มโนมยิทธิไปนิพพาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย noom8a, 20 กรกฎาคม 2013.

  1. justpon

    justpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +467
    ถ้าถามคนที่ไม่เคยไปประเทศจีนและไม่รู้จักประเทศจีน ถามว่า คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าประเทศจีนเป็นอย่างไร ภูมิประเทศ อากาศ ผู้คน เป็นอย่างไร เราเคยอยู่แต่ในเมืองไทยไม่รู้ว่าที่นั่นไม่มี แต่จงอย่าไปปฎิเสธว่ามันไม่มี ... แม้แต่พระอริยสงฆ์ทุกสายท่านก็ว่ามี ไปอ่านที่หลวงตามหาบัวตอบในหลวงสิ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำท่านก็ว่ามี หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านก็ว่ามี แต่คุณตอบว่าไม่มี ดูคุณมั่นใจมาก หากนิพพานคือความสูญ ถามว่าใครจะอยากสูญ และสูญไปเพื่ออะไร แล้วที่จะบำเพ็ญบารมีมาให้ตนเองสูญหายไป ขนาดสวรรค์ พรหม ยังมีเมือง ยังมีวิมาน แล้ว พระนิพพานที่แต่ละท่านสั่งสมมามันมากกว่าเทวดาหรือพรหมไหน ๆ มันจะไม่มีอะไรมารองรับเลยหรือ เหตุผลตรรกะแบบง่าย ๆ...แต่ก็สุดแล้วแต่คุณนะ ถ้าคุณว่าสูญก็เรื่องของคุณ แต่ผมไม่ไปด้วย อะไรที่ขัดพระพุทธเจ้าผมไม่เอาด้วยหรอก...
     
  2. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ขอโทษนะครับ ที่จะต้องบอกว่า แบบนี้แหละที่เรียกว่า ตาบอดคลำช้าง
    ถ้าไม่เชื่อคนในสมัยปัจจุบันก็ควรดูในพระไตยปิฎก วิชามโนมยิทธิ ก็มี
    อิทธิฤทธิ์ต่างๆก็มี ถ้าไม่เชื่อในพระธรรมคำสอน ก็อย่าไปแย้งผู้ปฎิบัติเลย
    ถึงเขาจะเห็นจริงหรือไม่ ตัวอราเองก็ไม่รู้ ถ้าอยากรู้จริงๆก็ต้องชำระจิตเราเอง
    อุปมา สระน้ำ(มรรค)เมื่อผู้คนที่เปื้อนโคลนเมื่อลงไปในสระแล้วมิได้ทำการ
    ชำระล้างโคลนนั้นเมื่อขึ้นจากสระแล้ว ย่อมเปื้อนอยู่แถมผู้นั้นยังป่าวประกาศ
    ไปตามเวปบอร์ดต่างๆอีกว่า ทำ แล้วไม่เห็นอะไรเลยไม่ได้อะไรเลย ส่วน
    ผู้ที่เมื่อลงสระน้ำแห่งธรรมแล้ว ตั้งจิตตั้งใจขัดถูชำระกายเมื่อขึ้นจากสระก็มีแต่
    ความสะอาดทั้งกายและจิต

    ถ้าจะถามว่าเราทำได้ไหม ก็ขอตอบว่า การเห็นภาพทิพย์ตามความเป็นจริงนั้น
    ไม่ต้องถึงวิชามโนฯที่เป็นอภิญญาเล็กหรอก แค่ทำอุปจารฌาน ก็วสามารถเห็น
    ได้แล้ว ไม่ใช่ว่่าจะยากเย็นอะไรเลยอยู่ที่ว่าจะขึ้นจากสระแบบไหนเท่านั้น
     
  3. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    พอว่าไม่เป็นเมืองก็ว่า ว่าสูญ เอ้าแต่พอเป็นเมือง มันก็เป็นอัตตานะค่ะ อ้อฉันไม่ได้บอกว่า นิพพานสูญนะค่ะ และฉันก็ไม่ได้บอกว่านิพพานไม่ใช่เมือง
    ฉํนแค่ว่าอะไรที่ฉันยังไม่รู้ไม่เห็น ฉันก็ยังไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธปลอดภัยกว่า
    ส่วนคนที่ว่าเห็น ฉันก็แค่ถามว่า คุณรู้ได้ไงว่าที่คุณเห็นนั้นจริง แค่นั้นเอง

    ฉันว่าที่เป็นบ้านเมืองนี่ขัดพระไตรปิฏกนะค่ะ เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าไม่มีในโลกนี้โลกหน้า ก็คือไม่ใช่ภพภูมิดินแดนอะไร และก็มีที่ว่า ไม่ไปไม่มา แล้วที่ว่าไปนิพพาน เหมือนไปเที่ยวปักกิ่งกันนะ

    ไม่ขัดหรือค่ะ ขัดกับพระไตรปิฏกจังๆๆ ไหนว่า อะไรที่ขัดพระพุทธเจ้าผมไม่เอาด้วยไงค่ะ ส่วนสรรค์ แบบดาวดึงส์ของพระอินทร์ นรกอะไรที่เป็นภพเป็นภูมิอันนี้ฉันเข้าใจค่ะ แต่นิพพานท่านปฏิเสธไว้ว่าไม่ใช่นี่
    พุทธภูมิแบบอาม่าอาซิมท่านจะไปแล้วท่าถือศีลกินเจทำสมาธิสวด "นโม อามีทอฝอ" อันนี้ก็เข้าใจค่ะ แต่ก็ไม่ใช่นิพพานอยู่ดีอาม่าอาซิ้มก็รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  4. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    ฉันรู้ค่ะว่ามโนยิทธินั้นมี แต่มันมีความหมายเหมือนที่พวกคุณคิดหรือเปล่าฉันสงสัย ฉันเคยถามคนที่ว่าเขาฝึกาหลายคน แล้ว็เอาไปเทียบดูฉัว่ามันคนล่ะเร่องกับมโนยิทธิในพรไตรปิฏกเลย แต่แน่นอนคนเหล่านี้อาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสายคนอื่นเขาอาจจะเข้าใจถูกก็ได้ แต่ฉันไปถามคนที่เขายังมึนๆๆอยู่เอง

