พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่ะ มาบอกก็ได้ครับ

    เฉพาะพระสมเด็จ(จิ๋ว) บุเงิน เนื้อในเป็นเนื้อวัดระฆัง องค์ผู้อธิษฐานจิตที่เมตตาอธิษฐานจิต มี 2 องค์(ขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งบนบอร์ด)ครับ ส่วนพลังอิทธิคุณดีเยี่ยม(ขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งบนบอร์ดว่า เด่นทางด้านไหน)ครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ พระอาจารย์สา วัดภูเหล่าเงินฮาง (หมู่บ้านศรีสมบูรณ์ ต.หนองทันน้ำ อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี) ท่านได้โทร.มาหาผม ท่านถามผมเรื่องของพระสมเด็จ(เนื้อปัญจสิริ) ว่ายังมีอยู่อีกหรือไม่ ก็ได้คุยกับผมนิดหน่อย พอดีผมอยู่ข้างนอกที่ทำงาน ไม่สะดวกที่จะคุยกับท่าน

    วันนี้ผมได้โทร.ไปหาท่านเรียบร้อย ผมจะถวายพระสมเด็จ(เนื้อปัญจสิริ) ให้พระอาจารย์สา เพื่อที่จะได้มอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญกับวัดภูเหล่าเงินฮาง แต่จะจำนวนกี่องค์ ผมขอไปดูว่า จะจัดส่งอย่างไรไม่ให้พระแตกหักได้

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมว่าจะส่งไปทั้งรุ่นที่ทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี(อธิษฐานจิตและสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2415) และรุ่นที่หลวงปู่อิเกสาโรอธิษฐานจิต (สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2428) ครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ลองเสนอชื่อชมรมกันหน่อยดีไหมครับ

    ผมเองคิดไว้ 2 ชื่อ

    1.ชมรมคณะพระวังหน้า

    2.ชมรมพระวังหน้า

    ส่วนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ คิดเห็นอย่างไร ลองคุยกัน หรือว่า จะขอเสนอชื่อก็ได้

    ผมจะได้นำไปปรึกษาท่านอาจารย์ประถม และพี่ใหญ่ดูครับ

    .
     
  7. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรียนคุณหนุ่ม ผมชอบชื่อแรกครับ "ชมรมคณะพระวังหน้า" และขอเสนอ "ชมรมรักษ์พระวังหน้า" หรือ "ชมรมอนุรักษ์พระวังหน้า" ครับผม
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ท่านอื่นๆ เห็นอย่างไรกันบ้างครับ

    thaxx

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหตุหนึ่งที่สำคัญของการตั้งชมรมให้เป็นรูปธรรมก็คือ การได้ศึกษาพระวังหน้า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาทรงพิมพ์ หรือพลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต ของสมาชิก ซึ่งต้องเห็นพระพิมพ์องค์จริงๆ มีการอธิบายจากท่านผู้รู้จริงๆ ก็คือ ท่านอาจารย์ประถม การนัดพบกันในทุกๆเดือน ก็จะเป็นกิจกรรมหนึ่งของชมรมเช่นกัน ที่จะได้ชมพระพิมพ์องค์จริงๆ และมีการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันครับ

    ในบางครั้งอาจจะขอความเมตตาจากพี่ใหญ่ ที่จะเป็นวิทยากรให้ โดยอาจจะขอไปหาพี่ใหญ่ที่บ้าน ผมจะขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากพี่ใหญ่อีกครั้งในเรื่องนี้ครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 40 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 38 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, sitprogpo </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เย็นนี้ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ไปไหนกันหมดครับ
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ถ้ามีแค่2ตัวเลือกผมชอบ2. ชมรมพระวังหน้า มากกว่าครับ แต่ตามที่คุณ พีสมบัติเสนอมาผมเห็นด้วยกับ "ชมรมรักษ์พระวังหน้า" ครับ
     
  13. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ผมชอบ ชมรมพระวังหน้า (สั้นและกระชับ) ครับ
    หากจะเป็นชื่อทางการแบบยาวๆ ขอเสนอ
    " ชมรมรักษ์พระวังหน้า แห่ง สยามประเทศ "
    ครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

    ท่านอื่นแสดงความเห็นหน่อยครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของพระสมเด็จ top of the top 4

