มงคลวัตถุ สิริแห่งชีวิต ที่สุดแห่งศรัทธา : รูปถ่ายนิโรธสมาบัติ มหาจักร มหาสังข์ โคนนทสูร

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย studio214, 19 กรกฎาคม 2015.

  1. Hattee

    Hattee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +184
    ขอจองครับ:

    รายการที่ 117 ล็อกเก็ตหลังพระอุปคุต+จีวรหลวงปู่พิศดู ธัมมจารี (รุ่นประสบการณ์)
    บูชา 300 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท
     
  2. whitenaga

    whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    796
    ค่าพลัง:
    +2,752
    โอนค่าตะกรุดเปิดสมองแล้วค่ะ
     
  3. whitenaga

    whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    796
    ค่าพลัง:
    +2,752
    โอนค่าตะกรุดเปิดสมองแล้วค่ะ
     
  4. Hattee

    Hattee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +184
    โอนวันนี้เเล้วครับ 360-
    ++++ ที่อยูํตาม SMS ครับ ++++
     
  5. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 123 เหรียญยันต์ตะกรุดเม เนื้อเงิน วัดท่าซุง
    ปิด ค่าจัดส่ง 60 บาท

    เหรียญยันต์ตะกรุดเม ด้านหน้าเป็นยันต์ตะกรุดเมด้านหลังเป็นยันต์ท้าวมหาชมพู
    ขนาด 1.6 ซ.ม. X 1.6 ซ.ม.
    เมื่ออาราธนาติดตัวให้ใช้คาถา "เม สัมมุกขา สัพพา หะระติ เต สัมมุกขา"

    ถือเป็นสุดยอดตะกรุดของหลวงพ่อ ซึ่งช่วงราวๆปี ๒๕๒๗-๒๕๒๘ ในวัดจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีทำไสยศาสตร์คุณไสยดำเพื่อหวังจะทำร้ายทั้งพระและฆราวาสในวัด พระท่านมาบอก หลวงพ่อเลยเมตตาทำให้พิเศษเฉพาะเป็นการภายใน โดยบรรดาลูกหลานจะลงชื่อกันไว้ แล้วนำแผ่นทอง เงิน นาค หรือตะกั่วมากันเอง แล้วก็นำใส่พานไปให้หลวงพ่อปลุกเสก ตอนแรกหลวงพ่อก็ลงมือจารด้วยตัวท่านเอง สักพักหมาหอนลั่นกันทั้งวัด หลวงพ่อก็หยุดจาร เมื่อปลุกเสกเสร็จ หลวงพ่อก็บอกว่า พระท่านมาบอกว่าไม่ต้องจารทั้งหมดหรอก จะไม่ไหว ให้กำหนดจิตทำ ท่านเลยกำหนดจิตตามพระท่านสั่ง ปรากฎว่าตะกรุดทุกดอกในพานนี้ ขึ้นเป็นตัวอักขระตามเนื้อตะกรุดครบทุกดอกเลย จะมีจำนวนไม่มาก

    ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๘ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้เมตตาสงเคราะห์ศิษย์ใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ โดยอนุญาตให้นำแผ่นทองคำ แผ่นนากหรือแผ่นเงิน(ตามกำลังของแต่ละคน) มาทำเป็นแผ่นตะกรุด เรียกกันว่าตะกรุดเม ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก “ เม สัมมุกขา สัพพา หะระติ เต สัมมุกขา ” ท่านได้เมตตาจารยันต์ให้ ส่วนใหญ่เป็นยันต์องค์พระและมีอุณาโลมอยู่ด้านบน บางแผ่นท่านจารอักขระเพิ่มเติมให้ และมีอยู่แผ่นหนึ่งที่ท่านเมตตาจารเป็นกรณีพิเศษโดยด้านหนึ่งเป็นยันต์ท่านปู่พระอินทร์ (ยันต์ปัญจพุทธา) อีกด้านเป็นยันต์ท้าวมหาชมภู ที่กล่าวว่าเป็นกรณีพิเศษนั้นเนื่องจากในขณะนั้นหลวงพ่อท่านมีภาระกิจมากทั้งงานสอนพระกรรมฐาน งานศูนย์สงเคราะห์ฯ งานเจริญศรัทธางานก่อสร้าง ฯลฯ เวลาพักผ่อนของท่านน้อยมาก ท่านยังสละเวลาจารแผ่นยันต์ให้ ผู้ที่ได้รับแผ่นยันต์ชุดนี้มาตั้งแต่ต้นหรือได้รับตกทอดมาในภายหลังล้วนแล้วแต่มีความชุ่มชื่นใจ อิ่มใจในความเมตตาของท่าน

    ปัจจุบันยันต์แผ่นพิเศษนี้พระผู้ใหญ่องค์หนึ่งของวัดท่าซุงได้ถวายเพื่อเป็นสมบัติของสงฆ์ และคณะทำงานได้พิจารณาขออนุญาตตัดส่วนหนึ่งเพื่อนำมาเป็นชนวนในการสร้างวัตถุมงคลต่างๆของวัด และได้ขอจำลองรูปยันต์ที่หลวงพ่อท่านได้จารไว้นำมาสร้างเหรียญโดยย่อให้มีขนาด ๑.๖ x ๑.๖ ซม. เพื่อรักษารูปแบบยันต์ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ และเป็นเครื่องระลึกถึงความเมตตาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่มีต่อคณะศิษย์โดยหาประมาณมิได้

    ในเรื่องของตะกรุดเม (มหาสะท้อน) หลวงพ่อกล่าวว่า "ที่เขาห้ามให้เด็กใช้ เพราะว่ามหาสะท้อนย้อนกลับทุกอย่าง แล้วย้อนกลับหลายเท่า ถ้าเราเผลอไปตีเด็ก เราอาจจะโดนอะไรที่หนักกว่านั้นคืน เขาเลยห้ามไม่ให้เด็กใช้ และห้ามเข้าไปในที่ที่คนหรือสัตว์กำลังคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ออก จะโดนย้อนกลับหมด"

    จัดสร้างโดยหลวงพ่อพระครูปลัดอนันต์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันวัดท่าซุง ทำพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ วันเสาร์๕ วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา 18.00 น. ภายในพระอุโบสถวัดท่าซุง โดย หลวงพ่ออนันต์ หลวงพ่อสุรจิต หลวงพ่อโอ หลวงพ่อวิรัช หลวงตาชลอ หลวงพ่อหนุน เป็นต้น

    ข้อควรระวัง
    1. อย่าเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนหรือสัตว์กำลังจะคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ได้
    2. ไม่ควรให้เด็กแขวน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2016
  6. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 124 เศียรครูเจ้าเงาะมหาจินดา หลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล สุพรรณบุรี
    หลวงปู่เสกเพิ่มและเมตตาจารให้ด้วยครับ
    ปิด ค่าจัดส่ง 60 บาท จองแล้ว

    เศียรครูเจ้าเงาะ มหาจินดา หล่อจากยอดทวน ปลายหอก ฝังตระกรุดใบลายจารหัวใจคาถาจินดามณี ที่ระลึกงานทอดกฐิน วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๘

    บรมครู โบราณกาล ยกย่องเศียรครู “ เจ้า เงาะ ” เป็นครูสูงสุดที่ทำให้ผู้ที่รับครอบไป มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในชีวิต ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ด้วย อาถรรพ์ อิทธิฤทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์ ของ หัวโขน “ครูเงาะเจ้า” เศียร ครูเงาะ จึงเป็นเศียรที่จำเป็นในการทำพิธีไหว้ครู ที่ถือว่าเป็นครูใหญ่ต้องเชิญเข้าพิธีไหว้ครูในแต่ละปี
    ด้วยเหตุที่เศียร “ครูเงาะเจ้า” เป็น ของอาถรรพ์ทรงพลัง และ ผู้ที่ นิยมนับถือบูชาต่างทราบกิตติศักดิ์อันวิเศษของ เศียร “ครูเงาะเจ้า” ว่า สามารถ พลิกฟ้าพลิกดิน กลับดวง กลับชะตาได้ จึงรับรู้กันเป็นการภายในว่า “ใครมีรูปเศียรครูเงาะเจ้า” บูชาติดตัว จะหาความตกต่ำ ล้มเหลวมิได้เลย

    ด้วยเหตุที่ เศียร “ครูเงาะเจ้า” มีตำนานผู้กับพุทธประวัติ ขององค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ใน ปัญญาสชาดก โดยพระโพธิสัตว์ได้จุติในครรภ์ของนางจันทามเหสีฝ่ายขวาของท้าว พรหมฑัต ต่อมานางยักขิณีม่าย เลี้ยงดูดังลูกในอุทร วันหนึ่ง พระสังข์ได้ขึ้นไปบนประสาทชั้นบน พบ บ่อเงิน บ่อทอง เกาะทอง กระบองเพชร เกือกแก้ว เมื่อสวมแล้วจึงเหาะได้ นี่เป็นบุญญาธิการของพระสังข์ ต่อมาได้ชุบตัวในบ่อทอง และสวมเครื่องทรงเหาะหนีไป นางยักษขิณี ตามไม่ทันจึงอกแตกตาย เกิดเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก่อนตายนางยักษิณีได้สอนมนต์จินดามณี ที่เป็นมนต์เอกที่ช่วยนำมาซึ่งโภคทรัพย์ อริยทรัพย์ ดังคำกลอนที่ว่า

    อันรูปเงอะไม้เท้าเกือกแก้ว แม่ประสิทธิให้แล้วดังปรารถนา
    ยังมนตร์บทหนึ่งของมารดา ชื่อว่ามหาจินดามนตร์
    ถึงจะเรียกเต่าปลามัจฉาชาติ ฝูงสัตว์จตุบาทในไพรสณฑ์
    ครุฑทา เทวัณ ชั้นบน อ่านมนตร์ขึ้นแล้วก็มาพลัน



    ในตำนานครูที่เป็นหัวโขน ใครได้น้อมนบไหว้บูชาครูพระสังข์รูปทองผ่องอำไพ จะมีความสุขความเจริญหาที่เปรียบมิได้ เพราะพระสังข์เป็นเจ้าแห่งมนต์จินดามณี ที่เรียกเนื้อเรียกปลาเรียกสมบัติพัสถานได้ทุกแห่งทุกหน ด้วยเหตุที่พระสังข์เป็นเจ้าแห่งมนต์จินดามณีมีคุณมากขนาดนี้

    หลวงปู่นิ่ม ท่านใช้มนต์จินดามณี ที่สืบมาแต่องค์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่กล้าย วัดหงส์ เสกสวดเป่าเป็นมนต์ครูที่ลงวัตถุต่างๆได้เข้มขลัง จึงจัดทำเศียรครูโขน พระสังข์เจ้า ขึ้นเป็นครั้งแรกในวงการพระเครื่อง ทำพิธีหล่อในเดือน 6 อมฤตโชค ราชาทรัพย์ มหัทธโน อยู่ใน เรือน ลาภะ (เกิดลาภมาก) โดยใช้ ชนวน ปลายหอก ปลายทวน นำมาหล่อ เหตุที่ใช้ปลายหอก เพาะมีฤทธิ์ เป็นอาวุธยอดที่สุด ในกระบวนอาวุธของเทพ ไม่มีอาวุธชนิดใดมีอิทธิฤทธิ์เท่า
    ใครที่มี “ครูเงาะเจ้า” อยู่ ไม่ต้องกลัวที่จะอดอยาก ยากจน เพราะมนต์จินดามณี เรียกเงินเรียกทองเรียกเนื้อเรียกปลา หรือแม้จะเรียกเทวดาให้มาช่วยได้ ตำนาน “ครูเงาะเจ้า” ชนะผู้ที่เป็นราชบุตรจากเมืองต่างๆถึง 7 เมือง ไม่ว่าจะประลองอะไรก็ชนะได้ทั้งหมดไม่เคยแพ้ใคร “ครูเงาะเจ้า” ยังเป็นที่มาของมหาเสน่ห์ได้นางรจนาผู้ที่สวยที่สุด ฉลาดที่สุด มาครอบครอง


