พระสิวลีจกบาตรครูบาน้อย หลวงพ่อพลองวัดเพรชดอนยางชัยภูมิ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. ทองทวี

    ทองทวี “นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,770
    จอง
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1714065313626.jpg
    พระสมเด็จเนื้อผงหลวงพ่อพระเสริมสร้างโดยมูลนิธิศาลาพระราชศรัทธา-มูลนิธิถาวรจิตตถาวโร-วงศ์มาลัย โดยพระอาจารย์มหาถาวรหรือพระเทพวิมลญาณ (พระตาถาวร จิตฺตถาวโร) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ เป็นผู้จัดสร้าง พิธีใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เนื้อหามวลสารศักดิ์สิทธิ์จํานวนมาก**อีกหนึ่งพระดีพิธียิ่งใหญ่ เจตนาการจัดสร้างโปร่งใส เพื่อนํารายได้ไปสมทบทุนการก่อสร้างศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม ซึ่งพระเครื่องรุ่นนี้แกะพิมพ์โดย นายช่างเกษม มงคลเจริญ
    เนื้อหามวลสารต่างๆ ที่นํามาจัดสร้างพระผงรุ่นนี้ มีดังนี้ พระผงธูปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดปทุมวนาราม วัดโสธรวนาราม วัดไร่ขิง วัดบ้านแหลม วัดป่าบ้านตาด วัดหินหมากเป้ง วัดหลวงพ่อโต(บางพลี) ศาลพระกาฬลพบุรี แผ่นอิฐประตูเมืองกบิลพัสด์ ด้านตะวันออก อันเป็นด้านที่เจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จทรงผนวช ดินจากสถานพุทธประสูติลุมพินี ประเทศเนปาล ผงพระของขวัญหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ผงวัดระฆัง ผงปิโยมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงจากพระคณาจารย์สายพระกรรมฐานภาคอีสาน และภาคต่างๆ อีกมากมาย ฯลฯ จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พ.ค พ.ศ.2535 โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย และอธิษฐานจิต พระธรรมไตรโลกาจารย์(หลวงปู่รักษ์ เรวโต) วัดศรีเมือง จ.หนองคาย***ศิษย์เอกรุ่นใหญ่หลวงปู่มั่น*** เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมพระคณาจารย์ทั้งสายธรรมยุตและสายมหานิกายถึง 142 รูป ซึ่งเป็นพิธีใหญ่พิธีหนึ่งที่ไม่ธรรมดา
    ท่านเจ้าพระคุณพระอาจารย์ถาวร (พระอาจารย์มหาถาวร จิตฺตถาวโร) วัดปทุมวนารามฯ กรุงเทพฯ ท่านถือเป็นกําลังหลักในสายธรรมยุติ และเป็นศิษย์องค์สําคัญในสายพระอาจารย์มั่นได้รับการอบรมกรรมฐานจากครูบาอาจารย์พระกรรมฐานหลายรูป อาทิ เช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี , พระราชมุนี (โฮม โสภโณ) , หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น ท่านทั้งเป็นพระนักปฏิบัติและพระนักพัฒนาที่น่าเคารพกราบไหว้มาก
    หลวงพ่อพระเสริมวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ที่เกี่ยวพันกับองค์หลวงพ่อ พระใส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวหนองคายมาช้านาน ตามประวัติได้กล่าวไว้ว่า จัดสร้างขึ้นพร้อม กันกับหลวงพ่อพระเสริม และหลวงพ่อพระสุก ซึ่งได้อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทร์ โดยลำเลียงมาทางลำน้ำโขง แต่ในระหว่างที่ล่องมา องค์พระสุกได้จมน้ำหายไปจึงเหลือพระเพียงสององค์ เท่านั้น องค์พระเสริมนั้นประดิษฐานอยู่ ณ วัดปทุมวนาราม กทม. ส่วนองค์พระใสนั้น ประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัย เป็นมิ่งขวัญปกป้องคุ้มครองพี่น้องชาวอีสานให้มีความสุขสงบ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน
    พิธีมหาพุทธาภิเษกท่านเจ้าพระคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเบิกพระเนตรพระพุทธปฏิมา และพิธีชัยมังคลาภิเษกในวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ณ มณฑลพิธีศาลาพระราชศรัทธาวัดปทุมวนาราม โดยอาราธนาพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วประเทศ 142 รูป มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก อาทิเช่น
    1. หลวงปู่วิริยังค์ วัดธรรมมงคล
    2. หลวงปู่หลอด วัดสิริกมลาวาศ
    3. พระอาจารย์มหาถาวร วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
    4. หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี
    5. หลวงปู่ดี วัดพระรูป สุพรรณบุรี
    6. หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ชลบุรี
    7. หลวงพ่อจำเนียร วัดดอนไร่ สุพรรณบุรี
    8. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม
    9. หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    10. หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม
    11. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการม กาญจนบุรี
    12. หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์
    13. หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญบรรพต หนองคาย
    14. หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง เลย
    15. หลวงปู่คำพอง วัดพัฒนาราม อุดรธานี
    16. หลวงปู่ท่อน วัดถ้ำอภัยคีรีวัน อุดรธานี
    17. หลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง
    18. หลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม เชียงราย
    19. หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยอง
    20. หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเชอ ชลบุรี
    21. หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ระยอง เป็นต้น
    ที่มา : หนังสือมหามงคลแห่งแผ่นดิน โดย คุณอลุย์นันท์ทัต กิจไชยพร และ หนังสือ สระปทุมฯ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    หลวงพ่อพระเสริม หลวงพ่อถาวร จิตถาวโร วัดปทุมวนาราม ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240425_184208.jpg IMG_20240425_184345.jpg IMG_20240425_184140.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    showimage.jpeg


    การศึกษาพุทธาคม
    หลวงพ่อสง่าเริ่มศึกษาคาถาอาคมและอักขระเลขยันต์ มาตั้งแต่ตอนสมัยเป็นหนุ่ม ทั้งวิชาสักยันต์ รดน้ำมนต์ ครั้นเมื่อท่านได้อุปสมบท แล้วก็ยังให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องด้วยว่า แม้ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ก็เป็นความนิยมของคนสมัยนั้น เพื่อให้เกิดศรัทธายึดเหนี่ยวทางจิตใจ โดยหลวงพ่อท่านได้เป็นอาจารย์สักยันต์อยู่หลายปีจนกระทั่งได้ข่าวว่า ผู้ที่ท่านสักให้ส่วนมากไปกระทำความชั่ว เป็นนักเลงเพราะฮึกเหิมลำพองในความคงกระพันของรอยสักที่หลวงพ่อสักให้ ท่านจึงได้เลิกพิธีกรรมการสักทั้งหมด เพราะเห็นว่าสิ่งนี้ไม่เกิดแก่นสารที่แท้จริง หลังจากนั้นเมื่อมีเวลาว่างท่าน ท่านได้ไปขอต่อวิชากับ หลวงปู่ดี วัดบ้านยาง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเก่งในด้านการสร้างพระปิดตามหาอุตม์ คงกระพันชาตรี,
    หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาลบผงอิทธิเจ ปถมัง และการเขียนยันต์ 108, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ได้วิชามหาอุตม์, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมได้ครอบครูนะเมตตาและได้รับการสอนวิชาเจริญวิปัสสนา และท่านยังมีครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆอีกมากมาย ปฏิปทากิตติคุณและคุณธรรมของหลวงพ่อสง่า หลวงพ่อท่านจะมีเมตตาธรรมสูงส่งยิ่งนัก ท่านได้พัฒนาวัดหนองม่วง และพัฒนาคนในชุมชนวัดหนองม่วง ให้รู้จักหลักการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข สอนให้ทุกคนรู้จักอดทน ให้หมั่นเพียรพยายามพึ่งตนเองเป็นหลัก เอาชนะใจตนเองให้ได้
    ท่านจะเน้นวิถีชีวิตอย่างชาวบ้านดั่งที่ท่านพร่ำสอนศิษย์เสมอว่า "คนเราถ้าไม่รวยก็อย่าจน ให้มีหิริโอตัปปะ ให้มีความอดทนและเพียรพยายามจะไม่อดตาย ความจนความรวย เราไม่ได้เอามาตั้งแต่เกิด แต่เราทำตัวเราให้รวย ให้จนได้ทั้งนั้น เป็นหนี้ก็เอามาให้พระแก้ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุคือตัวเราเอง หาได้ใช้เป็น ใช้ให้น้อย หาพอเพียงก็จะไม่จน" อนิจจัง วัตสังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา หลวงพ่อสง่าท่านก็ไม่อาจพ้นจากพระพุทธพจน์บทนี้ได้ หลวงพ่อสง่าท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวังอังคาร แรม 4 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก ตรงกับวันที่ 29 เดือนมีนาคม ปี 2547 สิริอายุรวม 78 ปี พรรษาที่ 56

    อภินิหารยิงไม่เข้า เหรียญหลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง ปีพ.ศ. 2511-2530
    เรื่องเล่าเรื่องนี้ได้บอกเล่าจากปากของคุณลุงทวี บ้านของท่านอยู่ใกล้กับวัดหนองม่วง ทุกวันนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่ คุณลุงทวีได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยโดนศัตรูของท่านยิงด้วยปืน 11 มม.จนหัวโนเป็นลูกมะนาว แต่ลูกปืนไม่อาจละคายกายของท่านได้ และมีอีกครั้งหนึ่งท่านโดนยิงด้วยปืน m16 ลูกปืนก็ไม่อาจยิงท่านเข้า มีแต่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ มีบ้างนัดเข้าติดหนังอยู่เลยต้องใช้มือแกะออก คุณลุงทวีท่านจะพกมีดตามประสาคนต่างจังหวัดทั่วไป เวลาไปไร่ไปนาก็ต้องติดมีดติดตัวไปด้วย คุณลุงทวีท่านเล่าว่า โดนยิงจนหมดแมกกาซีนจุกจนลุกไม่ขึ้นแต่ท่านยังกัดฟันลุกขึ้นมาชักมีดแบบปาดตาลเข้าต่อสู้กับมือปีนที่มากัน2คน มือปีนเมื่อเห็นว่าลูกปืน m16 ยังไม่ละคายผิวกายของคุณลุงทีวซ้ำร้ายแกยังคว้ามีดปาดตาลลุกขึ้นมาสู้ ก็เลยตกใจรีบขับรถมอเตอร์ไซด์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
    ในตัวของคุณลุงทวีท่านจะพกตะกรุดโทนของหลวงพ่อสง่ากับคล้องเหรียญหลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง รุ่น 1 และรุ่น 4 หรือที่วงการเรียกกันว่ารุ่นปี 2511และ รุ่นปี 2530 คุณลุงทวีบอกว่า "ก็มีนี้แหละที่หลวงพ่อสง่าให้กับแกไว้ใช้กับหลวงพ่อกรุณาลงกระหม่อมให้แก" จริงๆแล้วหลวงพ่อสง่าท่านสำเร็จวิชากสิณไฟในด้านคงกระพันธ์ชาตรี จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านออกไปทางเหนียวและเป็นมหาอุดต์ ซึ่งทำให้ข่าวนี้แพร่กระจายไปจนทั่ว ทำให้คนในพื้นที่จังหวัดราชบุรีและใกล้เคียง โดยเฉพาะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต่างมุ่งหน้าเข้ามาที่วัดหนองม่วง เพื่อขอบูชาเหรียญรุ่นนี้เป็นจำนวนมากในสมัยที่หลวงพ่อสง่ายังมีชีวิตอยู่

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จแหวกม่านหลวงพ่อสง่าปลุกเสกวัดบ้านหม้อราชบุรี ๒๕๒๑
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240426_005836.jpg IMG_20240426_005908.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2024
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี 1.jpg
    https://palungjit.org/threads/หลวงปู่พิศดู-วัดเทพธารทอง-และพระคณาจารย์สายต่างๆ-ข้อมูลวัตถุมงคล-หน้า-1-8.292037/
    พระสมเด็จชุดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยท่านพระมหาลอย จัตตมโล วัดพลับ(บางกะจะ) อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อบรรจุกรุสืบทอดพระศาสนา โดยท่านพระมหาลอยได้นำมวลสารต่างๆตั้งแต่สมัยหลวงปู่เหรียญ อดีตเจ้าอาวาสและเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดพลับบางกะจะ และมวลสารต่างๆมาผสม และกดพิมพ์เป็นองค์พระขึ้นมา ได้ประมาณ 1,000 องค์ โดยพุทธลักษณะด้านหน้าเป็นรูปสมเด็จพระประธานปางสมาธิ ที่ฐานมีอักษรว่า ก.จ.๑ จันทบุรี ๒๕๕๒ ความหมายสันนิจฐานว่าน่าจะเป็น บางกะจะ รุ่น๑ นั่นเอง ส่วนด้านหลังนั้น เป็นรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และรูปพระพุทธบาท 4 รอย พร้อมด้วยบทคาถาว่า นะโมพุทธายะ นะชาลีติ มะอะอุ..
    หลังจากได้กดพิมพ์พระเสร็จแล้ว ได้นำพระทั้งหมดมาขอเมตตาให้องค์หลวงปู่พิศดูช่วยอธิษฐานจิตให้ เป็นระยะเวลา 1 ไตรมาส(3เดือน) จากนั้นได้มอบพระพิมพ์นี้ถวายให้องค์หลวงปู่ไว้แจกแก่ผู้ศรัทธา เนื่องในงานตักบาตรพระมหาอุปคุตประจำปี 2553 ประมาณ 200 องค์ ส่วนพระที่เหลือนั้น ท่านพระมหาลอยได้นำไปบรรจุกรุไว้ที่วัดพลับ เพื่อสืบทอดพระศาสนาต่อไปครับ
    ข้อมูลเพจ : หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระพุทธเจ้า๕พระองค์พระพุทธบาท๔รอย
    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    1714112550670.jpg
    IMG_20240426_115520.jpg IMG_20240426_115553.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    87745181020180502_112629.jpg 1.หลวงพ่อฮะ-จันทสโร.jpg

