มาดูสมเด็จกัน

ผิดเนิ้อครับ ไม่ต้องดูพิมพ์ เพราะขยายแล้วพิมพ์ผิดแน่นอน

 

จำไว้ว่าผิดเนื้อ ก็ไม่ต้องดูพิมพ์
ถ้าจะดูพิมพ์ เอาแค่เส้นแซมระหว่างฐานก็ไม่ถูกต้องแล้ว ส่วนใหญ่เส้นแซมจะตื้นๆบางๆ ไม่เป็นสันแข็งกระด้าง เมื่อดูจากด้านหลัง สี่เหลี่ยมขอบบนใหญ่กว่าขอบล่างในพิมพ์นี้

 

ขอบคุณครับคุณ wasabi san ก็ขอต่อด้วยองค์ต่อไปครับ องค์นี้ของผมเองครับขอข้อมูล รวมถึงเหตุ และผลเพื่อไว้ศึกษา และบอกต่อพรรคพวกกันไว้
ข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาจากพระองค์นี้คือ เนื้อมวลสารเหมือนพระที่ประกวดที่อยุธยา ชนะที่ 1แต่ตอนหลังกล่าวกันว่าเก๊ทำเก่า ข้อความนี้จริงเท็จอย่างไรครับ
ส่วนตัวที่เคยเรียนคุณไว้ ผมรับฟัง และกำลังหัดวิเคราะห์อยู่ด้วยตัวเอง ขอบคุณครับคุณ wasabi san และคุณ xlmen ที่ช่วยดู และให้ข้อมูลที่กระจ่างแก่เหล่าสมาชิกทุกท่าน

 

ข้อมูลเพิ่มเติมครับคุณ wasabi san จากองค์ที่1 เป็นพระของผมที่พึ่งได้มา
ส่วนองค์ที่ 2 และ 3 เป็นของลูกน้อง และญาติผู้ใหญ่แฟนเขาตามที่ได้เคยโพสถามมาแล้ว ซึ่งองค์ที่ 2 และ 3 นั้นมีฟันหนูพิมพ์กรอบกระจก ที่ขอบด้านล่าง
ส่วนของผม องค์ที่ 1 กลับไม่มีฟันหนู นี่แหละครับคุณ wasabi ความรู้ที่ผม และเหล่าสมาชิก จะได้รู้กันว่า ถ้าเจอเนื้อแบบนี้ พิมพ์แบบนี้หล่ะก็ ให้ห่างไกล
แต่ถ้าแท้ เราเจอที่ไหนคว้ากันเลย อิอิอิ
ผมคิดว่าคุณ wasabi ต้องเคยได้ยินมาบ้างแน่เกี่ยวกับชนะที่ 1 ที่อยุธยา แล้วกลายเป็นเก๊ทำเก่า ถ้ามีเรื่องประกวดนี้จริง หรือผมโดนหลอกมาอีก
รบกวนอีกครั้งด้วยนะครับ เพราะครั้งที่ผ่านมา ออกจะไม่ชัดเจนทีเดียวนัก ขอบคุณครับ

 

เอาเป็นว่า พระลักษณะนี้ไม่ควรศึกษา เนื่องจากผิดเนื้อ ผิดพิมพ์ ครับ

ส่วนรายละเอียดผมพิมพ์แล้ว และกระทบวงการนี้แรงพอควร พอดีเมา์ท์มันกระเด็น ทำให้ข้อมูลที่ผมพิมพ์สูญหาย อันนี้ผมคิดว่ามีเหตุปัจจัยบางประการ เป็นเรื่องที่ผมไม่ควรก้าวล่วงกรรมการที่เขาดูพระ เพราะทุกคนมีความสามารถไม่เท่ากัน มีวัตถุประสงค์ต่างกัน มีผลประโยชน์บางประการก็เป็นได้ใครจะรู้ (ผมไม่ศรัทธาผู้ที่เห็นแต่ผลประโยชน์ส่วนตน(เงิน)และเล่นพวกพ้องมากกว่าศาสตร์ที่ควรอนุรักษ์)

ฝากไว้ให้คิด วันหนึ่งพระเครื่องที่คนยุคก่อนพิจารณาว่าแท้ ในยุคหน้าอาจกลายเป็นพระปลอม เหมือนกับการกร่อนของภาษา มันเพี้ยนไปกันหมดแล้วครับ เพราะใคร??????????

