พระอมิตาภะพุทธเจ้า (การสร้างวัตถุมงคล南 無 阿 彌 陀 佛 พระอมิตตาพุทธ)

มวลสาร พวงมาลัยดอกไม้ที่บูชาพระพุทธ และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

 

มวลสาร ข้าวสารขวัญถุงช่วงตรุษจีน

 

พระอมิตาภะพุทธเจ้า แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้มีแสงรัศมีเปล่งประภาส ออกมาไม่มีประมาณ ทรงมีอีกพระนามคือ พระอมิตายุพุทธเจ้า แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้มีอายุขัยยาวนานไม่มีประมาณ

แต่ สาธุชนนิยมเอ่ยพระนามของพระองค์แบบทับศัพท์ว่า ออ นี ท้อ ฮุก แปลว่า พระอมิตาพุทธเจ้า ซึ่งคำว่า "อมิตา" แปลว่า ไม่มีประมาณ เข้าใจว่า เป็นการเรียกขานพระนามของพระพุทธเจ้าองค์ในความหมายทั้ง 2 คือ 1. แสงรัศมีไม่มีประมาณ 2. อายุขัยไม่มีประมาณ

พระสูตรของมหายานกล่าวว่า "หากผู้ใดภาวนาพระนามของพระองค์อย่างแน่วแน่ตลอดเวลา 1 วัน 2 วัน 3 วัน จนถึงตลอด 7 วัน 7 คืน เวลาใกล้จะสิ้นใจพระอมิตาภะพุทธเจ้าพร้อมด้วยอริยบริษัทจะเสด็จมารับดวงวิญญาณของผู้นั้นไปเกิดยังดินแดนสุขาวดีอันสุขารมณ์"

อันแดนสุขาวดีนี้ เป็นชื่อเฉพาะของพุทธเกษตรหรือดินแดนของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกเรานี้ห่างไกลแสนไกล พระสูตรกล่าวว่า แดนสุขาวดีเป็นสถานที่สวยงามวิจิตรที่สุดยิ่งกว่าแห่งใด ๆ ทั้งทศทิศ

ผู้ที่ได้เกิดยังโลกแห่งนั้นจะเป็นผู้ปราศจากทุกข์ภัยทั้งปวง จะได้ฟังธรรมเทศนาจากพระอมิตาภะ และพระมหาโพธิสัตว์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดจนตนเองได้สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วกลับมาช่วยเหลือ สรรพสัตว์อื่น ๆ ต่อไป

การได้ไปเกิดก็ไม่ยากเพียงระลึกถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้าโดยการสวดพระนามของพระองค์โดยสม่ำเสมอว่า " นำ มอ ออ นี ท้อ ฮุก" และเพียรประกอบกุศลกรรมความดีงามทั้งปวง กตัญญูรู้คุณ ฯลฯ พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานมุ่งไปเกิดยังพุทธเกษตรของพระองค์ด้วยความตั้งมั่น

อันผู้ที่ไปเกิดยังแดนสุขาวดีนั้น จะได้เสวยความสุขารมณ์ที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่า สวรรค์ชั้นพรหม และ แดนสุขาวดีนั้นก็มีความวิจิตรงดงามยิ่งกว่าที่ประทับของพระศิวะเจ้าอีก ซึ่งคุณสมบัติของแดนพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นั้น ผู้มีจิตมุ่งมั่นไปอุบัติ หากแม้นได้หมั่นเพียรบำเพ็ญจนได้ไปอุบัติสมปราถนาแล้ว ก็จะเป็นผู้ที่ไม่ต้องกวนกลับมาสู่ภพภูมิเบื้องต่ำอีก ซึ่งต่างกับการไปเกิดบนสวรรค์ชั้นกามภูมิ หรือพรหมภูมิชั้นต่าง ๆ ที่หากสิ้นบุญเมื่อใดก็จะต้องหวนกลับมาสู่ภูมิเบื้องต่ำ เช่น เกิดเป็นมนุษย์บ้าง เดรัจฉานบ้าง เปรตบ้าง สัตว์นรกบ้าง ตามแรงกรรมเฉพาะตน