    “ครูเงาะเจ้า” หล่อจากชนวน ทำพิธีปลุกเสกครบ ถ้วน จึงเป็นของ “มงคลฤทธิ์” ใครได้ใช้ได้พกได้พา จะช่วยให้ สำเร็จ สำฤทธิ์ผล อันยากเย็นแสนเข็นได้ดังประสงค์ รูปชั่ว ตัวดำ อดอยากยากจน จะกลับพลิกพัน ดังเด่น มีเสน่ห์ มีโชคชัย ทำอะไรก็เจริญ มือขึ้น ดวงแข็งขึ้นพลันทันตา “ครูเงาะเจ้า” แรงด้วยฤทธิ์อย่างนี้ อีกทั้งมนต์ มหาจินดามณี ที่ใช้เรียกเนื้อเรียกปลาเรียกโชคลาภมหาศาลได้ดีนัก ช่วยทำมาค้าขาย ช่วยให้ขยายกิจการมานักต่อนักแล้วมีประสบการณ์อยู่มาก
    ในองค์ “เศียรครูเงาะเจ้า” ลงใบลาน ด้วยดินสอดำ เป็นหัวใจ คาถา “จินดามณี” ที่ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว ฝังรูปฝังรอยจารึก ในองค์ เศียรครู เงาะ เพื่อให้ หัวใจนี้ แพร่ อิทธิฤทธิ์ อำนาจ ครอบคลุมบันดาลให้ ท่าน สำเร็จได้ ดังมีแก้วสารพัดนึก ปรารถนาสมหวังทุกอย่าง เทอญ

    คาถาบูชาตามตำราหลวงปู่ศุข และ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    จินดามณี สะหะโกฏิ สัตตังเทวานัง มะนุสสะเทวานัง อะมะนุสสะเทวานัง
    สะมณีจิตตัง บุตรีจิตตัง อาคัจเฉยหิ ปะริเทวันติ ปิยังมะมะ มณีจินดา
    ปัญจะทานัง ทาสาโกมัง ทาสีโกมัง ปิสันทัสสะ นะมามิหัง

    สัพเพชะนา พะหูชะนา มหาจินดา เอหิพุทธัง
    ปิยินทรียัง เทวะมานุสสานัง ปิโยนาคะ สุปันนานัง
    ปิยินทรียัง นะมามิหัง

    พุทโธโส ภะคะวา ธัมโมโส ภะคะวา สังโฆโส ภะคะวา
    อินทะสะเหน่หา พรหมมะสะเหน่หา อิตถีสะเหน่หา
    ราชาเทวี มณีรักขัง ปิยังมะมะ พุทธะสังมิ นะชาลีติ
    พระอะระหัง สัพพะลาภัง ประสิทธิเม

    หลวงปู่นิ่ม (พระครูสุนันทโชติ) อายุ ๘๘ ปี เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๗๐ ปีเถาะ ที่บ้านดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เป็นหลานของ พระครูสุพลวุฒิกร (หลวงพ่อบุญ) วัดพันตำลึง

    หลวงปู่นิ่ม เป็นคนเรียบร้อย นิสัยรักสงบ และเฉลียวฉลาดกว่าเด็กทั่วไป จบการศึกษา ม.ศ.๕ จากโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย โรงเรียนมัธยมประจำ จ.สุพรรณบุรี โดยสอบได้คะแนนดีเยี่ยมมาตลอด เมื่ออายุ ๒๙ ปี ได้อุปสมบท ณ อุโบสถ วัดสุวรรณภูมิ โดยมี พระเทพวุฒาจารย์ (หลวงปู่เปลื้อง) เจ้าอาวาสวัด และเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี (ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระสมณกิจพิศาล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาวิมล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาสุจินต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    บวชได้วันเดียว หลวงปู่กล้าย วัดหงส์รัตนาราม กรุงเทพฯ รับท่านไปอยู่ด้วย ต่อมาได้ส่งหลวงปู่ไปเรียนวิชาอาคมกับพระเกจิอาจารย์หลายรูป อาทิ พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด) วัดปากน้ำ, สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) วัดโพธิ์ ท่าเตียน, หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิฐ, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย, หลวงพ่อบุญ วัดพันตำลึง เป็นต้น

    ปัจจุบะนหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์องค์สำคัญองค์หนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี องค์ท่านโดดเด่นมากทางเมตตามหาลาภ สงเคราะห์เรื่องโภคทรัพย์เจริญรุ่งเรื่องในการประกอบสัมมาอาชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2016
  7. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 125 ตะกรุดจารมือ ขนาดเล็ก หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน
    ค่าจัดส่ง 60 บาท

    "หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน" พระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม สมถะ เรียบง่าย ไม่จับต้องเงินทอง หรืออามิสใดๆ ที่สำคัญท่านเมตตาไม่มีประมาณ โดยไม่เลือกชนชั้นใดๆเลย

    หลวงพ่อท่านมีสติอยู่ทุกอิริยาบท ทุกการกระทำของท่านล้วนเป็นคำสอนให้ลูกศิษย์ได้สังเกตและทำไปใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต องค์ท่านมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของชาติ ท่านสอนให้เรากตัญญูรู้คุณสถาบันทั้งสาม สอนให้เคารพ กตัญญูต่อครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนใส่ใจในรายละเอียดในการปฏิบัติศาสนกิจ พึงระมัดระวัง เพื่อมิให้เผลอล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยได้

    หลวงพ่อสิริ เดิมชื่อ สิริ แก้วกาญจน์ เป็นคนไทยเชื้อสายรามัญ เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2484 ณ บ้านบางตะไนย์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในวัยเยาว์โยมบิดามารดาได้พาท่านมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์วัดคอยปรนนิบัติรับใช้ พระสงฆ์ภายในวัดตาล เมื่อพ.ศ.2497 อายุได้ 14 ปี ได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดตาล หลังจากบวชเป็นสามเณรได้เพียง 1 ปีก็มีเรื่องแปลก กล่าวคือ "หลวงพ่อโอภาสี" ซึ่งเป็นพระเกจิที่มีฌานสมาบัติสูงรูปหนึ่งในยุคนั้นได้ให้ลูกศิษย์พายเรือ เอาธงชาติผืนใหญ่มาฝากไว้ให้สามเณรสิริ เป็นเวลา 7 วัน ในธงชาตินั้นเขียนยันต์ล้อมรอบ และเขียนพระราชประวัติของในหลวงไว้เป็นภาษาขอมโบราณ ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ในภพชาติที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจต่อผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ่ง นักว่าทำไมหลวงพ่อโอภาสีจึงให้ความสำคัญกับสามเณรสิริ ซึ่งบวชเป็นสามเณรได้เพียงแค่ 1 ปีถึงขนาดนี้ เมื่ออายุครบ 20 ปี จึงเข้าอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดตาล เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2504 โดยมีท่านเจ้าคุณพระอริยธัชเถระ วัดสวนมะม่วง จังหวัดปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเปลือย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดกัณหา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สิริวัฑฒโน" ด้วยมีความสนใจ ศึกษาทางด้านพุทธาคมตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณร เมื่อได้อุปสมบทแล้วท่านก็ได้กราบขอฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านเจ้าคุณพระอริย ธัชเถระ ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์สายตรงของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อสิริจึงมีโอกาสได้ศึกษาพุทธาคมสายวิชาของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทั้งทางด้านวิปัสนากรรมฐาน และคาถาอาคมต่างๆ อย่างลึกซึ้ง

    เคยกราบครูบาอาจารย์มาก็มากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครเมตตาได้เท่าหลวงพ่อสิริ ท่านยิ้มเมตตาศิษย์ทุกคนตลอด จิตท่านชุ่มเย็นมาก ผมเชื่อว่าองค์ท่านเป็นพระอริยเจ้าผู้เป็นหลักคำ้ชูแผ่นดินไทย ปกป้องคุ้มครองชาติไทยให้ร่มเย็น หลวงพ่อสิริเป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่งที่ครูบากฤษดาท่านเคารพนับถือ ครูบาท่านว่า หลวงพ่อสิริ "องค์ท่านเป็นพระทองคำ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2017
  8. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 126 พระสมเด็จ รุ่นแรก (เข็มหัก) เนื้อผงพุทธคุณแช่น้ำมนต์โรยแร่เหล็กน้ำพี้บรรจุเกษา หลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี
    ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท

    พิธีจันทร์เพ็ญ ปี 2555

    หลวงพ่อทบสร้างสมเด็จเอาไว้มีคนนำไปใช้แพทย์ฉีดยาไม่เข้าแถมเข็มฉีดยาหักอีกต่างหากมีเพียงพระสมเด็จหลวงพ่อทบองค์เดียวฮือฮาทั้งโรงพยาบาล พิธีจันทร์เพ็ญฤกษ์งามยามดีกว่าจะหาฤกษ์แบบนี้ยากนักหลวงปู่พวงจึงได้ตั้งใจสร้างพระสมเด็จรุ่นแรกตามครู เริ่มด้วยการลบถมผงปัถมังตามสูตรพ่อทบ ผสมผงปัถมังเก่าพ่อทบพ่อเขียนพ่ออ้วนที่ลบถมไว้หลายสิบปีนำมาผสมกันผสมเข้ากับเกษรดอกไม้ถวายพระประธานทุกวันพระ ผงเก่าสมเด็จวัดระฆังบางขุนพรหมเกศไชโย ผงสมเด็จหลวงพ่อทบทุกรุ่น ผงวิเศษดินอาถรรย์จากการเดินธุดงค์ ว่านสบู่เลือด ว่านไพรดำ ว่านเพชรกลับ ว่านเพชรหลีก ดินโปร่ง ดิน 7 ท่า ดินขุยปู ดินขี้ตะไคล้โบสถ์วัดชนแดน ดินขี้ตะไคล้โบสถ์วัดดงขุย ดินขี้ตะไคล้วิหาวัดน้ำพุสามัคคี ผงพุทธคุณ ผงธูปบูชาพระ เกษาหลวงปู่พวง ข้าวก้นบาตร พระผงหลวงปู่ทวด ปี 97 ผงแร่เหล็กน้ำพี้ พระสมเด็จรุ่นแรกหลวงปู่พวงตั้งใจสร้างอย่างยิ่งเพื่อให้เป็นพุทธานุสติพกติดตัวไว้จะเป็นเมตตามหานิยมไปใหนมาใหนจะแคล้วคลาดดีทำธุรกิจต่างๆจะมีความเจริญก้าวหน้ารวดเร็วทันใจ นิมิตรเห็นหลวงพ่อทบมาบอก “ไม่ต้องหาของกูแล้วใช้แทนกันได้เลยกูมาทำให้เอง ” หลังปลุกเสกพิธีจันทร์เพ็ญหลวงปู่พวงได้แจกสมเด็จรุ่นแรกชาวบ้านนำไปใช้วันเดียวเกิดประสบการณ์ได้เงินได้ได้ทองเข้าบ้านรวดเร็วทันใจอย่างกับถูกหวย

    ถามว่าหลวงปู่พวงชอบอะไรมากที่สุด ท่านบอกพระสมเด็จเนื้อผงแช่น้ำมนต์ ทำยากเน้นหนักมวลสารต้องขลัง การสร้างพระสมเด็จครั้งนี้ครั้งแรกหลวงปู่บอก “ ให้ขลัง ให้เน้นทางเจริญงอกงามแรงดีไม่มีตก” แร่เหล็กน้ำพี้มีคุณในตัวทำผงโรยใส่องค์พระเพื่อเพิ่มความขลังศักสิทธิ์ให้กับพระสมเด็จพร้อมทั้งฝังเกศา พุทธคุณของพระสมเด็จเข็มหัก “ เด่นในด้านความเจริญรุ่งเรือง สำเร็จ ร่ำรวย สมหวัง ”

    หลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี ( เกิด พ.ศ.2468 ) บวชเมื่อเป็นเณร อายุครบบวชพระก็บวชเลย เรียนวิชากับหลวงพ่อทบ มากที่สุด หลวงพ่อทบรักมาก สอนให้หมด ทั้งพาไปฝากให้เรียนวิชากับหลวงพ่อเขียน สำนักขุนเณร ด้วยตัวของท่านเอง ตอนอยู่กับหลวงพ่อทบ ท่านมีหน้าที่ช่วยหลวงพ่อทบ จารตะกรุดมั่ง ม้วนมั่ง ถักมั้ง ตอนอยู่กับหลวงพ่อเขียน ท่านมีหน้าที่ตักน้ำใส่ถัง ให้หลวงพ่อเขียนทำน้ำมนต์ ต่อมาท่านฝากตัวเรียนวิชากับหลวงพ่ออ้วน วัดดงขุย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า หลวงพ่ออ้วนรับศิษย์ยากมาก ถ้าไม่เก่งจริงไม่มีพื้นฐาน ท่านจะปฏิเสธแต่กับหลวงพ่อพวง ท่านทดสอบจนแน่ใจว่า จิตดี บารมีสูง จึงรับเป็นศิษย์ต่อวิชาชั้นสูงให้หลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี มรณภาพเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลาเที่ยงคืนโดยประมาณ