    ฉันไม่ได้ว่าอิทธิฤทธิ์ต่างๆไม่มีนะค่ะ ฉันแค่ว่าไม่เคยเห็นมีใครทำให้เห็นเหมือนที่เล่าให้ฉันฟังสักคนแค่นั้น

    แบบเหาะได้อะไรทำนองนี้ ถ้าเห็นฉันก็ได้รู้ว่าจริง ไม่เห็นฉันก็ต้องวางทางสายลางไว้ก่อนว่าอาจจะจริง ไม่ใช่เชื่อกัน่ายๆๆใครว่าทำได้เราก็เชื่อ

    กรณีอดีตพระวีรพล ก็เป็นตัวอย่าง

    จริงๆๆ อย่าเข้าใจฉันผิดไปขนาดนั้นว่าฉันมาค้านมาอะไร ฉันก็แค่ถามดูหาข้อมูลไปเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก ฉันก็แค่ถามเพราะอยากรู้อยากเข้าใจ สายหลวงพ่อฤาษีก็เคยปฏิบัติค่ะ ที่นั่งสมาธิได้ก็เพราะสายท่านนี่แหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  5. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    มโนมยิทธิในพระไตรปิฏก เป็นยังไง ช่วยอธิบายให้อ่านหน่อย ฝึกแบบไหน ใช้ยังไง ต่างจากที่สายหลวงพ่อฤาษีฯยังไงบ้าง(ที่คุณบอกว่าต่าง)
     
  6. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ ไม่รู้ว่าต่างหรือเปล่าเพราะไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่าค่ะ ถ้าผิดก็แก้ให้ด้วยนะค่ะ

    คือคนที่ปฏิบัติสายนี้ที่คุยด้วย เขาว่า ปฏิบัติเพื่อไปว่าเข้าเฝ้าพระ
    พุทธเจ้าในนิพพาน(เมืองแก้ว) แล้วก็บรรยายเป็นฉากๆๆ เขาว่าเป็นการปฏิบัติทางลัดให้เข้าสู่พระนิพพานได้โดยเร็วขึ้น จุดประสงค์ให้ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน โดยเริ่มเป็นพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ละสังโยชน์ ๑๐ และทำบารมี ๑๐ให้เต็ม


    ทีนี้พระพุทธองค์ตรัสในพระไตรปิฎกบอกว่านิพพานไม่มีสถานที่ไม่มีรูปร่างตัวตน ไม่มีทิศที่อยู่อาศัยของนิพพาน ไม่มีวิมานทิพย์เหมือนสวรรค์ของพวกเทวดา และมีว่าหลังจากทรงปรินิพพานแล้วมนุษย์และเทวดาจะไม่มีวันเห็นพระองค์อีก พระอรหันต์เข้าฌาน ตามพระองค์ไปแต่ก็ค้นหาพระวิญญาณของพระองค์ไม่เจอ และในเรื่องปางชี้มาร พระพุทธองค์ก็ชี้ให้สาวก
    เห็นว่าพญามารพยายามตามหาดวงวิญญาณของพระอรหันต์ที่นิพพานแล้วแต่หาไม่เจอแถมยังบอกว่าจิตที่บรรลุอรหันต์กำจัดอวิชชาลงได้แล้วจิตย่อมไม่ปรากฎให้เห็น เพราะขาดเหตุปัจจัยให้จิตเกิดมารับรู้อารมณ์ เป็นอิสระโดยสมบูรณ์

    แล้วที่เห็นคืออะไร ? นิมิตหรือเปล่าค่ะ
    มโนมยิทธิ(มโนมยิทธิญาณ)ในพระไตรปิฎกเป็นเรื่องของการโน้มน้อมจิตไปเพื่อนิรมิตรูปอันเกิดแต่ใจ คือ นิรมิตกายอื่นจากกายนี้ เท่านั้นเอง พูดง่ายๆๆว่า แยกร่าง อันเป็นส่วนหนึ่งของ อิทธิวิธี คือ ที่สามารถทำคนเดียวเป็นหลายคน(นิรมิตกายคนเดียวเป็นหลายคน) พระอรหันต์ที่เลิศทาง มโนมยิทธิ คือ พระจุลปันถกเถระ จะว่าเป็นการถอดจิตยังผิดยังคลาดเคลื่อนเลย มันไม่สามารถ พาคนไปนิพพานได้ คนไปนิพพานได้คือพระอรหันต์
    เท่านั้น(ว่าอย่างภาษาชาวบ้านนะค่ะ เพราะนิพพานไม่มาไม่ไป) อริยบุคคลชั้นอื่นแค่รู้วิธีไป แต่ยังไม่ได้ไปหรือไปไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  7. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ในพระไตรปิฏก มโนมยิทธิ นั้น ได้กล่าวถึงการถอดจิตออกไปแบบชักไส้ออกจากปล้อง
    ซึ่งตรงกับ มโนฯใหญ่สายหลวงพ่อฤาษีฯ ซึ่งคนที่สามารถทำมโนฯใหญ่ที่เรียกว่า"เต็มกำลัง"
    ส่วนที่ว่าออกไปที่พระนิพพานเมืองแก้วนั้น จะมีหรือไม่มีนั้นคนที่ไปเห็นเองแบบออกไปทั้งตัวถึงจะรู้
    ส่วนมโนฯเล็กหรือ"ครึ่งกำลัง"นั้นที่คุณเข้าใจว่าอาจจะคิดไปเองหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ
    คล้ายๆ ทิพจักขุฌาน เพียงแต่มโนฯ(อภิญญาเล็ก)จะแจ่มชัดกว่า เพราะคนที่ไปฝึกที่จะได้นั้น
    อย่างน้อยต้องเคยฝึกมาแล้วไม่ต่ำกว่า แสนชาติ ส่วนคนที่ไม่เคยทำมาก่อนพอมาฝึกแล้วไม่ได้ก็จะกลายเป็นว่า
    ตาบอดคลำช้าง ประมาณนี้ คนที่ทำได้จึงไม่มีอะไรให้สงสัย อุปมาของในหีบ
    เมื่อเปิดออกดูก็มองเห็นชัดเจน ส่วนคนที่ไม่ได้เปิดออกดูก็เดากันไปว่าของในหีบ คืออะไร