ในส่วนตัวผม ผมใช้กามาลสูตร 10 ประการ

1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา (ไม่ได้ฟังด้วยตัวเอง แต่ฟังมาอีกต่อหนึ่ง)
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (แมลงเม้าท์ข่าวลือ)
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (ใช้ตรรกศาสตร์)
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
7 อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะสอดคล้องกับทฤษฎีที่มีอยู่แล้ว
9. อย่าปลงใจเชื่อเพราะว่ามองเห็นรูปการว่าน่าจะเป็นไปได้ หมายความว่า เดินออกไปข้างนอก เห็นเมฆทะมึนจึงเดาว่าอีกไม่นานฝนจะต้องตกอย่างแน่นอน
10. อย่าปลงใจเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นครูบาอาจารย์ นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

สรุปว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ควรเรียนรู้อย่างถูกต้องด้วยตัวเอง

 

ขอความกรุณาพี่ๆ ให้คำแนะนำด้วยครับ

 

ขอบคุณมากครับ คุณ wasabi san ได้ความรู้ขึ้นมาอีกเยอาะ
ก็จากนี้เป็นองค์สุดท้ายแล้วสำหรับ lot นี้ครับ เขาฝากมาอีกเช่นเคย ขอรบกวนต่อนะครับ

 

สมเด็จแท้ หากได้แขวนขึ้นคอคงได้เป็นบุญ แต่สภาพสวย 100%
คงหายาก และ ราคาแพง แต่งดีที่พระสมเด็จยังมีอยู่ในประเทศ อีก
หลายองค์

 

ผมเห็นด้วยกับคุณวาซาบิครับว่า....ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าเพิ่งเชื่อใครครับ.....
แต่ขอให้พิสูจน์หาคำตอบด้วยตัวของคุณอังคารเองครับ....ซึ่งมุมมองนั้นแต่ละท่านก็อาจมองแตกต่างกันไปครับ....ส่วนคำตอบนั้นคุณอังคารคงต้องไปหาเองแล้วหละครับ...

ก่อนอื่นต้องอภัยท่านอื่นๆ ที่ผมตอบลัดให้คุณอังคารก่อนนะครับ....เนื่องจากคุณอังคารส่งข้อความมาหลังไมค์...ประกอบกับผมดูแล้วเนื้อพระมีลุ้น....สำหรับองค์อื่นๆ ถ้ามีเวลาผมจะทะยอยตอบให้ครบทุกท่านครับ (โปรดใจเย็นๆ นะคร๊าบบบ)

สาเหตุหนึ่งที่ในวงการเขาตีว่าองค์นี้ปลอมน่าจะมีสาเหตุมาจาก....
ค่าความนิยมของแต่ละยุคสมัยไม่เหมือนกันครับ.....

อย่างสมัยนี้นั้นเขานิยมพระที่ตัดขอบแบบไม่เรียบร้อยแบบใช้ก้านธูปตัด
หรือตอกตัดมากกว่าใช้มีดตัดขอบ....ดังนั้นพอเขาไปเห็นขอบพระสมเด็จที่ขอบเรียบร้อยดีก็มักจะโดนตีไปก่อนว่าน่าจะปลอม....แต่ในทางความเป็นจริงแล้วพระที่ตัดขอบเรียบร้อยนั้นยังมีอยู่และก็เยอะด้วยครับ.....

อย่างองค์นี้นั้นศิลปะการแกะพิมพ์เป็นแนวของนายเจิม-นายจอน บ้านช่างหล่อ
พยายามแกะพิมพ์ให้ออกมาให้คล้ายกับพิมพ์หลักของหลวงวิจาร....ดูได้จากช่วงไหล่ที่หนาดูบึกบึนอันเป็นเอกลักษณ์ของช่างสิบหมู่ (นายเจิม-นายจอน)

แต่ถ้าเป็นสากลนิยมเขาจะตีว่าผิดพิมพ์ทันทีครับคุณอังคาร....
อย่างฐานสิงห์ด้านขวาของพระก็ผิดพิมพ์....ถ้าเป็นหลวงวิจารแกะก็จะเห็นเส้นคอลางๆ การทิ้งแขนองค์นี้ก็ยังไม่ใช่แนวของหลวงวิจารณ์ทีเดียวดูแล้วผสมๆ คล้ายแนวของหลวงสิทธิ์มากกว่า...