    เดิมผมจะแจกวันงานใหญ่ปลายปี สำหรับชาววังหน้า

    ผมขอเปลี่ยนแปลงเรื่องของการแจกนะครับ

    ผมจะมอบให้กับท่านที่สมัครชมรมพระวังหน้า ที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นนี้

    ส่วนกติกา ก็มีส่วนหนึ่งในการจองล็อกเก็ต จะนำไปไว้ในกติกาการสมัครเป็นสมาชิกชมรมพระวังหน้าด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    "คณะ"กับ"ชมรม" ซ้อนกันอยู่ ไม่เหมาะครับ

    หากมี ๒ ตัวเลือก ก็เลือก"ชมรมพระวังหน้า"

    หากมีอย่างอื่นเห็นด้วยกับชื่อ "ชมรมรักษ์พระวังหน้า"
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    "คณะ"กับ"ชมรม" ซ้อนกันอยู่ ไม่เหมาะครับ

    หากมี ๒ ตัวเลือก ก็เลือก"ชมรมพระวังหน้า"

    หากมีอย่างอื่นเห็นด้วยกับชื่อ "ชมรมรักษ์พระวังหน้า"
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    'โรคฮิต' เพราะผิดท่า! 'หมอนรองกระดูก' คนไทยชักแถว 'เดี้ยง'
    Daily News Online : Politics

    [​IMG]


    นอกจากหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ครึกโครมแล้ว ยุคนี้ถ้าพูดถึงโรคร้ายแรงที่หันไปทางไหนก็มักจะได้ยินข่าวคนนั้นป่วย-คนโน้นเสียชีวิต...ก็ยังคงเป็นมะเร็ง แต่หากจะว่ากันถึงโรคที่ร้ายแรงน้อยกว่ามะเร็ง ทว่าก็มิใช่เพียงโรคพื้น ๆ โรคที่คนไทยยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะคนในเมืองวัยทำงานเป็นกันมาก โรคต่อไปนี้ก็ถือว่าติดกลุ่มอันดับต้น ๆ

    โรคนี้คือโรคที่เกี่ยวกับ “หมอนรองกระดูก”

    บ้างก็ “เสื่อม” บ้างก็ “กดทับเส้นประสาท”


    ทั้งนี้ “หมอนรองกระดูก” ก็ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของมนุษย์ มันคือชิ้นส่วนของร่างกายที่ทำหน้าที่ตั้งแต่รองรับน้ำหนัก ไปจนถึงรองรับแรง กระแทก โดยเป็นชิ้นส่วนที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเปลือกหรือเยื่อหุ้มที่ชั้นนอกและมีส่วนที่เป็นสายหรือเส้นเนื้อเยื่อคล้ายวุ้นอยู่ด้านใน เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ ณ ตำแหน่งระหว่างปล้อง “กระดูกสันหลัง”

    ร่างกายมนุษย์เรานั้นมีโครงกระดูกเป็นโครงร่างแข็งในการค้ำจุนและการเคลื่อนไหว โดยร่างกายมนุษย์เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีกระดูก 206 ชิ้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามตำแหน่งที่อยู่ โดยที่ 126 ชิ้นจะเป็น “กระดูกระยาง” กระดูกที่ยื่นจากกระดูกแกนออกไป ได้แก่ กระดูกแขน-ขา กระดูกสะบัก กระดูกไหปลาร้า กระดูกเชิงกราน

    อีก 80 ชิ้นจาก 206 ชิ้น จะเป็น “กระดูกแกน” กระดูกที่อยู่บริเวณกลางลำตัว ได้แก่ กะโหลกศีรษะ กระดูกก้นกบ กระดูกซี่โครง และรวมถึงกระดูกสันหลัง ซึ่งว่ากันเฉพาะในส่วนของกระดูกสันหลัง หนึ่งในกระดูกแกนที่สำคัญของร่างกาย จะมีหน้าที่ช่วยค้ำจุนและรองรับน้ำหนักของ ร่างกาย ประกอบด้วยกระดูกชิ้นเล็ก ๆ ลักษณะเป็นข้อ ๆ

    แต่ละข้อของกระดูกสันหลังจะเชื่อมต่อกันด้วยกล้ามเนื้อและเอ็น และนอกจากนี้ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อก็จะมีแผ่นกระดูกอ่อนที่เรียกว่า “หมอนรองกระดูก” ซึ่งก็ “สำคัญ” เพราะคอยทำหน้าที่รองรับและเชื่อม ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อเพื่อป้องกันการเสียดสีในขณะร่างกายเคลื่อนไหว

