มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    *****เมื่อวานได้จัดส่งวัตถุมงคลให้เพื่อนสมาชิก 1ท่านครับ เลขจัดส่งems ตามใบฝอยครับ SAM_7785.JPG
     
  2. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 223 พระกริ่งรุ่นเเรกหลวงปู่ศรี สิริธโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าโนนทองอินทร์ อ.กู่เเก้ว จ.อุดรธานี องค์พระกริ่งสร้างปี 2555 เนื้อทองเหลือง สร้างเนื่องหลวงปู่อายุครบ 72 ปี มีตอกโค๊ต ตัวเลข ๑ หลังองค์พระ มาพร้อมกล่องเดิมจากวัด ใต้ก้นองค์พระหลวงปู่จารย์ยันต์เต็มเลยครับ กริ่งดังดี หายากมาก หลวงปู่ศรีท่านเป็นสหธรรมมิกรุ่นพี่หลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าหนองช้างคาว อาจารย์องค์เดียวช่วงที่บวชใหม่ๆ คือหลวงปู่ศรี อุตจโย(เป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) มีเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคล *****บูชาที่ 555 บาทฟรีส่งems
    ขอเชิญร่วมงานบุญอายุวัฒนมงคล ๗๒ ปี หลวงปู่ศรี สิริธโร ณ วัดป่าโนนทองอินทร์ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ๕-๗ ก.พ.๒๕๕๕


    978.jpg

    ขอเชิญร่วมงานบุญอายุวัฒนมงคล ๗๒ ปี หลวงปู่ศรี สิริธโร ณ วัดป่าโนนทองอินทร์ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี
    ในวันที่ ๕-๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ SAM_7787.JPG SAM_7788.JPG SAM_7789.JPG SAM_7790.JPG SAM_7793.JPG
     
  3. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองนะครับ
     
  4. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 224 รูปเหมือนหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์รุ่น 2 หลวงปู่สอ พันธุโล พระอรหันต์เจ้าวัดป่าหนองเเสง อ.เมือง จ.ยโสธร หลวงปู่สอเป็นศิษย์พระหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด เนื้อกะไหล่ทอง ก้นทองเเดง มีพระเกศาหลวงปุ่มาบูชา >>>>>>บูชาที่ 755 บาทฟรีส่งems SAM_0857.JPG SAM_7798.JPG SAM_7800.JPG SAM_7609.JPG SAM_7795.JPG
     
  5. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    *****สมาชิกที่สนใจ โอนเข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพ สาขาบ้านเเพง เลขบัญชีที่ 496-055842-9,ธนาคาร กรุงไทย สาขาบิ๊กซี ลำพูน เลขบัญชี 854-0-31280-8,ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเสนา เลขที่บัญชี 016-3-45911-6, ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเสนา เลขที่บัญชี 770-270878-6 ขอขอบคุณครับ
     
  6. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 225 เหรียญรุ่นให้พร+ล็อกเก็ตเข็มกลัดจัมโบ้พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เหรียญสร้าง 12 สิงหาคม 2553(วันเกิดหลวงตา) เนื้อกะไหล่ทอง หน้ากากทอง มีตอกโค๊ตดอกบัว มาพร้อมกล่องเดิม มีพระเกศา,พระธาตุมาบูชาด้วยครับ (พระใหม่ไม่เคยใช้ ทันพระหลวงตาครับ ท่านละสังขาร ปี 2554) ******บูชาที่ 450 บาทฟรีส่งems sam_7559-jpg.jpg sam_7560-jpg.jpg sam_0510-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6893-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6894-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6895-jpg-jpg-jpg.jpg sam_2767-jpg-jpg-jpg.jpg
     
  7. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 226 พระบูชารูปเหมือนนั่งเต็มองค์หลวงปุ่พระครูเทพโลกอุดร สร้างปี 2549 เนื้อทองเหลือง(หนักมาก) ขนาดกว้าง 3 นิ้ว สูง 10 นิ้ว >>>>>>>>รายการนี้มีเเถมมอบพระบูชาขนาดติดตั้งบูชาหน้ารถ สูง 3 นิ้ว ฐานกว้าง 1 นื้ว เนื้อโลหะผสม ก้นมีอุดผงอังคารธาตุ,พระธาตุข้าวบิณฑ์,พลอยเสก,ฝ้ายเสก,พระธาตุพระอรหันต์ธาตุ*******[บูชาที่ 6,900 บาทฟรีส่งems (ปลุกเสกโดยหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน)
    ประวัติของบรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร
    ประวัติของบรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร

    กล่าวย้อนไปถึงอดีตกาล พุทธศักราชผ่านพ้นไป ๓๐๓ ปี (ตามหลักฐานบันทึกในหนังสือมหาวงศ์พงศาวดารลังกา คำบรรยายของหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ (ป่วน อินทุวงศ์) อดีตภัณฑารักษ์เอก กรมศิลปากร) และตามหลักฐานของวัดเพชรพลี (บันทึกอักษรเทวนาครี ขุดค้นพบ ณ ซากศิลา วัดคูบัว ตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี) ว่า พระพุทธศาสนาได้เริ่มแพร่เข้าสู่แคว้นสุวรรณภูมิในปีพุทธศักราช ๒๓๕ ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันถึง ๖๘ ปี พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ทรงกระทำตติยสังคายนาพระไตรปิฎก คือ การชำระพระไตรปิฎกขึ้นเป็นครั้งที่ ๓ ครั้นแล้วจึงอาราธนาพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ องค์อรหันต์เป็นประธานคัดเลือกบรรดาพระอรหันต์เถระออกทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ พระเจ้าอโศกมหาราชกับพระโมคัลลีบุตรติสสเถระ ได้มีความเห็นร่วมกันว่า ในอนาคตพุทธศาสนาอาจไม่มั่นคงอยู่ในอินเดีย จึงเห็นควรส่งพระสมณทูตออกไปเผยแผ่ในส่วนต่าง ๆ ของอินเดียและในต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ จึงมีการส่งพระสมณทูตออกประกาศพุทธศาสนา โดยแบ่งออกเป็น ๙ สาย ภายใต้พระราชูปถัมภ์ของพระเจ้าอโศกมหาราช พระสมณทูต ๙ สาย คือ
    สายที่ ๑ มีพระมัชฌันติกเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย คือ แคว้นกัษมีระ (แคชเมียร์) และแคว้านคันธาระ

    สายที่ ๒ มีพระมหาเทวเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาทางทิศใต้ของประเทศอินเดีย คือ แคว้นมหิสมณฑล (ปัจจุบัน คือ รัฐไมซอร์)

    สายที่ ๓ มีพระรักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย ซึ่งได้แก่ แคว้นวนวาสีประเทศ

    สายที่ ๔ มีพระธรรมรักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาแถบชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย อันได้แก่ แคว้นอปรันตกชนบท (ปัจจุบัน คือ แถบบริเวณเหนือเมืองบอมเบย์)

    สายที่ ๕ มีพระมหาธรรมรักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบอมเบย์ อันได้แก่ แคว้นมหาราษฎร์

    สายที่ ๖ มีพระมหารักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาที่โยนกประเทศ (กรีซ)

    สายที่ ๗ มีพระมัชฌิมเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาทางดินเดียภาคเหนือ (แถมเทือกเขาหิมาลัยและประเทศเนปาล)

    สายที่ ๘ มีพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาในแถบสุวรรณภูมิ (ดินแดนที่เรียกว่า สุวรรณภูมิ ไม่อาจตกลงกันได้ว่าที่ใด แต่มีความเป็นกว้าง ๆ ว่า คือดินแดนที่เป็นประเทศพม่า (เมียนมาร์) ไทย ลาว ญวน เขมร และมลายู)

    สายที่ ๙ มีพระมหินทเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนา ณ ลังกาทวีป (ปัจจุบัน คือ ศรีลังกา)

    สำหรับดินแดนในเขตสุวรรณภูมิ พระโสณเถระ เป็นสมณทูตที่เข้ามาประกาศพระศาสนาได้แสดงธรรมในพรหมชาลสูตรเป็นปฐมเทศนา และได้นำพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาพร้อมกับพระอรหันต์อีก ๔ องค์ ได้แก่ พระอุตตรเถระ พระฌานียเถระ พระภูริยเถระ และพระมุนียเถระ มีสามเณร อุบาสกอุบาสิการ่วมคณะ จำนวน ๓๘ คน ได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าสุวรรณภูมิราชาหรือพระเจ้าโลกละว้า ที่เมืองคูบัว ราชบุรี เมื่อเดือนกัตติกมาส หรือเดือน ๑๒ พุทธศก ๒๓๕ (ก่อน ค.ศ. ๓๐๘)

    การเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดำเ นินจนมาถึง พ.ศ. ๒๖๔ (ก่อน ค.ศ. ๒๗๙) พระโสณเถระจึงได้สร้างวัดขึ้นเป็นแห่งแรก ณ เมืองเถือมทอง อยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ให้พระภูริยเถระเป็นผู้ทำนิมิตพัทธสีมา ในปีพฬศ. ๒๖๕ (ก่อน ค.ศ. ๒๗๘) และได้สร้างพระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นทรงบาตรคว่ำเหมือนพระสถูปที่เมืองสาญจีในประเทศอินเดีย มีชื่อว่า "วัดพุทธบรมธาตุ" จนพระพุทธศาสนาได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติของไทยในปัจจุบัน
    >>>>> คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะพระโสณะและพระอุตตระ)

    ๑. หลวงปู่พระอุตตรเถระเจ้า

    ๒. หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า

    ๓. หลวงปู่พระมูนียเถระเจ้า

    ๔. หลวงปู่พระฌาณียเถระเจ้า

    ๕. หลวงปู่พระภูริยเถระเจ้า
    ในคำจารึกอักขรเทวนาครี ฉบับวัดเพชรพลี ปรากฏข้อความที่พิศดารยิ่งขึ้น โดยกล่าวถึงคณะพระธรรมฑูตได้เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยทางเรือประกอบด้วย พระโสณะ พระอุตตระ พระมูนิยะ พระฌานียะ พระภูริยะ สามเณรอิสิจน์ สามเณรคุณะ พระสามเณรนิตตย เขมกะอุบาสก อนีฆาอุบาสิกา อดุลยอำมาตย์และคุณหญิงอดุลยา พราหมณ์และนางพราหมณี ผู้คนอีก ๓๘ คน ได้มาพักที่วัดช้างค่อม (นครศรีธรรมราช) เมื่อวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือนอ้าย พ.ศ. ๒๓๕ ออกบิณฑบาต วันขึ้น ๑๕ ค่ำ แล้วเทศนาพรหมชาลสูตรและได้วางวิธีอุปสมบทญัตติจตุตถกรรมวาจา โดยใช้อุทกเขปเสมาหรือเสมาน้ำและได้วางเพศชีไทยโดยถือแบบเหล่าพระสากิยานี ซึ่งเป็นต้นของพระภิกษุณีโดยบวชหรือบรรพชาไม่มีเรือน ออกจากเรือน (อาคารสมา อนาคาริยปพพชชา) ได้วางวิธีสวดปาติโมกข์หรืออุโบสถกรรม ปวารณากรรม

    เมื่อพระเจ้าโลกละว้าราชา (เจ้าผู้ครองแคว้นสุวรรณภูมิ) รับสั่งให้ มนต์ขอมพิสนุ ขอมเฉย ขอมสอน ขอมเมือง สร้างวัดมหาธาตุ ท่านได้วางวิธีกำหนดนิมิตผูกขันธ์สีมา พ.ศ. 238 เดือน 5 ขึ้น 15 ค่ำขณะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ท่านได้สอนพระบวชใหม่ให้ท่องพระปาฏิโมกข์จบหลายองค์ แล้วจึงวางวิธีสวดสาธยายโดยฝึกซ้อมให้คล่อง เมื่อคล่องแล้วจึงจะสัชณายกันจริงๆ ท่านให้มนต์ขอมปั้นพระพุทธรูปด้วยปูนขาวเป็นพระประธานในโรงพิธี เมื่อเรียบร้อยแล้วท่านวางวิธีกราบสวดมนต์ไหว้พระ เห็นดีแล้วจึงให้สร้างพระพุทธรูปประจำพระอุโบสถ จึงเป็นธรรมเนียมสืบต่อกันมา ท่านได้วางวิธีกฐินและธุดงค์ไปในเมืองต่างๆ คือ การเที่ยวจาริก

    การสร้างพระพุทธรูปในสมัยดังกล่าวนี้ ก็ล้วนเป็นสิ่งสมมุติ มีพระพุทธรูปเป็นองค์สมมุติ พระสงฆ์ก็เป็นเพียงสมมุติสงฆ์ ส่วนพระธรรมนั้นเป็นเพียงเสียงสวด ท่านจึงใช้วงล้อเกวียนประดิษฐ์เป็นธรรมจักรแทนพระธรรม กับมี มิค (มิ–คะ) คือสัตว์ประเภท กวาง ฟาน หรือเก้ง เป็นเครื่องหมาย ในสมัยสุวรรณภูมิ

    พระพุทธรูปที่มีกวางกับธรรมจักรกลับไม่มี การสร้างหรือออกแบบในสมัยนั้น มีอยู่สี่ลักษณะด้วยกันคือ (ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมจักร และปรินิพพาน) มีอักษรเทวนาครีจารึกระบุพระนามว่า โลกกน แบบประภามณฑลมี ๓ วงซึ่งเป็นเครื่องหมายพระนามว่า “โลก” คือ วัฏฏ ๓ แบบโปรดสหาย พระยศ ส่วนปางมารวิชัยและปางสมาธิมีทุกสมัย

    ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๙ พระโสณะกับพระเจ้าโลกละว้าราชา ได้ส่งพระภิกษุไทย ๑๐ รูป มีพระญาณจรณะ (ทองดี) เป็นหัวหน้า ๓ รูป อุบาสก อุบาสิกา ไปเรียนและศึกษา ณ กรุงปาตลีบุตรแคว้นมคธ นับเป็นเวลา ๕ ปี พระญาณจรณะ (ทองดี) ท่านนี้ปรากฏหลักฐานเพียงรูปของพระพิมพ์ มีลักษณะอวบอ้วนคล้ายพระมหากัจจายนเถระเจ้า ด้านหลังมีรูปพระ ๙ องค์เป็นอนุจร หรือบวชทีหลัง คนชั้นหลังเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นองค์เดียวกับพระมหากัจจายนเถระเจ้า และเรียกเพี้ยนเป็นพระสังขจาย เรียกกันมานานนับพันๆ ปี ศัพท์สังขจายไม่มีคำนิยามในพจนานุกรม พุทธสาวกทุกพระองค์จะมีนามเป็นภาษาบาลีทั้งสิ้น ไม่มีนามเป็นภาษาไทย พระญานจรณะ (ทองดี) บรรลุอรหันต์และจบกิจนานนับพันปีแล้ว ปัญหาเช่นดังกล่าวนี้หากนำพระปิดตาขึ้นมาพิจารณาก็ยากที่จะตัดสินว่าเป็นพุทธสาวกองค์ใดกันแน่ อาจจะเป็นพระมหากัจจายนเถระเจ้า ปางเนรมิตวรกายก็ได้ อาจจะเป็นพระควัมปติเถระ ก็ได้ เป็นพุทธสาวกทรงเอตทัคคะด้วยกัน แต่เป็นคนละองค์ คำว่า พระควัมบดี ไม่มี)

    ลุปี พ.ศ. ๒๔๕ พระเจ้าโลกละว้าราชาสิ้นพระชนม์ ตะวันทับฟ้าราชบุตรขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระนามว่า ตะวันอธิราชเจ้า ถึงปี พ.ศ. ๒๖๔ พระโสณเถระใกล้นิพพาน พระโสณเถระอยู่ ณ แดนสุวรรณภูมิ วางรากฐานธรรมวินัยในพระบวรพุทธศาสนา เป็นระยะเวลา ๒๙ ปี และท่านนิพพานในปีนั้น หลักฐานต่างๆ ตามที่กล่าวจารึกด้วยอักษรเทวนาครี ขุดพบที่โคกประดับอิฐ ตำบลคูบัว จังหวัดราชบุรี พบรูปปั้นลอย องค์ลักษณะนั่ง ลักษณะนั่งห้อยเท้า มีลีลาแบบปฐมเทศนา มีเศียรโล้น ด้านหนึ่งจารึกว่า โสณเถระ ด้านล่าง อุตตรเถระ ด้านล่างสุด สุวรรณภูมิ มีอยู่ด้วยกัน ๕ องค์ ผู้ค้นพบทุบเล่น ๓ องค์ เหลือเพียง ๒ องค์ ตกเป็นสมบัติของวัดเพชรพลี ส่วนครบชุด ๕ องค์ คือ พระโสณเถระ พระอุตตรเถระ พระมูนียเถระ พระฌานียเถระ และพระภูริยเถระ ในท่านั่งแสดงธรรม สมัยต่อมาในรัชกาลที่ ๔-๕ มีการสร้างแบบพระสมเด็จขึ้น แล้วเห็นเป็นพระสมเด็จผิดพิมพ์อีกด้วย จึงเป็นการสับสนสำหรับผู้ที่ไม่รู้จริง

    จะเห็นได้ว่าตามหลักฐานบันทึก กล่าวเพียงพระโสณเถระ ไม่ได้กล่าวถึงพระอุตตรเถระ (อุตร ก็คือ อุดร) เป็นปัญหาว่า หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรเป็นองค์ใดกันแน่ เพราะในสมัยปัจจุบันกล่าวถึงบรมครูพระเทพโลกอุดร ไม่มีใครรู้จักพระโสณะเถระ ข้อเท็จจริง ท่านทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต องค์พี่คือพระอุตตระ มีร่างกายสันทัด องค์น้องคือพระโสณะ มีร่างกายสูงใหญ่ มีฉายาว่าขรัวตีนโต ถ้านำพระธาตุมาตรวจนิมิตจะบอกว่า โสณ-อุตตร ไม่แยกจากกัน องค์น้องบรรลุอรหันต์ก่อนองค์พี่ แต่มีความเคารพองค์พี่มากต้องกราบองค์พี่ แต่เหตุที่บรรลุก่อนพี่ชายจึงเรียกว่า โสณ-อุตตร ไม่เรียกว่า อุตตร-โสณ ฉะนั้น หลวงปู่ใหญ่ก็คือ พระอุตตระ นั่นเอง ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี กล่าวพระนามขององค์ท่านว่า พระโสอุดรพระโลกอุดร
    บุคลิกภาพและจริตแห่งพระเทพโลกอุดร
    องค์ที่หนึ่ง พระอุตตรเถระ หรือหลวงปู่ใหญ่ คือหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ลักษณะรูปร่างสันทัด ผิวกายค่อนข้างดำคล้ำ จึงมีฉายาว่า “หลวงพ่อดำ” มีจิตเยี่ยงพระโพธิสัตว์เจ้า บรรลุอภิญญาหก แต่ในบทสวดกล่าวว่าเตวิชโชคือวิชชาสาม ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับปฏิสัมภิทาญาณ แต่ในบทสวดก็กล่าวว่าท่านบรรลุซึ่งปฏิสัมภิทาญานเช่นกัน ท่านได้วางหลักสูตรในการฝึกสมาธิซึ่งเรียกว่า “วิทยาศาสตร์ทางใจ” มิใช่วิชาไสยศาสตร ์และมิใช่มายากล ศิษย์ในดงนอกดงสามารถแปรธาตุได้ เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน, หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า, ท่านอภิชิโต ภิกขุ, อาจารย์พัว แก้วพลอย, อาจารย์ฉลอง เมืองแก้ว และหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นต้น

