มีพระพุทธเจ้า อยู่ในอีกจักรวาลหนึ่งในอนันตจักรวาลซึ่งเผยแผ่พุทธศาสนา

ขอเสือกเหมือนกันค่ะ อิอิ ผู้ที่เห็นว่าเป็นเมืองแก้วนั้น เพราะผู้ที่ไปเห็นใช้มโนมยิทธิในการมอง แล้วแต่ว่าจะมองเป็นเมืองหรืออะไร เหตุผลที่มองเห็นเป็นเมืองแก้ว แต่ต้องย่อส่วนของจิตเข้าไปสำรวจภายใน จริง ๆ แล้วไม่ได้ย่อส่วนอะไร เพียงแต่สภาวะของจิตนั้นมันเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง จิตอยู่ในส่วนของกระแสนิพพาน และใช้มโนมยิทธิเป็นการมองเห็นเป็นเมืองแก้ว และสภาวะในนั้นไม่มีอะไร มีแต่ความว่างเปล่า นั่นคืออนัตตา แต่ถ้ามองแต่ผิวเผินภายนอกเป็นเมืองแก้วจริง ๆ ทางสายกลางระหว่างพรหม กับอรูปพรหม นั่นคือ ส่วนของเจโตวิมุตติ จะเลยไปกว่านั้นมิได้ ต้องใช้ปัญญาในการรู้แจ้ง และคลายความกำหนัด ไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตน จึงจะรู้แจ้งในนิพพานได้

 

เป็นเช่นนั้นเหรอครับ..

 

โดน...

 

บร้า ใครบอกว่าเราหงุดหงิด ไม่เกี่ยวกับกระทู้นั้น ใครตั้งก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก อิอิ นั่งยิ้มอยู่หน้าคอม คนเค้าจะว่าเราบร้าอยู่ อิอิ ยิ้มได้ท้างวัน

;aa13

 

เปลี่ยนตำราซะ มันช้า ^-^

 

ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ เติมเต็ม ^-^

 

สนุกดี

 

โอ้โหความคิดเกินวัยหรือป่าวนี่ผู้ใหญ่หลายคนเกิดแล้วตายยังคิดไม่ได้หยั่งนี้นะนี่. จุดประกายนะครับคำถามแบบนี้น่าค้นหานะครับแต่ผมคงไม่มีปัญญาแน่นอนครับขอแค่เดาเอาก็และกันครับ. ผมคิดว่าถ้าแต่ละจักรวาลมีพระพุทธเจ้าของแต่ละจักรวาลดั่งที่มีอยู่ในพระไตรปิกก นิพพานของแต่ละจักรวาลก็น่าจะเช่นกัน. ลักษณะของพระพุทธเจ้านั้นมีบอกไว้ในพระไตรปิฏกนะครับ ลักษณะมหาบุรุษแต่จะเหมือนตามฝาผนังวัดหรือป่าวนี่ไม่ทราบครับ(คิดว่าไม่น่าจะเหมือน). ส่วนองค์ปถมไม่แน่ใจว่าหมายถึงปถมจริงๆหรือป่าวหรือปฐมครับเพราะความหมายต่างกันเยอะนะครับนี่ผมไม่ได้กวนนะครับ. องค์ปฐมนี่อาจเป็นไปได้ทั้งของจักรวาลเราและองค์แรกสุดของอนันตจักรวาลครับ.

คำถามของน้องนี่จุดประกายให้คิดนะครับว่าสรรพสัตว์นี่มีมากขนาดไหนกันแน่ขนาดพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้และขนสัตว์ไปตั้งนับไม่ถ้วนพระองค์แล้วที่ผ่านมาแก็ยังไม่หมดสักทีโอโหนี่มันอจินไตยจริงๆนะนี่. และเอ...พระพุทธเจ้าที่มีบารมีต่างกันนี่ความเป็นสัพพัญญูจะต่างกันด้วยหรือเปล่าครับ. ว้าปวดหัวแย้วละไปกินยาดีกว่า.

 

พระพุทธเจ้ามีในโลกธาตุอื่นแน่นอน มีนับไม่ถ้วนด้วย
แต่รู้สึกว่าในสหัสโลกธาตุหนึ่งๆ จะมีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้พระองค์เดียวนะครับ
ไม่เกี่ยวอะไรกับจักรวาลคู่ขนานครับ
อันนั้นออกแนวนิยายวิทยาศาสตร์

ปล.ที่พระโมคคัลลานะเถระท่านไปเจออะครับ
คือพระอมิตายุสะสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
ออมีทอฝอ

 

อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน

 

คุณ fernezzo คะ เห็นก็ยังไม่ได้เห็น หูก็ยังไม่ได้ยิน ตอนนี้อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า อิๆ ทำได้มากที่สุดตอนนี้คือดูลมหายใจของตัวเอง (เมื่อก่อนขี้เกียจหายใจ อายจัง)

ขอบคุณทุกๆความเห็นน่าสนใจมากค่ะ ท่องเที่ยวจักรวาลคู่ขนานได้เมื่อไหร่จะมาเล่าบ้าง(โห จะทำได้ไหมเนี้ย ชาตินี้ เอาน่า สู้ๆ นั่งได้๓๐นาทีเมื่อไหร่ก็เป้นการเริ่มต้นแล้ว)

อนุโมทนาสาธุกับกระทู้ค่ะ

 

ขออนุโมทนา สหธรรมิก ทุกท่านครับ

 

นิพพาน คือ สภาวะจิต คือ โล่ง ว่าง และ เต็ม โดยมีแต่เชิงบวกทางบวก มีแต่สุข

ลองค้นๆดูในกระทู้ผมดูครับ
https://palungjit.org/threads/เวิร์ส-ภพภูมิ-พหุภพ-ตายแล้วไปไหน.723933/

เพื่อทำความเข้าใจกับ
1 กฏฟิสิกส์
กฏแห่งกรรม เช่น f<=f> กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
2 กฏสรรพสิ่ง
ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ หนึ่งเดียวกัน(จิตเดียวกัน ที่เหมือนการแบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนตนเอง และมีต้นกำเนิดเดียวกัน) เพียงแต่ต่างเวลา ที่เห็นคือเงาตัวเอง อดีต ปัจจุบัน และกำหนดเส้นทาง อนาคต จากปัจจุบัน
3 กฏแรงดึงดูด
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะแปลกประหลาด ผิดเพี้ยน อย่างไรก็มีหมดใน เพียงแต่อาจจะเป็น 1 เดียวของดาว 1 เดียวของระบบสุริยะ 1 เดียวของแก็กซี่ 1 เดียวในเอกภพ แม้แต่ 1 เดียวในพหุภพ
อนันตจักรวาล (พหุภพ #จักรวาล ความหมายของพุทธศาสนา หมายถึง แกแล็กซี่ แต่ปัจจุบัน มัก หมายถึง เอกภพ)
และเราหมกมุ่น /มีความเชื่อ/สไตล์ ไหน ทั้ง ชอบ/ไม่ชอบ ก็จะเจอแนวนั้นโดยขึ้นอยู่กับกรรม ครับ บุญเยอะหน่อยก็เจอที่ชอบที่ใช่ บาปเยอะหน่อยก็มักเจอที่ไม่ชอบไม่ถูกใจ
^_^