พลังงูไฟ( กุลฑณี )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 1111, 9 มีนาคม 2005.

  1. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    บางครั้ง อดีตชาติหนึ่งของเรา ธรรมชาติให้โจทย์แก่เรา
    ให้ฤทธิ์และอำนาจเรามากมาย แล้วมองดูเราว่าเราจะทำยังไง
    แล้วก็ให้โจทย์เราอีกอัน ให้เราต้องเข้าตาจน ให้เราตัดสินใจ
    ว่าจะทำยังไง

    มักจะจนลงที่ "เราทำผิดมหันต์" ต่อคนมากมาย

    ถึงตอนนี้ หากเราสำนึกผิด ยอมรับผิด เท่ากับจิตเราเปิดรับเอาบริวาร
    เหล่านั้น มาเป็นภาระกระเตงไปไม่รู้กี่ชาติแล้ว เราก็จะทำเป็นบ้าเป็น
    หลังเพื่อชดใช้ความผิดที่เคยทำมา


    แท้แล้ว เราก็ไม่ได้ผิด เขาก็ไม่ได้ผิด
    ธรรมชาตินำมา เราเลือกเราเอง
    และแล้วธรรมชาติก็จะให้สิ่งที่คุ้มค่าแก่เรา
     
  2. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    ลองอ่านคร่าวๆมารับรู้ผ่านจากตัวหนังสือที่พิมพ์ออกมาจากจิตผ่านนิ้วสู่ตัวอักษรรับรู้ถึงความสงบแห่งพลังที่มิใช่แค่ จำปริยัติมาสนทนาครับ[b-wai]


    ขอสาธุกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ(kiss) และผู้ที่ปฏิบัติแล้วปฏิบัติอีก จนกว่าจะดี(แบบผม อิอิ..(f) .)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2007
  3. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เกรงจะเสียมารยาทต่อ จขกท. ว่าเข้ามาป่วนกระทู้ ขอเข้าเรื่องกุฑดาลิณี


    แท้จริงแล้ว พลังกุลฑาลิณี มีหน้าที่โดยธรรมชาติ เหตุที่มีพลังนี้
    เพราะธรรมชาติมี "เหตุผล" ในการสร้างมันขึ้นมาให้อยู่ในกายเรา
    มันมีหน้าที่ "ถ่ายลมปราณเพื่อสืบพันธุ์" และมันจะตื่นตัวทุกครั้ง
    ที่มีการเสพกาม จนถึง "จุดสุดยอด"

    กุลฑาลิณี ปกติ แล้ว จะตื่นขึ้นแล้วไหลออกจากจักระที่หนึ่งบริเวณ
    อวัยวะเพศด้านหน้า พร้อมกับการหลั่งน้ำกาม (ในกรณีเพชายจะให้)
    ดังนั้น เมื่อเสพกามจึงเหนื่อยอ่อนแรงมาก ราวกับเผาพลาญอาหาร
    ไปมากมายทีเดียว

    เมื่อเพศชายถ่ายลมปราณกุลฑาลิณีแล้ว มันก็เข้าสู่ร่างเพศหญิง

    ผู้หญิงเมื่อถึง "จุดสุดยอด" ผมไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
    เพราะไม่สามารถฝึก "กุณฑาลิณี" แบบเพศหญิงได้ เนื่องจากมี
    อวัยวะเพศชนิดเดียว แต่เคยได้ยินเหมือนกันว่า มีเพศหญิงบางคน
    ดูดพลังกุณฑาลิณีจากชายที่เธอมีเพศสัมพันธ์ด้วย

    จริงๆ แล้ว จะดูดหรือปล่อยพลังกุณฑาลิณีระหว่างมีเพสัมพันธ์ก็ได้
    แต่การกำหนดจิต "ดูดกุณฑาลิณี" สำหรับเพศชายแล้ว จะก่อให้เกิด
    อาการเป็น "เกย์" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจำต้องอาศัยเพศชาย
    ด้วยกันในการกระตุ้นพลังกุณฑาลิณีลักษณะนั้น


    ส่วนเพศหญิง หากฝึกกุลฑาลิณีโดยไม่อาจควบคุมพลังนี้ได้ จะทำตัว
    เหมือนโสเภณีได้ในที่สุด (หากฝึกด้วยวิธีใช้ หญิง ชาย กระตุ้นแบบนี้)
    ดังนั้น การฝึกกุลฑาลิณีด้วยการใช้เพศสัมพันธ์กระตุ้นพลัง จึงมีปัญหา
    มากมาย ปกติจะใช้วิธีอื่นกระต้น