    ท่านเชี่ยวชาญในวิชาแพทย์และเภสัชกรรม ใจดีประกอบด้วยเมตตา มีอารมณ์ขัน หากจะกล่าวถึงหัวหน้าคณะพระธรรมฑูตซึ่งเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังสุวรรณภูมิแหลมทอง คงได้แก่ พระโสณเถระ ซึ่งท่านเป็นน้องชายพระอุตตรเถระ แต่บรรลุอรหันต์ก่อนพี่ชาย บทบาทของพระอุตตรเถระจึงไม่ค่อยมีปรากฏ และพระโสณเถระก็บรรลุปฏิสัมภิทาญาณเช่นกัน มิฉะนั้นจะสอนพระศาสนาแก่คนต่างชาติได้อย่างไร ปฏิสัมภิทาญาณสี่ มีดังนี้

    ๑. อัตถปฏิสัมภิทา คือ ความแตกฉานในอรรถ เข้าใจถืออธิบายอรรถแห่งภาษิตให้พิศดาร และเข้าใจคาดคะเนล่วงหน้าถึงผลอันจักมีเข้าใจผล

    ๒. ธรรมปฏิสัมภิทา คือ ความแตกฉานในธรรม เข้าใจถือเอาใจความแห่งอธิบายนั้นๆ ตั้งเป็นกระทู้หรือหัวข้อขึ้นได้ สาวเหตุในหนหลังให้เข้าใจเหตุ

    ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา คือ ความแตกฉานในภาษาและรู้จักใช้ถ้อยคำ ตลอดจนรู้ถึงภาษาต่างประเทศ

    ๔. ปฏิภาณสัมภิทา คือ ความแตกฉานในปฏิภาณ มีไหวพริบ เข้าใจทำให้สบเหมาะในทันทีหรือในเมื่อเหตุเกิดขึ้นโดยฉุกเฉินหรือกล่าวตอบโต้ได้ทันท่วงที

    ท่านมีสภาวะจิตที่รวดเร็วมากเพียงนึกถึงท่าน ท่านจะบอกให้นิมิต “เมื่อเจ้าต้องการพบเรา เราก็มา เรามาจากทางไกล” ด้วยความรวดเร็วยิ่งในการตรวจพิมพ์ของท่าน ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าท่านเป็นบรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านอภิชิโต ภิกขุ มอบให้เป็นสมบัติ บอกว่าอาจารย์ท่านคือหลวงปู่ดำเสกให้ เคยทดลองให้ท่านอาจารย์วิเชียร คำไสสว่าง ชีปะขาวผู้ทรงคุณกำหนดจิตดูท่านอาจารย์บอกว่าพระนี้ว่องไวและรวดเร็วยิ่ง

    องค์ที่สอง พระโสณเถระ หรือหลวงปู่ขรัวตีนโต รูปกายสูงใหญ่ ผิวดำ ทรงคุณสมบัติเช่นองค์ที่หนึ่ง เว้นแต่วิชาแพทย์ ใจดี เยือกเย็นประกอบด้วยเมตตาธรรม ชอบผาดโผน เหินฟ้านภาลัยโขดเขินเนินไศลเป็นที่สัญจร

    องค์ที่สาม พระมูนียะ หรือพระอิเกสาโร หลวงปู่โพรงโพธิ์ หลวงปู่เดินหน ล้วนเป็นองค์เดียวกัน มีบุคลิกภาพอันสง่างามปรากฏตามภาพซึ่งใช้บูชากันอยู่ในปัจจุบัน เชี่ยวชาญในวิชาแปรธาตุ เป็นผู้คงแก่เรียน ชอบเจริญอสุภกรรมฐาน 10 มักสร้างรูปบูชาเป็นโครงกระดูก พูดน้อยค่อนข้างเคร่งขรึมคล้ายดุ แต่ก็ไม่ดุ เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ห่มจีวรสีหมองคล้ำ หากปรากฏภาพในนิมิตมักจะปรากฏเส้นเกสายาวจรดเอวทีเดียวแสดงว่า “อิเกสาโร” (เกสา แปลว่า เส้นผม) ท่านมีบทบาทไม่น้อย ตามความรู้สึกน่าจะมีบทบาทมากกว่าองค์อื่นๆ ด้วยซ้ำไป

    องค์ที่สี่ พระณานียะ หรือหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จังหวัดนครปฐม ท่านมีรูปกายค่อนข้างสูงใหญ่ ขนตาดกยาวแปลกกว่าองค์อื่น มีอำนาจ แต่ขี้เล่นใจดี นิมิตไม่แน่นอนอาจเป็นรูปพระภิกษุ ท่านจะชื่ออะไรไม่ทราบแต่แปรธาตุเสกใบมะม่วงเป็นกบนำมาพร่า ยำ เลี้ยงสานุศิษย์ เลยเรียกกันว่าหลวงพ่อกบ ท่านมาสร้างบารมีต่อ ปริศนาธรรมคือขรัวขี้เถ้าเผาแหลกมีอะไรเผาหมด แบบเถ้าสู่เถ้า ผงคลีสู่ผงคลี ดินจะใหญ่สักปานใดมันก็ไม่พ้นจากความเป็นขี้เถ้าหรอก ในที่สุดท่านก็มรณภาพและสานุศิษย์นำใส่โลงศพรอวันเผา หลวงปู่เกิดหายไปไร้ร่องรอย เลยไม่มีการฌาปนกิจศพ

    องค์ที่ห้า พระภูริยะ หรือหลวงปู่หน้าปาน บางคนก็เรียกท่านว่า หลวงปู่แก้มแดง เคยเรียนถามท่านอภิชิโต ภิกษุ ท่านบอกว่าขรัวหน้าปานองค์นี้สำเร็จปรอท ล่องหนย่นระยะทางเก่ง ถ้าท่านเอาลูกปรอทมาอมทางแก้มซ้าย ทางด้านซ้ายจะแดง ถ้าเปลี่ยนเป็นอมทางแก้มขวา ทางด้านขวาจะแดง จึงเกิดถกเถียงกันไม่รู้จบ ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า มาสร้างเสริมบารมีในระยะเวลาเดียวกัน โดยอาศัยร่างท่านพระมหาชวนหรือหลวงพ่อโอภาสี แห่งอาศรมบางมด ท่านเป็นพระภิกษุทรงศีล เมื่อมีผู้ซักถาม ท่านก็บอกตามตรงว่าพระมหาชวนได้ตายไปแล้ว อาตมาเป็นพระสำเร็จมาอาศัยร่างสร้างบารมีต่อ sam_7564-jpg.jpg sam_7565-jpg.jpg sam_7566-jpg.jpg sam_7567-jpg.jpg sam_7568-jpg.jpg sam_7569-jpg.jpg sam_7570-jpg.jpg sam_7571-jpg.jpg sam_7572-jpg.jpg sam_7573-jpg.jpg sam_7574-jpg.jpg sam_7575-jpg.jpg sam_7577-jpg.jpg sam_7576-jpg.jpg sam_7579-jpg.jpg sam_7580-jpg.jpg sam_7581-jpg.jpg sam_7584-jpg.jpg sam_7585-jpg.jpg sam_7586-jpg.jpg sam_7587-jpg.jpg
     
  8. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 227 พระสมเด็จจัมโบ้ครบ 6 รอบหลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญญมากโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าหมู่ใหม่ อ.เเม่เเตง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่ประสิทธิ์เป็นลูกศิษย์หลวงปู่อ่อนญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม,หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ เป็นต้น องค์พระเนื้อสีเทา สร้างปี 2556 องค์นี้พระเศษมีฝังมวลสารคือเกศาเเละไม้จิ๊มฟันหลวงปู่ด้วยครับ >>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ******บูชาที่ 399 บาทฟรีส่ง ems SAM_7817.JPG SAM_7818.JPG SAM_7819.JPG SAM_7820.JPG SAM_7821.JPG SAM_7822.JPG SAM_7824.JPG
     
  9. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 228 พระกริ่งเเผ่นดินไหวหลวงปู่เเว่น ธนปาโล พระอรหันต์เจ้าวัดถํ้าพระสบาย อ.เเม่ทะ จ.ลำปาง หลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง องค์พระสร้างปี 2538 เนื้อระฆังเก่า มาพร้อมกล่องเดิม รุ่นนี้หลวงปู่อฐิษฐานจิตปลุกเสกในไตรมาส 3 เดือน คืนที่ทำพิธีได้เกิดเเผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทั่วภาคเหนือ หลวงปู่เเว่นได้บอกกับลูกศิษย์พระกริ่งรุ่นนี้เจ้าเเม่จามเทวี ได้มาร่วมอนุโมทนาบุญเเละอฐิษฐานด้วย มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วย ****** บูชาที่ 550 บาทฟรีส่งems sam_7478-jpg.jpg sam_7479-jpg.jpg SAM_7609.JPG SAM_7825.JPG SAM_7826.JPG SAM_7827.JPG SAM_7828.JPG SAM_7829.JPG SAM_7830.JPG sam_4384-jpg.jpg
     
