าพี่

เจ้าหอหน้ากระโดดขึ้นบนหลังม้า แล้วกระโดดหมุนตัวลง ตวัดดาบบั่นคอกบฏพร้อมกันทีเดียวสองคน ดาบคู่ของท่านช่างดุดันนัก
เจ้าหอหน้า พระพักตร์ เต็มไปด้วยเลือดของกบฏที่เด็ดหัว เสียงร้องด้วยความคลั่งแค้นของพระองค์ ตะโกนกึกก้อง
สิงห์เห็นตั้งแต่ที่ท่านกระโดดขึ้น จึงควบม้าตรงดิ่งเข้าไป ไปรอจุดที่ท่านจะหมุนตัวลง
เจ้าหอหน้าเห็นการ จังหวะที่หมุนตัวลง ท่านก็ลงกระโดดลงไปควบคู่กันบนม้ากับสิงห์ (เหมือนเป็นเงาของกันและกัน)

ศึกบนหลังม้า หากเพลี่ยงพล้ำ ศตรูได้อยู่บนหลังม้าสูงกว่าเรา ก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว

 

สิงห์เหมือนรู้ใจเจ้าหอหน้า แทนที่จะชักม้าออกจากการตะลุมบอน กลับควบม้า
เข้าไปกลางวงข้าศึก เจ้าหอหน้าให้ชอบใจในการกระทำของน้องนัก
แล้วสิงห์ก็เล็งไปที่กบฏคนหนึ่ง สิงห์ตวัดดาบลงล่างแล้วตวัดขึ้นอย่างรวดเร็ว หัวมันกระเด็นหลุด ลงไปกลิ้งที่พื้น
สิงห์ยกเท้าข้างนึงถีบร่างไร้วิญญานและไร้หัว แล้วจับบังเหียนม้าของมันไว้ กระชากจนม้าหน้าทิ่ม หยุดชะงัก แล้วกดสีข้างม้าต้น
ให้พุ่งไปขนานกับม้าตนนั้น เจ้าหอหน้าเข้าใจทันที กระโดดไปควบม้า ของกบฏที่ไร้ร่างคนขี่ แล้วตวับดาบฟาดฟัน
พวกกบฏ จนพวกมันตายสิ้น

สองใจรวมเป็นหนึ่ง เข้าใจกลยุทธ์โดยไม่ต้องเอ่ย ไม่ต้องซักซ้อม
หากเป็นข้าก็จักทำเยี่ยงเจ้า

 

พระอนุชาควบม้ามาสมทบ ขุนพล องครักษ์ เข้มและทอง ก็จัดการพวกกบฏจนสิ้นซาก ที่เหลือจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว มีบางคนพยามชักม้าหนี แต่ก็โดนล้อมกรอบ จนหมดสิ้นหนทาง

 

จบศึกเล็ก เหลือศึกใหญ่อยู่ภายภาคหน้า

ปล.หวังว่าคงพอใจนะจ๊ะ ทุกท่าน อยากให้มันฉายเป็นภาพได้นะ มันมันส์มากกกกกกกก ท่านทรงเก่งมากๆ โดยเฉพาะตอนกระโดด

 

เสียงนี้มาแสดงว่างาน้เข้า

 

คิดฮอดๆๆ......แม่หมอ
พักผ่อน บ้างงงงง...ทั้งภายใน ภายนอก
เพื่อ....สติมาปัญญาเกิด สติเตลิด..ก้อไม่เกิดปัญญา
....รักษาสุขภาพ ด้วยจร้า

 

นายจาตุรงค์ คงทะ
ร่วมทำบุญ ศาลาการเปรียญ วัดเมืองยาง จ.บุรีรัมย์ 100 บาท

ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลผลบุญที่ได้กระทำแล้วในครั้งนี้
ขออุทิศบูชาแด่คุณพระพุทธ
คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ที่แผ่พระบารมีในหมื่นโลกธาตุ แสนโกฎิจักรวาลนี้

ขออุทิศแด่บิดา มารดา ญาติ สหาย และผู้มีพระคุณของข้าพเจ้าที่ล่วงลับไปแล้วทุกชาติ

แด่พระสยามเทวาธิราข และบุรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์
แด่ท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่ และเทพ พรหม ทุกสวรรค์ชั้นฟ้า