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนไทยมีปัญหาสุขภาพร่างกายจาก “หมอนรองกระดูก” กันมาก อันเนื่องจากหมอนรองกระดูกเกิดการเสื่อม การเคลื่อน การแตกหรือฉีกขาด แล้วกดทับเส้นประสาท โดยอาการที่จะเกิดขึ้นก็คือ “ปวด” ปวดหลัง ตะโพก ก้น ปวดร้าวลงสู่ขาบางข้างหรือทั้งสองข้าง ซึ่งโดยปกติหมอนรองกระดูกจะมีความแข็งแรง เพราะต้องมีหน้าที่ช่วยรองรับแรง กระแทก รองรับน้ำหนัก แต่มันก็สามารถจะเสื่อมหรือเสียหายบาดเจ็บได้ ไม่ว่าจะด้วยวัยที่สูงขึ้น หรือจากการเกิดอุบัติเหตุ แต่ในยุคปัจจุบันนั้น...สาเหตุมีเพิ่มมากขึ้น-เสี่ยงมากขึ้น

    ด้วยสภาพการใช้ชีวิต สภาพการทำงานของผู้คนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนในเมืองวัยทำงาน นี่ก็อาจเป็นสาเหตุของหมอนรอง กระดูกเสื่อม-กดทับเส้นประสาทได้ง่าย ๆ ซึ่งนอกจาก “เคลื่อนไหวร่างกายไม่ถูกท่า-ไม่ถูกวิธี” การ “ก้มตัวยกของหนัก” การ “ออกกำลังกาย” “นั่งทำงานนาน ๆ” หรือแม้แต่นั่งท่องโลกอินเทอร์เน็ตหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ก็เป็นสาเหตุได้ !!

    ทั้งนี้ กับสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่านับวันมนุษย์รุ่นใหม่ ๆ จะป่วยด้วยสาเหตุจากปัญหา “หมอนรองกระดูก” สูงมากขึ้น ก็คือการที่วงการแพทย์ต้องคิดค้นพัฒนาวิทยาการ-อุปกรณ์ใหม่ ๆ ในการรักษาให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น

    กับการรักษา “หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท” แนวทางใหม่ ๆ นั้น นพ.ธีรศักดิ์ พื้นงาม หัวหน้าศูนย์ระบบประสาทไขสันหลัง เครือโรงพยาบาลพญาไท ให้ความรู้ความเข้าใจว่า... ปัจจุบันแพทย์จะมีเครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Spine) ช่วยในการตรวจวินิจฉัย-ตรวจหาความผิดปกติของหมอนรองกระดูกในผู้ที่มีอาการต้องสงสัย ซึ่งถ้าพบว่าสาเหตุเกิดจากหมอนรองกระดูกก็จะวางแผนการรักษา

    สำหรับในการรักษาปัจจุบันก็มีพัฒนาการสูงขึ้นโดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด (Non Opening Surgery) ซึ่งมี 2 แบบคือ... หากมีภาวะของหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทไม่มาก สามารถรักษาด้วยรูปแบบนิวคลีโอพลาสตี (Nucleoplasty) ซึ่งจะไม่มีแผล รักษาแล้วกลับบ้านได้เลย เพราะใช้เข็มขนาด 2.5 มม. สอดเข้าในหมอนรองกระดูกที่มีปัญหา แล้วปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ ซึ่งจะเกิดความร้อนที่ปลายเข็ม จะสลายหมอนรองกระดูกส่วนหนึ่งออกไป

    กรณีปวดหลังเรื้อรังและปวดร้าวลงขาเนื่องจากหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง จะรักษาโดยใช้กล้องขนาดจิ๋วเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 มม. หรือกล้องเอ็นโดสโคป (Endoscope) เจาะและสอดกล้องผ่านใยกล้ามเนื้อไปยังจุดที่มีปัญหา โดยใส่เครื่องมือผ่าตัดผ่านกล้องเข้าไปตัดหมอนรองกระดูกโดยตรง ไม่ต้องเลาะกล้ามเนื้อหรือตัดกระดูกสันหลัง แผลจะมีขนาดเล็กเพียง 8 มม. ผู้ป่วยจะฟื้นตัวเร็ว ระยะในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จะสั้น