    ของทุกสิ่งในแสนโกฎจักรวาล ล้วนเกิดขึ้นมาภายหลังทั้งสิ้น มีเพียง ๒ สิ่งเท่านั้น ที่มีอยู่ก่อนแล้ว
    ๑.อากาศ
    ๒.พระนิพพาน
     
  8. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ เข้าใจว่า มันไม่ใช่ถอดจิตสิค่ะ มันเป็นแบบแยกร่างเป็นหลายๆๆคนเลยจากร่างเดียว แต่ล่ะร่างก็มีใจเป็นของตัวเองคือเป็นร่างใหม่นี่เนรมิตขึ้นมาด้วยใจ พระไตรปิฏกเขียนแบบนี้ว่าคือมโนมยิทธิญาณ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องถอดจิตไปไหนต่อไหน
    ถอดจิตนี่คือ ร่างอยู่นี่ แต่จิตออกไปจากร่างใช่ไหมค่ะ จิตจะโน้มไปไหนนั้นอีกเรื่อง ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า เรื่องถอดจิตของสายนี้

    "ภิกษุนั้น ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อนิรมิตรูปอันเกิดแต่ใจ คือ นิรมิตกายอื่นจากกายนี้
    มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง"
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑
    ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  9. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ค่อยๆพิจารณา
     
  10. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    มโนมยิทธิ แปลว่า ฤทธิทางใจ สามารถเนรมิตได้ เพราะเป็นอภิญญาเช่นกัน
    วิธีถอดกายในนั้น เกิดจากการ กำหนดจิตให้กายภายในเกิดขึ้นอีกกายมีรูปร่างหน้าตาแม้อวัยวะต่างครบถ้วน
    ถอดออกจากกายเนื้อนี้ไปในสถานที่ต่างๆ
    ส่วนการเนรมิตกายให้เกิดหลายๆคนของพระจุลปัฏฏกนั้น เป็นเหมือนก๊อปปี๊ เท่านั้น จะมีจริงก็คนเดียว
     
  11. justpon

    justpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +467
    พอว่าไม่เป็นเมืองก็ว่า ว่าสูญ เอ้าแต่พอเป็นเมือง มันก็เป็นอัตตานะค่ะ อ้อฉันไม่ได้บอกว่า นิพพานสูญนะค่ะ และฉันก็ไม่ได้บอกว่านิพพานไม่ใช่เมือง
    ฉํนแค่ว่าอะไรที่ฉันยังไม่รู้ไม่เห็น ฉันก็ยังไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธปลอดภัยกว่า
    ส่วนคนที่ว่าเห็น ฉันก็แค่ถามว่า คุณรู้ได้ไงว่าที่คุณเห็นนั้นจริง แค่นั้นเอง

    แล้วคุณเคยไขว่ขว้าหรือแสวงหาที่จะเห็นหรือไม่ ได้แต่เถียงหัวชนฝา ระวังจะปรามาสพระรัตนตรัยนะครับ จิตที่คิดก็ปรามาสแล้ว เห็นเอาแต่ เถียง ๆ ๆ ๆ ไม่เห็นว่าจะถามวิธีเห็น วิธีรู้ เคยลองไปปฏิบัติหรือเปล่าครับ อ้อแล้วที่บอกว่า ไม่มีเมือง ไม่มีวิมาน ถามว่าจิตเราจะลอยอยู่เฉย ๆ หรืออย่างไร

    ฉันว่าที่เป็นบ้านเมืองนี่ขัดพระไตรปิฏกนะค่ะ เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าไม่มีในโลกนี้โลกหน้า ก็คือไม่ใช่ภพภูมิดินแดนอะไร และก็มีที่ว่า ไม่ไปไม่มา แล้วที่ว่าไปนิพพาน เหมือนไปเที่ยวปักกิ่งกันนะ

    แปลศัพท์เป็นไหมครับ ไม่มีในโลกนี้และโลกหน้า คือ จิตจะไม่เคลื่อนไปไหนแล้ว ก็ตรงกับไม่ไปไม่มา คือ ไม่ต้องมาเกิดแล้ว ส่วนปักกิ่งนี้ ถามหน่อยเถอะว่า อ่านที่ผมเขียนแล้วแปลถูกไหม ไปอ่านใหม่นะ คำเปรียบเทียบยังแปลไม่ได้เลย

    ไม่ขัดหรือค่ะ ขัดกับพระไตรปิฏกจังๆๆ ไหนว่า อะไรที่ขัดพระพุทธเจ้าผมไม่เอาด้วยไงค่ะ ส่วนสรรค์ แบบดาวดึงส์ของพระอินทร์ นรกอะไรที่เป็นภพเป็นภูมิอันนี้ฉันเข้าใจค่ะ แต่นิพพานท่านปฏิเสธไว้ว่าไม่ใช่นี่
    พุทธภูมิแบบอาม่าอาซิมท่านจะไปแล้วท่าถือศีลกินเจทำสมาธิสวด "นโม อามีทอฝอ" อันนี้ก็เข้าใจค่ะ แต่ก็ไม่ใช่นิพพานอยู่ดีอาม่าอาซิ้มก็รู้