แด่พญายมราชทุกพระองค์ แด่นายนิรยบาลทุกตน

แด่อมนุษย์ทุกตนและแด่ดวงวิญญาณทุกดวง ที่สถิตย์อยู่ ณ ที่นี้ก็ดี
ที่พักอาศัยของข้าพเจ้าก็ดี หรือในสถานที่ทั่วไป

แด่เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทั้งในชาตินี้ และในอนันตชาติที่ผ่านมา

ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้ โปรดตั้งจิตให้เป็นกุศล
และร่วมอนุโมทนาในส่วนบุญที่ข้าพเจ้าได้อุทิศแล้วนี้

ขออนุภาพแห่งบุญนี้จงมีผลมาก มีอานิสงส์ไพศาล จงบังเกิดแด่
ท่านทั้งหลายเหล่านี้ นั้บตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเถิด

พุทธประสิทธิ์ ธรรมประสิทธิ์ สังฆประสิทธิ์

 

ช่วงบนพอได้จากคอขึ้นไป แต่ช่วงล่างลงมายังมีช่องโหว่อยู่
เป็นอะไรยังไงก็ลองอ่านดูก่อน พอขำๆ...

ไปใช้ญาณวิถี..แล้วตัวเองเป็นแบบอภิญญาจิตภายใน
ที่รวมการรับรู้เรื่องพลังงานไปในตัว พลังงานตรงนี้ที่มา
ตามแนวกระดูกสันหลังมันไปหมุนรวมกันเพื่อ
หนุนญานวิถีที่ตนเองใช้..ข้อดีคืออยู่ภายใต้การควบคุม
ของข้างบนตลอดเวลาที่ใช้เกี่ยวกับเรื่องการรับรู้จากภายใน..
และก็ทำให้สายตาพิเศษดีกว่าปกติทั่วๆไป...

แต๋ว่าๆๆๆๆ ในเวลาปกติทั่วๆไปตัวจิตมัน บ่ คลายตัว
มีกระแสวิบาก(กระแสจรหรือกระแสที่วนเข้ามาเรื่อยๆ)
เรื่องอะไรก็คงจะทราบดีเนาะ..ไอ้กระแสจรนี่หละ..
วิ่งมาวนหมุนไปหมุนมาอยู่รอบๆจิต
แล้วมันหมุนแบบเหวี่ยงด้วย
มันเลยเสมือนว่า เป็นตัวดึงกระแสภายนอกต่างๆ
ได้ดีอย่างที่เราคาดไม่ถึง...ก็เลยส่งผล
ทำให้มีกระแสตกค้างตามตัว ที่แขนค้างทั้ง ๒ แขน
แถมลามปามมาค้างพิเศษตรงหัวไหล่อีก
ที่ขาก็หนักบริเวณหน่องและก็ข้ามๆมาค้างที่ก้นอีก
ไอ้กระแสที่เหวี่ยงๆวนๆรอบๆจิตนี่หละ มันจิทำให้
ตับอ่อนเรามีปัญหา ที่ค้างๆที่หน่องแล้วลามมาที่ก้น
ก็จะทำให้ช่วงล่างของเรามีปัญหาอีก

ถ้าอยากให้ดีขึ้น มีหลายวิธีสำหรับแก้ไข
ตอนนี้ถ้าจะเอาเบาหวานให้หาย
ให้ไปทายนาหม้อเบอร์ ๔๐ แทนข้าวแทนน้ำ
ทานจนอ๊วกแตก คะระรี่ ขี้แตกไปเลย
๒ หม้อรับรองว่าจะหายน้ำตาลจะกลับเป็นปกติ
แต่ต้องทานหมดภายใน ๒ วันนะ
ที่วัดท่าสองคอน จ.นครพนม ไปหาสืบๆเอา...
อีกวิธี เจาะจงใช้กสิณน้ำสายตรงไปยังตับ..
อย่างน้อย ๕ ครั้งก็จะกลับเป็นปกติ หมายถึง
รักษา ๕ ครั้งไม่ใช่วันเดียว ๕ ครั้งนะ
อีกวิธี ก็ใช้อานุภาพ คือเริ่มต้นด้วยจิตเพื่อขยาย
กำลังบุญแล้วทิ้งจิต และค้างไว้ จะได้นานเท่าไร
ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตน...