  10. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 229 พระผงรูปเหมือนนั่งเต็มองค์ในซุ้มเรือนเเก้วหลวงปู่ลือ สุขปัญโญ พระอรหันต์เจ้าวัดป่านาทาม อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร หลวงลือเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง องค์นี้พระเศษมีฝังพระเกศาของหลวงปู่ด้วยครับ มาพร้อมพระผงอังคารธาตุของหลวงปู่ลือที่เเปรเป็นพระธาตุ ,พระเกศา 9เส้น มาบูชาเป็นมงคล *****บูชาที่ 355 บาทฟรีส่ง SAM_7831.JPG SAM_7834.JPG SAM_7835.JPG SAM_7836.JPG SAM_7837.JPG SAM_7839.JPG
     
  11. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองครับ
     
  12. wangbao

    wangbao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +149
    ขออนุญาตจองครับ
     
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 230 พระกริ่งเเซยิด 86 ปี+ผ้ายันต์รอยเท้าผืนใหญ่หลวงปู่เเว่น ธนปาโล พระอรหันต์เจ้าวัดถํ้าพระสบาย อ.เเม่ทะ จ.ลำปาง หลวงปู่เเว่นเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง องค์พระกริ่งสร้างปี 2539 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 86 ปี เนื้อกะไหล่เงิน มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา *****บูชาที่ 405 บาทฟรีส่งems sam_7478-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6226-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6230-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6232-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6703-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6704-jpg-jpg-jpg.jpg sam_1377-jpg-jpg-jpg.jpg
     
  14. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 231 รูปหล่อเหมือนปั๊ม+ล๊อกเก็ตหลังยันต์เเผ่นเงินหลวงปู่ขันตี ญาณวโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าม่วงไข่ อ.ภูเรือ จ.เลย หลวงปู่ขันตีเป็นศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นต้น รูปเหมือนสร้างปี 2555 สร้างเนื่องจากอายุครบ 70 ปี เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีตอกโค๊ตใต้องค์พระ >>>>>>บูชาที่ 250 บาทฟรีส่งems ประวัติและปฎิปทาหลวงพ่อขันตี ญาณวโร
    49fc4d3905845c73ea8e8aeb8973e831-1-jpg-jpg.jpg
    ประวัติพอสังเขปหลวงพ่อขันตี ญาณวโร
    วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย

    หลวงพ่อขันตี เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2486 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะแม เป็นชาวขอนแก่นโดยกำเนิด ปัจจุบัน สิริอายุ 74 พรรษา 54 (เมื่อปี พ.ศ.2561) ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าม่วงไข่
    หลวงพ่อขันตี เกิด ณ บ้านเลขที่ 136 หมู่ 8 ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ของแก่น(ปัจจุบันคือ บ้านหนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น) โยมบิดาชื่อ นายชัย แสนคำ โยมมารดาชื่อ นางแพง แสนคำ มีพี่น้องร่วมบิดา มารดาทั้งหมด 7 คน โดยหลวงพ่อขันตี ญาณวโร เป็นลูกคนโต หลวงพ่อทวี ปุญฺญปญฺโญ เป็นลูกคนเล็กสุด(ชื่อเดิมนายทวี แสนคำ)
    21578100512f10b-jpg-jpg.jpg ในวัยเด็กของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านเป็นคนขยันขันแข็น ช่วยงานพ่อแม่ทำไร่ ทำนาและดูแลน้องๆ แทนพ่อแม่อยู่เสมอๆ เป็นคนที่มีความอดทน อ่อนน้อม และหลวงพ่อท่านในวัยเด็กยังเป็นคนสนใจ ใฝ่ธรรมะ ชอบไหว้พระสวดมนต์อยู่เป็นประจำ หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า "สมัยตอนท่านเด็กๆท่านเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงนัก เจ็บป่วยออดๆแอดๆ อยู่เสมอบางทีก็เกือบถึงแก่ชีวิตหลายต่อหลายครั้ง โยมแม่ของหลวงพ่อ จึงได้ไปฝากให้หลวงพ่อขันตีเป็นลูกบุญธรรมหลวงปู่คำดี ปภาโส อาการเจ็บป่วยต่างๆก็ค่อยๆหายไป" เมื่อหลวงพ่อท่านเรียนจบชั้น ป.4 ท่านก็ขออนุญาตโยมพ่อโยมแม่เพื่อขอบวชสามเณร โยมพ่อแม่ก็เห็นดีด้วยและอนุญาตให้หลวงพ่อบวชเณรได้..

    552-jpg-jpg.jpg
    สามเณรขันตี
    หลวงพ่อขันตีท่านได้บวชเณรครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ปี ในปี พ.ศ.2499 ณ วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีท่านพระครูพิศาลสารคุณ เป็นผู้บรรพชาให้ในปีนั้น เมื่อบวชเณรแล้วหลวงพ่อขันตีก็อยู่ดูแลอุปัฏฐาก ท่านพระครูเจ้าอาวาสอย่างใกล้ชิตและมีความขยันอดทนหมั่นเพียรในการศึกษาธรรมะ ท่านพระครูพิศาลสารคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ จึงได้เรียกชื่อหลวงพ่อขันตีใหม่ จากเดิมชื่อตรีเฉยๆ เรียกใหม่ว่า "ขันตี" หรือ ขันติ แปลว่าผู้มีความอดทน