    ในทิเบต พระลามะ จะกระตุ้น "กุณฑาลิณีชาย" ด้วยการเข้าไปอยู่ในที่
    หนาวมาก พระลามะบางรูปนั่งสมาธิในน้ำ ในหิมะ เพื่อกระตุ้นกุลฑาลิณี
    พลังกุณฑาลิณีก็จะกลายเป็นพลังร้อนและอุ่นคลายหนาวได้


    อย่าลืมว่า "กุณฑาลิณี" คือ งูสองตัว งูตัวหนึ่งเป็น "งูเพศชาย" ส่วน
    งูอีกตัวหนึ่งเป็น "งูเพศหญิง" ดังนั้น คนที่ฝึกกุลฑาลิณี สำหรับเพศ
    ชายและหญิงแล้ว จะพบว่าแตกต่างกัน เพราะงู (เป็นสัญญลักษณ์)
    นี้มีอยู่ด้วยกันสองตัว

    การควบคุม "งูสองตัวนี้" ก็ต่างกัน
     
  4. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    กุณฑาลิณีตื่นขึ้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ถึง "จุดสุดยอด"


    กุณฑาลิณีอยู่ในร่างกาย เพราะธรรมชาติสร้างมาให้มีหน้าที่หนึ่งอย่างนี้
    คือการสืบพันธุ์ พลังลมปราณจากเจ็ดจักระในร่างกาย มีหน้าที่ต่างกัน
    กุณฑาลิณีตื่นขึ้นทุกครั้งเมื่อถึงจุดสุดยอด

    แต่ก่อนจะตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ มันจะค่อยๆ ปลดปล่อยพลังออกมาทีละน้อย
    โดยไม่เราไม่รู้ตัวก่อน ในช่วงที่มีเพศสัมพันธุ์ หากไม่ถึง "จุดสุดยอด" แล้ว
    เพศหญิงจะมีพลังกุลฑาลิณีค้างอยู่ในสมอง ทำให้เป็นคนหงุดหงิดไม่รู้สาเหตุ
    สามีก็จะรู้สึกว่าทำไมภรรยาตนเองขี้หงุดหงิด (เธอคงไม่กล้าบอกสามีหรอกนะ
    ว่าสามีไม่ทำให้เธอถึงจุดสุดยอดได้ เป็นเหตุให้เธอหงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุ)

    เพราะกุลฑาลิณีค้างอยู่บางส่วนไม่มากนักที่สมอง เหมือนคนอารมณ์ค้าง
    เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วอารมณ์ค้างแบบนี้บ่อยๆ "จะเสียสุขภาพทั้งกายและจิต"

    ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เข้าใจพลังกุณฑาลิณีจึงเป็นผลเสียต่อร่างกาย
    และจิตใจอย่างมากมาย โดยที่เราไม่รู้ตัว ว่าทำไมหนอ เราจึงขี้หงุดหงิด เรา
    มักมากในกาม (ฝ่ายชายที่ควบคุมกุณฑาลิณีไม่ได้) ฯลฯ

    ชายที่ปลดปล่อยกุณฑาลิณีแล้วควบคุมกุณฑาลิณีไม่ได้ จะประสบปัญหา
    การมักมากในกาม จิตจะอยากได้ อยากเอามา เพราะจิตสูญเสียพลังนี้ไป
    ขณะร่วมเพศทุกครั้ง โดยที่ตนไม่รู้ตัว จิตจึงอยากได้เอามาเป็นเจ้าของ
    แล้วควบคุมอารมณ์เพศตนเองไม่ได้ เป็น "คาสโนว่า" และมีปัญหาด้าน
    สุขภาพร่างกายและจิตใจในภายหลังอย่างยิ่งยวด

    กุลฑาลิณีตื่นเต็มที่ออกทางจักระหนึ่งด้านหน้าเมื่อหลั่งน้ำกามทุกครั้ง
    ทำให้เพศชายสูญเสียพลังมากมาย ในกลุ่มชายรักร่วมเพศบางคน ได้
    กระตุ้นกุณฑาลิณีแบบเพศหญิงขึ้นมา แล้วดูดซับพลังกุณฑาลิณีของ
    อีกฝ่ายเข้าตัว ทำให้มีอารมณ์และบุคคลิกแปรปรวน เหมือน "ผู้หญิง"
     
  5. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    กุณฑาลิณีดันขึ้นจักระที่เจ็ด (สมอง) ทุกครั้งที่มีการสะกดกลั้นการหลั่งน้ำกาม


