มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นาคา, 18 เมษายน 2008.

  1. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG]

    จากนั้น แวะ ทานอาหารที่บ้าน ญาติธรรม ทางไปบ้านปากภู่ ..
    เป็นที่เสียดาย ที่ ช่วงนี้ ฝนตก หนัก ,เบา ตลอดเวลา ทั้งทาง ภูเก็ต ,พังงา,ตะกั่วป่า, คุระบุรี ,ระนอง

    ตามที่ ตั้งใจ ใว้ทางกลุ่มย่า ,ย่ามุก จะเยี่ยมเยือน เรือนธรรมภาวนาเวียงนาคา บนเนินเขา ที่ อ.คุระบุรี ซึ่งห่างจาก ตะกั่วป่า เพียง 56 กม.
    ด้วย ใน ช่วง 15 เมษา 55ที่ผ่านมา ใด้ ทำถนน ขึ้นเนินเขา หลังจาก สร้างเรือนธรรมใว้ พอสมควรในการ สวดมนต์ภาวนา บนเรือนธรรม ป้องกัน ฝน ,แดด ลม ,สัพสัตว์ ต่างๆ.. ( เสาเอก เรือนธรรม เมื่อ เดือน มีนา 2554 )
    และ น้องชายใด้ จัด หา ลูกท่อ เพื่อนำมาวาง ในร่องน้ำ ที่ไหลจาก เขา เมื่อ ฝนตกหนัก...
    แต่ ในช่วง เมษา 55- ขณะนี้ ฝนยังคงต้อง จึง ยังไม่ใด้ นำลูกท่อวางในร่องน้ำใด้.. จึงไม่สามารถ จะนำรถ ขึ้นไปใด้..
    ด้วยความเมตตา ที่ ย่า ที่จะ เมตตา เยือนเรือนธรรมเวียงนาคา ในโอกาส หน้า..

    ทางกลุ่มย่ามุก จึงใด้ เดินทาง สู่ วัดป่าโมกข์ พระอาจารย์หรีด สาย เขาอ้อ..
    พระอาจารย์หรีด ใด้เมตตา เล่าความเป็นมา ประวัติศาสตร์ จาก จารึก ในเรื่อง องค์พระนาราย์ที่ มีคนพบ ใต้ต้นตะแบก ...
    และต่อมา พระอาจารย์หรีด ใด้ นำ ศิวะลึงค์ ไม้แกะสลัก ของเก่า มาใว้..

    [​IMG] [​IMG]
    พระอาจารย์ หรีด เมตตา มอบ ...

    [​IMG]
    ข้าวเปลือก ที่ ใด้ จาก พิธี แรกนาขวัญ ในท้องสนามหลวงในปีนี้..

    เนื่องด้วย ความเมตตา ของพระอาจารย์หรีด วัดป่าโมกข์ท่านเมตตา ผูกสายมงคลข้อมือ ให้ ..

    ( ในภาพ พระปรอทหลวงปู่ละมัย ทางคุณ kananun มอบให้ )

    ในวาระต่อไป ..ข้าวเปลือกเมล็ดนี้ นับว่า..เป็นต้นพันธ์ ข้าวจากท้องพิธีแรกนาขวัญ จะเพาะปลูก ต้นกล้า ข้าว ต่อไป ที่....
    เรือนธรรมภาวนาเวียงนาคา อ.คุระบุรี จ.พังงา..ซึ้งใด้เตรียมการใว้ เป็นสถานที่ ปฏิบัติธรรมภาวนา ,เตรียมการ ช่วยเหลือ ในเบื้องต้น..

    ผมใด้ ปรึกษา กับ ย่ามุก ในเรื่องความฝัน นิมิต ที่ แม่นางตะเคียน จะมอบ ต้นตะเคียน แกะ องค์พระ สมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๔ ศอก ประดิษฐานที่ เรือนธรรมภาวนา เวียงนาคา ในวาระ ที่เหมาะสม..
    ย่ามุก ใด้เมตตา บอกว่า ในอนาคต ยามที่ ลูกหลาน ดูแล ,สถานเรือนธรรม ต่อไป อาจจะเกิดความยุ่งยากใด้ ..เพราะ ไม้ตะเคียน มีพลัง ..

    ย่ามุก จึงเมตตา มอบ ไม้เทพทาโร (ไม้จวง) ยาวประมาณ ๒ เมตร ในการ แกะ องค์พระสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก...
    ประดิษฐานที่ เรือนธรรมภาวนาเวียงนาคา บนเนินเขา อ.คุระบุรี จ.พังงา ในวาระต่อไป...
    ซึ่งความตั้งใจเดิม จะแกะ องค์ย่ามุกไม้เทพทาโร ประดิษฐานที่ วัดเกาะแก้ว..แต่ อาจจะ มีเรื่อง ความเค็มของน้ำทะเล....

    - ในส่วน พี่ๆน้องๆเพื่อน ญาติธรรม ทาง ฟินแลนด์ ,สยามประเทศ ใด้น้อมนำ อัญเชิญ องค์พญานาคราช ปูนปั้น ๙ เศียร (จากโรงหล่อ โคราช )มาประดิษฐาน ที่เรือนธรรมภาวนาเวียงนาคา..อ.คุระบุรี เช่นกัน..
    ใว้มีโอกาส ผม จะนำภาพไม้เทพทาโร มาโพสส์ ..

    ขออนุญาติ น้อมเรียนเชิญ ทุกท่าน ร่วมบุญ ใด้ ครับ..

    [​IMG] [​IMG]


    บัญชี เลขที่ ...633-276540-3
    ธ.ไทยพาณิชย์ SCB สาขา ถนนเจ้าฟ้า ภูเก็ต
    พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์..

    บัญชีใหม่ ครับ ...

    กราบขอขมากรรม ขออภัย ต่อทุกท่าน ถ้า เป็นการรบกวน ทุกท่าน ขอรับ...

    ขอน้อม โมทนาบุญ กับทุกท่าน ครับ.

    http://palungjit.org/threads/ร่วมบุ...ถนนห้องน้ำเรือนธรรมนาคาเนินเขาจ-พังงา.338716/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2012
  2. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 6201965" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>วิณวิญ</TD><TD class=alt1>ข้าพเจ้าขอโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการค่ะ เป็นทริปที่มีพลังบุญและอริยทรัพย์นะคะ ครูบาอาจารย์ท่านจึงได้แนะนำแล้วว่าควรค่ากับนักปฏิบัติทุกคน สาธุ

    ขออนุญาตแจ้งข่าวสักนิดนะคะ หลังจากที่ทางคณะผู้จัดสร้างได้ติดตามอาการอาพาธของหลวงปู่สุภาจากพระอาจารย์สุรเชษฎฐ์ รังมา(พระหลานชายของหลวงปู่)ได้ทราบว่า

    โดยรวมแล้วอาการอาพาธของท่านได้ดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังคงต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดจากทางคณะแพทย์ในห้องปลอดเชื้อไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งทางคณะผู้จัดสร้างจึงไม่ต้องการที่จะรบกวนสังขารของหลวงปู่มากจนเกินไป และอยากจะให้ท่านได้รับการพักผ่อนและรักษาอาการจนกว่าจะแข็งแรงเป็นปกติในเร็ววันค่ะ

    ทั้งนี้ทางคณะผู้จัดสร้างได้ปรึกษากับท่านพระอาจารย์ที่ปรึกษา หลวงพ่อปานขาว ท่านได้เมตตาว่าให้เลื่อนกำหนดการถวายออกไปเป็น วันมุทิตาจิตของหลวงปู่สุภา(วันคล้ายวันเกิด) ในวันจันทร์ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ (ขึ้น ๒ค่ำ เดือน๑๐) ศิริวัฒนะ ๑๑๗ ปี ณ. วัดคอนสวรรค์ ต. ค้อเขียว อ. วาริชภูมิ จ. <WBR>สกลนคร

    คณะผู้จัดสร้างขอเรียนเชิญพี่ๆน้องๆและคณะศิษยานุศิษย์ทั้งทางกรุงเทพ ภูเก็ตและสกลนคร รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง มาร่วมกันน้อมจิตมุทิตาและน้อมใจถวายองค์พระในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกันค่ะ

    -:- ยอดทำบุญรวม ณ.วันที่ ๒๘ พ.ค. ๕๕ - ๑๔๕,๑๖๗ บาท -:-
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการที่ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ และที่เข้ามาโมทนาบุญในกระทู้นี้เป็นอย่างสูงค่ะ

    **ทางคณะลูกหลานชาวภูเก็ตได้รับเมตตาเป็นอย่างยิ่งจากหลวงพ่อเสือ วัดเกาะแก้วพิสดาร หาดราไวย์ โดยท่านได้ทราบข่าวนี้และรับนิมนต์ไปร่วมงานถวายองค์พระแด่หลวงปู่สุภาในครั้งนี้ด้วยตัวท่านเองค่ะ กราบหลวงพ่อเจ้าค่ะ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิณวิญ [​IMG]
    สวัสดีค่ะ วันนี้เอมีข่าวจะแจ้งให้เจ้าภาพทุกๆท่านทราบ เรื่องการเลื่อนกำหนดการถวาย “สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี” แด่หลวงปู่สุภา กันตฺสีโล

    ตามกำหนดการเดิมนั้น จะอัญเชิญถวายในวันจันทร์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ ที่วัดสีลสุภาราม จ. ภูเก็ต แต่เนื่องจากในขณะนี้หลวงปู่ท่านได้กลับไปจำวัด ณ. วัดคอนสวรรค์ ต. ค้อเขียว อ. วาริชภูมิ จ. สกลนคร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน

    ซึ่งครั้งแรกทางพี่ๆน้องๆในคณะได้ปรึกษาลงความเห็นกันแล้วว่า จะรอจนกว่าหลวงปู่ท่านจะกลับมาจำวัดที่ภูเก็ตอีกครั้ง เพื่อพี่ๆน้องๆญาติธรรมทางภูเก็ตจะได้ให้โอกาสเข้าไปกราบชมบารมีหลวงปู่ อย่างใกล้ชิด และเป็นกำลังใจสำหรับลูกหลานชาวภูเก็ตต่อไป

    แต่เนื่องจากได้ทราบข่าวมาว่าช่วงนี้หลวงปู่ ท่านยังคงจะจำวัดที่วัดคอนสวรรค์ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง และยังไม่มีกำหนดการกลับที่แน่นอนนั้น ทางคณะตัวแทนจัดสร้างถวายจึงใคร่ขออนุญาตเจ้าภาพและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆ ท่านในครั้งนี้

    ในการเลื่อนกำหนดการถวายเป็น วันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (แรม๘ค่ำ เดือน๖) ฤกษ์อมฤตโชค ตามตำราฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ณ. วัดคอนสวรรค์ ต. ค้อเขียว อ. วาริชภูมิ จ. สกลนคร และขอเรียนเชิญพี่ๆน้องๆทุกๆท่านทั้งทางภูเก็ตและสกลนครรวมถึงจังหวัดใกล้ เคียง มาร่วมทำบุญน้อมใจกันถวายองค์พระในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกันค่ะ

    ขอโมทนาบุญเป็นอย่างสูงกับทุกท่านที่ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ และที่เข้ามาโมทนาบุญในนี้ด้วยค่ะ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ์ “สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี” ขณะนี้ ทาง น้องเอ วิณวิญ ใด้อัญเชิญ มาภูเก็ต เมื่อ วันที่ วันจันทร์ที่๙ เมษายน ๒๕๕๕:-
    [​IMG]
    เรือนนาคา ภูเก็ต
    และ ใด้อนุญาต ให้ ผม นาคา อัญเชิญ ใว้ ที่ ห้องพระ เรือนนาคา ภูเก็ต รอ อัญเชิญ ถวาย องค์หลวงปู่สุภา ตามกำหนดการ ในวันที่ ๑๗ กันยา ๒๕๕๕..

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    น้อมเรียนเชิญ ร่วมบุญเพิ่มเติม ใด้ ครับ ตาม link ข้างล่าง ครับ..
    http://palungjit.org/threads/ปิดบุญ...รดิ์-2องค์-จ-ภูเก็ต.325535/page-3#post6192778
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2012
  3. วิณวิญ

    วิณวิญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +2,089

    สาวกพุทธะ:-

    การเปิดกองบุญกองกลาง ได้ทำเองมานานพอสมควร เพื่อผู้ที่มีโอกาสร่วมทำบุญด้ว<wbr>ยกันหนึ่งครั้งนั้นเท่ากับว่าได<wbr>้ร่วมทำตลอดไปทุกครั้ง เพราะบางครั้งก็เกรงใจไม่กล้าบอ<wbr>กบุญเขาบ่อยๆ จะบอกเฉพาะบุญใหญ่ บุญเล็กๆก็ดึงจากกองกลางมาร่วมท<wbr>ำกับส่วนของตัวเองและครอบครัว พร้อมกับอธิษฐานบอกกล่าวให้ท่าน<wbr>ปู่พญายมราช เปิดบัญชีบุญบันทึกและเป็นพยานบ<wbr>ุญให้เขาทั้งหลายด้วยเช่นกันทุก<wbr>ครั้งโดยอัตโนมัติค่ะ

    ในครั้งนี้ก็ได้ขอนำเงินส่วนที่เหลือเล็กน้อย จากค่าจัดสร้างองค์พระสมเด็จองค<wbr>์ปฐม จากน้องเอมาเพื่อเติมเต็มให้กับ<wbr>ทุกคนจำนวน 450 บาท จากนั้นก็มีเงินงอกทันตาเห็น คือ คนชาวน้ำได้นำค่าเช่าเรือที่จ่า<wbr>ยไปมาส่งคืนให้อีก 800 บาท รวมเป็น 1250 บาท นำมารวมกับเงินกองกลางที่มีอยู่<wbr>เดิม เพื่อได้ร่วมสร้างบุญแต่ละอย่าง<wbr>ต่อไป และเป็นการต่อยอดบุญให้แก่ทุกคน<wbr>ในคณะที่เคยร่วมทำบุญกันมาได้รั<wbr>บกันทั่วถึงทุกครั้งไปที่มีการท<wbr>ำค่ะ

    เฉพาะเงินกองกลางทั้งของเดิมและ<wbr>ของใหม่ นำมารวมกันและได้ร่วมสร้างบุญแต<wbr>่ละครั้ง ขอแจงรายละเอียดดังนี้ (ของครอบครัวไม่นำมาลงรวมกัน แต่ก็ได้ร่วมบุญทุกครั้ง)

    ร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่ากองทุนเล่<wbr>าเรียนหลวงเพื่อพระสงฆ์ไทย 1 กอง 700.-
    ร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าวัดเขาหลว<wbr>ง 100.-
    ร่วมซื้ออาหารเจ ถวายพระสุปฏิปันโน 50.-
    ร่วมทำบุญโรงทาน สำนักสงฆ์ ซ.นากก 500.-
    ร่วมสร้างสถานที่เรือนภาวนา เวียงนาคา 500.-
    ร่วมสร้างรถโลหิตเคลื่อนที่ ช่อง 3 100.-
    ร่วมทำบุญสร้างวัดกับหลวงพ่อปาน<wbr>ขาว สร้างวัดที่ประเทศจีน 200.-
    ร่วมทำบุญโรงทาน ครบรอบร้อยวัน เจ้าอาวาสวัดไม้ขาว 100.-

    ขอเชิญทุกท่าน โมทนาบุญร่วมกันนะคะ
     
  4. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG]

    [​IMG]
    เรือนนาคา ภูเก็ต
    และ ผม นาคา อัญเชิญ สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องมหาจักพรรดิ์ใว้ ที่ ห้องพระ เรือนนาคา ภูเก็ต รอ อัญเชิญ
    ถวาย องค์หลวงปู่สุภา ตามกำหนดการ ในวันที่ ๑๗ กันยา ๒๕๕๕.. (มุทิตาหลวงปู่ สุภา ศิริวัฒนะ ที่ ๑๑๗ ปี ) ซึ่ง กำลัง ติดตาม ข้อมูล จาก พระดร...หลวงปู่สุภา อาจจะ พักธาตุขันธ์ ที่ สกลนคร ..


    นาคา นาคี
    สาธุ โมทนา ครับ..น้องสาว.

    นาคา นาคี
    วันนี้ ( 9 มิย )ภูเก็ตแดดออกกำลังดีต<WBR>ั้งแต่บ่าย2 พรุุ่งนี้นำรถเดินทางผ่านตะ<WBR>กัวป่า เข้าพักภาวนาที่เรือนธรรมเว<WBR>ียงนาคา บนเนินเขา อ.คุระบุรี จ.พังงา. พักภาวนา 2 คืน พร้อมวิทยุสื่อสารสมัครเล่น<WBR>, (ตามภาพเรือนธรรม ครับ)
    ----------
    เดินทางจากภูเก็ต ถึง คุระบุรี ฝนตกเล็กน้อยส่วนมากแดดออกตลอดเส้นทาง 186กม. ไม่มีน้ำท่วมตามเส้นทาง เย็นๆ จะขึ้น ภาวนาเรือนธรรมเวียงนาคา บนเนินเขา (ผ่านบ้านทุ่งมะพร้า วมีน้้ำเต็มลำคลองบ้านทุ่งมะพร้าว.ล้นสวนปาล์ม ) 14.19 น.


    http://palungjit.org/threads/ปิดบุญ...รดิ์-2องค์-จ-ภูเก็ต.325535/page-3#post6192778
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2012
  5. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เพิ่งกลับจาก เรือนธรรมเวียงนาคา บนเนินเขา ครับ..

    เช้านี้ เดินจงกลม บนลานที่พักรถ ( รถยังขึ้นไม่ใด้เนื่องจาก ช่วงนี้ ฝนตก ตลอด ไม่สามารถ นำรถ ยก ลูกท่อ 7 ลูก ที่เตรียมใว้ ใด้ครับ )

    ขณะเดินจงกลม มีเสียงกะรอก และ มองเห็น นก ขนาดใหญ่ ประมาณ เกือบ 2 ฟุต บนหัวมี คล้ายๆ ขนกระจุกประมาณ ฝ่ามือ (คล้าย นกกรงหักจุก ) แต่มีหาง ประมาณ เกือบ 2 ฟุต สีขาว สลับ ฟ้า...

    พี่ชาย บอกคร่าวๆ ว่า..น่าจะเป็นนกป่า หลงมาจาก เขาสูง
    (ใกล้ๆ กัน เป็นเทือกเขา โตะพระหมี สูงประมาณ น่าจะ 800 -1500 ม. ซึ่งเป็นตำนาน ที่มีคนเจอ ฤาษี มาบำเพ็ญ บ่อยๆ , ตำนาน ภูผาดำถ้ำมรกต ซึ่งมี ของโบราณ หลายสมัย ...)
    พี่ชาย กล่าวว่า.....น่าจะเป็นตระกูล ไก่ฟ้า...(พญาลอ )
    ซึ่งผม มอง แล้วคล้ายๆ ไก่ฟ้า , นกยูง ...
    (ไม่ใด้ถ่ายภาพ นะครับ เพราะ เดินจงกลม ...ยามเช้า 06.15-07.30

    เชิงเขา มีคนขุดพบ ลูกปัดมากมาย..