    u97z5_1456467352-jpg-jpg.jpg พระอุโบสถวัดศรีจันทร์
    ท่านได้บวชเณรมาเรื่อยๆ จนท่านมีอายุครบบวชพระ อายุ 20 ปี ท่านจึงได้รับการอุปสมทบในวันอังคาร ขึ้น8ค่ำ ปีมะโรง โดยได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.2507 ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีท่านพระ ครูพิศาลสารคุณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีธรรมาลังการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "ญาณวโร" แปลว่า ผู้ปรีชาหยังรู้สูง
    lp-boonpeng-jpg-jpg.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ในพรรษาที่ 1 ปี พ.ศ.2507 ในปีแรกนี้หลวงพ่อขันตีท่านได้ไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ณ วัดป่าคีรีวัน จ.ขอนแก่น ในพรรษาแรกนี้ หลวงปู่บุญเพ็ง ท่านจะสอนพระเณรในพรรษานั้น ในเรื่องการพิจารณาการ มีสติเป็นไปในกาย ขอวัตรปฎิบัติต่างๆ ในส่วนของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านก็เป็นพระบวชใหม่หลวงปู่บุญเพ็งท่านจะเน้นสอนการภาวนา และ ข้อวัตรต่างๆในเบื้องต้นกับหลวงพ่อขันตี
    268_1263214635-jpg_177-jpg-jpg.jpg
    หลวงปู่คำดี ปภาโส
    ครั้งออกพรรษา ท่านก็ได้ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย ในพรรษาที่ 2 ปี พ.ศ. 2508 เพื่อมาฝึกหัดการภาวนา โดยท่านกล่าวว่า "ท่านกับหลวงปู่คำดี เป็นคนบ้านเดียวกัน(คนจังหวัดขอนแก่น) จึงมีความคุ้นเคยกับท่านมาก่อน จึงได้มาอยู่จำพรรษากับท่านที่จังหวัดเลยเพื่อมาฝึกอบรมณ์ภาวนา" หลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านก็ให้ความเมตตาหลวงพ่อขันตี โดยสอบถามหลวงพ่อขันตีครั้งมาอยู่จำพรรษาวัดถ้ำผาปู่ครั้งแรกว่า "ท่านใช่อะไรภาวนา" และสอบถามถึงเรื่องจริตต่างๆ ครั้งหลวงพ่อขันตีก็กราบเรียนหลวงปู่คำดีตามความรู้ ความเข้าใจแล้ว หลวงปู่คำดีก็บอกสอนเกี่ยวกับจริตภาวนา แจกแจงความเป็นมาและความเหมาะสมของจริตพร้อมอธิบายหลักการภาวนาให้หลวงพ่อขันตีฟังอย่างละเอียดลึกซึ้งจนเข้าใจ
    ในปีดังกล่าวที่ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดถ้ำผาปู่ มีพระเณรทั้งหมด 40 รูป หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"ในปีนั้นจิตใจท่านฟุ้งซ่าน วุ้นวายเป็นอย่างมาก" ซึ่งหลวงปู่คำดีท่านก็ทราบดี ท่านจึงแนะนำให้หลวงพ่อขันตีมีความอดทน ปรารบให้เร่งความเพียรมากยิ่งขึ้น ให้หลีกเร้นจากหมู่คณะ ให้หาที่สงบภาวนาให้มาก ให้ละความกังวนต่างๆ กลับมาตั้งสติตั้งใจภาวนาเร่งให้เกิดความสงบ..."
    จนในพรรษาที่ 3 ปี พ.ศ.2509 หลวงปู่คำดี จึงพาหลวงพ่อขันตีไปจำพรรษา ณ วัดป่าหนองแซง จ.อุดรธานี กับ หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น เมื่อไปถึงที่วัดหลวงปู่บัวท่านก็ให้โอวาทธรรมว่า"เรื่องจิตใจที่หลอกลวงตลอดเวลานั้น เป็นเพราะการ
    lp-bua-jpg-jpg.jpg
    หลวงปู่บัว สิริปุณโณ
    ขาดสติ ขาดปัญญา จึงกลายเป็นตัวกิเลสทำให้เกิดทุกข์ หรือพาไปหาความทุกข์ไปที่ไหนถ้าใจไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ความศรัทธาความเชื่อความ เลื่อมใสในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยังไม่มีหลักสรณะทางจิตใจ หากมีแต่ปล่อยจิต ปล่อยใจไปตามสัญญาแห่งอามรณ์ทั้งวัน ทั้งคืนไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีแต่ความทุกข์ร้อนเป็นไฟ เพราะใจได้ถูกแผดเผาด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ดังนั้นควรที่จะมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดไป จะมานั่งมานอนรอความตาย ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ จะต้องหมั่นภาวนาศึกษา ให้จิตให้ใจมีที่พึ่ง ไม่ใช่ปล่อยเวลาให้เสียไปวันๆ" เป็นโอวาทสำคัญที่หลวงปู่บัว ท่านอบรมณ์สั่งสอนหลวงพ่อขันตี ในพรรษที่มาจำที่วัดป่าหนองแซงนี้
    ครั้งพอออกพรรษาในปี 2509 นั้นหลวงปู่คำดีท่านก็กลับไปอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่ โดยหลวงพ่อขันตีกราบเรียนขออนุญาตจากหลวงปู่คำดี ไม่กลับไปวัดถ้ำผาปู่ด้วย แต่จะอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่บัวนี้ก่อนสักระยะหนึ่ง หลวงปู่คำดีท่านก็เมตตาอนุญาต ในระหว่างที่อยู่วัดป่าหนองแซงนี้ หลวงพ่อขันตีท่านก็อยากเที่ยวไปกราบครูบาอาจารย์ในที่อื่นๆ หลวงปู่บัวท่านก็ทราบว่า หลวงพ่อขันตีท่านตอนนี้ มีจิตใจที่ยังวุ้นวายอยู่ท่านจึงให้โอวาท หลวงพ่อขันตีเตือนใจว่า"การที่เราจะเที่ยวไปหาครูบาอาจารย์ทั้งหลายนั้น ต้องพิจารณาดูว่าไปด้วยเหตุผลอันใด การปฏิบัติทำความเพียรนั้นร่วนเกิดแต่ตัวเราทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ท่านจะปฎิบัติแทนเราไม่ได้ การบำเพ็ญเพียรภาวนา เราต้องทำด้วยตัวเราเองเท่านั้นผลจึงจะเกิดกับตัวเรา ครูบาอาจารย์จะมาทำแทนเราได้หรือ ท่านเป็นแต่เพียงผู้บอก ผู้สอนเราเท่านั้น" ท่านจึงกลับมาพิจารณาในคำสอนเตือนสติของหลวงปู่บัว จึงทำให้ท่านมีกำลังใจใน ความพากความเพียรเพิ่มมากขึ้น ทั้งแล้วก็ทำให้จิตใจท่านสงบลงมาก ท่านจึงอยู่ภาวนากับหลวงปู่บัว ที่วัดหนองแซงนี้อีก 4 พรรษา รวมเป็น 5 พรรษากับการอยู่ปฎิบัติที่นี้...
    ต่อมาในพรรษาที่ 13 ปี พ.ศ. 2519 ท่านได้จาริกธุดงค์ไปจำพรรษา
    2-png-png.png
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    ปรนนิบัติ และอยู่ปฎิบัติ กับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ณ วัดป่าสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย โดยหลวงพ่อขันตีท่านได้มีโอกาสอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ชอบ และได้รับอุบายธรรมกับหลวงปู่ชอบ เพื่อนำไปปฎิบัติ ซึ่งในช่วงนี้ เป็นช่วงที่หลวงปู่ชอบ ท่านมาสร้างวัดใหม่ชื่อว่าวัดป่าสานตม หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"ในช่วงนี้ลำบากมาก เพราะที่นี้อากาศหนาวมาก หลวงปู่ชอบท่านก็ไม่ให้พระที่มาอยู่ด้วยก่อไฟผิง เพราะจะมีแต่มาสุมหัว พูดคุยกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่หลวงปู่ชอบจะให้พระเดินจงกรมแทน เพื่อเป็นการกระตุ้นธาตุไฟให้เกิดความอบอุ้นภายใน"
    ในพรรษาที่ 14-15 ประมาณปี พ.ศ. 2520-2521 ท่านได้ธุดงค์ไปจำ
    1e68337c4ca9d191dd06e19d888992b5-jpg-jpg.jpg พรรษา ณ วัดป่าแม่ริน(ห้วยน้ำริม) อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ และที่ อ.ปาย แม่ฮ่องสอน สถานที่แห่งนี้ทำให้จิตใจหลวงพ่อขันตี ได้มีโอกาสรละว่างความโกรธความพยาบาทลงได้ เพราะได้ตั้งใจทำความเพียรทั้งวันทั้งคืน ทำให้จิตสงบทำให้ได้เห็นอานิสงค์ ว่าคนที่ดุด่าว่ากล่าวตนล้วนแต่เป็นผู้มีพระคุณทั้งนั้น หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"อยุ่ปฎิบัติที่นี้ ท่านก็ได้นำคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดีมา พิจารณาว่าหากใจยินดีในสุข ก็ต้องเป็นทุกข์ ทุกข์นี้ก็มีคุณมากเพราะจะทำให้เราเห็นโทษเห็นภัย และจะได้ตั้งใจให้ออกจากทุกข์ เร่งการบำเพ็ญให้มากเพื่อจะได้หนีจากทุกข์ เพราะถ้ามีแต่สุขจะไม่เห็นโทษแห่งทุกข์ที่มีอยู่เลย จะประมาทมัวเมาในชีวิต ไม่ตั้งใจบำเพ็ญภาวนา ก็ต้องตกเป็นธาตุของกิเลสตลอด แล้วก็ตายโดยไม่พบแสงสว่าง ตายโดยไม่ได้มรรค ไม่ได้ผลอะไรเพราะใจนั้นมืดบอด อยู่กับวัตถุข้าวของ เงินทอง ที่ไม่มีแก่นสารอะไร" นี้คือคำสอนของหลวงปู่คำดีที่สอนหลวงพ่อขันตี ให้ภาวนาตั้วใจบำเพ็ญเพียร อย่าอยากได้โน่น ได้นี้ ให้ตั้งใจปฎิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า ไม่ต้องส่งจิตส่งใจออกไปภายนอก ทั้งคดีทั้งอนาคต ให้กำหนดรู้ปัจจุบันภายในจิตเท่านั้น วันเวลาล้วงไปล้วงไปบัดนี้เราทำอะไรอยู่ ถ้ามีสติธรรมก็จะเกิด ละทุกข์ได้ ให้ตั้งใจปฎิบัติตามคำสอน ไม่ใช่เอาแต่หลับนอนเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ สิ่งที่หน้ากลัวที่สุดคือกิเลสภายในใจเรานี้เอง...
    135-u1511924-635025692578317235-1-jpg-jpg.jpg หลวงปู่ขาว อนาลโย
    พรรษาที่ 16 ประมาณ พ.ศ.2522 หลวงพ่อขันตี ท่านก็ได้จาริธุดงค์ไปพักจำพรรษา ณ วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี กับหลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นเวลา 1 พรรษา ในหว่างอยู่จำพรรษากับหลวงปู่ขาวนี้ หลวงปู่ขาวท่านสอนหลวงพ่อขันตี ให้บำเพ็ญเพียร โดยการตั้งสัจจะ รักษาสัจจะ ในการบำเพ็ญภาวนา
    ช่วงพรรษาที่ 17 พ.ศ.2523 ท่านได้กลับไปจำพรรษาที่จังหวัดเลยอีกครั้ง ในช่วงพรรษาที่ 18 ราวปี 2524 ได้ธุดงค์ไปจำพรรษา ณ วัดอโศการาม จ.สมุทปราการ พอพรรษา 19-23 ใน พ.ศ.2525-2529 ท่านกลับมาจำพรรษาที่วัดห้วยเดื่อ อ.วังสะพุง จ.เลย ในช่วงพรรษาที่ 24 ท่านได้มาจำพรรษาวัดป่าบ้านบง อ.ภูเรือ จ.เลย ในปี พ.ศ.2530
    ช่วงพรรษาที่ 25-34 พ.ศ.2531-2540 ท่านก็ได้มาจำพรรษา ณ วัดป่าห้วยเดื่อ อ.วังสะพุง จ.เลย(วัดป่าสันติธรรม) ซึ่งในช่วง 10 ปีนี้ ท่านได้มีโอกาสแวะเวียนไปดูแล ปฎิบัติกับหลวงปู่ชอบ ที่วัดป่าโคมน อยู่เป็นประจำ จนถึงปี 2538 หลวงปู่ชอบท่านก็ละสังขาร ซึ่งหลวงพ่อขันตี ท่านก็อยู่ช่วยงานตั้งแต่แรก จนงานพระราชทานเพลิงแล้วเสร็จ
    222-jpg-jpg.jpg
    หลวงปู่ไชย สัญตุฏฐิโก
    ในปี 2529 หลวงปู่ไชย สัญตุฏฐิโก วัดป่าห้วยเดื่อ โยมบิดาของหลวงพ่อขันตี ญาณวโร(ที่มาบวช) ก็ละสังขารมรณะภาพ เมื่ออายุได้ 88 ปี 29 พรรษา ทำให้ท่านปรงอนิจจังการเกิด แก่ เจ็บ ตาย คนเราเกิดมาไม่มีอะไรมาด้วย ไปก็ไม่มีอะไรไปด้วย ทั้งหลายทั้งมวลเป็นอนิจจังจึงทำให้หลวงพ่อขันตี ออกภาวนาเร่งความเพียรเพิ่มมาขึ้น หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า "เพราะได้พิจารณาแล้ว อายุย้อมจะมีแต่ผ่านพ้นและหมดไป ไม่มีอะไรที่จะยังยืนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีแต่เกิดมาแก่ เกิดมาเจ็บ เกิดมาตายด้วยกันหมดทั้งโลก ร่างกายก็เต็มไปด้วยของที่ไม่สะอาดมีประการต่างๆไม่ว่าจะ ผม ขน เล็บ ฟันหนังเนื้อ ที่มีเต็มอยู่ภายใน ไม่มีอะไรที่จะอยู่คงทนอยู่ได้ มีแต่เสือมโทรม ลงไปทุกขณะลมหายใจ ถ้าหมดลมปราณเมื่อใดก็ไม่มีอะไรเหลือ บางคนตอนมีชีวิตอยู่อวัยวะบางส่วนยังต้องเสียไป บางคนเป็นเบาหวาน ต้องตัดขา ตัดแขนไปก็มี หรือประสบอุบัติเหตุต้องสูญเสียอวัยวะบางแห่งไปก็มี แม้เรารักเราหวงแหนมากขนาดไหน ก็ไม่อาจรักษาคงทนอยู่กับเราได้ตลอดไป ควรเร่งความเพียรให้มาก อย่าไปวนเวียนเพียรเป็นคนมักมาก ความเสียใจจะตามมาในภายหลัง...."
    image1158_4-jpg-jpg.jpg
    พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ชอบ วัดป่าม่วงไข่
    ปัจจุบันหลวงพ่อขันตี ญาณวโร มาจำพรรษา ณ วัดป่าม่วงไข่ ตั้งแต่ ปี 2545 จวบจนปัจจุบัน ซึ่งที่วัดป่าม่วงไข่แห่งนี้ ท่านเคยมาอยู่พักภาวนาก่อนแล้วสมัยหลวงปู่ชอบ และหลวงปู่ชอบ ท่านก็ได้สร้างไว้ >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ sam_6211-jpg-jpg.jpg sam_6902-jpg-jpg.jpg sam_6906-jpg-jpg.jpg sam_6904-jpg-jpg.jpg sam_6905-jpg-jpg.jpg sam_4062-jpg-jpg.jpg sam_6705-jpg-jpg.jpg sam_6706-jpg-jpg.jpg
     