    ประวัติ พระสมุทรคุณาจารย์ (หลวงพ่อฮะ จนฺทสโร) วัดดอนไก่ดี จ.สมุทรสาคร
    สถานะเดิม
    พระสมุทรคุณาจารย์ มีนามเดิมว่า ฮะ ละม้ายสกุณ เกิดเมื่อ วันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุน จ.ศ. ๑๒๔๙ ร.ศ. ๑๐๖ ตรงกับวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๐ เป็นปีที่ ๒๐ แห่งรัชกาลที่ ๕ ณ บ้านซากงชี หมู่ที่ ๑๐ ตำบลบางยาง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โยมบิดา นายเหมือน โยมมารดา นางริ้ว
    การศึกษาเบื้องต้น
    โดยที่ในสมัยนั้น ยังไม่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษาขึ้นในประเทศฉะนั้น เมื่อปฐมวัย ท่านจึงได้รับการศึกษาอักษรสมัยจนสามารถอ่านออกเขียนได้ แล้วช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพกสิกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลักของครอบครัว
    บรรพชาอุปสมบท
    เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ บิดามารดาได้จัดการบรรพชาอุปสมบท ณ วัดดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยมี พระครูนิ่ม วัดสุนทรสถิต (กำแพง) อำเภอบ้านแพ้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ มีนามฉายาว่า "จนฺทสโร"
    ตำแหน่ง
    ฝ่ายปกครอง
    พ.ศ. ๒๔๖๖ เป็น พระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็น สาธารณูปการ อำเภอกระทุ่มแบน
    พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็น เจ้าอาวาสวัดดอนไก่ดี
    พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็น พระอุปัชฌาย์
    พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็น เจ้าคณะอำเภอกระทุ่มแบน
    พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็น รักษาการแทนเจ้าคณะตำบลท่าเสา
    พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็น รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร
    ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร
    ฝ่ายการศึกษา
    พ.ศ. ๒๔๗๐ เป็น กรรมการสอบธรรมสนามหลวง
    พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็น กรรมการศึกษาพระปริยัติธรรมจังหวัดสมุทรสาคร
    พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็น ประธารกรรมการสอบธรรมสนามหลวง
    สมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็น พระครูประทวนสมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็น พระครูสัญญาบัตร ที่ พระครูวิเศษสมุทคุณ
    พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
    พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม
    ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระสมุทรคุณาจารย์
    มรณกาล
    พระสมุทรคุณาจารย์ (ฮะ จนฺทสโร) มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ณ กุฎิของท่าน ที่วัดดอนไก่ดี เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ เวลา ๐๒.๔๑ น. สิริรวมอายุได้ ๙๓
    หลวงปู่เป็นพระยุคเก่ารุ่นราวหลวงพ่อรุ่งวัดท่ากระบือครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในอดีต
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ล็อกเก็ตหลวงปู่ฮะวัดดอนไก่ดีอายุ 91 ปี ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240426_115622.jpg IMG_20240426_115640.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงพ่อโด่-อินทโชโต-วัดนามะตูม-อ.พนัสนิคม-จ.ชลบุรี-2.jpg
    หลวงพ่อโด่ อินทโชโต วัดนามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ชาวพนัสฯและชลบุรีนับถือท่านมากรูปหนึ่ง วัตถุมงคลของท่านผู้ใช้มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งด้านอยู่คงแคล้วคลาด และเมตตามหานิยม
    ◉ ชาติภูมิ
    พระครูพินิจสมาจาร หรือ หลวงพ่อโด่ อินทโชโต วัดนามะตูม เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๒๑ ที่บ้านเนินมะกอก ตำบลนามะตูม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โยมบิดาชื่อแพ โยมมารดาชื่อจีน เมื่อครั้ง เยาว์วัยท่านเป็นคนที่มีสติปัญญาดีฉลาดปราดเปรื่อง เรียนอะไรก็สามารถจำได้รวดเร็ว จึงเป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่อุปสมบท
    ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๑ คหบดีชื่อ “ฮวด” ได้เป็นผู้จัดการอุปสมบทให้ที่วัดนามะตูม โดยมี พระอาจารย์เพ็ง วัดหน้าพระธาตุ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปั้น วัดนามะตูม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คง วัดประชาระบือธรรม (วัดบางกระบือ) กรุงเทพฯ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “อินทโชโต”
    เมื่อบวชแล้วท่านก็ได้อยู่จำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูม ได้ศึกษาพระธรรมวินัยและสรรพวิชาต่างๆ จากพระอาจารย์ปั้น ประกอบกับท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาดี จึงสามารถศึกษาได้แตกฉานอย่างรวดเร็ว หลวงพ่อโด่ ยังได้ออกธุดงค์ไปยังภาคเหนือ และได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆ กับพระเกจิอาจารย์ที่ท่านพบในป่าอีกด้วย
    ต่อมาท่านทราบว่าพระอาจารย์ปั้นอาพาธ ท่านจึงกลับมาดูแลปรนนิบัติ พระอาจารย์ปั้น จนมรณภาพในปี พ.ศ.๒๔๔๖ ชาวบ้านและคณะสงฆ์ที่นิมนต์ท่านขึ้นเป็น เจ้าอาวาสสืบแทน และท่านก็ได้พัฒนาวัดนามะตูมให้เจริญรุ่งเรืองตลอดมา การเป็นพระที่ปฏิบัติเคร่งครัด ช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก และรักษาโรคภัยให้กับ ชาวบ้านเสมอมา จึงเป็นที่รักเคารพของชาวบ้านแถบนั้นมากหลวงพ่อโด่ อินทโชโต ได้ศึกษาวิทยาคมอีกหลายแขนง โดยได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเอี่ยม วัดนอก จ.ชลบุรี ส่วนด้านการแพทย์แผนโบราณนั้นท่านก็ได้ศึกษาจากหลวงพ่อปั้นและโยมจอกอย่างรอบรู้
    หลวงพ่อโด่ อินทโชโต เป็นผู้สร้างคุณงามความดีฝากไว้ในบวรพระ พุทธศาสนาเป็นเวลานาน เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัด 3 วัด คือ วัดเนินหลังเต่า ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม, วัดทุ่งเหียง และวัดหนองยาง ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรีหลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เป็นหนึ่งในพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังแห่งอำเภอพนัสนิคม ด้วยท่านเป็นคนพื้นเพในแถบนี้
    ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๐ ลุถึงปี พ.ศ.๒๕๑๕ ท่านนับว่าเป็นพระเกจิที่ดังที่สุดของอำเภอพนัสนิคม และมีชื่อเสียงในแถบตะวันออกอย่างมาก พิธีปลุกเสกของวัดต่างๆ ในสมัยนั้น จะต้องมีชื่อของหลวงพ่อโด่ เช่น พิธีปลุกเสกพระหลวงพ่อโสธร รุ่นเก่าๆ หลายรุ่น พิธีจักรพรรดิ ปี พ.ศ.๒๕๑๕ พิษณุโลก และพิธีปลุกเสกพระพุทธ ๒๕ ศตวรรษ เป็นต้นมรณภาพ
    หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๕ ท่ามกลางความเศร้าสลดของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ สิริอายุรวมได้ ๙๕ ปี พรรษา ๗๔
    ในการนี้ ได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๘ ณ เมรุวัดนามะตูม การจากไปของท่านได้สร้างความเศร้าสลดแก่คณะศิษย์และผู้ที่ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง แม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่นาม “หลวงพ่อโด่ อินทโชโต” ยังอยู่ในศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนชาวเมืองชลบุรีตราบจนปัจจุบัน
    พระสมเด็จพิมพ์อรหัง สุคโต หลังรูปเหมือน หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จ.ชลบุรี สภาพสวย ท่านเป็น ศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    หลวง พ่อโด่ หรือ พระครูพินิจสมาจาร นั้นเป็นสหธรรมิกและเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แม้แต่อายุก็ถือว่าอยู่ในรุ่นเดียวกัน หลวงพ่อโด่ เกิดปี 2421เป็นชาวพนัสนิคมโดยกำเนิด มรณภาพเมื่อปี 2515 อายุย่างเข้า 95 ปี ส่วนหลวงปู่ทิม เกิดปี 2422 มรณภาพปี 2518 อายุครบ 96 ปี หลวงปู่ทิม เคยมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูม หลายพรรษา ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 6 พรรษา ในสมัยนั้นหลวงปู่ทิม เดินทางเพื่อมาศึกษาวิชากับหลวงพ่อเพ็ง วัดหน้าพระธาตุ ซึ่งเป็นพระเกจิรุ่นเก่า หลักฐานที่ชัดเจนที่แสดงว่าหลวงปู่ทิม ท่านเป็นศิษย์สำนักเดียวกับหลวงพ่อโด่ ก็คือยันต์ห้าที่ใช้ประจำในเหรียญหลวงปู่ทิม เป็นยันต์ตัวเดียวกับหลวงพ่อโด่ สำหรับประวัติของหลวงพ่อเพ็งนั้น สอบถามคนรุ่นเก่าๆแถวนี้ก็จำไม่ได้แล้ว รู้เพียงแต่ว่าท่านเป็นพระเกจิระดับปรมาจารย์ของที่นี่ก็ว่าได้ แม้แต่หลวงพ่อผุย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านคงกระพันโดยเฉพาะการสักยันต์เสือเผ่น ก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของท่าน หลวงพ่อผุย จะมีอาวุโสกว่าหลวงพ่อโด่ ท่านมรณภาพปี 2499 อายุเกือบร้อยปี รอยเสือเผ่นเท่าที่เห็นนิยมสักตรงกลางหน้าอกครับ
    สำหรับ หลวงพ่อโด่ นอกจากท่านจะเก่งด้านวิทยาคมตามแบบฉบับของพระสมัยก่อน ท่านยังเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนโบราณด้วย หลวงพ่อโด่ ท่านคงจะศึกษาจากพระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆในสมัยนั้นอีกหลายองค์ เสียดายที่ขาดการจดบันทึกไว้
    วัตถุมงคล หลวงพ่อโด่ ออกวัตถุมงคลมาหลายแบบทั้งเหรียญ แหนบ รูปหล่อ พระสมเด็จ พระปิดตา พระสิวลี เป็นต้น เหรียญรุ่นแรก ปี 2496 มีทั้งกะไหล่เงิน ทอง และแบบไม่กะไหล่ จำนวนสร้างไม่มาก
    ผมขอเสนอพระสมเด็จปรกโพธิ์ หลังรูป ถ้าศิษย์สายหลวงพ่อกวย เห็นเฉพาะด้านหน้าอาจคิดว่าเป็นของหลวงพ่อกวย เพราะสร้างในยุคเดียวกัน เนื้อหาก็เป็นผงอมน้ำมันคล้ายกันเสียด้วย โชคดีที่พระของหลวงพ่อโด่ ด้านหลังมีรูปท่าน และบอกชื่อไว้ชัดเจนกันสับสน พระสมเด็จปรกโพธิ์ รุ่นนี้ดีด้านคุ้มครองอันตราย เมตตา แคล้วคลาดมากๆ เลยนะครับ เป็นพระที่ผสมมวลสารวิเศษต่างๆของหลวงพ่อโด่ สำหรับหลวงพ่อโด่ ท่านทำพระสมเด็จรุ่นแรกตั้งแต่ปี 2496
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    สมเด็จอรหังหลวงพ่อโด่วัดนามะตูมให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20240426_115658.jpg IMG_20240426_115715.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง

    1714122626387.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1714207392711.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  9. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,375
    ค่าพลัง:
    +13,255
    พระสมเด็จแหวกม่านหลวงพ่อสง่าปลุกเสกวัดบ้านหม้อราชบุรี ๒๕๒๑
    จองครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1708599317449-jpg-jpg.jpg
    1708599067151-jpg-jpg.jpg
    หลวงพ่อหมอ สุดยอดพระเกจิ เพื่อนรักของหลวงพ่อคูณ พระเกจิองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาสูบให้
    พระสงฆ์ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยกย่องว่าเป็น
    “…เจ้าของธนาคาร…”
    ขออนุญาตยกบทความของคุณพยุงศักดิ์ เศรษฐมาตย์
    ที่ได้รวบรวมเรื่องราวของท่านไว้
    มาเผยแพร่บารมีองค์หลวงพ่อนะครับ
    : #เจ้าของธนาคาร :
    ครั้งหนึ่ง ราวปี พ.ศ 2532
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    มาร่วมงานเททองหล่อพระที่วัด
    แห่งหนึ่งใน อ.ท่าเรืองานนั้น
    หลวงพ่อหมอ ก็ไปร่วมงานด้วย
    ผู้คนที่มาในงานต่างมาห้อมล้อม
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    กันมากมายเพื่อกราบขอเมตตา
    ขอบารมีจากท่าน
    ระหว่างที่ผู้คนห้อมล้อมท่านอยู่นั้น
    หลวงพ่อฤษีลิงดำ ก็ได้ชี้ไปที่
    หลวงพ่อหมอที่นั่งอยู่คนละฝั่งกัน
    กับท่านแล้วพูดว่า
    " ผู้ใดมีบารมี ผู้ใดจะโชคดีโน้น...
    ไปขอหลวงพ่อหมอโน้น นี้แหล่ะ
    เจ้าของธนาคารตัวจริง
    ไปกราบขอท่านไป "
    เป็นคำกล่าวของครูบาอาจารย์ผู้รู้ซึ้ง ซึ่งภูมิธรรมของกันและกัน
    " ปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์ ".
    หลวงพ่อประเสริฐ(หมอ) โอภาโส
    วัดโคกกระต่ายทอง ท่าเรือ อยุธยา
    พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงฤทธิ์อภิญญา
    วาจาสิทธิ์หูทิพย์ ตาทิพย์
    วัตรปฏิบัติแปลกๆ ทำตัวแปลกๆ
    จนชาวบ้านหาว่าท่านเป็น " พระบ้า "
    คน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร นับถือท่านมาก
    เรื่องโชคลาภนั้นเป็นเลิศนัก
    ผู้สร้างตำนานโรงทานอันลือลั่น
    ฝ่ามือมหาลาภ วัตถุมงคลท่านศักดิ์สิทธิ์นัก
    เรื่องหวยเรื่องเบอร์นั้นท่านโดงดังมาก
    แนวทางปฏิบัติ กิน เดิน นั่ง นอน ท่านจะภาวนาตลอดเวลา กิจสำคัญของท่านที่ขาดไม่ได้เลยคือการ ออกบิณฑบาต
    โปรดญาติโยม เรื่องราวพิสดาร
    ปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์
    อัศจรรย์พันลึก วัตรปฏิบัติแปลกๆ
    จนชาวบ้านเรียก " พระบ้า "
    ปริศนาธรรมคำคมหลวงพ่อหมอ
    * ศรัทธาตัวเดียว
    ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า
    ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน *
    * ธรรมะต้องเกิดในดวงจิต
    ดวงใจถึงจะเป็นของจริง *
    * สมาธิเปรียบเหมือนต้นไม้ ศีลเหมือนพื้นดินสมาธิอาศัยศีล เหมือนต้นไม้อาศัยดิน *
    * เรากางร่มก่อน ร่มถึงจะมากางเรา
    ถ้าเรามีศีลมีธรรมแล้ว ศีลธรรมก็มารักษาเราเป็นเรื่อง ปัจจัตตัง อัตตะโน นาโถ
    (ทำเอง รู้เอง เห็นเอง) *
    เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวง ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้คือเรื่องราวพิสดาร ปาฏิหาริย์ ประสบการณ์ต่างๆ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง
    จากบันทึกของศิษย์และคำบอกเล่าจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน
    เรื่องราวปาฏหาริย์ พิสดารลึกลับ
    ของหลวงพ่อหมอ ยังมีอีกมากเล่ากันเจ็ดวันเจ็ดคือก็ไม่หมด เอาพอหอมปากหอมคอ
    ให้รู้ว่า พระดีๆ เก่งๆ ที่ทรงฤทธิ์อภิญญา แบบนี้ยังมีให้เราได้ค้นหากันอยู่
    " โยมไม่ทันท่าน แต่ได้พระท่านไปบูชา ก็เหมือนได้แก้ววิเศษของท่านแล้ว "
    ( หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันได้กล่าวไว้ )
    ชาติภูมิ
    หลวงพ่อหมอ โอภาโส
    ถือกำเนิดในสกุล จันทรส ณ บ้านบักเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
    เกิดเดือน ๑๒ ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๕๘
    เดิมท่านชื่อว่า เพชร แล้วเปลี่ยนมาเป็น ประเสริฐส่วนชื่อ หมอ นั้นชาวบ้านพร้อมใจกันตั้งให้ท่านเพราะกิตติศักดิ์ของท่านนั้นเอง
    หลวงพ่อหมอ ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์อีกรูปหนึ่งผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัตชอบ ท่านใช้ชีวิตในสมณเพศอย่างเป็นประโยชน์ยิ่ง ไม่เคยสะสมเงินทองมาเป็นของส่วนตัวมีเท่าไหร่ท่านนำไป บริจาก สร้าง แจก เพื่อก่อประโยชน์ต่อบวรพุทธศาสนา เลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กยากจนที่อยู่ในความอุปการะคุณของท่านทั้งหมด
    สงเคราะห์ญาติโยมผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    จากวัตรปฎิบัติแบบแปลกๆ ของท่าน เเม้ยางคนที่ไม่เข้าใจ มองท่านอย่างผิวเผินว่าท่าน ออกจะแปลกๆ พิกลไม่เหมือนพระสงฆ์ทั่วไป
    การออกธุดงค์ของทาานก็แปลก ไม่เคยมีกลดหรือมุ้งติดตัวเลย จะมีเพียงแค่จีวรห่มกาย และบาตรใบเดียวเท่านั้น
    แต่เมื่อได้สัมผัสได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ
    วัตรปฏิบัติ อุบายธรรม หลักคำสอนต่างๆ ของท่านแล้ว ความสงสัยในตัวท่านนั้น ก็จะคลายสิ้น.
    ______________________________
    : #นวโกวาทเป็นครู :
    หลวงพ่อหมอ ท่านว่าท่านเอาตำราเป็นครู
    เอานวโกวาทเป็นครู ภูมิธรรมที่เกิดขึ้นนั้นได้จากตำรา
    หลวงพ่อหมอ เคยปรึกษาหารือสนทนาธรรมกันกับ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ถึงนวโกวาท
    ซึ่งในนวโกวาทนี้เขาบอกไว้ทุกเรื่อง ทุกเหลี่ยมทุกมุม
    แต่ไม่ปฏิบัติกัน
    ท่านว่าคนที่จะบรรลุธรรมะ คือ ศรัทธาตัวเดียว ไม่ได้เรียนมามากท่านเอ่ยตามพระวินัยสนใจให้มากรักษาตามนวโกวาทให้ดีๆ
    ศรัทธาตัวเดียว ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน.
    ___________________________
    : #หมอ :
    ที่มาของคำว่า หมอ
    ที่ อ.ตะพานหินคือมีญาติโยมผู้หญิงที่ตั้งท้องมากราบ หลวงพ่อหมอ แล้วถามว่าเด็กในท้องเป็นยังไง ปรากฏว่าหลวงพ่อหมอ ท่านบอกเพศ วัน เดือน ปี ที่เด็กจะเกิดไว้ ชึ่งพอถึงเวลาก็คลอดตามที่หลวงพ่อพูดตรงทั้งหมด ทำให้เป็นเรื่องที่แปลกมาก คนท้องในสมัยนั้นแห่กันมาถามหลวงพ่อจนวุ่นวาย
    เท่านั้นยังไม่พอบางคนมาขอให้ท่านแผ่บารมีรักษาอาการเจ็บป่วยให้หาย ท่านก็รักษาตามนิมิตของท่านบางท่าน หลวงพ่อหมอ ให้ไปกินก๋วยเตี๋ยวสามชามก็หาย
    บางคนโดนท่านถีบ ท่านพลักก็หายหรือบางท่านโดนตบก็มีส่วนใหญ่ ญาติโยมไปหาหลวงพ่อแล้วท่านทำให้หายหมด คนตะพานหินจึงเรียกท่าน หลวงพ่อหมอ ตั้งแต่นั้นมา
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ เป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    การธุดงค์หลวงพ่อหมอ มีอัฏฐบริขารติดตัวเพียงจีวรห่มกาย และบาตรเท่านั้น กลดมุ้งไม่เคยมีแต่แปลกผิวหลวงพ่อหมอ ไม่มีรอยยุงกัดเลย.
    ______________________________
    : #พระบ้า :
    ลูกศิษย์ท่านหนึ่งชาวตะพานหิน เล่าว่ามีชาวบ้านแถวบ้านตนเอง ไปดูหลวงพ่อหมอ อยากรู้ว่าพระบ้าเป็นอย่างไร ก็ได้พบหลวงพ่อหมอ เมื่อได้สัมผัสหลวงพ่อหมอ อย่างจริงจังแล้วขนลุกรู้สึกได้ทันทีว่า
    พระองค์นี้ไม่เพียงมิใช่พระบ้า แต่เป็นพระที่ไม่ธรรมดาและเป็นพระที่เก่งมากๆ เสียด้วย นึกคิดอะไรในใจท่านรู้หมด ก่อนหวยออกไม่กี่นาที
    หลวงพ่อหมอ ท่านได้เขียนเลขเล่นๆ ไว้ 6 ตัว พอหวยออกมา รางวัลที่ 1 ออกตรงแป๊ะไม่มีคลาดเคลื่อนเลยทั้ง 6 ตัว
    แบบนี้จะเป็นพระบ้าได้อย่างไร.
    ______________________________
    : #ยาสีฟันรักษาโรคประหลาด :
    คนนครสวรรค์ผู้หนึ่ง ได้ดูถูกปรามาสว่า
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระผีบ้า
    จู่ๆได้เกิดเป็นโรคประหลาด เป็นก้อนเนื้อขึ้นตามผิวหนังของแขนทั้งสองข้าง ไปหาหมอรักษาโรงบาลไหนก็ไม่หาย รู้สึกปวดทรมานมาก
    ก็เลยนึกได้ว่าก่อนเป็นนั้น ตนเองนั้นได้ดูถูกปรามาสหลวงพ่อหมอ ว่าเป็นพระผีบ้า
    ก็เลยจะมาขมาหลวงพ่อหมอ
    เมื่อเจอหน้ากัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร
    หลวงพ่อหมอ ถามขึ้นก่อนโดยทันทีว่า
    " เป็นบ้ามั๊ย โยมคนนี้จึงตอบท่านไปว่า ไม่บ้าครับ หลวงพ่อหมอ ก็พูดขึ้นว่า เอ้อ..แก่ก็ยอมรับแล้วว่า ข้าไม่บ้า แล้วหลวงพ่อหมอ ก็บอกให้ไปซื้อยาสีฟันจากร้านที่ท่านบอก ให้เอามาทาแล้วจะหายภายใน 7 วัน "
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่ยาสีฟันที่หลวงพ่อหมอ
    บอก ให้ไปซื้อมาทา สามารถรักษาอาการทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดที่เป็นอยู่นั้น หายอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ไปรักษาจากโรงพยาบาลมาหลายแห่งแล้วไม่หาย.
    _____________________________
    : #จากตะพานหินสู่วัดโคกกระต่ายทอง :
    หลังจากที่หลวงพ่อหมอได้อยู่สร้างความเจริญทางวัตถุที่วัดพฤษะวันโชติการาม
    ควบคู่กับปลูกฝังรากแห่งความศรัทธาต่อบวรพุทธศาสนาให้เกิดขึ้นและฝังลึกในจิตใจชาวตะพานหินและละแวกใกล้เคียงเป็นเวลาหลายปี
    ร้านค้าชาวจีนหรือเหล่าศิษย์ในอ.ตะพานหิน
    จะมีรูปท่านบนหิ้งพระทุกร้าน
    พระอาจารย์ทองอยู่ แห่งวัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
    ได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้ไปพบท่าน
    จึงขอให้ท่านนำกฐินมาทอดที่
    วัดบัวงาม ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา เมื่อท่านนำกฐินมาทอดแล้ว
    ชาวบ้านท่าเรือเลื่อมใสศรัทธาท่านมากต่างปรึกษากันว่าจะหาวัดให้ท่านมาอยู่ จึงนิมนต์ให้ท่านมาอยู่ที่ วัดโคกกระต่ายทอง ซึ่งวัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่มาก เป็นวัดร้างมานานแล้ว อยู่ที่ ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา.
    ______________________________
    : #เดินข้ามแม่น้ำป่าสัก :
    ครั้งหลวงพ่อหมอ มาอยู่ วัดโคกกระต่ายทอง ท่านได้นั่งรถไฟมาลงที่ท่าเรือ แล้วเดินเท้ามายังวัดชุมแสง เพื่อที่จะข้ามท่าเรือ มายังวัดโคกกระต่ายทอง
    ซึ่งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งแม่น้ำกัน
    ขณะที่หลวงพ่อหมอ มาถึงท่าวัดชุมแสงนั้น เป็นเวลาค่ำแล้วจึงไม่มีเรือข้ามฝากไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    ทันใดนั้นหลวงพ่อหมอ ได้เดินลงเหยียบบนผิวน้ำอัศจรรย์ยิ่งตัวท่านยืนอยู่เหนือผิวน้ำแล้วเดินข้ามแม่น้ำไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    โดยที่มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ว่าเห็นพระเดินข้ามแม่น้ำ บ้างก็ว่าท่านเหยียบยืนบนฝาบาตรลอยข้ามแม่น้ำในครั้งนั้น