    ในเพศชาย หากมีการสะกัดกั้นการหลั่งน้ำกาม เมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วกลั้นไว้
    กุณฑาลิณีจะตื่นขึ้นเต็มที่ แล้วแทนที่จะออกทางจักระหนึ่งด้านหน้า (penis)
    กลับไหลย้อนขึ้นบนหัว ผู้ชายที่ทำการกลั้นแบบนี้จะรู้สึกได้ทันที ว่ามีอะไร
    บางอย่างที่มารวมที่ penis แล้วขึ้นไปที่หัวของตน บางครั้งเขาจะรู้สึก "มึน"
    เล็กน้อย จากนั้น เมื่อเขากลั้นไว้หลายๆ รอบ จะมึนหนักขึ้น มากขึ้นๆๆๆ


    จนปวดหัวแบบโดนบีบแทบจะระเบิด เหมือนโดนอะไรชอนใชทั้งหัว แทบจะเป็นบ้า


    นี่คือ "กุลฑาลิณี" ถูกดันขึ้นไปที่หัวโดยที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัว ทำมากๆ
    สมองก็จะเสื่อม ความจำจะเสื่อม และจะลืมๆ เบลอๆ ดังนี้ ผู้ชายที่กลั้นน้ำกาม
    ไว้เมื่อถึงจุดสุดยอด แต่ไม่เรียนรู้เรื่องการปลดปล่อยพลังกุลฑาลิณีจะมีปัญหา
    เช่นนี้ทุกราย (ผมก็เป็นมาแล้ว) เรียกว่ามีเพศสัมพันธ์มากไปหรือเปล่าจนเอ๋อ


    ตราบเมื่อกุณฑาลิณีปลดปล่อยออกได้ทางใดทางหนึ่ง ความปวดจะหายไป
    กล่าวคือ หายกุณฑาลิณีตีย้อนขึ้นหัวแล้วออกไม่ได้ เมื่อถึงจุดสุดยอดก็จะไหล
    ย้อนกลับไปออกทางจักระหนึ่งด้านหน้าเองโดยธรรมชาติ (ทาง penis)


    แต่หากผู้ฝึกกุณฑาลิณีเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และทะลวงจักระที่เจ็ดให้เปิดออกด้วย
    กุณฑาลิณีแล้ว จะส่งผลให้การฝึกลมปราณสายอื่นๆ ง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ติดขัด
    ไม่ต้องนั่งทะลวงชีพจรเส้นเล็กเส้นน้อยเป็น ๑๐ ปีแบบวิธีของเต๋า


    เมื่อกุณฑาลิณีออกทางจักระที่เจ็ดได้ ยามถึงจุดสุดยอด "อวัยวะเพศจะหดตัว"
    นี่คือ อาการของการฝึก "กุณฑาลิณีแบบเพศชาย" ด้วยการใช้หยินหยางกระตุ้น
     
  6. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    การฝึกกุลฑาลิณีจนสามารถควบคุมพลังได้


    ระยะแรกจะมีปัญหามาก ทั้งร่างกายและจิตใจ
    ระยะต่อมาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
    ราวกับว่าเราแก่ขึ้นๆๆๆ จนอายุ ๕๐ ไป ๖๐ ปี
    ทั้งด้านความคิด จิตใจ อารมณ์ และการมองโลก
    หน้าตาบางครั้งก็ตกใจว่าทำไม ตนเองดูแก่ลง
    (แต่ไม่ได้มีรอยเหี่ยวย่น มีหนวดจนดูเหมือนแก่)


    จากนั้น เมื่อกุลฑาลิณีถูกปลดปล่อยทะลวงได้แล้ว
    จะเหมือน "ตายแล้วเกิดใหม่" จะรู้สึกกระชุ่มกระชวย
    เหมือนได้ร่างใหม่ เหมือนเฒ่าทารก ที่กลายเป็นเด็ก
    เหมือนเป็นเด็กแรกเกิดอีกครั้ง จะมีความสุขแบบ
    เด็กๆ มองโลกง่ายๆ ใสซื่อแบบเด็กๆ


    และเกิดสิ่งใหม่ๆ ที่ดีขึ้นกับร่างกายและจิตใจมากมาย
     
  7. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ข้อควรระวังในการฝึกกุลฑาลิณี


    ๑. หากเพศชายฝึกกุณฑาลิณีแบบหญิง จะกลายเป็น "เกย์" จำต้องฝึก
    กระตุ้น "งูให้ตรงเพศ" อย่าลืมว่า "กุณฑาลิณีคืองูสองตัว" แต่ต้องเลือก
    ใช้ให้เป็น เหมาะสมกับเพศของตน ฝึกผิดก็กลายเป็นขันที แบบ "ตงฟางปุ๊ป้าย"