    อย่างไรก็ดี นพ.ธีรศักดิ์บอกว่า... หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทนี้ เมื่อรักษาแล้วก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก หากผู้ป่วยไม่ปรับพฤติกรรม ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องปวดหลัง คือ “การป้องกันไม่ให้เกิด”

    “หลักสำคัญของการป้องกันคือ พยายามจัดท่าทางการทำงานหรือกิจวัตรประจำวันให้ถูกต้อง ต้องให้แนวกระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงเสมอ และหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่ใช้กล้ามเนื้อหลังมาก ๆ รวมถึงหมั่นบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงไว้เสมอ เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่คอยตรึงแนวกระดูกสันหลังไม่ให้เคลื่อนไหวมากเกินไป” ...หัวหน้าศูนย์ระบบประสาทไขสันหลังให้คำแนะนำที่อย่ามองข้าม

    ยุคนี้ไปทางไหนก็ได้ยินคนป่วยเพราะ “หมอนรองกระดูก”

    วงการแพทย์ได้ “พัฒนาวิธีการรักษา” ที่มีประสิทธิภาพสูง

    แต่ก็เหมือนกับทุกโรค...คือ “ป้องกันไม่ให้เกิดดีที่สุด !!!”.


    ที่มา เดลินิวส์
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีทั้งโลก-มีทั้งของจริง! 'ป้ายยารูดทรัพย์' มันกลับมา 'ดุอีกแล้ว'
    Daily News Online : Politics


    [​IMG]


    "...ตอนนั้น มึน ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว เบลอ ไม่มีสติ...” “...มารู้สึกตัวอีกที ก็ตกใจ เฮ้ย เรามาอยู่ในร้านพิซซ่าได้ไง มองไปที่แขนตัวเอง สร้อยข้อมือทองบาทนึงหาย สร้อยที่คอบาทนึงก็หาย เปิดดูกระเป๋า ไม่ต้องห่วง ตังค์หลายพันก็เกลี้ยง มือถือก็ยกให้เค้าไปเรียบร้อยแล้ว...” “...จำหน้าคนร้ายไม่ได้สักคน...” “...จำอะไรไม่ได้ นอกจากคำสนทนาก่อน เบลอ...”

    ...นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำบอกเล่าในอีเมลที่ถูกส่งต่อ ๆ กันไปเพื่อเตือนภัย “ป้ายยารูดทรัพย์” ซึ่งกับกรณีข้างต้นนี้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อระบุว่าไปโดนในห้างดังแห่งหนึ่งย่านบางแค พร้อมเล่าพฤติการณ์ของแก๊งนี้ด้วยว่า... แก๊งนี้มันใช้วิธีกรูเข้ามา “โวยวายกล่าวหาว่าเหยื่อเก็บกระเป๋าสตางค์ของพวกมันได้” พอเหยื่ออายคนก็จะยอมตามมันไปหามุมอับเพื่อเคลียร์ว่าไม่จริง แล้วพอได้สติอีกทีทรัพย์สินติดตัวก็ “เกลี้ยง !!”

    “ตำรวจบอกว่าคนร้ายนี่เก่งเนอะ คือเจอเคสแบบนี้ที่ (ห้างดังย่านบางแค) บ่อยมาก แล้วก็ไม่มีเหยื่อสักรายที่จำหน้าคนร้ายได้ เราก็ยังงงว่ามันเป็นไปได้ยังไง สันนิษฐานว่าในช่วงเวลาที่คนร้ายกำลังเอะอะ โวยวายร้องไห้ แล้วเค้าคงมียาหรืออะไรบางอย่างมาแตะตัวเรา แล้วเราจึงเบลอไป” ...นี่ก็เป็นอีกส่วนจากคำบอกเล่า

    หรือคดี “ป้ายยาแล้วรูดทรัพย์” กำลังระบาดมากอีกแล้ว ??

    แล้ว “ยา” ที่ป้าย-ที่ทำให้เหยื่อ “ไม่รู้ตัว” มันมีจริงหรือ ??