    หลวงปู่พวงท่านเป็นพระแท้ ไม่ไช่ดังเพราะเพียงแรงโปรโมต ท่านเก่งจริง ท่านเป็นดั่งคมในฝักอย่างแท้จริง หลากหลายครูบาอาจารย์รับรองเมื่อได้สำผัสวัตถุมงคลท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2016
  9. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 127 พระรูปหล่อลอยองค์ ขนาด ๑.๖ ซม. เนื้อโลหะผสม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร
    ค่าจัดส่ง 60 บาท

    พระรูปหล่อลอยองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็พระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันอังคารที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘

    พิธียิ่งใหญ่ตามแบบของวัดบวร โดยสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต) และมหาเถระมากมาย

    ประชาชนต่างบูชากันในวันประกอบพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (16 ธันวาคม)นี้เพื่อเป็นที่ระลึกในพระกรุณาขององค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    „ต้นแบบพระรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราชนั้น ใช้พระรูปฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงถ่ายสมเด็จพระสังฆราช ขณะมีพระราชปฏิสันถารที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2528 ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระญาณสังวร โดยภาพสมเด็จพระสังฆราช ประทับนั่งขัดสมาธิด้านหลังเป็นเสื่อรำแพน “
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2017
  10. pom1967

    pom1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +317
    จองครับ
     
  11. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 128 พระผงเตารีด พิมพ์เล็ก ฉลองอายุครบ 70ปี หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    ค่าจัดส่ง 60 บาท

    พระผงเตารีด พิมพ์เล็ก ฉลองอายุครบ ๗๐ ปี หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน สิงห์บุรี สร้างเมื่อปี ๒๕๔๑ เป็นพระที่มีวัตถุประสงค์การสร้างดีมาก มวลสารดีมาก มีผงเก่าต่างๆของหลวงพ่อ และผงทองที่ปิดหลวงพ่อโชลธร พระประธานในพระอุโบสถวัดอัมพวัน นอกจากนี้ยังประกอบด้วยเส้นเกศาและจีวรของหลวงพ่อจรัญ แจกในงานวันเกิดของหลวงพ่อจรัญเมื่อวันที่ ๑๕ สค. ๒๕๔๑

    พระมีบิ่นตรงขอบและฐานบัวครับ แต่ก็ชดเชยได้ด้วยองค์พระมีเกศาหลวงพ่อเยอะมาก มีพระน้อยรุ่นมากๆที่ผสมเกศาหลวงพ่อ

    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (พระธรรมสิงหบุราจารย์ ภาวนาปฏิภาณโกศล โสภณธรรมานุสิฐ พิพัฒน์กิจสุนทร มหาคณิสสรบวรสังฆารามคามวาส) เกิดในสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ซึ่งเกิดจาก โยมมารดา เจิม และโยมบิดา แพ จรรยารักษ์ ในวันพุธ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ปีมะโรง เวลา ๐๗.๑๐ น. ณ ๑๕ บ้านตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี แล้วได้ทำการ อุปสมบท วัน พฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีชวด ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๙๑ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ วัดพรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี พระครูพรหมจริยคุณ วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดกิมเฮง วัดพุทธาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการช่อ วัดพรหมบุรี เป็นอนุศาสนาจารย์

    การศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติของหลวงพ่อจรัญ
    พ.ศ. ๒๔๘๗ สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนสุวิทดารามาศ จังหวัดสิงห์บุรี
    พ.ศ. ๒๔๙๒ สอบไล่ได้นักธรรมโท ณ สำนักเรียนวัดแจ้งพรหมนคร อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี สามัญศึกษา
    พ.ศ.๒๔๙๓ ศึกษาปฏิบัติกรรมฐาน กับพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทธสโร) วัดหนองโพธิ์ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    พ.ศ.๒๔๙๔ ศึกษาปฏิบิติธรรมฐาน กับหลวงพ่อลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ และท่านเจ้าคุณอริยคุณาธร (เส็ง ปุสโส) วัดเขาสวนกวาง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
    พ.ศ.๒๔๙๕ ศึกษาทำเครื่องลางของขลัง น้ำมันมนต์ กับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและ พระครูวินิจสุตคุณ (หลวงพ่อสนั่น) วัดเสาธงทอง จังหวัดอ่างทอง และ หลวงพ่อจาด วัดบ้างสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี
    พ.ศ.๒๔๙๖ ศึกษาปฏิบัติกรรมฐาน กับท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชย์พระราชสิทธิมุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ) วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพ พ.ศ.๒๔๙๘ ศึกษาพระอภิธรรม กับอาจารย์เตชิน (ชาวพม่า) ณ วัดระฆัง กรุงเทพฯ
    - ศึกษาการพยากรณ์ จากสมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ กรุงเทพฯ
    - ศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้วิทยาศาสตร์ทางจิตกับ พ.อ.ชม สุคันธรัต
    - เดินธุดงค์รอนแรมหาที่สงบ เพื่อจำศีลภาวนาตามป่าเขตลำเนาไพรทางภาคเหนือ (เป็นต้น)

    บารมีและคุณูปการที่มากล้นขององค์หลวงพ่อที่มีต่อ พระพุทธศาสนา และศาสนิกชนชาวพุทธทุกชนชั้น เชื่อว่าแทบทุกบ้านมักจะมีหรือเคยมีหนังสือสวดมนต์บ้าง หนังสือธรรมะบ้าง หรือเกร็ดธรรมเล็กน้อยที่หลวงพ่อท่านเมตตาให้จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน หลายคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม ก็ได้เริ่มต้นที่วัดอัมพวัน หลายคนเชื่อในกฏของกรรมก็เพราะคำสอนของท่าน ศิษย์ท่านมีทุกชนชั้น ทั้งรวยมาก และคนจน ทั้งผู้ใหญ่ คนแก่ วัยรุ่น ฯลฯ องค์ท่านถือว่าเป็นพระมหาเถระแห่งยุค พระอริยเจ้าผู้สิ้นกิเลส ผู้เมตตาไม่มีประมาณ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2017
  12. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 129 เบี้ยแก้คหบดี รุ่นสอง หลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์ พระนครศรีอยุธยา
    ปิดรายการ

    หลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์ พระอริยเจ้าในใจอีกองค์หนึ่ง หากใครอ่านนิทานนิยายมามาก เมื่อไปเจอท่าน จะผิดจากที่จินตนาการไว้ ท่านอยู่อย่างเรียบง่ายมาก เสมือนหลวงตาธรรมดาองค์หนึ่ง ท่านมักจะออกกวาดวัดเองทุกวัน ท่านไม่ยึดติดในวัตถุใดๆเลย ท่านเคยใช้ให้ผมไปหยิบของในกุฏิท่าน ผมแปลกใจมาก ในห้องท่านไม่มีของมีค่าหรือเครื่องอำนวยความสบายทางโลกใดๆเลย ที่ประทับใจมากคือท่านต้อนรับทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนหรือรวยอย่างไรท่านไม่ได้สนใจ ท่านเมตตาสูงมาก สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือท่านปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด ท่านลงทำวัตรทุกวัน เป็นเวลานานมาก เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือความบริสุทธิ์ที่ทำให้จิตท่านนั้นยิ่งมีกำลังมาก ผนวกกับวิชาต่างๆที่ท่านได้รำ่เรียนมาทั้งสายอยุธยาและอ่างทอง (อำเภอมหาราชจะใกล้ไปทางอ่างทอง) จึงไม่น่าแปลกใจที่วัตถุมงคลท่านจะศักดิ์สิทธิ์มาก

    เบี้ยแก้ คหบดีเศรษฐีใหญ่ รุ่นแรกของท่านต่างเป็นที่นิยม เสาะหา ว่ากันว่าใครได้ไปใช้ต่างสำเร็จ ขออะไรก็สมปรารถนาทุกประการ ปลอดโรค ปลอดภัย รับทรัพย์ ร่ำรวยกันถ้วนหน้า แต่ทว่าเบี้ยแก้รุ่นนี้สร้างเพียง 155 ตัว ไม่เพียงพอต่อลูกศิษย์ลูกหา จึงเป็นที่มาในการขออนุญาติจัดสร้างเบี้ยแก้รุ่นสอง

    เบี้ยแก้สายอ่างทองต้อง หลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ ยอดเบี้ยแก้ หนึ่งใน ๔ เกจิดังของเมืองอ่างทองได้ถูกถ่ายทอดลงมายัง หลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์พระนครศรีอยุธยาแล้ว เนื่องด้วยท่านเจ้าคุณเสงี่ยมได้ร่ำเรียนวิชาการสร้างเบี้ยแก้มาจาก หลวงปู่นุ่ม วัดนางใน จ.อ่างทอง ผู้สืบทอดวิชาการสร้างเบี้ยแก้สายวัดคฤหบดีมาจากองค์หลวงปู่ทัต วิชาทั้งสายจึงตกทอดมายังหลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม จนมาเป็นเบี้ยแก้คหบดีเศรษฐีใหญ่ รุ่นแรก และรุ่นสอง แห่งเมืองพระนครศรีอยุธยา

    เริ่มต้นจากการหาเบี้ยแก้หลังนูน ท้องป่อง และต้องสมบูรณ์ นำไปปะพรมแช่น้ำมนต์ที่เสกไว้เพื่อชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไป นำชันโรงมาผสมกับว่านที่มี แล้วนำตะกั่วเสก กรอกเข้าไปในเบี้ยแก้ จากนั้นจึงนำปรอทที่ได้จัดเตรียมไว้ ปรอทเก่าของหลวงพ่อทรง, ปรอทป่าจากเบี้ยแก้คฤหบดีรุ่น, ปรอทสายตะวันออก ว่ากันว่าเป็นรวมตัวของปรอทสายอ่างทอง กับ สายปรอทอันลือลั่นตามตำรับของ หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ โดยหลวงพ่อสาครท่านได้เมตตาปลุกเสกในวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ถ่ายทอดประจุพลังอัดผ่านปรอท เพื่อให้เป็นเบี้ยแก้สารพัดป้องกันภัย เมื่อได้ปรอทที่ต้องการแล้ว จึงอัดเข้าไปในเบี้ยแก้ พร้อมกำหนดจิตให้เป็นสมาธิ กำกับด้วยคาถาประจุปรอท ตามตำรับโบราณของเบี้ยแก้มหัศจรรย์สายอ่างทอง (หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน) แล้วปิดทับชันโรงอีกชั้นหนึ่งด้วย ตะกั่ว แผ่นเงิน ครบตามตำราทุกประการ

    ต่อจากนั้นถูกนำไปเก็บไว้ในกุฏิท่านเจ้าคุณ เพื่อบรรจุอัดพลัง ทุกเช้าเย็น จนครบหนึ่งเดือนเต็ม นอกจากนี้เวลาหลวงปู่ท่านไปงานพุทธาภิเษกที่ไหน ท่านจะบอกให้ลูกศิษย์ที่ไปด้วยนำเบี้ยแก้รุ่นสองนี้ไปด้วยทั้งหมด แล้วท่านจะสั่งให้โยงสายสิญจน์จากพิธีมาที่กล่องใส่เบี้ยแก้รุ่นสองเพื่อบรรจุพลังอันศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้ง จากนั้นจึงนำเข้าพุทธาภิเษกครั้งสุดท้าย ณ อุโบสถอันเก่าแก่ของวัดสุวรรณเจดีย์ เพื่อเพิ่มบารมี เพิ่มทรัพย์ ให้สมกับเป็น เบี้ยแก้สมปราถนาป้องกันภัย ตามตำราเบี้ยแก้คหบดีเศรษฐีใหญ่ ของทุ่งมหาราช