    ๒. เพศหญิงหากฝึกกุณฑาลิณีด้วยการใช้หญิงหยาง หากมีคู่ฝึกหยินหยาง
    (คู่นอนหรือคู่รักที่ฝึกกุณฑาลิณีเหมือนกันและรักกันชั่วชีวิต) ก็ไม่มีปัญหา
    แต่หากอีกฝ่าย (ฝ่ายชาย) ไม่ฝึกด้วยแล้วตนเองฝึกไม่ทันสำเร็จ จะกลายเป็น
    "วิชชามาร" คือ "วิชชาโสเภณี" กลายเป็นหญิงที่มักมากในกาม แล้วดูดพลัง
    กุณฑาลิณีจากชายไม่เลือกหน้า จึงไม่ควรฝึกกุลฑาลิณีด้วยวิธีนี้ อันตรายมาก

    ๓. หากฝึกไปไม่ถึงสุดยอด แล้วค้างอยู่ช่วงใดช่วงหนึ่ง กุลฑาลิณีจะทำให้
    ร่างกายจิตใจเปลี่ยนไป กลายเป็น "เฒ่าทารก" ได้ คือ มันไม่ย้อนกลับไป
    สู่รากฐาน ไม่เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่กลับสู่ความใสซื่อบริสุทธิ์เป็นเด็ก
    อีกคราว สภาพของเฒ่าทารก จะมีจิตใจแปรปรวนเดี๋ยวเหมือนเด็กเดี๋ยวเหมือน
    แก่ ทั้งร่างกายและจิตใจ จนกว่าจะพ้นระยะนี้ไป คือ ฝึกสำเร็จเท่านั้นจึงหายได้

    ๔. หากฝึกช่วงเด็กเกินไป จะเหมือนกักอายุและการเติบโตของตนเอง เหมือน
    "วิชชากุมาร" เป็นเด็กไปตลอดเวลา คนอื่นเห็นเราเขาคิดว่าเราอายุต่ำกว่าจริง
    ประมาณ ๑๐ ปี จึงไม่ควรฝึกในวัยเด็กมากจนเกินไป เพราะกุณฑาลิณีควบคุมชีวิต
    การเติบโตของร่างกายและจิตใจทั้งหมด จึงอันตรายมากหากฝึกไม่สำเร็จ
     
  8. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    กุลฑาลิณีควบคุมชีวิตเรา การเติบโตของร่างกายและจิตใจเราทั้งหมด
    หากฝึกผิด เดี๋ยวเด็กเดี๋ยวแก่ เดี๋ยวหญิงเดี๋ยวชาย บ้างก็บ้ากามไปเลย


    ดังนั้น ต้องระวังอย่างยิ่งครับ (evil2)
     
  9. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เมื่อฝึกกุณฑาลิณีสำเร็จแล้วควรทำอย่างไร?


    เมื่อทะลวงเจ็ดจักระด้วยกุลฑาลิณีสำเร็จแล้ว จะเข้าใจตนเอง เข้าใจชีวิต
    เข้าใจเรื่องกามมากขึ้น และเป็นอิสระจากกาม (มีก็ได้ไม่มีก็ได้ แต่ขอโสดดีก่า)
    ปกติ การเคลื่อน "พลังกุณฑาลิณี" แต่ละครั้ง ยากในการกระตุ้น เพราะบางคน
    ต้องเข้าไปนั่งในที่หนาวมากๆ มันจึงจะตื่น บางคนต้องดูภาพโป๊มากมายก่าย
    กอง (เพราะเริ่มไม่รู้สึกกะกามแล้ว) ดังนั้น เมื่อฝึกสำเร็จแล้ว บางท่านกลับ
    เรียกใช้ยากเหมือนเดิม แต่ทะลวง และควบคุมง่าย นอกจากนี้ ยังยากตอนเก็บ
    กลับคืนจักระที่หนึ่ง หรือ ยากในการระบายออกทางจักระเจ็ดอีกด้วย หากมีการ
    คั่งค้างของพลัง จะเกิดปัญหากับร่างกายและจิตใจมากมาย


    ดังนี้ เมื่อฝึกพลังนี้เร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดินลมปราณกุลฑาลิณีอีก


    ให้เดินลมปราณสายอื่นๆ แทนจะดี และปลอดภัยกว่า เรียกว่าได้ปลดปล่อย
    สำเร็จแล้ว ทะลวงสำเร็จแล้ว กรุยทางแล้ว เปิดให้ฝึกพลังปราณสายอื่นต่อไป


    ให้ต่อวิชชาลมปราณไปสายอื่น เช่น


    ๑. ต่อกุณฑาลิณีด้วยพลังจักรวาล

    เมื่อเปิดจักระได้หมด ทะลวงได้หมด เปิดรับพลังจักระวาลทางจักระเจ็ด
    แล้วให้ไหลลงมาอาบร่าง จะได้ผลดีกว่าใช้พลังกุณฑาลิณีมากมายนัก
    ปลอดภัย คุ้มครองปกป้องเรา รักษาเรา ทั้งร่างกายและจิตใจ