    จนเป็นที่กล่าวขานล่ำลือไปทั่วในเขต อ.ท่าเรือ ในสมัยนั้น
    (เรื่องราวจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน).
    ______________________________
    : #สหมิกธรรม :
    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่
    ให้ความเคารพนับถือ ยอมรับในคุณธรรมของ
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาให้สูบ เรียกว่าท่านเป็นเพื่อนชี้กันเลยทีเดียว ท่านทั้งสองต่างรู้ภูมิกัน
    อันที่จริงหลวงพ่อคูณ ท่านเคารพนับถือในองค์หลวงพ่อหมอ มาก หลวงพ่อหมอ ท่านจะอายุมากกว่า หลวงพ่อคูณ 8 ปี
    หลวงพ่อคูณ ท่านกล่าวว่า
    " หลวงพ่อหมอ เก่งกว่ากูเยอะ ".
    ____________________________
    : #เขาดีกว่ากูอีก :
    หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค นครสวรรค์
    บอกแก่ชาวบ้านช่องแค
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ ทำตัวเป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อหมอ ได้ธุดงค์ผ่านไปแถวช่องแค อ.ตาคลี ชาวบ้านที่พบเห็นต่างโจษขานกัน กับความแปลกประหลาดในวัตรปฏิบัติแปลกๆของท่านที่ไม่เหมือนพระทั่วไป จนชาวบ้านบางส่วนมองท่านว่าเป็นพระบ้า
    ด้วยความสงสัยจึงนำเรื่องราวไปถาม
    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ว่ามีพระสติไม่ดีนุ่งจีวรเก่าๆ มาธุดงค์ปักกรด แถวช่องแค ชาวบ้านเอาภัตตาหารไปถวายบางวันไม่ฉันนั่งนิ่งทั้งวัน บางทีชาวบ้านมาพบเจอฉันภัตตาหารกลางคืน
    บางวันมีญาติโยมที่ศรัทธา มานั่งห้อมล้อมเยอะเพราะไปถามอะไรท่าน ในเรื่องที่ตนเองทุกร้อนใจ ท่านรู้ตอบถูกหมด รู้ทุกอย่างที่ชาวบ้านถาม บ้างก็มาให้ท่านทำน้ำมนต์ ให้ดูดวง บ้างก็มารักษาให้ท่านพ่นเป่า บ้างก็มาขอหวย มีทั้งคนที่นับถือ มีทั้งคนที่มาก่อกวนท่าน เพราะหาว่าท่านเป็นพระบ้า
    ชาวบ้านจึงนำเรื่องนี้ไปถามหลวงพ่อพรหม
    ว่าเป็นพระบ้า หรือ อย่างไรกันแน่
    หลวงพ่อพรหม นั่งนิ่งสักพักแล้วท่านบอกกับโยม
    ที่สงสัยในตัวหลวงพ่อหมอว่า
    " เขาดีกว่ากูอีก "
    จึงไม่มีใครกล้าไปตอแยก่อกวนหลวงพ่อหมออีกเลย.
    ______________________________
    : #ฝ่ามือมหาลาภ :
    เรื่องมหาลาภ ของหลวงพ่อหมอนั้นว่ากันว่าขลังเป็นยิ่งนัก
    ฝ่ามือมหาลาภของท่าน นับว่าเป็นของวิเศษนัก
    หลวงพ่อหมอ ท่านจะเน้นไปทางด้าน
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เงินไม่ขาดมือ
    ในวัตถุมงคลของท่านมักจะมีรูปฝ่ามือมหาลาภของท่าน วางประทับอยู่ด้านหลังวัตถุมงคลนั้นๆ
    ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือพระสมเด็จ
    จะมีรูปฝ่ามือมหาลาภ ของท่านประทับอยู่ข้างหลังขององค์พระเกือบทุกรุ่น
    ฝ่ามือมหาลาภที่ประทับไว้ด้านหลังวัตถุมงคลของท่านนั้นยังแฝงไว้ด้วยซึ่งปริศนาธรรรม
    ว่าฝ่ามือของท่านนั้นค่อย ช่วยเหลือ ผลักดัน
    ส่งเสริม อุปถัมภ์ค้ำชู มิให้ตกต่ำ
    วัตถุมงคลของท่านนั้นจะดีไปในทาง
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เมตตา ค้าขาย เจริญก้าวหน้า ทำมาหากินคล่องตัว ทั้งยังคุ้มครองป้องกัน
    นักเสียงโชคและคนค้าขาย ควรหามาบูชายิ่งนัก
    วัตถุมงคลของท่านนั้นราคาไม่แพง เพราะคนไม่ค่อยรู้จักท่าน
    แต่ที่น่าแปลกคือหาไม่ค่อยได้ไม่ค่อยพบเจอ.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปหล่อหลวงพ่อหมอวัดโคกกระต่ายทองรุ่นมหาลาภปี ๒๕๓๙ ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240428_164513.jpg IMG_20240428_164540.jpg IMG_20240428_164558.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2024
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1714305437476.jpg
    หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ วัดป่าตึงมรณภาพลงเมื่อวันที่ 16 ก.พ.36 มีอายุได้ 97ปีเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคเหนือเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านถือปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด หลวงปู่หล้า
    ท่านได้รับสมญานามจากญาติโยมว่า หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ เชื่อว่าท่านมีญาณ
    วิเศษที่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้
    หลวงปู่หล้า (พระครูจันทสมานคุณ) ท่านเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ
    พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 หลวงปู่หล้าเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีขึ้น 7 ค่ำเดือน
    11 ตรงกับวันที่ 22 กันยายน 2441 ที่บ้านปง ตำบลออนใต้อำเภอสันกำแพง
    จังหวัดเชียงใหม่ โยมพ่อชื่อ นายเงินโยมแม่ชื่อนางแก้ว นามสกุล บุญมาคำ
    เมื่อหลวงปู่หล้าอายุได้ 8 ขวบ โยมแม่ก็นำไปฝากกับครูบาปินตาเจ้าอาวาสวัด
    ป่าตึงให้เป็นเด็กวัด หลวงปู่หล้า จึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือเป็นครั้งแรกกับครูบา
    อินตา ซึ่งสมัยนั้นจะเรียนหนังสือพื้นเมืองจนอายุได้ 11 ขวบ ก็ได้บวชเป็นสาม
    เณรในช่วงเข้ารุกขมูล เข้ากรรมอยู่ในป่า
    หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ วัดป่าตึง จังหวัดเชียงใหม่
    การเข้ากรรม หรืออยู่กรรม เรียกว่าประเพณีเข้าโสสานกรรมซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่พระสงฆ์จะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดซึ่งมักจะ
    กระทำกันในบริเวณป่าช้าที่อยู่นอกวัดพระสงฆ์และผู้ที่เข้าบำเพ็ญโสสานกรรมจะต้องถือปฏิบัติเคร่งครัดเพื่อต้องการบรรเทากิเลสตัณหา
    จนกระทั่งอายุได้ 18ปีจึงเดินทางไปจำพรรษาอยู่ในเมืองเชียงใหม่เพื่อเรียนนัก
    ธรรมที่วัดเชตุพน หลวงปู่หล้าเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพนเพียง 1 ปียังไม่ทันสำเร็จ
    ก็ต้องเดินทางกลับวัดป่าตึง เพื่อปรนนิบัติครูบาปินตาที่ชราภาพ หลวงปู่หล้าอยู่
    ปรนนิบัติครูบาปินตาจนกระทั่งล่วงเข้าปี พ.ศ.2467 ครูบาปินตาก็มรณภาพด้วย
    วัย 74 ปี ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่หล้า อายุ 27ปีเท่านั้น หลวงปู่หล้ารับตำแหน่งเจ้า
    อาวาสวัดป่าตึงต่อจากครูบาปินตา เมื่อปี พ.ศ. 2467 และได้รับการแต่งตั้งเป็น
    เจ้าคณะตำบลออนใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2476 จนเมื่อปี 2504 หลวงปู่หล้าได้รับการ
    แต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูจันทสมานคุณซึ่งขณะนั้นท่านอายุ 63 ปี
    หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ วัดป่าตึง จังหวัดเชียงใหม่
    มีคนพากันยกย่องหลวงปู่หล้าว่า ท่านสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้มีเรื่อง
    เล่าว่าวันหนึ่งฝนตั้งเค้าจะตกหนักหลวงปู่หล้าู่บอกให้พระเณรรีบออกจากกุฏิ
    เพราะกุฏิเก่าและทรุดโทรมมากและมีต้นลานขนาดใหญ่อยู่ข้างกุฏิ ปรากฏว่า
    วันนั้นฝนตกหนักกิ่งต้นลานก็หักโค่นลงมาทับกุฏิพังพระเณรที่อยู่ในวัดทุกคน
    ปลอดภัยและพากันสรรเสริญว่าท่านมีตาทิพย์
    นอกจากนั้นพระพิชิต สมหิโต รองเจ้าอาวาสวัดป่าตึง (2554)เล่าให้ฟังว่า
    เช้าวันหนึ่งเวลาประมาณตี 5 หลวงปู่หล้าให้พระเณรรีบทำความสะอาดวิหาร
    เพราะจะมีแขกมาหาที่วัด พอถึงเวลา 6 โมงในหลวงทรงเสด็จมาที่วัดป่าตึง
    ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงพากันเรียกท่านว่าหลวงปู่หล้า ตาทิพย์
    เหรียญหลวงปู่ครูบาหล้า จันโทภาโส หรือหลวงปู่หล้าตาทิพย์ แห่ง วัดป่าตึง ปี2528มท.สร้างถวายหลังยันต์กันปืน หรือยันต์ข่ามสีนาท (ปืนยิงไม่ออกไม่ถูก) ท่านบริกรรมปลุกเสกเดี่ยว ด้วยอำนาจจิตของหลวงปู่ ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา มีทิพยจักษุมีเจโตปริยญาณ แก่กล้า ใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไรอย่างไรท่านรับรู้ได้ด้วยสมาธิทั้งหมด ครั้งหนึ่งมีตนนับถือศาสนาคริสต์ตามเพื่อนไปกราบเยี่ยมท่านที่วัด พอถึงตอนรับแจกวัตถุมงคล ท่านได้เอ่ยขึ้นเชิงหยอกล้อเล่นๆว่า"เฮาเป๋นคนคริสต์ ถือพระไหว้พระได้กา จะเอาไปยะใด" แต่ท่านก็เมตตาแจกให้ สร้างความแปลกประหลาดใจแก่คนผู้นั้นมากว่าท่านทราบได้อย่างไรเพราะมิได้เอ่ยบอกใครเลย หลวงปู่ท่านมีพุทธาคมแก่กล้ามาก เชี่ยวชาญการทำน้ำพระพุทธมนต์ธรณีสารหลวงมาก ใครไปกราบท่านก็อยากให้ท่านรดน้ำมนต์ให้ เพราะน้ำมนต์ท่านศักดิ์สิทธิ์แก้ล้างขับอาถรรพ์ภูติผีปีศาจเสนียดจัญไรได้ดีเยี่ยมแม้ครูบาวัดปากกองสารภี หรือครูบาผีกลัวก็ยังให้ความเคารพท่านมากๆ ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ อีกทั้งหลวงปู่หล้าท่านยังเก่งเรื่องของเมตตามหานิยม จะเก็นได้ว่าพระคาถาที่ท่านมักใช้จารหรือลงในวัตถุมงคล นอกจากเป็นยันต์ทางคงกระพันแคล้วคลาดเช่นยันต์ปถมังสี่ด้าน หรือยันต์นาคคอคำ ที่ท่านใช้ลงตะกรุดแล้ว ท่านมักจะลงด้วยคาถามูตูตังแปด ดอกไม้เมืองสวรรค์ หัวใจ๋ปิติธรรมทั้งสี่ สิมป๊ะลีเรียกโชค พระจันทร์ขว้ำพระจันทร์หงาย อยู่เสมอๆเพราะท่านชำนาญทางพระคาถาเมตตามาก ของดีหลวงปู่ท่านมักแจกมากกว่าจำหน่าย พระของท่านแม้ราคาค่าบูชาไม่แพงนักแต่มีพุทธคุณสูง มีประสบการณ์มากมาย เป็นที่เคารพนับถือโดยทั่วครับ.......
    มีคนพากันยกย่องหลวงปู่หล้าว่า ท่านสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้มีเรื่อง
    เล่าว่าวันหนึ่งฝนตั้งเค้าจะตกหนักหลวงปู่หล้าู่บอกให้พระเณรรีบออกจากกุฏิ
    เพราะกุฏิเก่าและทรุดโทรมมากและมีต้นลานขนาดใหญ่อยู่ข้างกุฏิ ปรากฏว่า
    วันนั้นฝนตกหนักกิ่งต้นลานก็หักโค่นลงมาทับกุฏิพังพระเณรที่อยู่ในวัดทุกคน
    ปลอดภัยและพากันสรรเสริญว่าท่านมีตาทิพย์
    นอกจากนั้นพระพิชิต สมหิโต รองเจ้าอาวาสวัดป่าตึง (2554)เล่าให้ฟังว่า
    เช้าวันหนึ่งเวลาประมาณตี 5 หลวงปู่หล้าให้พระเณรรีบทำความสะอาดวิหาร
    เพราะจะมีแขกมาหาที่วัด พอถึงเวลา 6 โมงในหลวงทรงเสด็จมาที่วัดป่าตึง
    ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงพากันเรียกท่านว่าหลวงปู่หล้า ตาทิพย์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อลอยองค์หลวงปู่หล้ารุ่นฉลองศาลา หาไม่ยาก แต่ไม่ง่าย
    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240428_185414.jpg IMG_20240428_185443.jpg IMG_20240428_185505.jpg IMG_20240428_185348.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    get_auc3_img (6).jpeg 1292875-461d2.jpg
    หลวงพ่อเงิน บางคลาน เนื้อผง หลังพระเจ้าห้าพระองค์ รุ่นฟ้าคำรณ จ.พิจิตร ปี ๒๕๓๔ พิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ ๑๗ พ.ย. ๓๔ โดยมีเกจินั่งปรกปลุกเสกดังต่อไปนี้

