มาให้กำลังใจเเม่ดร.เเม่ชีทศพร..จากหนึ่งเสียงของผู้ศรัทธา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ต้า จง ฉือ, 26 เมษายน 2011.

  1. มาลาภรณ์

    มาลาภรณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +22
    แม่ชีท่านก็คงคิดว่านี่เป็นบททดสอบ
     
  2. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    บางครั้งต้องใช้กุศโลบายเพื่อชักจูงคนที่มีปัญญาไม่มากให้เข้าวัด สมัยก่อนก็ เช่น ขนทรายเข้าวัด งานวัด ฯลฯ เพื่อวัดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่แม่ชีไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสม หากเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จะทำให้คนกลุ่มหนึ่งมีศรัทธามากกว่าปัญญานานเข้าก็จะงมงายสุดท้ายศาสนาอาจเข้าสู่ยุคเสื่อม เพราะศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาตร์ มีเหตุมีผล แม้แต่พระพุทธเจ้ายังไม่ให้เชื่อพระองค์เลย สอนเราในกาลามสูตร ท่านสอนให้เรารู้จักใช้ปัญญามากกว่าศรัทธา แม่ชีใช้คำพูดไม่เหมาะสม คำพูดแบบนั้นใช้ใด้กับบุคคลกลุ่มหนึ่ง(แบบชาวบ้านๆ) ถ้ารั่วไหลออกไปก็ยังย่อมเกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์ในความไม่เหมาะสมอยู่แล้ว โดยส่วนด้วยก็รู้สึกขัดใจที่ได้ยิน เพราะรู้สึกว่ามันหยาบไป(จะว่าดัดจริตก็ได้)

    ปัจจุบันศาสนาพุทธจะเผยแพร่ไปไกล โดยเฉพาะโลกตะวันตกที่ตอนนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก เขายึดถือวิทยาศาสตร์ ปรัชญา และเหตุผล ซึ่งพุทธกินขาดอยู่แล้ว เพราะพุทธมีความรู้ครอบจักวาลรวมทุกแขนง แต่ขอเว้นไสยไว้ไม่ได้เหรอ เพราะมันเป็นความรู้ในทางเสื่อม สอนให้คนงมงาย แก้โน้นแก้นี้แต่ไม่แก้ที่ตัวเอง สำหรับชาวบ้านที่ไม่รู้จักโลกมากนักมันก็พอถูไถเพราะเขาคิดอะไรหลายด้านไม่เป็น ไม่อยากให้ศาสนาพุทธเสื่อมลงเหมือนในอินเดีย (ที่เสื่อมลงเพราะเน้นพิธีกรรม อ่อนธรรมจนสุดท้ายศาสนาพุทธก็หายไป)