    คุณพูดอะไรผม งง มากกกก เรียบเรียงคำพูดใหม่หน่อย เอางี้นะครับ ถ้าแน่จริงไปฝึกมโนได้เลย ซอยสายลม วันเสาร์และ อาทิตย์นี้ แล้วคุณจะได้รู้เอง ที่ ซอย สายลม พหลโยธินซอยแปด ไปถึงก่อน 11 โมงนะครับ ถ้าไม่ไปก็แสดงว่าคุณไม่อยากรู้ ไม่ได้อยากรู้ และ ไม่คิดว่าจะรู้ เอาแต่มาค้านหัวชนฝาอย่างเดียว...
     
  12. justpon

    justpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +467
    ขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ เข้าใจว่า มันไม่ใช่ถอดจิตสิค่ะ มันเป็นแบบแยกร่างเป็นหลายๆๆคนเลยจากร่างเดียว แต่ล่ะร่างก็มีใจเป็นของตัวเองคือเป็นร่างใหม่นี่เนรมิตขึ้นมาด้วยใจ พระไตรปิฏกเขียนแบบนี้ว่าคือมโนมยิทธิญาณ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องถอดจิตไปไหนต่อไหน

    นี่คุณ อภิญญายังสามารถทำอะไรได้หลายแบบเลย คุณจะไปเอา เอกทัตถะทางมโนมยิทธิ มาเปรียบกับ ธรรมดาได้ยังไง แล้วมโนมยิทธิถ้าได้ยังได้ญานอีก 8 อย่างด้วย


    ถอดจิตนี่คือ ร่างอยู่นี่ แต่จิตออกไปจากร่างใช่ไหมค่ะ จิตจะโน้มไปไหนนั้นอีกเรื่อง ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า เรื่องถอดจิตของสายนี้

    ไปศึกษาเองดีกว่าไหมครับพูดไปคุณก็เถียงตลอด
    การไปด้วยมโนเนี่ยเป็นการนำเอาจิตหรืออทิสมนกาย ไป ที่เห็นเค้าเห็นนั่นนี่ เค้าไปครึ่งกำลัง หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ ท่านต้องการให้เห็นเฉย ๆว่า นรกมี สวรรค์มี พรหมมี นิพพานมี คนจะได้ไม่ทำบาป หากไปเต็มกำลังจะต้องออกไปเลยจิตกับกายแยกกัน ด้วยกำลังฌาน 4 ... แล้วถามว่าสายนั้นสายนี้ นี่คุณสายไหน เค้ามีแต่สายพระพุทธเจ้าเท่านั้น


    "ภิกษุนั้น ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อนิรมิตรูปอันเกิดแต่ใจ คือ นิรมิตกายอื่นจากกายนี้
    มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง"
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑
    ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

    คุณ สิ่งที่ผู้มีฌาน 4 อภิญญา พระพุทธเจ้า ความเป็นไปของโลก เป็นอจินไตยไม่ควรคิดเดี๋ยวบ้านะ เพราะคุณไม่ได้อะไรแบบเค้าจะรู้ได้ไงว่าเค้าทำอะไรได้ อย่างพระโมคคัลลานะ ตอนมรณะ โดยทุบตีจนตาย ยังประสานกายมาลาพระพุทธเจ้าได้เลย แล้วท่านทำได้ไง.... อยากรู้ต้องพิสูจน์นะครับ ซอยสายลม เชิญครับ
     
  13. justpon

    justpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +467
    ขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ ไม่รู้ว่าต่างหรือเปล่าเพราะไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่าค่ะ ถ้าผิดก็แก้ให้ด้วยนะค่ะ

    คือคนที่ปฏิบัติสายนี้ที่คุยด้วย เขาว่า ปฏิบัติเพื่อไปว่าเข้าเฝ้าพระ
    พุทธเจ้าในนิพพาน(เมืองแก้ว) แล้วก็บรรยายเป็นฉากๆๆ เขาว่าเป็นการปฏิบัติทางลัดให้เข้าสู่พระนิพพานได้โดยเร็วขึ้น จุดประสงค์ให้ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน โดยเริ่มเป็นพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ละสังโยชน์ ๑๐ และทำบารมี ๑๐ให้เต็ม

    คนที่นับถือหลวงพ่อวัดท่าซุง ส่วนใหญ่ ปฎิบัติเพื่อ มรรคผลนิพพานแทบทั้งสิ้น การฝึกมโนเนี่ย เค้าไม่ได้ต้องการให้รู้เห็นอะไรมากหรอก หลวงพ่อต้องการให้รู้จักพระนิพพานว่ามันไม่สูญ แล้วพระนิพพานอยู่ไหน เมื่อเรากำหนดจิตไปได้แล้วการไปที่นิพพานจิตเราจะว่างจากกิเลส เมื่อทำบ่อย ๆ เราจะได้ชินกับอารมณ์พระนิพพาน ที่คุณเข้าใจน่ะมันไม่ครบ เราเองไปไม่ได้หรอกเราต้องขอกำลังพระพุทธเจ้าท่าน เค้าจะมีขั้นตอนเยอะ คุณต้องลองไปเอง มันเป็น ปัจจัตตัง พอเรารู้อารมณ์นิพพานแล้ว เวลาพอมีอะไรเกิดขึ้นเราจะได้กำหนดจิตไปได้เลย เวลามีอารมณ รัก โลภ โกรธ หลง แล้วเราก็กำหนดจิตไป มันจะตัดเพราะกิเลสตามไม่ได้...หลวงพ่อต้องการแบบนี้ ไอ้ความรู้อื่นน่ะของแถม ส่วนการละสังโยชน์ 10 ก็ถูกแล้วไง ละได้หมดก็นิพพาน บารมีเต็มหมดก็นิพพาน เช่นกัน