แล้วในเวลาปกติ..เวลาที่ใช้จิตเสร็จแล้วให้ไปกรวดน้ำ
อุทิศส่วนกุศลด้วยทุกครั้ง อย่าลืมว่าตนเองมาทางภายใน
การรับรู้แบบนี้มันจะดีกว่าคนอื่นๆเค้า
กระแสภายนอกก็จะรับได้ดีกว่าคนอื่นๆเค้า
เพราะการไปรู้ภายนอกก็คือการไปเชื่อม ไปรับ
กระแสวิบากคนอื่นเค้า แม้ว่าเราจะพอเคลียร์ได้
ยังไงๆ มันก็มีค้างได้ เพราะว่า จิตมนุษย์ไม่มี
ความสามารถคลายตัวไปตลอดเวลา และมี
บารมีมากพอที่จะผลักกระแสได้ตลอดเวลา
ควรทำบุญกรวดน้ำทุกครั้งหลังจากใช้จิต
จนกระทั้งตัวเราคลาย กระะแสรอบๆตัวเราขึ้นตรงๆ
แล้วในเวลาปกติก็ควรวางด้วย ไม่งั้นมันจะจ้อง
แต่จะใช้งานตลอดเวลา ทำให้ติดญานวิถี
อย่างที่คาดไม่ถึง ซึ่งตรงนี้ต้องระวังเพราะว่า
มันเป็นสาเหตุของการเกิดอาการเจ็บป่วยตาม
ร่างกายและโรคร้ายแรงต่างๆตามมานั้นเอง
ถ้าทำได้ตามที่แนะนำ ต่อไปเวลาใช้งานมันจะเบาขึ้น
เป็นอัตโนมัติขึ้นได้เอง จะไม่ตะกุกตะกัก
ติดโน่นติดนี้เหมือนอย่างที่เป็นอยู่แบบปัจจุบัน
ปล.ประมาณนี้..แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง

 

.
เขียน ๒๒.๕๗

เจ๊จารุ รู้ภาษามดป่ะ เค้าว่าไงบ้างอ่ะ ๕๕๕

ศาลาเพิ่งกวาดไปเมื่อตอนเย็น พอค่ำก็มีจารึกดังนี้ ความว่า




คงมีใครทำอะไรหวานๆ ตกลงแถวนี้ล่ะมั้ง นะ
มดถึงมากันตรึม พอเห็นปุ๊บ มันก็ปิ๊ง.แว๊บ
ต้องรีบเอามือถือ มาถ่ายเก็บหลักฐาน
แล้วออกไปนั่งสมาธิ ประจำวัน


พอกลับเข้ามา พวกเค้าก็แปรอักษรใหม่เสร็จแล้ว ๕๕๕
เราดูไป ดูมา ก็มองดูเหมือนว่าจะเป็นรูปพระ รึป่าว
เลยมั่วเอา ว่าเป็นสมเด็จวัดระฆัง มั่วนิ่มเลยอ่ะ
เพราะเคยมีกลอนมนตราถึงกัน โชว์นิดนะ




...(แม้) แหมโชคดี มีพระโปรด ระฆังโฆษ โจษคมอา
ชักชวน มวลมิตรมา ปิดป่าช้า พระขอบิณ
เหตุท่าน ถึงพุทธะ ระฆังจ๋า ข้าได้ยิน
หมู่พระ สามารถบิน แสงส่องสิ้น สุดหยุดทาง


ไม่ได้จะบอกว่าเราถึงพุทธะนะ แต่ไม่รู้ใครเขียนมาให้อ่ะ
เป็นกลอนมนตรารุ่นเดียวกัน กับครั้งก่อน คือสี่ปีล่วง
ชอบเหมือนกัน บทนี้ ท่องทวนหลายรอบอยู่
เห็นหมู่มด แล้วนึกได้ เลยเอามาฝาก


แล้วเบาหวานหนักขึ้นบ้างยัง ได้ผลไม๊น๊า
รอลุ้นอยู่นะ ตื่นเต้นตื่นเต้น รู้ผลยัง
แต่ท่านนพเนี่ย ไม่น่าทำงี้เลย
มาแย่งลูกค้ากันได้ไงน๊า

ไม่รู้ รู้จากไหน ว่าท่านนพไปฝึกวิชา เพิ่มสกิล
มีไรมาโชว์บ้างป่าว เอาเคล็ดเด็ดๆ เลยนะ
แบบมือโปร เค้าโชว์กันน่ะนะ เนอะ
หวงป่าว เปิดให้ดูหน่อยดี๊...