    วันนี้ วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ใด้เดินทาง เข้าดู ไม้เทพทาโร ที่ร้าน ยาวประมาณเกือบ ๒ เมตร กว้างประมาณ ๒๑ นิ้ว (ไม่เจอ พี่ช่างแกะ องค์พระ )...

    จะนำภาพ มาอีกครั้ง ครับ..<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 6237202" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>นาคา</TD><TD class=alt1>วันอังคาร วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ใด้เดินทาง เข้าดู ไม้เทพทาโร ที่ร้าน ยาวประมาณเกือบ ๒ เมตร กว้างประมาณ ๒๑ นิ้ว (ไม่เจอ พี่ช่างแกะ องค์พระ )...




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 6225495" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>นาคา</TD><TD class=alt1>เย็นวันอาทิตย์ ,จันทร์ ประมาณ 18.15 -19.00 เดินจงกลมบนลานที่พักรถ ( รถยังขึ้นไม่ใด้เนื่องจาก ช่วงนี้ ฝนตก ตลอด ไม่สามารถ นำรถ ยก ลูกท่อ 7 ลูก ที่เตรียมใว้ ใด้ครับ )

    เช้าวันอังคาร เดินจงกลม ขณะเดินจงกลม มีเสียงกะรอกใหญ่ และ มองเห็น นก ขนาดใหญ่ ประมาณ เกือบ 2 ฟุต บนหัวมี จุกคล้ายๆ ขนกระจุกประมาณ ฝ่ามือ (คล้าย นกกรงหักจุก ) แต่มีหาง ประมาณ เกือบ 2 ฟุต สีขาว สลับ ฟ้า...


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ทราบว่า น่าจะ เป็น ตระกูลไก่ฟ้า บินหลงมา หรือ ...สิ่งอื่นใด มา ..ในวาระ ที่ ผมตั้งจิต ทานเอกา ๑ มื้อ ตลอดใน ช่วง ๒๐มค ๒๕๕๔ - ขณะนี้ ระยะประมาณ ๑ ปี เกือบ ๕ เดือน...
    เป็นกำลังใจ ต่อ กัน...แม้ จะ น้ำหนัก ลดลงมาก พอสมควร..
    จิต ตั้งมั่น แม้ ว่า...อาจจะไม่ใช่ ทางสายกลางมากนัก..
    แต่...ด้วยปฏิปทา ตาม พ่อแม่ คุรุอาจารย์ หลวงปู่มั่น,ท่านองค์หลวงตามหาบัว ..พระธรรมยุกต์
    (ซึ่ง รอ ระยะ เวลา สักพัก จะ ถอยลงมา ทาน ๒ มิ้อ เนื่องจาก น้องสาว ซึ่งเป็นพยาบาล ทั้ง ๒ คน เป็นห่วงเรื่อง สุขภาพ ที่ ไต อาจจะต้องทำงานหนัก ในการย่อย อาหาร ตามเวลา และ เราทำงานทั้งทางโลก ซึ่งใช้แรงงาน ,สมอง ..เวลา ในการพักผ่อน ไม่แน่นอน.. )

    [​IMG]

    อัญมณีอันดามันเกาะคอเขา ซึ่งบังมุสลิม ให้มา ..(ของเก่ายังไม่เจียรนัย)..

    [​IMG]
    อัญมณี เพื่อน น้องชาย บอกว่า ใด้มาจาก ในถ้ำ สูงประมาณ 500-700 เมตร ตามภาพ ข้างล่าง..
    [​IMG]

    ปักกลด บอกกล่าว เทพภูมิ ในการ สร้างเรือนธรรม ( กุมภา ๒๕๕๔ ) คืนที่ ๒ มีงู สีดำ ยาวประมาณ 1 เมตร กว่า.. เข้ามาจะมุดมุ้ง ในกลด เวลาประมาณ 01.15
    เขาด้านซ้าย คือ เขาคอก มี สถูปเก่า ,คนขุดพบลูกปัด..มีคนเจอ พระพุทธรูป..
    เขาด้านขวา คือ เขาที่ เพื่อน น้องชาย เจอ อัญมณีไข่หินสี ในถ้ำ..

    [​IMG]
    ( เขาคอก ภาพ เมื่อ 15 เมษา 2551 , 3 กุมภา 2554 ขึ้นอีกครั้ง อัญเชิญเหรียญทำน้ำมนต์ และ นำอิฐ มาก่อ เพิ่มขนาด ...ดูภาพ ใด้จาก link กระทู้ ร่วมบุญ ครับ ...)
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    กริซนาคา พบ ในถ้ำ ดินแดน มุสลิม หัก ,นำมา ประกอบด้วย น้ำพี้ ...
    หลวงปู่สุภา เมตตา อธิฐานจิต ท่านเมตตา กล่าวว่า...ไปขุดค้นที่ไหนมา ...ของเก่า มาก เลย มีพลังมาก...
    ( ซุ้ม หินย้อย ที่พบ กริซนาคา กระบี่ )

    [​IMG]

    ดวงแก้วมณี พบบนเรือ ขณะก้าวขึ้นเรือ ที่เกาะยาว เปียกน้ำมาดๆ หลายท่านมอง แล้ว ดวงแก้วมณี หลวงปู่ทวด ...( พิจารณา ตาม ความเชื่อ ..).
    ขณะ นำเข้า เรือน นาคา ที่ภูเก็ต ฝนตกหนัก ทั้ง ฟ้าร้อง ,ฟ้าผ่าห่างจากบ้านประมาณ ไม่เกิน 1 กม. รองรับ น้ำฝน มาแช่ อัญเชิญใว้...

    [​IMG]
    มณีไข่หินสี บังมุสลิม ใด้นำมาจาก ในถ้ำสูง แถวๆ กระบี่ ( บังนำพา ขึ้นเขานี้ ไปดูจุดที่เขาใด้มา เขาสูงประมาณ 60 เมตร ไต่ ซอกหิน จะเจอ โครงกระดูกเก่า..( บัง ให้ ผม นาคา แต่ ผม คืนให้บัง เก็บใว้ จากนั้น เขาโชดดี ใด้โชดลาภ...)

    ---ภาพ ต่างๆ พิจารณา ด้วย ปัญญา นะครับ ...เพราะ มีของแท้ ก็ ต้องมี ของ..... แต่ องค์หลวงปู่ สุภา ท่านเมตตา พิจารณา แล้ว...

    http://palungjit.org/threads/ร่วมบุ...งน้ำเรือนธรรมนาคาเนินเขาจ-พังงา.338716/page-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2012
  7. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ขยันจัง...คุณนาคา


    .
     
  8. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 6260088" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ZZ</TD><TD class=alt1>ขอบคุณครับคุณ ZZ ไม่ใด้เจอ,ร่วมบุญ กันนาน เลยครับ...
    ว่างๆ เรียนเชิญ เรือนธรรมเวียงนาคา บนเนินเขา อ.คุระบุรี จ.พังงา ครับ..

    ห้องพระเรือนนาคา ภูเก็ต ยินดี เช่นกันครับ..

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 6237202" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>นาคา</TD><TD class=alt1>เช้าวันอังคาร 12 มิย เดินจงกลม บนลานที่พักรถ ขณะเดินจงกลม มีเสียงกะรอกดังมาก คล้ายกระรอกใหญ่ (หลายท่าน มองว่า น่าจะเป็น พญากระรอก)


    และ มองเห็น นก ขนาดใหญ่ ประมาณ เกือบ 2 ฟุต บนหัวมี จุก คล้ายๆ ขนกระจุกประมาณ ฝ่ามือ (คล้าย นกกรงหักจุก ) แต่มีหางยาง ประมาณ เกือบ 2 ฟุต สีขาว สลับ ฟ้า...

    พี่ชาย บอกคร่าวๆ ว่า..น่าจะเป็นนกป่า หลงมาจาก เขาสูง
    (ใกล้ๆ กัน เป็นเทือกเขา โต๊ะพระหมี สูงประมาณ น่าจะ 800 -1500 ม. ซึ่งเป็นตำนาน ที่มีคนเจอ ฤาษี มาบำเพ็ญ บ่อยๆ , ตำนาน ภูผาดำถ้ำมรกต ซึ่งมี ของโบราณ หลายสมัย ...)
    พี่ชาย กล่าวว่า.....น่าจะเป็นตระกูล ไก่ฟ้า...(พญาลอ )
    ----------


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ทราบจาก น้องท่านหนึ่งว่า.และ เพื่อนทางภูเก็ต ที่นั่งภาวนา จิตสัมผัส ..อาจจะเป็น ไก่ทิพย์ ( เทพเทวาจำแลง )ซึ่งหลายท่าน อาจจะเรียกว่า...ไก้ฟ้า พญาลอ...ตามตำนาน..
    ไก่ฟ้าพญาลอ ,,,ช้างน้ำ
    หลายปีก่อนผมใด้คุยกับ พี่ดำรงค์ ซึ่งเป็น ศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุภา วัดสิริสีลสุภาราม และ ต่อมา ใด้ ดูแล ในนาม ..ไวยาวัจกร วัดสิริสีลสุภาราม ภูเก็ต (หลวงปู่สุภา )

    พี่ดำรงค์ ใด้ เล่าว่า..
    โก้ไข่ ซึ่งเป็น ศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุภา มาหลายปี ใด้ศึกษา ตาม วิชชา ที่หลวงปู่สุภา เมตตา ถ่ายทอดให้..
    และ พี่ดำรงค์ บอกว่า โก้ไข่.. เจอ
    ช้างน้ำ... ที่ลำธารน้ำไหล จาก เชิงเขาโตะพระหมี ในซอยแสงทอง (ซอย ที่ เจอ ลูกปัด พอสมควร และ มีสำนักสงฆ์ ...)
    ซึ่ง ไม่กี่วัน ที่ผ่านมา ซอย แสงทอง มีน้ำไหลบ่า มาจาก เนินเขา ท่วม ล้นท่อระบายน้ำ ที่เป็นข่าว น้ำท่วม ใน อ.คุระบุรี
    ( เสนอข่าว ...น้ำล้นจาก เขา ลงท่อระบายน้ำไม่ทัน ก่อนที่ไหลลงคลอง อ.คุระบุรี ลงทะเล ...
    และ ต้นน้ำ มาจาก เนินเขา ,ผสมกับ เนินเขา ด้าน เหมืองแร่ เก่า ที่ ซะ หน้าดิน ลงมา ..ไม่ท่วม ในตลาด อ.คุระบุรี ตามที่เป็น ข่าว )

    โก้ไข่ เปิดร้าน ซ่อมจักรยานยนต์ ในตลาด อ.คุระบุรี ..
    พลัง ทิพย์ ที่ โก้ไข่ เจริญ เมตตาบารมี ทราบว่า..
    แผ่ ขยาย ไปไกลมาก จนกระทั่ง ถึง กายทิพย์ ใน ป่าดงดิบ เทือกเขาพระหมี ที่ สูงเกิน 800-1500 เมตร ..

    ส่วน ลำธาร น้ำที่ไหล ผ่าน เรือนธรรมเวียงนาคา มี 2 สาย ..สายแรก มาจาก เนินเขา หลังสำนัก ป่าชายเลน ...ซึ่ง ทราบว่า เป็น อ่างเก็บน้ำตามธรรมชาติ เล็กน้อย พอกักเก็บน้ำใด้... ไหลจาก เขา มา เป็น บึงใกล้ บ่อน้ำ ที่คุณพ่อผม ขุดใว้...
    สายน้ำ ที่ 2 มาจาก น้ำซึม บนเนินเขา ..ถ้าฝนตกหนัก สายน้ำนี้ จะมี น้ำไหล มา พอสมควร..
    ที่ผ่านมา ยังไม่มี ใคร เจอ ลักษณะ ของ ไก่ฟ้า...
    แต่ อาจจะด้วย ..
    ผม เดินจงกลม และ เปิด บทสวดมนต์ เบาๆ ตลอดเวลา เดินจงกลม หรือ...เหตุใด ตามสภาวะ วิทยาศาสตร์ .หรือ ป่าดงดิบ... ( แต่ ขณะนี้ มีการ ปลูกยางพารา ,ต้นปาล์ม ในส่วนเขตดงดิบ เป็น เขาป่าสงวนแห่งชาติ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2012
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    18-11-2009, 11:37 PM
    วันนี้ เดินทาง ขึ้นเขา ต้นน้ำตก (แต่ ขึ้นไปไม่ถึง เพราะ ฝนตก และรีบกลับ )
    เขาพระหมี หรือ เขาโต๊ะหมี ซึ่ง ครอบคลุม ทั้ง พื้นที่ ..

    อ.คุระบรี จ.พังงา และ อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เขาโต๊ะหมี หลายคน เล่าขานกัน ว่า เป็น ดินแดน ป่าหิมพานต์ เพราะ มีคนเล่า ว่า...

    มีคนเจอ ท่านฤาษี บำเพ็ญภาวนา จากนั้น แว็ปหาย ไป และ บางคน บอกว่า ชั้นบนสุด มีวัง น้ำ วันดี คืนดี จะเห็น นางกินรี มาเล่นน้ำ

    ผม นาคา พร้อม น้องชาย และ เพื่อนน้องชาย
    [​IMG] [​IMG]
    (หน้าผา ที่ต้องปีนป่ายเถาวัลย์ )
    เดินทางตามลำธาร น้ำตก น่าจะประมาณ 7 กม. ต้องปีนป่านเถาวัลย์ จาก ข้างหน้าผา ที่สูงชัน เพื่อขึ้นไป ( ความสูงน่าจะประมาณ 300-400 ขึ้นครับ ที่ขึ้นในวันนี้ เป็นเขาที่สูงที่สุดในพื้นที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา )

    ตำนาน เขาเล่าเป็นปริศนา ว่า....หน้าผาหินดำ สระมรกต ....
    วันนี้ เดินทาง ยังไม่ถึง หน้าผาหินดำ มองเห็นข้างหน้า ลิบๆ (เพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 12 คืนลอยกระทง มีคนเห็น มีแสง สว่างจ้า บนยอดเขา
    [​IMG] [​IMG]
    (ซอกหิน ที่เราเจอ หินภายใน เป็น หินผลึกทรายแก้ว ),อัญเชิญเหรียญทำน้ำมนต์ ในซอก รากไม้ใหญ่ ฝากกระแส เทพเทวา

    ผม ขออนุญาติ อัญเชิญเหรียญทำน้ำมนต์ ฝากกระแส พลังบุญ จาก เหล่ามหาเทพ เทวา ,ปู่ฤาษี และ คนธรรณ บนเขา เพื่อ อัญเชิญเหรียญ ในการ บรเทาภัยพิบัติ
    เขา ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นทางลง สู่ ...สำนักสงฆ์ ซอยแสงทอง
    เขา ด้านทิศใต้ เป็นทางที่ เรา เดิน ขึ้นในวันนั้น..
    --------------------
    ประมาณวันที่ ๓ กุมภา ๒๕๕๔ ใด้ เดินทาง สอบถาม บังมุสลิม คนในพื้นที่ ที่ เคยเดินทาง ขึ้น เขาพระหมี ซึ่ง บัง บอกว่า..
    ควร จะขึ้น ก่อน วันเพ็ญ ...เพราะ ในคืนสว่าง สัตว์ จะออกหากิน กลางคืน
    และ ควร นำอาวุธไปด้วย เพื่อป้องกัน สัตว์ใหญ่..
    เช่น หมี , เสือ ,สิงห์โต ,,,และ กายสิทธ์ ในภาค ,,สมิง..
    อาจจะอยู่ในถ้ำ ( ที่ บังเคยเจอ... )
    กลุ่มเรา เลย บอก บังไปว่า..
    เพียง ชม สัพสัตว์ คงไม่ต้องการ นำพา อาวุธไปด้วย..
    รอวาระ ที่ บัง ว่าง นำเป็น พราน เดินทางขึ้นไปใด้...

    http://palungjit.org/threads/อัญเชิ...บรรเทาภัยพิบัติ-ในพื้นที่ภาคใต้.193983/page-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ข้อมูล ในรอย เดือน มิย...
    มหัศจรรย์ 2,600 ปี พุทธยันตี พบรอยพระพุทธบาท แห่งแรกของไทยในอ่าวไทย แดนสุวรรณภูมิ....