ไปๆ มาๆ เผลอพิมพ์นี้อาจจะมีช่างสิบหมู่มาช่วยกันแกะมากกว่าหนึ่งคนก็เป็นได้ครับ 555+

นอกจากนี้ยังพบเส้นเสี้ยนแม่พิมพ์บริเวณขอบมุมบนด้านซ้ายของพระ
ซึ่งไม่น่าจะใช่รอยแปรงที่ขัดพระ...

พิจารณาจากเนื้อเป็นปูนเปลือกหอยเผา หนึกนุ่มซึ้งตาดี...
แต่เสียดายที่ล้างแรงไปหน่อย...มองเผินๆ คิดว่าพระปลอมเลยครับ 5555+
นี่ขนาดล้างพระหนักผิวยังคงมีความหนึกนุ่มซึ้งตาอยู่ถือว่า...ผิวเดิมแน่มากครับ...หุหุ

มวลสารผงดำพบเห็นได้น้อย ผงเกสรกระจายบางๆ มีความแห้งเหี่ยวดีครับ...แต่
จะหนักไปทางผงพุทธคุณในเนื้อพระเยอะมากๆ ครับ....
กรณีที่ผงพุทธคุณจับตัวเป็นเม็ดๆ ในเนื้อพระนั้น ถ้าเป็นพระจำลองพิมพ์สมัยนี้เท่าที่ผมเห็นผ่านตามายังไม่มีใครสามารถปลอมทำผงพุทธคุณในเนื้อพระได้ดีเป็นธรรมชาตินะครับ....

ดังนั้นถ้าเห็นผงพุทธคุณจับเป็นเม็ดๆ เป็นธรรมชาติแบบนี้โอกาสแท้มีสูงมากทีเดียวครับ...

ตัวประสานเนื้อพระองค์นี้เป็นปูนเปลือกหอยเผาล้วนๆ
จึงต้องผ่านการลงรักน้ำเกลี้ยงมาก่อน....ทั้งหน้าและหลังพบคราบรักฝังลงในเนื้อบริเวณรอยที่แตกลายงา ตามผิวมีการเปิด ถลอก เป็นธรรมชาติมากครับ....

เสียดายที่เจ้าของพระเดิมเขาใจร้อนไปหน่อยล้างรักออกไวไปนิด....
เนื้อพระยังไม่ทันหดตัวดีทำให้เกิดรอยแตกลายงาขึ้นบนผิวพระได้ไม่มากนัก....

สรุป องค์นี้พิมพ์สากลไม่นิยม....เนื้อหามวลสารดี แต่ล้างหนักไปนิด...ถือว่าเป็นพระที่น่าเก็บไว้ศึกษาดีมากครับ.....
ห้อยได้ก็ห้อยเถอะครับส่องแล้วสวยแบบนี้ดูคนเดียวรับรองว่าวางไม่ลงเชียวครับ....หุหุหุ

แต่ถ้าจะทำพุทธพาณิชย์ก็ต้องบอกว่าเสียใจด้วยครับคุณอังคาร อิอิ

 

รู้สึกเหมือนว่าจะเคยวิจารณ์พระ 2 องค์นี้มาแล้วเลยครับคุณอังคาร ? นำมาลงซ้ำหรือเปล่าครับ...

 

ตอบคุณอังคารครับ.....
พระสมเด็จวัดเกศไชโย ฐาน ๗ ชั้น องค์นี้พิมพ์ถูกต้องเลยครับ....
ผมขอตินิดนึงเถอะครับว่า....เจ้าของพระเดิมนำพระไปล้างทำไมครับผมหละเสียดายคราบผิวที่เสียไปมากมายเลยครับ....