    - หลวงพ่อเชื้อ วัดบางคลานใต้
    - หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลานเหนือ (ผู้สร้างหลวงพ่อเงิน ๑๕)
    - หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    - หลวงพ่อผล วัดดักคะนน
    - หลวงพ่อโง่น วัดพุทธบาทเขารวก ฯลฯ

    ที่ชื่อรุ่นฟ้าคำรณ เพราะได้เกิดเสียงดังกระหึ่มลือลั่นสะท้านปฐพี ขณะที่วัดบางคลานใต้ ประกอบพิธีเททอง พระหลวงพ่อเงิน ท้องฟ้าซึ่งโปร่งใสปราศจากเค้าเมฆฝน ก็มืดครื้มดำทะมึนอย่างน่าสะพรึง และแล้วอสนีบาตก็ฟาดเปรี้ยงกลางปะรำพิธี เสียงฟ้าคะนองคำรามลั่นไปทั่วอาณาบริเวณ เปรียบประดุจดวงวิญญาน หลวงพ่อเงิน ท่านรับรู้บอกกล่าวเป็นนิมิตหมายอันดีและเสมือนท่านร่วมปลุกเสกด้วย ชาวบางคลานจึงขนานนามวัตถุมงคลในพิธีดังกล่าวนีว่า รุ่นฟ้าคำรณ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงหลวงพ่อเงินวัดบางคลานปิดทองรุ่นฟ้าคํารณให้บูชา
    170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240428_190906.jpg IMG_20240428_190937.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2024
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1714316514161.jpg
    หลวงปู่สด ธมฺมวโร (พระอรหันต์แห่งทุ่งบางไทร) วัดโพธิ์แตงใต้ บางไทร พระนครศรีอยุธยา
    ผู้ถ่ายทอด : อาจารย์เจริญ โชชัยชาญ ข้าราชการบำนาญ/ลูกศิษย์หลวงปู่สด
    ผู้บันทึก : คุณพรพรรณ นิลาบุตร หลวงพ่อสด ธมฺมวโร อดีตเจ้าอาวาส วัดโพธิ์แตงใต้ ต. โพธิ์แตงใต้ อ. บางไทร จ. อยุธยา บิดาชื่อ นาย เปลี่ยน มารดาชื่อ นาง เล็ก ธรรมประเสริฐ ชื่อเดิม นายสด มีอาชีพทำนาทำสวน สมัยที่หลวงพ่อสดฯอายุประมาณ 7 ขวบเป็นเด็กเรียบร้อยชอบตามโยมบิดาโยมมารดาไปทำบุญตามวัดต่างๆ พออายุประมาณ 10 ขวบ ดช. สดฯ ท่านขออนุญาตโยมบิดาและโยมมารดาบวชเป็นสามเณร เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและเรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไปด้วย
    ต่อมาหลวงพ่อสดฯต้องลาสิขาบทตามคำขอร้องของโยมบิดาและโยมมารดา มาช่วยทำนาและทำสวน พ.ศ. 2460 ญาติผู้ใหญ่ของหลวงพ่อสด ถึงแก่กรรมลงตอนนั้น หลวงพ่อ สดฯอายุ 18 ปี ได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนพระคุณแก่ผู้ตาย และศึกษาธรรมตลอดมา พ.ศ. 2462 หลวงพ่อสด ท่านมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ หลวงพ่อสด ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดโพธิ์แตงใต้ จ.อยุธยา โดยมีพระอริยทัชชะมุนี วัดลำแล จ. ปทุมธานี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา (ธมฺมวโร ) สังกัดรามัญนิกาย
    หลวงพ่อสด ท่านได้ศึกษาธรรมและวิชาไสยเวทย์จากพระเกจิที่เป็นชาวมอญหลายองค์ ทางด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยมโดยเฉพาะด้านกันและแก้คุณไสยที่ชาวมอญเก่งมาก นานถึง 27 ปี ต่อมา พ.ศ. 2489 วัดโพธิ์แตงใต้ ได้โอนย้ายการปกครองสงฆ์มาอยู่ในนิกายธรรมยุติ หลวงพ่อสด ท่านได้เดินทางไปวัดบวรนิเวศฯเพื่อทำการอุปสมบทใหม่โดยมี สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศฯเป็นพระอุปัชฌาย์และได้รับฉายาเดิม (ธมมวโร )
    จากนั้นหลวงพ่อสด ก็ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบวรนิเวศฯ เรียนภาษาบาลีและศึกษาธรรมจนแตกฉาน หลวงพ่อสด ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ (วิสามัญ ) นามพระครูเอนกสารคุณ พ.ศ. 2507 ท่านเจ้าอาวาส วัดโพธิ์แตงใต้ ได้มรณะภาพลงชาวบ้านจึงได้พร้อมเพียงกันนิมนต์ หลวงพ่อสด มาเป็นเจ้าอาวาส วัดโพธิ์แตงใต้ต่อ หลวงพ่อสด ท่านเริ่มพัฒนา วัดโพธิ์แตงใต้ทันทีจนเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน ต่อมาพ.ศ. 2514 หลวงพ่อสด ท่านได้รับแต่งตั้งเป็น ( พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี )
    พ.ศ. 2515 หลวงพ่อสด ท่านมีอายุครบ 72 ปี 6 รอบ ชาวบ้านจึงได้จัดงานฉลองสมณศักด์ ให้ท่าน โดยหลวงพ่อสดฯได้อนุญาตให้จัดสร้างเหรียญรูปไข่ครึ่งองค์รุ่นแรกแจกแต่มีจำนวนน้อยมาก ปัจจุบันมีมูลค่าสูง
    สมเด็จพระสังฆราชวัดบวรนิเวศ กทม. (สมเด็จญานฯ ) ท่านทรงเคารพ หลวงพ่อสด ศิษย์ผู้พี่มาก ท่านได้เดินทางมาวัดโพธิ์แตงใต้เป็นประจำเพื่อสนทนาธรรม เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2537 สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศฯ ( สมเด็จญานฯ ) ท่านเสด็จมาทรงเป็นประธานยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญ วัดโพธิ์แตงใต้ โดยทรงอนุญาตให้ใช้พระนามย่อ ( ญสส ) ของท่านที่ช่อฟ้าศาลาการเปรียญด้วย และท่านยังอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นฉลองยกช่อฟ้าแจกญาติโยมที่มาร่วมงาน โดยสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรฯ( สมเด็จญานฯ ) และหลวงพ่อสด ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นพิธีอันยิ่งใหญ่
    ในปีเดียวกันนั้น หลวงพ่อสด ท่านได้จัดสร้างเหรียญนั่งพาน รุ่นสุดท้ายโดยปลุกเสกเดี่ยว ขณะนั้นหลวงพ่อสด ท่านชราภาพมาก แต่ก็ยังต้อนรับญาติโยมมาโดยตลอดอย่างเป็นกันเอง
    ต่อมาหลวงพ่อสด ท่านได้ป่วยด้วยโรคชรา และมรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2537 รวมสิริอายุ 96 ปี 76 พรรษา
    วัตถุมงคลที่หลวงพ่อสด ได้จัดสร้างไว้มีไม่มากนักท่านปลุกเสกทั้งหมดทุกรุ่นและมีประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะเหรียญรุ่นศาลาล้มลูกศิษย์ท่านพกติดตัวถูกคู่อริลอบทำร้ายดักยิง ฟัน แทงแต่ไม่เข้าเลยต้องล่าถอยหนีไปเอง ส่วนลูกศิษย์ของหลวงพ่อสดฯอีกหลายคนก็เจอประสบการณ์เช่นกันถึงแม้ไม่ใช่รุ่นศาลาล้มก็คุ้มครองได้
    ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 ที่หลวงพ่อสด ท่านได้มรณภาพลงจนถึงปัจจุบันนานเกือบ 30 ปีร่างของหลวงพ่อสดก็ยังไม่เน่าไม่เปื่อยนอนอยู่ในโรงแก้วอย่างสงบ ลูกศิษย์ท่านใดที่ทราบข่าวแล้วเชิญไปกราบสังขารของหลวงพ่อสด ที่ วัดโพธิ์แตงใต้ได้ตลอดเวลา
    หลวงปู่สด ธัมมวโร วัดโพธิ์แตงใต้ ท่านเป็นพระดีที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ ทรงให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เป็นการส่วนพระองค์ แม้หลวงปู่สด เจ็บป่วยด้วยโรคชรา ก็ทรงมีพระบัญชาให้ หลวงปู่สด เป็นคนไข้ในความอนุเคราะห์ดูแลของ องค์สมเด็จพระสังฆราชโดยตรง
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระเถระ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เป็นการส่วนพระองค์
    ในด้านพระปัญญา ทรงเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก ทั้งฝ่ายเถรวาท( ผู้ปฏิบัติตามคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเคร่งครัด เพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์ คือ เข้าสู่พระนิพพาน) และทรงเชี่ยวชาญ ในพระไตรปิฎก ฝ่ายมหายาน( ผู้ปฏิบัติ เพื่อสร้างบารมี เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคต)
    ในด้านการปฏิบัติ ทรงเชี่ยวชาญ การเจริญ สมถะภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา อย่างยิ่ง
    แม้แต่ ท่านเทนซิน เกียตโซ องค์ดาไลลามะ ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 15 ของธิเบต นิกายวัชรยาน ทรงให้ความนับถือในองค์สมเด็จพระญาณสังวร เป็นอย่างมาก ถึงกับเอ่ยปากให้ทุกคนได้ทราบว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ท่านเป็นพี่ชายคนโตทางธรรมของข้าพเจ้า
    องค์กรสุดยอดผู้นำทางพระพุทธศาสนาทุกนิกายทั้งหมดทั่วโลก ตั้งอยู่ใน ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำทั้งหมดเหล่านั้นได้ยกย่องให้ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช แห่งประเทศไทย เป็นผู้นำองค์กร สุดยอดผู้นำทางพระพุทธศาสนาของโลกแห่งนี้
    หลวงปู่สด ท่านเกิดในปี 2441 และมรณภาพเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2537 อายุ 96 ปี ท่านบวชตั้งแต่เป็นเณรอายุ 18ปี และบวชเป็นพระ ติดต่อกันมาจน ตลอดชีวิต กว่า 76 พรรษา (76 ปีในการเป็นพระ) เป็นผู้เจริญ จิตตภาวนามาตลอดชีวิต
    พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ทุกนิกายในโลก มีมากมาย นับเป็นหลายล้านรูป เฉพาะเมืองไทย ก็มีพระภิกษุสงฆ์เป็นแสนๆรูปแล้วในจำนวนพระเป็นแสนๆรูป ก็มีพระเพียงไม่กี่รูปที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ ทรงให้ความเคารพนับถือเป็นการส่วนพระองค์ หนึ่งในนั้น คือหลวงปู่สด ธัมมวโร วัดโพธิ์แตงใต้ จังหวัดอยุธยา ด้วยรูปหนึ่ง
    ถือได้ว่า เป็นประกาศนียบัตร รับรอง ความเป็น พระดี พระแท้ ของ หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้ อย่างแท้จริง
    หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ เพื่อความเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคต เคยแสดงให้คนแถวบางไทรรับรู้ว่า พระอาจารย์สด วัดโพธิ์แตงใต้ พระหลวงปู่ พระหลวงตา พระบ้านนอกองค์นี้ ไม่ใช่พระธรรมดา ที่ใครๆจะมองข้ามได้
    ซึ่งแม้แต่หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งมีอายุพรรษามากกว่า หลวงพ่ออุตตมะ ก็ยังให้ความเคารพนับถือ เรียกหลวงพ่ออุตตมะว่า ท่านอาจารย์
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย อดีตเจ้าอาวาส วัดป่าสาละวัน จังหวัดนครราชสีมา พระอริยสงฆ์องค์เอก ท่านเป็นลูกศิษย์ องค์สุดท้ายของ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ซึ่งหลวงปู่เสาร์เป็น พระอาจารย์ของท่าน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพธรรม
    หลวงพ่อพุธได้เคยเข้ากราบนมัสการ สนทนาธรรมกับพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)เป็นการส่วนตัว หลวงพ่อพุธเคยกล่าวกับลูกศิษย์ของ ท่านว่า "หลวงพ่ออุตตมะท่านเป็น พระมหาโพธิสัตว์ผู้มากด้วยบารมี" (ลพ.อุตตมะท่านปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต)
    รวมถึงพระผู้ใหญ่ สายท่านอาจารย์มั่น หลายๆท่าน ก็ให้ความนับถือ ในคุณธรรมของหลวงพ่ออุตตมะ อีกทั้งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็ทรงให้ความนับถือในคุณธรรมของหลวงพ่ออุตตมะด้วยเช่นกัน
    ครั้งหนึ่ง มีพิธีพุทธาภิเษกพระพิธีใหญ่ที่วัดโพธิ์แตงเหนือ ได้นิมนต์ครูบาอาจารย์ชั้นนำที่มีคนรู้จักมาร่วมอธิษฐานจิตหลายท่าน แต่มีเรื่องแปลก เกิดขึ้น เมื่อหลวงพ่ออุตตมะเข้ามาถึงพิธี ท่านได้ถามหาพระอาจารย์สด วัดโพธิ์แตงใต้ ว่ามาถึงแล้วหรือยัง เมื่อรู้ว่าทางวัด ไม่ได้นิมนต์หลวงปู่สด มาร่วมงาน หลวงพ่ออุตตมะ ถึงกับไม่ยอมเข้าโบสถ์ และขอให้ชาวบ้านแถวนั้นขับมอเตอร์ไซค์ พาลูกศิษย์ของท่านมาที่วัดโพธิ์แตงใต้ และให้กราบเรียนกับหลวงปู่สด ว่าพระอุตตมะ ขออนุญาตมาอธิษฐานจิตปลุกเสกพระที่โบสถ์วัดโพธิ์แตงเหนือ และกราบขอ นิมนต์ ให้ หลวงปู่สด ส่งจิตมาร่วมอธิษฐานปลุกเสกพระในพิธีครั้งนี้ด้วย
    จำได้ว่าในปีพ.ศ. 2535 ผมทำรูปถ่าย หลวงปู่สดขนาด 4P และรูปถ่าย ครูบาอาจารย์อื่นๆอีกหลายองค์ นำไปขอบารมีให้ท่าน อธิษฐานจิตให้ ตอนนั้น ผมเชื่อมั่นในพลังจิตของ หลวงปู่สด อย่างมาก ขนาดเสก พระกริ่งจีนใหญ่ และ พระกริ่งชินบัญชร ที่อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ มูลนิธิ หลวงปู่ทิม อิสริโก สร้างเมื่อปี 2530 ให้กับ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ เป็นรุ่นแรก ถึงกับ พระกริ่งเคลื่อนไหวขยับตัวได้
    พระที่หลวงปู่สด ท่านปลุกเสกแล้ว อธิษฐานตัดรุ้งกินน้ำบนท้องฟ้าให้ขาด ออกจากกันได้จริงๆ และยังมีเรื่องปาฏิหาริย์อื่นๆอีกมาก
    ตอนนั้นหนังสือพระเครื่องเกือบทุกเล่มได้มี ลงประวัติของหลวงปู่สด และมัก ใช้คำว่า
    “ หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้ เทพเจ้าแห่งบางไทร “
    ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบชื่อนี้มาก ผมจึงเรียนกับท่านว่า หลวงปู่ครับ เวลาผมแจกพระเครื่องของหลวงปู่ ผมจะบอกคนที่ได้รับว่า นี่เป็นพระเครื่องของ หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้ จังหวัดอยุธยา “ เทพเจ้าแห่งบางไทร “
    ปกติหลวงปู่ฯท่านจะไม่ค่อยพูด แต่ครั้งนี้ท่านพูดขึ้นมาทันทีเลยว่า “ใครบอกเธอ ปู่ไม่เคยพูด”
    หลวงปู่ฯบวชเข้ามาในศาสนา ของพระโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้า การประพฤติ พรหมจรรย์ของปู่ เพื่อการละขาด เพื่อการทำลาย เพื่อการสิ้นไป แห่งภพชาติ เท่านั้น
    การได้บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนานี้ ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อหวังไปเกิด เป็นเทวดา เป็นเทพ เป็นพรหม ผู้มีฤทธิ์มาก มีศักดามาก แค่ไหนก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรงสรรเสริญ ถือเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ที่ด่างพร้อย
    หลวงปู่ฯไม่ใช่เทพเจ้าแห่งบางไทร หลวงปู่เป็นพระหลวงตาแก่ๆ ธรรมดา เป็นพระบ้านนอก เป็นสงฆ์สาวกของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    แต่หลวงปู่เป็นพระดี ดีเพราะ หลวงปู่ฯ คิดดี พูดดี ทำดี หลวงปู่ ไม่ทำความเดือดร้อนให้ตัวเอง ไม่ทำความเดือดร้อนให้วัด ไม่ทำความเดือดร้อนให้พระศาสนา ไม่ทำความเดือดร้อนให้กับชาติบ้านเมือง
    เมื่อเธอได้พระเครื่องของหลวงปู่ฯไปแล้ว ขอให้เธอคิดว่าเราจะเดินตาม รอยเท้าของหลวงปู่สดไป เราจะเป็นคนดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ตัวเอง ไม่ทำความเดือดร้อนให้ครอบครัว ไม่ทำความเดือดร้อนให้ที่ทำงาน ไม่ทำความเดือดร้อนให้กับชาติบ้านเมือง
    เริ่มจากการรักษาศีล 5 รู้จักให้ทาน ในเพื่อนมนุษย์ ตลอดจนถึง สัตว์เดรัจฉาน ที่เขาลำบาก ให้เขาได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รู้จักการสวดมนต์ รู้จักการเจริญภาวนา ทำได้อย่างนี้แล้ว
    ชีวิตของเธอ ก็จะประสบแต่ความสุข ประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตามความปรารถนาของเธอ ที่ได้ตั้งใจเอาไว้
    ในความรู้สึกของข้าพเจ้า (อาจารย์เจริญ) แล้ว หลวงปู่สด ธัมมวโร วัดโพธิ์แตงใต้ อ. บางไทร จ. อยุธยา ท่านไม่ใช่เป็น เทพเจ้าแห่งบางไทร เพราะการประพฤติพรหมจรรย์ของท่าน เลยสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว แต่ท่านเป็น
    “ หลวงปู่สด ธัมมวโร พระอรหันต์ แห่งทุ่งบางไทร “
    คำสั่งสอนของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ
    “ บุญมีอยู่ในบุคคลใด ในที่ใด บุคคลนั้น ที่นั้นก็มีสุข แม้จะขัดข้องบ้าง ก็ไม่นาน เพราะบุญเป็นสิริที่ชักนำโภคสมบัติทั้งปวง บุญก็คือความดี
    บุญกิริยาการทำบุญก็คือทำความดี โดยย่อมี ๓ คือ
    (๑) ทาน การให้ การบริจาค เพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์ บูชา เพื่อกำจัดความโลภความตระหนี่ในจิตใจ
    (๒) ศีล ความประพฤติเป็น ปกติเรียบร้อยดีงามทาง กาย วาจา ด้วยความตั้งใจงดเว้นความประพฤติชั่ว ประพฤติผิดต่าง ๆ เป็นเครื่องกำจัดโทสะในจิตใจ
    (๓) ภาวนา ความอบรมใจให้สงบตั้งมั่น อบรมปัญญาให้รู้เห็นถูกต้องตามเป็นจริง เป็นเครื่องกำจัดโมหะความหลงในจิตใจ...”
    โอวาทธรรมของ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อ่านแล้วพิจารณาดูให้ดีจะเห็นว่า พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่สด ธรรมวโร กับ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สอนเบื้องต้น แก่บุคคลทั่วไป ความหมายนัยยะอย่างเดียวกัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลังรูปเหมือนหลวงปู่สดวัดโพธิ์แตงใต้ ๒ องค์
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240428_205834.jpg IMG_20240428_205910.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2024
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    get_auc1_img (10).jpeg