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2555 เวลา 13:28 น.
    วันนี้ (19 มิ.ย) ผู้สื่อข่าวได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่า ครูบาสันยาสี ภิกขุ หรือมหาโยคี แห่งสำนักปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทจันทาราม (เขาถ้ำพระ)ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้เดินทางไปปฏิบัติธรรม ณ ยอดเขาพญาเดินธง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้เกิดนิมิตขณะนั่งสมาธิกรรมฐาน เห็นว่า บริเวณโขดหินชายหาดแห่งหนึ่งของเกาะกูด จ.ตราด มีรอยพระพุทธบาทธรรมชาติที่สวยงาม ชัดเจน อยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้พาคณะศิษย์เดินทาง ด้วยการเช่าเรือเร็วขนาดใหญ่จากชายฝั่ง จ.ตราด ไปยังเกาะกูดเพื่อร่วมกันพิสูจน์ความจริง ซึ่งขณะก่อนออกเดินทางมีคลื่นลมจัด ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างแรง แต่พอเรือออกไปในทะเล ท้องฟ้าเปิด มีแสงแดดทำให้สามารถเดินทางไปได้ในระยะทาง 40 กิโลเมตร และใช้เวลาการเดินทาง 1 ชั่วโมง
    <O p=""></O>
    และในวันนี้ ครูบาสันยาสี พร้อมคณะศิษย์ ได้พาผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และทีวี เดลินิวส์ ไปพิสูจน์ความจริง ตรงจุดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ตรงข้ามกับเกาะกง กัมพูชา ชาวบ้านเรียกอ่าวกล้วย หรือแหลมหินลับมีด จึงได้พากันลงน้ำทะเล ขึ้นไปยังชายฝั่ง พบรอยพระพุทธบาท ชัดเจนอยู่บนแผ่นหินริมชายหาด จึงได้นำบายศรี ดอกไม้ ธูปเทียนไปสักการะเพื่อขออนุญาตในการตรวจสอบ และบันทึกภาพมาเผยแพร่ให้สาธุชนชาวพุทธได้รับทราบว่า

    ได้พบรอยพระพุทธบาท ซึ่งค้นพบในปี พุทธยันตี 2,600 ปี ซึ่งเป็นปีมหามงคลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินาถ ในดินแดนสุวรรณภูมิของไทย กลางอ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งมีความชัดเจน สวยงาม เป็นธรรมชาติ มีน้ำทะเลขึ้นถึง จะดูได้อย่างชัดเจนก็ต่อเมื่อน้ำทะเลลง<O p=""></O>
    นางมณีจันทร์ ศรีทองคำ เปิดเผยว่า ได้มาทำธุรกิจที่พักอาศัย และมีที่ดินอยู่บนเกาะกูด เคยได้ยินคำเฒ่าคนแก่ พูดและเล่ากันมาหลายยุคหลายสมัยว่า ดินแดนเกาะกูดเป็นดินแดนแห่งธรรมที่รุ่งเรืองมาก่อน และมีการพูดกันว่าบนเกาะแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทอยู่แต่ไม่เคยมีใครค้นพบ หรือพบเห็น จนมาทราบข่าวว่า ครูบาสันยาสี พร้อมคณะศิษย์ ได้เดินทางมาสำรวจจึงได้ขอติดตามคณะไปด้วย รู้สึกตกใจ และตะลึงอย่างมากที่พบรอยพระพุทธบาทตามคำเล่าลือมานานแสนนาน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าพระท่านรู้ได้อย่างไรและเดินทางไปถูก ทั้งที่บริเวณใกล้เคียงรอยพระพุทธบาทได้มีบ้านพักคนงานลูกจ้างทำสวนยาง ปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ริมชายหาดแห่งนี้มานานหลายปี เดินผ่านไป -ผ่านมา ทุกวันแต่ไม่มีใครพบเห็นมาก่อน
    ส่วนทางด้าน ครูบายสันยาสี เปิดเผยว่า ได้ออกมาจากสำนักปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทจันทาราม (เขาถ้ำพระ)ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี เพื่อขึ้นไปปฏิบัติทำบนยอดเขา พญาเดินธง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นภูเขาสูงชัน ขณะนั่งปฏิบัติสมาธิกรรมฐานอยู่ ได้มีนิมิตเห็นรอยพระพุทธบาท และได้มีดวงวิญญาณของ วิญญาณโอปาติกะ ผู้ดูแลรักษาสถานที่ และบอกว่าเป็นดวงวิญญาณของเจ้าหญิงสุมลมาลย์ ในสมัยอดีต เป็นผู้ดูแลรักษาสถานที่เกาะกูด เกาะกระดาษ และดูแลรักษารอยพระพุทธบาทแห่งนี้ ได้มาอาราธนานิมนต์ทางนิมิตกรรมฐาน บอกว่ารอยพระพุทธบาทตั้งอยู่บนอ่าวกล้วย ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกาะกูด สถานที่ตั้งรอยพระพุทธบาทเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ ลักษณะก้อนหินยื่นลงไปในทะเล เป็นรอยพระพุทธบาท 2 รอย คู่กัน ประทับรอยกลับไปกลับมา (หรือขึ้นลง) เป็นรอยเท้าขนาดใหญ่ เท่ากับรอยเท้าคนแปดศอก มีส้นและปลายนิ้วอย่างชัดเจนตลอดจนก้นหอย นอกจากนี้ยังมีรอยเท้าเท่ากับคนธรรมดาอยู่บนโขดหินอีกเป็นจำนวนมาก
    <O p=""></O>
    และได้กล่าวอีกว่า รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ นับมีความสำคัญทางศาสนาพุทธอย่างมาก ซึ่งเชื่อกันว่าตามพุทธประวัติและพระไตรปิฎก ยังมีรอยพระพุทธบาทที่อยู่ในมหาสมุทรอีก 1 แห่ง ที่ยังไม่มีใครค้นพบ เกาะกูดถือว่ามีที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทร และยังเป็นดินแดนแห่งสุวรรณภูมิ เช่นกัน แต่ต้องให้ผู้รู้เรื่องรอยพระพุทธบาท กรมศาสนาลงไปพิสูจน์ความจริงให้แน่ชัด ตามความเชื่อแต่โบราณ เกาะกูดในยุคเก่าเป็นเมือง สถานที่ปฏิบัติยุครุ่งเรืองของ มหานิกาย และอินดู เข้ามาเผยแพร่ศาสนาเพื่อเผยแพร่ในสยามอาณาจักร และเชื่อกันว่าพระพุทธองค์เคยเสด็จมาเทศนา โปรดสัตว์ ในเขตสุวรรณภูมิ ในยุคก่อนกึ่งพุทธกาล จึงได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ในแดนสุวรรณภูมิ และยังเชื่อกันว่ารอยพระพุทธบาทในประเทศไทยมีจำนวนมาก ทั้งบนที่สูง และริมทะเลอ่าวไทย โดยเฉพาะรอยพระพุทธบาทที่เกาะกูด น่าจะเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และในโลกที่ค้นพบครั้งนี้<O p=""></O>
    และยังมีนิมิตอีกว่า นอกจากในพื้นที่เกาะกูด จ.ตราดแล้ว ที่จังหวัดจันทบุรียังมีอีก 9 แห่ง แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ ส่วนที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ก็มีอีก 1 แห่ง บนโขดหินชายทะเล เขาแหลมปู่เจ้า กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งจะต้องติดตามเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงนี้ 2,600 ปี พุทธยันตี
    มหัศจรรย์ 2,600 ปี พุทธยันตี พบรอยพระพุทธบาท แห่งแรกของไทยในอ่าวไทย แดนสุวรรณภูมิ | เดลินิวส์

    <!-- /.content -->
     
  11. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล ศิริวัฒนะที่ ๑๑๗ ปี วันที่ ๑๗ กย. ๒๕๕๕...
    วัดสิริสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต..

    อัตถประวัติหลวงปู่สุภา อ่านใด้ จาก link ข้างล่าง ในเว็ปพลังจิต..

    หลวงปู่สุภารำลึกความหลังให้กับสานุศิษย์ได้รับรู้ว่า เมื่อท่านยังเป็นเด็กที่มีรูปร่างอ้วนท้วน เจ้าเนื้อ ผิวขาว ซุกซนตามประสาเด็กทั่วไป แต่ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่ในครอบครัว และผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เมื่อวัยของท่านเจริญเติบโตเพียงพอจะเล่าเรียนได้แล้ว ผู้เป็นบิดาของท่านได้พาไปฝากไว้ในวัด ให้ได้เล่าเรียนเขียนอ่านตามสมควรแก่วัย และเวลาหลวงปู่เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย มักชอบเล่าเรียนมากว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน
    หลวงปู่สุภายังจำได้แม่นยำเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่วันมานี้ ถึงสิ่งที่ท่านได้ประสบกับสิ่งที่เรียกว่า “การพยากรณ์” จากปากของพระธุดงค์ที่มาปักกลดใต้ต้นตะแบกใหญ่ท้ายหมู่บ้านคำบ่อ เด็กน้อยชื่อสุภา วัยเพียง ๗ ขวบ คลานเข้าไปกราบแทบตักพระธุดงค์ มือของพระธุดงค์ลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู บอกให้ลุกขึ้นนั่งทอดสายตา มองดูรูปร่างของเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นครู่ใหญ่ จึงกล่าวกับเด็กน้อยหรือหลวงปู่สุภาเมื่อตอนอายุได้ ๗ ขวบ ว่า

    “เด็กน้อยเอ๊ย ต่อไปเจ้าจักได้บวชเรียน ถวายตัวในพุทธศาสนา บวชเมื่อใดแล้วจงอย่างลืมไปเสาะหาหลวงพ่อให้จงได้ อย่าลืมนะ พบกันในวาระที่เจ้าได้ครองผ้าเหลืองเหมือนหลวงพ่อนี้แหละ”
    ---------

    ในระหว่างที่หลวงปู่สุภาจะก้าวออกนอกวัดไพรใหญ่ เพื่อเข้าสู่เส้นทางของวิปัสสนาจารย์ ก็ให้บังเอิญมีญาติโยมจากท่าอุเทนมาที่วัดไพรใหญ่ ได้มาทำบุญเบี้ยพระที่วัด และได้รู้จักกับสามเณรสุภา ได้เล่าความให้สามเณรฟังถึงพระภิกษุผู้เป็นพระสายวิปัสสนาที่ขณะนี้กำลังสร้างพระธาตุอุเทนว่า เป็นพระผู้มีเมตตาธรรมและมีบารมีธรรมอันน่าเคารพนับถือเป็นครูบาอาจารย์ นั่นคือสิ่งที่กระตุ้นให้สมเณรสุภา กราบลาพระมหาหล้า ออกเดินทางสู่ท่าอุเทนในทันที เพื่อไปนมัสการพระวิปัสสนาจารย์ ที่ได้รับการบอกเล่าจากญาติโยมชาวท่าอุเทน เมื่อไปถึงท่าอุเทนแล้ว ได้สอบถามเส้นทางไปพระธาตุท่าอุเทน

    ขณะเมื่อไปถึงพระธาตุท่าอุเทน เป็นเวลาที่พระวิปัสสนาจารย์กำลังเทศนาและสอนกรรมฐานแก่ญาติโยมพุทธศาสนิกชน จึงหยุดรออยู่นอกสถานที่สอนกรรมฐาน ครั้นเมื่อผู้คนแยกย้ายกันกลับไปหมด จึงเดินเข้าไปกราบนมัสการตรงหน้าพระวิปัสสนาจารย์ สายตาของพระวิปัสสนาจารย์ประสานกับสายตาของสามเณรน้อยผู้มาใหม่ แล้วเกิดกระแสแห่งความคุ้นเคย เสียงของพระวิปัสสนาจารย์พูดกับสามเณรน้อยขึ้นว่า

    “บัดนี้ถึงเวลาที่เราจะได้พบกัน เด็กน้อยจำเราได้หรือไม่ เราไม่เคยลืมแววตาคู่นี้เลย”
    ภาพเด็กตัวเล็ก ๆ คลานเข้าไปกราบพระธุดงค์ที่ปักกลดอยู่ใต้ต้นตะแบกใหญ่ กลับมาปรากฏชัดในมโนภาพของสามเณรน้อย แม้องคาพยพของใบหน้าพระผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้า จะผิดไปจากใบหน้าของพระธุดงค์ด้วยความชรา แต่น้ำเสียงและแววตามิเคยเปลี่ยนไปเลย สามเณรน้องจึงเปล่งเสียงออกมาด้วยความดีใจเป็นล้นพ้นว่า

    “ท่านอาจารย์นั่นเอง ที่ใต้ต้นตะแบก จริง ๆ ด้วยขอรับ เป็นท่านอาจารย์จริง ๆ”
    เมื่อหลวงปู่ได้พบกับพระธุดงค์ที่มาปักกลดใต้ต้นตะแบกท้ายหมู่บ้านอีกครั้งตามพยากรณ์แล้ว หลวงปู่เกิดความปีติและยอมรับว่า พระธุดงค์ที่พบตอนอายุ ๗ ขวบนั้น ช่างเป็นพระผู้พยากรณ์เหตุการณ์ได้แม่นยำ ก้มลงกราบอีกครั้ง ท่านพระวิปัสสนาจารย์จึงกล่าวว่า
    “เราชื่อ สีทัตต์ เณรมีนามใดกัน มาจากที่ใด ต้องการอะไรจากเราก็ขอให้บอกมาเถิด”
    หลวงปู่สุภาได้กล่าวตอบด้วยความปีติเป็นล้นพ้นว่า
    “กระผมดั้นด้นมานมัสการพระคุณอาจารย์ก็ด้วยความปรารถนาจะได้รับการอบรมด้าน วิปัสสนากรรมฐานจากพระคุณอาจารย์ตามแบบที่พระคุณอาจารย์ได้รับการถ่ายทอดมา กระผมเรียนมูลกัจจายน์ห้าเล่มสำเร็จแล้วครับ”
    “เณรน้อยเรียนมูลกัจจายน์มาแล้ว ใยไม่เรียนปริยัติธรรมต่อไป ไม่รู้หรือว่า การเรียนพระปริยัติธรรมนั้น เจริญได้ทั้งทางโลกและทางธรรม คือ เป็นมหาเปรียญ นักเทศน์ เป็นครูสอนพระปริยัติ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ก้าวหน้าในตำแหน่งการปกครอง ส่วนประโยชน์ทางโลกคือ เมื่อสึกออกไปแล้ว เทียบวุฒิการทำงาน หรือรับราชการได้ตำแหน่งดี เณรน้อยเอาดีทางธรรม ทางปฏิบัติอย่างเดียวไม่เสียดายเวลาที่หมดไปหรือ ถ้าสึกออกไปเป็นฆราวาส ก็ไม่ต้องมาอยู่ในกฎระเบียบ ๒๒๗ ข้อนี้อีกต่อไป คิดให้ดีนะเณร”

    พระอาจารย์สีทัตต์หยั่งเชิงสามเณรน้อยเพื่อค้นหาความตั้งใจ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าดูคนไม่ผิด แต่สามเณรน้อยตอบชัดถ้อยชัดคำว่า
    “กระผมต้องการเพียงทางเดียว คือปฏิบัติทางจิต หรือ วิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์มีความหมายมากขึ้น หากกระผมต้องการเป็นมหาเปรียญละก็ ไม่ลงทุนมาเสาะแสวงหาพระคุณอาจารย์ถึงท่าอุเทนนี่หรอกขอรับ ขออย่างเดียว รับกระผมเป็นศิษย์ กระผมจะอยู่ในโอวาทของพระคุณอาจารย์ทุกประการ”
    พระอาจารย์สีทัตต์ทดสอบความอดทนของสมาเณร ตั้งแต่การขบฉัน การทำงานหนักในการก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทน และการทดสอบด้านจิตใจ จนแน่ใจว่า จะทนรับการสอนที่หนักหนาสาหัสในการที่จะเรียนวิปัสสนากรรมาน จึงอบรมกรรมฐานให้แก่สามเณรสุภา เริ่มโดยการกำหนดลมหายใจเข้าออก ภาวนาว่า “พุทโธ” ตั้งแต่แรก จนไม่ต้องภาวนา จากสมาธิเพียงชั่วแล่น ก็ค่อย ๆ กลายเป็นสมาธิที่ยาวนานและสามารถดำรงสติได้อย่างมั่นคง จึงให้ขึ้นธุดงควัตร ๑๓ ประการจนคล่อง จึงบอกกับสามเณรสุภาว่า
    “ต่อจากนี้ไป เป็นการปฏิบัติจริงในป่าเขาลำเนาไพร อันอุดมไปด้วยสิงสาราสัตว์และภูตพรายทั้งปวง อมนุษย์และพวกหมอผี นักล่าชีวิตมนุษย์ด้วยคุณไสย มนต์ดำ สิ่งที่เรากล่าวมา อบรมมา พึงนำมาใช้ให้ยิ่งยวด เพราะเธอจะต้องพึ่งตนเองมากกว่าพึ่งเราในการเดินทาง”
    ข้ามโขงจากนครพนม ไปสู่พระราชอาณาจักรลาว ผ่านป่าเขาลำเนาไพร ผจญความยากลำบากมากมาย ทั้งสัตว์ร้าย งูพิษ ต้นไม้พิษ ตลอดจนหมอผีและภูตไพรต่าง ๆ หลายหนที่ต้องฉันใบไม้อ่อน เพราะไม่มีสัปปายะจะให้บิณฑบาต แต่ก็ผ่านมาได้ จนพระอาจารย์สีทัตต์ยอมรับในความอดทนของสามเณรน้อยสุภา
    ถึงจุดที่พระอาจารย์สีทัตต์พามาฝึก คือ “ถ้ำภูควาย” อันเป็นถ้ำเร้นลับ อยู่บนภูเขาที่มีลักษณะปลายยอดสองข้างโค้งเข้าหากัน มองคล้ายกับเขาควาย มีพระภิกษุมาจากสถานที่ต่าง ๆ มาชุมนุมกันเล่าเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับพระอาจารย์สีทัตต์หลายรูป

    คำสั่งพระอาจารย์สีทัตต์

    พุทธศักราช ๒๔๖๓ หลวงปู่สุภาได้ตัดสินใจธุดงค์เดี่ยว จึงมากราบลาพระอาจารย์สีทัตต์เพื่อออกธุดงค์ พระอาจารย์สีทัตต์ได้สั่งสอนว่า
    “ไปให้ดีเถอะเณรน้อย เดินให้สม่ำเสมอ จิตรู้อารมณ์ อย่าเร็วนัก อย่าช้านัก ให้อยู่ในกลาง ๆ โบราณาจารย์ได้สั่งสอนศิษย์เป็นคติสอนใจว่า อยากถึงเร็วให้คลาน อยากถึงนานให้วิ่ง รู้ไหม หมายความว่าอย่างไร อยากถึงเร็วให้คลาน คือไปแบบไม่รีบร้อนด่วนได้ จะถึงจุดหมายแบบปลอดภัย ให้ลุกลี้ลุกลนเกินไป ก็จะเหมือนคนวิ่งไปด้วยความคะนอง สะดุดล้ม แข้งขาหัก เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องช้าไปอีกนานทีเดียว”
    เมื่อหลวงปู่สุภาพร้อมที่จะเดินทาง พระอาจารย์สีทัตต์ได้กล่าวคล้ายคำสั่งเสียด้วยความห่วงใยว่า
    เณรน้อยจงไปภูเขาควาย ออกจากภูควายแล้ว ให้ไปท่าเดื่อ จากท่าเดื่อไปหนองคาย ที่นั่นเธอจงสละธุดงควัตร แล้วเร่งเดินทางไปทางเหนือ ที่นั่นเธอจะได้พบพระอาจารย์องค์หนึ่ง มีความเชี่ยวชาญด้านกสิณและวิชชาแปดประการ มีอภิญญาสูงมาก เธอจะได้รับความรู้จากท่านเป็นอันมาก ที่ต้องให้สละธุดงควัตร เพราะท่านเหลือเวลาไม่มากแล้วในการสั่งสอนเณรน้อย หากเดินธุดงค์แบบธรรมดาน่าจะสายเกินไป”
    จากภูควาย หลวงปู่สุภาข้ามมาท่าเดื่อ แล้วอธิษฐานจิตออกจากธุดงควัตรที่ตัวจังหวัดหนองคาย ฝากบริขารธุดงค์ไว้กับพระที่คุ้นเคยในระหว่างธุดงค์ภูควาย และจับรถไฟเข้ามากรุงเทพฯ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการไปสู่ภาคเหนือเพื่อแสวงหาพระอาจารย์ตามคำสั่งของพระอาจารย์สีทัตต์ เหมือนโชคชะตาเป็นใจให้หลวงปู่สุภา เพราะในขณะที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ท่านก็ได้ข่าวพระอาจารย์รูปหนึ่งที่แถววังนางเลิ้ง เขาบอกกันว่า
    “ท่านพระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข เกสโร แห่งวัดอู่ทอง ปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งเสด็จในกรมฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเลื่อมใส ถวายตัวเป็นศิษย์ถึงที่วัดทีเดียว”
    หลวงปู่สุภา จึงเดินทางไปวัดอู่ทอง ปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ด้วยการเดินทางสมัยนั้นยังลำบากและเหน็ดเหนื่อย แต่พอเดินทางมาถึงวัดอู่ทอง เมื่อพอเข้าเขตวัด หลวงปู่รู้สึกว่าเยือกเย็นและมีอะไรบางอย่างที่บอกว่า ที่นี่แหละคือที่ ๆ พระอาจารย์สีทัตต์กำหนดให้มา
    --------
    จากดินแดนอันแผดเผาด้วยเปลวแดด สู่ดินแดนอันเหน็บหนาวของหิมพานต์ที่ชาวอินดูเชื่อว่า เป็นที่สถิตของจอมเทพ ผู้มีพระนามว่า “องค์ศิวะมหาเทพ” ซึ่งในประเทศไทยเรียกว่า “พระอิศวร” ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของมหาเทพของฮินดู ภูเขาหิมาลัยสูงเสียดฟ้า ยอดปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี ตลอดชาติ เป็นแหล่งรวมของฤๅษีจากทั่วสารทิศ จะมาชุมนุมกันที่นี้ เรียกกันว่า “เมืองฤๅษีเกษ” อยู่ชานภูเขาหิมาลัย เมืองนี้เป็นเมืองของฤๅษีที่ล้วนมีฤทธิ์อย่างถึงที่สุดของอำนาจต่าง ๆ เป็นนานาประการ ความหนาวเหน็บ ทำให้หลวงปู่สุภาได้รับทุกขเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ต้องอาศัยเตโชกสิณในการช่วยสร้างความอบอุ่น เวลาออกบิณฑบาต ก็ต้องเดินทางระยะไกล กว่าจะเจอบ้านที่มีอัธยาศัยในการทำทาน ก็ต้องเดินกันกว่า ๘ กิโลเมตร ฝ่าความหนาวไปบิณฑบาตเพียง ๓ วันครั้ง บางครั้งถึง ๗ วัน แต่ท่านก็อดทน

    สามปีในแดนพุทธภูมิ ท่านได้แวะนมัสการสังเวชนียสถาน จนพบกับอาจารย์วงศ์ ได้พูดคุยกันในเรื่องธรรมะและวิชาอาคม ในที่สุดท่านก็บอกว่า ท่านอยู่ในอัฟกานิสถาน (ตอนยังไม่มีสงครามกลางเมือง) อยู่กับพวกศาสนิกชนที่นั่น ให้ตามไปแลกเปลี่ยนความรู้กันที่นั่น ท่านจึงเดินทางผ่านช่องแคบไคเบอร์ เข้าสู่อัฟกานิสถาน จนพบพระอาจารย์วงศ์ และได้แลกเปลี่ยนความรู้กันพอสมควร จึงเดินทางผ่านช่องแคบไคเบอร์กลับอินเดีย และเดินทางต่อไปที่ประเทศจีน ตามเส้นทางสำคัญจากอินเดียด้วย ท่านได้รู้จากพุทธศาสนิกชนชาวจีนท่านหนึ่งที่มีรกรากเดิมอยู่ปักกิ่ง เขาบอกกับท่านว่า

    “ที่ซิมซัวเป็นภูเขาสูง เป็นที่อยู่ของอาจารย์ตัน ฮกเหลียง พระอาจารย์รูปนี้เชี่ยวชาญในการเดินลมปราณรักษาโรค เพื่อกำหนดจิตใจ การเข้าฌานชั้นสูง หากต้องการศึกษาต้องไปที่นั่น”

    เหมือนถูกท้าทาย หลวงปู่สุภาจึงได้ธุดงค์ข้ามจีน ไปจนถึงปักกิ่ง ได้ค้นหาซิมซัวจนพบ และขึ้นไปหาอาจารย์ตัน ฮกเหลียง เพื่อขอเรียนวิชาลมปราณ ท่านอาจารย์ตัน ฮกเหลียง ได้เมตตาสอนให้ทั้งที่สังขารของท่านไม่สมบูรณ์นัก พอจบหลักสูตรท่านอาจารย์ตัน ฮกเหลียงก็ถึงแก่กรรม รวมเวลาการเรียนได้ ๓ เดือนเต็ม จากปักกิ่ง ท่านได้เดินทางรอนแรมไปจนถึงยุโรป ได้ไปอยู่ที่มหานครปารีสระยะหนึ่ง และเดินทางข้างไปฝั่งยุโรปตะวันออกหลายประเทศ เป็นการหาประสบการณ์ในโลกใบใหม่ที่สมณะอย่างท่านต้องการจะเรียนรู้ ท่านย้ำว่า

    “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ธุดงควัตรของท่านไม่เคยบกพร่อง บิณฑบาตทานสัปปายะจนได้ ไม่เคยละเว้นแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถือว่านั่นคือกฎระเบียบและหัวใจของพระธุดงค์”
    [​IMG]

    หลวงปู่สุภาอายุ 118 ปีเข้ารพ.ศิริราช หลังเลือดออกทางทวารหนัก แพทย์ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ จะทราบผลอีก 2 สัปดาห์

    เมื่อเวลา 15.15 น.วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่ห้อง 934 ตึก 84 ปี รพ.ศิริราช ซึ่งเป็นห้องพักรักษาอาการอาพาธของพระมงคลวิสุทธิ์ หรือหลวงปู่สุภา กันตสีโล อายุ 118 ปี เกจิอาจารย์ชื่อดัง วัดคอนสวรรค์ ต.คอเขียว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร โดยก่อนหน้านี้หลวงปู่สุภา ได้มีอาการเลือดออกทางทวารหนัก ลูกศิษย์จึงนำตัวส่งรพ.สกลนคร และแพทย์ได้ส่งตัวมารักษาที่รพ.ศิริราช เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้

    น.ส.สุภัทราวาสินี เย็นสัย หรือแม่ชีเปีย บุตรบุญธรรมของหลวงปู่สุภา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมาหลวงปู่สุภา มีอาการเลือดออกทางทวารหนักเวลาถ่ายอุจจาระจะมีเลือดเป็นลิ่มๆ ลูกศิษย์จึงนำตัวส่งรักษาที่รพ.สกลนคร แพทย์ได้ส่องกล้องและเอ็กซ์เรย์อย่างละเอียดพบว่า มีแผลในกระเพาะอาหารและมีก้อนเนื้อ แพทย์ได้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ โดยจะทราบผลในอีก 2 สัปดาห์ จากนั้นแพทย์ได้ส่งตัวไปรักษาต่อรพ.ศิริราช โดยประสานนายอุทัยพันธ์ จารุวัฒนกิตติ ลูกศิษย์ใกล้ชิดติดต่อนำเฮลิคอปเตอร์มารับหลวงปู่สุภามารักษาตัวที่รพ.ศิริ ราช โดยมี ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศรี แพทย์เจ้าของไข้คอยดูแล

    เบื้องต้นแพทย์ตรวจร่างกายพบว่าความดัน หัวใจ ปกติดี ตอนนี้ใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากหลวงปู่มีอาการเหนื่อยจากการเดินทาง โดยแพทย์ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว ซึ่งหลวงปู่สามารถหายใจเองได้ดี แต่ต้องอยู่พักรักษาตัวที่รพ.ก่อน

    ด้านนายอุทัยพันธ์ กล่าวว่า โดยรวมแพทย์บอกว่า อาการหลวงปู่ไม่น่าเป็นห่วง โดยแพทย์จะตรวจหัวใจและสมองอย่างละเอียด ไม่อยากให้ลูกศิษย์ต้องเป็นห่วง ถ้าหากศิษยานุศิษย์ต้องการมาเยี่ยมหลวงปู่สามารถมาได้ที่รพ.ศิริราช โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์พยาบาลเท่านั้น.

    http://palungjit.org/threads/---หลวงปู่สุภา118-ปีเข้ารพ-ศิริราช.345386/

     
  12. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917

    ชีปะขาวผู้ให้นิมิต




    มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่สุภาออกจากป่าเพื่อแสวงหาที่จำพรรษาในปุริมพรรษาที่กำลังจะมาถึง พอธุดงค์มาถึง อ. สีคิ้ว จ. นครราชสีมา ผ่านมาด้านหลังวัดเกาะสีคิ้ว คำว่าวัดเกาะ คือ มีน้ำกั้นเอาไว้จากโลกภายนอก การคมนาคม หากไม่ใช้เรือ ก็ต้องข้ามโดยสะพานไม้ชั่วคราว ที่ชาวบ้านนำเอาเสาไม้มาปักไว้เป็นโครง พาดด้วยไม้กระดานพออาศัยข้าม การเดินทางเข้าวัดจึงลำบากมาก เมื่อชาวบ้านรอบวัดเกาะสีคิ้วได้พบกับหลวงปู่สุภา จึงได้นำภัตตาหารมาถวาย และมรรคนายกวัดเกาะสีคิ้วจึงปรารภถึงความยากลำบากในการเข้าสู่วัด หลวงปู่ฟังแล้วเกิดความเมตตา จึงตามให้มรรคนายกนำไปดูสถานที่ ก็เห็นว่าไม่เกินกำลังที่ทำได้ ตลอดจนหากจะทำสะพานถาวรแล้ว จะทำให้ชาวบ้านกุดฉนวนที่อยู่ด้านหลังวัดออกไปได้อาศัยนำสินค้าออกมาขายคนภายนอกได้ ซึ่งนอกจากจะได้เกื้อกูลพระพุทธศาสนาแล้ว ยังได้เกื้อกูลชาวบ้านให้ทำมาหากินได้สะดวก หลวงปู่สุภาจึงรับปาก

    ปูนแต่ละถุง ทรายแต่ละคิว หลวงปู่สุภาแลกมาด้วยความยากลำบาก เพราะต้องหาของมงคลมาเป็นของขวัญแก่ญาติโยม ทั้งวัตถุมงคล น้ำมนต์และการสงเคราะห์ผู้เจ็บป่วย หลวงปู่สุภาเป็นขวัญและกำลังใจของคนที่อยู่ใกล้เคียวและจังหวัดใกล้เคียง ทุกวันนี้ หากไปถามคนแถววัดเกาะสิคิ้วแล้ว ทุกคนยังรอให้ท่านกลับมาเยี่ยมเยียนพวกเขาบ้าง หลังจากการสร้างสะพานเสร็จ หลวงปู่สุภาได้ทำการฉลองสะพาน และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ชาวบ้านแถบนั้นได้พบหลวงปู่สุภาตราบจนทุกวันนี้

    คืนหนึ่ง ขณะที่ท่านจำวัดอยู่ที่ที่ท่านได้ทำการก่อสร้างสะพาน ท่านก็ได้เกิดนิมิตประหลาด ท่านนิมิตไปว่า มีชีปะขาว หน้าตามีบุญ มีแสงสว่างออกจากตัว คล้ายมีแสงไฟกระจายอยู่ด้านหลัง ชีปะขาวมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าท่าน แล้วกล่าวกับท่านว่า

    “เมื่อสะพานเสร็จแล้ว ท่านพึงจะละทิ้งเอาไว้ระยะหนึ่งก่อน ออกธุดงค์ไปยังโคราชก่อน แล้วตัดทางออกไปอุบลราชธานี อย่าพึงรีบร้อนและลังเล เมื่อพักผ่อนอิริยาบถพอสมควรแล้ว ท่านก็ข้ามไปฝั่งลาวเลย....”

    เส้นทางที่ชีปะขาวบอก คือข้ามจากอุบลราชธานีทางช่องเม็ก สู่แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว เดินตามเส้นทางป่าที่เชื่อมจำปาศักดิ์กับเมืองปากเซ ด้วยเป็นเส้นทางที่วิเวกและสามารถหลีกพ้นการรบกวนของผู้คนที่อาจจะทำให้หลวงปู่ต้องพักช่วยชาวบ้านเป็นระยะ ๆ หมดโอกาสจะไปยังสถานที่ที่ต้องการจะไปได้

    หลวงปู่สุภาเดินทางพร้อมเครื่องบริขารธุดงค์ ตรงไปยังปากเซ สอบถามเส้นทางไปยังเมืองเซโปน ซึ่งได้ใช้เส้นทางป่าเหมือนที่มาจากนครจำปาศักดิ์ ผจญความยากลำบากและเภทภัยต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง เพราะตอนนั้น ป่าแถบนั้นชุกชุมไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ จากเซโปน สอบถามเส้นทางไปยังเมืองวัง เส้นทางช่วงนี้วิบากยิ่ง แต่หลวงปู่สุภาก็ไม่ย่อท้อ เพราะมีชีปะขาวมานิมิตของเหตุอยู่เสมอตลอดทาง

    ชีปะขาวมาปรากฏในนิมิตอยู่เสมอว่า ถ้ำจุงจิง คือสถานที่ที่ท่านจะต้องเดินทางไปให้ถึง ไปให้ตลอด ที่นั่นคือจุดหมายปลายทาง หลวงปู่สุภาจึงมีพลังใจและรุดหน้าเดินทางไปยังเมืองวัง และเดินทางต่อไปยังเมืองอ่างคำ อันป่าแถบนั้นยากที่จะมีผู้ใดบุกเข้าไปได้ ชาวบ้านบอกชัดเจนว่า พระธุดงค์หลายต่อหลายรูป ถามหาทางแล้วไม่เคยกลับออกมาอีกเลย และหลายคนห้ามหลวงปู่สุภาด้วยคำชาวบ้านง่าย ๆ ว่า

    “อย่าเอาร่างกายไปเป็นเหยื่อสัตว์ร้ายและไข้ป่า ตลอดจนภูตผีปีศาจเลย แม้พรานที่ว่าแก่วิชา ก็ยังต้องตามไปเอาศพกลับมาเผาเพื่อส่งวิญญาณ เมื่อไปพบสภาพศพดูทุเรศเป็นที่สุด”

    จากเมืองวังไปยังเมืองอ่างคำ หลวงปู่สุภาต้องผจญกับอาถรรพ์ต่าง ๆ นานาประการ หากแต่ได้วิชาที่เล่าเรียนมาแต่ต้น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และธุดงควัตรอันบริสุทธิ์ของท่าน แก้ไขสถานการณ์จนรอดออกมาจากป่า บรรลุถึงเมืองอัตปือแสนปาง ที่นั่นหลวงปู่สุภามิอาจหาเส้นทางที่เข้าไปยังจุดที่จะถึงถ้ำจุงจิงได้ ที่สุดชีปะขาวต้องมานิมิตบอกท่านว่า มีคนพวกเดียวเท่านั้นที่จะพาหลวงปู่สุภาไปได้คือ “พวกข่า”

    พวก “ข่า” เป็นพวกพรานป่าที่ชำนาญไพร และชำนาญด้านเส้นทางที่จะไปยังถ้ำจุงจิง หลวงปู่สุภาเดินทางมาจนถึงบ้านหนองไก่โห่ อันเป็นชุมชนของชาวข่าที่น้อยคนนักจะมาถึงได้ พวกข่าพบหลวงปู่สุภาแล้วรู้สึกแปลกใจ ถามว่ารอดชีวิตจากป่าดงดิบ ดงดิบดำได้อย่างไร หลวงปู่สุภาจึงบอกวัตถุประสงค์ที่จะไปถ้ำจุงจิงแก่ชาวข่า เมื่อได้ยินดังนั้น ชาวข่าก็บอกกับท่านว่า

    “ถ้ำแห่งนั้นเป็นถ้ำอาถรรพ์ ไม่มีใครอยู่ได้ แม้แต่เฉียดเข้าไป ก็ถูกอาถรรพ์เล่นงานเอาจนตาย หรือเฉียดตาย แต่หากว่าท่านจะไป ก็จะนำทางให้ จะนำทางเพียงขึ้นไปที่ปากถ้ำเท่านั้น หลัวจากนั้น ให้หลวงปู่ให้ค่าจ้างเขาด้วยหน่อทองคำ”
    หลวงปู่สุภาจึงบอกกับพวกข่า
    “เราเป็นพระธุดงค์ ไม่มีทองคำหรือหน่อไม้ทองแต่ประการใดที่จะให้เป็นค่าแรง บอกทางด้วยปากเปล่าก็ได้ จะเดินไปเอง”
    พวกข่าจึงบอกกับหลวงปู่สุภาว่า
    “สะพานที่ทอดข้ามจากหนองไก่โห่ ไปยังเส้นทางเขาจุงจิง มีต้นไม้สีทองอุไรขึ้นอยู่มากมาย หากมีวิชาอาคมเด็ดยอดให้ขาดลงมา ทันทีที่ขาดใส่มือ ก็จะกลายสภาพเป็นหน่อทองคำทันที ขอหน่อนั้นให้พวกกระผม จะได้รอจนท่านกลับมา”
    หลวงปู่สุภาจึงรับปาก เขาจุงจิงนั้นเป็นเขตแดนติดต่อกันระหว่าพระราชอาณาจักรลาวกับดินแดนของเวียดนาม หลวงปู่สุภาจึงข้ามสะพานไปอีกฟากหนึ่งจึงพบต้นไม้ที่ชาวข่าบอกให้ฟัง ความจริงนั้นหลวงปู่สุภาเล่าว่า
    “ไม่ใช่ต้นไม้ต้นไร่อะไรหรอก เป็นหน่องอกจากดิน สูงคืบหนึ่งบ้าง หนึ่งศอกบ้าง สองศอกบ้าง มีสีเหลืองเหมือนทอง เวลาต้องแสงแดดก็จะเปล่งประกายงดงามจับตายิ่งนัก พวกข่าต้องการมากทีเดียว”
    เมื่อเดินผ่านเข้าไป ท่านได้ระลึกอยู่ ๒ อย่าง คือ
    -ประการแรก ได้รับปากกับชาวข่าไว้แล้วเรื่องให้หน่อไม้ทองเป็นรางวัล
    -ประการที่สอง การจะหักหน่อทองคำเป็นอาบัติ ธุดงควัตรจะขาด และจะเกิดอันตราย จะต้องรักษาสองอย่างนี้ไว้ในเวลาเดียวกัน
    หลวงปู่เล่าว่า
    “เพ่งมองดูด้วยจิตอันเป็นอุเบกขา ไม่มีความโลภอยากได้ เมื่อจิตเป็นเอกคตาแล้ว จึงนึกอธิษฐานจิตอย่างแน่วแน่ว่า ขอเทพยดาอารักษ์ที่รักษาสถานที่นี้อยู่ ด้วยอาตมาเดินทางมาด้วยนิมิตจิต ต้องการเพียงเล่าเรียนศึกษาแสวงหาทางนิพพาน แต่ได้รับปากชาวบ้านว่าจะให้หน่อไม้ทอง หากมิมีของให้พวกเขา ธุดงควัตรของอาตมาก็จะบกพร่องและเกิดอันตราย ขอเทพยดาได้เมตตาให้หน่อทองแก่อาตมาด้วยเถิด”
    ทันใดนั้นก็มีเสียงซู่ซ่า ต้นไม้ทองคำก็สั่นไหวไปมา และหลายต้นโน้มยอดเข้ามาทางที่ท่านเดินไปและหักกระเด็นออกมาเรี่ยรายอยู่กับพื้นเป็นจำนวนมาก โดยที่ท่านไม่ต้องออกแรงเด็ดหรือทำการอย่างใดให้ต้องอาบัติ และเมื่อยอดตกหักถึงพื้น ก็กลายเป็นหน่อทองคำจริง ๆ เหมือนที่พวกข่าเล่าให้ฟัง เมื่อเห็นว่าได้หน่อทองคำพอสมควรแล้ว หลวงปู่สุภาจึงบอกกับชาวข่าว่า บัดนี้เราได้หน่อทองแล้ว ขอให้พากันไปเก็บ แต่ต้องนำท่านไปส่งที่ถ้ำจุงจิงก่อน หาไม่แล้ว อาจไม่ได้ทอง เพราะเป็นจิตอธิษฐานของท่านเอง พวกข่าจึงตามท่านไปเก็บหน่อทอง และจึงช่วยกันนำหลวงปู่สุภาไปส่งยังถ้ำจุงจิง และลากลับไปหมู่บ้านของเขา หลวงปู่สุภาปักกลดอยู่ทางขึ้นถ้ำ ชีปะขาวก็มานิมิตอีก คราวนี้มาบอกชัดเจนเลยว่า
    “บนถ้ำจุงจิง มีพระอรหันต์หลายรูป แต่ละรูปเจริญอิทธิบาท ๔ ประการ ดำรงสังขารมานับเป็นพันปี และจะดำรงต่อไปจนกว่าจะพบพระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสรู้ และเมื่อได้รับฟังพระธรรมจากท่านพระศรีอาริยเมตตรัยแล้วจึงจะละสังขารไป ท่านจะได้พบด้วยตัวของท่านเองนั่นแหละ”


    พบพระอรหันต์ด้วยตัวเอง



    หลวงปู่สุภาได้ขึ้นไปจำวัดอยู่บนถ้ำจุงจิงเป็นคืนแรก การขึ้นสู่ถ้ำจุงจิงนั้นยากลำบาก ต้องป่ายปีนไปตามซอกหิน จนได้ขึ้นไปสู่ปากถ้ำ ซึ่งมีแต่หมอกควันปกคลุมอยู่ แสงสว่างจากภายในไม่มี จากภายนอกก็เข้าไปไม่ได้ ต้องอาศัยเทียนนำทาง เมื่อเข้าไปแล้ว เหมือนตนเองอยู่ในเมืองลับแล คือไม่รู้ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน
    เข้าวันใหม่ หลวงปู่สุภาจึงออกมานอกถ้ำ ที่หน้าถ้ำ หมอกได้สลายไปหมดแล้ว เห็นภูมิทัศน์ได้ถนัดตา มองขึ้นไปด้านบน จะเห็นมียอดเขาและถ้ำอีกมากมาย แต่ไร้เส้นทางขึ้น เป็นหน้าผาล้วน ๆ ไม่มีก้อนหินและทางขึ้นไปได้ จึงได้แต่คิดว่า เราจะได้พบพระอาจารย์หรือพระอรหันต์ได้อย่างไร พอคิดแวบขึ้นมา มองขึ้นไปข้างบนก็เห็นสีเหลืองคล้ายจีวร เลื่อนลงมาจากปากถ้ำด้านบน รวดเร็วมากจนมองแทบไม่ทัน มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อสีเหลือง ๆ นั้น มายืนอยู่ตรงหน้า เป็นพระภิกษุที่มีผิดพรรณวรรณะผิดกับคนธรรมดาทั่วไป ครองผ้าแปลกไปกว่าที่หลวงปู่สุภาครองอยู่ แต่มีลักษณะคล้ายพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ให้สังเกตได้หลายประการ แล้วพระสงฆ์รูปนั้นก็กล่าวขึ้นว่า

    “ไม่ต้องแปลกใจหรอก การลงมาเมื่อกี้นี้เป็นเพียงการอธิษฐานจิตเท่านั้นแหละ เอาเป็นว่า มาได้อย่างไร และทำไมจึงต้องมาที่นี่ บอกมาให้ละเอียด”

    หลวงปู่สุภาเล่าให้ศิษย์ฟังว่า พระอรหันต์จริง ๆ จะไม่กล่าวพาดพิงถึงการสำแดงปาฏิหาริย์หรือปรากฏการณ์มหัศจรรย์ แต่จะพูดเลี่ยงไปมา ด้วยพระอรหันต์นั้น หากแม้แสดงตัวหรืออะไรก็ตามที่ให้บุคคลที่สองรู้ว่าตนเป็นอรหันต์ ต้องปาราชิก ฐานอวดอุตริมนุสธรรม แม้จะมีภูมิธรรมก็ตามที หลวงปู่สุภาจึงได้ตอบไปว่า
    “กระผมมาตามนิมิตที่ได้จากชีปะขาว จึงเดินทางมาจนถึงที่นี่ด้วยต้องการจะเล่าเรียนทางด้านวิปัสสนากรรมฐานที่สูงขึ้นกว่าที่ได้เรียนมา หากท่านมีเมตตาแล้ว ก็ช่วยสอนให้กับกระผมด้วยเถิด”
    พระรูปนั้นจึงกล่าวว่า ไม่ยากหรอก แต่ต้องเริ่มกันที่ การกำจัดสิ่งปฏิกูลออกจากตัวท่านก่อน อย่าลืมว่าท่านฉันภัตตาหารที่มีเนื้อสัตว์ปะปนอยู่ สิ่งเหล่านั้นปะปนอยู่ในตัวท่านมากมาย ต้องนอนลงบนใบตอง ทำจิตให้มั่นคง และต่อไปเราจะสวดเพื่อขัยไล่สิ่งที่เป็นคาวออกจากตัวท่านให้หมด เมื่อน้ำคาวออกหมดแล้วจึงจะสวมจีวรได้อีกครั้ง ระหว่างที่สวด จะต้องสวมแต่สบงเท่านั้น จีวรและอังสะต้องแยกออกไป ชำระล้างตัวแล้วจึงไปเรียนชีปะขาวหรือฤๅษีที่ไปนิมิตบอกท่านนั่นแหละ เรียนกับเขาด้านสมถะและด้านญาณโลกียะ ซึ่งสามารถแสดงฤทธิ์อภิญญา แต่นั่นไม่ใช่ทางหลุดพ้น แต่จะสามารถแสดงฤทธิ์ขึ้นไปข้างบนที่เห็นอยู่ได้ เพื่อพบพวกเรา พวกเราอยู่กันบนนั้น มีอายุวัฒนะด้วยอิทธิบาท ๔ ที่สมเด็จพระบรมศาสดาทางสำแดงว่า จะสามารถดำรงขันธ์อยู่ได้นานตามที่ต้องการ เราจะอยู่จนพระศรีอาริยเมตตรัยลงมาตรัสรู้ และได้ฟังธรรมะจากท่านแล้วจึงจะละสังขารไปสู่นิพพานอันเป็นบรมสุข แต่ เอ๊ะ...
    “คุณยังมีภาระอยู่นี่ ยังทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องกลับไปทำให้สำเร็จก่อนจะมาศึกษาเล่าเรียนได้ มันเป็นห่วงที่คอยขัดขวางการเล่าเรียนของคุณ กลับไปทำให้เรียบร้อยก่อน”
    หลวงปู่สุภาจึงบอกกับพระภิกษุรูปนั้นว่า สะพานผมสร้างสำเร็จแล้ว ศาลาการเปรียญก็สำเร็จแล้ว ผมยังมีอะไรเป็นห่วงอีก พระภิกษุรูปนั้นจึงบอกว่า
    “สำเร็จแล้ว แต่คุณยังค้างชาวบ้านเขา ก็คุณบอกว่า จะทำการฉลองไง แล้วคุณไม่กลับไปฉลอง ก็เท่ากับคุณไม่ทำตามปากพูด เป็นมุสาวาท คุณกลับไปทำให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ก็แล้วกัน”
    พอสิ้นคำพูดนั้น ร่างของภิกษุรูปนั้นก็เลื่อนขึ้นสู่เบื้องบนเหมือนตอนที่ลงมาไม่มีผิด ท่านจึงต้องเดินทางย้อนกลับมาทางเดิม มาทำพิธีฉลองสะพานและสิ่งก่อสร้างในวัดเกาะสีคิ้ว ครั้นเตรียมตัวกลับไปใหม่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะมีพระมหาสมาน อยู่คณะ ๕ วัดหงส์รัตนาราม นิมนต์ให้ไปช่วยเป็นประธานปฏิสังขรณ์หมู่กุฏิและเสนาสนะในคณะ ๕ กว่าจะเสร็จกินเวลานาน และชีปะขาวก็มิได้มานิมิตอีกเลย เป็นอันว่าท่านไม่ได้กลับไปถ้ำจุงจิงอีกเลย ท่านเล่ามาถึงตอนนี้ก็บอกกับศิษย์ว่า
    จำไว้เลยว่า ทุกอย่างจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จอยู่ที่วาสนาบารมีแต่ละคน สำหรับท่าน ไม่มีวาสนาบารมีจะได้เล่าเรียนกับพระอาจารย์ที่ถ้ำจุงจิงเป็นแน่ จึงได้กลับไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012
  13. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=qu4S736SHos&feature=related"]บทสวดโพชฌังคปริตรVDO - YouTube[/ame]

    บทสวดสำหรับรักษาอาการป่วย อนุโมทนาบุญให้กับท่านเจ้าของภาพและบทเพลง ทุกท่านขอให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
    แบบล้านนา..

    Pranapong Sadsee

    หลวงปู่ยังอยู่แข็งแรงลูกศิษย์ไ<WBR>ปเกือบหมดแล้ว

    <FORM class="commentable_item collapsed_comments autoexpand_mode" id=u7z4mx_34 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/16px 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(51,51,51); TEXT-INDENT: 0px; PADDING-TOP: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); TEXT-ALIGN: left; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; orphans: 2; widows: 2" onsubmit="return Event.__inlineSubmit(this,event)" action=http://www.facebook.com/ajax/ufi/modify.php method=post rel="async"><BUTTON class="like_link stat_elem as_link" title=ถูกใจสิ่งนี้ style="BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: medium none; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 13px; BACKGROUND-IMAGE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; OVERFLOW: visible; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: auto; CURSOR: pointer; COLOR: rgb(109,132,180); PADDING-TOP: 0px; BORDER-BOTTOM: medium none; FONT-FAMILY: 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; TEXT-ALIGN: left" onclick="fc_click(this, false); return true;" name=like type=submit data-ft='{"tn":">","type":22}'>ถูกใจ</BUTTON> · <LABEL class="uiLinkButton comment_link" title=แสดงความคิดเห็น style="FONT-WEIGHT: normal; VERTICAL-ALIGN: baseline; CURSOR: pointer; COLOR: rgb(107,132,180)"><INPUT style="BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: medium none; PADDING-LEFT: 0px; FONT-WEIGHT: normal; FONT-SIZE: 13px; BACKGROUND-IMAGE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; VERTICAL-ALIGN: baseline; BORDER-LEFT: medium none; CURSOR: pointer; COLOR: rgb(107,132,180); PADDING-TOP: 0px; BORDER-BOTTOM: medium none; FONT-FAMILY: 'Lucida Grande', Tahoma, Verdana, Arial, sans-serif" onclick="return fc_click(this);" type=button value=แสดงความคิดเห็น data-ft='{"type":24,"tn":"S"}'></LABEL> · <A style="CURSOR: pointer; COLOR: rgb(153,153,153); TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=421580854552494&id=243107165733198"><ABBR title="26 มิถุนายน 2012 เวลา 21:58 น." style="BORDER-BOTTOM-STYLE: none" data-utime="1340722708">วัน วันอังคาร เวลา 21:58 น.</ABBR></FORM>

    นาคา เรือนธรรมเวียงนาคา โลกอุดร อมรรัตน ได้แชร์ [ame="http://www.youtube.com/watch?v=oXFHn8sNWWk"]ลิงก์[/ame]

    <A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=432257353462061&id=100002350012485"><ABBR class=timestamp title="27 มิถุนายน 2012 เวลา 19:12 น." style="MARGIN-TOP: 2px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none" data-utime="1340799172">14 ชั่วโมงที่แล้ว</ABBR>

    โพชฌงค์ปริตร

    โพชฌังโค สติสังขาโต ธัมมานังวิจโย ตถา วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะตถาปเร สมาธุ เปกขโพชฌังคา สัตเตเต สัพพทัสสินา มุนินา สัมมทักขาตา ภาวิตา พหุลีกตา สังวัตตันติ อภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา เอเตน สัจจวัชเชน โสตถิ เต โหตุ สัพพทา
    เอกัสมึ สมเย นาโถ โมคคัลลานัญจะกัสสปังคิลาเน ทุกขิเตทิสวา โพชฌังเค สัตตะเทสยิเต จะ ตัง อภินันทิตวา โรคา มุจจึสุ ตังขเณ เอเตนะสัจจวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพทา
    เอกทา ธัมมราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต จุนทัตเถเรนะตัญเญวะ ภณาเปตวาน สาทรัง สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฎฐาสิ ฐานโส เอเตนะสัจจวัชเชนะโสถติ เต โหตุ สัพพทา
    ปหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มเหสินัง มัคคาหตกิเลสา วะ ปัตตานุป ปัตติธัมมตังเอเตนะ สัจจวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพทา

    คำแปล
    " โพชฌงค์เจ็ดประการคือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยสัมโพฌงค์วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์เหล่านี้ อันพระมุนีเจ้าผู้เห็นธรรมทั้งสิ้น ตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลมาเจริญ ทำให้มาก ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อนิพพานและเพื่อความตรัสรู้ ด้วยความสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
    ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้าทอดพระเนตร พระโมคคัลานะและพระกัสสปะ เป็นไข้ถึงทุกขเวทนาแล้ว ทรงแสดงโพชฌงค์เจ็ดประการ ท่านทั้งสองก็เพลิดเพลินนั้น หายโรคในขณะนั้น ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
    ครั้งหนึ่ง แม้พระธรรมราชาอันความประชวรเบียดเบียนแล้ว รับสั่งให้พระจุนทเถระแสดงโพชฌงค์นั้นโ่ดยยินดี ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายประชวรไปโ่ดยฐานะ ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
    ก็อาพาธทั้งหลายนั้น อันพระมหาฤาษีทั้งสามองค์ละได้แล้ว ถึงความไม่บังเกิดเป็นธรรมดา ดุจกิเลสอันมรรคกำจัดแล้ว ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ"

    เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงประชวร ได้รับสั่งให้พระจุนทเถระเจริญพระพุทธมนต์ "โพชฌงค์ปริตร" ถวาย จนพระอาการดีขึ้นจวบเป็นปกติ ทำให้พระพุทธมนต์บทนี้เป็นบทสวดเพื่อระงับอาการอาพาธ ขจัดปัดเป่า โรคาภัยและทุกขเวทนาทั้งปวง
    เมื่อพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่อาพาธ หรือเจ้านายพระราชวงศ์ประชวร มักนิมนต์พระสงค์ไปเจริญพระพุทธมนต์บทนี้ ควบคู่กับพระพุทธมนต์ "อนัตตลักขณสูตร" เพื่อให้หายจากอาการเหล่านั้น
    ----------------

    โพชฌงค์ 7 ประการ

    1.สติสัมโพชฌงค์(ความระลึกได้ สำนึกพร้อมอยู่ ใจอยู่กับกิจ จิตอยู่กับเรื่อง)
    2.ธัมมวิจยะสัมโพชฌงค์( ความเฟ้นธรรม,ความสอดส่องค้นหาธรรม )
    3.วิริยะสัมโพชฌงค์(ความเพียร)
    4.ปีติสัมโพชฌงค์(ความอิ่มใจ
    5.ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์(ความสงบกายสงบใจ)
    6.สมาธิสัมโพชฌงค์(ความมีใจตั้งมั่น,จิตแน่วในอารมณ์)
    7.อุเบกขาสัมโพชฌงค์(ความมีใจเป็นกลางเพราะเห็นตามเป็นจริง)
    --------------------------
    บทสวดโพชฌงค์ ๗ ประการ
    โพชฌังโคปริตร


    โพชฌังโค สะติสังขาโต โพชฌงค์ ๗ ประการคือ สติสัมโพชฌงค์
    ธัมมานัง วิจะโย ตะถา ธรรมะวิจะยะสัมโพชฌงค์
    วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ ปีติสัมโพขฌงค์
    โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
    สะมาธุเปกขะโพชฌังคา สมาธิ อุเบกขาสัมโพชฌงค์
    สัตเตเต สัพพะทัสสินา เหล่านี้ อันพระมุนีเจ้า
    มุนินา สัมมะทักขาตา ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง ตรัสไว้ชอบแล้ว
    ภาวิตา พะหุลีกะตา อันบุคคลเจริญและทำให้มากแล้ว
    สังสวัตตันติ อะภิญญายะ ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
    นิพพานายะ จะ โพธิยา เพื่อความตรัสรู้และเพื่อพระนิพพาน
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัจนี้
    โสตถิ เต โหนตุ สัพพะทา ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ​

    เอกัสมิง สะมะเย นาโถ ในสมัยหนึ่งพระโลกนาถเจ้า
    โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง ทอดพระเนตร พระโมคคัลลนะและพระกัสสะปะ
    คิลาเน ทุกขิตา ทิสวา เป็นไข้ได้รับความลำบากถึงทุกขเวทนาแล้ว
    โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ ทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ ประการให้ท่านทั้งสองฟัง
    เต จะ ตัง อะภินันทิตวา ท่านทั้งสองก็เพลิดเพลินพระธรรมเทศนานั้น
    โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ หายโรคในบัดดล
    เอ เต นะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัจนี้
    โสตถิ เต โหนตุ สัพพะทา ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ​

    เอกะทา ธัมะราชาปิ ครั้งหนึ่งแม้พระธรรมราชาเอง
    เคลัญเญนาภิปีฬิโต ทรงประชวรเป็นไข้
    จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ รับสั่งให้พระจุนทเถระ
    ภะณาเปตวานะ สาทะรัง แสดงโพขฌงค์นั้นถวายโดยความเคารพ
    สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย
    ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส หายจากพระประชวรนั้นโดยพลัน
    เอ เต นะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัจนี้
    โสตถิ เต โหนตุ สัพพะทา ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
    ปะ***นา เต จะ อาพาธา ก็อาพาททั้งหลายนั้น
    ติณณันนัมปิ มะเหสินัง อันพระมหาฤาษีทั้งสามองค์หายแล้วไม่กลับเป็นอีก
    มัตคาหะตะกิเลสาวะ ดุจดังกิเลสอันมรรคกำจัดแล้ว
    ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง ถึงซึ่งความไม่เกิดอีก เป็นธรรมดาฉะนั้น
    เอ เต นะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัจนี้
    -------------------------​

    บทขับโพชฌังคปริต ล้านนาบารมี คุณโมเย /คุณนิรุตน์ แก้วหล้า<A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=432257353462061&id=100002350012485">



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2144902/[/MUSIC]

    --------------------
    ถาม : เพียงแค่ให้สวดโพชฌงค์ แล้วหายจากอาการป่วยได้หรือครับ ?

    ตอบ : เนื้อหาของโพชฌงค์ท่านบอกให้เราวางกำลังใจอยู่กับหลักธรรม ในเมื่อเอาใจอยู่กับธรรมะไม่ได้อยู่กับร่างกาย อาการป่วยหนักก็กลายเป็นเบา อาการป่วยเบาก็กลายเป็นหาย เพราะสภาพจิตทรงตัวขึ้นมา

    ถาม : ฟังแล้วเกิดความสบายใจ ?

    ตอบ : ฟังแล้วเหมือนกับอาศัยเสียงสวดมนต์โยงใจให้เป็นสมาธิ สวดไว้ได้ทุกวันแหละดี เพราะเป็นอานิสงส์แก่ตัวเอง อย่างน้อยที่เราทำเป็นการเคารพพระรัตนตรัย ใจเราเกาะพระอยู่แล้ว


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕


    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕ - หน้า 3 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน<A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=432257353462061&id=100002350012485">

    http://palungjit.org/threads/สวดโพชฌงค์-แล้วหายจากอาการป่วยได้หรือ.342881/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2012
  14. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทักษิณถิ่นแดนธรรม

    หลวงปู่สุภาหันมาธุดงค์ทางใต้ หลังจากปลดภาระจากบ้านเกิดแล้ว และสถานที่ที่หลวงปู่สุภาไปก็คือภาคใต้ เลยเข้าไปมาเลเซีย สิงคโปร์ และแถบหมู่บ้านในแหลมมลายู ท่านนิยาชมชอบสถานที่ใน จ.ภูเก็ต ก็เมื่อท่านมาปักกลดอยู่ที่เขารัง และเมื่อมีญาติโยมมาอุปัฏฐากท่าน ท่านก็ได้เกริ่นที่จะสร้างวัดที่เขารัง ญาติโยมก็มีจิตศรัทธา จึงได้ติดต่อเจ้าของที่เพื่อจะขอซื้อ แต่เจ้าของที่ดินปฏิเสธ หลวงปู่สุภาจึงตกลงใจถอนกลดธุดงค์เพื่อเดินทางต่อไป ในราตรีก่อนที่จะถอนกลดนั้น หลวงปู่สุภาก็ได้นิมิตประหลาด มีพระภิกษุชราภาพมากรูปหนึ่งมาปรากฏร่างที่ข้างกลดธุดงค์ของท่าน เมื่อท่านออกมาพบ พระภิกษุชรารูปนั้นก็ได้บอกหลวงปู่สุภาว่า
    “อย่าได้เสียใจเลย ยังมีสถานที่ที่เขาต้องการให้ท่านไปสร้างวัด ชาวบ้านเขารอกันเป็นเวลานาน แต่ไม่มีใครไปสร้างให้ จงข้ามทะเลไปยังเกาะสิเหร่ ที่นั่นคือที่ที่ท่านจะสมปรารถนา”
    จากภูเก็ต หลวงปู่สุภาลงเรือที่ทางญาติโยมจัดให้ เพื่อเดินทางไปเกาะสิเหร่ แล้วหลวงปู่สุภาก็ปักกลด แสวงหาวิเวกบนเกาะสิเหร่ และมาพบที่ดินที่ถูกใจแปลงหนึ่ง จึงสอบถามหาเจ้าของที่ ปรากฏว่าเจ้าของที่คือแป๊ะหลี มีความเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของหลวงปู่สุภา จึงปวารณาตัวอุทิศที่ให้สร้างเป็นวัดขึ้นเป็นวัดแรกของเกาะ เรียกว่า “วัดเกาะสิเหร่”
    เนื่องจากภาระในการสร้างวัดเกาะสิเหร่ เป็นภาระที่หนักมาก และต้องหาทุนทรัพย์จากภายนอกมาเกื้อหนุน หลวงปู่สุภาจึงต้องเดินทางไปมาระหว่าง กทม. กับเกาะสิเหร่ บ่อยมาก และได้พบกับฆราวาส จอมอาคม จากสำนักเขาอ้อ คืออาจารย์ชุม ไชยคีรี และอาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ เพื่อร่วมกันสร้างวัตถุมงคลครั้งแรกเรียกว่า “พระเสด็จกลับ”
    หลังจากที่สร้างวัดเกาะสิเหร่แล้ว หลวงปู่สุภาได้นิมิตถึงพระพุทธไสยาสน์ จึงนำมาสร้างเป็นพระพุทธไสยาสน์ประจำวัดเกาะสิเหร่ รวมเวลาการสร้างวัดเกาะสิเหร่และพระพุทธไสยาสน์ เป็นเวลา ๖ ปี เต็ม โดยถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งการนี้ได้โปรดเกล้าพระราชทานแววพระเนตรมาประดิษฐานไว้ที่พระเนตรของพระพุทธไสยาสน์
    พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ ได้ก่ออภินิหารมากมาย และที่เล่าลือในหมู่ชาวเกาะสิเหร่ก็คือ เรื่องราวของการที่ขโมยได้ลอบเข้ามาจะสกัดเอาแววพระเนตรของพระพุทธไสยาสน์ในตอนกลางคืน ได้ของมาแล้วก็จะนำออกไปจากวัด ปรากฏว่า เดินวนอยู่ในวัด หาทางออกไม่ถูก จนชาวบ้านมาพบและพระเห็นเข้า จึงเรียกตำรวจมาจับพร้อมของกลาง โดยรับสารภาพทำไปเพื่อจะนำแววพระเนตรไปขาย แต่ก็หาทางออกไม่ได้ เดินวนไปมาจนถูกจับ

    เมื่อหลวงปู่สุภาตั้งใจสร้างวัดบนเกาะสิเหร่นั้น ชาวบ้านก็วิตกกังวลว่า ท่านจะหาทุนมาจากไหน เพราะการคมนาคมไม่สะดวก ทำให้การขนส่งวัสดุก่อสร้างนั้นเสียเวลานาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายก็สูงอีกด้วย แต่ก็ปรากฏว่าหลวงปู่สุภาได้แรงศรัทธาจากทั้งคนบนเกาะสิเหร่และคนที่ภูเก็ต ตลอดจนญาติโยมจากนครปฐม และทุกแห่งที่ท่านเคยไปสร้างความเจริญมาร่วมช่วยกันอย่างเต็มที่และเต็มแรงกายแรงใจ หลวงปู่สุภาลำดับวัดที่เคยไปสร้างความเจริญไว้ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า ๓๓ วัด แต่ละวัดล้วนมีความเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน

    เมื่อวัดได้ทำการสร้างสำเร็จแล้ว หลวงปู่สุภาก็แบกกลดขึ้นไปทางเหนืออีกครั้ง เพื่อแสวงหาความวิเวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ค่ายทหารที่เขาค้อ อันเป็นค่ายที่ต้องประจันหน้ากับพวก ผกค. ที่มียุทธวิธีการรบแบบกองโจร ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมากกับกำลังทหาร หลวงปู่สุภาได้เข้าไปพักในค่ายทหาร คอยเป็นขวัญกำลังใจ ตลอดจนสร้างพระเครื่อง - เครื่องรางของขลังแจกทหารในค่ายที่ออกไปลาดตระเวน ทำลายที่ตั้งของค่ายพักฝ่าย ผกค. ปรากกว่าทหารที่มีเครื่องรางของท่านล้วนแคล้วคลาดทุกคน
    ออกจากเขาค้อ ท่านกลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้ง คราวนี้อาพาธหนักด้วยไข้ป่า เพราะท่านไปอยู่บนเขาค้อ จนได้รับเชื้อมาลาเรียอย่างรุนแรง แต่ด้วยอำนาจแห่งศีล สมาธิ ปัญญา และบารมีธรรม ทำให้หลวงปู่สุภาเพียงอาพาธหนัก ต้องรักษาอยู่นาน ซึ่งลูกหลานต่างก็ยินดีที่หลวงปู่มาพักอยู่ด้วยอย่างเนิ่นนาน
    หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ จนลืมไปว่าท่านเคยมาพักอยู่ที่ภูเก็ต เมื่อ

    ท่านระลึกได้จึงเดินทางกลับมาที่เขารังที่ท่านเคยปักกลดและขอซื้อที่ดินทำวัด แต่เจ้าของปฏิเสธ มาคราวนี้กาลเวลาเปลี่ยนไป หลวงปู่สุภาในวัย ๘๔ ปี รู้สึกว่าเขารังที่เคยเป็นดินแดนสงบ ถูกความเจริญรุกไล่จนกลายเป็นสวนสาธารณะแล้ว ทางเหนือได้กลายเป็นโรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลประจำเกาะภูเก็ต ด้านหลังของโรงพยาบาล ที่ติดกับเขารังทางด้านเหนือได้ทำเป็นสถานที่เก็บศพ เล่าลือว่าผีดุ หลวงปู่สุภาจึงไปปักกลดที่นั่น มีศิษย์ที่เคยรู้จักท่านพบเข้าจึงเล่าลือกันปากต่อปาก มีศรัทธาสาธุชนเพิ่มมากขึ้น และทุกคนเห็นพ้องว่าท่านอายุ ๘๔ แล้ว สังขารมีแต่ชราและอาพาธบ่อย ๆ เกรงว่าหากแบกกลดธุดงค์ ตะลอนไปเรื่อย ๆ ก็คงมรณภาพกลางทางเข้าสักวัน จึงนิมนต์ให้หลวงปู่อยู่กับที่ โดยได้ขอซื้อที่ดินจากเจ้าของที่จะขายให้ ๑ ไร่เศษ นอกจากนั้น เจ้าของไม่ยินดีให้ความร่วมมือ จึงทำการสร้างวัดไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ. การปกครองคณะสงฆ์ระบุไว้ชัดว่า จะสร้างวัดต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖ ไร่ จึงต้องสร้างสำนักสงฆ์ขึ้น และตั้งชื่อตามนามของท่านเจ้าของที่ดินดั้งเดิม คือ “สำนักสงฆ์เทพขจรจิตร” โดยได้มาจากส่วนหนึ่งของบรรดาศักดิ์ท่านเจ้าของคือ “หมื่นขจรจิตรพงษ์ประดิษฐ์” และหลวงปู่สุภาเล็งเห็นว่า หากต้องการสร้างความสงบให้แก่เขารังและแก่จังหวัดภูเก็ต ต้องสร้างพระพุทธรูปปางประทานพรไว้บนยอดเขารัง โดยออกแบบให้มีส่วนฐานขององค์พระขึ้นไปจากหลังคาสำนักสงฆ์ โดยช่างรับเหมาระบุราคาไว้ ๒๐ ล้านบาท แต่ด้วยท่านอาศัยบารมีธรรมและการสงเคราะห์จากลูกศิษย์ จนในที่สุด จึงสร้างพระพุทธรูปนั่งที่ใหญ่ที่สุดในเกาะภูเก็ต มองเห็นได้แต่ไกลได้สำเร็จ
    เนื่องจากท่านได้อาพาธจนเข้าโรงพยาบาลวชิระอยู่บ่อยครั้ง และท่านเห็นว่า ไม่มีตึกสงฆ์ ทำให้พระต้องไปอยู่รวมกับคนป่วยอื่น จึงดำริที่จะสร้างตึกสงฆ์ จึงเข้าพบ ผอ. โรงพยาบาลวชิระ ออกปากขอที่ดินพร้อมทั้งแบบก่อสร้างเพื่อเป็นแนวทางในการหาทุนมาสร้าง นับเป็นผลงานในขณะที่ท่านอายุเข้าถึง หนึ่งศตวรรษ หรือ ๑๐๐ ปีของท่าน แต่ท่านไม่เคยย่อท้อในชีวิตของท่าน มีแต่คำว่า ให้ และ สร้างทุกอย่าง สำเร็จด้วยเมตตาบารมีธรรมของท่าน
    ถึงแม้ปัจจุบันท่านจะไม่ได้แบกกลดออกท่องธุดงค์ เพื่อแสวงหาความวิเวกตามเขาลำเนาไพรอีกแล้ว ด้วยความจำกัดแห่งสังขาร แต่ท่านก็ทำหน้าที่สงเคราะห์ญาติโยมที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ว่าจะทางจิตใจ หรือแม้แต่ผู้ถูกคุณไสย ทั้งยังทำหน้าที่เป็นวิปัสสนาจารย์ ท่านจะคอยแนะนำข้อปฏิบัติ และให้โอวาททุกวันหลังจากพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาไหว้พระสวดมนต์เย็นเสร็จแล้ว เท่าที่ได้สัมผัสมา หลวงปู่สุภามีศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปมาหาสู่ท่านมิได้ขาด โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ด้วยแล้ว มากันเป็นคันรถ เพราะท่านเคยไปธุดงค์ช่วยเขาในอดีต ส่วนทั้งศิษย์เก่าและใหม่ ต่างพากันไปนมัสการท่าน ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า
    “ได้รับเมตตา ได้เห็นรอยยิ้มท่าน ได้รับพร และได้รับวัตถุมงคล ทำให้มีขวัญและกำลังใจเพิ่มพูนขึ้น และทำมาค้าขายคล่อง มีรายได้เพิ่มเป็นกอบเป็นกำ พ้นจากทุกข์ได้ก็ด้วยบารมีของหลวงปู่สุภาเป็นที่พึ่ง”<!-- google_ad_section_end -->
    QUOTE=นาคา;5205573]
    สมเด็จ หลวงปู่อุปคุต ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ .... หน้าหาดเกาะสิเหร่

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]
    แววพระเนตรพระพุทธไสยาสน์ วัดเกาะสิเหร่
    [​IMG]

    เมื่อวานนี้ 29 กันยา แวะกราบ พระพุทธไสยาสน์ ที่หลวงปู่สุภา สร้าง และขอพระราชทาน แวว พระเนตร สมัยปี 2506 วัดแรก ในภูเก็ต
    ------------------------
    และเป็น ข่าว ดังมากพอสมควร ในวาระ ประมาณ ปีที่ศิริวัฒนะ ๑๐๐ ปี เมื่อ หลวงปู่สุภา ท่านพัก ที่วัดเขารัง..
    มีพระสงฆ์ อริยะ อายุ กว่า ๒๐๐ ปี มา นั่งในฐานใต้พระพุทธองค์ใหญ่ ประทานพร ..
    จากคำกล่าว จากปากหลายท่าน...( เพื่อนที่ทำงาน ,ผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ ภูเก็ต ,... )

    หลวงปู่สุภา กล่าวว่า..
    เรา ไปดู พระอายุ ๒๐๐ ปี ท่านมา ชื่นชม...
    -------------------------------------
    ซึง ผม นาคา ใด้ปักกลด ตามคำสั่ง ของ หลวงปู่สุภา ที่ ดินแดนภูควาย แล้ว จะด้วยเหตุการณ์ใดใด แล้ว แต่สภาพสภาวะ ..ฯฯฯ..

    คงใด้มีโอกาส เดินทาง ปลีกวิเวกอีก ๑ - ๒ วาระ ในโอกาส ข้างหน้า..เพื่อ ปฏิบัติ กิจ ให้ ลุล่วงตาม คำสั่ง ของหลวงปู่สุภา...

    ถ้ามี วาระ ก้าวล่วงด้วย คณะกลุ่ม หลวงพ่อปานขาว (พระ วัดป่านานาชาติ ฝรั่งเศล ตามปฏิปทาหลวงปู่ชา ,คณะกลุ่มท่านย่ามุก, คุณเกาะแก้ว ...)

    http://palungjit.org/threads/มหานาค...ทีพระพุทธบาท-up-น-15-ว-สื่อสาร.124284/page-26
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012
  15. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ขออนุญาต น้อมนำ ธรรมะ จากพระอาจารย์เล็ก ..เพื่อน้อมนำ ในวาระต่อไป, สะดวกในการ อ่าน,,..ครับ..

    ๙๙๙...ทำไมเกิดอาการขนลุกอยู่ตลอดเวลา ?

    ถาม : ไม่ทราบว่า ทำไมเกิดอาการขนลุกอยู่ตลอดเวลา ?

    ตอบ: ผีหลอก (หัวเราะ) บางทีเรารับสัมผัสอะไรได้ หรือว่ามีบางสิ่งบางอย่างต้องการจะติดต่อเรา มันจะมี...การจะติดต่อเรา มันจะเกิดอาการขนลุกเป็นจังหวะๆ อยู่ถ้าเกิดอาการอย่างนั้น ให้กำหนดด้วยทิพจักขุญาน ดูว่ามีใครต้องการจะติดต่อมั้ย ? บางรายเขามีธุระด่วนจริงๆ เขากดเราร่วงไปเลยนะ มันจะรู้สึกเหมือนง่วง จนลืมตาไม่ขึ้น ประเภทหัวไถพื้น นอนลงไปเลย แล้วเขาก็จะจัดการบอกเราเองว่าเขาต้องการอะไร ? ไม่งั้นติดต่อเท่าไหร่ ไม่สนใจ ต้องใช้วิธีกดคอบังคับกัน เคยโดนหลายทีเหมือนกัน เราเองก็มัวแต่เพลินกับงานอยู่ ไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก เขากดร่วงไปเลย บอกเสร็จเรียบร้อย เขาถึงจะปล่อย เราก็เออ... ตื่นขึ้นมา ความจริงมันไม่ใช่หลับเพราะง่วง มันเป็นเพราะเขาต้องการกดเราให้อยู่ในอารมณ์ตรงจุดที่รับติดต่อกับเขาได้พอดี อาการเหมือนกับเคลิ้มจะหลับซะให้ได้ โดนไปกี่ครั้งแล้ว ?

    ถาม : บ่อยเจ้าค่ะ ?

    ตอบ: ระวังไว้ พอเกิดอาการให้รีบใช้ทิพจักขุญานดู อันนั้นมันเป็นสัญญานเตือนแล้วว่ามีใครต้องการติดต่อ ถ้าหากว่าไม่งั้นก็จะบ่อยอีกแหละ อยู่ๆ ก็หลับเฉยๆ ยืนอยู่บนรถเมล์ก็หลับ เดี๋ยวจะยุ่งกันไปใหญ่

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    -------------------------------------

    ๙๙๙...อาการของฌาน ๔
    ถาม : พอนั่งสมาธิภาวนาไปเรื่อย ๆ เราจะรู้ไหมครับว่าเราเข้าฌาน ?

    ตอบ : ถ้ามั่นใจในขั้นตอนจะรู้ทันที

    ถาม : ถ้ารู้สึกตัวเหมือนกับว่าหลับละครับ ?

    ตอบ : อย่างนั้นดีที่สุดก็แค่
    ปฐมฌานหยาบ ถ้าหากว่ามากกว่านั้นสภาพจิตจะละเอียด จะไม่รับรู้อาการภายนอก แต่ทุกขั้นตอนที่ผ่านระดับของสมาธิจะรู้

    ถาม : ถ้าถึงฌาน ๔ ล่ะครับ ลืมตาขึ้นมา..?

    ตอบ : ถ้าหากว่าถึง
    ฌาน ๔ แล้วจะนิ่งอยู่ข้างใน หากไม่ใช่บุคคลที่ฝึกหัดเรื่อง ฌานใช้งาน มาจริงๆ เวลาสมาธิไม่ถอยแล้วจะลืมตาไม่ขึ้น เพราะจิตกับประสาทแยกกันหมดแล้ว รวมถึงขยับปากไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ อย่างกับตอไม้อย่างนั้นแหละ แต่ข้างในสว่างโพลง เยือกเย็นมาก มีความสุขมาก

    ถาม : ไม่ได้ยินเสียงภายนอก ?

    ตอบ : ไม่รับรู้อาการภายนอกเลย แต่ว่าภายในรู้ตลอด

    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔

    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=2894

    ------------------------------

    ๙๙๙...ทำพรหมวิหารสี่ให้เป็นฌาน<!-- google_ad_section_end -->

    ถาม : ทำพรหมวิหารสี่ให้เป็นฌานได้อย่างไรคะ ?

    ตอบ :
    แผ่เมตตาจนกระทั่งเต็มที่แล้วก็ให้ภาวนาต่อจ้ะ แค่นั้นเอง อย่างเราแผ่ส่วนแผ่ ภาวนาส่วนภาวนา ไปแยกกัน

    ให้แผ่เมตตาตามแบบที่เคยสอนไป จนกระทั่งอารมณ์ใจเต็มที่แล้ว เราก็จับลมหายใจภาวนาต่อ

    ถาม : เราเอาเมตตามาใส่ จะได้หรือคะ ?

    ตอบ : ถ้าเต็มที่อยู่แล้ว ถึงเวลาเราแค่ภาวนาต่อท้ายเท่านั้นเอง เท่ากับเป็นตัวสมาธิในเมตตา

    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔

    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2833&page=6

    <!-- google_ad_section_end -->------------------------------------

    ๙๙๙...คำแนะนำในการปฏิบัติเพื่อละสังโยชน์เบื้องต้น
    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : สรุปลงตรงที่ว่า สักกายทิฐิยังตัดไม่ได้ ก็เลยยังยึดเหนี่ยวอยู่ ทั้งๆ ที่คุณอยากจะละนั่นแหละ
    เกิดจากปัญญาไม่พอ ในเมื่อปัญญาไม่พอ เราจะไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ เมื่อไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ก็ไม่เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด ไม่คิดจะดิ้นรนหนี แถมบางคนปัญญาน้อยก็คิดว่าดีเสียอีก ก็เลยไปยึดมั่นหนักเข้าไปใหญ่เราเริ่มต้นด้วยการตั้งใจละสักกายทิฐิ แต่ทำไปๆ กลายเป็นยึดมั่นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในส่วนของรูปภพ อรูปภพ เพราะมีแต่ความสุขโดยส่วนเดียว ก่อนที่จะพ้นจากเขตนั้นมาจะไม่เจอกับความทุกข์ ยกเว้นว่าบุคคลที่ตั้งใจดิ้นรนเพื่อจะให้พ้นทุกข์ เห็นว่าการดำรงอยู่แม้ในสภาพของขันธ์ทิพย์ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ เพราะต้องขวนขวายเพื่อความหลุดพ้น ถ้าปัญญาระดับนั้นจึงจะเห็นได้

    ดังนั้น..ยิ่งเป็นภพที่ละเอียด ก็ยิ่งละได้ยากขึ้น สรุปง่ายๆ ว่าเกิดจากปัญญาไม่เพียงพอ ก็เลยไม่เห็นโทษ ไม่เบื่อหน่าย

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : จริงๆ ในเรื่อง
    สักกายทิฐิ ก็คือ การยึดมั่นว่าตัวเราเป็นของเรา ถ้าสามารถ พิจารณาให้เห็นชัดว่าสักแต่เป็นรูปนาม สักแต่เป็นธาตุ ประชุมรวมขึ้นมาให้อาศัยเป็นร่างกายชั่วคราว ถ้ารู้เห็นจริงจัง สภาพจิตยอมรับ ก็จะคลายความยึดมั่นนั้นออก

    วิจิกิจฉา ตัวลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ถ้าหากว่าเราเข้ามาปฏิบัติ ตัวนี้ถือว่าได้กำไร เพราะว่าต้องสงสัยน้อยแล้วจึงยอมปฏิบัติ เราก็แค่ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริงๆ เท่านั้น

    ก็ไปสำคัญตรง
    สีลัพพตปรามาส การรักษาศีลไม่จริงจัง สักแต่ว่าลูบๆ คลำๆ ก็เอาให้จริงจัง ไม่ล่วงศีลด้วยตัวเอง ไม่ยุให้คนอื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำ สามารถทำไปพร้อมกับสมาธิ ควบไปจนสติตั้งมั่นถึงขนาดที่ขยับตัวเมื่อไรก็รู้ว่าศีลจะขาด ถ้าทำได้ระดับนั้นเมื่อไร ก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวข้ามสังโยชน์สามข้อแรกได้

    แต่ทั้งสามข้อที่ว่ามานี้ ตัวสักกายทิฐิไม่ได้ขาดเสียทีเดียว เพียงแต่เบาบางลง ยกเว้นเราจะตัดสังโยชน์ระดับสูงขึ้นไป ก็จะค่อยละสักกายทิฐิเบาบางตามลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงข้อสุดท้าย จึงจะละได้อย่างแท้จริง

    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔

    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2727&page=8

    ------------------------------------------------------

    <!-- google_ad_section_end -->
    ๙๙๙...พระโสดาบันจะไม่ล่วงเกินพระรัตนตรัยอย่างเด็ดขาด

    ถาม : พระโสดาบันต้องมีปฐมฌานเป็นปกติเลยหรือครับ ?

    ตอบ : ต้องได้เป็นปกติเลย ถ้าไม่ได้กำลังก็จะไม่พอตัดกิเลส ตอนอาตมาฝึกกรรมฐานใหม่ๆ เฉพาะปฐมฌานฝึกอยู่ ๓ ปี เพราะเป้าหมายอยู่ที่พระโสดาบัน

    ถาม : ถ้าเป็นพระโสดาบันแล้ว คำว่าคิดไม่ดีต่อพระรัตนตรัยจะไม่มีเลยใช่ไหมครับ ?

    ตอบ :
    อะไรก็ตามที่จะล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยจะด้วยกาย วาจา ใจ จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

    ถาม : นิดเดียวก็ไม่มีเลยใช่ไหมครับ ?

    ตอบ : ถ้านิดเดียวยังมีก็แสดงว่ายังไม่บริสุทธิ์จริงสิวะ..! มีเป้าหมายก็ตะเกียกตะกายไปให้ถึง ไม่ใช่มาเสียเวลานั่งถาม..!

    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๔

    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2938&page=5
    ---------------------
    <!-- google_ad_section_end -->
    ๙๙๙..พระโสดาบันจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองบรรลุเป็นพระอริยเจ้าแล้ว ?

    ถาม : ท่านที่เป็นพระโสดาบันขึ้นไป ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองบรรลุเป็นพระอริยเจ้าแล้ว ?

    ตอบ : ต่อให้มีคำพยากรณ์จาก พระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่หลงตัวเองว่าได้ กติกาเดิมเคยทำอย่างไรท่านก็ยังทำอยู่อย่างนั้น จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อ ๑. ได้รับพุทธพยากรณ์ ๒. ญาณเป็นเครื่องรู้เกิดขึ้น มั่นใจว่าตัวเองจบกิจในส่วนนั้นแล้ว เท่าที่เจอมาก็คือ มีมากต่อมากด้วยกันที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็น

    สมมติว่าได้หนังสือของ หลวงพ่อวัดท่าซุง มา อ่านเจอว่าพระโสดาบันมีกติกาอย่างนี้ อ้าว...เราทำได้หมดแล้วนี่ แต่ท่านก็ไม่ได้ประมาท ท่านก็ทำต่อไป

    ไม่ใช่ท่านโง่นะ เพียงแต่ท่านไม่ได้สนใจว่านั่นคืออะไร รู้แต่ว่าท่านต้องการทำอย่างนี้ ชอบทำอย่างนี้ ถ้าหากว่าไปนอกทุ่งนอกท่า ผิดศีลผิดธรรมท่านไม่เอาด้วย ต่อให้ตายก็ไม่ทำ กำลังใจของท่านสูงกว่าคนทั่วๆ ไป ในเมื่อสูงกว่าคนทั่วๆ ไปก็ไม่มีใครบังคับให้ท่านทำความชั่วได้ เพราะท่านไม่เอาด้วย

    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=2894

    --------------------------------
    ๙๙๙...ถ้าตั้งใจปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน จะมีสุดยอดองครักษ์ตามคุ้มครองตลอดชีวิต<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG]

    พระอาจารย์ กล่าวว่า "ในเรื่องของ ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ พระองค์ ท่านเคยให้พรไว้ว่า บุคคลใดก็ตามถ้าตั้งใจปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันจริงๆ ท่านจะตามคุ้มครองตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น..ให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อความเป็นพระโสดาบันไว้

    สุดยอดองครักษ์อย่างท่านท้าวจตุมหาราช ถ้าไม่ใช่คนสำคัญสุดๆ ท่านไม่เสียเวลาไปมองหรอก ลูกน้องของท่านมีเป็นล้านๆ องค์"


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔


    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2603&page=5

    -------------------------------------

    ๙๙๙...วิธีปฏิบัติของพระโสดาบันหรือพระสกิทาคามี เพื่อให้ได้ขั้นที่สูงกว่า

    [​IMG]


    ถาม : คนที่เป็นพระโสดาบัน นอกจากศีลแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกไหมครับ ?

    ตอบ : รักนิพพานยิ่งกว่าชีวิต อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน

    ถาม : ท่านที่สูงขึ้นไปอีก จะมีอะไรเป็นตัวบอก ?

    ตอบ :
    ราคะและโทสะบรรเทาลง อย่างมีคนทำให้ไม่พอใจวันนี้ อีกสามเดือนค่อยไปนึกโกรธ หรืออยู่กับเมียก็เหมือนอยู่กับตุ๊กตา กว่าจะจุดไฟติดแต่ละที เมียหมดอารมณ์ไปนานแล้ว..!

    ถาม : พระโสดาบันหรือพระสกิทาคามี จะต้องปฏิบัติอย่างไร จึงจะได้ในขั้นที่สูงกว่า ?

    ตอบ :
    สมาธิต้องมาก่อน ถ้าจะสูงกว่าพระโสดาบันต้องได้ฌาน ๔ ถ้าไม่ถึงฌาน ๔ จะเอาราคะกับโทสะไม่อยู่ กำลังไม่พอที่จะตัด สามารถกดได้ชั่วคราวแต่ตัดไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ถ้าเอาเกินพระโสดาบันขึ้นไปต้อง ซ้อมเรื่องสมาธิให้ทรงฌาน ๔ ให้ได้เร็วที่สุด ทำให้คล่อง ทรงเวลาไหนก็ได้ ถ้ารู้สึกว่าราคะจะมาก็เข้าฌานไปก่อน ถ้ารู้สึกว่าโทสะจะมาก็เข้าฌานหนีไปก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยเอากำลังตรงนี้ไปพิจารณาเพื่อตัด

    หลายต่อหลายคนแม้ทรงฌาน ทรงสมาธิได้แล้ว แต่จัดการไม่เป็น ในเมื่อบริหารจัดการไม่เป็นก็กลายเป็นทุกข์เป็นโทษแก่ตัวเอง
    เพราะเวลากำลังใจทรงตัวนิ่งแล้ว กลับไปปล่อยให้ฟุ้ง เอากำลังสมาธิที่เราได้นั่นแหละไปฟุ้ง ก็เลยฟุ้งอย่างเป็นทางการ ฟุ้งได้เมามันมาก เอาไม่อยู่ด้วย เพราะแรงดี

    เขาให้เอากำลังสมาธิไปพิจารณาตัดกิเลส ในเมื่อไม่ใช้พิจารณา จิตก็ใช้กำลังนั้นเอง ก็คือเอาไปฟุ้งแทน
    ดังนั้น..ต้องระวังตรงจุดนี้ให้ดีๆ หลายคนสงสัยว่ายิ่งปฏิบัติแล้วกิเลสทำไมยิ่งมาก ความจริงไม่ได้มากขึ้นหรอก แต่ว่ากิเลสแรงดีขึ้นทำให้เราเอาไม่อยู่

    ถาม : วิธีที่จะจัดการให้ถูก ?

    ตอบ : ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ต้องลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ พอผิดมากเข้าจนเบื่อ เดี๋ยวก็ถูกเข้าจนได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าไม่เป็นคนช่างคิด หรือว่าปัญญาไม่พอก็จะเสร็จกิเลสทุกที

    ตัวคิดอยู่ใน
    ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ รู้จักแยกแยะในธรรม สิ่งไหนที่ทำแล้วการปฏิบัติจะเจริญขึ้น สิ่งไหนที่ทำแล้วการปฏิบัติจะเสื่อมลง ก็ให้เลือกในส่วนที่ดี เว้นในส่วนที่ไม่ดี ฟังดูง่ายนะ แต่ว่าเจอเข้าจริงๆ ร้องจ๊ากทุกราย..!

    ถาม : ต้องปฏิบัติให้ทรงตัวก่อนแล้วค่อยมาพิจารณาตัดสังโยชน์ใช่ไหมครับ ?

    ตอบ : พิจารณาไปได้เรื่อยๆ เพราะถ้าพิจารณาจนจิตทรงตัวจริงๆ จะเป็นฌานได้เหมือนกัน เป็น
    ฌานในวิปัสสนาญาณ ซึ่งหาได้ยาก

    ในชีวิตนี้อาตมาเจออยู่แค่ ๒-๓ คนเองที่ทรงฌานด้วยการพิจารณาวิปัสสนาญาณ นอกจากนั้นทรงฌานจากลมหายใจทั้งนั้น เพราะเวลาจิตพิจารณาไปเรื่อยๆ จิตจะดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ จนเป็นสมาธิลึกทรงเป็นฌานไปเอง

    เพราะฉะนั้น..
    พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก บางทีเรื่องฌานสมาบัติท่านไม่รู้เรื่องเลย แล้วท่านเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร ? ก็เพราะท่านพิจารณาไปเรื่อยๆ สมาธิก็ดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ พอถึงฌาน ๔ ก็จบเลย

    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔


    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2727&page=9
    <!-- google_ad_section_end -->-----------------------------------


    ๙๙๙...ความอัศจรรย์ของการเป็นพระอนาคามี

    พระอาจารย์ กล่าวว่า "เรื่องของสภาพจิตใจที่อยู่เหนือร่างกาย ตัวอย่างที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ พระอริยเจ้า เพราะปกติคนทั่วไปเห็นว่าร่างกายต้องการอะไร เราก็ต้องตามใจ ความจริงไม่ใช่..ถ้าเราสู้เราก็จะชนะ

    ในความเป็น
    พระอนาคามี เป็นอะไรที่อัศจรรย์มาก ระบบร่างกายจะพลิกเปลี่ยนใหม่ สมัยที่อาตมายังอยู่ วัดท่าซุง มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งอายุไม่ถึง ๓๐ ปี คาดว่าก้าวเข้าถึงความเป็นพระอนาคามีแล้ว สาเหตุที่คาดว่า เพราะอยู่ๆ ประจำเดือนของเธอก็หมดไปเฉยๆ

    อัศจรรย์กว่านั้นก็คือ ภรรยาหมดความรู้สึกทางเพศ แต่สามียังคึกเหมือนเดิม สามีก็พยายามที่จะขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย
    แต่พอจับตัวภรรยาทีไรจะตกใจ เหมือนกับภรรยาเป็นไข้ ตัวร้อนมาก คิดว่าภรรยาไม่สบาย เขาก็ไม่ยุ่งด้วย วันหนึ่งสามีเมากลับมา ไม่ได้นอนกับเมียมานานก็หน้ามืดปล้ำเมียเลย..!

    ไม่รู้ว่าท่านใดช่วย ภรรยาตบฉาดเดียว สามีปลิวติดข้างฝาเลย เสียงห้าวเป็นผู้ชาย บอกว่า "ถ้าทำอย่างนี้อีก คราวหน้าจะฆ่าให้ตาย..!" คึกขนาดไหนก็เฉาไปเลย แสดงว่าเทวดาคงไม่อยากให้ล่วงเกินพระอริยเจ้าระดับนั้น เพราะจะเกิดโทษแก่ตัวเอง ต้องบอกว่าสามีทำบุญไว้ดี ขนาดเทวดาต้องลงมาสงเคราะห์

    จะเห็นได้ชัดเจนว่าในสภาพจิตใจที่เหนือร่างกาย พอทำไปถึงระดับนั้น กำลังใจที่ก้าวผ่านไปแล้ว ทำให้ระบบร่างกายที่เกี่ยวกับทางเพศหยุดทำงานไป เหมือนกับหมดฮอร์โมนไปเฉยๆ ที่อัศจรรย์มากก็คือเธออายุน้อยมาก ฉะนั้น..ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่มานานแล้วจะได้ดี คนที่มาทีหลังเขาแซงไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว"

    "
    การเป็นพระอนาคามีนี่ปลอดภัยแล้ว อย่างไรเสียก็ไปรออยู่ข้างบน เพียงแต่จะเป็นพระอนาคามีแบบไหน ?

    อันตราปรินิพพายี แปลว่า ปรินิพพานเสียในระหว่างอายุ ก็คือจะช่วงไหนก็ได้

    อุปหัจจปรินิพพายี ปรินิพพานเมื่ออายุได้กึ่งหนึ่ง เช่น ท่านมีอายุสองหมื่นมหากัป พออายุได้หนึ่งหมื่นมหากัป ท่านก็ปรินิพพานแล้ว

    สสังขาราปรินิพพายี ปรินิพพานด้วยความเพียรพยายามอย่างสูง

    อสังขาราปรินิพพายี ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรพยายามมาก
    อุทธังโสตอกนิฏฐคามี
    เป็นพระอนาคามีระดับสูงสุด ก็คือ
    เป็นระดับอรหัตมรรคแล้ว

    ฉะนั้น..
    สุทธาวาสพรหม ๕ ชั้น จะมีความต่างอยู่ โดยเฉพาะชั้นที่ ๑๖ จะมี ธุสเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุผ้าที่ เจ้าชายสิทธัตถะ สละออกในวันมหาภิเนษกรมณ์ ใครที่ได้มโนมยิทธิลองขึ้นไปดูบ้าง ไม่อย่างนั้นเราจะรู้จักแต่ พระจุฬามณี อย่างเดียว ความงามความสำคัญของธุสเจดีย์ไม่ได้แพ้กัน แต่คนไม่ค่อยรู้จัก ที่ไม่รู้จักอาจจะเป็นเพราะถนัดไปแค่พระเจดีย์จุฬามณี"

    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔

    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2786&page=4

    น้อมโมทนาบุญ ท่านผู้รวบรวม ..ครับ.. คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tamsak ,...,...
    <!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  16. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    นาคา เรือนธรรมเวียงนาคา โลกอุดร อมรรัตน

    ลางานครึ่งวัน วันพฤหัส 21 มิย.ขนตัวหนอน ประมาณ 230 ก้อนขึ้นรถ
    แวะนำภาพ สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก ให้ ทางคุณพ่อ คุณโมทย์ ช่างแกะ พระ จากไม้..

    ล้อหมุน จาก ภูเก็ต ขึ้น คุระบุรี นำตัวหนอน มาลงใว้ที่บ้าน ..