    เบี้ยแก้รุ่นสองนี้ จัดสร้างเพียง 300 ตัว มีโค๊ตกำกับทุกตัวเปิดบูชาที่วัดสุวรรณเจดีย์ที่เดียว ลูกศิษย์สร้างถวาย หลวงปู่ท่านเสกทุกวันเป็นเวลาหลายเดือนแล้วนำมาเข้าพิธีพร้อมกับเหรียญรุ่นสมปราถนาที่หลวงปู่ท่านลืมตาเสกเป็นพิธีสุดท้ายก่อนออกให้บูชา สำหรับผม เบี้ยรุ่นนี้สุดยอดที่สุด เพราะเจตนาบริสุทธิ์มาก เงินเข้าวัดทั้งหมด

    คุณสมบัติของเบี้ยแก้ตามตำราโบราณนั้น มีสรรพคุณร้อยแปดพันเก้าประการสุดที่ยากบรรยาย ครอบคลุมทุกด้านป้องกันสิ่งชั่วร้าย และแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดี พ่อค้าแม่ค้าขายหมั่นไว้บูชาจะไต่เต้าเป็นเจ้าสัว จักให้คุณเป็นถึงเจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินของเต็มวัง อีกช้างม้า วัว ควาย นับได้เหลือหลาย แก้โรคภัยไข้เจ็บ ให้หนักเป็นเบา แก้คุณไสย ยาสั่ง ภูตผีปีศาจ อาถรรพ์อาเพศอัปมงคล เสนียดจัญไรทั้งหลาย และรวมทั้งให้คุณผู้บูชา และให้โชคลาภเรียกทรัพย์ เมื่อบูชาให้อธิษฐานตั้งจิตหน่วงลง ในคุณพระศรีรัตนตรัย จะใช้ได้ตามความปรารถนาทุกประการ

    ประสบการณ์เบี้ยแก้ของหลวงปู่นั้น มากมายจริงๆ โดยไม่ต้องไปอิงกับนิทานนิยายใดๆ ส่วนมากจะเกิดกับศิษย์ผู้ศรัทธาอยู่แล้ว เรื่องราวเลยไม่ค่อยกระจายออกไป ประสบการณ์ส่วนตัวผมเองก็มีอยู่ ที่ชัดเจนก็คือการดูดพิษ หรืออาการปวดทางกายทั้งจากโรคจริงๆและอาการจากสิ่งที่มองไม่เห็น ด้วยคุณสมบัติของปรอทเสกที่รุ่นนี้รวมหลายครูบาอาจารย์ และ จิตที่บริสุทธิ์ของหลวงปู่ ทำให้เบี้ยรุ่นนี้สามารถกันและขับสิ่งไม่ดีต่างๆได้ ประสบการณ์การขับของที่บังเอิญไปโดนมาหรือมีผู้ทำใส่ก็มีให้เห็นอยู่ (จริงๆควรจะพกติดตัวไว้เพื่อกันไม่ให้ของเข้าตัวมากกว่า เพราะถ้าเข้าแล้วการขับออกจะยากกว่ามาก บางครั้งต้องพึ่งบารมีครูบาอาจารย์ท่านช่วยด้วย)

    พระสุวรรณศีลาจารย์ (หลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม )
    มีนามเดิมว่า เสงี่ยม เกิดในสกุล “เฉลิมบุตร ’’ เกิดเมื่อปี 2468 ในวัยเด็กหลวงปู่เสงี่ยมท่านเป็นเด็กที่มีจิตใจเมตตา อ่อนโยน ว่านอนสอนง่ายเป็นที่รักของบิดา มารดา หลวงปู่เสงี่ยมมีพี่น้องทั้งหมด 9 คนหลวงปู่เสงี่ยมเป็นบุตรคนที่ 6

    ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่ออายุ 20 ปี ณ วัด ธรรมรส โดยมี พระอุปัชฌาย์กิ่ม วัดบ้านกลาง เป็นอุปัชฌายะ หลวงพ่อแวว วัดท่าตอ เป็นพระกรรมวาจารย์ หลวงพ่อฟื้น วัดวัง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ ปัญญาทีโป ’’แปลว่า ผู้มีปัญญาดั่งดวงประทีป

    ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคมกับพระอุปัชฌาย์ ( กิ่ม ) วัดบ้านกลาง เรียนควบคู่กับการฝึกกัมมัฎฐานสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน 2 ปีจนหลวงปู่กิ่ม ออกปากชม หลวงปู่กิ่มเป็นพระโบราณเป็นพระอภิญญาสูงมาก หลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม ยังได้รับการถ่ายทอดวิชากับหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    หลวงพ่อลาภ วัดท้ายย่าน (องค์นี้หลวงปู่เสงี่ยมไปเรียนวิชา ด้านสมุนไพร โดยเฉพาะวิชาต่อกระดูก วิชานี้ท่านยังทำน้ำมันแจกคนอยู่) หลวงพ่อกล่อม วัดโพธิ์ประสิทธิ์
    หลวงปู่วัน วัดกลางทุ่ง หลวงปู่จ่าย วัดรุ้ง หลวงตาแป้น วัดท่า ฯลฯ

    หลังจากกลับมาอยู่วัดสุวรรณเจดีย์ ท่านก็ได้เป็นสมภารเจ้าวัด ทำคุณงามความดีมาตลอด ช่วยเหลือชาวบ้านจนเป็นที่ศรัทธา ช่วนเหลืองานศาสนามิได้ขาด จนวันหนึ่งได้ช่วยงาน ท่านเจ้าคุณไวทย์ วัดบรมวงศ์ ฯ ท่านก็รักหลวงปู่เสงี่ยมเสมือนลูกคนหนึ่ง ไปมาหาสู่มิได้ขาด ขนาดก่อนมรณภาพได้บอกกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ว่า “ ท่านอย่าลืมหลวงตาเงี่ยมข้านะ ’’

    หลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม ท่านไม่ค่อยสร้างพระเครื่อง ท่านไม่ชอบให้ยึดติดในวัตถุมงคล ท่านบอกว่า ไม่ใช่วิธีปลดทุกข์ แต่ด้วยลูกศิษย์ขอให้หลวงปู่สร้างเพื่อเป็นที่ระลึก หลวงปู่เสงี่ยมได้สร้าง ปลุกเสกพระเครื่อง ครั้งแรก ปี 16 เพื่อแจกลูกศิษย์แต่ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต คนที่ได้รับไป ล้วนมีประสบการณ์ทุกคน หลวงปู่เสงี่ยมเคยปรารภกับลูกศิษย์ว่า "สมัยฉันหนุ่มๆ เสกเหรียญแจกปี 16 เสกจนหลังคาโบสถ์แตก แจกแล้วต้องมานั่งซ่อมโบสถ์"แล้วท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    หลวงปู่เสงี่ยม หรือ เจ้าคุณเสงี่ยม ( พระสุวรรณศีลาจารย์ ) เป็นยอดพระเกจิที่ชาวกรุงเก่า ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นคนเงียบ ไม่พูดไม่คุย แต่ชาวบ้านทุ่งมหาราชทราบดีว่า พระรูปนี้เป็นยอดพระเกจิที่เข้มขลังขนานแท้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2016
  13. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 130 ดาวก้าวหน้าดวงตาสวรรค์ หลวงพ่อนพวรรณ คุณสาโร วัดเสนานิมิต
    เนื้อรวมผงพุทธคุณ (รวมผงในสายวิชาหลวงพ่อ)ติดพลอยนพเก้าคุ้มดวง

    ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท

    "ดวงตาสวรรค์" เปิดดวง หนุนดวง คุ้มครองดวงชะตา กระทำกิจสิ่งใดมีแต่ความราบรื่น มองเห็นทะลุปัญหา ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย ดาวเนื้อผงพุทธคุณ สร้างจากผงมวลสารเฉพาะ และผงพุทธคุณรวมของหลวงพ่อ ท่านบอกว่าผงนี้แรงดีนะ

    ท่านว่ายุคนี้ต่อไปปัญหาจะเยอะ ของมงคลต้องใช้คุ้มใช้หนุนดวงชะตาไว้ วิชานี้ท่านเรียนมานานแล้ว เวลานี้เหมาะที่จะทำ

    คาถาดาวเก้าหน้าดวงตาสวรรค์
    ตั่งนะโม ๓ จบ
    พุทธะนิมิตตัง อะระหังพุทโธ โลกะวิทู
    จักกะวาเฬสุ ทิพพะจักขุง จะมหาลาภัง
    ชัยยะสุขขัง จะมหาโภคัง นะเตสุเต
    มหาสุเต นะฦาชา นะชาลีติ

    หลวงพ่อนพวรรณ คุณสาโร วัดเสนานิมิต จ.พระนครศรีอยุธยา
    หลวงพ่อนพวรรณ เจ้าอาวาสวัดเสนานิมิต ต.บ้านหีบ อ.อุทัยจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ได้รับการสืบทอดวิชาโดยผ่านโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อกลั่นโดยตรง โยมย่าของท่านก็เป็นน้องสาวของ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติฯ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อกลั่นเช่นกัน และเป็นผู้ได้รับการถ่ายวิชาอาคมและสรรพตำราต่างๆ ของหลวงพ่อกลั่นเอาไว้ทั้งหมด ต่อมาเมื่อหลวงพ่ออั้นมรณภาพ ผู้ที่ได้รับตำราต่างๆ ก็คือน้องสาวของท่าน ซึ่งเป็นโยมย่าของหลวงพ่อวรรณนั่นเอง ตำราทั้งหมดในสายวัดพระญาติฯ จึงตกอยู่กับหลวงพ่อวรรณจนทุกวันนี้หลวงพ่อวรรณ จึงนับเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ในทุกวันนี้ ที่มีความเชี่ยวชาญในสรรพวิทยาคาถาอาคมต่างๆ อย่างมากมาย จนสามารถปลุกเสกวัตถุมงคลได้อย่างเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของบรรดาศิษย์ทั้งหลาย อย่างกว้างขวาง ชื่อเสียงของหลวงพ่อนพวรรณโด่งดังไปทั่วประเทศ รวมทั้งนักสะสมพระเครื่องรางของขลัง ในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วยหลวงพ่อวรรณ ท่านชอบศึกษาหาความรู้ทั้งด้านธรรมะ และไสยศาสตร์อย่างจริงจัง ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมกับอาจารย์เลื่อน และอาจารย์ใหญ่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกลั่นเช่นกัน จนได้สำเร็จวิชา เก้าเฮ อันเป็นเอกลักษณ์อันลือลั่น ของวัดพระญาติฯ โดยตรงต่อมาท่านได้ศึกษาไสยเวทจากครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน อาทิ อาจารย์เจ๊ก และ อาจารย์เยื่อ ได้สอนวิชามลกระจายจนสำเร็จแตกฉาน และยังสำเร็จวิชาธรรม ๙ โกฏิ จาก พระอาจารย์โฮม ที่ได้ศึกษามาจาก สำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ฝั่งลาว ได้ศึกษาวิชาผูกหุ่นพยนต์ กำบังตน และถอนคุณไสยจาก หลวงพ่อพา วัดกะโพ จ.สุรินทร์ รวมทั้งได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ จาก หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง จนหมดสิ้นและที่สำคัญสุด หลวงพ่อวรรณได้รับตำราการสร้างวัตถุมงคล และพิธีการต่างๆ ของสำนักวัดประดู่ทรงธรรม จาก หลวงพ่อนาค และ หลวงพ่อสละ อีกด้วยจึงนับได้ว่า หลวงพ่อวรรณเป็นผู้ที่คงแก่เรียน และเป็นเอกอุในศาสตร์ต่างๆ อย่างแท้จริง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2016
  14. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 131 หน้าตาพรานบุญจิ๋ว เนื้อทองแดง ปี ๕๘ พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง
    ปิดรายการ

    เทริดและหน้าพรานบุญ สิ่งอันเป็นสัญลักษณ์แทนครูโนราห์ ซึ่งถือเป็นคือครูต้นของโขนละคร เป็นครูละครที่ดึกดำบรรพ์และเก่าแก่ที่สุด จะเห็นได้ว่าเมื่อกระทำการไหว้ครูโขนหรือนาฎศิลป์ก็จะเห็นมีเทริดและหน้าพรานบุญในพิธีด้วย ผู้ใดบูชาครูจักเกิดแต่ความเจริญก้าวหน้า ความคล่องตัว ทำสิ่งใดพบแต่ความสำเร็จไร้ซึ่งอุปสรรค มีแต่คนรักใคร่เป็นเสน่ห์เมตตาผู้คนช่วยเหลือเอื้อเฟื้อ