    ทีนี้พระพุทธองค์ตรัสในพระไตรปิฎกบอกว่านิพพานไม่มีสถานที่ไม่มีรูปร่างตัวตน ไม่มีทิศที่อยู่อาศัยของนิพพาน ไม่มีวิมานทิพย์เหมือนสวรรค์ของพวกเทวดา และมีว่าหลังจากทรงปรินิพพานแล้วมนุษย์และเทวดาจะไม่มีวันเห็นพระองค์อีก พระอรหันต์เข้าฌาน ตามพระองค์ไปแต่ก็ค้นหาพระวิญญาณของพระองค์ไม่เจอ และในเรื่องปางชี้มาร พระพุทธองค์ก็ชี้ให้สาวก
    เห็นว่าพญามารพยายามตามหาดวงวิญญาณของพระอรหันต์ที่นิพพานแล้วแต่หาไม่เจอแถมยังบอกว่าจิตที่บรรลุอรหันต์กำจัดอวิชชาลงได้แล้วจิตย่อมไม่ปรากฎให้เห็น เพราะขาดเหตุปัจจัยให้จิตเกิดมารับรู้อารมณ์ เป็นอิสระโดยสมบูรณ์

    นี่คุณ ผิดแล้ว พระอนุรุทธ ท่านเห็นและรู้ได้ด้วยว่าพระองค์ก่อนปรินิพพานเข้าฌานแบบไหน ขั้น ไหน ไม่งั้นท่านจะบอกได้หรือว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว และถ้าไม่มีใครสามารถเห็นได้ เค้าจะรู้หรอว่ามีพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ กี่องค์เพราะท่านนิพพานก็ไม่มีใครสามารถเห็นได้นิ แล้วเรื่องมาร หาวิญญาณของพระโคธิกะน่ะ จะไปหาได้ไงท่านไปนิพพาน มารอยู่แค่สวรรค์กามาวจรจิตจะละเอียดได้อย่างไร ขนาดท้าวผกาพรหมยังหาพระพุทธเจ้าไม่เจอเลย


    แล้วที่เห็นคืออะไร ? นิมิตหรือเปล่าค่ะ

    ลองไปฝึกก่อนไหม นิมิตนี่เราจะรู้หรอว่า สภาพเป็นยังไง เคยเห็นหรอ รู้วิธีการฝึกไหม ไปลองดูดีกว่าครับ


    มโนมยิทธิ(มโนมยิทธิญาณ)ในพระไตรปิฎกเป็นเรื่องของการโน้มน้อมจิตไปเพื่อนิรมิตรูปอันเกิดแต่ใจ คือ นิรมิตกายอื่นจากกายนี้ เท่านั้นเอง พูดง่ายๆๆว่า แยกร่าง อันเป็นส่วนหนึ่งของ อิทธิวิธี คือ ที่สามารถทำคนเดียวเป็นหลายคน(นิรมิตกายคนเดียวเป็นหลายคน) พระอรหันต์ที่เลิศทาง มโนมยิทธิ คือ พระจุลปันถกเถระ จะว่าเป็นการถอดจิตยังผิดยังคลาดเคลื่อนเลย มันไม่สามารถ พาคนไปนิพพานได้ คนไปนิพพานได้คือพระอรหันต์
    เท่านั้น(ว่าอย่างภาษาชาวบ้านนะค่ะ เพราะนิพพานไม่มาไม่ไป) อริยบุคคลชั้นอื่นแค่รู้วิธีไป แต่ยังไม่ได้ไปหรือไปไม่ได้

    ฤทธิ์ทางใจทำได้หลายอย่าง มันไม่ได้ทำแบบเดียวหรอก มโนนี่ฝึกได้เห็นได้ แต่ตายยังไปไม่ได้นะครับ ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ไปอยู่ไม่ได้ ลองไปสัมผัสเถอะ แล้วจะรู้ ก่อนที่เคยไปฝึกครั้งแรก ไม่เคยเห็น ท่านปู่พระอินทร์ ท่านย่ามาก่อน แต่สิ่งที่เห็นคือเหมือนในภาพ เห็นภาพหลังจากที่ฝึกแล้วเลยคิดว่ามันใช่ ลองไปฝึกเถอะ แล้วจะรู้จะได้ไม่ต้องเถียง ผมกล้าท้าเลย.....
     
  14. justpon

    justpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +467
    ฉันรู้ค่ะว่ามโนยิทธินั้นมี แต่มันมีความหมายเหมือนที่พวกคุณคิดหรือเปล่าฉันสงสัย ฉันเคยถามคนที่ว่าเขาฝึกาหลายคน แล้ว็เอาไปเทียบดูฉัว่ามันคนล่ะเร่องกับมโนยิทธิในพรไตรปิฏกเลย แต่แน่นอนคนเหล่านี้อาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสายคนอื่นเขาอาจจะเข้าใจถูกก็ได้ แต่ฉันไปถามคนที่เขายังมึนๆๆอยู่เอง

    แล้วไปถามคน งง ๆ คุณจะรู้เรื่องหรอ ลองไปถามพระที่ท่านไปซอยสายลมดูสิจะได้รู้


    ฉันไม่ได้ว่าอิทธิฤทธิ์ต่างๆไม่มีนะค่ะ ฉันแค่ว่าไม่เคยเห็นมีใครทำให้เห็นเหมือนที่เล่าให้ฉันฟังสักคนแค่นั้น