    จากนั้น น้อมกราบ คุณพ่อ (ป๋า) พ่อ อรหันตา ของ ลูกๆ ผู้ให้กำเนิด เรามา จาก เมื่อ เกือบ 50 ปีที่แล้ว..
    เดินทางขึ้น เรือนธรรมเวียงนาคา บนเขา ประมาณ 18.50 น. นอนกลด..
    เช้า วันศุกร์ ที่ 22 มิย.ครบรอบคล้ายวันเกิด ลงจากเรือนธรรม บนเขา มากราบ ป๋า อีกครั้ง ขอพร ท่าน ในวาระครบวันเิกิด อีก 1 ปี..
    และ แบก อุปกรณ์ พลาสติคแผ่นใส รอประกอบ ผนังด้านหน้า เรือนธรรม..

    -จากนั้น เริ่ม ติดตั้ง ไม้กระดาน ที่หน้าจั๋ว เรือน กันฝนสาด ด้วย น้องชาย ฉัตรชัย..
    วันเสาร์-อาทิตย์ ติดตั้งหน้าจั๋ว , พลาสติดแผ่นใส หน้าเรือนอีกห้อง ...
    วันอาทิตย์ น้อง อาคม น้องชายทหาร เมตตา ช่วยแบก แผ่นพลาสติด แผ่นใส ขนาดใหญ่ พร้อม น้องชาย ฉัตรชัย จาก บ้านคุณพ่อ ขึ้น เรือนธรรม ระยะัทางประมาณ 200 เมตร ที่ความสูงประมาณ 70 เมตร..ขอ ขอบคุณ และ โมทนาบุญ ครับ..
    [​IMG]

    เช้าวันจันทร์ ตื่นขึ้นมาจากนอนกลด ประมาณ 05.00 มองเห็นหมอกหนา จากบนเรือน (มองเห็น สายอากาศ วิทยุสื่อสาร ข่ายสมัครเล่น เจโพล 2 ห่วง ย้ายลงมาชั่วคราว ก็ สามารถ รับฟัง ระบบทวนสัญญาณ คู่ที่ 1. จาก ภูเก็ต ที่ ความถี่ 145.700 DUP- ใด้ เช่นกัน )..

    [​IMG]

    ลงจากเรือนธรรม มาเดินจงกลม รับลมเล่นประมาณ 05.15 -06.10 จากนั้น นั่งภาวนา ตาม วาระ (เก้าอี้ มาวาง นั่งรับลม เล่น ยามเย็น ,เช้า ) ด้านซ้ายมือ เป็นต้นไทร ใหญ่ มีบางท่าน มา ขอโชดลาภ จาก ภพภูมิ จุดนี้

    [​IMG]

    ---ชมภาพ หมอกลงหนา ใด้ครับ เหมาะ ต่อการ กางเต้นท์ รับลมหนาว .
    (ภาพบางภาพ หยอกล้อเล่น กับ ไอหมอก หรือ ดวงธรรม เพราะ เขาลอย ขึ้น เราก็ เลย ยกกล้อง ถ่ายภาพ ตาม ทันที ...พิจารณา ด้วย...)
    ---กลับมา ทำงาน จึงทราบ ข่าวแผ่นดินไหว ที่ เคียนซา จ.สุราษฎร์ (ซึ่ง อยู่บน เขา ในวันเสาร์ ที่ อ.คุระบุรี ระยะห่างกันประมาณ ไม่เกิน 100 กม.)
    ไม่มี แรงสั่นสะเทือน ใด ใด.. ใน แผ่นดินไหว ครั้งนี้..
    เช่นเดียว กับ ที่ แผ่นดินไหว ที่ ระนอง ห่างกันไม่กี่วัน
    และ แผ่นดินไหว ที่ ตะกั่วป่า ( เดือน กุมภา) ซึ่ง ห่างกัน ประมาณ 56 กม.(ตะกั่วป่า -คุระบุรี )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  17. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ดร.สุรเชษฎฐ์ รังมา

    <A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/photo.php?fbid=256266687812795&set=a.202114453228019.35917.100002883969181&type=1"><ABBR class=timestamp title="29 มิถุนายน 2012 เวลา 21:50 น." style="MARGIN-TOP: 2px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none" data-utime="1340981403">15 ชั่วโมงที่แล้ว</ABBR> บริเวณ Warichaphum, Sakon Nakhon


    แจ้งข่าวลูกศิษย์ของหลวงปู่สุภา
    ..พรุ่งนี้คณะแพทย์ที่ถวายการรักษาองค์หลวงปู่สุภา
    ได้อนุญาตให้หลวงปู่กลับวัดได้ (วัดคอนสวรรค์ จ.สกลนคร) จึงขอแจ้งให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ทราบ..ธรรมะสวัสดี..

    [​IMG]

    ดร.สุรเชษฎฐ์ รังมา

    <A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/photo.php?fbid=255817594524371&set=a.202114453228019.35917.100002883969181&type=1"><ABBR title="28 มิถุนายน 2012 เวลา 18:48 น." style="BORDER-BOTTOM-STYLE: none" data-utime="1340934516">วันพฤหัสบดี</ABBR> บริเวณ Dusit


    แจ้งข่าวอาพาธของ..
    หลวงปู่สุภา วันนี้โดยภาพรวม
    หลวงปู่สุขภาพแข็งแรง
    คาดว่าหลวงปู่จะกลับสกล
    ไม่น่าจะเกินวันจันทร์นี้...

    [​IMG]

    <FORM class="live_255817594524371_131325686911214 commentable_item autoexpand_mode" id=uablht_84 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-TOP: 0px" onsubmit="return Event.__inlineSubmit(this,event)" action=http://www.facebook.com/ajax/ufi/modify.php method=post rel="async" data-live='{"seq":315216}'><BUTTON class="like_link stat_elem as_link" title=เลิกชอบสิ่งนี้ style="BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: medium none; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 13px; BACKGROUND-IMAGE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; OVERFLOW: visible; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: auto; CURSOR: pointer; COLOR: rgb(59,89,152); PADDING-TOP: 0px; BORDER-BOTTOM: medium none; FONT-FAMILY: 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; TEXT-ALIGN: left" name=unlike type=submit data-ft='{"tn":"?","type":2***'>เฉยๆ</BUTTON> · <LABEL class="uiLinkButton comment_link" title=แสดงความคิดเห็น style="FONT-WEIGHT: normal; VERTICAL-ALIGN: baseline; CURSOR: pointer; COLOR: rgb(59,89,152)"><INPUT style="BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: medium none; PADDING-LEFT: 0px; FONT-WEIGHT: normal; FONT-SIZE: 13px; BACKGROUND-IMAGE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; VERTICAL-ALIGN: baseline; BORDER-LEFT: medium none; CURSOR: pointer; COLOR: rgb(59,89,152); PADDING-TOP: 0px; BORDER-BOTTOM: medium none; FONT-FAMILY: 'Lucida Grande', Tahoma, Verdana, Arial, sans-serif" onclick="return fc_click(this);" type=button value=แสดงความคิดเห็น data-ft='{"type":24,"tn":"S"}'></LABEL> · แชร์

    </FORM>
     
  18. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG] [​IMG]
    เมื่อ วาน วันศุกร์ เดินทาง แวะ บ้านคุณ โมทย์ ช่างแกะ องค์พระ (ตามแบบ สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก ทรงเครื่องมหาจักพรรดิ จาก ไม้เทพทาโร ) ความสูง ประมาณ ๒ เมตร..

    ใด้คุย รายละเอียด พอสมควร ..ซึ่ง ในช่วงนี้ ทางคุณโมทย์ ติด แกะ องค์นาจา ,องค์พระโพธิสัตย์ (กวนอิม ) อวโลติเกศวร..
    และ รับ แกะ สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก ทรงเครื่องมหาจักพรรดิ จาก ไม้เทพทาโร ) ความสูง ประมาณ ๒ เมตร.. ของ นาคา ประมาณ เดือน ตุลาคม หลัง กินเจ แล้ว ซึ่งจะสะดวก หลายๆ ด้าน..

    ตกลง กันคร่าวๆ แกะ สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก ทรงเครื่องมหาจักพรรดิ จาก ไม้เทพทาโร ) ความสูง ประมาณ ๒ เมตร..
    ประมาณ ๖๐,๐๐๐ บ. ด้วย ฝีมือ ..พร้อม ลงน้ำทอง ...และ ทางคุณโมทย์ ยินดี นำ ไม้ เทพทาโร ของ คุณโมทย์ เอง มาเป็น ฐาน องค์สมเด็จฯ..
    ...
    เพื่อ อัญเชิญ ประดิษฐาน ที่ เรือนธรรมเวียงนา บนเนินเขา อ.คุระบุรี จ.พังงา (สูง ๗๐ เมตรเหนือ ระดับน้ำทะเล )...

    พร้อมทั้ง คุณโมทย์ เมตตา มอบ องค์เหล็กไหล ( แร่เกาะร้าน ) อัญมณี ให้ ๑ องค์ ...
    ขอน้อม โมทนา บุญ และ ขอบคุณ คุณโมทย์ ...

    ( ทราบว่า คุณ โมทย์ ทำงาน ในเครือ บริษัทเดียวกัน กับ นาคา ซึ่งอยู่ใกล้กัน เมื่อ คุย ธรรมะ จึง เข้าใจ ใน ธรรมชาติ ...และ ฯลฯ ...)
    [​IMG]

    ขอ โมทนาบุญ ย่ามุก ,คุณเกาะแก้ว ที่ เมตตา มอบ ไม้เทพทาโร (ตามภาพ ) ให้ ใน บุญแกะ องค์สมเด็จองค์ปฐม ปางลีลาเปดโลกทรงเครื่องมหาจักพรรดิ สูงประมาร ๒ เมตร และ แนะนำ คุณโมทย์ แกะ องค์สมเด็จ ...

    [​IMG]

    แวะ ชมภาพ,ข้อมูล ใด้ ครับ ตาม link ข้างล่าวนี้..ขอรับ น้อมโมทนาบุญ กับ ทุกท่าน ขอรับ...
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 6201965" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ทารา</TD><TD class=alt1></TD></TR></TBODY></TABLE>
    รัศ...

    <A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=319761361443922&id=100002301830854"><ABBR title="28 มิถุนายน 2012 เวลา 22:24 น." style="BORDER-BOTTOM-STYLE: none" data-utime="1340947465">วันพฤหัสบดี</ABBR>



    ในวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคมนี้ มีโครงการไปออกโรงทานที่วัดป่าเ<WBR>คียนพิงธรรมเจดีย์ (ธ) บ้านต้นยวน อ.พนม สุราษฯ ร่วมกับญาติธรรมทาง ทับละมุ ตะกั่วป่า พังงาและอ่าวลึกกระบี่ ภูเก็ต โดยออกเดินทางเช้ามืดวันที่ 1 กรกฎำคม ออกโรงทานครั้งนี้ว่าจะทำ ผลไม้รวม

    ร่วมโมทนา บุญ กับ คุณ ทารา,ท่าน ถาวโร(ถา-วะ-โร) ด้วย ครับ...
    ------------------------------
    แวะ ชมภาพ,ข้อมูล ใด้ ครับ ตาม link ข้างล่าวนี้..ขอรับ น้อมโมทนาบุญ กับ ทุกท่าน ขอรับ...

    ส่วน พี่ๆน้องๆ เพื่อนๆ ท่านใด จะแวะ ดู ข้อมูล ทาง FB ... น้อมเรียนเชิญ ...


    <A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.316161785138819.78776.100002350012485&type=1">





    http://palungjit.org/threads/เรียนเ...โลกทรงเครื่องจักรพรรดิไม้เทพทาโรสูง2ม.344339/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2012
  19. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917

    <A class=uiLinkSubtle href="http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=341098065966239&id=100002350012485"><ABBR class=timestamp title="2 กรกฎาคม 2012 เวลา 22:23 น." data-utime="1341242626">10 ชั่วโมงที่แล้ว</ABBR>

    หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
    อบรมญาติโยมที่มากราบ
    ที่ โรงพยาบาลศิริราช...สาธุคับหลวงตา
    2 กรกฎาคม 2012 19:37
    หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
    อบรมญาติโยมที่มากราบ
    ที่ โรงพยาบาลศิริราช...สาธุคับหลวงตา

    [​IMG]


    http://www.facebook.com/photo.php?v=257508347688629&set=vb.100002883969181&type=2&theater
    Facebook

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันเวียนว่ายตายเกิด อย่างนั้น พ้นจาก สังขาวะวัฏ... (เวลา 00.02 )

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ..
    พระพุทธเจ้า อยู่ที่ใจ ของเรา.. น้อมท่านเข้ามาอยู่ในใจของเรา .. (เวลา ที่ 6.24 )

    ***มีท่านใด เปลี่ยนเป็น ไฟล์เสียงใด้ไหม ครับ ...
    สามารถเปิด ผ่าน ให้ใด้ ยินเสียง หลวงปู่สุภา ใด้เลย ครับ ..นับว่า เป็น กูศลแท้ พระอริยะสงฆ์ ศิริวัฒนะ ที่ ๑๑๗ ปี วันที่ ๑๗ กย. ๒๕๕๕ ปีนี้ ท่านเมตตา ให้ ข้อธรรมะ ..
    ---------------------------------------------------

    นาคา เรือนธรรมเวียงนาคา โลกอุดร อมรรัตน
    โมทนา สาธุ ครับ..ขออนุญาต แชร์ ครับ นับว่าเป็นกุศล แท้ ที่หลวงปู่ ท่านเมตตา ให้ ข้อธรรม .

    <FORM class="live_341098065966239_131325686911214 commentable_item autoexpand_mode" id=ubtmlx_319 onsubmit="return Event.__inlineSubmit(this,event)" action=http://www.facebook.com/ajax/ufi/modify.php method=post rel="async" data-live='{"seq":2252894}'>รูปปัจจุบันขององค์หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
    ที่วัดคอนสวรรค์ โดยรวมหลวงปู่ดีขึ้นมากคับ
    </FORM>
    [​IMG]




    <A class=uiLinkSubtle style="CURSOR: pointer; COLOR: gray; TEXT-DECORATION: none" href="http://www.facebook.com/photo.php?fbid=257460104360120&set=a.202114453228019.35917.100002883969181&type=1"><ABBR class=timestamp title="2 กรกฎาคม 2012 เวลา 16:33 น." style="MARGIN-TOP: 2px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none" data-utime="1341221584">16 ชั่วโมงที่แล้ว</ABBR> บริเวณ Warichaphum, Sakon Nakhon


    -----------

    สาธุ ความดีไม่มีขาย
    ถ้าอยากได้ต้องทำเอง..

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2012
  20. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ขออนุญาต นำสื่อภาพ จาก น้องสาว ขวัญ ..
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 6329743" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>นาคา</TD><TD class=alt1>นาคา เรือนธรรมเวียงนาคา โลกอุดร อมรรัตน

    ลางานครึ่งวัน วันพฤหัส 21 มิย.ขนตัวหนอน ประมาณ 230 ก้อนขึ้นรถ
    แวะนำภาพ สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก ให้ ทางคุณพ่อ คุณโมทย์ ช่างแกะ พระ จากไม้..

    ล้อหมุน จาก ภูเก็ต ขึ้น คุระบุรี นำตัวหนอน มาลงใว้ที่บ้าน ..

    จากนั้น น้อมกราบ คุณพ่อ (ป๋า) พ่อ อรหันตา ของ ลูกๆ ผู้ให้กำเนิด เรามา จาก เมื่อ เกือบ 50 ปีที่แล้ว..
    เดินทางขึ้น เรือนธรรมเวียงนาคา บนเขา ประมาณ 18.50 น. นอนกลด..
    เช้า วันศุกร์ ที่ 22 มิย.ครบรอบคล้ายวันเกิด ลงจากเรือนธรรม บนเขา มากราบ ป๋า อีกครั้ง ขอพร ท่าน ในวาระครบวันเิกิด อีก 1 ปี..
    และ แบก อุปกรณ์ พลาสติคแผ่นใส รอประกอบ ผนังด้านหน้า เรือนธรรม..

    -จากนั้น เริ่ม ติดตั้ง ไม้กระดาน ที่หน้าจั๋ว เรือน กันฝนสาด ด้วย น้องชาย ฉัตรชัย..
    วันเสาร์-อาทิตย์ ติดตั้งหน้าจั๋ว , พลาสติดแผ่นใส หน้าเรือนอีกห้อง ...
    วันอาทิตย์ น้อง อาคม น้องชายทหาร เมตตา ช่วยแบก แผ่นพลาสติด แผ่นใส ขนาดใหญ่ พร้อม น้องชาย ฉัตรชัย จาก บ้านคุณพ่อ ขึ้น เรือนธรรม ระยะัทางประมาณ 200 เมตร ที่ความสูงประมาณ 70 เมตร..ขอ ขอบคุณ และ โมทนาบุญ ครับ..


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เสาร์ ๕ วันที่ ๒๓ มิย. น้อมจิต ขอกราบ องค์สมเด็จฯ ท่าน ตามวาระจิต เสาร์๕ (พอดี ให้น้องชาย ลงจาก เรือนบนเขาไปซื้อ แผ่นตัด กระเบื้อง ..)

    ๑๐.๐๐ ฯ.จากนั้น น้อมจิต ขอความเมตตา จาก องค์สมเด็จฯ ,พระพุทธสัมมา พระธรรม พระอริยะสงฆ์ ร่วมรับยันต์เกราะเพชร ตามวาระจิต ที่พึ่งจะกำหนดใด้.
    เช่นกัน รอบ ๒ เวลา
    ๑๓.๐๐ ใด้วาระ ที่ น้องชาย ลงไปทานข้าว เลยขออนุญาติ ตั้งจิต รับยันต์เกราะเพชร ภาคบ่าย ตามวาระ จิต..

    ใด้เวลา ปีนป่าย ยึดไม้,ผนัง ต่อ..
    [​IMG]


    เบญ ทอง'วัฒน์
    ฝนตกๆหยุด ยังไม่สามารถวางลูกท่อได้ ช่างมาดู เค้าบอกว่าต้องเอาแบ๊กโฮมาข<WBR>ุดร่องน้ำให้กว้างแล้วขุดหน<WBR>้าปรับทางขึ้น ลดความชันของถนนพอให้รถขึ้น<WBR>ได้



    ถูกแท็กใน
    รูปภาพ 5 รูป ในอัลบั้ม เรือนพี่พจน์ ของ เบญ ทอง'วัฒน์


    อาคม น้องทหาร เมตตา ช่วยแบก รอบแรกกับ น้องฉัตรชัย จากระยะทางประมาณ 200 เมตร ขึ้น ตามถนน ที่ระดับความสูง 70 เมตร ครับ..
    25 มิย 2555
    ขอโมทนา ,ขอบคุณ ครับ...
    ---แม้ ว่า...จะยังคง ทานอาหาร 1 มื้อ เอกา ก็ ยังมีเรี่ยวแรง แบกของใด้ ...สู้ เพื่อ ---------------
    Facebook...
    --------
    [​IMG]
    คล้ายวันเกิด นอนกลด 21-25 มิย 55..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...