พระปฎิมาหรือภาพวาดของพระองค์จะประดิษฐานอยู่เบื้องขวาของพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภะพุทธเจ้าทรงมีปัทมบัลลังก์อยู่บนพระหัตถ์ที่ประสานกันในท่าสมาธิ บางแห่งจะทรงแบพระหัตถ์ขวาออกมาเบื้องหน้า แสดงกิริยารับดวงวิญญาณของสรรพสัตว์ที่ประกอบกุศลพร้อมกับระลึกถึงพระองค์ไปเกิดยังแดนสุขาวดี

วันคล้ายวันพุทธสมภพคือ วันที่ 17 เดือน 11 จีน

 

皈依彌陀讚
กุย อี ออ มี ทอ จั้ง
(บทอมิตาภะพุทธสรณคมสรรเสริญ)​

稽 首 皈 依 阿 彌 陀 佛
ไค ซาว กุย อี ออ มี ทอ ฟู
ขอน้อมเศียรนมัสการต่อพระอมิตาภะพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง

誓 願 弘 多
ซือ ยง ฮง ตอ
พระองค์ทรงมีพระปฏิญาณและพระปณิธานกว้างขวางไพบูลย์ยิ่งนัก
廣 度 衆 生 出 奈 何
กวง ตู จง เซง ชู ไน ฮอ
ทรงอนุเคราะห์สรรพสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์โศกทั้งปวงได้อย่างมหาศาล

免 見 閻 羅
เมียน เกียน งิม ลอ
ให้มิต้องพบพานกับพญายม

時 時 念 佛
ซือ ซือ นิม ฟู
ด้วยการระลึกถึงพระพุทธองค์อยู่ทุกขณะ

有 麼 錯 過
เยา มอ ชอ กัว
มิว่าจักมีสิ่งผิดบาปใด ๆ เบื้องปัจฉิมทิศได้

到 西 方 不 退 地
เตา ซี ฟัง ปุก ทุย ตี
(ก็จักสามารถ)ยังให้ถึงอนิวรรตนีย์ภูมิ

逍 遙 快 樂
เซียว เยา ไคว่ ลก
ซึ่งจักสุขสราญยิ่งทั้งกายและใจ

若 人 皈 依 阿 彌 陀 佛
หยก เลิน กุย อี ออ มี ทอ ฟู
หากแม้นมีมนุษย์ผู้ใดน้อมพระอมิตาภะพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งแล้วไซร้

不 墮 沉 河
ปุก ตุย ติม ฮอ
ย่อมมิต้องตกสู่ห้วงสาครแห่งความทุกข์อีกต่อไปแล

 

นำ มอ เก็ก ลก ซือ ไก ออ มี ทอ ฟู

ขออนุโมทนาด้วยครับ
ถ้าจะรวบรวบมวลสารจากผู้ศรัทธาทั้งหลายก็บอกด้วยนะครับ
จะได้ร่วมอนุโมทนาด้วย

 

南
無
阿
彌
陀
佛
อนุโมทนาครับ สำหรับท่านที่จะร่วมส่งมวลสารในการสร้างพระพิมพ์พระอมิตตาพุทธเจ้า ส่งมาได้ที่ นายพงษ์ศักดิ์ วรพจน์มาศ 11/148 การเคหะฯ ถนนอาจณรงค์ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 ถึงวันที่ 26 กันยายนนี้ครับ เพราะจะเริ่มพิมพ์องค์พระช่วงกินเจ 10วันครับ
ขอความกรุณาเป็นมวลสารที่บดมาแล้ว เนื่องจากผมไม่มีลูกมือช่วยครับ สำหรับท่านที่ส่งมวลสาร หลังชิวอิด(ตรุษจีน)จะจัดส่งมอบองค์พระไปให้ครับ

ขอบุญรักษาครับ นโมอมิตตาพุทธ
李<O
大<O
林<O

 

<TABLE cellPadding=10 width=600 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#0099ff>พระอมิตายุสูตร (พระอมิตตาพุทธเจ้า)</TD></TR><TR><TD>
หลาย ๆ ท่านที่เคยไปวัดจีน เพื่อไหว้พระ และหลายท่านคงได้เห็นพระจีนสวดมนต์ทำวัตรเย็น ว่าเขาสวดเป็นภาษาจีนนั้น บางท่านอาจจะสงสัย หรืออยากรู้ว่า ที่เขาสวดกัน มันมีความหมายอย่างไรบ้าง