    แล้วที่พระปิณโฑลภารทวาชเถระเหาะไปเอาบาตรมานี่คืออะไร พระโมคคัลลานะที่แสดงหลายวาระคืออะไร ทำไม่ได้ ไม่แสดงใช่ว่าไม่มี แต่ที่ไม่แสดงเพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้แสดง ส่วนตัวเจอปาฎิหารย์มาตลอดทั้งชีวิตเลยรู้สึกเฉย ๆ

    แบบเหาะได้อะไรทำนองนี้ ถ้าเห็นฉันก็ได้รู้ว่าจริง ไม่เห็นฉันก็ต้องวางทางสายลางไว้ก่อนว่าอาจจะจริง ไม่ใช่เชื่อกัน่ายๆๆใครว่าทำได้เราก็เชื่อ

    นี่คุณตรงกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงคิดเลย เพราะมัวแต่จะหาพระที่แสดงฤทธิ์ได้นี่แหละ พระอื่น ๆ เลยไม่มีคนไปหารู้ไหม พระอรหันต์เนี่ยมี 4 แบบ สุขขวิปัสสิโก (ไม่มีฤทธิ์) เตวิชโช วิชชา3 ฉฬภิญโญ ได้อภิญญา6 ปฏิสัมภิภัทปัตโต ทรงความรู้มีฤทธิ์ ...จะเห็นได้ว่าพระอรหันต์แบบแรกไม่มีฤทธิ์ ท่านแสดงไม่ได้ ถ้ามีคนแบบคุณทั้งหมด ท่านจะเอาอะไรฉัน เพราะคนจะแห่ไปหาพระที่แสดงฤทธิ์ได้ พระพุทธเจ้าเลยสั่งห้ามแสดงฤทธิ์..


    กรณีอดีตพระวีรพล ก็เป็นตัวอย่าง

    นั่นก็เป็นเรื่องของท่าน เราก็เป็นเรื่องของเรา มีศรัทธาถ้าไม่ประกอบไปด้วยปัญญาก็หลงง่าย ๆ เห็นพระที่นับถือพระเทวทัตไงครับ ควรจะมีปัญญาไตร่ตรองให้มาก ผมว่าตัวเองก็ไปกราบพระมาเยอะ แล้วก็เป็นพระที่น่ากราบแทบทั้งสิ้น ควรจะหา่ที่แน่ใจ ดูจากคำสอนท่านก่อนแล้วค่อยใช้ปัญญาตัวเอง แล้วลองทำดูว่าใช่หรือไม่ ไม่ใช่ได้ยินมาก็สักแต่เชื่อจนหน้ามืด ตามัว แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ ผมกล้าท้าให้ลองศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนเลย ว่าไม่ผิดเพี้ยนจากพระพุทธเจ้าเลย แถมหลวงพ่อยังรักพระพุทธเจ้ามาก ท่านเคยปรารภว่า ฉันจะไม่ให้พ่อของฉันตากแดดตากฝนเป็นอันขาด ( พระพุทธรูปที่วัดจะต้องมีวิหารครอบทุกองค์ ท่านรักพระพุทธเจ้ามาก )

    จริงๆๆ อย่าเข้าใจฉันผิดไปขนาดนั้นว่าฉันมาค้านมาอะไร ฉันก็แค่ถามดูหาข้อมูลไปเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก ฉันก็แค่ถามเพราะอยากรู้อยากเข้าใจ สายหลวงพ่อฤาษีก็เคยปฏิบัติค่ะ ที่นั่งสมาธิได้ก็เพราะสายท่านนี่แหละ

    ถามแล้วจะได้อะไร ไปปฎิบัติเลย ถามก็ได้แต่ตัวหนังสือ ถ้าถามแล้วรู้เค้าก็เป็นพระอริยเจ้ากันหมดแล้ว ... ท้าพิสูจน์
     
  15. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    อ้อใช่ค่ะ ฉันเข้าใจว่าแบบนี้ค่ะ แต่ของพระจุลปัฏฏกนั้น เหมือนจะเนรมิตกายให้เป็นแบบพรหม เป็นเทพชั้นนั้นฉันนี้ก็ได้ใช่ไหมค่ะ

    ทีนี้ ก็เรื่องไปนิพพานได้เพราะ มโนมยิทธิ นี่แหละค่ะ คือถ้าเนรมิตไปนรกสวรรค์ ก็ไม่แปลกใจอะไร แต่ที่ว่าไปเที่ยวนิพพานไปเห็นไปพูดคุยกับพระพุทธเจ้านี่แหละสงสัยค่ะ เพราะคนที่นิพพานไปแล้ว เราจะหาไม่พบ(ไม่ได้หมายถึงไม่มีนะ) ไม่ใช่หรือค่ะ เหมือนพระอรหันต์บางรูปท่านตามไปหาพระพุทธเจ้าแต่หาไม่พบ พญามารตามไปหา จิตพระอรหันต์ที่นิพพานทุกๆๆที่แต่ก็หาไม่พบอันนี้สงสัยนิดหนึ่ง ถามประดับความรู้หน่อยนะค่ะ
     
  16. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    ฉันว่าฉันไม่ค้านอะไรนะ ซอยสายลมก็เคยไปค่ะ งั้นจะรู้จักคนที่ปฏิบัติสายนี้ได้ไง ที่บอกเขางงนะ คือเขาว่าเขารู้เขาไม่งง แต่ฉันสงสัยว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า แล้วทึกทักเอาว่ารู้ เข้าใจไหมค่ะ คือเหมือนเขาคิดของเขาเอาว่าเขาปฏิบัติถูกแล้วตรงตามสาย แต่ที่สายอาจจะว่าผิดก็ได้ .......ฉันก็เลยว่าบางทีเขาอาจจะงง เขาจะงงจริงหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ เพราะส่วนใหญ่คนที่งงเขาจะว่าเขารู้เขาไม่งงเขาไม่บอกหรอกค่ะว่าตัวเองยัง งง อยู่

    ฉันเคยบอกไปแล้ว ว่าที่นั่งได้เพราะสายท่าน ฉันก็เห็นอ.ที่สอนก็ว่าใช่ แต่พอไปเจอพระอ.อีกรูปหนึ่งสายอื่น ท่านบอกนั้นแหละนิมิต เธอติดนิมิตแล้ว แล้วท่านก็สอนวิธีแก้ แต่ไม่พูดถึง และกันแล้วท่านก็เอาพระไตรปิฏกมายืนยันว่านิพพานไม่ใช่เมือง

    ไม่มาไม่ไปไม่ใช่ไม่เกิด นะค่ะ เพราะ ว่ามันจะมีต่อว่าไม่เกิดไม่ตายด้วย อันนี้เข้าใจค่ะ แต่ไอ้ไม่มาไม่ไป นี้ไม่เข้าใจ อย่างในวิสุทธิมรรคท่านว่านิพพานมี แต่คนที่ไปไม่มี คือ ท่านปฏิเสธว่าจะถอดจิตไปเที่ยวแบบปักกิ่งมันไม่ได้ ไม่ได้เหมือนนรกสวรรค์

    อีกอย่างหนึ่ง เลิกว่าคนที่เขาถามเขาสงสัยว่าปรามาสสักทีเถอะค่ะ ถ้าแค่ถามก็ว่าปรามาสซะแล้ว งั้นก็น่าแปลกที่พระพุทธเจ้าสอนให้ถามให้สงสัยแม้แต่ตัวพระพุทธเจ้าเอง จนกว่าจะได้พิสูตรแล้วค่อยเชื่อ แล้วทำไมถึงยังว่า ปรามาสอีกค่ะ.......คนอื่นที่เขาไม่เชื่อเขาก็พยายามมาเถียงพระพุทะเจ้ายังไม่ว่าปรามาสท่านเลยท่านก็อธิบายให้เข้าใจ ได้ถ้าทำได้ แต่ใครที่รั้นมากๆๆท่านก็เฉย แต่ฉันไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะวางใจได้
    ส่วนเรื่องพระอนุรุทธะท่านเข้าญาณดูว่าพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพานเข้าญาณไหนอันนั้นรู้ค่ะ แต่หลังปรินิพพานพระพุทธเจ้าไปไหนท่านไม่เห็น ไม่รู้ อันนี้คือปรินิพพานไปแล้วนะค่ะไม่ใช่ก่อนที่มีอยู่ในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าจะไม่มีใครเห็นท่านอีกหลังปรินิพพานไม่ว่ามาร เทวดา อะไรทำนองนี้ และมีอีกที่ท่านว่าก็เหมือนไฟดับเธอบอกได้ไหม?ว่าไฟที่ดับไปอยู่ไหน?

    ส่วนมารอยู่แค่สวรรค์กามาวจรจิตจะละเอียดได้อย่างไร ขนาดท้าวผกาพรหมยังหาพระพุทธเจ้าไม่เจอเลย ถ้าว่างี้แล้วคนที่อ้างว่าไปเห็นพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ในสมาธิ ในเมืองแก้วล่ะค่ะ นี่มนุษย์โลกนะค่ะ ต่ำกว่ามารกว่าพรหมอีกค่ะ ขนาดมารและพรหมจิตละเอียดกว่ายังหาไม่พบแล้วที่อ้างกันว่าพบจะว่ายังไง



    เหมือนพระอุปคุตท่านปราบพญามารแล้ว ตอนหลังท่านอยากจะรู้ว่าพระพุทธเจ้ารูปร่างหน้าตายังไง ท่านก็ขอให้พญามารที่อยู่ทันจนได้เห็นแปลงกายให้ดู ฉันไม่ได้มัวแต่หาพระทีแสดงฤทธิ์ได้นะค่ะ ฉันเอาแค่สอนถูกก็พอใจแล้วค่ะ แต่ฉันเห็นที่ประกาศตัวกันใหญ่นี่เยอะแต่พอถามดูถ้าไม่โกรธ ไม่หาว่าเราปรามาส ก็บอกว่าแสดงให้ดูไม่ได้ แต่ทำไมเล่าเป็นฉากๆๆได้ ก็แค่นั้นฉันก็สงสัยว่าตกลงทำได้จริงไหม? ถ้าไม่เห็นฉันก็ยังไม่ลงความเห็นไปตรงๆๆว่าท่านทำได้จริงก็แค่นี้ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไม่ได้จริง ชัดเจนนะค่ะ

    อีกอย่างพระปิณโฑลภารทวาชเถระเหาะไปเอาบาตรมานี่คืออะไร สุดท้ายไม่ใช่โดนพระพุทธเจ้าตำหนิหรือค่ะ พระโมคคัลลานะที่แสดงหลายวาระคืออะไร ท่านแสดงเพื่อปราบคนเมาฤทธิ์ไม่ใช่หรือค่ะ ไม่ใช่เอาไว้พูดลอยๆๆเหมือนพระยุคนี้ อีกอย่าง เราก็ไม่ได้เกิดทัน พระปิณโฑลภารทวาชเถระหรือพระโมคคัลลานะ แล้วเรารู้ได้ไงว่าท่านทำได้จริง เราจะเชื่อง่ายไปหรือเปล่าในสิ่งที่เราไม่ได้เห็นจริง ฉันไม่ได้ว่าท่านทำไม่ได้นะค่ะ แต่แค่ถามความเชื่อของคนยุคนี้หน่อยว่าทำไมเชื่อกันง่ายจัง จริงๆๆท่านจะทำได้หรือไม่ไม่สำคัญหรอกค่ะ ฉันว่าเพราะคุณวิเศษของพระไม่ได้วัดที่เรื่องพวกนี้