    ๒. ต่อกุณฑาลิณีด้วยพลังปราณหยินหยาง ฟ้า-ดิน

    กุณฑาลิณีที่ฝึกด้วยการกระตุ้นอารมณ์เพศนี้ จัดเป็น "หยิน หยาง" ในตัว
    อยู่แล้ว เมื่อเปิดจักระในร่างกายได้ทั้งหมด ก็ต่อด้วยปราณสายเต๋าขั้นสูง
    ไปเลย ไม่ต้องใช้ของเดิมอีก เพราะผ่านด่านแล้ว ให้ดึงลมปราณ "หยิน"
    จากพื้นดิน (นั่งบนพื้นที่เย็นๆ) จินตนาการ ดึงดูดพลังเย็นนั้น เข้าร่างกาย
    จากท่อนล่างขึ้นท่อนบน แล้วพุ่งเป็นน้ำพุ ให้ย้อนลงมาอาบร่าง (ขาย้อน
    ลงมาเป็นปราณ "หยาง")


    หรือต่อด้วยวิชชาลมปราณธรรมจักรก็ได้
     
  10. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เราหรับผม นับจากระลึกย้อนไปได้ว่าลมปราณกุณฑาลิณีตื่นครั้งแรก
    จนถึงปัจจุบันนี้ ที่ผ่านด่านต่างๆ มาได้นั้น ไม่ง่ายเลย ก็เป็นเวลาทั้งสิ้น


    ๑๐ ปี ครับ
     
  11. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เคล็ดพลังจักรวาล (กุณฑาลิณีต่อจักรวาล)


    สำหรับผู้ที่ฝึกผ่านกุณฑาลิณีแล้ว จักระต่างๆ ก็ง่ายดายขึ้น จึงไม่ต้องนับ
    จากศูนย์ใหม่ ต่อพลังจักรวาลด้วยเคล็ดลัดสั้นง่าย

    คือ นั่งสมาธิกำหนดจิตว่ามีพลังบริสุทธิ์ไหลอาบทั้งร่าง จากจักระที่เจ็ด
    ลงมาทั่วทั้งตัว ไล่มาตามร่างกายส่วนต่างๆ ตามลำดับ อาศัยจักระต่างๆ
    ทั้งเจ็ดจักระเป็นจุด "ธงชัย" ที่มาร์กไว้ เวลากำหนดจิต เลื่อนดวงจิตลงมา

    ที่สำคัญมาก คือ "จิตต้องบริสุทธิ์ใสซื่อไร้กิเลส" ตลอดเวลา
    จะสามารถสัมผัสพลังจักรวาลที่บริสุทธิ์ได้ ชัดขึ้น แรกๆ จะแยกแยะไม่ออก
    หลังๆ หากได้รับพลังจักรวาลที่บริสุทธิ์ชัดเจน จะกำหนดอารมณ์จับปราณ
    พลังจักรวาลได้ง่ายขึ้น แยกแยะปราณดีปราณเสียได้ และเลือกรับแต่พลัง
    จักรวาลที่บริสุทธิ์ ไม่เอาปราณด้านลบเข้าตัว


    นั่งสมาธิท่าโยคะ แล้วกำหนดจิตระลึกถึงความบริสุทธิ์ดีงาม
    ให้เหมือนน้ำทิพย์ชะโลมร่างกายจากจักระเจ็ดลงมาจักระหนึ่ง
    หลายๆ รอบจะผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ สุขภาพกาย
    และจิตดีขึ้นมากมาย
     
  12. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เคล็ดพลังธรรมจักร (กุณฑาลิณีต่อธรรมจักร)


    สำหรับผู้ได้กุณฑาลิณีสำเร็จแล้ว และแยกแยะพลังจักรวาล นำพลัง
    จักรวาลด้านดีมาสู่ร่างได้แล้ว ก็เข้าสู่ การควบคุมลมปราณอย่างเต็มที่
    การควบคุมลมปราณที่ถูกต้อง สอดคล้องกับธรรมชาติ คือ การเคลื่อน
    เป็น "วงกลม" นี่คือ เคล็ดวิชชาลมปราณที่สอดคล้องกับลมปราณไทเก็ก
    เนื่องจากปรามาจารย์ด้านลมปราณสายต่างๆ ค้นพบสิ่งเดียวกัน

    คือ ลมปราณจะหมุนสอดคล้องกับจักรวาล คือ หมุนวนรอบตัวเอง เหมือน
    โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ โลกหมุนรอบตัวเอง อิเล็คตรอนหมุนรอบนิวเคลียส