พิมพ์ ๗ ชั้นนั้นจริงๆ แล้วมีแค่บล็อคตัวเดียว....แต่มีการแกะพิมพ์แก้ในแม่พิมพ์เดิมหลายครั้ง....เนื่องจากบล๊อคตัน

ลักษณะเนื้อจริงของพระเป็นสีเหลืองงาช้าง....
ที่แลเห็นเป็นสีขาวเกิดจากผงพุทธคุณผุดขึ้นฉาบติดผิวเหมือนเป็นเนื้อเดียวกันครับ...(ไม่ใช่แป้งโรยพิมพ์)

เนื้อเป็นปูนเปลือกหอยเผาบดละเอียด...ผิวเนียนหนึกนุ่มซึ้งตาใช้ได้ครับ....

มวลสารพบเศษอิฐ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเศษอิฐพระ หรืออิฐกระเบื้องหลังคาโบสถ์ (เกิดไม่ทันแย่จัง...อิอิ)

ตัวประสานเนื้อเป็นปูนเปลือกหอย + น้ำอ้อยเคี่ยว.....
พบคราบน้ำอ้อยเคี่ยวเต็มพื้นที่ทั้งหน้าและหลังชัดเจนมากครับ....แต่คราบดังกล่าวเมื่อถูกล้างแล้วสีน้ำอ้อยเคี่ยวจะเปลี่ยนเป็นสีแห้งๆ เหมือนผิวมะกอกสุก
(ไม่เขียว...ถ้าอยากรู้ต้องหามะกอกไม่ปอกเปลือกมาชิมดูครับ 555+)

นับว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก....สมัยก่อนผมก็ซนแบบนี้แหละครับ...
ผมเคยนำพระสมเด็จเกศไชโยที่ผิวออกน้ำผึ้งล้างน้ำซะผิวเสีย...ผลก็คือ ผิวเนื้อเป็นแบบเดียวกับพระของคุณอังคารนี่แหละครับ....เสียดายมากระทั่งทุกวันนี้เลยครับ...

ทำอย่างไรผิวก็ไม่กลับเหมือนเดิม...ทั้งแช่น้ำมัน ทาครีมก็ไม่หาย...
เพราะฉะนั้นถ้าเกิดไปเจอเนื้อแบบนี้อีกอย่าเผลอไปล้างเข้าหละครับ...ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนครับคุณอังคาร 55555+

 

องค์นี้เห็นด้วยกับคุณวาซาบิซัง อีก 1 เสียงครับ....


พระของคุณขุมไทย 2 องค์นี้ผิวเนื้อแปลกมากเลยครับ....
เท่าที่ดูรู้สึกว่าองค์ด้านขวาสีเข้มๆ เหมือนว่าจะเป็นเนื้อขี้ธูปมากเลยครับ...

ในบรรดาเนื้อพระสมเด็จนั้นเนื้อขี้ธูปถือว่าหาได้น้อยมากครับ....
และจำนวนการสร้างก็น้อยมาก หาองค์ครูที่ใช้ในการศึกษาต่อยอดก็ยากยิ่งเข้าไปอีก.....

ปกติเนื้อขี้ธูปจะละเอียดมาก....องค์นี้ผิวเนื้อก็ละเอียดเช่นกัน....
และตามธรรมดาแล้วเนื้อขี้ธูปจะไม่มีการใส่ผงเกสร ผงดำ จะมีก็แต่ผงพุทธคุณผสมขี้ธูปเพียวๆ เลย...ส่วนจะมีผสมปูนเปลือกหอยด้วยหรือไม่อันนี้ผมจำไม่ได้แล้วครับ 555+

ถ้าไม่ผสมปูนเปลือกหอยเอาซะเลยแล้วอะไรจะเป็นตัวยึดประสานเนื้อได้หละครับ ?
ดังนั้น ถ้าให้ผมเดาก็ต้องเดาว่าเนื้อแบบนี้ต้องผสมกับปูนเปลือกหอยด้วยเพื่อให้เกิดการยึดเกาะของมวลสารครับ...