    ทั้งนี้ กับเรื่องของ “ยา” นั้น นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิ การสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บอกกับ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... ยาประเภทที่ทำให้ไม่รู้สึกตัว ไม่มีสตินั้น มีอยู่จริง พร้อมยกตัวอย่างว่าเช่นยา “แอลเอสดี (Lysaergic acid diethylamide)” ซึ่งมีฤทธิ์หลอนประสาทอย่างแรง จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยเป็นสารที่ผลิตขึ้นมาจากราที่ขึ้นอยู่ตามเมล็ดข้าวไร่ ไม่มีกลิ่น มีรสขมเล็กน้อย มีการนำมาใช้เป็นยาเสพติด ส่วนมากนิยมเสพโดยการรับประทาน มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ เม็ด แคปซูล แผ่นเจล และของเหลวบรรจุหลอดแก้ว

    นพ.พิพัฒน์บอกว่า... ที่เคยพบแพร่ระบาดมากมีลักษณะเป็นแผ่นกระดาษชุบหรือเคลือบสารแอลเอสดี แล้วแบ่งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ โดยมีลวดลายสีสันคล้ายแสตมป์ เรียกกันในหมู่นักเสพว่า “แสตมป์เมา” หรือ “กระดาษเมา” ต่อมาก็พัฒนารูปแบบเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีการใช้วิธี “ป้ายสัมผัส” เพราะซึมผ่านผิวหนังได้

    “แอลเอสดีนี้ผลิตในอเมริกา สมัยก่อนใช้รักษาผู้ป่วยโรคจิต แต่ตอนหลังเลิกผลิตเพราะมีฤทธิ์ข้างเคียงเยอะ ทั้งตาหลอน หูหลอน ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่ม เหงื่อออก นอนไม่หลับ ปากสั่น ส่วนการเสพเป็นยาเสพติดก็จะออกฤทธิ์เร็ว มีฤทธิ์อยู่นานหลายชั่วโมง คนเสพจะมีอาการหลอน เห็นภาพเหตุการณ์หรือ ประสบการณ์ในอดีต ซึ่งผู้ที่เสพเป็นเวลานานจะทำให้เป็นโรคจิตได้ ตอนหลังที่มีการแพร่ระบาดในไทยเข้าใจว่านักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่มลักลอบ นำเข้ามา และขยายไปยังกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน จนไปถึงกลุ่มมิจฉาชีพ”

    ...เลขาฯ อย. ยังบอกอีกว่า... การเสพแอลเอสดีนั้นอันตราย จะเกิดอาการประสาทหลอน โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ที่ไม่ดีจะทำให้หวนคิด ถึงเหตุการณ์เลวร้ายนั้น ๆ ทำให้เกิดความหวาดกลัว ตกใจ สับสน กระวน กระวาย สูญเสียการควบคุม ซึ่งก็จะทำให้ผู้เสพกระทำอันตรายต่อร่างกายตนเองหรือผู้อื่นได้ ทั้งนี้ สำหรับโทษของผู้นำเข้ายานี้คือ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท

    จากเรื่องของยา มาต่อที่เรื่อง “คดีรูดทรัพย์ซึ่งเหยื่อคิดว่าถูกป้ายยา” ทั้งนี้ พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี (ปดส.) ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำคดีแบบนี้มาไม่น้อย บอกกับทีม “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... “ถ้าจะ มีการใช้ยาอะไรเพื่อก่อเหตุลักษณะนี้ก็อาจเป็นพวกยาเสพติดหรือยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง” แต่จากที่เคยทำคดีแบบนี้มาหลายสิบคดีแล้วก็ยังไม่เคยเจอยาพวกนี้โดยตรง ซึ่งผู้เสียหายหรือเหยื่อจะบอกว่าโดนสัมผัสตรงนั้นตรงนี้แล้วรู้สึกเย็น ๆ วูบ ๆ ตาลาย เวียนหัว มึนงง สะลึมสะลือ ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ แต่คนร้ายที่ถูกจับได้มักจะบอกว่าไม่ได้ใช้ยาใด ๆ

    “คนร้ายมักบอกว่าแค่ใช้การพูดคุย ชักชวน หลอกล่อ ข่มขู่ ซึ่งจะประเมินดูว่าเหยื่อมีบุคลิกอย่างไร ควรใช้วิธีการไหนจึงจะเหมาะ แล้ววางแผนนัดแนะกันก่อนลงมือ” ...พ.ต.อ.วรพงษ์ระบุ พร้อมทั้งบอกอีกว่า... แผนของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธี “ตก” เช่นใช้ ทอง หรือ กระเป๋าเงิน มาล่อใจเหยื่อ “ถ้ามีความโลภ อยากได้ของคนอื่น ร้อยทั้งร้อยมักตกเป็นเหยื่อ” ดังนั้น ใครมาชักชวน คนแปลกหน้าเกลี้ยกล่อมเอาผลประโยชน์โดยมิชอบมาให้ ไม่ควรเชื่อ ต้องป้องกันตัวเองด้วยการอย่าโลภ ซึ่งการเจอของคนอื่นแล้วแบ่งกัน ถึงไม่ใช่การหลอกลวงก็ผิดกฎหมายกรณีทรัพย์ตกหาย มีโทษจำคุก 3 ปี