    เราควรใส่ใจแก้ไขที่ปัจจุบัน มากกว่าจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านเลยไปแล้ว มันได้แต่ความสบายใจ แต่หากให้เกิดประโยชน์สูงสุดต้องแก้ไขที่ตัวเอง ต้องอาศัยธรรมะเป็นเครื่องนำทาง เริ่มจากศีล เพื่อให้เข้าถึงสมาธิ เมื่อเกิดสมาธิปัญญาก็เกิดตามมา เมื่อมีสติมากขึ้นความผิดพลาดก็จะน้อยลง อย่างน้อยความดีที่มั่นทำก็จะช่วยเราได้ในยามที่เวรกรรมมาเยือน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มิถุนายน 2011
  3. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    ที่คุณเอกวีร์พูดก็ถูก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดที่ใช้มันไม่เหมาะสม ขาดความสำรวมและสองแง่สองง่ามที่นิยมใช้กันในวงสุรา (ซึ่งคำพูดประเภทนี้มีหลายๆคนที่ไม่ถูกจริตก็รับไม่ได้) เมื่อกระจายไปยังผู้คนในสังคม ย่อมเกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์ เมื่อคนเรามีจิตใจสูงต่ำไม่เท่ากัน ย่อมพึ่งระวังกับพฤติกรรมที่ส่งผลต่อศาสนา กฎต่างๆที่พระพุทธเจ้ากำหนดขึ้น ให้ผู้ทรงศีล เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั้งหลายมีจิตปฏิฆะ และมีบาปติดตัวไป โลกเราประกอบด้วยคนนานาประเภท หลายชาติหลายศาสนาหลายวัฒนธรรม ย่อมมีหลากหลายความคิด หลายคนมีปัญญาพอที่จะคิดถึงเหตุถึงผลในหลายๆด้าน หลายๆมุมมอง แต่หลายๆคนก็คิดอะไรซับซ้อนไม่เป็น จะคิดในมาตฐานเดียวว่าทุกคนมีความรู้เท่ากันหมดก็ไม่ได้ แม้แต่คนที่จบสูงๆแต่อ่อนความรู้เรื่องธรรมก็มากมาย เขาก็เข้าใจตามเหุตตามผลโดยอาศัยความเหมาะสมเป็นสำคัญ และไม่ใช่ว่าจะเห็นกันปุบก็ทราบเจตนาปั้บ ไม่มีสงสัย ก็คงสบายกันไปทุกผู้ทุกคน โลกนี้ก็ไม่มีคนเลวเหลือแน่นอน เพราะคิดอะไรชั่วๆไม่ได้ คิดเมื่อไหร่รู้ไปถึงต้นซอย ไม่มีใครโดนหลอก ไม่มีใครหลงผิด เพราะฉลาดมหัศจรรย์กันทุกคน (ก็สบายดีนะ)

    จะถือโทษว่าเพราะมีใจโสมม กิเลสเกาะกุมใจจึงคิดได้แต่เรื่องเลวๆ ก็ถือทิฐิมากไปหน่อย ถ้าไม่มีกิเลสก็ไม่มีใครได้เกิด ก็ต้องพัฒนาตัวเองฝ่าัฟันกัน ลองถูกลองผิดจนกว่าจะถึงนิพพาน กว่าจะถึงวันนั้นจะทำยังไงที่จะประคองศาสนาให้อยู่ต่อไปได้ ก็ต้องช่วยๆกัน ศาสนาพุทธในเอเชียเริ่มเสื่อมลงๆเรื่อยๆ เดี๋ยวทรงเดี๋ยวทรุด เมื่อก่อน หลายๆประเทศในเอเชียก็เป็นพุทธทั้งนั้น ตอนนี้จีนก็แทบไม่เหลือพระที่ออกบวช ญี่ปุ่นก็เป็นคนไร้ศาสนาเป็นส่วนมาก พุทธที่เหลืออยู่ได้ในญี่ปุ่นเพราะเป็นกิจการที่สืบทอดในครอบครัว เกาหลีใต้ก็คริต มีแต่พวกทางยุโรปที่เล็งเห็นคุณค่า ถึงไม่นับถือก็ศึกษาปรัชญา (ดีกว่านับถือศาสนาพุทธแต่ไม่ศึกษา ไม่ต่างกับพวกไม่มีศาสนา)