  15. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 233 พระบูชารูปเหมือน 5 นิ้วหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย หลวงปู่ชอบเป็นศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น องค์พระบูชาสร้างปี 2537 เนื้อโลหะผสม มีตอกโค๊ตตัวเลข ๕ บนบ่าข้างขวา มีพระเกศาเเละพระธาตุหลวงปู่ชอบมาบูชาด้วยครับ *****(>>>>>>>อนึ่ง......รายการนี้มีเเถมมอบหนังสือชาติสุดท้ายของพระหลวงตามหาบัว มาอ่านเป็นมงคลเเก่ตัวเองครับ กระดาษอาทษ์ 4 สีหน้าหนา 150 หน้า(ผมบูชามาก็เล่ม 300 บาทเเล้วครับ) หมายเหตุ .....มีเเถมพิเศษ+พระผงขุนเเผนเนื้อดินจัมโบ้ที่มีฝังพระธาตุเยอะมากทั้งหน้าหลัง มาบูชาเพิ่มอีกด้วยครับ สุดคุ้มๆๆๆ,มีพระเกศาเเละพระธาตุมาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ********บูชาที่ 2500 บาทฟรีส่งems sam_7071-jpg-jpg.jpg sam_5150-jpg-jpg.jpg sam_5151-jpg-jpg.jpg sam_5152-jpg-jpg.jpg sam_5154-jpg-jpg.jpg sam_5155-jpg-jpg.jpg sam_5156-jpg-jpg.jpg sam_5157-jpg-jpg.jpg sam_5159-jpg-jpg.jpg sam_5158-jpg-jpg.jpg sam_5160-jpg-jpg.jpg sam_5162-jpg-jpg.jpg sam_5602-jpg-jpg.jpg sam_5603-jpg-jpg.jpg sam_5604-jpg-jpg.jpg sam_5606-jpg-jpg.jpg sam_5605-jpg-jpg.jpg sam_5607-jpg-jpg.jpg sam_5609-jpg-jpg.jpg sam_5608-jpg-jpg.jpg sam_5610-jpg-jpg.jpg sam_5611-jpg-jpg.jpg sam_5612-jpg-jpg.jpg sam_1965-jpg-jpg.jpg

    sam_7645-jpg.jpg sam_7646-jpg.jpg sam_7647-jpg.jpg
     
  16. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 234 พระกริ่งรุ่นเเรกรุ่นเศรษฐี+เหรียญรุ่นสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ตื้อหลวงปู่สังข์ สังกิจโจ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.เเม่เเตง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่สังข์เป็นศิษย์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ,หลวงปู่เเหวน สุจิณโณ เป็นต้น พระกริ่งสร้างปี 2556 ้เนื้อทองเหลือง มาพร้อมกล่องเดิม ***[บูชาที่ 445 บาทฟรีส่งems ประวัติย่อๆพระครูภาวนาภิรัต ( หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ ) วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ***
    -:- ชาติภูมิ -:-
    นามเดิมของท่านชื่อ สังข์ คะลีล้วน เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๓ ณ บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม บิดาชื่อนายเฮ้า มารดาชื่อนางลับ คะลีล้วน ท่านมีพี่ชายติดโยมบิดา ๑ คน มีพี่ชายติดโยมมารดา ๑ คน และมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันจำนวน ๔ คน โดยท่านเป็นลูกชายคนที่ ๑
    -:- บรรพชา -:-
    ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซื่งถือว่าสูงสุดในสมัยนั้น เมื่ออายุครบ ๑๘ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ พัทธสีมา วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม โดยมีพระสารภาณมุนี(หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ (ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเทพสิทธาจารย์) บรรชาเสร็จก็กลับมาจำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ซื่งเป็นบ้านเกิด
    -:- ฟังธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต -:-
    เมื่อครั้งเป็นสามเณร ในขณะนั้นหลวงปู่มั่น ภิริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ได้มาพำนักที่วัดป่าบ้านหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร สามเณรสังข์ในครั้งนั้นก็ได้มีโอกาสได้เข้ากราบนมัสการและรับฟังพระธรรมเทศนาจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตโดยตรง แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะยังเป็นเด็กอยู่
    -:- ติดตามหาหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม -:-
    ท่านเป็นสามเณรอยู่ 3 ปี สามารถสอบนักธรรมชั้นตรี และโท ได้จากสนามสอบวัดศรีชม ซึ่งเป็นวัดบ้านเพราะยุคนั้นสนามสอบของคณะธรรมยุติยังไม่มี
    ต่อมาท่านจึงได้ออกติดตามหาหลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติทางยาย คือปู่ของหลวงปู่ตื้อเป็นพี่ชายของคุณยายของท่าน เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ของหลวงปู่ตื้อมานาน แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน จึงอยากจะออกติดตามหาหลวงปู่ตื้อ และได้ขึ้นมา จ.เชียงใหม่เป็นครั้งแรก โดยมีพี่ชายของหลวงปู่ตื้อ มีพระและญาติโยมตามมาด้วย ซึ่งเมื่อถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ก็เข้าพักที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อน ได้ยินว่าหลวงปู่ตื้อจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จึงตามไปพบท่านที่วัดป่าดาราภิรมย์ เมื่อได้พบหลวงปู่ตื้อแล้วก็พักอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.นครพนม
    -:- อุปสมบท -:-
    ใน พ.ศ.๒๔๙๓ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดป่าบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม โดยมีพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตตโก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระทัด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์บุญส่ง โสปโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว ก็อยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม กับพระอุปัชฌาย์เป็นเวลา ๕ ปี ท่านสอบนักธรรมชั้นเอกได้ที่วัดป่าบ้านสามผงแห่งนี้ แล้วทำหน้าที่เป็นครูสอนนักธรรมช่วยพระอุปัชฌาย์
    -:- ออกวิเวกทางภาคเหนือ -:-
    จากนั้นปี พ.ศ.๒๔๙๙ หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ จึงออกเดินทางขึ้นเหนือเพื่อมาอยู่กับหลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่นี่ท่านได้เรียนบาลีไวยากรณ์กับพระมหามณี พยอมยงย์ จนจบชั้นหนึ่ง สอบได้แล้วจึงหยุดเรียน เพราะจิตใจใฝ่ในทางธุดงค์มากกว่า ท่านจึงได้ออกวิเวกแถบจังหวัดเชียงราย โดยมีพระอาจารย์ไท ฐานุตตโม วัดเขาพุนก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นสหธรรมิก เที่ยววิเวกไปด้วยกัน ได้พบพระอาจารย์มหาทองอินทร์ กุสลจิตโต ที่วัดถ้ำผาจรุย อ.ป่าแดด จ.เชียงราย
    -:- พำนักที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ -:-
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ได้สร้างวัดป่าสามัคคีธรรมขึ้นซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ หลวงปู่สังข์ได้กลับจากเที่ยววิเวกมาจำพรรษากับหลวงปู่ตื้อที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ ท่านได้พัฒนาและบูรณะวัดนี้มาโดยตลอด
    ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอาจารย์ตื้ออย่างเป็นทางการ ได้สร้างอุโบสถหนึ่งหลัง ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ ได้รับพระราชสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระครูภาวนาภิรัต หลวงปู่สังข์ สังกิจโจได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มาเป็นเวลากว่า 54 ปีแล้ว ปัจจุบันหลวงปู่อายุจะครบ 89 ปี พรรษา 69 ในวันที่ 24 กัยยายน 2563 นี้ครับ(่ท่านยังทรงธาตุทรงขันต์อยู่ครับ) >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ********* sam_6773-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6774-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6775-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6776-jpg-jpg-jpg.jpg sam_1581-jpg-jpg-jpg.jpg sam_1654-jpg-jpg.jpg sam_1655-jpg-jpg.jpg sam_1967-jpg-jpg-jpg.jpg
     