โดยเฉพาะพระองค์ด้านขวาสีเข้มๆ
ด้านหลังมีผงพุทธคุณผุดกระจายทั่วองค์เชียว...
ความเก่าของผิวขี้ธูปผมว่าเก่าอยู่นะครับ...ส่วนจะถึงยุคหรือไม่อันนี้ตอบยากเพราะเกิดไม่ทันเหมือนกันครับ 5555+

สรุป พระของคุณขุมไทย 2 องค์นี้เนื้อแปลกตาและน่าศึกษาดีเหมือนกันครับ หุหุหุ

 

*ขอบคุณมากครับ ท่านxlmen ที่ช่วยวิเคราะห์ พระพิมพ์เกศบัวตูม 2 องค์ ขอบคุณครับ*

**ขอรบกวนช่วยพิจารณา ภาพอีก สักครั้ง เผื่ออาจจะเห็นเนื้อหามวลสาร และคราบดินกรุ ที่น่าจะ..เป็นไปได้ ..ขอบคุณมากครับ**

ขออนุญาติ..ผมพิจารณาเองว่าเป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเก่า ..หรือไม่....อ่ะครับ

***ช่วยพิจารณา ภาพ พระพิมพ์เกศบัวตูมกรุเก่า อีกองค์ด้วย..ขอบคุณครับ***

 

ข้อความดั้งเดิมโดย..ท่านxlmen
ส่วนจะมีผสมปูนเปลือกหอยด้วยหรือไม่อันนี้ผมจำไม่ได้แล้วครับ 555+

ถ้าไม่ผสมปูนเปลือกหอยเอาซะเลยแล้วอะไรจะเป็นตัวยึดประสานเนื้อได้หละครับ ?
ดังนั้น ถ้าให้ผมเดาก็ต้องเดาว่าเนื้อแบบนี้ต้องผสมกับปูนเปลือกหอยด้วยเพื่อให้เกิดการยึดเกาะของมวลสารครับ...

** ถูกๆๆๆ...ต้อง..คร๊าบ..(ล้อเล่น..อะครับ)***

**ขออนุญาต เพิ่มภาพ เพื่อการเปรียบเทียบ..พิจารณา..ขอบคุณครับ **

 

รู้สึก เหมือนว่าจะเคยวิจารณ์พระ 2 องค์นี้มาแล้วเลยครับคุณอังคาร ? นำมาลงซ้ำหรือเปล่าครับ...

ขอบคุณครับ ผมเองพยายามดูให้ได้เอง ก็ต้องอาศัยท่านทั้ง 2 ที่มีดีกันทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฐานข้อมูลที่ไม่เคยปิดบัง เท่าที่รู้ และผ่านมาเรียนตามตรงว่ายังไม่เคยเห็นใครเหมือนท่านทั้ง 2 คนเลย
ส่วนรูปนั้นผมนำมาลงเพื่อให้เปรียบเทียบ ข้อมูลเก่าเท่านั้นครับ ขอบคุณอีกครั้งครับที่ ลัดคิวให้ ต้องขอโทษท่านสมาชิกอื่นด้วย ผมเองแหละ อิอิอิ

 

ขอโทษครับที่ขัดจังหวะ ประชาสัมพันธ์กันนิดหนึ่ง
คอนเสิร์ต 20 ปี 20 วัน สืบ นาคะเสถียร
คอนเสิร์ต 20 ปี สืบ นาคะเสถียร อย่าลืมคลิกๆ.
..ขอบคุณครับ

 

หากจะพิจารณา ผมชอบทรงพิมพ์ของพระสมเด็จองค์นี้ แต่มวลสารผมมองไม่เห็นครับ ส่วน 2 องค์หลัง ผมว่าเนื้อจะไม่ค่อยดีครับ

สรุปองค์แรก น่าจะแท้ครับ ถ้าผิวเปิดจะสวยกว่านี้ ต้องคล้องบูชาอย่างเดียวครับจึงจะเห็นมวลสาร

 

พิมพ์นี้น่าจะเป็นพิมพ์บางขุนพรหม แต่คราบกรุและมวลสารยังไม่ใช่ ผมว่าน่าจะเป็นของวัดใหม่ทองเสนมากกว่า รายละเอียดของพระสมเด็จวัดใหม่ทองเสนไม่ค่อยแน่ชัด จึงทำให้ยากต่อการสืบค้น และอ้างอิง