    แม้แต่ผู้ที่่ไปแก้กรรมกับแม่ชีเอง สามารถเข้าใจแบบที่คุณเอกวีร์เข้าใจได้ทุกคนจริงรึเปล่ามันก็ไม่แน่ ว่าจริงๆแล้ว นั้นเป็นกุศโลบายไม่ใช่ว่ากรรมที่มีหมดสิ้นไปแล้วจริงๆ แล้วจะทำยังไงกับคนที่ไม่เข้าใจ หากเขายึดติดเพื่อเปลือกของศาสนา แล้วศาสนาจะดำเนินไปในทิศทางใด ถ้าสุดท้ายคนกลุ่มนี้ยึดเป็นสำคัญจนเรื้อรังกลายเป็นความงมงายก็จะแก้ไขลำบาก ทุกคนมีความรู้สามารถไม่เสมอกันแน่นอน คนที่พอมีความรู้พอเอาตัวรอดได้ก็รอดไป คนที่ไม่ก็ซวยไปงั้นหรือ? ที่รู้แน่ๆคือความรู้ของศาสนาพุทธมันละเอียดมาก และจุดนี้ฉันเชื่อว่าเราไม่สามารถที่จะทำอะไรชุ่ยๆได้ ถึงเวลาแล้วรึยังที่แม่ชีจะพัฒนาการสอน เมื่อเขาเกิดศรัทธา ก็ป้อนปัญญาเข้าไปเลย ให้รู้จักคิดรู้จักพิจารณาเพื่อให้เกิดประโยชน์ยิ่งๆขึ้น และให้คนอื่นๆได้ฟังและเข้าใจโดยไม่สะเทือนอารมณ์ ว่านี้มันอะไรกัน ป้องกันไม่ให้ศรัทธากลายเป็นความงมงาย การที่ผู้คนนำเรื่องนี้มาถกกัน ก็เป็นประโยชน์ในกระบวนการคิดพิจารณา กลุ่มที่ศรัทธาจะได้แตกยอดออกมาเป็นปัญญาเริ่มคิดพิจารณาในหลากหลายๆแง่มุม คำนึงถึงผลดีผลเสียในหลายๆด้าน ส่วนผู้ที่ทัดทานหลายๆท่านก็ไม่ได้สักแต่มีอคติ แต่เป็นการยกเหตุผลต่างๆเพื่อให้ได้ขบคิด ถกกันเพื่อประเทือนปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2011
  4. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    คนที่ไม่ก็ซวยไปงั้นหรือ?


    คนที่ซวย คงมีไปแล้วหลายคน แล้วจะหาทางแก้อย่างไร ผู้ที่ศรัทธาในตัว ชีอย่างลึกซึ้ง

    ....เพราะคนที่ซวยหนึ่งในนั้น คือ พ่อเราเอง....
     
  5. ddty2k

    ddty2k สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
    เป็นกำลังใจให้แม่ชีครับ ผมอยากแก้กรรมนะครับ
    ยังไม่เคยพาสาวที่ไหนไปกอดในวัดเลยนะครับ
    จับแก้มก็ไม่เคยครับ อยากลองจัง ^-^
    แต่เหมือนพ่อแม่จะสอนว่า มันผิดศีลธรรมนะครับ
    อ๊าาา คิดหนักจังเลย อยากแก้กรรม ^-^
     
  6. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    ถ้ากรณีทำบาปกรรมมากเช่นนั้นแม่ชีท่านก็จะแนะนำให้แก้โดยการนั่งสมาธิคะ

    ก็จริงอยู่ที่กรรมทำไว้แก้ไม่ได้ แต่ทำดีหนีกรรมได้ จนกว่าจะถึงพระนิพพาน เหมือนเกลือหนึ่งช้อนหยดลงแม่น้ำ รสเค็มก็หายไปเพราะน้ำเยอะกว่า

    เราว่าแม่ชีไม่มีความผิด ท่านไม่ใช่สงฆ์ ท่านช่วยแก้ปัญหาแก่ลูกศิษย์ของท่านซึ่งก็ไม่ใช้ผู้ทรงศีลที่หวังบรรลุนิพพาน การแก้เคล็ดเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และพระสงฆ์ไม่สามารถช่วยฆาราสได้ด้วยวิธีเหล่านี้เพราะไม่ใช่กิจสงฆ์ แต่แม่ชีท่านไม่ใช่พระสงฆ์ท่านทำได้

    และผู้ที่ำตามคำแนะนำของแม่ชีก็กลับมีชีวิตที่ดีขึ้นทั้งนั้นเราพูดตามตรงว่าถ้ากระทรวงวัฒนธรรมจะทำอย่างนั้นจริงๆ ไปดูพระสงฆ์หลายๆท่านที่ช่วยคนทำเสน่ห์ ปิดป้ายใหญ่โต อวดอิทธิ์ฤทธิ์ปาฎิหารมีอยู่เยอะแยะถมไปยังไม่มีใครว่า

    ที่ร้ายที่สุดรายการ คิดเล่นเห็นจริงโดยคำผกากลับนำแม่ชีมากล่าวโจมตีเสียๆหายๆ ที่ท่านว่าผู้ชายมีบุญมากก่าหญิง 2000 เท่ามันก็เป็นเรื่องจริงเพราะขนาดภิกษุณีบวช 1000 วันยังต้องกราบพระสงฆ์ที่บวชแค่วันเดียวผู้หญิงต้องมีประจำเดือนทุกเดือน และออกลูก เท่านี้ก็เห็นชัดแล้วว่าลำบากกว่าผู้ชายและ มีร่างกายที่ถูกมองว่ามีไว้เฉพาะสวยงามและเป็นเครื่องบำเรอทางเพศ เวลาเราออกจากบ้านไปไหนจะเห็นได้ว่ามีแต่ป้ายรูปผูหญิงแต่งตัวโป้วๆ แปะรถเมล์ ป้ายรถเมล์ หน้าปกนิตยาสาร ในทีวี ๆ ดังนั้นการเปรียบเทียบของแม่ชีที่ว่าผู้ชายมีบุญมากกว่าก็ไม่ผิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2011
  7. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ผมคนหนึ่งที่ขอเป็นกำลังใจให้กับแม่ชีทศพรด้วย
    เกิดแต่กรรมธรรมะอยู่ในจิต
    เกิดแต่คิดจะทำหรือเมินเฉย
    เกิดเป็นคนอย่าได้หลงละเลย
    เกิดเพื่อเผยความดีสู่สังคม
    ท่านแม่ชีเคยผ่านเรื่องทุกข์ร้อน
    ท่านอดทนสั่งสอนทางเหมาะสม
    ท่านชี้แนวของพุทธะดับอกตรม
    ท่านขื่นขมเพราะคนต่ำซ้ำกันรุม
     
  8. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ตกลง ที่ศรัทธาแล้วได้ดีกัน มีแต่สูงๆ กันทั้งนั้นหรือ
    สงสัยมานานแล้ว ยกตัวเองไปหน่อยหรือเปล่า

    ถึงถามว่า คนที่เข้าใจมีแต่ พวกบัวปริ่มน้ำ บัวพ้นน้ำ
    สองเหล่าเท่านั้น กรุณาติดป้ายด้วย

    ไม่ได้มารุม แต่โกรธมาก ที่สอนอะไรผิดๆ แล้วหาว่า คนฟัง เป็นพวกระดับบ้านๆ เลยต้องสอนแบบ บ้านๆ

    งั้นคนบ้านๆ เรียนมาน้อย ไม่มีสิทธ์ฟังพระสงฆ์เทศนาได้งั้นหรือ หรือคนความรู้น้อย ต้องอ่านหนังสือ she เท่านั้น ถึงเข้าใจ

    หรือ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ที่จะสอนคนไม่มีความรู้
     
  9. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ไม่เห็นด้วย ญ เหล่านี้ เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ด้วยการขายเรือนร่าง
    งั้นคุณเป็น ญ /ญาติเป็น ญ ต้องแต่งตัวโป๊ ทุกคนหรือ

    เสื้อผ้า มีให้เลือกใส่ ทางมีให้เลือกเดิน
    จะเลือกอะไร.. อยู่ที่ปัญญา
     
  10. Pim_Li

    Pim_Li ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +20



    ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความที่เป็นประโยชน์บทความนี้
     
  11. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ท่านขื่นขมเพราะคนต่ำซ้ำกันรุม<!-- google_ad_section_end -->
    ทำไมผมถึงเขียนกลอนบทนี้ขึ้นมา ทั้งนี้เพราะผมเข้ามาให้เกียรติกับ เจ้าของกระทู้ข้างต้นมาให้กำลังใจเเม่ดร.เเม่ชีทศพร..จากหนึ่งเสียงของผู้ศรัทธา ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับผู้ที่ ร้อนตัว ใดใดทั้งสิ้น ซึ่งถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับคำสอนของท่านแม่ชี คุณก็ไปทำ กระทู้ ของพวกคุณกันเอง ไม่ต้องมาโพสต์ในที่นี้ ซึ่งส่วนมากเขาก็มาให้กำลังใจท่าแม่ชีกัน หวังว่าจะเข้าใจ และ ไม่เป็น คนต่ำ อีกต่อไป
     
  12. pat91

    pat91 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    ได้มีโอกาศพบแม่ชีที่ลอนดอน ก่อนพบกำลังกลุ้มใจกับลูกชายมากๆเค้าเกเรค่ะอายุ16ปีกำลังจะเสียคนคบเพื่อนไม่ดี ตอนนั้นกลุ้มใจมากอยากพบแม่ชีอยากให้แม่ชีช่วยเปิดกรรมให้ค่ะ ได้แต่อธิษฐานจิตขอพบแม่ชี แล้วโทรไปวัดที่เมืองไทยคิดแต่ว่าอยากพูดคุยทางโทรศัพย์ก็ยังดี คิดอยู่จะมีบุญได้พูดกับแม่ชีไหมน่ะ ปาฏิหาริย์มีจริงค่ะ พระที่วัดบอกมีคนนิมนต์แม่ชีกำลังเดินทางมาลอนดอน เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตอบรับคำขอไม่ทอดทิ้งเราค่ะ ก็เลยพยายามสอบถามแม่ชีอยู่ส่วนไหนของลอนดอน ยากเหมือนกันค่ะ แต่บุญจะได้พบก็ได้พบ มีเพื่อนโทรมาถามพรุ่งนี้ว่างไหม เค้านิมนต์แม่ชีมาที่ร้านถ้าว่างให้มาได้เลย ดีใจมากๆค่ะ ได้พาลูกชายไปกราบแม่ชี นั่งกันอยู่30กว่าคนแม่ชีชี้ถามเรา โยมกำลังกลุ้มใจเรื่องลูกอยู่ใช่ไหม เรานํ้าตาไหลเลยค่ะ แม่ชีถามขอแม่พูดได้ไหม เราบอกได้ค่ะ แม่เลยเปิดกรรมให้ลูกเราว่า ชาติที่แล้วลูกชายเป็นคนโมโหร้ายได้ทะเลาะกันและถูกคนตีตายโดยฉเพราะตีหัวอย่างหนักเกิดมาชาตินี้จะมีโรคประจำตัวคือปวดหัวบ่อยๆโดยไม่มีสาเหตุ เราบอกจริงค่ะลูกชายต้องพกยาแก้ปวดประจำค่ะ แม่ชีถามเค้ายิ่งโตยิ่งโมโหร้ายใช่ไหมเราบอกใช่ค่ะ แม่ชีบอกถ้าไม่เจอแม่ชีโตขึ้นเค้าจะเป็นนักเลงอีกและจะไปตามฆ่าคนที่ฆ่าเค้าชาติที่แล้วอีก แต่มาเจอแม่ชีเค้าหมดกรรมแล้วน่ะ แม่ชีถามโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราบอกลูกชายอยากเป็นทหารหรือตำรวจค่ะ แม่ชีบอกมาให้แม่ชีกอด1ทีเป่าหัวแล้วแม่ชีพูดว่า หนูหมดกรรมแล้วนะลูกขอให้หนูได้เป็นทหารหรือตำรวจสมใจห้ามหนูไว้ผมยาวน่ะ แม่ได้ เมตานำรูปลูกชายไปสวดให้พรต่อที่เมืองไทยค่ะ ตั้งแต่นั้นมาเค้านิ่งขึ้นใจเย็นขึ้นร่าเริงแจ่มใส่สงบเชื่อฟังมากขึ้นตั้งใจเรียนค่ะ อายุ18ปีสอบติดตำรวจอาสาของอังกฤษฝึกงาน1ปีจบแล้วเจ้านายส่งไปสอบบรรจุกินเงินเดือนเต็มค่ะรอฟังผลเดือนหน้าค่ะ ถ้าบรรจุได้เงินเดือนเริ่มที่ปีล่ะ£26000-£32000ถ้าได้เดือนแรกจะส่งไปร่วมทำบุญกับแมชีค่ะ ถ้ากลับเมืองไทยจะให้เค้าไปกราบแม่ชีค่ะที่วัด เขียนเพื่อเป็นวิทยาทาน และสรรเสริญกราบไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และครูบาอาจาร์ทุกๆองค์ทุกๆพระองค์ค่ะ
     
  13. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    พระนะท่านสอนชาวบ้านได้คะ แต่ที่ไม่ใช่กิจสงฆ์เพราะการสอนหลักของพระสงฆ์คือมุ่งเน้นให้คนทุกคนสามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็อย่างที่บอกไป ข้างต้น คนที่มาหาแม่ชีส่วนใหญ่คือคนธรรมดาที่เค้ามีทุกข์จากเรื่องครอบครัว ที่มีทุกข์แน่นอนเพราะไม่มีความรู้เรื่องพระธรรม ครั้นจะไปบอกพระสงฆ์ถึงปัญหาและให้พระช่วย พระท่านก็บอกให้ตัดกิเลสและปฏิบัติธรรมเต็มรูปแบบเพื่อจะได้พ้นทุกข์ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านที่ต้องการแก้ปัญหาทางโลกจะอยากทำ เหมือนคนรุ่มร้อนมา แล้วคุณบอกให้เขานั่งสมาธิ คุณคิดว่าเขาจะนั่งได้ไหม?
    ไม่ต้องยกตัวอย่างว่าคนบ้านๆจะไม่เข้าใจ คนระดับดร.ฆ่าตัวตายหรือฆ่าคนก็มีให้เห็นเยอะแยะไป
    ดังนั้นคนเหล่านี้ต้องการการกล่อมเกลาเสียก่อน พื้นฐานคนเราชอบเรื่องอิทธิปาฏิหาร เรื่องชาติก่อน เรื่องของตัวเอง ดังนั่นจึงเกิดความศรัทธาแม่ชีเพราะท่านบอกตรงจุดเรื่องบาปที่เคยทำมา ส่วนเรื่องจะไปนิพพานหรือไม่นั่น เวลาคนเราแก้ปัญาหาทางครอบครัวได้สำเร็จและเลื่อมใสในศาสนา ความสุข ความพร้อม ที่จะนั่งสมาธิให้เกิดปัญญาก็จะตามมาทีหลัง แน่นอนว่าบางคนอาจรู้รสพระธรรมได้โดยไม่ต้องใช้วิธีเหล่านี้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่เหมือนกันดังนั่นจึงแสวงหาผู้รู้ที่มีแนวทางการสอนต่างกันไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  14. contra4

    contra4 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    ให้กำลังใจครับ
     
  15. marty

    marty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +439
    อนุโมทนาบุญกับท่านแม่ชีทุกปราการจ้า

    อย่าโยนความเกลียดชังส่วนตัวไปให้กับคนอื่นที่เขาไม่ได้มีความเกลียดนี้ด้วย หมายควาามว่า หากจะลงนรก ก็ต้องลงคนเดียว

    ตัวเองไม่ชอบแต่คนอื่นอาจชอบ ต้องรู้จักให้อภัย และเดินสายกลาง มีจิตเมตตาต่อทุกๆคน สมัยนี้ ปัญหาในโลกก็มีล้านคดี ยังแก้ไขไม่หมดเลย

    อย่้างน้อยแม่ชีท่านก็ช่วยเหลือคนอีกมากมาย แล้วเราได้เคยช่วยเหลือชีวิตคนหนึ่งให้พ้นทุกข์แบบแม่ชีไหม ขนาดเอาตัวเอง ยังไม่รอดเลย

    คุณโกรธ เกลียดแม่ชีแต่แม่ชีไม่เคยโกรธเกลียดคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2013
  16. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ภิกษุคือผู้ที่สำรวมในกาย วาจา ใจ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลในอยาตนะทั้งห้า คือ ควบคุมตา หู จมูก ลิ้น กาย ให้อยู่ในความปกติ เป็นผู้ที่เดินตามทางแห่งความพ้นทุก์ด้วยอริยมรรคอย่างดีแล้ว ชอบแล้ว
    เป็นผู้ที่ควรแก่การสักการะ และเป็นผู้ที่สั่งสอนปวงสรรพสัตว์และนำออกจากห้วงโอฆะสาคร
     

แชร์หน้านี้

Loading...