    “แต่นับวันภัยสังคมเหล่านี้ก็อันตรายมากขึ้น มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือยุทธวิธีล่าเหยื่ออยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เหยื่อไหวตัวทันจากวิธีการแบบเดิม ๆ เช่นแก๊งมิจฉาชีพอาจใช้วิธีสร้างสถานการณ์ให้เกิดความชุลมุน หรือไม่ก็ทำเหยื่อตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน แล้วลงมือ” ...พ.ต.อ.วรพงษ์ระบุ

    สรุปแล้ว “ยา” ที่อาจจะถูกนำมาใช้ “ป้ายรูดทรัพย์” ก็มีจริง ๆ

    ขณะที่ “เพราะโลภ” และ “วิธีรูดทรัพย์ใหม่ ๆ” ก็อย่าละเลย

    ยุคนี้แก๊งมิจฉาชีพลักษณะนี้มันกลับมาดุ-มาอาละวาดอีกแล้ว !!.

    มีทั้งโลก-มีทั้งของจริง! 'ป้ายยารูดทรัพย์' มันกลับมา 'ดุอีกแล้ว'

    ที่มา เดลินิวส์
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    การนัดพบกันในครั้งที่แล้ว ผมลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องนึง คือการปรึกษาการจัดตั้งชมรมพระวังหน้า ขึ้นมาเป็นรูปธรรม

    ในการนัดพบกันครั้งหน้า ผมจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกันในรายละเอียดอีกครั้งครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ลองเสนอชื่อชมรมกันหน่อยดีไหมครับ

    ผมเองคิดไว้ 2 ชื่อ

    1.ชมรมคณะพระวังหน้า

    2.ชมรมพระวังหน้า

    ส่วนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ คิดเห็นอย่างไร ลองคุยกัน หรือว่า จะขอเสนอชื่อก็ได้

    ผมจะได้นำไปปรึกษาท่านอาจารย์ประถม และพี่ใหญ่ดูครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ psombat [​IMG]
    เรียนคุณหนุ่ม ผมชอบชื่อแรกครับ "ชมรมคณะพระวังหน้า" และขอเสนอ "ชมรมรักษ์พระวังหน้า" หรือ "ชมรมอนุรักษ์พระวังหน้า" ครับผม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เหตุหนึ่งที่สำคัญของการตั้งชมรมให้เป็นรูปธรรมก็คือ การได้ศึกษาพระวังหน้า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาทรงพิมพ์ หรือพลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต ของสมาชิก ซึ่งต้องเห็นพระพิมพ์องค์จริงๆ มีการอธิบายจากท่านผู้รู้จริงๆ ก็คือ ท่านอาจารย์ประถม การนัดพบกันในทุกๆเดือน ก็จะเป็นกิจกรรมหนึ่งของชมรมเช่นกัน ที่จะได้ชมพระพิมพ์องค์จริงๆ และมีการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันครับ

    ในบางครั้งอาจจะขอความเมตตาจากพี่ใหญ่ ที่จะเป็นวิทยากรให้ โดยอาจจะขอไปหาพี่ใหญ่ที่บ้าน ผมจะขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากพี่ใหญ่อีกครั้งในเรื่องนี้ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ถ้ามีแค่2ตัวเลือกผมชอบ2. ชมรมพระวังหน้า มากกว่าครับ แต่ตามที่คุณ พีสมบัติเสนอมาผมเห็นด้วยกับ "ชมรมรักษ์พระวังหน้า" ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ newcomer [​IMG]
    ผมชอบ ชมรมพระวังหน้า (สั้นและกระชับ) ครับ
    หากจะเป็นชื่อทางการแบบยาวๆ ขอเสนอ
    " ชมรมรักษ์พระวังหน้า แห่ง สยามประเทศ " ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็น
    คิดเห็นอย่างไร แสดงความเห็นกันนะครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...