    FB_IMG_1714357109237.jpg FB_IMG_1714357115182.jpg FB_IMG_1714357112038.jpg FB_IMG_1714357123956.jpg
    หลวงพ่อบุญ วัดสาระวัน ปัตตานี พระเกจิ ปลายด้ามขวาน ที่ศพแข็งเหมือนหิน
    หลวงพ่อบุญ ติสสโร ท่านมีชื่อเดิมว่า นาย บุณ เพชรจีน เกิดที่หมู่ที่ 2 ตำลไม้แก่น อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2440 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา เป็นบุตรของ นายหลง-นางสร้อย เพชรจีน มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน จำนวน 5 คนคือ
    1. นายบุณ เพชรจีน (หลวงพ่อบุญ ติสสโร)
    2. นายสีจันทร์ เพชรจีน (ถึงแก่กรรม)
    3. นายเพชร เพชรจีน (มีชีวิตอยู่)
    4. นางดี เพชรจีน (มีชีวิตอยู่)
    5. นายหน่อ เพชรจีน (ถึงแก่กรรม)
    เมื่ออายุ 8 ปี บิดามารดาได้พาไปฝากไว้กับพระแก้ว เพชรไกร ให้ศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาขอม ที่วัดสารวัน และเข้าสอบเทียบวุฒิ ป. 4 ณ. วัดวิมลวัฒนาราม ในสมัยพระยาพิบูลย์ พิทยาพรรค ที่จังหวัดสายบุรี (สมัยก่อนเป็นจังหวัด) มณฑลปัตตานี
    เมื่ออายุ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรโดยพระจันทร์ ธมนโชโต เป็นอุปัชฌาย์ ณ.วัดไม้แก่น และพำนักอยู่ที่วัดสารวันกับ พระแก้ว เพชรไกร เป็นเวลา 1 พรรษา จึงลาสิกขาบทออกไปประกอบอาชีช่วยบิดามารดาเป็นเวลา 1 ปี เมื่ออายุ 21 ปี ได้บรรพชาเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม 2461 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปี มะเมีย ณ. พัทธสีมาวัดสารวัน ตำบลไม้แก่น อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี พระอุปัชฌาย์ คือพระท่านเพระครูจันทร์ ธมนโชโต พระกรรมวาจาจารย์ พระสามปญญาโน วัดสารวัน เมื่ออุปสมบทแล้วได้ติดตามพระสมุห์จันทร์ อตตโน ไปพำนักที่วัดพณาสณท์ จังหวัดนราธิวาส เป็นเวลา 1 พรรษา ได้ศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติธรรม จำปาฏิโมกข์ สวดมนต์ญาณต่างๆ เรียนมูลกัจจายห์ พรรษาที่ 2 กลับมาอยู่ที่วัดสารวัน เป็นเวลา 3 พรรษา แล้วไปศึกษาภาษาบาลี ไวยากรณ์กับพระวินัยธร (เงิน) ปมตโต วัดมหันตคาม เป็นเวลา 1 พรรษา
    หน้าที่ตำแหน่งสมณศักดิ์
    พ.ศ. 2477 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสารวัน(ลุตง)
    พ.ศ. 2483 ดำรงตำแหน่งพระสมุห์อำเภอสายบุรี
    พ.ศ. 2487 ดำรงตำแหน่งสาธารณูปการอำเภอสายบุรี
    พ.ศ. 2490 ดำรงตำแหน่งพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ. 2498 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น พระครูบุณยโสภณ
    พ.ศ. 2519 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสายบุรี
    การเผยแผ่ศาสนา หลวงพ่อบุญ ติสสโร เป็นพระภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างที่ดีของพระสงฆ์ และท่านทบทวนบทสวดมนต์สม่ำเสมอ โดยใช้เวลานั่งสวดมนต์หน้าพระประธานบนกุฏิหลังใหญ่ ท่านมีความตั้งใจจริง ในการอบรมสั่งสอน พระภิกษุและสามเณร ท่านจะคอยสังเกตุดูแลอย่างใกล้ชิด หากพบว่าพระภิกษุหรือสามเณร ปฏิบัติไม่ถูกต้องท่านจะเรียกมาว่ากล่าวตักเตือนทันที ตัวอย่างที่พบเห็นได้ชัดเจนเช่น พระภิกษุบวชใหม่ 3-4 รูป ลงจากกุฏิหลังใหญ่มานั่งบนกิ่งต้นทุเรียบ (มีลักษณะล้มติดพื้นดินเหมือนม้านั่ง เป็นต้นทุเรียนที่ให้ผลทุกปี) ท่านอยู่บนกุฏิหลังใหญ่มองเห็นดังนั้น ก็รีบบอกพระภิกษุทันทีว่า พระภิกษุนั่งบนกิ่งต้นทุเรียนนั้นไม่ได้ เพราะต้นไม้ทุกชนิดที่ให้ผลรับประทานได้นั้น ถ้าพระภิกษุจับต้องลำต้นกิ่งหรือส่วนอื่นๆ ของต้นไม้นั้นแล้ว เมื่อฉันท์ผลของต้นไม้นั้นก็เสมือนว่า พระภิกษุนั้นฉันท์ผลไม้ ที่ยังไม่ได้ประเคน เพราะภิกษุจับต้องก่อนแล้ว นอกจากนี้ สิ่งที่ญาติโยมพบเห็นอีกประการหนึ่งคือ ท่านจะไม่หยิบธนบัตรและเหรียญตราด้วยมือของท่านเองเมื่อเวลาจะใช้จ่ายท่านจะเรียกญาติโยมให้เป็นผู้จัดการจ่ายให้จนเป็นที่เรียบร้อย
    เมื่อ พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมท่านพระครูบุณยโสภณ และสนทนาธรรม พระองค์มีความเลื่อมใส ในการปฏิบัติธรรมของ ท่านพระครูบุณยโสภณ จึงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นค่าภัตตาหารประจำทุกปีๆ ละ 10,000 บาท
    ท่านพระครูบุณยโสภณ มีอายุ 88 ปี 8 เดือน 8 วันก่อนมรณภาพ ท่านมีอากาณเวียนศรีษะคล้ายจะเป็นลม ต่อจากนั้นมีอาการกระดูกสันหลังแข็ง ลุกขึ้นไม่ค่อยสะดวก พระปลัดเหวียน ฐิตญาโณ และพระภิกษุจำนวน 7 รูป ได้พลัดเปลี่ยนทำหน้าที่กันเพื่อปฏิบัติดูแลท่านตามพระธรรมวินัย แต่อาการอาพาธของท่านไม่ดีขึ้น จึงได้นำส่งไปยังแพทย์หลวงที่ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส ท่านมีอาการดีขึ้นระยะหนึ่ง หลังจากนั้นอาการของท่านเริ่มทรุดหนักอีกเกี่ยวกับหลอดอาหารทำให้ท่าน ฉันท์อาหารลำบากมาก
    ในช่วงระยะเวลาเดียวกันนี้ ราชเลขาฯ ในพระองค์ของ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้มาเยี่ยมวัดสารวัน จึงพบเห็นอาการ อาพาธของท่าน จึงกลับกราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถแฃะพระองค์ได้เสด็จมาที่ วัดสารวัน ในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2528 พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ ซึ่งมีแพทย์หลวงมาตรวจอาการอาพาธ ล่วงหน้าแล้วหลังจาก สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งให้แพทย์หลวงไปรับหลวงพ่อบุญ ติสสโร ไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาส ในวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2528 เวลา 00.15 น. ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ปี ฉลู หลวงพ่อบุญ ติสสโร ก็ถึงแก่มรณภาพ ณ.โรงพยาบาลนราธิวาส รวมพรรษา 68 พรรษา เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 70,000 บาท เพื่อใช้ในงานบำเพ็ญกุศลศพ หลวงพ่อบุญ ติสสโร
    เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2536 สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จวันสารวัน และมีกระแสรับสั่งผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายพลากร สุวรรณรัฐ และท่านเจ้าคุณสุนทรราชมานิตเถระวัดในวัง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ให้ฌาปนกิจศพท่าน พระครูบุณยโสภณ ซึ่งญาติโยมไม่กล้าทำพิธีฌาปนกิจ เพราะศพท่านมีลักษณะ แข็งเหมือนหิน ไม่เน่าเปื่อย เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ควรเก็บไว้บูชาต่อไป หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้ประชุมชี้แจงชาวบ้านญาติโยมสารวัน จนเป็นที่เข้าใจตรงกันในพระมหากรุณาธิคุณ และท่านเจ้าคุณสุนทรราชมานิตเถระได้ประชุมชาวบ้านสารวันและใกล้เคียง แล้วกำหนดวัน พระราชทาคตนเพิลงศพท่านพระครูบุณยโสภณ ตรงกับวันที่ 10 เมษายน 2537
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อบุญวัดสาลวันและพระผงรูปเหมือนแจกงานพระราชทานเพลิงศพ
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240428_205750.jpg IMG_20240428_205815.jpg
    IMG_20240428_194753.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2024
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1714380065595.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1714362562480-jpg.jpg fb_img_1714362599554-jpg.jpg
    หลวงพ่อแดง อภิโชโต" ชื่อเดิมนายแดง โชติกุล เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2450 เดือน 4 ปีมะแม เกิดที่บ้านท่าแห ต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก บิดาชื่อนายน้อย มารดาชื่อนางเรียบ โชติกุล "หลวงพ่อแดง" เป็นผู้ฝักใฝ่ในพระศาสนาตั้งแต่ต้น และปฏิบัติธรรมรักษาศีลมาโดยตลอด อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2500 ขณะนั้นหลวงพ่อแดงอายุได้ 50 ปี ณ วัดใหม่บำเพ็ญผล (ท่าแห) ต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก ซึ่งได้ปฏิบัติและร่ำเรียนวิชาอย่างใกล้ชิดกับอาจารย์หลายท่าน เช่น หลวงพ่อมุ้ย วัดท้าวอู่ทอง จ.ปราจีนบุรี, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา

    วาระสุดท้ายที่ท่านมรณภาพละสังขารอย่างสงบเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2536

    เมื่อวานนี้ (15 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่วัดใหม่บำเพ็ญผล (วัดท่าแห) หมู่ 8 ต.ดงละคร อ.เมืองนครนายก ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อลูกศิษย์ของหลวงพ่อแดง อภิโชโต เกจิดังสายเมตตา อดีตเจ้าอาวาสวัดที่มรณภาพไปนานแล้วกว่า 10 ปี เปิดโลงแก้วเพื่อเปลี่ยนจีวรให้ใหม่ปรากฏว่าร่างของหลวงพ่อแดงได้กลายเป็นหินสร้างความแปลกใจให้กับลูกศิษย์ทุกคน จึงได้รีบเดินทางไปพิสูจน์ความจริง พบกับพระสำเนียง สุขธัมโม อายุ 74 ปี พระลูกวัดและเป็นพระลูกชายของหลวงพ่อแดง อภิโชโต ได้พาผู้สื่อข่าวเดินไปยังศาลาการเปรียญที่เก็บร่างของหลวงพ่อแดงเอาไว้ทันที

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปหล่อหลวงพ่อแดง พลังจักรวาล
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240429_162347.jpg
    img_20240429_100634-jpg.jpg img_20240429_100701-jpg.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1714387227753.jpg
    ประวัติ หลวงปู่แบน จนฺทสโร

    หลวงปู่แบน จนฺทสโร เดิมจำพรรษาวัดตาลเจ็ดชื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2513 หลวงปู่แบนมีความรู้เรื่องยาสมุนไพรจึงรักษาญาติโยมด้วยยาแผนโบราณ และเริ่มนำชาวบ้านพุน้อยก่อสร้างเสนาสนะ
    สถานะ : แบน คุณหิรัญ
    สัญชาติ : ไทย
    ที่อยู่ : ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง
    บิดาชื่อ : นายมี คุณหิรัญ
    มารดาชื่อ : นางเวียน คุณหิรัญ


    หลวงปู่แบน เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อยเมื่อ พ.ศ. 2513 ขณะนั้นมีพระจำพรรษาอยู่ 3 รูป หลวงปู่แบน มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยมที่เจ็บป่วยด้วยยาแผนโบราณ


    หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุก เสก สร้าง “เรือแม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีตหลวงปู่แบนท่านชอบเรียนทางวิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป้นพระ ท่านจึงได้แตกฉานในวิชาแขนงนี้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2516 หลวงปู่แบนท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ จากชาวบ้านซึ่งได้ขุดพบฝังอยู่ในดินเป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง
    เรื่องดี บอกต่อกันไป
    เศรษฐี เรือทอง หลวงพ่อแบน จันทสโร
    วัดพุน้อย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เรือ โชคลาภ เลือกเจ้าของ อาถรรพ์ แม่ตะเคียนทอง ที่มีคนกล่าวขาน กันมากที่สุด พุทธคุณ ด้านเดียว กับ พญานกถึดทือ ไม่เชื่อลองดู
    ศักดิ์สิทธิ มีจริง เชิญ พิสูจน์ ที่วัด
    ประวัติ หลวงปู่แบน (จนฺทสโร) วัดพุน้อย
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร เดิมจำพรรษา วัดตาลเจ็ดชื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เริ่มจำพรรษา อยู่ที่วัดพุน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2513 หลวงปู่แบนมีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยม ด้วยยาแผนโบราณ และเริ่มนำ ชาวบ้านพุน้อย ก่อสร้างเสนาสนะ
    หลวงปู่แบน เริ่มจำพรรษาอยู่ ที่วัดพุน้อยเมื่อ พ.ศ. 2513 ขณะนั้นมีพระจำพรรษา อยู่ 3 รูป หลวงปู่แบน มีความรู้เรื่อง ยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยม ที่เจ็บป่วยด้วยยาแผนโบราณ
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุก เสก สร้าง
    “เรือ แม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีต
    หลวงปู่แบน ท่านชอบเรียนทาง วิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป็นพระ ท่านจึงได้แตกฉานในวิชา แขนงนี้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2516 หลวงปู่แบน ท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ จากชาวบ้านซึ่ง ได้ขุดพบฝังอยู่ในดิน เป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง
    ครั้นเมื่อไปถึงหลวงปู่แบน ท่านก็ได้อัญเชิญวิญญาณของแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเป็นรุกขเทวดา ที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง ให้มาสร้างบารมีอยู่ที่วัดพุน้อยด้วยหลังจากได้นำเอาตะเคียนทองใหญ่ มาไว้ที่ วัดพุน้อย ก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น
    เมื่อญาณของแม่ตะเคียนทองได้เข้าไป ในนิมิตของหลวงปู่แบน ว่า
    “อยากจะร่วมสร้างบารมีบุญกับหลวงปู่ด้วย !!!”
    โดยแม่ตะเคียนทองได้ขอ ให้หลวงปู่แบนเอาต้นตะเคียนทองที่ตนอาศัย อยู่นั้นมาทำ เป็นเรือแม่ตะเคียนทอง เพื่อหลวงปู่จะได้นำเรือนี้ ไปช่วยเหลือผู้คนในด้านทำมาหากิน ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น และด้วยนิมิตดังกล่าว
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็ได้นำเอา ตะเคียนทองใหญ่นั้นมาทำเป็นเรือสำปั้น ปลุกเสกด้วย คาถาเมตตาทำมาหากินคล่อง และอัญเชิญ ญาณบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย (ซึ่งเป็นรุกขเทวดา) ได้สถิตอยู่ในเรือทุกลำ
    ครั้นเมื่อ ญาติโยม
    ผู้ใดอยากจะได้ไปบูชาก็ต้องทำพิธีรับเรือ
    ด้วยตนเอง และ อัญเชิญบารมี แม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย เพื่อจะได้ช่วยดลบันดาลให้ กิจการงาน ทำมาหาหากิน ค้าขาย เจริญรุ่งเรืองประสบผล สำเร็จ
    ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮา อัศจรรย์จริงๆ เพราะ ถ้าหาก ว่า ใครสามารถ ที่จะยกเรือขึ้นได้ ทางวัดจึง
    จะให้บูชาไปได้ ถ้าหากใครยกไม่ขึ้น วันหลังถึงค่อยมายกใหม่
    หรือจนกว่า จะยกขึ้น ทางวัดจึงจะ ให้บูชาไป ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า แม่ตะเคียนทองเค้ายังไม่ยอม ให้กับเรา หลวงปู่แบน ท่านว่าอย่างนั้น ปัจจุบันแม้ท่านหลวงปู่แบน จนฺทสโร ท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังมีศิษย์ก้นกุฏิ ที่ยังสืบสาน วิชาการ ทำเรือตะเคียนทองขึ้นมาจนโด่งดัง ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ
    ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อย รูปปัจจุบัน และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะ ตำบลหนองเมือง ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด หลวงปู่แบนมาก ในสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ ด้วยเหตุที่ท่าน เป็นพระปฏิบัติดี นักพัฒนา และมีเมตตา หลวงปู่แบน ท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาการ ทำเรือแม่ตะเคียนทอง อันเป็นต้นตำรับ ที่ท่านมีอยู่จนหมดสิ้น และที่กล่าวมา ทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของ
    ประวัติหลวงปู่แบน จนฺทสโร และรวมถึงอภินิหารของ เรือแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเจ้าอาวาสวัดพุน้อย องค์ปัจจุบันคือ ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน ซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาการปลุกเสกทำเรือแม่ตะเคียนทองแบบต้นตำรับ อาถรรพณ์ จากหลวงปู่แบน ได้ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง สามารถพิสูจน์ได้
    ถ้าใครไปเข้าพิธีรับเรือ แล้วยกเรือไม่ขึ้น ทางวัดจะไม่ให้บูชาไป
    แต่ถ้าใครสามารถยกเรือขึ้นได้ ทางวัดก็จะให้บูชากลับบ้านไป ซึ่งนั่นก็หมายถึง บุคคลผู้นั้นมีวาสนาบุญบารมี
    รุกขเทวดาที่อาศัย ในต้นตะเคียนทอง อยากที่จะไปทำให้ท่านมีโชคลาภ ทำมาค้าขาย เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง
    เรือแม่ตะเคียนทอง หลวงปู่แบน จนังทสโร อดีตเจ้าอาวาส วัดพุน้อย
    สวยสมบรูณ์ ความยาวเรือ 35 เซนติเมตร พร้อมธง 2 สีของแรง
    ด้านโชคลาภ และค้าขายสุดยอด มาก ใครได้เป็นเจ้าของแล้ว จะไม่ยอมขาย แม่ หรือ ใครให้ราคาแพงก็ตาม ตอนนี้ของใหม่ เช่าจากวัด ลำขนาด นี้ต้องมี 6-7พัน ถึง หมื่น สอง หมื่น

    ประวัติ วัดพุน้อย 3 หมุ่ที่ 1 ต.ชอนม่วง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี แต่เดิม พุน้อย เป็นชื่อของ น้ำที่ผุด ขึ้นมาคล้ายน้ำพุ ตลอดทั้งปี ไม่มีวันแห้ง จึงเป็นชื่อเรียกขานหมู่บ้านแห่งนี้ วันที่25 เมษายน พศ 2515 หมอเคลือบ และนาง บุญมา เหมือนเอี่ยม ได้มอบถวายที่ดิน จำนวน 6 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา เพื่อสร้างวัดพุน้อย หลวงพ่อชื้น บุญยกาโม นำชาวบ้านพุน้อย
    ร่วมก่อสร้าง ได้ 4 พรรษา ท่านจึงมรณภาพ ต่อมาปี พศ.2519
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร มาอยู่จำพรรษา และ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 15 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา จนกระทั้งท่านได้มรณภาพลงเมื่อ
    วันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2543 ในขณะที่ หลวงปู่แบน จันทสโร
    ท่านเป็นเจ้าอาวาส นั้น ได้ร่วมกับชาวบ้าน พุน้อยพัฒนาวัดจน เจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว ทำให้วัดที่ไม่มีคนรู้จัก กลายเป็นวัดที่มีคนเชื่อถือ เลื่อมใสศรัทธาเดินทางมา กราบไหว้กันอย่างไม่ ขาดสาย เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่ปี วัดพุน้อย ก็มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุแทบ จะครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และอื่นๆอีกจำนวนมาก จากวัดเล็กๆที่ห่างไกลความเจริญ กลายเป็นวัดที่มีประชาชนรู้จัก กันเกือบทั้งประเทศ
    มีการนำกฐินและผ้าป่าสามัคคี มาทอดกันอย่างล้นหลาม ตลอดจนการปฏิบัติธรรม เพื่อการกุศล ในวันมรณะภาพ
    ของหลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็มีประชาชนให้ความนับถือมาร่วมงานอย่างเนืองแน่น เป็นประจำทุกปี ทำให้ปัจจุบัน การเดินทางไปยังวัดพุน้อย
    มีถนน ลาดยาง ถึงวัด สะดวกสบาย ตลอดการเดินทาง ปัจจุบัน พระครูสมุห์สุทิน สุทินโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ท่านยังคง สืบสานวิชาอาคม ที่รับ จากหลวงปู่แบน จนฺทสโร
    ในเรื่องเมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการค้าขาย ที่หลวงปู่แบนได้สร้างเรือ พุทธคุณขึ้นมา ซึ่งใครได้ไปบูชาจะประสบผลสำเร็จ กันแทบทุกคน จึงมีพุทธศาสนิกชน เดินทางมาที่วัดพุน้อยกัน อย่างเนืองแน่น ในแต่ละวัน