    บูชาครูพรานบุญ ควรบูชาด้วยจิตที่นอบน้อม เหมือนกับในภาคกลางที่เราเคารพบูชาพ่อแก่ ครูพรานนั้นเป็นครูที่เก่าแก่เป็นต้นกำเนิดของครูในสายนาฏศิลป์ ในภาคใต้ตอนล่างนั้นตาพรานบุญ ไม่ใช่เป็นแค่ครูนาฎศิลป์ แต่เป็นครูที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตประเพณีทั้งหมดของชาวบ้าน ประสบการณ์หรือแรงครูนั้นแรงมาก บูชาครูด้วยความเคารพ ครูจะรักษาเรา

    คาถาบูชา
    ตาเอ๋ยตาหลวง ลูกขอเชิญราชครูถ้วนหน้า 
พรานเฒ่าหน้าทอง พรานคงหน้าดำ พรานบุญ ทาสี
    อิทธิฤทธิ สิทธิพุทธา นะมีนะมา นะออยอลือ อออาออเเอ
    ขอให้มาช่วยอำนวยพร ลูกช้างให้ประสบเเต่ความสุขความสำเร็จตามปราถนาทุกประการ
    ฤ ฤา ฤ ฤา ลือชื่อให้ลือชา

    พระครูมงคลประภาต (แสง จนทวณโณ)
    “พ่อแก่เจ้าแสง” ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่อาวุโสและทรงภูมิมากรูปหนึ่ง ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๒ ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี ณ วัดประเวศน์ภูผา เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๔๘๓ โดยมี “พระครูสุวรรณไพบูลย์ (จันทร์ทอง)” เจ้าอาวาสวัดตะเคียนทอง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นได้ศึกษาหลักธรรม วิปัสสนากรรมฐาน ไสยวิชาอาคมสรรพวิชาการเรียกสูตร ลงอักขระ เลขยันต์ ลงสูตรลบผงวิเศษ และ มหาธาตุวัตถุ อาถรรพณ์ในตำราพิชัยสงคราม จากองค์พระอุปัชฌาย์ของท่าน โดยท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ของ พ่อท่านหวาน (พระครูสุวรรณโสภิต) แห่งบ้านลานควาย ซึ่งเป็นพระอาจารย์ ผู้เข้มขลัง มากด้วยบารมี เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านอย่างกว้างขวาง

    นอกจากนี้ท่านยังได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ของ “พ่อแก่เจ้าไชย” (เจ้าอาวาสวัดบ้านตรังในขณะนั้น) ท่านได้เรียนวิชาโบราณต่างๆ ที่อยู่คู่กับวัดบ้านตรังมาแต่เดิม เช่น วิชาสั่งสูญ (ธนูสั่ง) การผูกหุ่นพยนต์ การทำควายธนู และสรรพวิชาต่างๆอีกมากมาย

    พ่อท่านเป็นเนื้อนาบุญผู้เป็นแสงสว่างให้กับชาวมายออย่างแท้จริง ท่านเป็นดั่งคมในฝัก สงบเรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและบารมีอย่างประมาณไม่ได้ ปัจจุบันท่านอายุ 99 ปี 79 พรรษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2016
  15. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 132 ชุดน้ำมันชาตรี และ ทรายเสก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ค่าจัดส่ง 60 บาท ปิดรายการ

    ที่วัดท่าซุงและบ้านสายลมมีให้บูชา รายการนี้สำหรับคนที่ไม่สะดวกไปบูชาครับ

    น้ำมันชาตรี
    "...เมื่อตอนเช้านี่ หลวงพ่อปานบอกว่า ให้ขอลูกเบาท่านคำว่าลูกเบาหรือชาตรีนี่อันเดียวกัน คือว่า กระทบกระทั่งอะไรเข้า มันเบาหมดอย่างนักมวยนี่ เวลาเขาชกมาถูกเบา เขาชกหนักก็เบานะประวัติก็มีอยู่ว่า เคยไปเทศน์ที่วัดหูช้าง พอเวลาเดินไป ลมพายุมันกระโชกมามีคนหนึ่งแกนั่งกินน้ำตาลเมาอยู่ยอดตาล พอลมกระโชกมาปั๊บ แกลื่นปรี๊ดหน่ลมาปุ๊บเราก็รีบวิ่งเข้ามาใกล้ นึกว่าแย่ เพราะต้นตาลมันสูง ที่ไหนได้ แกลุกขึ้นปัดตูด เอามือปัดๆๆพอดูน้ำตาลเมาที่มือ บอก "ไอ้ห่ะ หกเสียหน่อย" (หัวเราะ) "แหม เสียดาย หกเสียหน่อยได้"นี่ เห็นไหมล่ะ อย่างนี้เขาเรียกลูกเบา คือชาตรีนะ

    น้ำมันชาตรีนี่มันมีผลสองอย่าง เขาใช้ในการรักษาโรคก็ได อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องลูกเบา
    ถ้าถูกอะไรทุกอย่างเบาหมด


    น้ำมันชาตรีนี่ ฉัน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ฝันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีใครสอนให้อาจารย์จริงๆ ที่พบก็มีสองคน อาจารย์โพดา คนหนึ่ง หลวงพ่อปาน องค์หนึ่ง

    ฉันเคยขโมยท่าน ความจริง ลูกศิษย์เขาไม่ถือว่าขโมยนะ คือว่า เป็นค่าจ้างเฝ้ากุฏิ ฉันคิดเอาเองนะ พอท่านไม่อยู่ เราก็ย่องๆ ไปเปิดตู้เจอะเข้า เขียนว่า "น้ำมันชาตรี" ขวดขนาดนี้ สั้นนิดเดียว หมอ น้ำมันงา คล้ายน้ำมันจันทน์ เป็นน้ำมันงาหอม ฉันคิด เอ๊ะ น้ำมันชาตรีเป็นยังไง เทใส่ขวดมาครึ่งขวดยานัตถุ์ พอท่านกลับมาถามว่า
    "ใครเอาน้ำมันไป" บอก "ผมครับ"
    "ใครอนุญาต" .. "ผมครับ"
    "เขาให้แกได้ยังไง" .. "ผมเฝ้ากุฏิครับ"
    "เออ .. มีมึงคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้ เอาไปให้ดีนะ อย่าใช้ในทางที่ผิดนะ"
    ถาม .. "หลวงพ่อครับ เป็นไง"
    "มันรักษาโรคได้ทุกอย่างลูก เอางี้ซิ ไอ้อั๋นเป็นนักมวย พอมันจะชก ให้แตะหน้ามันหน่อยหนึ่ง ดูซิเป็นไง ข้ายังไม่เคยใช้เลยว่ะ ตั้งแต่ทำมา" เป็นอันว่า นายอั๋นชกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถามว่าเป็นไง บอก "ชกไม่รู้สึกเจ็บครับ"

    อย่างนี้เขาเรียกลูกเบา กระทบอะไรเข้ารู้สึกเบาหมด ไม่หนัก อย่างตกมาจากยอดตาลนี่
    ไม่รู้สึกตัวว่าตก ไม่มีความรู้สึกว่ามันเจ็บใช่ไหม

    ถามว่าโยมมีอะไร บอกมีน้ำมันลูกเบา เขาเรียกลูกเบาก็เรียกนะ เมื่อคืนคิดหมือนกันว่า
    อาจจะต้องเสกถึง 7 ครั้งละมั้ง ตอนเช้าหลวงพ่อปานมาบอก "ไม่ต้อง 7 หรอกครั้งเดียวลูก พอ ไม่จำเป็นต้องทำมาก เพราะสมเด็จท่านทำเอง พระทั้งหมด ท่านช่วยกันทำแต่ว่าเติมได้แบบเดิม" เวลาจะเติม ก็เอาน้ำมันชาตรีนี้ออกมาก่อน เอาน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงาก็ตาม ใส่ในขวดลูกนั้นก่อนนะ น้ำมันนี่เติมลงไป อย่าเอาน้ำมันใส่เติมทับน้ำมันเก่า เอาน้ำมันเก่าเติมทับน้ำมันใหม่ ..

    วิธีใช้น้ำมันชาตรี
    ก่อนใช้ ขอให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจอพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นที่สุด เมื่ออาราธนาแล้ว ให้ตั้ง นะโม 3 จบ และว่า
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ , สังฆัง สรณัง คัจฉามิ .. เหมือนเมื่อรับศีล
    ต่อนั้นไป ให้ปลุกด้วยคาถานี้
    อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะ อะ อุ นี้ด้วยเถิด

    ใช้รักษาโรคได้ทุกอย่าง รับประทานหรือทาก็ได้ สุดแท้แต่โรคนั้น ควรรับประทานหรือทา
    ขณะรักษาโรค ให้ว่าคาถาดังนี้ .. ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปะติจฉามิ

    ข้อสังเกต .. จะเป็นโรคอะไรก็ตาม เมื่อรับประทานหรือทาแล้ว รู้สึกร้อน แสดงว่าน้ำมันนี้
    รักษาโรคนั้นไม่หาย ถ้ารับประทานหรือทาแล้วรู้สึกเย็น น้ำมันนี้รักษาโรคนั้นหาย
    การรับประทาน รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ช้อนกาแฟ

    ถ้าให้เป็นมงคลให้ใช้ก้านธูปหรืออะไรก็ได้ จุ่มในน้ำมัน แล้วแตะที่ศีรษะวันละ 1 ครั้ง จะเป็นมงคลทุกอย่างแก่ท่าน ถ้ามียวดยานพาหนะ ให้ทายวดยานพาหนะนั้น
    (ทาเพียงครั้งเดียว เหมือนที่เขาเจิมกัน)

    น้ำมันนี้ เมื่อท่านได้รับแล้ว จงอย่าปล่อยให้หมด หาน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว มาเติมไว้เสมอๆ เมื่อน้ำมันนี้ถูกเติมแล้ว คุณภาพจะไม่เสื่อม
    จากหนังสือ "สมบัติพ่อให้"

    ทรายเสก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    วิธีใช้ทรายเสกให้เป็นประโยชน์ ท่านบอกว่า ทรายนี่เป็นมงคลแต่ว่าความสำคัญมีอยู่ว่า ถ้าหว่านทรายในบ้าน ถ้าสัตว์มีพิษเข้าไปในบริเวณบ้านจะตาย งูเห่าเคยตายหลายตัว เคยสังเกตุเลื้อยเข้าไปยังไม่สุดตัวตาย แต่ว่าต้องเป็นสัตว์ที่จะมีอันตราย ถ้างูเห่าเหมือนเก่าแต่ว่าจะไม่กัดใครก็จะไม่มีอันตรายเหมือนกัน

    วิธีใช้
    ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน เพราะทุกอย่างพระพุทธเจ้าท่านทำ วันนั้นพอปลุกเสกเสร็จท่านบอกว่า "ทรายกับข้าวสารทำไมไม่ใช้คาถาบทนี้ล่ะ" (แล้วท่านก็บอกคาถาให้)
    รวมความว่าวิธีใช้ทรายให้ว่า นะโม เสียก่อน ว่าบท พุทธัง ธัมมัง สังฆัง

    จบแล้วขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด เทวดาและพรหมทั้งหมด หลังจากนั้นก็ภาวนาว่า นะ โม พุท ธา ยะ เวลาหว่านก็หว่านจากข้างในไปหาข้างนอก อย่าหว่านจากข้างนอกมาก่อน ผีข้างในจะออกไม่ได้ ก่อนจะหว่านก็อธิษฐานว่า ผีก็ดี เทวดาก็ดี อมนุษย์ก็ตาม ถ้าจะมาเป็นศัตรูขอให้ออกไปข้างนอก อยู่ไม่ได้ จะเป็นอันตราย แต่ว่าถ้าไม่เป็นอันตรายขอให้อยู่ได้อย่างเป็นสุข ก็หว่านไป เวลาหว่านก็ว่า นะ โม พุท ธา ยะ เรื่อยๆ ไปเท่านั้น

    ทรายเสกของหลวงพ่อ สามารถต่อได้โดยใช้ทรายที่เสกโรยทับทรายใหม่ ตั้งจิตอธิษฐานพุทธคุณจะเหมือนทรายเสกเดิมทุกประการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2016
  16. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 133 พระหินเขียวแกะ พิมพ์พระสมเด็จ หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดเขาน้อยสามผาน
    ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท จองแล้ว