    จะฝึกหมุน "จักร" เรียกว่า "ปราณธรรมจักร" (ในสายวิชชาพลังจักรวาลก็
    หมุนปราณแบบนี้เช่นกัน) หมุนเป็นวงกลม หลายๆ รอบ ลมปราณจะตื่นตัวขึ้น
    แล้วแสดงพลังอย่างรุนแรง ทำให้ร่างกาย เวลาเข้าสมาธิ หมุนไปทั้งร่าง
    เรียกว่า "สมาธิหมุน" เมื่อเข้าสู่สมาธิหมุนแล้ว ลมปราณที่ตื่นขึ้น หากไม่มี
    การควบคุม ไม่มีการเก็บเข้าที่ ไม่มีการใช้หรือปลดปล่อยให้หมด


    ลมปราณธรรมจักรจะค้างในร่างกาย


    แล้วเกิดการหมุนโดยไม่ตั้งใจ เช่น พระอาจารย์รัตน์ ได้วิชชานี้ฟื้นคืน
    เมื่อเดินไปอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหมุนขึ้นมาเฉยๆ จนต้องนั่งลงเข้าสมาธิอยู่
    หลายครั้ง นี่เพราะลมปราณธรรมจักรไม่ได้รับการปลดปล่อย หรือเก็บ
    เข้าที่ หลังจากที่ได้รับการปลุกให้ตื่นแล้ว


    ดังนี้ ผู้ฝึกสมาธิหมุน จึงมักเกิดการหมุนวนนอกเวลาสมาธิได้เสมอ ต้องระวัง
     
  13. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    คนทุกคนที่ยังมีชีวิตมี "ลมปราณในร่างกายทั้งสิ้น"
    ตราบเมื่อสิ้นชีวิต ก็สิ้น "ลมปราณทุกสายไปด้วย"
    ดังนั้น ทุกคนมีลมปราณทุกสายในตัวอยู่แล้ว

    แต่ไม่รู้จัก ควบคุมไม่เป็น และใช้งานมันไม่เป็น
    ทำให้บ้างก็หลงในกาม บ้างก็ไปดูดพลังคนอื่น
    (เพราะไม่มีความรู้ว่าพลังบริสุทธิ์มากมายในจักรวาลมีฟรีๆ อยู่)

    ฯลฯ


    ลมปราณตื่นขึ้น บางอย่าง เมื่อมันต้องทำงาน เช่น เมื่อมีคนจะมาฆ่าเรา
    เมื่อไฟใหม้บ้าน เมื่อมีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เมื่อจะมีเพศสัมพันธ์ ฯลฯ


    การเรียนรู้และฝึกพลังลมปราณทุกสาย จึงทำให้เราเข้าใจตนเอง
    เข้าใจว่าร่างกายจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน และ "ลมปราณ" คือ พลังชีวิต
    และควบคุมการดำเนินไปของชีวิต ทั้งร่างกายและจิตใจของเราทั้งหมด
     
  14. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    สังเกตุรูปนี้นะครับ



    [​IMG]



    หญิงชายคู่นี้ ฝึกกุลฑาลิณีแบบหยินหยางกระตุ้นเหมือนกันกับที่ผมเสนอ
    คุณจะเห็นทิศทางการไหลของลมปราณได้ชัดเจน ว่ามันไหลไปไหน
    ออกทางใดได้บ้าง


    จักระทั้งเจ็ดนั้น เป็นทางเดินผ่านของลมปราณ มันจะไหลแนวดิ่งทะลุหัว
    หรือแนวราบ คือ ด้านหน้าและหลังของจักระนั้นๆ (ดูรูปผู้ชายปล่อยพลัง)
    หากคุณมีรูปจักระทั้งเจ็ด ก็จะเห็นมันเป็นกรวย ด้านหน้าและหลังของจักระ
     
  15. duangjaij

    duangjaij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +322
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD align=right>
    นำข้อมูลจากพลังกายทิพย์ซึ่งเกียวกับงูไฟซึ่งอยู่ที่จักระที่1มาให้ดูกันใช่หรือเปล่า
    </TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD align=right>
    พลังกายทิพย์ (Etheric Body) ระดับปฐมจักระ
    </TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD align=right> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD width="6%"> </TD><TD align=right width="93%">โดย : พ.ญ.กานดา ปัจจักขะภัติ
    รายงานและวิเคราะห์</TD><TD width="1%"> </TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD><HR width="80%">
    1. ระดับปฐมจักระ
    ประวัติผู้ค้นพบและการเผยแพร่วิชา
    <DD>เชื่อว่า พลังกายทิพย์เป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในสมัยโบราณ ใน Atlantis ซึ่งเคยเป็นเมืองสงบ ไม่มีโจรผู้ร้าย ไม่เจ็บป่วย เพราะรู้จักการนำพลังกายทิพย์มาใช้ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมามนุษย์มีกิเลสมากขึ้น เกิดความเดือดร้อน เทพ Zeus ดูแลมนุษย์ จึงทำให้เกาะ Atlantis จมหายไป มีบางคนหนีรอดไปทวีปอเมริกาบ้าง และประเทศทางตะวันออกบ้าง ประมาณ 5,000 ปี ก่อนคริสต์กาล พบว่า ปฐมปรมาจารย์โซเซอร์ ผู้ค้นพบการรักษาโรคด้วยพลังกายทิพย์ มีอักษรบันทึกการฝึกวิชาพลังกายทิพย์ และ ภาพการถ่ายพลังให้ผู้อื่น ที่ The great pyramid ประเทศอียิปต์ จึงเชื่อว่าปิรามิดเป็นที่สะสมพลังกายทิพย์ ไม่ใช่แค่หลุมฝังศพ รอบๆปิรามิดมีสถาบัน แอสตรารา (Astrara) เป็นที่สอนเรื่องพลังกายทิพย์ ที่โบสถ์โซเฟีย มีภาพแสดงจักระ 7 แห่ง บนร่างกายมนุษย์

    <DD>ค.ศ.1846 (พ.ศ.2389) หลวงปู่ดาสิรา นาราดา ที่ วัดวชิระมายา โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เป็นผู้หนึ่งที่อ่านบันทึกที่ The great pyramid ได้ฝึกหัดพลังกายทิพย์และเผยแพร่วิชานี้ ต่อมามีศิษย์เป็นชาวอเมริกัน Professor Dr.C.W. Leadbeater ติดตามหลวงปู่ ใน ค.ศ.1895 จึงได้เขียนเป็นตำรา
     
  16. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    โอว ละเอียดดีจังครับ ขอบคุณครับ


    สำหรับผม รู้เท่าที่ผมพอรู้ได้ จากการปฏิบัติด้วยตัวเอง
    ไม่อาจรู้ได้ละเอียดขนาดนี้เลย ส่วนคำศัพท์อาจเรียกต่าง
    กันบ้าง แต่สำหรับคนที่ฝึกแล้วก็จะเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร


    งูสองตัวพันไม้ มีงูร้อนงูเย็น งูหญิง งูชาย
    รู้สึกว่าหลังๆ ผมจะเอาแต่เย็นนะ ฮ่าๆ ประเทศไทยมันร้อนนี่ครับ
    ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคนอื่นบ่นร้อนแล้วผมเฉยๆ
    ไปที่บ้าน แม่ก็เปิดพัดลม (บ้านนอก) ผมก็ไม่เอา บอกว่าไม่ร้อน
    ปกติ หากใส่ลูกปะคำ (ทำจากธาตุไหลน้ำพี้มั้ง) ผมจะห้อยเป็นเส้น
    รวมมาติดกัน (มันดูดกันติดได้) แล้วให้ทาบไปกับแกนกระดูกสันหลัง
    เวลาผมขี่จักรยานกลางแดด ประมาณ ๑ ชม. ก็ไม่ทุกข์กะความร้อน
    ก็กำหนดอารมณ์ที่แกนกระดูกไขสันหลัง แผ่ออกมา เย็นเหมือนติดแอร์
    ให้ตัวเองเลยฮะ


    พอได้อ่านข้อมูล เลยเข้าใจอาการที่เกิดมากขึ้น ขอบคุณครับ
    (ปล. ผู้ฝึกเหมือนค้นพบอะไรในตัวเอง ดังนั้น หลายท่านอธิบาย
    ในภาษาและความเข้าใจของตนเอง อาจมีรายละเอียดต่างกันได้ฮะ)
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อยากขอความรู้วิธีฝึกพลังกุณฑลิณีจากคนขายธูปหน่อยครับ
    ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เอาให้ทำได้จริงนะครับ

    เผื่อผมจะกล้าฝึกบ้าง (จริงๆตอนนี้ก็เริ่มไปบ้างแล้วหละ
    แต่ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ครับ เพราะตอนนี้ยังไม่สำเร็จ

    อาการข้างเคียงต่างๆที่เกิดจากการฝึก ที่กล่าวกันมาแล้วนั้น
    มันก็เกิดขึ้นกับผมบ้างแล้ว และบางอาการก็เกิดขึ้นมานานแล้ว
    แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจฝึกพลังนี้ก็ตาม แต่มันคงเป็นการปลดปล่อย
    พลังนี้อย่างไม่ตั้งใจอย่างที่เขาว่ากระมังครับ
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เออ..
    แล้วตอนช่วงนี้ผมจะมีอาการร้อนๆที่จักระที่ 7
    หรือที่บริเวณศรีษะบ่อยๆ
    ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับพลังนี้หรือเปล่านะครับ

    แบบว่าพอนึกถึงจักระ 7 ปุ๊บนี่
    ก็แทบจะร้อนวูบขึ้นมาเลยครับ
    ...
     