  17. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 235
    เหรียญกษาปณ์รุ่น 2 มุ่งพัฒนาหลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ พระอรหันตืเจ้าวัดผาเทพนิมิต อ.นิคมนํ้าอูน จ.สกลนคร หลวงปู่บุญพินเป็นศิษย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เหรียญสร้างปี 2540 เนื้ออัลปาก้า เป็นรุ่น 2 ของหลวงปู่เเต่บล็อกหันข้างครึ่งองค์เหมือนรุ่นเเรก เหรียญยังสวยดีครับ >>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ******[บูชาที่ 245 บาทฟรีส่งems ประวัติย่อพอสังเขป หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิต จังหวัดสกลนคร - “หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ” หรือ “พระครูสุวิมลบุญญากร” พระวิปัสสนาจารย์ชื่อดังแห่งวัดผาเทพนิมิต ต.นิคมน้ำอูน อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร และประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์ดอยเทพนิมิต ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
    ปัจจุบัน สิริอายุ 86 ปี พรรษา 64
    มีนามเดิมว่า บุญพิน เจริญชัย ถือกำเนิดเมื่อวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 27 เม.ย.2476 ที่บ้านนาบ่อ หมู่ที่ 6 ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
    ช่วงวัยเยาว์เรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านนาบ่อแล้วออกมาช่วยครอบครัวทำนา
    ต่อมาได้ย้ายไปอยู่กับพี่สาวที่บ้าน นาทม จังหวัดนครพนม ช่วยพี่สาวค้าขายและเป็นช่างเย็บผ้า พอถึงฤดูกาลทำนาก็กลับไปทำนา พอถึงหน้าแล้งก็ต้มเกลือใส่เรือกระแชงไปขาย หมดหน้าเกลือก็รับจ้างขนข้าวล่องเรือตามแม่น้ำโขงไปขายในตลาดนครพนม
    ผ่านไป 5 ปี เกิดความเบื่อหน่ายในการค้าขาย ในช่วงนั้นมีศรัทธาอยากบวชอย่างแรงกล้า
    อายุครบ 23 ปี ตัดสินใจเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2498 ที่วัดป่าอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร โดยมี หลวงปู่สีลา อิสสโร วัดป่าอิสระธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม วัดอุดมรัตนาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดปทีปปุญญาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้อยู่กับ หลวงปู่สีลา พระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ฝึกหัดนั่งสมาธิภาวนา เริ่มแรกหลวงปู่สีลาให้ฝึกหัดทำสมาธิด้วยคำบริกรรมพุทโธ รวมทั้งได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดสุทธิมงคล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    8d-e0-b8-9e-e0-b8-b4-e0-b8-99-e0-b8-81-e0-b8-95-e0-b8-9b-e0-b8-b8-e0-b8-8d-e0-b9-82-e0-b8-8d-jpg.jpg
    หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ
    จนถึงวันมาฆบูชา หลวงปู่ผ่านได้กราบลาหลวงปู่อ่อนกลับวัด จึงเหลือแต่เพียงหลวงปู่บุญพินเท่านั้น
    ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง หลวงปู่บุญพิน ได้อาพาธเป็นไข้ป่ามาลาเรียอย่างแรง วันหนึ่งขณะนอนเป็นไข้บนแคร่ หลวงปู่อ่อนเดินเข้ามาหาได้บอกให้หลวงปู่บุญพินลุกขึ้นนั่ง หลวงปู่อ่อนได้เทศนาให้ฟัง เสร็จแล้วให้สามเณรเอามุ้งกลดลงและให้นั่งภาวนา ขณะที่นั่งภาวนากำหนดจิตต่อสู้กับเวทนาจนจิตสงบเป็นสมาธิ พอจิตถอนจากสมาธิ ปรากฏว่าอาการไข้ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
    หลังจากนั้น หลวงปู่อ่อน ได้พาหลวงปู่บุญพินออกธุดงควัตรไปจนถึงอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ช่วงนั้นเป็นเดือน 6 ใกล้เทศกาลเข้าพรรษา หลวงปู่บุญพิน จึงลาญาติโยมเพื่อหาที่จำพรรษา ญาติโยมจึงพาหลวงปู่มาส่งขึ้นเรือที่ปากน้ำไชยบุรีไป จังหวัดนครพนม เพื่อขึ้นรถไปหา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าภูธรพิทักษ์
    ออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ มากมายหลายแห่ง และในปี พ.ศ.2517 หลังจากที่จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ที่วัดภูทอก ได้ระยะหนึ่งได้ลาไปเยี่ยมพระอาจารย์ศรีนวลที่วัดรัตนนิมิต จ.อุดรธานี และจำพรรษาที่นี่
    พอดีมีญาติโยมได้มานิมนต์ไปสร้างวัดที่ป่าช้าบ้านดงเชียงเครือ อ.วาริชภูมิ บ้านเกิด และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ

    พ.ศ.2534 ได้ไปจัดตั้งสำนักสงฆ์ที่ผาเทพนิมิตเขาภูพาน และต่อมาได้มีการยกฐานะเป็นวัดผาเทพนิมิต

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูสุวิมลบุญญากร พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม sam_7601-jpg.jpg sam_7603-jpg.jpg sam_7605-jpg.jpg

     
  18. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 236 ล็อกเก็ตรูปไข่ฉากฟ้าขาว+เหรียญเมตตาธรรม คํ้าจุนโลกหลวงปู่ท่อน ญาณธโร พระอรหันต์เจ้าวัดศรีอภัยวัน อ.เมือง จ.ขอนเเก่น หลวงปู่ท่อนเป็นศิษย์รุ่นใหญ่หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถํ้าผาปู่ ล็อกเก็ตสร้างปี 2553 ,เหรียญสร้างปี 2551 เนื้อทองเเดงรมนํ้าตาล มีตอกโค๊ต ยันต์หน้าเหรียญ >>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ*******บูชาที่ 355 บาทฟรีส่งems sam_5671-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6260-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6259-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6263-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6264-jpg-jpg-jpg.jpg sam_1986-jpg-jpg-jpg.jpg
     
  19. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    *****สมาชิกที่สนใจ โอนเข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพ สาขาบ้านเเพง เลขบัญชีที่ 496-055842-9,ธนาคาร กรุงไทย สาขาบิ๊กซี ลำพูน เลขบัญชี 854-0-31280-8,ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเสนา เลขที่บัญชี 016-3-45911-6, ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเสนา เลขที่บัญชี 770-270878-6 ขอขอบคุณครับ .....นอกเวปโทร 098-5981468
     
  20. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 237 พระกริ่งรุ่นฉลองเจดีย์หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ พระอรหันต์เจ้าวัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หลวงปู่เหรียญเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง องค์พระสร้างปี 2541 สร้างเนื่องหลวงปู่อายุครบ 86 ปีเเละฉลองพระเจดีย์ หลวงปู่เหรียญมีพระฉายาว่าหลวงปุ่ในวัง เพราะองค์ท่านเคยจำพรรษาที่วังจิตรดาถึง 11 พรรษา มีตอกโค๊ต 2 โค๊ต ใต้องค์ ก้นอุดกริ่งทองเเดง กริ่งดังดี เนื้อสำริด มาพร้อมกล่องเดิม>>>>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ *******บูชาที่ 455 บาทฟรีส่งems
    h4d0761b-jpg-jpg.jpg

    sam_6825-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6676-jpg-jpg-jpg.jpg SAM_7841.JPG SAM_7842.JPG SAM_7844.JPG SAM_7845.JPG sam_3417-jpg-jpg-jpg.jpg
    >>>>>>ประวัติเเละคติธรรมหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
    h4d0761b-jpg-jpg.jpg

    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
    วัดอรัญญบรรพต ตำบลบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
    ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
    นามเดิม เหรียญ ใจขาน เกิดวันที่ 8 มกราคม 2455 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด ณ บ้านหม้อ ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย บิดาชื่อ ผา มารดาชื่อ พิมพา
    ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
    จิตมีธรรมปรารถนาออกบวช