    "ตามกระแสทิพยญาณว่า อันหมู่หินหยกนี้ล้วนเป็นสมบัติแต่ภพอดีตของหลวงปู่มานานนับพันนับหมื่นปี โดยฝากไว้กับมิตรพญานาค ๓๖ องค์ ดูแลรักษาไว้ในลำน้ำโขง ในวาระนี้ด้วยบุญญาธิการของท่าน ทิพยสมบัตินี้จึงได้ปรากฏขึ้นมาจากลำน้ำโขง และถูกนำมาแกะสลักสร้างเป็นพระพุทธรูป พระอัครสาวก และหมู่อริยสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์ตามพรหมลิขิตให้สถานที่แห่งนี้ เป็นปูชนียสถานที่สักการะของปวงชนสืบไป"
    ข้อความ ณ วิหารหยก วัดเขาน้อยสามผาน

    วันหนึ่งขณะหลวงปู่ฟักภาวนาอยู่ ได้ปรากฎพญานาคขึ้นมาในนิมิตแจ้งต่อหลวงปู่ว่า มีหินเขียวจะถวายเป็นหินที่เป็นของหลวงปู่ และพวกเขาเหล่าพญานาคได้ดูแลอยู่ให้หลวงปู่ไปเอาหินที่อยู่ ณ. แม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย หลังจากหลวงปู่ตรวจสอบกับทางกลุ่มหาหินและช่างแกะพระที่เชียงรายก็ไม่ปรากฎว่ามีหินขนาดใหญ่อย่างที่หลวงปู่บอก หลวงปู่จึงขึ้นไปเชียงของด้วยตนเอง หลังจากกลุ่มช่างแกะหินขับเรือพาวน หลวงปู่ก็ชี้นิ้วบอกสถานที่ก็พบหินเขียวก้อนใหญ่มหิมาตามนิมิตทุกประการ เป็นที่แปลกใจของกลุ่มช่างมากเพราะเขาวนหาบริเวณที่หลวงปู่บอกหลายหนแต่ไม่เคยพบหินก้อนมหึมาก้อนนี้เลยหลังจากได้หินมาจึงให้ช่างแกะสลักเป็นพระนาคปรก, หลวงพ่อพุทธองค์ดำ, หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, ท่านพ่อกงมา จิรปุญโญ, ท่านพ่อลี ธัมมธโร และหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน โดยรูปเหมือนครูบาอาจารย์ทั้ง 5 องค์เป็นขนาดเท่าองค์จริง

    หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดพิชัยพัฒนาราม (วัดเขาน้อยสามผาน) จ.จันทบุรี องค์ท่านเป็นศิษย์ ท่านพ่อลี ธัมมธโร เมื่อสิ้นท่านพ่อลีไป หลวงปู่ฟักจึงมาอยู่กับหลวงตาพระมหาบัว หลวงปู่เป็นศิษย์บ้านตาดยุคแรกร่วมกับหลวงปู่เจี๊ยะ จุณโฑ และเป็นที่รัก ที่ไว้วางใจของหลวงตาพระมหาบัวอย่างมาก อบรมจิตใจที่วัดป่าบ้านตาดอยู่นานหลายปี เมื่อข่าวว่าโยมพ่อโยมแม่เกิดล้มป่วย ด้วยความกตัญญู หลวงปู่ฟักจึงขออนุญาตหลวงตากลับมาดูแลโยมพ่อโยมแม่ที่จันทบุรี หลวงปู่เดินทางไปมาระหว่างจันทบุรี - อุดรธานี อยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุดจึงตัดสินใจอยู่จันทบุรียาว หลวงตาก็อนุญาต โดยหลวงตาได้กล่าวว่า "ท่านฟักพอจะตั้งไข่ได้แล้ว แต่ทางจันทบุรียังไม่มีใคร ให้ท่านฟักไปอยู่ที่นั่นก็แล้วกัน" หลังจากนั้นหลวงตาก็ได้เมตตาช่วยเหลือหลวงปู่ฟักจนได้เกิดเป็นวัดเขาน้อยสามผานที่สมบูรณ์ขึ้นมาเรื่อยๆ

    องค์หลวงปู่ท่านมีบารมีเกี่ยวข้องกับหินหยกที่นำมาแกะพระบูชาที่วัด และส่วนที่เหลือได้แกะเป็นพระเครื่องสำหรับหลวงปู่แจกญาติโยม โดยองค์ท่านจะพิจารณาแจกเป็นรายบุคคลไป ซึ่งท่านจะสอนให้ผู้ที่รับไปนั้น เห็นคุณค่าว่าสิ่งที่ได้ไปนั้นเป็นของมีค่ามาก ให้ใช้ให้เป็นประโยชน์ และหมั่นปฏิบัติภาวนาควบคู่กันไปด้วย

    พระหินหยกนั้น หลวงปู่สอนให้ใช้ควบคู่กับการปฏิบัติภาวนา สามารถใช้อธิษฐานไว้ในมือระหว่างที่ทำสมาธิ องค์พระมีเทพเทวดา พญานาครักษา ใช้อธิษฐานทำน้ำมนต์รักษาโรคหรือปัดเป้าสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ใช้ป้องกันผี คุณไสยศาสตร์ และเสนียดจัญไรต่างๆได้ดี ถ้าไปต่างถิ่น ที่ไหนที่มีการเล่นผีเลี้ยงผี ให้ใส่พระหยกเอาไว้ จะทำให้ไม่โดนกระทำด้วยอวิชาต่างๆ

    วิธีอาราธนาพระหินหยกทำน้ำมนต์ ขึ้นต้นว่า
    นะโม 3 จบ
    พุทธังสรณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ..

    ทุติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ....

    ตติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

    ข้าพเจ้าขอพลังแห่งพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ท่านพ่อลี หลวงปู่ฟัก พระหินหยก เทวดา พญานาค ที่ปกปักรักษาพระหินหยก ขอได้โปรดเมตตาช่วยดลบันดาลให้ลูก..(อธิษฐาน)

    เชื่อว่าองค์หลวงปู่ท่านมีบารมีมาทางด้านโรคภัยไข้เจ็บ ท่านมักจะแนะนำให้โยมดูแลอาหารการกิน รักษาสุขภาพ และองค์ท่านก็ได้เมตตาช่วยเหลือชาวบ้านในการเป่ารักษาโรค องค์หลวงตามหาบัวหลวงปู่ฟักก็เคยขอโอกาสเป่ารักษาโรคถวายท่าน องค์ท่านมีความกตัญญูต่อบุพารีมาก แม้บวชเป็นพระ ก็กลับมาดูบิดามารดาเป็นอย่างดี จนกระทั่งสิ้นไป องค์หลวงตามหาบัวท่านรักมาก ท่านมักจะพูดถึงหลวงปู่ฟักอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงเมืองจันทรบุรี ท่านว่าเมืองนี้โชคดี ไม่เคยขาดพระอริยเจ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2016
  17. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 134 แก้วมณีรัตนะหรือลูกแก้วสารพัดนึก รุ่น ๒ สีเขียวอ่อน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เลี่ยมมาจากวัดท่าซุง
    บูชา 490 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

    ลูกแก้วลักษณะนี้ดูยาก ต้องบูชามาจากวัดเท่านั้นถึงจะมั่นใจได้ ลูกนี้บูชามาจากบ้านสายลมครับ

    แก้วมณีรัตนะหรือลูกแก้วสารพัดนึก รุ่น ๒ สีเขียวอ่อน ปลุกเสกโดยพระราชพหรมยาน วัดท่าซุง เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๒๔ ลักษณะลูกแก้ว กลมเกลี้ยง ใส มีสีเขียวอ่อนปลุกเสกโดยมีลูกแก้วจักรพรรดิ์ของหลวงพ่อฤาษีเป็นองค์ประธาน มีอานุภาพถึงร้อยละ ๙๙ ของลูกแก้วจักณพรรดิ์องค์ประธาน เพราะพระพุทธเจ้าทรงช่วยสงเคราะห์ด้วยบารมีของพระองค์ เท่ากับว่ามี "ลูกแก้วจักพรรดิ์" ไว้ในครอบครองเลยทีเดียว

    อานุภาพ: มีอานุภาพครอบจักรวาล แล้วแต่จะอธิฐาน เช่น มหาลาภ แคล้วคลาด กันภัย รักษาโรค สามารถนำไปเลี่ยมอาธนาห้อยคอ อธิษฐานทำน้ำมนต์ ใช้ทำสมาธิ หรือใช้สวดกับคาถาเงินล้านดีมากๆ

    "ผู้ที่ได้ไปก็ประสพผลในด้านต่าง ๆ ทั้งลาภผล แคล้วคลาด คงกระพัน เป็นสารพัดนึกจริง ๆ หลวงพ่อจึงเรียกว่า“แก้วมณีรัตนะ” คือ เหมือนกับมีแก้วจักรพรรดิไว้ในครอบครองนั่นเอง..." พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓

    เรื่องประวัติลูกแก้วมณีรัตนะ

    (คัดลอกจากหนังสือสมบัติพ่อให้ หน้า ๑๒๒-๑๒๔)
    ...ลูกแก้ว นี้มีประวัติมาจากไหน คือแก้วอาตมา มีอยู่ลูกหนึ่ง ไม่ทราบว่ามาจากไหน ทราบแต่ว่าเป็นของต้นตระกูลสืบต่อกันมาหลายชาติ ก็ขึ้นไปหาโยมท่านที่ดาวดึงส์ ไปถามโยมผู้ชายว่าโยมทราบประวัติของลูกแก้วนี้ไหม ท่านบอกว่า ท่านทราบประวัติแต่ไม่เคยใช้มาก่อน คนที่เคยใช้จริงๆ คือโยมผู้หญิง โยม ผู้หญิงท่านบอกว่า ท่านใช้มาแล้วหลายสิบชาติ และก็สมัยครองราชย์ ท่านบอกว่า เรามีแก้วลูกเล็กลูกเดียวประชากรในประเทศของเรายังไม่มีใครจนเลย ท่านเลี้ยงพอ ก็เลยถามประวัติความเป็นมา ท่านบอกว่า เดิมทีเป็นลูกแก้วลูกยอดของพระเจ้าจักรพรรดิ์ เลยถามท่านว่า เวลานี้แก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ์อยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า อยู่ที่พระจุฬามณี จึงพาไปดู ความจริงสมัยของพระเจ้าจักรพรรดิ์ที่มีแก้วมณี มีพระขรรค์แก้ว มีเกือกแก้ว มีจักรแก้ว แต่ว่าทั้ง ๔ อย่างนี้อยู่คนละที่ มีเทวดารักษาอยู่ ถ้าใครจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เทวดาก็จะนำทั้ง ๔ อย่างมามอบให้ แต่ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์คนนั้นตาย คนอื่นจะรับมรดกแทนไม่ได้ ...เทวดาต้องเอาของเขากลับคืนไป เทวดาท่านต้องหวงแหน เพราะว่าของ ๔ อย่างนี้ ต้องเป็นของคนที่มีบุญพอจึงจะครองไว้ได้

    สร้างวัดท่าซุงในตอนแรก หลวงปู่ชุ่มท่านเอามาให้ เมื่อวันที่ท่านจะกลับท่านขึ้นไปหาบนห้อง ท่านบอกว่า "น้อง ไม่ช้าพี่ก็ตาย อยู่ไม่ได้ แต่ว่าน้องจะต้องอยู่อีกนาน" ประวัติเดิม เคยเกิดเป็นพี่น้องกันมา ท่านก็เลยนำแก้วออกมา บอกว่า "แก้วลูกนี้เป็นของต้นตระกูล สืบต่อกันมาหลายชาติ น้องจงรักษาไว้ เมื่อมีลูกแก้วนี้แล้ว จะทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง"