  19. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ให้เตรียมตัวเหมือนจะช่วยตัวเอง เอารูปโป๊มาดู
    นอนในท่าสบาย อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด และ
    อย่าดูรูปที่เคลื่อนไหว (วีซีดี) เพราะจิตจะไม่นิ่ง
    ให้เพ่งแค่รูปเดียว ทีละรูป หากหลายรูป จะปวดหัว


    จากนั้น เมื่อมีอารมณ์แล้ว จะรับรู้ได้ว่ามีพลังงาน
    ไหลมารวมที่บริเวณอวัยวะเพศมากมาย นั่นก็
    แสดงว่า "พลังกุลฑาลิณีตื่นแล้ว" มันจะทำหน้าที่สืบพันธ์


    ถึงตอนนี้ ให้คุณช่วยตัวเองไปจนถึงจุด "ใกล้สุดยอด จะหลั่งแล้ว"
    ให้หยุดการหลั่งไว้ แล้วดึงเอาพลังที่ใกล้จะพุ่งออกจากจักระที่หนึ่ง
    ให้ไหลเข้ามาที่ตาที่สามแทน


    จากนั้น มันจะไหลมาต่อเนื่อง ทีละระลอก (บางท่านอาจเรียกเป็นชั้นๆ)
    รอมันไหลมารวมๆ กันเยอะๆ แล้วก็กำหนดจิต ให้มันพุ่งทะลุศีรษะ
    หากคุณไม่สามารถเอามันออกทางศีรษะได้


    อวัยวะเพศคุณจะยังคงแข็งตัว


    แต่หากคุณทำสำเร็จ "อวัยวะเพศคุณจะหดแฟบ ฟี้บบบ... ลงทันที"
    นั่นแสดงว่า "พลังกุลฑาลิณี" ได้ปลดปล่อยออกไปทะลุศีรษะคุณแล้ว
    หากยังมีอารมณ์เพศอยู่ ให้ดึงเอาพลังออกมาแบบนี้ ซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง
    จนอารมณ์เพศคงลดลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือ


    หากเหลือน้อยมาก แล้วกำหนดจิตดึงมายาก ก็ช่วยตัวเองจบไปเพื่อระบาย
    พลังกุลฑาลิณีที่คั่งค้างอยู่ ซึ่งจะไม่ดีเลยหากมันปลดปล่อยไม่หมด


    อนึ่ง ในการฝึกครั้งแรก คุณระบายออกได้ไม่หมดทางจักระเจ็ดแน่นอน
    ปกติ พลังนี้จะออกพร้อมการหลั่งน้ำกาม ดังนั้น หากไม่ไหว ก็ต้องหลั่งออก


    คุณจะรู้ตัวได้ ว่าฝึกสำเร็จ ทะลวงจักระเจ็ดได้แล้ว
    เมื่อคุณกำหนดจิตแล้ว "อวัยวะเพศหดตัวลงได้" นั่นแหละ ใช่..
     
  20. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    พลังกุลฑาลิณี อยู่ที่จักระหนึ่ง หากมันไม่ตื่นตัวขึ้นมา คุณก็ไม่อาจ
    รับรู้ถึงมันได้ เพราะเปรียบเหมือนงูนอนหลับนิ่งไม่ทำงานไม่เคลื่อนไหว


    แต่หากมันออกมา แล้วคั่งค้างอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่ง จึงจะมีปัญหา
    และคุณอาจสำรวจตนเองด้วยจิตแล้วพบว่ามันคั่งค้างอยู่ได้เช่นกัน


    แต่หากมันไปถึงจักระที่เจ็ดแล้ว มันก็อิสระแล้ว มันจะไม่ถูกกักไว้แน่นอน
    คุณไม่สามารถยั้งงูตัวนี้ได้หรอก มันได้อิสระแล้ว มันไม่ถูกคุณกักไว้ที่จักระเจ็ด


    ดังนั้น ความรู้สึกร้อนที่จักระเจ็ด ไม่ใช่ "กุลฑาลิณี"
    แต่อาจเป็น "พลังจักรวาล" ชนิดอื่นๆ
    อนึ่ง จักระเจ็ดเป็นที่พักของพลังจิต เช่น เทพ ฯลฯ
    ดังนั้น จึงมีคนเรียกว่าว่า "วิมานพระวิษณุ"

    พลังร้อนๆ ที่คุณสัมผัสที่จักระเจ็ดจึงไม่ใช่กุลฑาลิณี
     

แชร์หน้านี้

Loading...