    ส่วนมโนยิทธิ ไม่ใช่วิธีไปนิพพานนะค่ะ ไม่ใช่แม้วิธีปฏิบัติกรรมฐาน แต่เป็นเรื่องวิชชาแปดเป็นผลมาจากการปฏิบัติกรรมฐานเกิดเป็นความรู้วิเศษ 8 อย่าง ตัวที่ทำให้หมดสังโยชน์ไปน่าจะเป็นอาสวักขยญาณ คือความรู้ที่ทำให้หมดกิเลส วิปัสสนาญาณ ปัญญาที่พิจารณาเห็นสังขาร โดยไตรลักษณ์ ส่วน มโนมยิทธิ ฤทธิ์สำเร็จด้วยใจ ฤทธิ์ทางใจ ทำให้สามารถนิรมิตกายอื่นจากร่างกายของตนได้
    ล่ะสังโยชน์ไม่ได้ว่าตามตำรานะค่ะ แต่ถ้าจะว่าปฏิบัติแบบอื่นแล้วได้ มโนยิทธิและอื่นๆๆ เป็นของแถมก็ไม่ว่ากันค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2013
  17. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    พิจารณาดู
     
  18. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    พระธรรมกายนั้นมันสายธรรมกายไม่ใช่หรือค่ะ มันเป็นอัตตานี่ถ้าจะตีความแบบนั้น แต่พระธรรมกายในพระสูตรก็คือปฏิจจสมุปบาท คือต้องเห็นธรรมคือเห็นพระองค์ไม่ใช่ดวงกลมๆๆ สายมหายานก็พูดแบบนี้ เขามีตรีกาย กายเนื้อคือนิรมาณกาย ธรรมกายก็อย่างที่ว่า และก็มีสัมโภคกาย ในรูปแบบพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิ แต่พุทธภูมิไม่ใช่นิพพาน ในทัศนะของมหายาน ในทัศนะของเถรวาทยืนยันว่ามีโลกธาตุอื่นเหมือนกันแต่ที่ยืนยันเหมือนมหายานก็คือนิพพานไม่ใช่โลกธาตุ และ ในพระไตรปิฏก มีแค่สองกายไม่มีนิรมาณกายเป็นมหายานคิดเอง และธรรมกายก็ตีความต่างออกไปจากสำนักธรรมกายด้วยแต่ตีความเหมือนกันทั้งมหายานกับเถรวาท ขอคำแนะนำทีค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2013
  19. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ที่ผมโพสต์ธรรมนั้น ให้เข้าใจก่อนว่า ผมไม่เอานิกายมหายาน ผมยึดของเถรวาทเท่านั้น
    ขอถามก่อนว่า คุณอาจจะไม่เชื่อพระเกจิอาจารย์บางรูปบางองค์ หรือถ้าคุณจะไม่ยอมรับทุกรูป
    เพราะคุณไม่เคยเห็นท่านทั้งหลายแสดงให้คุณดู เพราะคุณไม่แสวงหาได้แต่พูดว่าไม่เห็นไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์(เชื่อไม่หมด)
    หลักใหญ่ของพระพุทธศาสนานั้นคือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช
    ปริยัติ นั้น เรียนเพื่อให้รู้จัก จะได้นำมา
    ปฎิบัติ นั้น จะทำให้รู้จริง ตรงนี้ถ้าไม่ปฎิบัติก็ไม่รู้ไม่เห็นพระพุทธองค์ เพราะมัวแต่ รู้จัก แต่ในพระไตรปิฏกเท่านั้น
    ไหนเลยจะเข้าใจและเห็นแบบที่ผู้อื่นเห็นได้ ให้เข้าใจตรงนี้ด้วย
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ขออนุโมทนากับคุณ นางมะลิ ครับ เพราะคุณมีปัญญาในทางธรรมมากและรอบรู้มาก จึงถามเช่นนั้นออกไป คนที่ฟังคำถามกลับไม่เข้าใจจุดประสงค์หรือเจตนา ก็เลยเข้าใจไปคนละอย่าง

    ด้วยการปฏิบัติธรรมและศึกษาพระธรรมมามากก็ขอร่วมอธิบายว่า

    พระนิพพานนั้น เกิดขึ้น ที่ใด คือเกิดขึ้นที่จิตเท่านนั้น

    แต่จิตที่นิพพานแล้ว ย่อมไม่ข้องแวะยึดติดอยู่ในส่วนใดอีกแล้ว จึงมีอิสระแล้ว
    จิตนิพพานหรือจิตอรหันต์ทั้งหลายย่อมมีสภาพเช่นเดียวกันจึงไปรวมอยู่ในดินแดนแห่งหนึ่ง เราอุปโหลกเรียกดินแดนนั้นว่า เมืองพระนิพพาน ซึ่งแท้จริงเป็นสภาวะหนึ่ง มีสภาพคือว่าง เปล่า ส่วนจิตของพระอรหันต์ในสภาวะนี้ บางดวงจิตก็ว่างเปล่า บางดวงจิตก็ประภัสสร ประกายพฤต ก็แล้วแต่ แต่เมื่อมองไปโดยรอบแท้จริงคือว่างเปล่าครับ

    คงพอจะเข้าใจนะครับ ส่วนที่ฝึกมโนมยิทธิไปกันนั้น คือเขาน้อมจิต ส่งกระแสจิตไปยังดินแดนดังกล่าว น้อมจิตไปที่สภาวะดังกล่าวก็เท่านั้นครับ ก็เป็นไปตามนั้นครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...