กระต่ายป่า ข้างวัด / ผีเสื้อสื่อสาร ข้ามมิติ
.

 

ฉายเป็นภาพ นี่ ผมว่าสู้การ์ตูนญี่ปุ่น ได้เลยนะ 555

 

ฟิลเตอร์ของพี่จารุ นีดีแฮะ ใช้ ฟอกพลังงานได้อีกต่างหาก

 

เรียน คุณพี่ต่าย เพิ่งได้ทานยาวันแรก เลือกเอาวันพระพอดีค่ะ
ส่วนผลยังไม่ทราบ พรุ่งนี้จะรายงานอีกทีนะคะ ส่วนรสชาติโอเคค่ะ

รูปมดแปลขบวน รูปแรกมองเห็นเป็นไตค่ะ โรคต่อไปที่เจ้ากรรมนายเวรมารอจ่อคิว

ส่วนรูปสอง สมเด็จเห็นเป็นสมเด็จองค์ปฐมค่ะ

วิชาของหลวงพ่อฤาษีเท่านั้น มโนมยิทธิ จะช่วยเราได้

ไม่มีทางให้ลูกหันหลังกลับอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดด้วยเพศไหน ก็ไม่ต่างกัน

 

เรียน ป๋านพ ที่เคารพ ขอบพระคุณที่ห่วงใย หลังๆ จารุชอบใช้ตามที่ท่านพี่บอก

แล้วในเวลาปกติก็ควรวางด้วย ไม่งั้นมันจะจ้อง
แต่จะใช้งานตลอดเวลา ทำให้ติดญานวิถี
อย่างที่คาดไม่ถึง ซึ่งตรงนี้ต้องระวังเพราะว่า
มันเป็นสาเหตุของการเกิดอาการเจ็บป่วยตาม
ร่างกายและโรคร้ายแรงต่างๆตามมานั้นเอง
ถ้าทำได้ตามที่แนะนำ ต่อไปเวลาใช้งานมันจะเบาขึ้น

มันห้ามยากจริงๆ กระแสภายในมันดันตัวออกมามาก

หวังว่า คงไม่ต้องกับถือศีลแปดหรอกนะ ???

ปล.ป๋านพ สุขุมขึ้นเยอะเลย สงบนิ่งเชียว

 

เมื่อก่อนมีผึ้งหลวงมาทำรังที่โรงรถ มันทำรังในตู้กระจกของหัวเตียงเก่าวางทิ้งไว้ วันหนึ่งมันต่อตัวกันบนกระจกเป็นตัวเลข 26 แบบชัดเจน ปรากฏว่างวดนั้นเลขท้ายออก 62 เลยถูกหวย 20 บาทค่ะ

 

เขียน ๒๑.๔๕

สอน คุณน้องจารุ เลือกเอาวันพระ ทานยาเป็นวันแรก ก็ดีจ๊ะ
ส่วนผล จะรอรายงานวันพรุ่งนะ รสชาติไม่รู้ ไม่เคยกินอ่ะ

รูปมดแปลขบวน รูปแรกมองเห็นเป็นไตรึ โรคต่อไปที่เจ้ากรรมนายเวรมาขอแคนเซิ้ลคิวล่ะมั้ง นะ

ส่วนรูปสอง สมเด็จเห็นเป็นสมเด็จองค์ปฐมรึ
เราไม่เห็นรู้จักเลย เป็นองค์สมมุติหรืออย่างไร
แต่เรามั่นใจกะสมเด็จโตมากกว่า ท่านเคยเป็นคน

ไม่เพียงแต่วิชามโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษีเท่านั้น ที่จะช่วยท่านได้
สหพันธ์ฤษีแห่งโลกมนุษย์ ก็มีนะ วิชาเหล่านี้ แจ๋วกว่านี้ก็ยังมี ขอบอก

อืม..แต่ถ้าเราจะหันนะ ไม่ต้องใช้พื้นที่เลย แค่กลับหลังหัน ก็แค่เนี้ย
ส่วนทาง ถ้าไม่มี เราก็สามารถโม้มั่วเมค ขึ้นมาได้ ในพริบตา แจ๋วมะ


กระจกวิเศษ จงบอกข้าเถิด ใครโม้เก่งเลิศ ในจักรวาล หึหึหึ

กระต่ายป่า ข้างวัด / ใคร ที่อยู่อีกฝั่งนึง
.