แท้จริงแล้วบทสวดมนต์จีนทำวัตรเย็นนั้น เป็นเรื่องราวของดินแดนสุขาวดี (ออมิทอเกง) ซึ่งมีใจความดังนี้

ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้, สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาค เสด็จอยู่ในเขตวนารามของท่านอนาถปิณฑกะ ณ กรุงสาวัตถี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ๑,๒๕๐ รูป เป็นพระเถระมหาสาวกล้วนแต่พระอรหันต์เจ้า เป็นที่เคารพของหมู่ชน เช่นพระสารีบุตรเถระ , พระมหาเมาทคัลยายนะ , พระมหากาศยปะ , พระมหกาตยายน , พระมหาเกาษฐิละ , พระเรวตะ , พระศุทธิปันถกะ , พระนันทะ , พระอานันทะ , พระราหุละ , พระความปติ , พระปิณโฑลภรัทวาช , พระกาโลทยิน , พระมหากัปปิณะ , พระวักกุละ และพระอนิรุทธะ กับพระสาวกอื่นอีกมากหลาย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตลอดจนพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์เป็นอันมาก เช่นพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ , พระอชิตโพธิสัตว์ , พระคันธหัสดีโพธิสัตว์ , พระนิตโยทยุกตโพธิสัตว์ , มหาสัตว์อื่นอีกมากมาย และท้าวศักระจอมเทพ กับเทพบุตรอื่นๆเป็นอันมาก
ณ กาลนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับพระสารีบุตรผู้มีอายุว่า ดูก่อนสารีบุตร! ในทิศาภาคเบื้องตะวันตก นับแต่พุทธเกษตรนี้ไปแสนโกฏิพุทธเกษตร มีโลกธาตุหนึ่ง นามว่าสุขาวดี อันเป็นที่ประทับอยู่แห่งพระอมิตายุตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ยังทรงแสดงธรรมอยู่ในกาลบัดนี้
สารีบุตร! เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? เหตุดังฤาโลกธาตุนั้นจึงได้นามว่าสุขาวดี สัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุนั้น ไม่มีทุกข์เลย มีแต่เหตุแห่งสุข เหตุดังนั้น โลกธาตุนั้นจึงได้นามว่า สุขาวดี

 

ดูก่อนสารีบุตร อนึ่ง สุขาวดีโลกธาตุประดับประดาแวดล้อมไปด้วยกำแพง 7 ชั้น ข่ายกระดึง 7 ขั้น ไม้ต้น 7 แถว ล้วนเป็นรัตนะ 4 ประการ เหตุดังนั้นโลกธาตุนั้นจึงได้นามว่า สุขาวดี
ดูก่อนสารีบุตร! อนึ่ง สุขาวดีโลกธาตุมีสระโบกขรณีทั้งหลายอันแล้วด้วยรัตนะ 7 ประการ เปี่ยมด้วยอัษฎางคิกวารีรายระยับไปด้วยทรายทอง และมีบันได 4 บันไดโดยรอบทั้ง 4 ทิศ งดงามน่าดูด้วยรัตนะ 4 ประการ คือ ทอง, เงิน, ไพฑูรย์, ผลึก มีหอเรือนประกอบด้วย ทอง, เงิน, ไพฑูรย์, ผลึก, ทับทิม, มรกตและบุศราคัม สระโบกขรณีเหล่านั้น มีดอกปทุมอันมีธรรมชาติ, สี, แสง, ความน่าดู, เขียว, เหลือง, แดง, ขาวใหญ่ประมาณเท่ากงเกวียน, และหอมกรุ่น สารีบุตรเอย! พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้

 