    เมื่อย่างเข้าอายุ 20 ปี เห็นจะด้วยบุญบารมีแต่ปางก่อน รู้สึกว่าชีวิตปุถุชนไม่มีแก่นสาร จึงลาบิดามารดาเข้าเรียนครองบวชอยู่สิบห้าวันก็ได้บวชที่อุโบสถวัดบ้านหงษ์ทอง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย มี ท่านพระครูวาปีดิฐวัตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พรหม เป็นพระกรรมวาจารย์ บวชแล้วได้กลับมาอยู่ วัดโพธิ์ชัย บ้านหม้อ บวชเมื่อ เดือนมกราคม 2475 อาจารย์วัดโพธิ์ชัย สอนให้ภาวนา อนุสสติ 10 ด้วยวิธีท่องเอา แล้วบริกรรมในใจว่า พุทธานุสสติ สังฆานุสสติ ไปจนถึง อปสมานุสสติ จบแล้วตั้งต้นใหม่เรื่อยไป จิตสงบเบิกบานดี บริกรรมทุกอิริยาบถเป็นอารมณ์ติดต่อกันไป
    ในระหว่างนั้นโยมบิดาได้นำหนังสือเกี่ยวกับการเจริญสมถะและวิปัสสนาของ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม มาให้อ่าน ท่านอธิบายเรื่อง สติปัฏฐาน4 โดยเฉพาะเรื่องกายานุปัสสนา ให้พิจารณาร่างกายเพ่งดูแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ตลอดจนอาการ 32 แล้วให้ถามตัวเองว่า ตัวตน อยู่ที่ไหน แท้จริงก็ไม่มี เมื่อไฟเผาแลัว ย่อมเหลือแต่เถ้ากระดูก
    กำหนดเอากระดูกใส่ครกบดให้ละเอียดแล้วซัดไปตามลมพัดหายก็ไม่เหลืออะไร ร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นของตนสักอย่างเดียว มีแต่เกิดแล้วดับไปดังปรากฏ
    แล้วใครเป็นผู้รู้ว่าร่างกายเป็นอย่างนั้น ก็จิตนี้เป็นผู้รู้ เมื่อสติกลับมา รู้จิต จิตก็รวมลงเป็นหนึ่ง แสดงว่า จิตปล่อยวางร่างกายได้ตามสภาพ จึงประคองจิตให้สงบอยู่ต่อไปนานเท่าที่จะอยู่นานได้ ในขณะนั้นจะมีความรู้สึกว่า กายก็เบา จิตก็เบา คิดจะไปอยู่ป่า พอดำริจะไปอยู่ป่าเท่านั้น มาร คือ กิเลส ก็แสดงอาการขัดขวาง เกิดความรู้สึกนึกคิดเป็นสองทาง ใจหนึ่งอยากสึกออกไปครองเรือน ใจหนึ่งอยากออกปฏิบัติเจริญสมถะวิปัสสนาตามที่ตั้งใจไว้ วันแล้ววันเล่ายังตัดสินใจไม่ได้ จึงลองอดข้าวหนึ่งวัน พอตกค่ำเวลาประมาณสามทุ่ม ก็ห่มผ้าสังฆาฎิแล้วทำวัตร อธิษฐานจิตว่า บัดนี้ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิภาวนาเพื่อพิจารณาตัดสินใจลงทางใด ทางหนึ่งให้ได้ ถ้าตัดสินใจไม่ได้จะไม่ลุกออกจากที่นั่งนี้เลย ภายหลังได้ตัดสินใจประพฤติพรหมจรรย์ต่อไป ได้พบพระอารย์กู่ ธมฺมทินฺโน บ้านเดิมท่านอยู่อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ท่านเที่ยวธุดงค์ไปทางหนองคาย พักอยู่ที่วัดเดียวกัน ได้รับคำอธิบายในอุบายภาวนาเพิ่มเติมจนเข้าใจดี ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 ได้พบกับ ท่านอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม อยู่วัดสิริสาลวัน ได้พาบวชเป็นพระธรรมยุตที่วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี
    พ.ศ. 2476 จำพรรษาวัดป่าสาระวารี บ้านค้อ อำเภอผือ อุดรธานี
    เป็นที่ซึ่งพระอาจารย์มั่นเคยจำพรรษา ได้ตั้งใจทำความเพียรสงบใจมาก แต่วิปัสสนายังไม่แกกล้า ได้แต่สมถะ ออกพรรษาแล้วจึงธุดงค์ไปจังหวัดเลย พักวิเวกอยู่ถ้ำผาปู่ และ ถ้ำผาบิ้ง ได้ความสงบสงัดมาก
    พ.ศ. 2477 พรรษาสอง จำพรรษาวัดอรัญญวาสี อำเภอท่าบ่อ หนองคาย
    มีพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน เป็นหัวหน้า ตั้งใจไม่นอนกลางวัน ค่ำลงทำความเพียร เดินจงกรม นั่งสมาธิ ถึงตีสอง แล้วลุกขึ้นทำความเพียรจนสว่าง พอถึงเดือนหกเดินทางกลับมาจำพรรษาที่ วัดป่าบ้านค้อ ตามเิด
    พ.ศ. 2478 พรรษาสาม จำพรรษาที่วัดป่าสาระวารี
    พ.ศ. 2479-2480 พรรษาสี่และห้า จำพรรษาที่วัดอรัญญบรรพต
    ทำภาวนาจิตสงบแล้วพิจารณาขันธ์ห้าเป็นอารมณ์ เห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาตามสภาพความเป็นจริง แล้วปล่อยวาง จิตสงบพร้อมกับความรู้เป็นอย่างดี คล้ายหมดกิเเลส แต่ต่อมามีเรื่องต่างๆ มากระทบ ก็รู้สึกจิดผิดปกติ หวั่นไหวไป ตามอารมณ์นั้นๆ อยู่บ้าง แต่ไม่รุนแรง ก็แสดงว่ากิเลสยังไม่หมดสิ้น พยายามแก้ก็ไม่ตก นึกในใจว่าใครหนอจะช่วยแก้จิตให้ได้ จึงนึกไปถึงกิตติศัพท์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต จึงชวนภิกษุรูปหนึ่งลงเรือจากหลวงพระบางขึ้นไปทางอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เดินทางไปหาท่าน
    ******พ.ศ. 2481 ได้พบท่านอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
    ที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ โดยความเมตตาของหลวงตาเกต ซึ่งเป็นสัทธิ วิหาริก ของท่าน ได้พาไปพบที่ป่าละเมาะใกล้ๆ โรงเรียนแม่โจ้ อำเภอสันทราย ได้เห็นด้วยความอัศจรรย์ใจเพราะตรงกับในนิมิตทุกประการ ท่านได้แนะนำว่านักภาวนา พากันติดสุขจากสมาธิจึงไม่พิจารณาค้นคว้าหาความจริงของชีวิตกัน
    ท่านซักรูปเปรียญให้ฟังว่า ธรรมดาเขาทำนาทำสวน เขาไม่ได้ทำใส่บนอากาศแลย เขาทำใส่บนพี้นดินจึงได้ผล ฉันใด โยคาวจรผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหลายควร พิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์ จนเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายในนามรูป ด้วยอำนาจแห่งปัญญานั้นแหละจึงจะเป็นทางหลุดพ้นได้ ไม่ควรติดอยู่ในความสงบโดยส่วนเดียว
    เมื่อท่านให้โอวาทแล้วจึงพิจารณาดูตังเองว่าได้เจริญเพียงสมถะไม่ได้เจริญ วิปัสสนาเพียงรู้แจ้งในธรรมที่ควรรู้ คือ อริยสัจสึ่ จึงเจริญวิปัสสนาเรื่อยมา ตั้งแต่พรรษาที่ 6 อยู่ในเขตภาคเหนือจนถึงพรรษาที่ 16 แล้วเดินทางกลับธุดงค์ ผ่านหลวงพระบาง ประเทศลาว เข้าเวียงจันทน์ มายังหนองคาย
    พรรษาที่ 19 ถึง 26 จำพรรษาเผยแพร่ธรรมะปฏิบัติอยู่ภาคใต้ แล้วจึงย้ายไปอยู่วัดอรัญญบรรพต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 เรื่อยมา
    ธรรมโอวาท
    1. นาทั่งหลายมีหญ้าเป็นโทษ หมู่สัตว์นี้มีราคะ โทสะ โมหะ เป็นโทษทั่งนักบวช ทั้งคฤหัสถ์ ถ้าใครสะสมกิเลอให้แน่นหนาทั้งในใจ ใจก็ให้ทุกข์ ให้โทษกับผู้นั้น ไม่ใช่ให้ทุกข์แก่นักบวชฝ่ายเดียว
    2. อันสตินี้ สัมปชัญญะนี้ ก็สมมติเป็นโชเฟอร์กำพวงมาลีย มีสติคอยระมัดระวัง กาย วาจา จิต อยู่เสมอๆ คอยระวังเรื่องต่างๆ ระมัดระวังไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเที่ยวประกาศ ห้ามใครมาติชมเรา ที่ว่าระวังนั้น คือ เมื่อมีเรื่องมากระทบให้รู้ทัน ในทันที เราจะห้ามจิตไม่ให้หวั่นไหวไปไม่ได้ แต่ให้ระวัง ต้องควบคุมจิตด้วยสติให้ถี่ๆ กระชับสติสัมปชัญญะให้มันถี่เข้ามา จะได้ไม่หวั่นไหวกับคำพูดเสียดแสงใจต่างๆ
    3. ถ้าจิตสงบมีกำลังพักผ่อนเต็มที่แล้ว มันก็จะอยากรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่ควรรู้ ต้องกำหนดหาเรื่องที่ควรจะรู้ สิ่งใดที่เรายังไม่รู้ก็ต้องกำหนดพิจารณา เช่น กำหนดพิจารณาทุกข์ เมื่อเห็นทุกข์ก็เบื่อในทุกข์ของขันธ์5 อันไม่เที่ยงแปรปรวน อาการหวั่นไหวกันไปมานั่นแหละ เรียกว่า ทุกขลักษณะ เมื่อจิตรู้อย่างนี้ ก็จะได้ไม่หวั่นไหว ไม่ยึดเอาของไม่เที่ยงมาเป็นทุกข์
     

แชร์หน้านี้

Loading...