    ในช่วงนั้นสร้างเงินเป็นหมื่นก็เป็นหนี้เขาแต่ว่าต่อมาเมื่อได้ลูกแก้วนี้ ขึ้นมา สร้างอะไรต่างๆ ทางด้านโบสถ์ สร้างทั้งหมดใช้เวลา ๓ ปี โบสถ์หลังเดียวใช้เวลา ๓ ปี ยังไม่ยากจะเสร็จเลย แต่ว่าสิ่งก่อสร้างทางด้านโบสถ์นะ เมื่อได้ลูกแก้วนี้มาแล้วใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๓ ปี และก็ ๓ ปีนะ อาตมาไม่ได้ปั๊มเงินเองนะ ก็ได้เงินจากท่านพุทธบริษัททั้งหมดนี่และช่วยสร้าง และต่อมาปี ๒๕๒๐ ท่านก็สั่งให้สร้างสถานที่ใหม่ ท่านบอกว่า สถานที่นี้ควรจะเป็นที่เพราะพระอริยะเจ้า ท่านมาสั่งสร้าง แล้วท่านก็ออกแบบของท่านเอง ก็เลยคิดตามท่าน ว่าถ้าเป็นแบบนี้จะต้องใช้เงินเดือนหนึ่ง ๖ แสน กับ ๘ แสน สลับกัน ถ้าเดือนไหนใช้ต่ำไปหน่อยอีกเดือนหนึ่งก็จะใช้เกินไป ถามท่านว่า ถ้าจำเป็นแบบนี้แล้วจะไปเอาเงินที่ไหน ท่านบอกว่า "แกทำไปเถอะ ฉันไม่ให้เป็นหนี้มาก ถ้าเป็นหนี้ก็ใช้ง่าย" พอเริ่มลงมือทำเข้าจริงๆ ก็ต้องใช้เงินเดือนละ ๖ แสน กับ ๘ แสน สลับกันมา พอหลังจากน้ำท่วมปีที่แล้ว (ปี ๒๕๒๓) เข้าเดือนธันวาคม ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายกลายเป็นเดือนละล้านเศษ แต่ว่าเงินให้เขาไม่พอ ได้จากญาติโยมเท่าไหร่ พวกเจ้าหนี้ก็มาเอาไปหมด แต่เราได้วัตถุคืนมานะ ก็เป็นอันว่า แก้วนี้ถ้ารับไปเพื่อใช้ให้ทำเป็นกรรมฐาน ทุกวันและทุกวันที่บูชา ใช้บูชาด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า และควรอธิฐานว่า ขอความปรารถนาทุกอย่างจงสำเร็จทุกประการ เท่านั้นแหละ

    ลูกแก้วเลี่ยมมาจากวัดท่าซุง อาจจะเลี่ยมไม่ค่อยสวยและพอดีมากครับ สามารถไปเลี่ยมใหม่ได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2016
  18. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 135 แม่นางโกยเงิน แม่นางโกยทอง ขนาดบูชา หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ
    ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 150 บาท จองแล้ว

    แม่นางโกยเงิน แม่นางโกยทอง หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ สมุทรสงคราม พร้อมสร้อยสังวาลย์ สร้างให้บูชางานสรงน้ำ 58 เสกไตรมาส เนื้อทองเหลือง ฐาน 4.5 นิ้ว สูง 8.5 นิ้ว ใต้ฐาน บรรจุ ตะกรุดมหาเศรษฐี 2 ดอก และ ไม้คานลอดตะเคียนทอง

    หลวงพ่อใจ ท่านปลุกเสกแม่นางกวัก (นางโกย) ไว้ได้สุดเข้มขลัง ท่านบรรจุพุทธคุณ เรียกธาตุทั้ง 4 เรียกขวัญแม่นางกวัก ให้มาสถิตอยู่เป็นมิ่งขวัญ มาช่วยเกื้อหนุนแก่ผู้นำแม่ไปบูชา ให้บันดาลโชคลาภ ธุรกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง ขายดี มีกำไล เงินทองไหลมาเทมา ตามคติโบราณ ตามตำราที่ท่านรำ่เรียนมา หากใครเคยกราบท่าน จะรู้ว่าท่านตั้งใจสร้างมาก ทุกอย่างที่ท่านสร้างท่านตั้งใจตั้งแต่เริ่มสร้าง จนเสกเสร็จ เรื่องสายเมตตาท่านไม่แพ้ใครแน่นอน

    หลวงพ่อปลุกเสกตั้งแต่ห้าทุ่มกว่าๆยันสว่าง‬โดยปิดไฟเสก‬หลวงพ่อตั้งใจเสกมาก เพื่อให้ศิษย์ได้นำไปใช้จริงๆ

    วิธีบูชาแม่นางโกย
    บูชาดอกไม้สีแดง น้ำอย่าให้ขาด เอาสตางค์หนุนฐานสี่ด้าน ถ้าได้ผลให้นำสร้อยทอง (ชุบ) มาคล้องไปเรื่อยๆ ส่วนน้ำแล้วแต่สะดวก น้ำเปล่า น้ำแดง เขียว ส้ม ยกเว้นน้ำสีดำ ห้ามถวาย

    ถ้าได้โชคลาภทางหวย ทุกครั้งให้ถวายทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง 3 อย่างด้วย แล้วผลไม้ 1 อย่างที่เป็นพวง น้ำมะพร้าวอ่อน พวงมาลัย 5 สี 1 พวง

    ถ้าค้าขาย ก็แค่ดอกไม้แดง และน้ำแล้วแต่เลือก(ห้ามสีดำ) พร้อมของที่เราขาย 1 ถ้วยก่อนขึ้นหิ้ง ถ้าสะดวกหรือขายดีให้ถวายบายศรีปากชาม 1 คู่

    ท่านที่อยากบนบาลศาลกล่าวกับแม่นางโกย ขอให้บนบานด้วยเครื่องใช้ของผู้หญิง อาทิเช่น แป้งผัดหน้า,ลิปสติก,น้ำอบ,แหวน,สร้อย ,ชุดไทยเล็ก,สไบ เป็นต้น แล้วแต่โชคลาภที่ได้

    คาถาบูชา
    ตั้งนะโม 3 จบต่อด้วย
    นะโมพุทธายะ ยะทาพุทโมนะ โอมแม่โกยเงินไหลนอง แม่โกยทองไหลมา จะเหลียวซ้ายแลขวา โกยมาไวไว เอหิ เอหิ

    หลังจากสวดเสร็จแล้ว อยากขออะไรจากแม่นางโกย ให้ลูบที่ตัวแม่(ให้เรียกแม่จ๋าทุกคำ) แล้วตั้งจิตขออย่างที่ใจอยากจะให้แม่ช่วย

    พระอธิการใจ ฐิตาจาโร
    ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในธรรมวินัย ปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่าสมบูรณ์ เอาใจใส่ในกิจการของสงฆ์ มีกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตน สันโดษ มักน้อย มีเมตตามาก
    และเป็นที่รักและเครารพนับถือของชาวบ้านอัมพวา และตำบลใกล้เคียง ท่านเรียนมามาก เป็นศิษย์มีอาจารย์ ท่านเป็นพระที่เรียนมาจริง มีวิชาจริงสามารถช่วยลูกศิษย์ของท่าน
    ได้จริง แม้แต่เกจิอาจารย์ตามที่ต่างๆ ที่ท่านไปร่วมปลุกเสกด้วยในแต่ละครั้ง ยังเอ่ยปากชมและยอมรับในตัวท่าน..

    ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2490 อุปสมบทในวันที่ 14 มีนาคม 2514 โดยมีพระครูโกวิท สมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี เป็นพระอุปฌายะ, พระครูสมุทรภัทรกิจ (หลวงพ่อทอง)
    วัดพระยาญาติ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสมุทร ธีรคุณ (หลวงพ่อมหาพิน) วัดช่องลม เป็นพระอนุสาวณาจารย์ ณ.อุโบสถ วัดช่องลม ได้รับฉายาว่า “ฐิตาจาโร”

    หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านก็ย้ายมาอยู่ที่วัดพระยาญาติกับหลวงพ่อทอง ซึ่งหลวงพ่อทองท่านเก่งด้านการรักษาผู้ที่ป่วยอัมพาต และทำนายทายทัก (ดูดวง)

    หลังจากที่ท่านได้บวชเรียนจนจบนักธรรมชั้นเอกแล้วท่านก็คิดในใจว่าสงสัยเราต้องสึกซะทีจะได้ไปช่วยโยมบิดามารดาทำมาหากิน พอหลวงพ่อท่านไปหาหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เพื่อที่จะขอลาสิกขาบถทีไร กลับถูกหลวงพ่อเนื่องปฏิเสธมาทุกครั้ง จนครั้งหนึ่งเมื่อหลวงพ่อไปขอสึก หลวงพ่อเนื่องท่านก็เอ่ยขอให้หลวงพ่อใจบวชต่อไป เพื่อรับใช้พระพุทศาสนาและต่อไปในภายภาคหน้าเมื่อสิ้นหลวงพ่อเนื่องจะได้ช่วยเหลือญาติโยมที่เขาเดือดร้อน

    หลวงพ่อเนื่องท่านได้สอนสรรพวิชาต่าง ๆ ที่ท่านมีไม่ว่าจะเป็นการลงตะกรุดมหาปราบ มหารูด มหาระงับ ตรีนิสิงเห ยันต์โสฬส ยันต์วิรุฬจำบัง ยันต์พัดโบก ทำน้ำมนต์ใบมะนาว การลงเจ็ดเสาร์ เจ็ดอังคาร รวมถึงทำน้ำมนต์ เพื่อไล่สิ่งที่เป็น อัปมงคล ฯลฯ จัดได้ว่าหลวงพ่อท่านได้สรรพวิชาจากหลวงพ่อเนื่องจนหมดไส้ หมดพุงเลยทีเดียว

    และท่านยังได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ จากโยมพ่อใบ คำอึก ซึ่งเป็นศิษย์พี่ ศิษย์น้องกับหลวงพ่อเนื่อง โยมพ่อใบ คำอึกนี้ มีวิชามากมาย แค่จับเถาวัลย์เท่านั้น เถาวัลย์ยังเลื้อยขึ้นมือเอง หลวงพ่อใจท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ เช่น การกวนสีผึ้ง เพือเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม, การจับปลายเถาวัลย์, การล้างอาถรรพ์, การแก้คุณไสย, การทำน้ำมนต์เดือด และบอกหลวงพ่อว่า “สิ่งที่ฉันให้หลวงพ่อไป หลวงพ่อเอาไว้ช่วยคนนะ ฉันจะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาซักที”

    หลังจากที่หลวงพ่อได้เรียนกับโยมพ่อใบ คำอึก จนสำเร็จ หลวงพ่อเนื่องได้ให้หลวงพ่อไปหาหลวงพ่อหนูวัดภุมรินทร์ และหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง ท่านทั้ง 2 องค์นี้ก็เป็นศิษย์หลวงพ่อคงเหมือนกัน ท่านได้สอนสุดยอดวิชาของท่านให้กับหลวงพ่อคือวิชา ดำน้ำลงตะกรุด ซึ่งวิชานี้ปีหนึ่งจะทำได้แค่ครั้งเดียว คือวันเพ็ญเดือน 12 เท่านั้น ตะกรุดที่ดำน้ำทำในแต่ละปีจะได้ไม่กี่ดอก
    ใครที่มีไว้ครอบครองถ้าอธิษฐานใช้แล้วก็จะสำฤทธิ์ผลได้ดั่งใจ พอหลวงพ่อท่านเรียนวิชาจากหลวงพ่อหนูจนเสร็จท่านก็ได้ไปกราบหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง เพื่อศึกษายันต์ครูจากหลวงพ่อปึกซึ่งหลวงพ่อปึกองค์นี้สามารถ ตบยันต์ทะลุกระดาษทุกแผ่นได้เลยทีเดียว

    หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้สอนให้หลวงพ่อเรียนวิธีหุงสีผึ้ง, ทำตะกรุดลูกอม, ทำน้ำมนต์ตลิ่งพัง ตามตำรา หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และยังได้สอนให้เรียนวิธีการทำพระปิดตาที่มีเมตตาสูงส่งตามตำราของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว

    นอกจากนี้หลวงพ่อใจท่านยังเรียนทำตะกรุดจากหลวงพ่อน้อย วัดปากคลองจังหวัเพชรบุรี หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ หลวงพ่อง้อ วัดดาวดึงส์ หลังจากนั้นท่านก็เดินทางกลับสู่วัดจุฬามณี เพื่ออยู่คอยดูแล และรับใช้หลวงพ่อเนื่อง จนหลวงพ่อเนื่องมรณะภาพลง หลวงพ่อท่านก็กลับสู่วัดพระยาญาติ และในปี พ.ศ 2538 หลวงพ่อทองเจ้าอาวาสองค์เก่าวัดพระยาญาติได้มรณะภาพลง ญาติโยมและชาวบ้านจึงกราบอารธนาหลวงพ่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระยาญาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2539

    หลังจากหลวงพ่อท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว ท่านได้ช่วยพัฒนาวัดจนดีขี้นเป็นลำดับ และได้สงเคราะห์ญาติโยมด้วยความเมตตาในหลากหลายเรื่อง เช่น ทำตะกรุดเพื่อปกป้องคุ้มครอง เสกใบมะนาว เพื่อรักษาโรคที่รักษาไม่ได้ ทำน้ำมนต์ พ่นรักษาโรค ฯลฯ ท่านเมตตาช่วยศิษย์ทุกคนโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ

    ประสบการณ์ตะกรุด และลูกสะกดของท่าน ที่ท่านทำแจกให้ไปมีประสบการณ์กันมาก เช่น วัยรุ่นถูกคู่อริยิง แล้วยิงไม่เข้า, ขับรถหลับในชนศาลาริมทางคนที่นั่งไปด้วยเสียชีวิต แต่คนขับที่มี ตะกรุดกลับไม่เป็นอะไรเลย เคยมีโยมพาลูกมาให้หลวงพ่ออาบน้ำมนต์ให้ พอหลวงพ่อเห็นเด็ก หลวงพ่อก็หยิบลูกสะกดพร้อมด้ายเจ็ดสี และพูดขึ้นว่า “ใส่คอไว้นะ อย่าเอาออก” พอหลังจากเด็ก กลับไปแล้วเกิดพลัดตกน้ำแต่กลับลอยขึ้นมาไม่จม, แม่ค้า พ่อค้า นักธุรกิจ ที่ได้อาบน้ำมนต์กับหลวงพ่อ และรับแจกตะกรุดกลับไป สามารถพลิกชีวิตพลิกธุรกิจให้ดีขึ้นได้มากมาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2016
  19. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 136 ชุดเหรียญสองสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร
    1.เหรียญพระรูปเหมือนสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ย้อนยุค ปี 2514 พิธีใหญ่วัดพระแก้ว
    2.เหรียญสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ที่ระลึกสร้างตึกวชิรญาณวงศ์ ร.พ.จุฬาฯ ปี 2525
    บูชา 359 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครูบากฤษดาท่านเคารพนับถือมาก ครูบาอาจารย์เล่าว่า องค์ท่านคือมหาโพธิสัตว์
    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ของพระมหากษัตริย์  ๒ พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าและพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอีกหลายพระองค์  ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปรินายกได้ ๑๒ ปี ทรงครองวัดบวรนิเวศวิหารได้ ๒๙ ปี สิ้นพระชนม์ เมื่อ วันที่๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๔ พระชนมายุ๖๒ พรรษาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ของพระมหากษัตริย์  ๒ พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าและพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอีกหลายพระองค์  ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปรินายกได้ ๑๒ ปี ทรงครองวัดบวรนิเวศวิหารได้ ๒๙ ปี สิ้นพระชนม์ เมื่อ วันที่๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๔ พระชนมายุ๖๒ พรรษา


    เหรียญสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวท่านเคารพศรัทธาพระองค์มาก

    เหรียญสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ที่ระลึกสร้างตึกวชิรญาณวงศ์ ร.พ.จุฬาฯ ปี 2525 การสร้างเหรียญปั๊มครั้งนี้ พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานกรรมการสร้างอาคารวชิรญาณวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปพร้อมด้วยเหรียญทั้งหมด ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2525 เวลา 17.00 น. เหรียญปั๊มรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ที่สร้างขึ้นสืบเนื่องจากวัดบวรนิเวศวิหารและสภากาชาดไทย ได้ดำริที่จะสร้างอาคาร 4 ชั้น ขึ้นในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อประโยชน์ในการพักรักษาของภิกษุ-สามเณรที่อาพาธ
 
ในการนี้ คณะผู้ดำริได้ตกลงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้นามอาคารที่จะสร้างว่า "วชิรญาณวงศ์" เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ พระองค์นั้น และวางศิลาฤกษ์อาคารใหม่นี้เมื่อเมษายน 2525 ซึ่งเป็นช่วงของการฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยเหรียญปั๊มนี้ด้านหนึ่งมีพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และอีกด้านหนึ่งได้ขอพระราช ทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ประดิษฐานไว้ พร้อมกับขอพระราชทานให้การสร้างอาคารดังกล่าวอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งก็ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาทุกประการ จึงได้จารึกอักษรไว้ในเหรียญว่า "รัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ.2525 สร้างตึกวชิรญาณวงศ์ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์" ได้ทำพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันจันทร์ที่ 26 เมษา ยน พ.ศ.2525 เวลา 18.39-21.19 น. โดยมีพระเกจิอาจารย์นั่งปรกปลุกเสก คือ พระราชวุฒาจารย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ พระชินวงศาจารย์ วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา พระอุดมสังวรเถร(อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี พระโพธิสังวรเถร(ฑูรย์) วัดโพธิ์นิมิตร กทม. พระปัญญาพิศาลเถร วัดราชประดิษฐ์ กทม. พระครูสุตาธิการี(ทองอยู่) วัดหนองพะอง จ.สมุทรสาคร พระครูโสภณกัลยาณวัตร(เส่ง) วัดกัลยาณมิตร กทม. พระครูมงคลญาณสุนทร(ผ่อง) วัดจักรวรรดิฯ กทม. พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี พระครูปลัดสัมพิพัฒนญาณาจารย์(ไพบูลย์) วัดรัตนวนาราม จ.พะเยา ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน พระครูสันติวรญาณ(ฉิม) วัดถ้ำผาป่อง จ.เชียงใหม่ พระสุพรรณ ปิยธโร วัดเวฬุวนารามฉะเลียงลับ จ.เพชรบูรณ์ ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่ พระอาจารย์สุวัฒน์ วัดถ้ำศรีแก้ว จ.สกลนคร

    สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 13 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประทับ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี พ.ศ. 2488 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงดำรงตำแหน่งอยู่ 14 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501 สิริพระชนมายุ 86 พรรษา

    เหรียญสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ บูชามาจากวัดบวรโดยตรง เมื่องานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เหรียญถูกเก็บอยู่ที่วัดบวรหลายสิบปี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2016
  20. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 137 เหรียญทำน้ำมนต์ รุ่นแรก หลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) วัดป่ากุง รัอยเอ็ด เนื้อทองแดง พิมพ์ยันต์นะมหาเศรษฐี
    บูชา ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท จองแล้ว

    เหรียญนี้มีคราบจากการปั๊ม อาจไม่สวยมาก แต่พุทธคุณไม่ต้องพูดถึง พ่อแม่ครูอาจารย์พระกรรมฐานต่างบอกว่าให้เก็บรักษาไว้ให้ดี หลายองค์พูดตรงกันว่าในอนาคตจะจำเป็นมาก ที่สำคัญมีเหรียญปลอมออกมามาก

    เหรียญทำน้ำมนต์หลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) วัดป่ากุง รัอยเอ็ด รุ่นแรก พิมพ์ยันต์ยันต์นะมหาเศรษฐี ถวายหลวงปู่ศรีอธิษฐานจิตเมื่อเดือนมีนาคม ปี๒๕๕๒ โดยได้กราบเรียนหลวงปู่ถึงเรื่องของภัยพิบัติต่างๆในอนาคต และขออนุญาติหลวงปู่ท่านจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อป้องกันภัยพิบัติต่างๆ แบบเดียวกับ เหรียญทำน้ำมนต์ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ โดยองค์หลวงปู่ศรีท่านพิจารณาและเมตตาบอกว่าทำได้ และได้ใช้ยันต์ทำน้ำมนต์ (ยันต์พระสารีบุตร) แบบเดียวกับเหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ผู้สร้างได้กราบเรียนหลวงปู่ศรีขอ "พลังอรหันต์ พลังเหนือโลก" และ ขอบารมีหลวงปู่ศรีอธิษฐานจิตให้มีพุทธคุณครอบจักรวาลครบ ทุกด้าน ทั้งกันและแก้ได้หมดทุกอย่าง ทั้งนิวเคลียร์ รังสีต่างๆ โรคระบาด โรคภัยไข้เจ็บ เป็นมหาสะท้อน มหาคุ้มกันภัย มหาเมตตา มหาโชคลาภค้าขาย หนุนดวง กลับร้ายกลายเป็นดี อีกทั้งสามารถอธิษฐานทำน้ำมนต์ตามแหล่งน้ำต่างๆได้ โดยมีรัศมีและพุทธานุภาพครอบคลุมทั้งแหล่งน้ำและอธิษฐานทำน้ำมนต์รักษาโรค ได้ตามที่อธิษฐาน ให้เห็นผลโดยฉับพลัน

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) วัดป่าประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
    ท่านได้บรรพชาอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2488 ณ วัดราษฎร์รังสรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระโพธิญาณมุนี (ดำ โพธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) เป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา ทางพระพุทธศาสนาว่า "มหาวีโร" พรรษาแรกท่านได้พำนักศึกษาปฏิบัติธรรม อยู่กับท่านพระอาจารย์คูณ อุตตโม วัดประชาบำรุง มหาสารคาม ปีต่อมา พ.ศ. 2489 ท่านได้จาริกไปจำพรรษ ที่วัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีโอกาสศึกษา ปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนา กับท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ซึ่งเป็นศิษย์สำคัญของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เมื่อออกพรรษาแล้วได้ออกจาริกแสวงธรรม ไปตามป่าเขาราวไพร อาทิ ภูเก้า ภูผักกูด บ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม ปี พ.ศ. 2490 หลวงปู่ศรี มหาวีโร ธุดงค์ไปพำนักที่ถ้ำพระเวส ครั้นเข้าพรรษา ได้ไปจำพรรษา ที่วัดบ้านนาแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ซึ่งในยุคสมัยนั้น เป็นดินแดนที่ครุกรุ่นไปด้วยสถานการณ์ แห่งความขัดแย้ง ด้านอุดมการณ์ทางการเมืองแต่ท่านก็อยู่ด้วยความราบรื่น ปราศจากอันตราย

    พ.ศ. 2491 เข้าจำพรรษา ที่วัดโนนนิเวสน์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาบารมีธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งขณะนั้น อยู่ในช่วงปัจฉิมวัย พำนักอยู่ที่สำนักป่า บ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร พระอาจารย์ศรี มหาวีโร จึงเข้าไปกราบนมัสการ พระเดชพระคุณหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่สำนักป่าบ้านหนองผือ ขออนุญาต พำนักจำพรรษา และศึกษาธรรมกับท่าน ซึ่งหลวงปู่มั่น ก็เมตตาอนุญาต นับเป็นโอกาส อันเป็นมหามงคล ในชีวิตบรรพชิต ที่มีโอกาสศึกษาธรรม และอุปฏฺฐากพระบุพพาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รวมทั้งมีโอกาสเจริญธรรม กับสหธรรมิกร่วมสำนัก ร่วมครูอาจารย์เดียวกัน

    เมื่อหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาพาธพระอาจารย์ศรี ก็มีโอกาสถวายการปฏิบัติ หลังจากท่านพระอาจารย์ใหญ่ถึงแก่มรณภาพ พระอาจารย์ศรี มหาวีโร ได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนอง ผักตบ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร และปีต่อมา ได้มีโอกาส ไปพำนัก จำพรรษาที่ วัดบ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ได้มีโอกาส ศึกษาธรรมกับท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งเป็นประธานสงฆ์ในสำนักแห่งนี้ ปี พ.ศ. 2495 ได้ร่วมสร้างวัดป่าหนองแซง โดยบัญชาของพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี ท่านพระอาจารย์ศรี ได้ออกจาริกห่างถิ่นมหาสารคาม และร้อยเอ็ดไปนานหลายปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2496 ท่านจาริกมายังวัดป่ากุง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาประมาณ 170 ปี ท่านเป็นผู้นำศรัทธา ในการพัฒนาวัดป่ากุง ให้เรืองรุ่งโดยลำดับ จนกระทั่งเป็น "วัดประชาคมวนาราม" ที่งามสง่า หลวงปู่ศรี มหาวีโร จำพรรษาที่วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร องค์ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2554 เวลา 05.34 น. ด้วยโรคชรา ภายในศาลากลางน้ำ วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด อายุ 94 ปี 3 เดือน 13 วัน ( 66 พรรษา)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...