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปถ่ายอัดกระจกหลังจารหลวงปู่แบน
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240429_172103.jpg IMG_20240429_172125.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสมเด็จเนื้อดิน หลังยันต์พุทโธ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี ปี 2505พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ร่วมปลุกเสก
    พระสมเด็จหลังยันต์พุทโธนี้ ออกเมื่อปี 2505 ที่วัดไผ่โรงวัว หรือวัดโพธาราม จ.สุพรรณบุรี เป็นพระพิธีใหญ่ ได้รับการยอมรับในวงการพระเครื่อง พระพิมพ์สมเด็จพระพุทธโคดมหลังพุทโธ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว เนื้อดิน สร้าง ปี 2505 เหตุเพราะหลวงพ่อขอมท่านคิดเริ่มสร้างพระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่ พ. ศ.2500
    หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยม ใช้เวลา 2 ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่ ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด 12 ปี จนแล้วเสร็จ พ.ศ.2512
    ***ในหลวง ร.9 ทรงมีพระราชศรัทธาต่อพระพุทธโคดม หรือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และ หลวงพ่อขอม พระอริยะสงฆ์ผู้เป็นต้นบุญจัดสร้าง
    ***ในหลวง ร.9 เสด็จพระราชดำเนิน ทรงยกพระเกตุมาลา พระพุทธโคดม ด้วยพระองค์เอง ในปี 2512 จารึกไว้ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2512 ณ วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ในหอจดหมายเหตุ ที่สำคัญ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ท่านมักได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกในงานพุทธาภิเษกตามวัดต่างๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งงานใหญ่ๆ ต้องมีท่านด้วยเสมอ เช่น การปลุกเสกพระ 25 พุทธศตวรรษ พระประธานพุทธมณฑล เป็นต้น
    ขณะไปปลุกเสกในการสร้างพระให้วัดอื่นๆ ท่านมีปณิธานว่า จะสร้างพระจำนวนโกฏิ (สิบล้านองค์) โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2473 จนถึงปี 2500 จำนวนการสร้างพระเครื่องไม่แน่ชัด แต่ทราบเพียงว่าท่านก็ยังสร้างอีกเรื่อยมา มีจำนวนหลายร้อยตุ่ม แม้จะสร้างมากแต่พระของท่านก็มีประสบการณ์ดีเช่นกัน คือ คนนำไปลองยิงแล้วมีผลเป็นมหาอุดด้วย!!!
    ***สำหรับพระพิมพ์พุทธโคดม หลังยันต์พุทธโธนี้ พระอาจารย์ฝั้น พระอรหันต์ปลุกเสก ก็จะได้พุทธคุณทางด้านเมตนาแคล้วคลาดเพิ่มขึ้นไปอีก
    เรียกว่า พุทธคุณครอบจักรวาล แม้ว่าหลวงพ่อขอม จะไม่ใช่พระป่า แต่วัตรปฏิบัติของท่านจริงจัง และเอาชีวิตเป็นเดิมพันต่อการไปถึงพระนิพพาน
    ***ด้วยเหตุนี้ พระอาจารย์ฝั้น ต้นบุญแห่งพระป่า อาจารย์ใหญ่แห่งวิป้สนากรรมฐาน สายธรนมยุติ เล็งเห็นด้วยญาณ จึงปลุกเสกพระสมเด็จพุทธโคดม หลังยันต์พุทโธรุ่นนี้ให้อย่างเต็มพลังบุญ เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน ลูกศิษย์ต่างเก็บเข้ารังกันเงียบๆ
    หลวงพ่อขอมมรณะภาพอย่างสงบ ในปี 2533 อายุ 88 ปี และไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว ดังอมตะวาจาของหลวงพ่อขอมที่ว่า "ตอนมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก 1 บาท เราจะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง" สาธุ
    ***หลวงพ่อขอม พระทองคำ ในหลวง ร.9 มีพระราชศรัทธา อ.ฝั้น เมตตา!!
    กราบได้สนิทใจจริงๆ สาธุ
    เขียนโดย บิ๊กป๋วย ใจไทย.
    (ขออนุญาตคัดลอกบทความและประวัติมาลงให้ได้ศึกษาค่ะ)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240429_201252.jpg IMG_20240429_201321.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1714450022601.jpg

    หลังจากอุปสมบท หลวงพ่อเกลี้ยงได้อยู่จำพรรษาแรกที่วัดคร้อพนัน และได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราญจากหลวงพ่อใช้ ซึ่งท่านมีความชำณาญเรื่องว่านยา สมุนไพร โดยได้รับสืบทอดมาจากหลวงพ่อหลิน เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดคร้อพนัน ซึ่งท่านเป็นปรมาจารย์ด้านยาแพทย์แผนโบราญที่มีการสืบทอดกันมา



    H-tcqUcZDQfhE0Be6S1yXt5aOB9AquXMKPoCDJrt2F0lVjl6HLFKK5o6oQE8q_DdtPM-G9jtFDAcSOcARMK7tg=w502-h640.jpg
    หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ กาญจนบุรี พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเกลี้ยง วัดเขาใหญ่


    พรรษาที่ ๒ ท่านได้ไปศึกษาที่วัดใต้ สอบได้นักธรรมชั้นตรี นอกจากนี้ยังได้ศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่อเปลี่ยน พระอุปัชฌาย์ของท่าน โดยหลวงพ่อเปลี่ยน ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำกลอง เชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์ วิปัสสนากรรมฐาน พุทธาคมแก่กล้า วัตถุมงคลเหรียญรุ่นแรก เสื้อยันต์ ตระกรุดลูกอมของท่านขลัง มีชื่อเสียงลื่อลั่นเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางจนกระทั่งออกพรรษาจึงได้ลากลับวัดบ้านเกิด

    หลวงพ่อเกลี้ยง ท่านเป็นพระผู้คงแก่เรียน นอกจากวิชาแพทย์แผนโบราญและพุทธาคมต่างๆที่ท่านได้ร่ำเรียนจากพระอาจารย์แล้ว ท่านยังได้ศึกษาวิชาหวายคาดเอวและหวายมงคลสวมแขน ได้ดั้นดันมาเรียนวิชาหวายกับหลวงพ่อที่วัดสามกระบือเผือก จังหวัดนครปฐม จนหลวงพ่อเกลี้ยงเรียนสำเร็จและทำได้ขลังไม่แพ้ของอาจารย์

    พรรษาที่ ๓ ถึง ๕ จำพรรษาวัดคร้อพนันอ ยู่รับใช้ปรนนิบัติหลวงพ่อใช้ พอพรรษาที่ ๖ หลวงพ่อใช้ได้ล้มป่วยด้วยโรคขรา หลวงพ่อใช้ได้พร่ำสอนหลวงพ่อเกลี้ยง โดยให้คติธรรมโรคอื่น ๆ หาหมอพอรักษา แต่โรคชรา หมดทางแก้ไข พรรษาที่ ๗ หลวงพ่อใช้ได้สอนไว้ เรื่องความตายเป็นธรรมดา สังขารไม่เที่ยงแท้ มีแต่ทรุดโทรม แม้ท่านป่วยยังเอ่ยสอนธรรมธรรมะ หลวงพ่อใช้ท่านมีสติดีไม่หลงลืม ท่านได้กำหนดวันตายไว้ พอถึงตอนปลายปีท่านได้จากไปตามว่าไว้จริง ออกพรรษาจัดงานศพหลวงพ่อใช้ใด้เสร็จครบถ้วน

    ก่อนมรณภาพหลวงพ่อใช้ได้สั่งไว้ว่า เมื่อท่านสิ้นแล้วให้ไปหาพระอาจารย์ชื่น วัดปากบาง ตำบลพงตึก อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดคร้อพนันอยู่คนละฝังแม่น้ำ เมื่อหลวงพ่อเกลี้ยงมาถึงวัดปากบางพระอาจารย์ชื่นได้รับหลวงพ่อเกลี้ยงเป็นศิษย์ เพราะก่อนหน้านั้นได้รับปากหลวงพ่อใช้เอาไว้แล้ว

    หลวงพ่อเกลึ้ยงได้ศึกษาพุทธาคมจากพระอาจารย์ชื่น ด้วยความวิรยะ อุตสาหะ พระอาจารยชี่น ชื่นชมว่า หลวงพ่อเกลี้ยงเรียนได้ไว เพราะมีพื้นฐูานดีอยู่เล้ว จึงถายทอดวิชาให้ทุกสิงทุกอย่างไม่ปิดบังหลวงพ่อเกลี้ยงได้อยู่รับใช้และศึกษาวิชากับพระอาจารย์ชื่น ถึง ๕ ปี ตั้งแต่พรรษาที่ ๘ ถึง ๑๒

    เมื่อศึกษาวิชาอาคมจากพระอาจารย์ชื่นจนจบ ตั้งใจจะลาพระอาจารย์กลับวัดคร้อพนัน ถิ่นบ้านเกิด พอย่างเข้าเดือน ๕ ชาวบ้านเขาใหญ ตำบลโคกตะบอง อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากวัดปากบาง ประมาณ ๔ กิโลเมตร ได้มาหาพระอาจารย์ชื่นเพื่อขอพระมาอยู่ดูแลจัดการวัดเขาใหญ่เป็นสมภารเจ้าวัด

    พระอาจารย์ชื่น เห็นพระเกลี้ยงศิษย์รักของท่านมีความเหมาะสม เชี่ยวชาญเวทย์มนต์คาถา พอที่จะเป็นที่พึงแกชาวบ้านได้ หลวงพ่อชื่นจึงบอกให้ชาวบ้านเขาใหญ่กลับไปก่อน เมื่อถึงกำหนดชาวบ้านเขาใหญ่ได้มานิมนต์หลวงพอเกลี้ยง ไปเป็นสมภารวัดเขาใหญ่

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ เมื่อหลวงพ่อเกลี้ยงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาใหญ่ ซึ่งวัดในขณะนั้นยังไม่มีพระอุโบสถ มีเพียงกฏิเพียง ๒ หลัง หลัง จากนั้นหลวงพ่อเกลี้ยงท่านได้มาพัฒนาโดยดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด ศาลาการเปรียญ หอระฆัง พระอุโบสถ เมรุฌาปนกิจศพ โรงเรียนประบาล ฯลฯ

    หลวงพ่อเกลี้ยง อยู่วัดเขาใหญ่ได้ ๓ พรรษาโยมพ่อได้ถึงแก่มรณภาพท่านจึงได้กลับมาจัดงานศพที่วัดคร้อพนัน พอเสร็จงานได้กลับวัดเขาใหญ่

    ปี พ ศ ๒๔๙๔ สร้างโรงเรียนประชาบาล เพื่อให้ลูกหลาน ของชาวบ้านเขาใหญ่และหมู่บ้านใกล้เคียงได้เล่าเรียน เพื่อความเจริญก้าวหน้า

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ สร้างศาลาการเปรียญ ศาลาเอนกประสงค์เพื่อประกอบการบุญการกุศลของชาวบ้าน เขาใหญ่

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ สร้างกุฏิสงฆ์และปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ต่อมาได้ขุดสระน้ำ เพื่อวางรากฐานการสร้างพระอุโบสถพอถึง

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ โยมเม่ของหลวงพ่อเกลี้ยงได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา หลวงพ่อเกลี้ยงท่านต้องกลับมาจัดงานศพของโยมแม่ที่วัดคร้อพนัน อีกครั้งหนึ่ง

    นับว่าหลวงพ่อเกลี้ยงเป็นผู้มีความกตัญญูรู้คณผู้มีพระคุณ เมื่อโยมบิดามารดาเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านจะมาคอยดูแลรักษาโดยตลอด จนกระทั่งโยมบิดามารดาถึงแก่กรรมท่านก็จัดงานศพโดยเรียบร้อย

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ หลวงพ่อเกลี้ยงได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่ "พระครูอินทรสรวุฒิคุณ"

    ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ทางวัดเขาใหญ่ได้จัดงานฉลองพระอุโบสถผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ชึ่งพระอุโบสถนี้ หลวงพ่อเกลี้ยงได้ออกแบบก่อสร้างได้อย่างสวยงามมาก ประตูและหน้าต่างพระอุโบสถแกะจากไม้สักลวดลายฉลุเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ หน้าบรรณพระอุโบสถด้านบนเป็นพระปางนาคปรก ด้านล่างพระนารายณ์ทรงโค

    หลังจากงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต หลวงพ่อเกลี้ยงมีสุขภาพอ่อนแอ เนื่องจากตรากตรำงานหนักนับแต่รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาใหญ่ ซึ่งการสร้างเสนาสนะภายในวัดหลวงพ่อเกลี้ยงท่านตั้งใจสร้างด้วยความพากเพียร ตัดไม้เอง เลื่อยไม้เอง

    เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราเกิดโรคเเทรกซ้อนเป็นเวลา ๑ ปี มีอาการหนัก ลูกศิษย์จึงนำท่านส่งโรงพยาบาล แต่อาการมีแต่ทรงและทรุดหนักลง หลังจากรักษาอยู่ ๑ ปีครึ่ง ลูกศิษย์จึงนำหลวงพ่อเกลี้ยงกลับวัดเขาใหญ่โดยมีลูกศิษย์คอยดูแลปรนนิบัต เเต่ด้วยวัยชรา

    หลวงพ่อเกลี้ยง ได้มรณภาพด้วยโรคชราอย่างสงบ ณ วัดเขาใหญ่ เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ นับรวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๖๓ พรรษา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อเกลี้ยงวัดเขาใหญ่ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240430_105735.jpg IMG_20240430_105815.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2024
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,686
    ค่าพลัง:
    +21,337


    พระปิดตาหลวงพ่อแย้มวัดตะเคียนไตรมาสปี๓๘
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240430_123739.jpg IMG_20240430_123755.jpg IMG_20240430_123821.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2024

แชร์หน้านี้

Loading...