 

สวัสดีครับ ตอนนี้หลายๆวัดที่ห่างไกลกำลังขาดแคลนปัจจัยอยู่นะครับ ท่านใดมีกำลังพอช่วยได้ก็ช่วยนะครับ ช่วยวัดที่ขาดแคลนใกล้บ้านก่อน หรือบ้านเกิดก็ได้ครับ ผมก็ทำบุญทอดกฐินช่วยสร้างโบสถ์อยู่ ที่วัดเรียงกระดก อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ท่านใดสนใจทำบุญร่วมกับผมก็PM มาได้นะครับ ถ้าท่านเป็นประธาน รองประธาน ผมมีพระสมเด็จที่สะสมมอบให้ครับ กรรมการผมก็พยายามหาให้นะครับ ได้ใบอนุโมธนาบัตรไปลดหย่อนภาษีได้ครับ เงินทุกบาททุกสตางค์ผมให้วัดครับ ผมมีทุกอย่างพอแล้วครับ ขาดแต่บุญครับ ส่วนท่านที่มีทองเหลือง เงิน ทองแดงเก่า เก็บไว้ครับ ปีหน้าจะมีการหล่อพระประธาน หล่อแบบหลอมรวมครับ ถ้าท่านไม่มีก็ไม่เป็นไร ลงแรงก็ได้ครับ หรือส่งแรงใจได้นะครับ อนุโมธนาทุกท่านครับ

 

จริงๆ ผมปรารถนาที่จะให้พวกท่าน เล่าเรื่องที่ไปประสบมา จากการไปเจอเล่ห์เหลี่ยมของคนในวงการพระเครื่อง แล้วนำมาเล่าสู่กันฟัง จะได้มีทักษะป้องกันตัว หากอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจากวงการนี้

แต่ผมไม่ต้องการเปิดกระทู้ใหม่ เนื่องจากความไม่สอดคล้องของบทความ จึงพิจารณาว่า น่าจะมีคนที่ต้องการเล่าประสบการณ์ ที่ถูกเอาเปรียบมาให้เพื่อนได้รับรู้กัน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของวงการนี้

แต่การแสดงออก ขอไม่ระบุนามนะครับ จะได้ไม่ละเมิดผู้อื่น เดี๋ยวจะเป็นคดีความกัน

ยกตัวอย่าง

หลายปีก่อน ผมเคยเจอ ผู้ค้าพระเครื่องที่เป็นมิจฉาชีพ ที่นำพระเครื่องมาวางให้เช่าย่านเยาวราช เหตุการณ์นี้เกิดเพราะผมต้องการดูพระสมเด็จวัดระฆัง เลยขอเจ้าของพระดู จากนั้นตัวละครประมาณ 5 คน ก็เริ่มประกบผม เข้ามาทีละคน แต่ลีลาการเชียร์ต่างกัน พอผมส่องก็รู้ว่าปลอม ชนิดล้อมวลสาร และล้อทรงพิมพ์(จัดว่า*****) 1ใน5 แกล้งทำทีสนใจ และจะขอเช่าต่อถ้าผมไม่เช่า ส่วนเจ้าของพระเครื่องก็บอกว่าเย็นนี้จะมีคนมาเอาไป ให้ราคา 2 หมื่นบาท ถ้าผมเอาจะลดราคาให้ จากนั้นพอผมทำทีเล่นด้วย ทำเหมือนอยากได้ มีคน 2-3 คนมาขอดู ท่าทางสนใจเหมือนกัน ผมเลยตัดบทว่าช่วงนี้ไม่ได้นำเงินมา ไว้จะมาดูใหม่ พอผมเดินลับตาไป ผมนั่งดื่มน้ำอยู่เยื้องๆอีกฝั่งถนน ดารานำและตัวประกอบทั้ง 5 คน ก็เดินมาคุยกันพักใหญ่ แล้วก็ต่างแยกย้ายกลับไปนั่งตามจุดของตนตามเดิม

จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง ประสบการณ์นี้ คิดว่ายังมีคนใช้มุขนี้อยู่อีกมาก ระวังกันไว้นะครับ