ดูกรสารีบุตร! อนึ่ง ในพุทธเกษตรนั้น มีทิพยดนตรีอันบรรเลงอยู่เป็นนิตย์ มหาปฐพีก็มีเป็นทองคำน่ารื่นรมย์ มีฝนเป็นดอกมณฑารพอันเป็นทิพย์ตกคืนละ 3 ครั้ง วันละ 3 ครั้ง สัตว์ที่เกิดในพุทธเกษตรนั้น ย่อมไปสู่โลกธาตุอื่น ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแสนโกฏิพระองค์ชั่วเวลาอาหารคราวหนึ่ง ใช้ฝนดอกไม้แสนโกฏิเกลี่ยลงบูชาพระตถาคตเจ้าแต่ละองค์ แล้วกลับมาสู่โลกธาตุนั้นแลอีก รับประทานอาหารและเดินจงกรม สารีบุตร! เอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตร เห็นปานนี้
ดูก่อนสารีบุตร! อนึ่ง ในพุทธเกษตรนั้น มีนกกะเรียน นกยูง นกแก้ว นกศารี นกการะเวก และนกชิ่วชีวะ ประชุมกันขับประสานเสียงของตนคืนละ 3 ครั้ง วันละ 3 ครั้ง เสียงของปวงนกที่ประสานกันนั้น ย่อมเปล่งประกายอินทรีย์ 5 พละ 5 และโพชฌงค์ 7 มรรค 8 มนุษย์ทั้งหลายในพุทธเกษตรนั้น ฟังเสียงนั้นแล้วย่อมเกิดมนสิการในพระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆ์

 

สารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นว่า สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้เกิดในกำเนิดดิรัจฉานกระนั้นหรือ? เธอไม่พึงเห็นอย่างนั้นเลย ข้อนั้น เพราะเหตุดังฤา, สารีบุตร แม้แต่ชื่อแห่งนรก กำเนิดดิรัจฉาน และยมโลก ก็ไม่มีในพุทธเกษตรนั้น หมู่นกเหล่านั้น พระอมิตายุตถาคตเจ้าทรงนิรมิตขึ้นให้เปล่งเสียงประกาศพระธรรมต่างหาก

 

ดูก่อนสารีบุตร อนึ่ง แถวไม้ต้นและข่ายกระดึงทั้งหลายในพุทธเกษตรนั้น เมื่อลมโชยมากระทบ ย่อมเปล่งเสียงไพเราะจับใจ ดุจเสียงดนตรีมีเครื่องประกอบแสนโกฏิ อันบรรเลงแล้วมนุษย์ในพุทธเกษตรนั้น สดับเสียงนั้นแล้ว ย่อมมี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ ตั้งอยู่ในกาย สารีบุตรเอย! พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้

 

ดูก่อนสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? เหตุดังฤา พระตถาคตเจ้านั้นจึงได้พระนามว่า อมิตาภะ รัศมีแห่งพระตถาคตเจ้านั้น สว่างไป ไม่ติดขัดในพุทธเกษตรทั้งปวง เหตุดังนั้นพระองค์จึงได้พระนามว่า อมิตาภะ อนึ่งพระตถาคตเจ้าและมนุษย์เหล่านั้นมีประมาณแห่งอายุอันปริมาณมิได้, เหตุดังนั้น พระองค์จึงได้พระนามว่า อมิตาพุทธ อนึ่งพระตถาคตเจ้านั้น ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้วได้ 10 กัลป์

 

อนึ่ง สารีบุตร พระตถาคตเจ้าพระองค์นั้น มีพระสาวกอันเป็นจำนวนอประไมยอสงไขยล้วนแต่พระอรหันตเจ้า อันไม่อาจประมาณด้วยจำนวนได้ เหล่าพระโพธิสัตว์ ก็เช่นกัน สารีบุตร พุทธเกษตรนั้นประดับประดาด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้

 

ดูก่อนสารีบุตร สัตว์ที่เกิดขึ้นในพุทธเกษตรนั้น เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เกี่ยวเนื่องอยู่เพียงชาติเดียว การนับประมาณพระโพธิสัตว์นั้น มิใช่ทำได้โดยง่าย นอกจากจะนับว่าอประไมยอสงไขย
สารีบุตร สัตว์ทั้งหลายที่ได้ยินได้ทราบแล้ว ย่อมต้องตั้งปณิธานที่จะไปเกิดในเกษตรนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะจะได้ร่วมอยู่กับสัตบุรุษเห็นปานนั้น สารีบุตร! สัตว์ทั้งหลายย่อมบังเกิดในพุทธเกษตร มิใช่ด้วยบุญกุศลมูล เพียงเล็กน้อย

​

 

สารีบุตร! กุลบุตรหรือกุลธิดาไรๆ จักได้สดับพระนามของพระอมิตายุตถาคตเจ้านั้น ครั้นสดับแล้วจักมนสิการ มีจิตไม่ซัดส่ายสับสนตลอดวันหนึ่ง หรือ 2 วัน หรือ 3, 4, 5, 6, 7 วัน เมื่อกุลบุตรหรือกุลธิดานั้นจักสิ้นชีพ พระอมิตายุตถาคตเจ้านั้น อันสาวกสงฆ์แวดล้อมจักปรากฏเบื้องหน้าเขากำลังสิ้นชีพ เขาย่อมมีจิตสงบ ไม่หลงผิด แล้วก็จะไปเกิดในสุขาวดีโลกธาตุอันเป็นพุทธเกษตรของพระอมิตายุตถาคตเจ้านั้นแล

สารีบุตรเอย เหตุดังนั้นแหละ เราเห็นอำนาจประโยชน์นี้จึงกล่าวว่า กุลบุตรหรือกุลธิดาเมื่อทราบธรรมนี้ แล้วพึงตั้งจิตปณิธานที่จะไปเกิดในพุทธเกษตรนั้น

​

 

ดูก่อนสารีบุตร! เราประกาศเรื่องโลกธาตุนั้นอยู่ในบัดนี้ ฉันใดพระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศบูรพา เป็นต้นว่า พระอักโษภยตถาคต พระเมรุธวัชตถาคต พระเมรุประภาสตถาคต พระมัญชุธวัชตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศบูรพา อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้นแล ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรว่า " ท่านทั้งหลาย จงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจิณไตย อันได้นามว่าได้รับความคุ้มครองแห่งพุทธเจ้าทั้งปวง "

 

ดูก่อนสารีบุตร! พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศทักษิณ เป็นต้นว่า พระจันทรสูรยประทีปตถาคต พระยศประภะตถาคต พระมหารุจิสกันธตถาคต พระเมรุประทีปตถาคต พระอนันตวีรยตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศทักษิณ อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรว่า " ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจิณไตย อันได้นามว่าได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง "

ดูก่อนสารีบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศประจิม เป็นต้นว่า พระอมิตายุตถาคต พระอมิตาสกันธตถาคต พระอมิตธวัชตถาคต พระมหาประภะตถาคต พระมหารัตนเกตุตถาคต พระศุทธรัศมีประภะตถาคต กับพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายในทิศประจิม อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรว่า " ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจิณไตย อันได้นามว่าได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง "

 

ดูก่อนสารีบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศอุดร เป็นต้นว่า พระมหารจิสกันธตถาคต พระไวศวานรนิรโฆษตถาคต พระทุนทุภินิรโฆษตถาคต พระอาทิตยสมภพตถาคต พระชโลนิประภะตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศอุดร อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างก็อธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรว่า " ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่าได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง "

ดูก่อนสารีบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศเบื้องต่ำ เป็นต้นว่า พระสิงหตถาคต พระยศตถาคต พระยศประภาสตถาคต พระธรรมตถาคต พระธรรมธรตถาคต พระธรรมธวัชตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศเบื้องต่ำ อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรว่า " ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่าได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง "

 

ดูก่อนสารีบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศเบื้องบน เป็นต้นว่า พระพรหมโฆษตถาคต พระนักษัตรราชตถาคต พระอินทรเกตุธวัชตถาคต พระคันโธตตมตถาคต พระคันธประภาสตถาคต พระมหารจิสกันธตถาคต พระรัตนกุสุมสังปุษปิตคาตรตถาคต พระลาลินทรราชตถาคต พระรัตโนตปลศรีตถาคต พระสรวารถทรศตถาคต พระสุเมรุกัลปตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าในทิศเบื้องบน อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรว่า " ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่าได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง

ดูก่อนสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เพราะเหตุดังฤา ธรรมบรรยายนี้จึงได้นามว่า " ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง " สารีบุตร กุลบุตรหรือกุลธิดาไรๆ จักได้สดับนามแห่งธรรมบรรยายนี้ และจักทรงจำพระนามแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น กุลบุตรกุลธิดาทั้งปวงนั้น จักเป็นผู้อันพระพุทธเจ้าคุ้มครอง จักไม่กลับกลายในอนุตตรสัมมาสัมโพธิ สารีบุตร! เหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟัง อย่าสงสัยต่อเรา และพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย